ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 38 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 741 - 760 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
741 | แนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย | รง. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการบริหารจัดการคนต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปี สามารถอยู่และทำงานเป็นการชั่วคราวได้ไม่เกินวันที่
๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖
โดยต้องดำเนินการตามประกาศกระทรวงมหาดไทยและประกาศกระทรวงแรงงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. เห็นชอบ
๒.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖
๒.๒ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๓. ให้กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ควรร่วมกันดำเนินการเพื่อให้ประกาศทั้ง
๒ ฉบับ มีผลใช้บังคับโดยเร็ว
เพื่อให้ทันต่อความจำเป็นและสามารถแก้ไขปัญหาในทางปฏิบัติได้จริงตรงตามวัตถุประสงค์ของการออกประกาศในครั้งนี้
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรพิจารณาวิเคราะห์ความต้องการคนต่างด้าวในภาคการผลิตและบริการรายสาขา
และจัดทำแผนบริหารจัดการคนต่างด้าวเพื่อให้การดำเนินการในเรื่องการอยู่และการทำงานของคนต่างด้าวเป็นไปอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
742 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับค่าใช้จ่ายบุคลากรภาครัฐของสำนักงาน กสม. | สม. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีอนุมัติหลักการการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๗,๓๘๑,๐๐๐ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายบุคลากรของสำนักงาน กสม. ตามนัยข้อ ๘ และข้อ ๙ (๒) ของระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่าย
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒
ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการแล้ว ทั้งนี้ ให้สำนักงาน กสม. ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๓) แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
743 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว | มท. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว
เนื่องจากได้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๖ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ฉบับกฤษฎีกา เล่มที่ ๑๔๐ ตอนที่ ๒๒ ก วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๖
การขอให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวของกรุงเทพมหานคร
จึงไม่สามารถเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาดำเนินการได้
เนื่องจากจะมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป
เป็นไปตามแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร
และจะนำเสนอรายงานความคืบหน้าของการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร)
และหน่วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรให้กรุงเทพมหานครหารือร่วมกับกระทรวงคมนาคมในประเด็นของระบบตั๋วร่วม การกำหนดอัตราค่าโดยสาร
และรายละเอียดอื่น ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
ให้กรุงเทพมหานครร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำข้อมูลประมาณการวงเงินภาระหนี้สินที่คาดว่าจะเกิดขึ้นทั้งหมดจนจบสัญญาสัมปทาน
(ปี ๒๖๗๒) เปรียบเทียบกับประมาณการรายได้/สถานะทางการเงินของกรุงเทพมหานคร
และจัดทำข้อเสนอแผนการชำระหนี้ดังกล่าวเป็นรายปี
ตลอดจนประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในโอกาสแรกด้วย
เร่งพิจารณาแนวทางที่จะทำให้กรุงเทพมหานครสามารถจัดเก็บค่าโดยสารของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว
ส่วนต่อขยาย ระยะที่ ๒ ที่ได้เปิดให้บริการมาตั้งแต่เมื่อปี ๒๕๖๓
เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่กรุงเทพมหานครซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้สินที่เกิดขึ้นตามเงื่อนไขของ
MOU
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
744 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารสุดท้าย (Draft Final Document) และร่างปฏิญญากรุงบากูของการประชุมคณะกรรมการประสานงานในระดับรัฐมนตรีของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (Ministerial Meeting of the Coordinating Bureau of the Non-Aligned Movement: CoB-NAM) | กต. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบและอนุมัติร่างเอกสารสุดท้าย (Draft
Final Document) และร่างปฏิญญากรุงบากูของการประชุมคณะกรรมการประสานงานในระดับรัฐมนตรีของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
(Ministerial Meeting of the Coordinating Bureau of the Non-Aligned
Movement : CoB-NAM) จะมีขึ้นระหว่างวันที่
๕-๖ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ณ กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน โดยร่างเอกสารสุดท้ายฯ
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับท่าที พัฒนาการ
และการดำเนินการของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดในเรื่องต่าง ๆ ในระดับโลกและภูมิภาค
อาทิ ปัญหาการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สิทธิมนุษยชนและการพัฒนาที่ยั่งยืน
และการปฏิรูปสหประชาชาติ และร่างปฏิญญาบากูฯ มีสาระสำคัญย้ำหลักการต่าง ๆ ที่กลุ่ม
NAM ให้ความสำคัญ เช่น การเคารพในอำนาจอธิไตย
การระงับกรณีพิพาทโดยสันติ การงดเว้นจากการคุกคามและใช้กำลัง
การร่วมกันตอบสนองต่อข้อท้าทายของโลกปัจจุบัน และการธำรงไว้ซึ่งคุณค่าของระบอบพหุภาคีและความร่วมมือระหว่างประเทศ
โดยให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา ซึ่งได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย
และผู้แทนพิเศษ (Special Envoy)
ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ร่วมรับรองเอกสารดังกล่าว หากถ้อยคำในเรื่องทะเลจีนใต้ในเอกสารสุดท้ายฯ
ไม่สอดคล้องกับท่าทีร่วมของอาเซียนในเรื่องนี้
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมลงนามหนังสือแจ้งข้อสงวน (reservation) หรือหนังสืออื่น ๆ
ที่เป็นการแจ้งท่าทีของอาเซียนต่อถ้อยคำในเอกสารสุดท้ายเช่นเดียวกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอื่น
ๆ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของรัฐมนตรีอาเซียนต่อเอกสารสุดท้ายของการประชุม
CoB-NAM ที่ผ่านมา
และหากปรากฎว่าเนื้อหาหรือถ้อยคำของเอกสารสุดท้ายฯ
และร่างปฏิญญาบากูที่ได้รับรองในที่ประชุม CoB-NAM
ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์และท่าทีไทยในสาระสำคัญ แสดงท่าทีเชิงลบ
หรือมีถ้อยคำรุนแรงประณามประเทศอื่นใด อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งข้อสงวน
(reservation)
หรือแสดงท่าทีที่อธิบายอย่างระมัดระวังถึงเหตุผลของไทยซึ่งทำให้ไม่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหรือถ้อยคำดังกล่าวได้
ทั้งนี้ การแจ้งข้อสงวนเป็นแนวทางที่ไทยปฏิบัติมาโดยตลอด ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารสุดท้ายและร่างปฏิญญากรุงบากูของการประชุมคณะกรรมการประสานงานในระดับรัฐมนตรีของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหุตผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
745 | ขออนุมัติงบประมาณ งบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับเบิกจ่ายโครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์ม เพื่อบริหารจัดการและควบคุมสต๊อกน้ำมันปาล์ม งวดที่ 3 และงวดสุดท้าย | พณ. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณ งบกลาง
รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับเบิกจ่ายงวดที่ ๓
ตามพื้นที่จำนวน ๑๓ พื้นที่ และงวดสุดท้าย โครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์ม
เพื่อบริหารจัดการและควบคุมสต๊อกน้ำมันปาล์ม เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น ๑๐๗.๒๔
ล้านาท ก่อนสำนักงบประมาณเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนอนุมัติจัดสรรงบประมาณดังกล่าวต่อไป
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๓) แล้ว ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
746 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนชื่อกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | ทส. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนชื่อกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
เป็นกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเปลี่ยนชื่อกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
เป็นกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม
เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการเป็นหน่วยงานขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๓ มกราคม ๒๕๔๗ เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการแต่งตั้งข้าราชการระดับ ๑๐
หรือระดับ ๑๑ กรณีการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
747 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation: BIMSTEC) หรือบิมสเทค ครั้งที่ 19 | กต. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ
(Bay of Bengal Initiative
for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation :
BIMSTEC) หรือบิมสเทค ครั้งที่ ๑๙ ผ่านระบบการประชุมทางไกล
โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายดอน ปรมัตถ์วินัย)
เป็นประธาน และพิจารณามอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมฯ
ต่อไป โดยที่ประชุมฯ ให้ความสำคัญต่อ (๑) การเร่งสรุปผลการเจรจาต่อเขตการค้าเสรี
(๒) การยกระดับความเชื่อมโยงภายในภูมิภาค และ (๓)
การเร่งรัดการดำเนินงานในสาขาความร่วมมือต่าง ๆ รวมทั้งได้รับรองถ้อยแถลงร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีบิมสเทค
ครั้งที่ ๑๙ และเห็นชอบร่างวิสัยทัศน์กรุงเทพฯ ๒๐๓๐
ที่เสนอแนะต่อที่ประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ ๖ เพื่อให้การรับรองต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตติ
ที่เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยให้คำนึงถึงความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ด้วย
พิจารณาประเด็นในแผนงาน/โครงการของสาขาหลักและสาขาย่อยของความร่วมมือบิมสเทคให้มีความครอบคลุม
รวมทั้งควรส่งเสริมให้มีการบูรณาการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศไทย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
748 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงการก่อหนี้ผูกพันตามมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 รายการค่าเช่ารถยนต์ สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย | วธ. | 27/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยเปลี่ยนแปลงรายการและระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ รายการค่าเช่ารถยนต์ ๒ คัน ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๖๙ (๓๒ เดือน)
อัตราค่าเช่าไม่เกิน ๒๔,๗๕๐ บาทต่อคันต่อเดือน โดยยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ โดยให้ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ที่ได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว
และเห็นควรให้สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณรองรับให้ครบวงเงินค่างานตามสัญญาต่อไป
สำหรับกรณีการเช่ารถยนต์เพื่อใช้ในราชการชั่วคราวไปพลางก่อนจนกว่ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้างข้างต้นจะแล้วเสร็จ
ควรพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ
และต่อรองราคาจนถึงที่สุดด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
749 | แนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร (เพื่มเติม) | นร. | 27/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณชี้แจงแนวทางการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๑ มีนาคม ๒๕๖๖ (เรื่อง แนวทางการปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร) ข้อ
๒.๒.๒.๒. กรณีอนุมัติงานหรือโครงการ [มาตรา ๑๖๙ (๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย]
ที่บัญญัติให้ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการ หรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป
เว้นแต่ที่กำหนดไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามข้อ ๒.๒.๒.๒. (๑) ข้อย่อย (๑.๓)
(แจ้งตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๕๐๓/ว ๑๒๕ ลงวันที่
๒๓ มีนาคม ๒๕๖๖) เพิ่มเติม
หากเป็นกรณีการเปลี่ยนแปลงที่ได้กำหนดไว้แล้วในงบประมาณรายจ่ายประจำปี เฉพาะในส่วนของรายละเอียดของรายการและมิได้เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันเกินวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ก็สามารถดำเนินการได้
โดยไม่ถือเป็นกรณีที่คณะรัฐมนตรีได้กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการ
หรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไปตามมาตรา
๑๖๙ (๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แต่ประการใด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
750 | มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 15 พ.ศ. 2565 | สช. | 27/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ
ครั้งที่ ๑๕ พ.ศ. ๒๕๖๕ รวม ๓ มติ ได้แก่ มติ ๑ การขจัดความยากจนตามแนวคิดเศรษฐกิจ BCG : การยกระดับเศรษฐกิจครัวเรือน มติ ๒
การขับเคลื่อนแพลตฟอร์มเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลสถิติการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาของประชาชน
ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน และมติ ๓
การจัดการสื่อสารอย่างมีส่วนร่วมในวิกฤตสุขภาพ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการตามมติฯ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ
และกระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และสำนักงบประมาณ
ข้อสังเกตของกระทรวงแรงงานและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรมีหน่วยงานในการติดตามการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร
ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญในการกำหนดกรอบทิศทางนโยบายสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ และให้ถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้หน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ แล้วแต่กรณี ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
751 | การขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเยาวชน ครั้งที่ 12 และร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเยาวชน+3 ครั้งที่ 8 | พม. | 20/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบและอนุมัติต่อร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเยาวชน
ครั้งที่ ๑๒ (Draft Joint Ministerial Statement of the Twelfth
ASEAN Ministerial Meeting on Youth) และร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเยาวชน+๓
ครั้งที่ ๘ (Draft Joint Ministerial Statement of the Eighth ASEAN Plus
Three Ministerial Meeting on Youth) และให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นของมนุษย์
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเยาวชน ครั้งที่ ๑๒ และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเยาวชน+๓
ครั้งที่ ๘ ให้การรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเยาวชน
ครั้งที่ ๑๒ และร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเยาวชน+๓ ครั้งที่
โดยร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเยาวชน ครั้งที่ ๑๒ มีสาระสำคัญในการยืนยันเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนงานตามแผนงานอาเซียนเยาวชน
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘
การสนับสนุนข้อเสนอสำหรับแนวทางการศึกษาและการฝึกอบรมที่ครอบคลุมและการศึกษาแบบสหวิทยาการในความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการนำดิจิทัลมาใช้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
สนับสนุนการเปิดตัวรายงานดัชนีการพัฒนาเยาวชนอาเซียน ฉบับที่ ๒
ซึ่งจะมีตัวชี้วัดใหม่ในรายงานดังกล่าว ได้แก่ (๑) ความเสมอภาคและการอยู่ร่วมกัน
(๒) ความปลอดภัยและความมั่นคง และร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเยาวชน+๓
ครั้งที่ ๘
มีสาระสำคัญในการยืนยันเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนงานตามแผนงานอาเซียนเยาวชน
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ และแผนงานอาเซียนเยาวชน+๓ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ อาทิ
ความร่วมมือของเยาวชนอาเซียนเพื่อการมีส่วนร่วมที่มีความหมาย
การดำเนินโครงการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนผ่านโครงการระหว่างอาเซียน-สาธารณรัฐประชาชนจีน
อาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี และ อาเซียน-ญี่ปุ่น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเยาวชน
ครั้งที่ ๑๒ และร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเยาวชน+๓
ครั้งที่ ๘
ในส่วนที่ไม่ใช้สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
752 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศและกิจการโพ้นทะเลสาธารณรัฐคอซอวอ | กต. | 20/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศและกิจการโพ้นทะเลสาธารณรัฐคอซอวอ
และอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจดังกล่าว โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
และเพิ่มพูนความร่วมมือทวิภาคีในสาขาที่ตกลงร่วมกัน เช่น การเมือง เศรษฐกิจ กงสุล
วัฒนธรรม การท่องเที่ยว เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์
รวมถึงประเด็นระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศและกิจการโพ้นทะเลสาธารณรัฐคอซอวอ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์กรระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนงบประมาณรายจ่าย โอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
753 | การโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่คู่สัญญาในการขายที่ราชพัสดุที่ตกเป็นของแผ่นดินตามคำพิพากษาของศาล | กค. | 13/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่คู่สัญญาในการขายที่ราชพัสดุที่ได้มาโดยคำพิพากษาของศาลให้ตกเป็นของแผ่นดิน
โดยการเปิดประมูลขาย จำนวน ๒๗ ราย ๓๒ รายการ (๔๕ แปลง)
และโดยยกเว้นการเปิดประมูลเป็นการทั่วไป จำนวน ๒ ราย ๒ รายการ (๓ แปลง)
ตามกฎกระทรวงการโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่มิใช่ที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ
พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ เห็นควรที่หน่วยงานจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงความจำเป็น เหมาะสม และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญ
ไปดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
754 | การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมประจำภูมิภาคระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก และภูมิภาคเอเชียใต้ ครั้งที่ 35 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กก. | 13/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบต่อร่างปฏิญญาพนมเปญว่าด้วยประมวลกฎหมายระหว่างประเทศสำหรับการคุ้มครองนักท่องเที่ยวขององค์การการท่องเที่ยวโลก
ในวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๖ ในช่วงการประชุมประมวลกฎหมายระหว่างประเทศสำหรับการคุ้มครองนักท่องเที่ยวขององค์การการท่องเที่ยวโลก
โดยร่างปฏิญญาพนมเปญฯ เพื่อสะท้อนเจตนารมณ์รัฐมนตรีท่องเที่ยวของรัฐสมาชิก UNWTO สะท้อนความร่วมมือ
และความเป็นหุ้นส่วน เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว
หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ คลี่คลายลง
ผ่านการส่งเสริมการบูรณาการระหว่างผู้มีส่วนได้เสียด้านการท่องเที่ยว
ทั้งภาครัฐและเอกชนในการคุ้มครองนักท่องเที่ยว การเผยแพร่ข้อมูล
การประสานงานในการคุ้มครองนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน
และการดำเนินการประมวลกฎหมายระหว่างประเทศสำหรับการคุ้มครองนักท่องเที่ยวขององค์การการท่องเที่ยวโลก และอนุมัติให้นางสาวดารณี
ลิขิตวรศักดิ์ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ให้เข้าร่วมการประชุม CAP-CSA ครั้งที่ ๓๕ และการประชุมอื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในฐานะผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และร่วมรับรองปฏิญญาฯ ดังกล่าว โดยไม่มีการลงนาม ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาว่าด้วยประมวลกฎหมายระหว่างประเทศ
สำหรับการคุ้มครองนักท่องเที่ยวขององค์การการท่องเที่ยวโลก
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่องการเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
755 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 06/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาตรีในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา (ฉบับที่ ..) พ..ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ รวมทั้งกำหนดสีประจำสาขาดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๘
กันยายน ๒๕๔๑ ให้ถือเป็นหลักการว่า
เมื่อมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาใดอนุมัติหลักสูตรวิชาใดแล้ว
จะต้องเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดปริญญาในสาขาวิชานั้นเสียก่อน
แล้วจึงจะเปิดทำการสอนในสาขาวิชานั้นได้ แต่โดยที่ปรากฎข้อเท็จจริงว่าสภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาได้มีมติเห็นชอบหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต
(หลักสูตรใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๕) เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
โดยจะมีผู้สำเร็จการศึกษาในปี ๒๕๖๘ ดังนั้น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมควรดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
เมื่อมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาใดอนุมัติหลักสูตรวิชาใดแล้วจะต้องเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดปริญญาในสาขาวิชานั้นเสียก่อน
แล้วจึงจะเปิดทำการสอนวิชานั้นได้ เพื่อให้พระราชกฤษฎีกามีผลใช้บังคับก่อนเปิดทำการสอน
ซึ่งจะรองรับศักดิ์และสิทธิ์ให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
756 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 06/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (ฉบับที่ ..) พ..ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชารัฐศาสตร์ เพิ่มขึ้น
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
757 | การเสนอพระนามพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้องค์การยูเนสโกประกาศยกย่องและร่วมเฉลิมฉลองในวาระ 100 ปี วันพระบรมราชสมภพ ในปี พ.ศ. 2570 | ศธ. | 06/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการในการเสนอพระนามพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์
และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (องค์การยูเนสโก) ประกาศยกย่องและร่วมเฉลิมฉลองในวาระ
๑๐๐ ปี วันพระราชสมภาพ ในปี พ.ศ. ๒๕๗๐
และให้กระทรวงศึกษาธิการในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา
วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ
เป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำร่างเอกสารเสนอพระนามต่อองค์การยูเนสโก
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
และให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
758 | การขอความเห็นชอบต่อร่างปฏิญญารัฐมนตรีของการประชุม UN-Habitat Assembly สมัยที่ 2 | พม. | 06/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบต่อร่างปฏิญญารัฐมนตรีของการประชุม UN-Habitat Assembly สมัยที่ ๒ ในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๖ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุม UN-Habitat Assembly สมัยที่ ๒
ให้การรับรองร่างปฏิญญารัฐมนตรีของการประชุม UN-Habitat Assembly สมัยที่ ๒ โดยร่างปฏิญญาของการประชุมฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการรับทราบข้อท้าทายในการพัฒนาเมือง
และความมุ่งมั่นในการขจัดข้อท้าทายที่เกิดขึ้นผ่านการร่วมมือระหว่างกันในทุกระดับและผู้มีส่วนร่วมทุกภาคส่วน
รวมถึงพัฒนากลไกและแนวทางการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อให้เร่งขับเคลื่อนให้เกิดผลลัพธ์ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาของการประชุมรัฐมนตรี UN-Habitat
Assembly สมัยที่ ๒ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ มาดำเนินการ
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ
ไปพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
759 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 7/2566 | นร.11 สศช | 06/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๗/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๖ โดยอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ค่ารักษาพยาบาลแก่กลุ่มผู้ไร้สิทธิการรักษาพยาบาลของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ โดยขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ จากเดือนธันวาคม ๒๕๖๕ เป็นเดือนกันยายน ๒๕๖๖ และเพิ่มจำนวนกลุ่มเป้าหมายของโครงการ
อนุมัติให้จังหวัด เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ มอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการ
เร่งปรับปรุงรายละเอียดของโครงการในระบบ eMENSCR ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
พร้อมทั้งเร่งดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด
มอบหมายให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
และอยู่ระหว่างดำเนินการให้เร่งรัดการดำเนินงานและต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขในกรณีที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ไม่สามารถดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินกู้ให้แล้วเสร็จภายในกำหนดที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้หน่วยงานรับผิดชอบดำเนินโครงการโดยใช้จ่ายจากแหล่งอื่นต่อไป
และอนุมัติการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖ เรื่อง
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ในคราวประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๖
และเรื่องผลการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ในคราวประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๖๖
ในส่วนของการขยายระยะเวลาสิ้นสุดการดำเนินโครงการและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ ของกระทรวงมหาดไทย จากเดิมเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖ เป็นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๖ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ให้กระทรวงต้นสังกัดติดตามหน่วยงานเจ้าของโครงการในการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด
และกำกับดูแลหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ.
๒๕๖๔ ข้อ ๒๒ และ ๒๓ สำหรับโครงการที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้อีก
หากมีเงินกู้เหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังภายใน ๓
เดือนนับจากวันที่สิ้นสุดการดำเนินโครงการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม
๒๕๖๖ เพื่อให้การบริหารจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์ อัตราค่าใช้จ่าย
และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
760 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 8/2566 | นร.11 สศช | 06/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๘/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๖ โดยรับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ราย ๓ เดือน (๑ กุมภาพันธ์-๓๐ เมษายน ๒๕๖๖)
พร้อมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ เช่น
กรณีโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ หน่วยงานที่ดำเนินโครงการแล้วเสร็จ
ควรเร่งดำเนินการคืนวงเงินเหลือจ่าย
โดยควรตรวจสอบความถูกต้องของการเบิกจ่ายให้ครบถ้วน
ก่อนจัดส่งรายงานผลสำเร็จของโครงการให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) โดยเร็ว ตามข้อ
๒๑ และ ๒๒ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
โครงการของส่วนราชการที่มีสถานะอยู่ระหว่างดำเนินการที่มีความก้าวหน้าการเบิกจ่ายน้อย
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผนที่ได้รับอนุมัติขยายเวลาแล้ว
และควรรายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการติดตามและบริหารงานโครงการ
เป็นต้น ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้กระทรวงต้นสังกัดติดตามหน่วยงานเจ้าของโครงการในการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด
และกำกับดูแลหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ.
๒๕๖๔ ข้อ ๒๒ และ ๒๓ สำหรับโครงการที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้อีก หากมีเงินกู้เหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังภายใน
๓ เดือนนับจากวันที่สิ้นสุดการดำเนินโครงการตามมติคณะรัฐมนตรี
เพื่อให้การบริหารจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|