ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี | นร04 | 01/03/2559 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนี้ ๑.๑ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รายงานว่า ๑.๑.๑ ในปัจจุบันมีประชาชนมาติดต่อหน่วยงานราชการภายในบริเวณทำเนียบรัฐบาลเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้มาติดต่อราชการ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจึงอยู่ระหว่างการดำเนินการจัดระเบียบภายในทำเนียบรัฐบาล เช่น สถานที่จอดรถ การจัดระบบการเข้า-ออกของบุคคล และการรักษาความปลอดภัย เป็นต้น ๑.๑.๒ ตามที่ได้มีข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการมิให้เกิดการกระทำผิดกฎหมายหรือมีอาวุธไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งปราบปรามผู้มีอิทธิพล ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้มีผลสัมฤทธิ์ภายใน ๖ เดือน นั้น ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ๑.๑.๓ กระทรวงกลาโหมจะได้ดำเนินการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกองทัพบก กองทัพอากาศ และกองทัพเรือ เกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และหลังจากดำเนินการเสร็จแล้วจะได้รายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๑.๔ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๙ มอบหมายให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักบูรณาการร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนและวางระบบการตรวจคนเข้าเมืองตามด่านตรวจคนเข้าเมืองต่าง ๆ รวมถึงให้มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาเสริมสร้างขีดความสามารถในการดำเนินการด้วย เช่น การใช้ระบบ Biometrics หรือการใช้ข้อมูลทางชีวภาพ เพื่อสามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องได้แล้วนำเสนอรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) พิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๑ เดือน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ นั้น ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) ได้นำระบบ Biometrics มาใช้ในท่าอากาศยานแล้ว (นำร่อง) และจะขยายผลการดำเนินการต่อไป ๑.๒ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานผลการจัดงานประกาศรางวัล ๕๐ ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ประจำปี ๒๕๕๙ (Asia’ 50 Best Restaurants 2016) ว่า ในปีนี้มีร้านอาหารของไทยติดอันดับจำนวน ๔ ร้าน โดยหนึ่งในนั้นได้รับรางวัลชนะเลิศเป็นปีที่ ๒ ติดต่อกัน ซึ่งในอนาคตอาจมีการพิจารณานำผลผลิตของโครงการหลวงมาใช้เป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์และสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยด้วย ๑.๓ รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานว่า สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ และองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นต้น ดำเนินโครงการ “ปิดเทอมนี้... สนุกคิด... สนุกเรียนรู้... สู่อนาคต” ประกอบด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ ได้แก่ ด้านวิทยาศาสตร์ ด้านดาราศาสตร์ ด้านความคิดสร้างสรรค์ ด้านศิลปวัฒนธรรม ด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และด้านส่งเสริมนิสัยรักการอ่านและทักษะชีวิต เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้มีโอกาสแสวงหาความรู้จากพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ในช่วงปิดภาคเรียน (เดือนมีนาคม-พฤษภาคม ๒๕๕๙) ๑.๔ รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รายงานว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกในปี ๒๕๕๙ มีแนวโน้มชะลอตัว เห็นได้จากมูลค่าการส่งออกและนำเข้าที่หดตัวของประเทศหลักในภูมิภาค ประกอบกับอุปสงค์ภายในประเทศของสาธารณรัฐประชาชนจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลง แม้ว่าสถานการณ์การส่งออกของประเทศไทยในเดือนมกราคม ๒๕๕๙ ดีกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค แต่ยังมีความเสี่ยงจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมุ่งเน้นการสนับสนุนเศรษฐกิจภายในประเทศ ผ่านการเร่งรัดการเบิกจ่ายตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในช่วงครึ่งแรกของปี และเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ให้สามารถเริ่มดำเนินโครงการได้ภายในไตรมาสที่ ๓ และ ๔ ของปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ๑.๕ รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านกฎหมายว่า ๑.๕.๑ ช่วงระยะเวลาหลังจากร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติแล้ว สภานิติบัญญัติแห่งชาติจะต้องพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหลายฉบับและต้องพิจารณาโดยเร็ว และเพื่อให้การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและตามกรอบระยะเวลา เห็นควรให้ส่วนราชการเร่งรัดเสนอร่างพระราชบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรีในห้วงระยะเวลาก่อนที่จะมีการออกเสียงประชามติ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อให้สามารถเสนอร่างพระราชบัญญัติต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้โดยเร็ว ๑.๕.๒ ปัจจุบันสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้เห็นชอบกฎหมายมาแล้ว ๑๕๑ ฉบับ และเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการออกกฎหมายลูกบทต่อไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ (เรื่อง สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) ๒. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับการออกกฎหมายต่าง ๆ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ
|
.....