ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 22 จากทั้งหมด 55 หน้า แสดงรายการที่ 421 - 440 จากข้อมูลทั้งหมด 1093 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
421 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 23/2559 เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ของผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(องค์การมหาชน) และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 24/2559 เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง | สลธ.คสช. | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๓/๒๕๕๙ เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ของผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) สั่ง ณ วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๔/๒๕๕๙ เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง สั่ง ณ วันที่ ๑๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||||||||
422 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี | นร | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รายงานข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนี้
๑. รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานเกี่ยวกับการเดินทางเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และการหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐฟิจิ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ๑.๑ การเข้าร่วมกิจกรรมในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ในฐานะประธานกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติพร้อมคณะได้เป็นเจ้าภาพถวายพระกระยาหารค่ำแด่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ในโอกาสเสด็จทรงร่วมงานเทศกาลฯ และทรงเป็นประธานงาน Thai Night เพื่อประชาสัมพันธ์อุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ของไทย รวมทั้งได้เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่าง ๆ ซึ่งการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้แสดงถึงศักยภาพและความพร้อมของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยในการร่วมลงทุนกับต่างชาติ รวมทั้งความเหมาะสมของสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ ๑.๒ การหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐฟิจิ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้พบหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐฟิจิ ในโอกาสเดินทางเข้าร่วมการประชุมประจำปีสมัยที่ ๗๒ ของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (UNESCAP) ที่ประเทศไทย โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมบทบาทในฐานะหุ้นส่วนการพัฒนาที่สำคัญ เช่น การส่งเสริมความสัมพันธ์ในทุกด้านโดยเฉพาะการค้าการลงทุน ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาหมู่เกาะแปซิฟิก การให้ความช่วยเหลือของไทยแก่ฟิจิกรณีเหตุภัยพิบัติ การจัดทำบันทึกความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการทหาร การให้สิทธิขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองไทย (Visa on Arrival) กับผู้ถือหนังสือเดินทางฟิจิ ในการนี้ ฝ่ายไทยได้ขอรับการสนับสนุนการสมัครเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๑๘ ด้วย ๒. รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานว่า ๒.๑ คณะกรรมการบูรณาการด้านพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ โดยสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) และหน่วยงานต่าง ๆ เช่น องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ หอสมุดแห่งชาติได้ดำเนินโครงการ “ปิดเทอมนี้... สนุกคิด... สนุกเรียนรู้... สู่อนาคต” เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนและประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้โดยตรงจากพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ และใช้เวลาว่างในช่วงปิดเทอมให้เป็นประโยชน์ ระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน ๒๕๕๙ และในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ มีแผนในการดำเนินโครงการติดปีกความรู้ ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน และโครงการรวบรวมข้อมูลพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้เพื่อเป็นศูนย์กลางข้อมูลองค์ความรู้ การให้บริการ และกิจกรรมที่จัดในแหล่งเรียนรู้และพิพิธภัณฑ์ทั่วประเทศไทย รวมทั้งได้กำหนดให้มีแผนยุทธศาสตร์ในการบูรณาการด้านพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ระยะเวลา ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๙) โดยมีเป้าหมายให้พิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญาเป็นกลไกหนึ่งในการพัฒนาให้ประเทศไทยเติบโตได้อย่างมั่นคงและพัฒนาไปสู่ประเทศที่มั่นคงและมีความยั่งยืนต่อไปในอนาคต ๒.๒ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ได้เป็นประธานเปิดการแข่งขันการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ระดับโลก ครั้งที่ ๔๐ (ACM-ICPC World Finals 2016) ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน มีผู้เข้าแข่งขันเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยจาก ๔๐ ประเทศ ๖ ทวีปทั่วโลก จำนวน ๑๒๘ ทีม โดยมีทีมจากประเทศไทยเข้าร่วม จำนวน ๒ ทีม คือ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับรางวัล First to Solution เนื่องจากสามารถแก้โจทย์ข้อแรกสำเร็จได้รวดเร็วที่สุด ๓. รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๕๙ มีความเสี่ยงจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัว ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออกของไทย ดังนั้น เพื่อให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมีแรงขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจึงควรเร่งรัดโครงการลงทุนภาครัฐให้สามารถขับเคลื่อนได้ตามแผนงานและสนับสนุนให้มีการลงทุนภาคเอกชนมากขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของปี ๒๕๕๙ ๔. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รายงานว่า ๔.๑ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำตามนโยบายรัฐบาลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ และโครงการบูรณาการการขุดลอกแหล่งน้ำ โดย (๑) จะมีการบูรณาการแผนงานในการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำร่วมกัน ทั้งลำน้ำสายหลัก สายรอง และแหล่งน้ำ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเก็บกักน้ำสามารถกระจายน้ำเข้าสู่ชุมชนและพื้นที่การเกษตรได้อย่างทั่วถึง (๒) ใช้เครื่องจักรและเครื่องมือของทุกส่วนราชการที่มีอยู่แล้วในการดำเนินการ โดยคาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๒ เดือน (๓) กำชับทุกส่วนราชการในการประสานความร่วมมือและดำเนินการร่วมกับประชาชนในทุกพื้นที่ให้เป็นไปตามความต้องการและเกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง และ (๔) จะต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส ไม่มีการทุจริตโดยเด็ดขาด และจะได้รายงานผลการบูรณาการแผนงานฯ ต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๔.๒ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีผลการดำเนินการที่สำคัญ ได้แก่ เรื่องเชิงนโยบายและการบริหาร เช่น การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ของพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ การจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด เรื่องการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เช่น โครงการระบบรถไฟทางคู่ รถไฟชานเมืองร่วมกับรถไฟทางไกล โครงการโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก และการก่อสร้างโรงพยาบาล รวมทั้งการประกาศพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมและการกำหนดมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อมเพื่อควบคุมการปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม การแต่งตั้งกรรมการ เช่น คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงาน EIA ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และการเร่งรัดการควบคุม ติดตาม กำกับ ดูแลเรื่องที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ๕. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รายงานความคืบหน้าการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ๒๕๕๙ ได้แก่ การจัดโครงการบรรพชาอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติฯ พิธีตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศลและพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้งนี้ ตราสัญลักษณ์เฉลิมพระเกียรติของทั้ง ๒ กิจกรรม ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
423 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าดอยสุเทพบางส่วน ในท้องที่ตำบลสุเทพ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ และตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... | ทส | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าดอยสุเทพ บางส่วน ในท้องที่ตำบลสุเทพ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ และตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าดอยสุเทพ บางส่วน ในท้องที่ตำบลสุเทพ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ และตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ รวมเนื้อที่ ๒,๓๔๙ ไร่ ๓ งาน ๘ ตารางวา เพื่อให้หน่วยงานดำเนินการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติพิเศษป่าดอยสุเทพตามภารกิจได้ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรพิจารณาให้ความเห็นชอบการให้เข้าทำประโยชน์และให้เพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าดอยสุเทพ ในส่วนที่เกี่ยวกับ (๑) การก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยแม่เหียะน้อย เนื้อที่ประมาณ ๘๙ ไร่ ๕๗ ตารางวา (๒) การดำเนินการของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ในส่วนเนื้อที่ประมาณ ๒๙๕ ไร่ ๑ งาน ๗๔ ตารางวา (๓) การดำเนินการของศูนย์ผลิตผลโครงการหลวง เนื้อที่ประมาณ ๑๐๔ ไร่ ๒๒ ตารางวา (๔) การดำเนินการของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวเชียงใหม่ กรมการข้าว เนื้อที่ประมาณ ๗๔ ไร่ ๓ งาน ๗๒ ตารางวา (๕) การดำเนินการของศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ (ผึ้ง) กรมส่งเสริมการเกษตร เนื้อที่ประมาณ ๗๙ ไร่ ๑ งาน ๕๙ ตารางวา และ (๖) การดำเนินการของศูนย์บริหารศัตรูพืชจังหวัดเชียงใหม่ กรมส่งเสริมการเกษตร เนื้อที่ประมาณ ๓๓ ไร่ ๓ งาน ๗๗ ตารางวา พร้อมกับการพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกานี้ไปในคราวเดียวกัน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
424 | รายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่าง เดือนตุลาคม - ธันวาคม 2558) | ทส | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๘) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นเรื่องที่เป็นหลักการ ๑.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ/องค์การมหาชน จากงบประมาณทั้งสิ้น ๓๗,๕๔๒.๙๖๑๕ ล้านบาท เบิกจ่ายได้ ๔,๕๔๖.๙๗๔๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๒ ๑.๒ การเจรจาหรือจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ได้แก่ การประชุม Ad Hoc Working Group on the Durban Platform for Enhanced Action (ADP) การประชุมอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๓ การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๑๔ การประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๒ การจัดทำความร่วมมือทวิภาคี Joint Crediting Mechanism (JCM) ไทย-ญี่ปุ่น บันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในสาขาทรัพยากรน้ำระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงน้ำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ๑.๓ การจัดทำโครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการ ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ อย่างเคร่งครัด การประกาศเชิญชวนผู้ที่สนใจได้ทราบล่วงหน้าในระบบ e-GP และเว็บไซต์ของหน่วยงานให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้องและดำเนินการอย่างโปร่งใส การจัดทำมาตรการป้องกันและลดโอกาสการทุจริตและประพฤติมิชอบ แจ้งเวียนขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง และจัดเวทีแสดงความคิดเห็นของประชาชน ๑.๔ การเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รวมจำนวน ๒๐ ฉบับ ประกอบด้วย ร่างพระราชบัญญัติ ๑๘ ฉบับ และร่างพระราชกฤษฎีกา ๒ ฉบับ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการทั้ง ๓ ประการ คือ (๑) ต้องเป็นการแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่แท้จริงของการบังคับใช้กฎหมาย (๒) พึงระวังการแก้ไขกฎหมายที่เป็นการเพิ่มอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ และ (๓) ให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจถึงหลักการและเหตุผลด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ๑.๕ การแต่งตั้งคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจ ได้แจ้งรัฐวิสาหกิจในสังกัดถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ โดยเคร่งครัด ๒. เรื่อง/โครงการสำคัญเร่งด่วน ๒.๑ การปรับโครงสร้างและการบริหารจัดการด้านพลังงาน อยู่ระหว่างเตรียมการจัดทำโครงการสร้างโรงไฟฟ้าจาก RDF (Refuse Derived Fuel) ในพื้นที่ทหาร โดยให้เอกชนลงทุน ๒.๒ การบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของประเทศ การจัดทำโครงการแก้มลิงเพื่อเป็นพื้นที่กักเก็บน้ำ โดยใช้พื้นที่ราชพัสดุ พื้นที่ราชการหรือพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเพื่อการอุปโภค บริโภค และนิคมอุตสาหกรรม ๒.๓ การแก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตรในระยะยาวและการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) การดำเนินการกำหนดแนวทางและมาตรการเชิงรุกในการดำเนินการแก้ไขปัญหาพืชผลทางการเกษตรในระยะยาวเป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒.๔ การจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร โดยดำเนินการ ๒ แนวทาง ได้แก่ แนวทางการจัดหาที่ดินให้แก่เกษตรกรในลักษณะที่ไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินแต่อนุญาตให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จากที่ดินประเภทต่าง ๆ และแนวทางการจัดพื้นที่ทำกินในลักษณะป่าเศรษฐกิจตามแนวทางโครงการธนาคารอาหารชุมชนตามพระราชดำริ (Food Bank) ๒.๕ การจัดการขยะมูลฝอยและน้ำเสีย องค์การจัดการน้ำเสียได้ดำเนินการโครงการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสีย โดยสามารถบำบัดน้ำได้ตามมาตรฐานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดไว้ก่อนระบายลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ และกรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติงานการดำเนินงานตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ๒.๖ การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม ได้ดำเนินงานร่วมกับศูนย์บริการร่วม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในการให้บริการประชาชนเกี่ยวกับการรับแจ้งเรื่องร้องเรียน และประสานส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขตามอำนาจหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๒.๗ การรวบรวมกฎหมายระเบียบที่ล้าสมัยหรือเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและพิจารณาความจำเป็นเร่งด่วนและจัดลำดับความสำคัญของร่างกฎหมาย ดำเนินการปรับปรุงกฎหมายเดิมและเสนอร่างกฎหมายใหม่ จำนวน ๒๐ ฉบับ ซึ่งประกาศใช้แล้ว ๕ ฉบับ และอยู่ระหว่างดำเนินการ เช่น ร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และซากผลิตภัณฑ์อื่น พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
425 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อื่นๆ | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอว่า ไม่ขัดข้องกับร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) เสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการที่ดิน (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ และขยายระยะเวลาดำเนินการของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ที่กำหนดไว้ ๕ ปี เป็น ให้สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ยุบเลิกเมื่อมีการจัดตั้งธนาคารที่ดินหรือองค์กรอื่นที่มีวัตถุประสงค์ทำนองเดียวกับธนาคารที่ดินหรือเมื่อพ้นระยะเวลาสามปีนับแต่วันที่ร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้มีผลใช้บังคับแม้จะยังมิได้มีการจัดตั้งธนาคารที่ดินหรือองค์กรอื่นที่มีวัตถุประสงค์ทำนองเดียวกับธนาคารที่ดิน ตามที่สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับร่างมาตรา ๑๓ ที่ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๒ แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ และกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของเจ้าหน้าที่และลูกจ้างของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ขึ้นใหม่ แต่ความในร่างมาตรา ๓๒ (๕) มีความซ้ำซ้อนกับร่างมาตรา ๓๒ (๗) สมควรให้ใช้ร่างมาตรา ๓๒ (๗) และควรแก้ไขรายละเอียดของร่างมาตรา ๑๗ ที่ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๙ แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ และกำหนดขึ้นใหม่ ให้สอดคล้องกับมาตรา ๔๓ แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ จากเดิมที่กำหนด “ให้รัฐมนตรีผู้รักษาการมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแล... ยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติราชการที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งสถาบัน ...” เป็น “ให้รัฐมนตรีผู้รักษาการมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแล... ยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติราชการที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน ...” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) เร่งดำเนินการจัดตั้งธนาคารที่ดินให้แล้วเสร็จโดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||||||||
426 | โครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) | นร11 | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินโครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (Thailand Earth Observation System : THEOS-2) มีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ การกำหนดหน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการ ขั้นตอน กระบวนการดำเนินโครงการ และการเสนอขออนุมัติดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ขององค์การมหาชน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) รับไปดำเนินการจัดทำรายละเอียดโครงการให้ครบถ้วน เช่น การวิเคราะห์ความคุ้มค่าการลงทุนโครงการ (Feasibility Study) ก่อนที่จะเสนอรายชื่อประเทศเป้าหมายที่จะจัดทำความร่วมมือในโครงการฯ หรือขออนุมัติดำเนินโครงการฯ ต่อไป โดยให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย เกี่ยวกับกรณีที่มีการให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการฯ ตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ควรให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนของพระราชบัญญัติฯ โดยเคร่งครัด การเปรียบเทียบต้นทุนและความคุ้มค่าในการดำเนินงานระหว่างการใช้งบประมาณของรัฐกับการให้เอกชนร่วมลงทุน การกำหนดเป้าหมายในการดำเนินโครงการฯ ที่เป็นรูปธรรม พร้อมทั้งจัดให้มีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานโครงการ การพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ และคำนึงถึงถ้อยคำตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง และเร่งดำเนินการให้เกิดความชัดเจนและได้ข้อยุติโดยเร็ว เพื่อให้สามารถเริ่มดำเนินโครงการดังกล่าวได้ภายในปี ๒๕๕๙ ๓. ให้คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนที่จะจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ รับไปพิจารณาเกี่ยวกับการเสนอเรื่องและการขออนุมัติดำเนินโครงการลงทุนขององค์การมหาชนว่า จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องฉบับใดบ้างหรือไม่ และควรต้องมีการกำหนดระเบียบ แนวทางปฏิบัติ หรือขั้นตอนการดำเนินการอย่างไรหรือไม่ โดยเฉพาะการเสนอขออนุมัติดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ขององค์การมหาชน ที่มีวงเงินลงทุนสูงเกินกว่า ๑,๐๐๐ ล้านบาท และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
427 | การแก้ไขปรับปรุงร่างสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นของบริษัท ทวาย เอสอีแซด ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ฉบับที่ 2 | กค | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) รายงานการแก้ไขปรับปรุงร่างสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นของบริษัท ทวาย เอสอีแซด ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (SPV) ฉบับที่ ๒ โดยฝ่ายไทย เมียนมา และญี่ปุ่น ได้ร่วมกันพิจารณาทบทวนร่างสัญญาฯ ฉบับที่ ๒ โดยได้แก้ไขร่างสัญญาฯ ฉบับที่ ๒ เกี่ยวกับวัตถุประสงค์หลักของธุรกิจ และระยะเวลาของสัญญา รวมทั้งได้แก้ไขคำจำกัดความให้เป็นไปตามหลักการบัญชี หน้าที่ความรับผิดชอบของคณะกรรมการ และรายนามผู้ติดต่อเพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในปัจจุบัน ซึ่งการแก้ไขปรับปรุงร่างสัญญาฯ ฉบับที่ ๒ ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และได้ร่วมลงนามแก้ไขปรับปรุงร่างสัญญาฯ ฉบับที่ ๒ แล้วเมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ ระหว่างการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูงระหว่างไทย-เมียนมา เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง (JHC) ครั้งที่ ๕
|
|||||||||||||||||||||||||||
428 | การเดินทางเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา | กก | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้นำคณะนักลงทุนด้านธุรกิจโรงแรมและพลังงานของประเทศไทยไปหารือร่วมกับรัฐมนตรีโรงแรมและการท่องเที่ยว (นายอู เท อ่อง) และคณะนักธุรกิจจากสมาคมท่องเที่ยวของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เกี่ยวกับการส่งเสริมการลงทุนด้านการท่องเที่ยวของภาคเอกชนในกลุ่มประเทศ กัมพูชา-ลาว-เมียนมา-เวียดนาม-ไทย (CLMVT) ในระหว่างวันที่ ๒๕-๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ณ จังหวัดระนอง และเกาะสอง-เมืองมะริด-กรุงย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. แนวทางการพัฒนาร่วม ประกอบด้วย (๑) ด้านการตลาด เช่น การส่งเสริมเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านและการพัฒนาการท่องเที่ยวทางทะเล (๒) ด้านการบริหารบุคคล เช่น จัดการฝึกอบรมบุคลากรด้านการท่องเที่ยวในขณะปฏิบัติงาน (On-the-job Training : OJT) (๓) ด้านพัฒนาการท่องเที่ยว สนับสนุนให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ศึกษาและจัดทำแผนแม่บทเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวหมู่เกาะมะริด (๔) ด้านการลงทุน สนับสนุนให้ฝ่ายไทยลงทุนในอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการลงทุนและพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวทางทะเล และ (๕) ด้านการตรวจลงตราหนังสือเดินทางและจุดผ่านแดน โดยเมียนมาขอให้ไทยเร่งรัดการเปิดจุดผ่านแดนถาวรเพิ่มเติม ๒. การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์รายสาขา สนับสนุนการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ (Medical and Wellness Tourism) เช่น การผลักดันโครงการจัดสร้างศูนย์ธาราบำบัดแบบครบวงจร ณ จังหวัดระนอง
|
|||||||||||||||||||||||||||
429 | รายงานความคืบหน้าในการพัฒนาบริการใหม่ภายใต้ศูนย์กลางบริการภาครัฐสำหรับประชาชน (GovChannel) และระบบติดต่อสื่อสารสำหรับหน่วยงานภาครัฐ | ทก | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบความคืบหน้าในการพัฒนาบริการใหม่อย่างต่อเนื่องภายใต้ศูนย์กลางบริการภาครัฐสำหรับประชาชน (GovChannel) ตามมติคณะรัฐมนตรี และรับทราบรูปแบบการใช้งานของระบบภาษีไปไหนและระบบติดต่อสื่อสารแบบออนไลน์สำหรับหน่วยงานภาครัฐ (G-Chat) โดยสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สรอ.) ได้พัฒนาบริการใหม่ภายใต้ GovChannel ได้แก่ ๑.๑.๑ ระบบบริการข้อมูลข่าวสารภาครัฐแก่ประชาชน ได้แก่ (๑) ระบบแจ้งข้อมูลข่าวสารภาครัฐ (G-News) เป็นแอปพลิเคชันกลางที่หน่วยงานภาครัฐสามารถใช้เป็นช่องทางในการให้ข้อมูลข่าวสารและบริการต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและยังสามารถรองรับการแจ้งเตือนข้อมูลบริการจากภาครัฐเฉพาะรายบุคคลส่งตรงถึงประชาชนได้อีกด้วย และ (๒) ระบบภาษีไปไหน ซึ่งเป็นระบบสืบค้นข้อมูลการใช้จ่ายงบประมาณผ่านโครงการจัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐที่ สรอ. ดำเนินการร่วมกับกรมบัญชีกลางในการดำเนินการภายใต้โครงการ Thailand Government Spending ๑.๑.๒ ระบบติดต่อสื่อสารสำหรับหน่วยงานของภาครัฐที่มีความมั่นคงปลอดภัยและเชื่อถือได้ ได้แก่ (๑) ระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์กลางเพื่อการสื่อสารของหน่วยงานภาครัฐ (MailGoThai) เป็นระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์กลางเพื่อใช้ในการสื่อสารของหน่วยงานภาครัฐ โดยเชื่อมโยงระบบ MailGoThai ให้เข้ากับระบบ Government ID (GovID) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐสามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ ของภาครัฐได้ด้วยบัญชีเดียว และ (๒) ระบบติดต่อสื่อสารแบบออนไลน์สำหรับหน่วยงานภาครัฐ (G-Chat) เป็นแอปพลิเคชันเพื่อรองรับการสื่อสารภายในและระหว่างหน่วยงานรัฐผ่านคอมพิวเตอร์พื้นฐานและอุปกรณ์สื่อสารแบบเคลื่อนที่ มีระบบการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลภาครัฐในระดับสูง (Government Mobile Private & Security Chat) และการบริหารจัดการระดับชั้นและสิทธิของแต่ละบุคคลในการเข้าถึงข้อมูลและการเข้าใช้งานระบบตามที่แต่ละหน่วยงานภาครัฐกำหนด ๑.๒ มอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์เร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์ระบบภาษีไปไหนให้แก่ประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึง เพื่อให้ประชาชนมีช่องทางในการสืบค้นและตรวจสอบข้อมูลการใช้จ่ายภาครัฐได้อย่างถูกต้อง และช่วยส่งเสริมความโปร่งใสในการดำเนินงานของภาครัฐ ๑.๓ ให้หน่วยงานภาครัฐนำระบบ MailGoThai และระบบ G-Chat ไปใช้เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารภายในและระหว่างหน่วยงาน เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ มีความมั่นคง ปลอดภัยของข้อมูล และลดความเสี่ยงในการถูกลักลอบนำข้อมูลทางราชการไปใช้ในทางทุจริตและเกิดความเสียหาย ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักข่าวกรองแห่งชาติที่เห็นควรพัฒนาระบบให้บริการภาครัฐสำหรับประชาชน (GovChannel) ให้มีความสะดวก ใช้งานง่าย ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ และมีจำนวนเพียงพอต่อผู้ใช้ รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีความรู้เกี่ยวกับการใช้งานและการเข้าถึง GovChannel และนำระบบ MailGoThai และระบบ G-Chat ไปใช้งาน พร้อมทั้งติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน และเห็นควรพัฒนาและบริหารจัดการระบบดังกล่าวให้มีความปลอดภัยเชื่อถือได้ โดยใช้แนวทางการรักษาความปลอดภัยบุคคล สถานที่ และข้อมูลข่าวสารตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ มีการกำหนดช่องทางสำรองหรือระบบสำรองในกรณีที่ระบบหลักเกิดปัญหาขัดข้องไม่สามารถใช้บริการได้เพื่อให้สามารถให้บริการระบบดังกล่าวได้อย่างต่อเนื่อง และมีการกำหนดมาตรการและแนวทางการรักษาความปลอดภัยการสื่อสาร หรือการส่งข้อมูลราชการที่มีชั้นความลับผ่านทาง ระบบ MailGoThai และระบบ G-Chat นอกจากนี้ ควรดำเนินการประเมินและตรวจสอบช่องโหว่ของระบบและปรับปรุงระบบให้มีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประสานกับทุกส่วนราชการเพื่อปรับปรุงข้อมูลสำหรับให้บริการแก่ประชาชนผ่านศูนย์กลางบริการภาครัฐสำหรับประชาชน (GovChannel) ให้เกิดความน่าสนใจและเป็นปัจจุบันด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
430 | ร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. .... | นร07 | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดสัดส่วนงบประมาณรายการต่าง ๆ เช่น งบประมาณเพื่อการชำระหนี้ภาครัฐ งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมทั้งงบประมาณของโครงการตามนโยบายของรัฐบาลนอกเหนือจากภารกิจตามปกติไว้ในร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... นั้น เนื่องจากกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มีการพิจารณาในเรื่องดังกล่าวในกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการดำเนินงานของฝ่ายบริหาร จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดประเด็นดังกล่าวไว้ในร่างกฎหมายฉบับนี้ และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในส่วนของร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. .... ควรมีการปรับปรุงรูปแบบการทำงานของสำนักงบประมาณเพื่อให้เป็นไปในลักษณะของคณะกรรมการที่มีความรู้ความชำนาญ และมีองค์ประกอบจากหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบครอบคลุมภารกิจที่กำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติฯ และให้สำนักงบประมาณพิจารณาศึกษาและทบทวนขอบเขตความรับผิดชอบและแนวการทำงานที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างรอบคอบและสอดคล้องกับแนวทางการกระจายอำนาจที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างศักยภาพและประสิทธิภาพให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น สำหรับร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลัง พ.ศ. .... ควรกำหนดให้มีคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่ในการกำกับ ติดตามการดำเนินการและการบริหารงานของหน่วยงานของรัฐให้เป็นไปตามบทบัญญัติที่กำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติฯ และจากผลการบังคับใช้พระราชบัญญัติฯ ควรนำไปสู่การจัดทำบัญชีสาธารณะ (Consolidated Public Account) โดยรวม ที่มีความครอบคลุมสมบูรณ์ สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงด้านการคลังในระยะยาว และผลักดันให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการปรับตัว เพิ่มสมรรถนะในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส เป็นต้น ไปพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. ให้สำนักงบประมาณรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีไปดำเนินการเกี่ยวกับการบูรณาการในการใช้จ่ายงบประมาณของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน (หน่วยงานของรัฐ) เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐ |
|||||||||||||||||||||||||||
431 | ร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... | กค | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดสัดส่วนงบประมาณรายการต่าง ๆ เช่น งบประมาณเพื่อการชำระหนี้ภาครัฐ งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมทั้งงบประมาณของโครงการตามนโยบายของรัฐบาลนอกเหนือจากภารกิจตามปกติไว้ในร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... นั้น เนื่องจากกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มีการพิจารณาในเรื่องดังกล่าวในกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการดำเนินงานของฝ่ายบริหาร จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดประเด็นดังกล่าวไว้ในร่างกฎหมายฉบับนี้ และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในส่วนของร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. .... ควรมีการปรับปรุงรูปแบบการทำงานของสำนักงบประมาณเพื่อให้เป็นไปในลักษณะของคณะกรรมการที่มีความรู้ความชำนาญ และมีองค์ประกอบจากหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบครอบคลุมภารกิจที่กำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติฯ และให้สำนักงบประมาณพิจารณาศึกษาและทบทวนขอบเขตความรับผิดชอบและแนวการทำงานที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างรอบคอบและสอดคล้องกับแนวทางการกระจายอำนาจที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างศักยภาพและประสิทธิภาพให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น สำหรับร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลัง พ.ศ. .... ควรกำหนดให้มีคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่ในการกำกับ ติดตามการดำเนินการและการบริหารงานของหน่วยงานของรัฐให้เป็นไปตามบทบัญญัติที่กำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติฯ และจากผลการบังคับใช้พระราชบัญญัติฯ ควรนำไปสู่การจัดทำบัญชีสาธารณะ (Consolidated Public Account) โดยรวม ที่มีความครอบคลุมสมบูรณ์ สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงด้านการคลังในระยะยาว และผลักดันให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการปรับตัว เพิ่มสมรรถนะในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส เป็นต้น ไปพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. ให้สำนักงบประมาณรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีไปดำเนินการเกี่ยวกับการบูรณาการในการใช้จ่ายงบประมาณของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน (หน่วยงานของรัฐ) เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐ
|
|||||||||||||||||||||||||||
432 | รายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินการโครงการในวาระแห่งชาติด้านวัคซีน ภายใต้นโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2558 | สธ | 08/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุข โดยสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) รายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินการโครงการในวาระแห่งชาติด้านวัคซีน ภายใต้นโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ ปีงบประมาณ ๒๕๕๘ รวมทั้งสิ้น ๑๔ โครงการ ประกอบด้วย (๑) โครงการที่ประสบผลสำเร็จตามตัวชี้วัดที่กำหนด จำนวน ๕ โครงการ (๒) โครงการที่สำเร็จตามตัวชี้วัดแต่มีความล่าช้าเนื่องจากปัญหาและอุปสรรค จำนวน ๒ โครงการ และ (๓) โครงการที่ชะลอ หรือยุติการดำเนินงาน จำนวน ๗ โครงการ ทั้งนี้ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ได้ทบทวนโครงการต่าง ๆ ตามวาระแห่งชาติด้านวัคซีน และปรับเปลี่ยนหน่วยงานที่รับผิดชอบ รวม ๑๐ โครงการ รวมทั้งอยู่ระหว่างการทบทวนนโยบายและยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติฉบับใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเสนอคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
433 | ขอความเห็นชอบโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองต่อคณะรัฐมนตรี | พม | 08/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ การดำเนินงานโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑) เป้าหมาย ๑๑,๐๐๔ ครัวเรือน งบประมาณ ๔,๐๖๑.๔๔ ล้านบาท โดยการดำเนินงานในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) (พอช.) นำเงินที่ได้รับการจัดสรรจากโครงการบ้านมั่นคงมาใช้จ่ายในโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง และการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ใช้จากเงินทุนหมุนเวียนของ พอช. ตามความจำเป็นเร่งด่วน ๑.๒ การสนับสนุนเงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบและเสียโอกาสเฉลี่ยครัวเรือนละ ๘๐,๐๐๐ บาท เนื่องจากนโยบายการจัดระเบียบชุมชนริมคลองเป็นนโยบายที่สำคัญและเร่งด่วนที่ต้องเห็นรูปธรรมการแก้ไขปัญหาอย่างชัดเจนภายในระยะเวลาจำกัด และชุมชนมีข้อจำกัดในการเตรียมความพร้อมเพื่อที่อยู่อาศัยซึ่งต้องรับภาระ จึงจำเป็นต้องมีการช่วยเหลือเพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมาตรฐานที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน รวมถึงตรวจสอบความซ้ำซ้อน การมีส่วนร่วม และความเป็นธรรมที่กลุ่มเป้าหมายจะได้รับเป็นสำคัญด้วย โดยเป้าหมายที่จะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และ พ.ศ. ๒๕๖๑ นั้น ให้ พอช. เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็น เหมาะสมและสอดคล้องกับความเร่งด่วนตามขั้นตอนต่อไป นอกจากนี้ เห็นควรพิจารณาประเด็นรายละเอียดของโครงการ ได้แก่ การพิจารณาหลักเกณฑ์การอุดหนุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยให้สอดคล้องกับรูปแบบการพัฒนาที่อยู่อาศัยและขีดความสามารถในการรับภาระของกลุ่มเป้าหมาย ความเหมาะสมและจำเป็นในการขอเงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบและเสียโอกาสของโครงการ รวมทั้งประสานความร่วมมือกับกรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำกับการใช้พื้นที่ริมคลองเพื่อป้องกันการรุกล้ำในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการ ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พิจารณาปรับปรุงระยะเวลาดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) |
|||||||||||||||||||||||||||
434 | โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มคนไร้บ้าน 2 ปี (พ.ศ. 2559 - 2560) | พม | 08/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มคนไร้บ้าน ๒ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐) ซึ่งเป็นการดำเนินการตามเป้าหมายที่ได้มีการสำรวจคนไร้บ้านในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ใน ๓ เมืองใหญ่ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดขอนแก่น เป้าหมาย ๖๙๘ ครัวเรือน ๑,๓๙๕ คน งบประมาณรวมทั้งสิ้น ๑๑๘.๖ ล้านบาท โดยมีกิจกรรมหลักคือ การสร้างศูนย์คนไร้บ้านเพิ่มเติม ๓ แห่ง ที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดขอนแก่น และสนับสนุนการสร้างที่อยู่อาศัยให้คนไร้บ้าน เป็นต้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการติดตามและประเมินผลโครงการเพื่อให้การใช้งบประมาณเกิดความคุ้มค่า ควรกำหนดกรอบการดำเนินงานในลักษณะที่ควบคุมปริมาณ มีหลักเกณฑ์และวิธีการเหมาะสมในการตรวจสอบการคัดเลือกบุคคลที่มาอยู่ในศูนย์คนไร้บ้าน รวมทั้งมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนกรณีจะให้คนไร้งานออกจากศูนย์คนไร้บ้านเมื่อได้รับการช่วยเหลือตามสมควรแล้ว ตลอดจนกำหนดแผนดำเนินงานที่สามารถป้องกันไม่ให้คนไร้บ้านมีจำนวนเพิ่มขึ้น สำหรับแนวทางการสร้างที่อยู่อาศัยให้แก่คนไร้บ้านเพื่อสร้างเป็นชุมชนแห่งใหม่ ให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมาตรฐานที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนโดยคำนึงถึงความประหยัด คุ้มค่า และมีลำดับความสำคัญสูงก่อน เพื่อมิให้เป็นภาระต่องบประมาณในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พิจารณาปรับปรุงระยะเวลาดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มคนไร้บ้าน ๒ ปี ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) |
|||||||||||||||||||||||||||
435 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อื่นๆ | 08/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) นำร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปแก้ไขเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ และเสนอคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่พระราชบัญญัติองค์การมหาชนฯ กำหนดต่อไป ๒. สำหรับการทบทวนความจำเป็นในการมีอยู่ของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ให้สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ประสานรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เพื่อนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
436 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี | นร04 | 01/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนี้ ๑.๑ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รายงานว่า ๑.๑.๑ ในปัจจุบันมีประชาชนมาติดต่อหน่วยงานราชการภายในบริเวณทำเนียบรัฐบาลเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้มาติดต่อราชการ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจึงอยู่ระหว่างการดำเนินการจัดระเบียบภายในทำเนียบรัฐบาล เช่น สถานที่จอดรถ การจัดระบบการเข้า-ออกของบุคคล และการรักษาความปลอดภัย เป็นต้น ๑.๑.๒ ตามที่ได้มีข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการมิให้เกิดการกระทำผิดกฎหมายหรือมีอาวุธไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งปราบปรามผู้มีอิทธิพล ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้มีผลสัมฤทธิ์ภายใน ๖ เดือน นั้น ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ๑.๑.๓ กระทรวงกลาโหมจะได้ดำเนินการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกองทัพบก กองทัพอากาศ และกองทัพเรือ เกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และหลังจากดำเนินการเสร็จแล้วจะได้รายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๑.๔ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๙ มอบหมายให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักบูรณาการร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนและวางระบบการตรวจคนเข้าเมืองตามด่านตรวจคนเข้าเมืองต่าง ๆ รวมถึงให้มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาเสริมสร้างขีดความสามารถในการดำเนินการด้วย เช่น การใช้ระบบ Biometrics หรือการใช้ข้อมูลทางชีวภาพ เพื่อสามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องได้แล้วนำเสนอรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) พิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๑ เดือน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ นั้น ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) ได้นำระบบ Biometrics มาใช้ในท่าอากาศยานแล้ว (นำร่อง) และจะขยายผลการดำเนินการต่อไป ๑.๒ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานผลการจัดงานประกาศรางวัล ๕๐ ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ประจำปี ๒๕๕๙ (Asia’ 50 Best Restaurants 2016) ว่า ในปีนี้มีร้านอาหารของไทยติดอันดับจำนวน ๔ ร้าน โดยหนึ่งในนั้นได้รับรางวัลชนะเลิศเป็นปีที่ ๒ ติดต่อกัน ซึ่งในอนาคตอาจมีการพิจารณานำผลผลิตของโครงการหลวงมาใช้เป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์และสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยด้วย ๑.๓ รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานว่า สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ และองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นต้น ดำเนินโครงการ “ปิดเทอมนี้... สนุกคิด... สนุกเรียนรู้... สู่อนาคต” ประกอบด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ ได้แก่ ด้านวิทยาศาสตร์ ด้านดาราศาสตร์ ด้านความคิดสร้างสรรค์ ด้านศิลปวัฒนธรรม ด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และด้านส่งเสริมนิสัยรักการอ่านและทักษะชีวิต เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้มีโอกาสแสวงหาความรู้จากพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ในช่วงปิดภาคเรียน (เดือนมีนาคม-พฤษภาคม ๒๕๕๙) ๑.๔ รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รายงานว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกในปี ๒๕๕๙ มีแนวโน้มชะลอตัว เห็นได้จากมูลค่าการส่งออกและนำเข้าที่หดตัวของประเทศหลักในภูมิภาค ประกอบกับอุปสงค์ภายในประเทศของสาธารณรัฐประชาชนจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลง แม้ว่าสถานการณ์การส่งออกของประเทศไทยในเดือนมกราคม ๒๕๕๙ ดีกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค แต่ยังมีความเสี่ยงจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมุ่งเน้นการสนับสนุนเศรษฐกิจภายในประเทศ ผ่านการเร่งรัดการเบิกจ่ายตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในช่วงครึ่งแรกของปี และเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ให้สามารถเริ่มดำเนินโครงการได้ภายในไตรมาสที่ ๓ และ ๔ ของปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ๑.๕ รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านกฎหมายว่า ๑.๕.๑ ช่วงระยะเวลาหลังจากร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติแล้ว สภานิติบัญญัติแห่งชาติจะต้องพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหลายฉบับและต้องพิจารณาโดยเร็ว และเพื่อให้การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและตามกรอบระยะเวลา เห็นควรให้ส่วนราชการเร่งรัดเสนอร่างพระราชบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรีในห้วงระยะเวลาก่อนที่จะมีการออกเสียงประชามติ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อให้สามารถเสนอร่างพระราชบัญญัติต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้โดยเร็ว ๑.๕.๒ ปัจจุบันสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้เห็นชอบกฎหมายมาแล้ว ๑๕๑ ฉบับ และเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการออกกฎหมายลูกบทต่อไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ (เรื่อง สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) ๒. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับการออกกฎหมายต่าง ๆ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
437 | ผลการศึกษาโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง จังหวัดเลย | นร | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการศึกษาโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง จังหวัดเลย โดยผลการศึกษาโครงการฯ ประกอบด้วยประเด็นสำคัญ ได้แก่ การศึกษากำหนดทางเลือกของแนวเส้นทางและตำแหน่งที่ตั้งของสถานีกระเช้าไฟฟ้า การศึกษาความเหมาะสม (Feasibility Study) การศึกษารูปแบบการลงทุนของโครงการและทางเลือกที่เหมาะสม การศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม การดำเนินงานแบบมีส่วนร่วมของประชาชน ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ การศึกษารูปแบบการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ รูปแบบการจัดการแหล่งท่องเที่ยวทั้งภายในและภายนอกพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ภายใต้ขีดความสามารถที่รองรับนักท่องเที่ยวบนยอดภูกระดึงโดยไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการศึกษาและจัดทำแผนการบริหารจัดการโครงการ ตามที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) เสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกฎหมาย กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง การกำกับดูแล ตรวจสอบ และติดตามการขับเคลื่อนแผนอย่างต่อเนื่อง การบูรณาการแบบมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิด การดำเนินการตามมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นอย่างเคร่งครัด การให้ความสำคัญกับแผนการบริหารจัดการพื้นที่และการท่องเที่ยวในทุกมิติเพื่อให้เกิดความสมดุลทางธรรมชาติและมุ่งเน้นการอนุรักษ์และพัฒนาที่ยั่งยืนโดยเฉพาะมาตรการการควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยว การติดตามประเมินผลโครงการหลังการดำเนินโครงการแล้วเสร็จ การบูรณาการการดำเนินโครงการศึกษาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะภาคประชาคมเพื่อนำไปสู่การจัดทำแผนงาน/โครงการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน การวิเคราะห์เพื่อประเมินจุดเด่นและข้อจำกัดของแหล่งท่องเที่ยวบนภูกระดึง รวมทั้งการตรวจสอบข้อมูลการศึกษาให้มีความถูกต้องตามข้อเท็จจริง อาทิ สถิติจำนวนนักท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ไปพิจารณาดำเนินการ โดยให้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบและคำนึงผลประโยชน์โดยรวมของประเทศเป็นสำคัญ เพื่อให้ได้ข้อสรุปแนวทางการดำเนินการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง จังหวัดเลยที่ชัดเจนและเกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศและธรรมชาติน้อยที่สุด |
|||||||||||||||||||||||||||
438 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2558 (ระยะที่ 1 ระหว่างวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 - 30 กันยายน 2558) [เรื่อง รายงานผลการดำเนินการของส่วนราชการ จำแนกตาม 37 ประเด็นการปฏิรูปของสภาปฏิรูปแห่งชาติ] | นร04 | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการของส่วนราชการ จำแนกตาม ๓๗ ประเด็น การปฏิรูปของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งเปรียบเทียบผลการดำเนินการก่อน-หลังวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การดำเนินการเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปประเทศ) สรุปได้ ดังนี้
๑. การปฏิรูประบบและโครงสร้างภาษี โดยได้ปรับปรุงกฎหมายภาษีสรรพสามิตและภาษีศุลกากร การปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้ SMEs หรือยกเว้นภาษีเงินได้ให้ SMEs ที่เริ่มประกอบกิจการ ๒. การกำหนดมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเพิ่มจากร้อยละ๒๐๐ เป็นร้อยละ ๓๐๐ (จากเดิม ๒ เท่า เป็น ๓ เท่า) ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นเวลา ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๖๒) ๓. การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔,๐๐๐ แบบดิจิทัล (One Map) และพัฒนาเป็น Application เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบแนวเขตป่าไม้ ๔. การปรับสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากที่เป็นหนี้ประมาณ ๘,๐๐๐ ล้านบาท เปลี่ยนมาเป็นบวกถึงกว่า ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท ๕. การปรับเพิ่มวงเงินกู้ยืมเพื่อการประกอบอาชีพของคนพิการจากเดิมรายละ ๔๐,๐๐๐ บาท เป็นรายละ ๖๐,๐๐๐ บาท โดยไม่เสียดอกเบี้ย ๖. การขยายความคุ้มครองประกันสังคมภาคบังคับไปสู่ลูกจ้างชั่วคราวทุกประเภทของส่วนราชการ (เดิมคุ้มครองเฉพาะลูกจ้างชั่วคราวรายเดือน) และขยายความคุ้มครองไปสู่ลูกจ้างของนายจ้างที่มีสำนักงานในประเทศและไปประจำทำงานในต่างประเทศ (เดิมไม่คุ้มครอง) ๗. การยกร่างและปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ ร่างพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติสภาประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||||||||
439 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2558 | ทก | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ ตามที่ประธานกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๓๔/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๘ ที่กำหนดให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ และรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ปฏิบัติหน้าที่รองประธานกรรมการ ๑.๒ รับทราบและเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับแนวคิดการดำเนินงานด้านดาวเทียมสื่อสารภาครัฐที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๑.๓ รับทราบการพิจารณาประเด็นข้อหารือที่สำนักงานกิจการอวกาศส่วนนอกแห่งสหประชาชาติ (UNOOSA) เพื่อขอทราบข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการด้านกฎหมายอวกาศของประเทศไทย รวม ๖ ประเด็น ซึ่งคณะอนุกรรมการพัฒนากฎหมายอวกาศภายใต้คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ พิจารณาแล้ว ๒ ประเด็น ได้แก่ คำจำกัดความและการกำหนดขอบเขตอวกาศส่วนนอกและลักษณะและการใช้วงโคจรค้างฟ้า (Geostationary orbit) และกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการสำรวจและการใช้อวกาศส่วนนอกในทางสันติ ๑.๔ พิจารณากรอบและแนวทางการเจรจาโครงการระบบดาวเทียวสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) และเห็นชอบและให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ดำเนินการจัดทำรายละเอียดเอกสารที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อ (๑) ให้ความเห็นชอบกรอบและแนวทางการเจรจา วิธีการจัดหาดาวเทียม ระยะเวลา ประโยชน์ที่จะได้รับของโครงการ THEOS-2 (๒) ให้คณะอนุกรรมการเจรจา และคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติพิจารณากลั่นกรองประเทศที่เหมาะสม เพื่อจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างประเทศ (MOU) (๓) ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบ และ (๔) รับทราบกรอบวงเงิน ๗,๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อการพัฒนาโครงการ THEOS-2 ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับกรณีของแหล่งเงินทุนในการดำเนินการจะต้องมีความครอบคลุม โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของแหล่งเงินและกรอบวงเงิน ความประหยัด ความคุ้มค่า การมีส่วนร่วมของภาคเอกชน และการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ให้ถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งกรอบและแนวทางการเจรจาเพื่อการจัดหาระบบดาวเทียมที่ให้คณะอนุกรรมการเจรจาไปดำเนินการเจรจากับประเทศที่มีศักยภาพ เพื่อกลั่นกรองประเทศที่เหมาะสมและจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับหน่วยงานของรัฐต่างประเทศนั้น ควรกำหนดกรอบรายละเอียดของเนื้องาน (TOR) ของโครงการและวิธีการลงทุนให้ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำโครงการ THEOS-2 ไปพิจารณาให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับ (๑) การกำหนดหน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการ (๒) ขั้นตอน กระบวนการ วิธีการดำเนินโครงการ และวิธีการลงทุนของโครงการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และ (๓) ประโยชน์ที่จะได้รับ ความคุ้มค่า และผลตอบแทนจากการลงทุนของโครงการ ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินำข้อสรุปดังกล่าว เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน |
|||||||||||||||||||||||||||
440 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร12 | 16/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เกี่ยวกับมาตรา ๘ (เพิ่มมาตรา ๑๙/๑) ที่บัญญัติให้ผู้ใดจะดำรงตำแหน่งกรรมการในองค์การมหาชนเกินกว่าสามแห่งไม่ได้ โดยให้นับรวมการเป็นกรรมการในตำแหน่งและการได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติราชการแทนในตำแหน่งกรรมการด้วย ซึ่งสำนักงาน ก.พ.ร. จะนำข้อสังเกตดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน เพื่อนำไปกำหนดเป็นข้อควรระวังในหลักเกณฑ์กลางเกี่ยวกับการสรรหาประธานกรรมการ กรรมการในคณะกรรมการ และผู้อำนวยการ ต่อไป ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
.....