ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1066 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 21301 - 21320 จากข้อมูลทั้งหมด 124293 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21301 | แนวทางการขอรับจัดสรรและหลักเกณฑ์การพิจารณางบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป | นร07 | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการขอรับจัดสรรและหลักเกณฑ์การพิจารณางบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. แนวทางการขอรับจัดสรรงบประมาณ ๑.๑ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ รวมทั้งกำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัด ที่สามารถติดตามประเมินผลได้ ประกอบคำของบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ๑.๒ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น จัดทำคำขอรับจัดสรรงบประมาณพร้อมแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเสนอรัฐมนตรีเจ้าสังกัด พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนส่งสำนักงบประมาณ ๑.๓ ขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติ ๑.๓.๑ รายการที่มีวงเงินไม่เกิน ๑๐ ล้านบาท สำนักงบประมาณพิจารณาให้ความเห็นชอบและเสนอนายกรัฐมนตรี เมื่อนายกรัฐมนตรีรับทราบ สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติจัดสรรงบประมาณ ๑.๓.๒ รายการที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑๐-๑๐๐ ล้านบาท สำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมและเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ เมื่อนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณ กรณีนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบและให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติสำนักงบประมาณแจ้งส่วนราชการนำเรื่องเสนอรองนายกรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการ และสำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติจัดสรรงบประมาณเมื่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการแล้ว กรณีนายกรัฐมนตรีไม่เห็นชอบ สำนักงบประมาณแจ้งส่วนราชการทราบ ๑.๓.๓ รายการที่มีวงเงินเกิน ๑๐๐ ล้านบาท สำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมและเสนอนายกรัฐมนตรี เมื่อนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ สำนักงบประมาณแจ้งส่วนราชการให้เสนอรองนายกรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการ ๒. หลักเกณฑ์การพิจารณารายการที่ขอรับจัดสรรงบประมาณ ๒.๑ เป็นรายการที่สนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และนโยบายของรัฐบาลตามแนวทางปฏิรูปในการสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง ๒.๒ เป็นรายการที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป วงเงิน ๓๒,๖๖๑,๐๒๗,๓๐๐ บาท ๒.๓ เป็นรายการที่มีความพร้อมดำเนินการได้ทันที ๒.๓.๑ กรณีงบลงทุน (๑) ครุภัณฑ์ : มีคุณลักษณะเฉพาะ มีประมาณการราคาหรือผลการสอบราคา และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมรองรับครุภัณฑ์ รวมทั้งมีการตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องแล้ว และ (๒) สิ่งก่อสร้าง : มีรายละเอียดแบบรูปรายการและประมาณราคา มีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ รวมทั้งมีการตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องแล้ว ๒.๓.๒ กรณีงบรายจ่ายอื่น ๆ มีแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และประมาณการค่าใช้จ่ายตามเกณฑ์มาตรฐานทางราชการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||
21302 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.พ. (สำนักนายกรัฐมนตรี) (จำนวน 3 ราย) | นร10 | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงาน ก.พ. สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.พ. สำนักงาน ก.พ. จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ดังนี้
๑. แต่งตั้ง นางชุติมา หาญเผชิญ ซึ่งมีคุณสมบัติครบถ้วน (อาวุโสสูงสุดและครองตำแหน่งประเภทวิชาการครบ ๒ ปี ตามที่กำหนด) ๒. ให้ยกเว้นการครองตำแหน่งประเภทวิชาการที่ไม่ครบกำหนด ๒ ปี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง จำนวน ๒ ราย ได้แก่ นายภาณุ สังขะวร และนายปิยวัฒน์ ศิวรักษ์
|
|||||||||||||||||||||
21303 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (จำนวน 5 ราย 1. นายพงศ์บุณย์ ปองทอง ฯลฯ) | ทส | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายพงศ์บุณย์ ปองทอง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางสุณี ปิยะพันธุ์พงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางเปรมพิมล พิมพ์พันธุ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายสากล ฐินะกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายเสริมยศ สมมั่น ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||
21304 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร (จำนวน 5 คน 1. นายปรเมธี วิมลศิริ ฯลฯ) | กค | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร จำนวน ๕ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งมาครบวาระสองปีแล้ว เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๘ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ มีนาคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายปรเมธี วิมลศิริ ๒. นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ๓. นายสุรชาติ จันทวัชรากร ๔. ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ๕. นายชัชวาล จันทร์แสงสุก
|
|||||||||||||||||||||
21305 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (นายวรวิทย์ จำปีรัตน์) | กค | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ ประธานกรรมการในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะครบวาระ ๔ ปี ในวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๙ ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นวาระที่สอง ตามคำแนะนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
21306 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น (จำนวน 4 คน 1. นายสุชัย สถาพร ฯลฯ) | พณ | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น จำนวน ๔ คน ตามพระราชบัญญัติคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ มีนาคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. นายสุชัย สถาพร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกิจการคลังสินค้า ๒. นางสาวสุวิมล พงศ์พิทยานันต์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกิจการไซโล ๓. นายสุวันชัย แสงสุขเอี่ยม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกิจการห้องเย็น ๔. นายวศิน ไสยวรรณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกิจการธนาคารพาณิชย์
|
|||||||||||||||||||||
21307 | แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 (นายโอภาส กลั่นบุศย์) | อก | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายโอภาส กลั่นบุศย์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นกรรมการในคณะกรรมการบริหารกองทุนตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ แทนนายสรรเสริญ อัจจุตมานัส ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ มีนาคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
21308 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตำแหน่ง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (กระทรวงแรงงาน) (พลตรี ธนิส พิพิธวณิชการ) | รง | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง พลตรี ธนิส พิพิธวณิชการ เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ มีนาคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
21309 | แต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายวิทยา ผิวผ่อง) | นร04 | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายวิทยา ผิวผ่อง ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
21310 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 10/2559 เรื่อง การขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 11/2559 เรื่อง การบริหารราชการของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค | สลธ.คสช. | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๙ เรื่อง การขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค สั่ง ณ วันที่ ๒๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ (กำหนดให้มีคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค) ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๑/๒๕๕๙ เรื่อง การบริหารราชการของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค สั่ง ณ วันที่ ๒๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ (กำหนดให้มีสำนักงานศึกษาธิการภาค จำนวนสิบแปดภาค)
|
|||||||||||||||||||||
21311 | การมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี (เพิ่มเติม) | นร04 | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่อง การมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี (เพิ่มเติม) [คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๖๕/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์แห่งชาติ] ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
21312 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | อื่นๆ | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๒๐/๒๕๕๙ วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
21313 | การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2555 - 2557 และการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | อื่นๆ | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๘ และ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๘ และเรื่อง การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗) รวมทั้งมีมติเมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง รายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙) นั้น โดยที่ขณะนี้มีส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐจำนวนหลายหน่วยงานที่คาดว่าจะไม่สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณโครงการตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลได้ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว จึงให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐดำเนินการ ดังนี้
๑. กรณีการขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี ให้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗) ทั้งนี้ หากหน่วยงานใดมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการโครงการต่อ ให้เสนอกระทรวงการคลังเพื่อดำเนินการรวบรวมและกลั่นกรองเหตุผลความจำเป็นและความเหมาะสมในการขยายระยะเวลา เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๒. กรณีการขอขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันงบลงทุน สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้ปฏิบัติตามหนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๖/ว ๖๒ ลงวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙) อย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||
21314 | การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 2 เมษายน 2559 | เวียน | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๙ เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จึงเห็นควรให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเตรียมการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคลในโอกาสดังกล่าวอย่างสมพระเกียรติ และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นตัวแทนนำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๙ เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าว นายกรัฐมนตรีติดภารกิจราชการต่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
21315 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ดังนี้
๑. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านจัดทำแผนการปฏิรูปภารกิจที่สำคัญในความรับผิดชอบที่จะดำเนินการในช่วงปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ โดยให้ความสำคัญกับการบูรณาการทั้งในเชิงการบริหารงานและการบริหารงบประมาณ ทั้งนี้ ให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาภายในวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) พิจารณากำหนดแนวทางในการบูรณาการคณะกรรมการต่าง ๆ ที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องกันซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี หรือตั้งขึ้นโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยเริ่มจากคณะกรรมการที่มีภารกิจด้านเกษตร เป็นอันดับแรก และให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาภายในเดือนเมษายน ๒๕๕๙ ๓. ตามที่ขณะนี้ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากประเทศจีนปล่อยน้ำจากเขื่อนลงสู่แม่น้ำโขง นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสูบน้ำจากแม่น้ำโขงเพื่อสำรองไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร ๔. ตามที่ได้มีข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) พิจารณาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนร่วมลงทุนก่อสร้างสถานที่จอดรถใต้ดิน นั้น ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) เร่งดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว รวมทั้งจัดทำแผนการดำเนินการก่อสร้างสถานที่จอดรถใต้ดินโดยเฉพาะบริเวณทำเนียบรัฐบาลและถนนราชดำเนิน
|
|||||||||||||||||||||
21316 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่น ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร07 | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เกี่ยวกับภาพรวมการจัดการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำแนกตามกระทรวงและหน่วยงาน ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. รับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ประกอบด้วยผลการดำเนินงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นเกี่ยวกับภาพรวมการจัดการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำแนกตามกระทรวงและหน่วยงาน ที่สำนักงบประมาณเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21317 | การปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการประสานงาน รวม 3 ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) | นร | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๔๕/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) เสนอ ดังนี้
๑. ปรับปรุงข้อความในองค์ประกอบของคณะกรรมการ ลำดับที่ ๑.๑-๑.๔ ของคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๓๖/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) จาก “ที่ปรึกษาคณะกรรมการ” เป็น “ที่ปรึกษา/กรรมการ” ตั้งแต่วันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ๒. เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการ ลำดับที่ ๑.๔ ตามข้อ ๑ จาก “รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ คนที่สอง (นางสาววลัยรัตน์ ศรีอรุณ)” เป็น “นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ที่ปรึกษา/กรรมการ” ๓. เพิ่มเติม คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ เป็นองค์ประกอบของคณะกรรมการในส่วนของสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศที่ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศมอบหมาย
|
|||||||||||||||||||||
21318 | หลักเกณฑ์และวิธีการเยียวยาให้แก่ข้าราชการตำรวจผู้ได้รับผลกระทบจากความเหลื่อมล้ำของอัตราเงินเดือน และยกร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ .. ) พ.ศ .... (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) | ตช | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการเยียวยาให้แก่ข้าราชการทหารผู้ได้รับผลกระทบจากความเหลื่อมล้ำของอัตราเงินเดือนข้าราชการทหาร มีสาระสำคัญเป็นการบรรเทาปัญหาความเหลื่อมล้ำของอัตราเงินเดือนข้าราชการทหารผู้รับเงินเดือน ป.๑, ป.๒, น.๔, น.๕, น.๖ และ น.๗ ในระหว่างการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๑๑/๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำของอัตราเงินเดือนข้าราชการทหารกับข้าราชการประเภทอื่น ประกอบกับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ ให้สำนักงาน ก.พ. กระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งดำเนินการเยียวยาให้ข้าราชการในหน่วยงานตนได้รับเงินเดือนหรือเงินประจำตำแหน่งที่เหมาะสมและเป็นธรรม และเห็นชอบให้ถอนร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และหลักเกณฑ์และวิธีการเยียวยาให้แก่ข้าราชการทหารผู้ได้รับผลกระทบจากความเหลื่อมล้ำของอัตราเงินเดือนออกจากชั้นการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการเยียวยาให้แก่ข้าราชการตำรวจผู้ได้รับผลกระทบจากความเหลื่อมล้ำของอัตราเงินเดือนข้าราชการตำรวจ มีสาระสำคัญเป็นการบรรเทาปัญหาความเหลื่อมล้ำของอัตราเงินเดือนข้าราชการตำรวจผู้รับเงินเดือนระดับ ส.๔, ส.๕, ส.๖ และ ส.๗ ในระหว่างการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๖๘/๑ แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำของอัตราเงินเดือนข้าราชการตำรวจกับข้าราชการประเภทอื่น ประกอบกับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ ให้สำนักงาน ก.พ. กระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งดำเนินการเยียวยาให้ข้าราชการในหน่วยงานตนได้รับเงินเดือนหรือเงินประจำตำแหน่งที่เหมาะสมและเป็นธรรม โดยเป็นการกำหนดอัตราและวิธีการเยียวยาเช่นเดียวกับหลักเกณฑ์และวิธีการเยียวยาให้แก่ข้าราชการทหาร ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ๓. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาตินำร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาทบทวนตามความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ. คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป เกี่ยวกับการเยียวยาความเหลื่อมล้ำสามารถดำเนินการได้โดยหลักเกณฑ์และวิธีการเยียวยาให้แก่ข้าราชการตำรวจผู้ได้รับผลกระทบจากความเหลื่อมล้ำของอัตราเงินเดือนตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ จึงไม่มีความจำเป็นต้องเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ และควรพิจารณาทบทวนร่างหลักเกณฑ์และวิธีการเยียวยาให้แก่ข้าราชการตำรวจผู้ได้รับผลกระทบจากความเหลื่อมล้ำของอัตราเงินเดือน (กรณีหลักเกณฑ์และวิธีการเยียวยาฯ) จะมีผลกระทบต่องบประมาณรายจ่ายของรัฐในการคำนวณเงินบำเหน็จบำนาญตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ (เรื่อง ค่าตอบแทนของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐประเภทต่าง ๆ ) รวมทั้งการปรับปรุงบัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการตำรวจนั้น ควรพิจารณาพร้อมกับการปรับปรุงค่าตอบแทนของข้าราชการทั้งระบบ เพื่อมิให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำของค่าตอบแทนของข้าราชการประเภทต่าง ๆ ที่มีอัตราค่าตอบแทนยึดโยงกัน |
|||||||||||||||||||||
21319 | การดำเนินการเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ | อื่นๆ | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานการดำเนินการเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญ ดังนี้
๑. ในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... เกี่ยวกับการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๙ ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมถ้อยคำและร่างบทบัญญัติบางมาตรา ซึ่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบ ตามมติที่ประชุมร่วมคณะรัฐมนตรีและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ๒. สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ลงมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๙ ๓. คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีหนังสือถึงคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับข้อเสนอแนะในการแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยตามมติที่ประชุมร่วมระหว่างหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๙ ที่ให้กำหนดบทเฉพาะกาลในช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อรักษาไว้ซึ่งความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยของประเทศ และให้เกิดความยั่งยืนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21320 | รายงานผลการประชุมผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูงของประเทศกลุ่ม 77 ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา และการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือเอเซีย ครั้งที่ 14 | กต | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรายงานเกี่ยวกับผลการประชุมผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูงของประเทศกลุ่ม ๗๗ ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา และการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือเอเซีย ครั้งที่ ๑๔ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชุมผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูงของประเทศกลุ่ม ๗๗ ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา ๑.๑ เมื่อวันที่ ๙-๑๐ มีนาคม ๒๕๕๙ ประเทศไทยในฐานะประธานกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ๗๗ ประเทศ (Group of 77 : G77) ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูงประเทศกลุ่ม G77 เพื่อหารือแนวทางการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา (ความร่วมมือใต้-ใต้) ให้เป็นรูปธรรมและยั่งยืนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ ร่วมกัน และได้จัดให้มีการศึกษาดูงาน ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับตัวอย่างความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมของการพัฒนาที่ยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นอกจากนี้ ประเทศไทยร่วมกับประธานกองทุน Perez-Guerrero Trust Fund for South-South Cooperation (PTGF) มีแผนที่จะจัดสรรเงินส่วนหนึ่งที่ประเทศไทยบริจาคเข้ากองทุนความร่วมมือใต้-ใต้ ให้แก่โครงการของประเทศกำลังพัฒนาที่สนใจนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ด้วย ๑.๒ เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๙ กระทรวงการต่างประเทศได้จัดการประชุมประจำปี ครั้งที่ ๔๗ ระหว่างประธานและผู้ประสานงานของกลุ่ม G77 เพื่อหารือแนวทางที่จะให้กลไกสำคัญของกลุ่ม G77 มีเอกภาพและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งสามารถขับเคลื่อนให้กลุ่ม G77 บรรลุเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยกระทรวงการต่างประเทศได้มอบหมายให้เอกอัครราชทูตไทยประจำเมืองที่เป็นจุดประสานงานร่วมทำงานเชิงรุกกับจุดประสานของกลุ่ม G77 และผลักดันการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ผ่านการทำงานของกลุ่ม ๗๗ ในจุดประสานงานต่าง ๆ ด้วย ๒. การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) เมื่อวันที่ ๙-๑๐ มีนาคม ๒๕๕๙ กระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ACD ครั้งที่ ๑๔ ภายใต้หัวข้อ “ACD-The Way Forward” ผลการประชุมสรุปได้ ดังนี้ ๒.๑ ที่ประชุมพิจารณารับสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลเข้าเป็นสมาชิกใหม่ลำดับที่ ๓๔ อย่างเป็นทางการ และเห็นชอบการจัดทำวิสัยทัศน์ความร่วมมือเอเชีย ค.ศ. ๒๐๓๐ รวมทั้งสนับสนุนให้มีการต่อยอดการศึกษาแผนพัฒนาความเชื่อมโยงในภูมิภาค ACD บนพื้นฐานของความร่วมมือในกรอบภูมิภาคต่าง ๆ ที่มีอยู่ ๒.๒ ที่ประชุมสนับสนุนข้อริเริ่มของไทยเกี่ยวกับการปรับปรุงสาขาความร่วมมือของ ACD จากเดิม ๒๐ สาขา เป็น ๖ สาขา ได้แก่ (๑) ความเชื่อมโยง (๒) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนวัตกรรม (๓) การศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (๔) ความเชื่อมโยงระหว่างความมั่นคงทางอาหาร พลังงาน และน้ำ (๕) การท่องเที่ยวและวัฒนธรรม และ (๖) วิถีทางเลือกสู่การพัฒนาอย่างทั่วถึงและยั่งยืน โดยอยู่บนพื้นฐานของความสมัครใจของประเทศสมาชิกที่จะเสนอตัวเป็นผู้ขับเคลื่อนในแต่ละสาขา รวมทั้งสนับสนุนข้อเสนอของไทยในการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงภาคธุรกิจของ ACD หรือ “ACD Connect” โดยคำนึงถึงจุดแข็งและเป้าหมายร่วมของเอเชียภายใต้ ๖ คลัสเตอร์ (อาหาร พลังงาน นวัตกรรม การพัฒนาความเชื่อมโยง การท่องเที่ยว และการส่งเสริมแนวทางสู่การพัฒนาอย่างทั่วถึงและยั่งยืน) โดยไทยเสนอให้มีการหารือร่วมกันของตัวแทนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของ ACD และนำเสนอข้อเสนอแนะในการขับเคลื่อนความร่วมมือ ACD กับผู้นำในช่วงการประชุม ACD Summit ครั้งที่ ๒ ด้วย ๒.๓ ที่ประชุมเห็นพ้องให้มีการจัดตั้งคณะศึกษาระดับสูงเพื่อพิจารณายกระดับสำนักงานเลขาธิการ ACD ชั่วคราวซึ่งตั้งอยู่ ณ คูเวต เป็นสำนักเลขาธิการถาวร
|
.....