ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 35 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 681 - 700 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
681 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... | มท. | 29/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
ในท้องที่ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
แปลง “ที่เลี้ยงสัตว์เขาบายสี” บางส่วนในท้องที่ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ
จังหวัดชลบุรี
เพื่อให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินใช้เป็นที่ตั้งศูนย์พัฒนาวิชาชีพตรวจสอบของประเทศ
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงกลาโหม ที่เห็นว่าแผนที่ท้ายร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ไม่ปรากฎแนวเขตท่อส่งน้ำของฐานทัพเรือสัตหีบกำหนดไว้รวมถึงในหลักการ
เหตุผล หรือเนื้อหาที่กำหนดสงวนแนวเขตท่อส่งน้ำดังกล่าวไว้ในร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้แต่อย่างใด
จึงขอสงวนพื้นที่แนวเขตท่อส่งน้ำใช้ประโยชน์ในราชการของกองทัพเรือในร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินและกองทัพเรือได้มีการหารือและได้ข้อยุติร่วมกันเกี่ยวกับการใช้ที่ดินของกองทัพเรือบางส่วนในบริเวณที่ที่จะถอนสภาพ
เพื่อประโยชน์ในการวางท่อส่งน้ำของฐานทัพเรือสัตหีบตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว
โดยที่การเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเป็นการปฏิบัติราชการตามปกติเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายแม่บทบัญญัติให้อำนาจไว้
และมิได้เป็นกรณีที่คณะรัฐมนตรีมิได้เป็นกรณีที่คณะรัฐมนตรีกระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการ
หรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป ตามมาตรา ๑๖๙ (๑)
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๖
(เรื่อง แนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร)
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
682 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดระยอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท. | 29/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดระยอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕
แห่งพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. ๒๕๐๙
กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีอำนาจกำหนดเขตอันมีปริมณฑลจำกัดในท้องที่ใดเพื่อการอนุญาตหรืองดอนุญาตใหตั้งสถานบริการโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดระยอง
เพิ่มเติม เพื่อให้การตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดระยอง
เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สอดรับกับนโยบายสำคัญของรัฐบาลและคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ในการกำหนดสิทธิประโยชน์ในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ : เมืองการบินภาคตะวันออก
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
683 | บัญชีรายชื่อแผนปฏิบัติการด้าน... เพื่อเข้าสู่การพิจารณากลั่นกรองของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (เดือนเมษายน - มิถุนายน 2566) | นร.11 สศช | 29/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบัญชีรายชื่อแผนปฏิบัติการด้าน...
เพื่อเข้าสู่การพิจารณากลั่นกรองของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (เดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๖) ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑. สรุปบัญชีรายชื่อแผนปฏิบัติการด้าน...
เพื่อเข้าสู่การพิจารณากลั่นกรองของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยมีแผนปฏิบัติการด้าน...
ที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณากลั่นกรองระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน
๒๕๖๖ จำนวน ๑๓ แผน และมีแผนปฏิบัติการด้าน...
ที่เข้าสู่กระบวนการพิจารณากลั่นกรองของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินับตั้งแต่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่
๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ จำนวนทั้งสิ้น ๑๙๓ แผน ๒.
การนำเข้าแผนระดับที่ ๓ ในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR) ณ วันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๖ พบว่า
มีหน่วยงานนำเข้าข้อมูลแผนระดับที่ ๓ รวมจำนวน ๑,๐๘๕ แผน แบ่งเป็น (๑)
แผนปฏิบัติราชการระยะ ๕ ปี จำนวน ๔๖๒ แผน (๒) แผนปฏิบัติราชการรายปี จำนวน ๔๘๑ แผน
และ (๓) แผนปฏิบัติการด้าน... จำนวน ๑๔๒ แผน ทั้งนี้
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้เร่งรัดให้หน่วยงานนำเข้าแผนปฏิบัติราชการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ในระบบ eMENSCR ให้แล้วเสร็จและรายงานผลสัมฤทธิ์ของแผนระดับที่
๓ รายปี ภายในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ/ปีปฏิทินถัดไป
เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ เรื่อง การติดตาม
ตรวจสอบ และประเมินผล เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติ ๓.
การดำเนินการในระยะต่อไป
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ช่องว่างประเด็นการพัฒนาที่จำเป็นต้องมีการจัดทำแผนปฏิบัติการด้าน...
เพื่อให้มีการจัดทำแผนมีความครอบคลุมประเด็นการพัฒนาเฉพาะเท่าที่จำเป็น
โดยให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาทบทวนกฎหมายที่มีการกำหนดให้จัดทำแผนปฏิบัติการด้าน...
เพื่อยกเลิกแผนปฏิบัติการด้าน...
ที่มีความซ้ำซ้อนและไม่จำเป็นและจัดทำเฉพาะประเด็นที่จำเป็นต่อบริบทของเป้าหมายการพัฒนาประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
684 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การพิจารณาศึกษา ขับเคลื่อน เร่งรัดการปฏิรูประบบทันตสาธารณสุขไทย และการเข้าถึงบริการด้านทันตกรรม ของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา | สว. | 29/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง การพิจารณาศึกษา ขับเคลื่อน เร่งรัดการปฏิรูประบบทันตสาธารณสุขไทย
และการเข้าถึงบริการด้านทันตกรรม ของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา
โดยกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการฯ
แล้ว สรุปผลการพิจารณาว่า การจัดตั้ง “กรมทันตสุขภาพ”
อยู่ระหว่างการศึกษาพิจารณาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐
และตามหลักการและแนวทางของสำนักงาน ก.พ.ร. เรื่องการยุบเลิกหรือยุบรวมหน่วยงานในสังกัดที่มีอยู่เดิม
(One-In, X-Out) โดยพิจารณาเป้าหมายที่สำคัญ
คือ การเพิ่มการเข้าถึงบริการด้านทันตกรรม
เพื่อแก้ไขปัญหาการเข้าถึงบริการด้านทันตกรรมซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของระบบสาธารณสุขไทย
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
685 | ร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2515) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช 2479 | มท. | 29/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๑๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร
พุทธศักราช ๒๔๗๙ มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๑๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร
พุทธศักราช ๒๔๗๙ เนื่องจากมีการบังคับใช้มานาน ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ประกอบกับบริเวณพื้นที่ตามกฎกระทรวงดังกล่าวมีกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมสมุทรปราการ
พ.ศ. ๒๕๕๖ ควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินไว้แล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม ที่เห็นควรจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี
และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล
เกิดผลสัมฤทธิ์ หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
686 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 11/2566 | นร.11 สศช | 29/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ เห็นชอบ และรับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม
๒๕๖๖ โดย คกง.
มีมติเกี่ยวข้องกับการพิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมของข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายจากเงินภายใต้พระราชกำหนดกู้เงินฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยอนุมัติให้กรมควบคุมโรคเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย
จำนวน ๖๐,๐๐๐,๐๐๐ โดส (AstraZeneca) ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ และโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
(COVID-19) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย จำนวน ๓๐,๐๐๒,๓๑๐ โดส (Pfizer) ปี พ.ศ.
๒๕๖๕ ของกระทรวงสาธารณสุข โดยขยายระยะเวลาสิ้นสุดการดำเนินโครงการจากเดือนกันยายน
๒๕๖๖ เป็นเดือนมีนาคม ๒๕๖๗ อนุมัติให้จังหวัดเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ ของกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๗ จังหวัด ๙ โครงการ กรอบวงเงิน ๗๔.๑๓๖๓ ล้านบาท
มอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งปรับปรุงรายละเอียดของโครงการในระบบ eMENSCR
ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
พร้อมทั้งเร่งดำเนินโครงการตามกรอบระยะเวลาที่ได้รับจากคณะรัฐมนตรี
รายงานผลสัมฤทธิ์และคืนเงินกู้เหลือจ่าย (ถ้ามี) ตามระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และรับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดกู้เงินฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๘ (๑ พฤษภาคม-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖) ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้กระทรวงต้นสังกัดติดตามหน่วยงานเจ้าของโครงการในการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด
และกำกับดูแลหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดเพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างคุ้มค่า
มีประสิทธิภาพ และบรรลุผลสัมฤทธิ์ของโครงการตามที่ได้กำหนดไว้
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ.
๒๕๖๔ ข้อ ๒๒ และ ๒๓ สำหรับโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
หากมีเงินกู้เหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังภายใน ๓ เดือน
นับจากวันที่สิ้นสุดการดำเนินโครงการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๖
เพื่อให้การบริหารจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๕
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควรปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินผลโครงการ เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
687 | ขออนุมัติผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ เพื่อให้กรมชลประทานดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำแม่สะป๊วด อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดลำพูน | กษ. | 29/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำแม่สะป๊วด อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดลำพูน และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
พิจารณาทบทวนมาตรการในการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ตามความเห็นของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และครอบคลุมถึงเรื่องการศึกษาคาร์บอนเครดิตและข้อมูลสัตว์ป่าที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ตามความเห็นของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (หนังสือกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ ทส ๐๙๐๙.๒๐๔/๒๓๕๖๘ ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕) ด้วย
แล้วให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
นำเรื่องนี้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งเพื่อขออนุมัติผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ ต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอน
เป็นไปตามกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
688 | การแต่งตั้งคณะผู้แทนไทยในการประชุมใหญ่วาระพิเศษ ครั้งที่ 4 ของสหภาพสากลไปรษณีย์ | ดศ. | 29/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบเอกสารท่าทีไทยของประเทศไทยในการเข้าร่วมการประชุมใหญ่วาระพิเศษ
ครั้งที่ ๔ ของสหภาพสากลไปรษณีย์ รวมถึงร่างข้อสงวนแนบท้ายกรรมสาร
และมอบหมายให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าคณะพิจารณาใช้ดุลยพินิจตามสถานการณ์
ตามความเหมาะสมในเรื่องที่จะเป็นประโยชน์ต่อไป
มอบอำนาจให้แก่หัวหน้าคณะและรองหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการอภิปราย
ลงมติและลงนามในกรรมสารของการประชุมใหญ่วาระพิเศษครั้งที่ ๔ ของสหภาพสากลไปรษณีย์
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือแต่งตั้งผู้แทน (Credentials)
โดยมอบอำนาจให้แก่หัวหน้าคณะและรองหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการอภิปราย
ลงมติและลงนามในกรรมสารของการประชุมใหญ่วาระพิเศษครั้งที่ ๔ ของสหภาพสากลไปรษณีย์ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารกรอบท่าทีของประเทศไทยในการเข้าร่วมการประชุมใหญ่วาระพิเศษ
ครั้งที่ ๔ ของสหภาพสากลไปรษณีย์ และร่างข้อสงวนแนบท้ายกรรมสาร ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบหลังภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นว่าหากในการประชุมดังกล่าวจะมีการจัดทำความตกลงระหว่างประเทศสมาชิกซึ่งเป็นการทำหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
กรณีดังกล่าวจะเข้าลักษณะเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป
ซึ่งต้องห้ามตามนัยมาตรา ๑๖๙ (๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปพิจารณาด้วย ๒.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
689 | การรับรองร่างปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการเป็นภูมิภาคที่มีภูมิคุ้มกันอย่างยั่งยืน (ASEAN Leaders' Declaration on Sustainable Resilience) | มท. | 29/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการเป็นภูมิภาคที่มีภูมิคุ้มกันอย่างยั่งยืน
(ASEAN Leaders' Declaration on Sustainable
Resilience) และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ
ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๔๓ (43rd ASEAN Summit) ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๔-๗ กันยายน ๒๕๖๖ ณ กรุงจาการ์ตา
สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของผู้นำอาเซียนในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของประชาคมอาเซียนต่อความไม่แน่นอน
ความซับซ้อน
และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างเป็นระบบทั้งจากภัยพิบัติและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
รวมถึงการใช้ทรัพยากรที่ส่งผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ เป็นต้น
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณในกรณีหากมีค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ มาดำเนินการ
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ
รวมทั้งจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องและเปิดเผยต่อสาธารณชน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
690 | ขอความเห็นชอบการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | พน. | 29/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจำหน่ายที่ดิน ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานีไฟฟ้าแรงสูงชลบุรี
๒ (บางส่วน)
ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตามหลักฐานโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๔๕๙๗๘
ท้องที่ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ ๑๔-๐-๒๐ ไร่
ให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในราคาที่ดินไร่ละ ๕,๖๑๖,๙๖๖ บาท เป็นเงิน
๗๘,๙๑๘,๓๗๒ บาท และค่าดำเนินการร้อยละ
๒๐ ของราคาที่ดิน เป็นเงิน ๑๕,๗๘๓,๖๗๔
บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๙๔,๗๐๒,๐๔๖
บาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงาน
(การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
691 | การรับรองร่างกรอบงานเครือข่ายหมู่บ้านอาเซียน (ASEAN Villages Network Framework) | มท. | 29/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการต่อร่างกรอบงานเครือข่ายหมู่บ้านอาเซียน (ASEAN Villages Network Framework) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ในฐานะรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน
มีหนังสือแจ้งความเห็นชอบรับรองร่างกรอบงานเครือข่ายหมู่บ้านอาเซียนไปยังสำนักเลขาธิการอาเซียนภายหลังจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้ว
โดยร่างกรอบงานเครือข่ายหมู่บ้านอาเซียนเป็นเอกสารที่รัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจนจะให้การรับรองและจะมีการเสนอเป็นวาระเพื่อทราบในการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ ๔๓ (43rd ASEAN Summit) ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่
๔-๗ กันยายน ๒๕๖๖ ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เป็นการกำหนดรายละเอียดแนวทางการขับเคลื่อนงานในระดับหมู่บ้านของอาเซียนผ่านกลไกเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ
อาทิ หลักการและสาขาที่ให้ความสำคัญ ผลลัพธ์เชิงยุทธศาสตร์ การใช้ระบบ
และแผนปฏิบัติการระหว่างปี ๒๕๖๖-๒๕๖๘
โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจนในภูมิภาคอาเซียนและมีเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของพลเมืองอาเซียน
มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านให้มีความเข้มแข็งในลักษณะจากล่างขึ้นบน (bottom-up)
ซึ่งเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพลเมืองจากฐานราก
และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้หญิงและกลุ่มเปราะบางอื่น ๆ รวมทั้งเสริมสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับหุ้นส่วนภายนอก
โดยใช้เวทีการเรียนรู้และความร่วมมือเป็นตัวขับเคลื่อนเพื่อแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดี
ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาเชิงพื้นที่
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกรอบงานเครือข่ายหมู่บ้านอาเซียนในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
692 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 43 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง | กต. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ ๔๓ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง และให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสาร
ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามร่างเอกสาร
รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งให้ความเห็นชอบต่อเลขาธิการอาเซียนในการลงนามร่างเอกสารในนามของอาเซียน
โดยร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ
มีสาระสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของประเทศสมาชิกอาเซียนที่มุ่งเสริมสร้างให้อาเซียนเป็นศูนย์กลางการเจริญเติบโต
โดยให้ความสำคัญกับความมั่นคงของมนุษย์ควบคู่ไปกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งท ๔๓ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๒๑ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศหรือส่วนราชการเจ้าของเรื่องดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
693 | การร่วมรับรองเอกสารแผนปฏิบัติการเพื่อส่งเสริมธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานรากในอาเซียน (2566-2570) [Plan of Action for the Promotion of Inclusive Business in ASEAN (2023-2027)] | นร.53 | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบแผนปฏิบัติการเพื่อส่งเสริมธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานรากในอาเซียน
(2566-2570) [Plan of Action for the Promotion of Inclusive
Business in ASEAN (2023-2027)]
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
และผู้อำนวยการสำนักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ให้การรับรองเอกสารแผนปฏิบัติการฯ
ในการประชุมสุดยอดธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๖
และการประชุมรัฐมนตรีระดับสูง ซึ่งมีกำหนดจัดระหว่างวันที่ ๒๓-๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๖ ณ
เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยแผนปฏิบัติการฯ เป็นเอกสารเพื่อกำหนดแนวทางและจัดลำดับความสำคัญสำหรับความร่วมมือระดับภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานราก
โดยครอบคลุม ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) การสนับสนุนให้คำปรึกษาด้านนโยบาย (๒) การพัฒนาธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและยั่งยืน
การเข้าถึงแหล่งเงินทุน และ (๓) ศูนย์องค์ความรู้ด้านธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานรากของอาเซียน
ตามที่สำนักงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติการฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้
ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความช่วยเหลือและส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอย่างครบวงจร
และควรประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำแผนที่นำทาง (Roadmap)
การส่งเสริมธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานรากที่ครอบคลุมและสอดคล้องกับบริบทของประเทศไทย
รวมถึงผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน
ตลอดจนมีการติดตามประเมินผลอย่างเป็นระบบ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
694 | การรับรองร่างเอกสาร ASEAN-Japan New Environment Initiative "Strategic Program for ASEAN Climate and Environment (SPACE)" และร่างเอกสาร ASEAN-U.S. Environment and Climate Work Plan | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างเอกสาร ASEAN-Japan New Environment Initiative
"Strategic Program for ASEAN Climate and Environment (SPACE)" และร่างเอกสาร ASEAN-U.S. Environment and Climate Work Plan และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว
ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๗
และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๖ ณ
นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยร่างเอกสารทั้ง ๒
ฉบับดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานบริหารจัดการวิกฤติสิ่งแวดล้อมโลก
การบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์
และเพื่อส่งเสริมความร่วมมือและการสร้างขีดความสามารถของประเทศสมาชิกอาเซียน
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
รวมทั้งสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีบนพื้นฐานของความตกลงร่วมกันด้านการเงินและการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศสมาชิกอาเซียน
บนหลักการที่สอดคล้องและบูรณาการกับวิสัยทัศน์อาเซียนและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
(Sustainable Development Goals : SDGs) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้กรอบการดำเนินงานของร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณารายละเอียดของโครงการ
ภาระผูกพัน และผลกระทบต่าง ๆ
บนหลักการต่างตอบแทนและประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติเป็นสำคัญ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
695 | ร่างแผนปฏิบัติการอาเซียนด้านการจัดการชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน (ASEAN Action Plan for Invasive Alien Species Management) | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการอาเซียนด้านการจัดการชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน (ASEAN Action Plan for Invasive Alien Species Management)
และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ให้การรับรอง (Adoption) ร่างแผนปฏิบัติการฯ
โดยร่างแผนปฏิบัติการฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกรอบแนวทางการประสานความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ในการจัดการชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานในการลดผลกระทบทางลบจากชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานที่มีต่อสิ่งแวดล้อม
เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศสมาชิกอาเซียน
ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามกรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของโลก
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนปฏิบัติการฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณที่ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินการภายใต้ร่างแผนปฏิบัติการฯ
เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรในโอกาสแรกก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป
ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามภารกิจความจำเป็นและเหมาะสม
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
696 | การร่วมรับรองร่างปฏิญญาว่าด้วยการส่งเสริมรูปแบบธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานราก: ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อยเพื่อการเติบโตอย่างเท่าเทียม (Declaration on Promoting Inclusive Business Models: Empowering Micro. Small and Medium Enterprises for Equitable Growth) | นร.53 | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาว่าด้วยการส่งเสริมรูปแบบธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานราก:
ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อยเพื่อการเติบโตอย่างเท่าเทียม (Declaration on Promoting Inclusive Business Models :
Empowering Micro. Small and Medium Enterprises for Equitable Growth) และอนุมัติให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ
ในการประชุมสุดยอดธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๖ และการประชุมรัฐมนตรี ระดับสูง
ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๓-๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๖ โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการสนับสนุนการดำเนินการในการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง
ขนาดย่อม และรายย่อยเพื่อการเติบโตอย่างเท่าเทียม
โดยพิจารณาจากบริบทของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียนในด้านความสามารถและทรัพยากรที่มีอยู่
ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
697 | ขออนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลกับหน่วยยามฝั่งเวียดนาม ในความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายทางทะเล | นร.54 | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
สำนักนายกรัฐมนตรี แห่งราชอาณาจักรไทยกับหน่วยยามฝั่งเวียดนาม
แห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายทางทะเล
และอนุมัติในหลักการ ก่อนที่จะมีการลงนาม และอนุมัติให้รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายทางทะเล
เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและยกระดับความปลอดภัยและความมั่นคงทางทะเลในภูมิภาค
โดยไม่มีถ้อยคำหรือบริบทใดที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ
เป็นความตกลงงที่ไม่มีผลทางกฎหมาย จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเสนอ
โดยกระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม รวมทั้งให้ปรับแก้ไขชื่อและการลงนามร่างบันทึกความเข้าใจให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมาย
ตามความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้
ให้ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรให้ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามบันทึกความเข้าใจฯ
ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลตามความจำเป็นและเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
698 | การขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 30 [Joint Statement of the Thirtieth ASEAN Socio - Cultural Community (ASCC) Council] | พม. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๓๐ [Joint Statement of the Thirtieth ASEAN
Socio-Cultural Community (ASCC) Council] และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๓๐ [30th ASEAN Socio-Cultural Community (ASCC)
Council Meeting] ให้การรับรอง (adopt) ร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
สำหรับการประชุมดังกล่าวในวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๖ ณ กรุงจาการ์ตา
สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงความชื่นชมสาธารณรัฐอินโดนีเซียสำหรับความมุ่งมั่นในการเป็นประธานอาเซียน
ภายใต้หัวข้อหลัก “อาเซียนเป็นศูนย์กลาง สร้างสรรค์ความเจริญ”
การรับทราบความคืบหน้าในการดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามแผนงานประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
พ.ศ. ๒๕๖๘ รวมถึงการสนับสนุนความร่วมมือระหว่างประชาคมอาเซียนและองค์กรอาเซียนเฉพาะสาขาที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
699 | ร่างเอกสารสำหรับการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 41 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | พน. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบ
(๑) ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ ๔๑ (๒)
ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ ๔๑
ว่าด้วยความมั่นคงทางพลังงานที่ยั่งยืนผ่านการเชื่อมโยงระหว่างกัน (๓)
ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานบวกสาม (จีน ญี่ปุ่น
และเกาหลี) ครั้งที่ ๒๐ (๔) ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมสุดยอดรัฐมนตรีพลังงานแห่งเอเชียตะวันออก
ครั้งที่ ๑๗ และ (๕) ร่างถ้อยแถลงร่วมของโครงการบูรณาการด้านไฟฟ้าระหว่าง สปป.ลาว
ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ฉบับที่ ๔
และอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นผู้ให้การรับรองเอกสารสำหรับการประชุมดังกล่าวในช่วงการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน
ครั้งที่ ๔๑ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ที่มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒-๒๕
สิงหาคม ๒๕๖๖ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยร่างเอกสารทั้ง ๕ ฉบับดังกล่าว
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียน
ประเทศสมาชิกอาเซียนบวกสาม กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก และประเทศคู่เจรจา ตามลำดับ
ในการส่งเสริมความร่วมมือและความเชื่อมโยงทางพลังงานระหว่างกัน เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนด้านพลังงาน
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารทั้ง ๕
ฉบับดังกล่าว
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒
ให้กระทรวงพลังงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
700 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรปะการังจากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ พ.ศ. .... | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรปะการังจากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำในแนวปะการัง
เพื่อประโยชน์ในการสงวน คุ้มครอง อนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรปะการัง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย ที่เห็นว่าต้องมีการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวได้ทราบมาตรการตามประกาศอย่างทั่วถึง
ต้องคำนึงถึงอำนาจหน้าที่ของกรมเจ้าท่าตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทยฯ
และให้ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |