ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 32 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 621 - 640 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
621 | การจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | วธ. | 24/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงแถลงข่าว
วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (Memorandum of Understanding on Cultural Exchange between
the Ministry of Culture of the Kingdom of Thailand and the Ministry of
Information, Culture and Tourism of the Lao People’s Democratic Republic) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างสองประเทศ
และความเข้าใจระหว่างประชาชนให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยความร่วมมือในสาขาวัฒนธรรม
อาทิ การฝึกอบรม การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อมูลข่าวสารด้านวัฒนธรรม
ตลอดจนความร่วมมือต่าง ๆ ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของกันและกัน
การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือด้านการปกป้องมรดกทางวัฒนธรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านพิพิธภัณฑ์วิทยา การเก็บรักษาอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์
และการค้นคว้าทางโบราณคดี
รวมทั้งการดำเนินการร่วมกันต่อต้านการลักลอบค้าวัตถุทางวัฒนธรรม ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
622 | การต่ออายุความตกลงประเทศเจ้าภาพระหว่างไทยกับสหประชาชาติในรูปแบบหนังสือแลกเปลี่ยนสำหรับการฝึกอบรมหลักสูตรกฎหมายระหว่างประเทศระดับภูมิภาคของสหประชาชาติ (United Nations Regional Course in International Law) ประจำปี 2566 | กต. | 24/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อต่ออายุความตกลงประเทศเจ้าภาพระหว่างไทยกับสหประชาชาติ
ปี ๒๕๖๐ ที่แก้ไขเพิ่มเติม ปี ๒๕๖๕ ในรูปแบบหนังสือแลกเปลี่ยนสำหรับการฝึกอบรมหลักสูตรกฎหมายระหว่างประเทศระดับภูมิภาคของสหประชาชาติ
(United Nations Regional
Course in International Law) ประจำปี ๒๕๖๖ ระหว่างวันที่ ๑๓
พฤศจิกายน-๖ ธันวาคม ๒๕๖๖ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออบรมกฎหมายระหว่างประเทศให้แก่ผู้ที่มีภูมิหลังด้านกฎหมายหรือประสบการณ์ในการทำงานด้านกฎหมายระหว่างประเทศจากภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
และอนุมัติให้เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ของฝ่ายไทยสำหรับการฝึกอบรมฯ
ประจำปี ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อการต่ออายุความตกลงประเทศเจ้าภาพระหว่างไทยกับสหประชาติสำหรับการฝึกอบรมหลักสูตรกฎหมายระหว่างประเทศระดับภูมิภาคของสหประชาชาติ
(United Nations Regional Course in International Law)
ประจำปี ๒๕๖๖
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดการฝึกอบรมฯ ให้กระทรวงการต่างประเทศใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
และควรวิเคราะห์และติดตามประเมินผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงประโยชน์ที่ไทยพึงจะได้รับด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
623 | การประชุมใหญ่ระดับโลกว่าด้วยวิทยุคมนาคม ค.ศ. 2023 (WRC - 23) ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) | กสทช. | 24/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบตามที่ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (นายเสน่ห์ สายวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ) ชี้แจงว่า
แนวคิดในการจัดทำร่างเอกสารท่าทีของประเทศไทยในการประชุมใหญ่ระดับโลกว่าด้วยวิทยุคมนาคม
ค.ศ. ๒๐๒๓ ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ
มุ่งให้ความคุ้มครองการใช้คลื่นความถี่ในกิจการโทรคมนาคมที่มีอยู่เดิม
ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศไทยในปัจจุบัน
และเปิดโอกาสในการใช้คลื่นความถี่ที่มีเทคโนโลยีใหม่ในอนาคต
รวมทั้งสนับสนุนให้เกิดการใช้คลื่นความถี่ที่มีความสอดคล้องกันทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก
เช่น กิจการโทรคมนาคมสากล (5G, 6G) ระบบสื่อสารทางการบิน
การเดินทะเล และแนวทางการใช้วงโคจรดาวเทียม เป็นต้น
โดยไม่มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแต่ประการใด ทั้งนี้
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติได้หารือร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว ๒.
เห็นชอบเอกสารท่าที ข้อเสนอ
และแนวทางการดำเนินการของประเทศไทยสำหรับการประชุมใหญ่ระดับโลกว่าด้วยวิทยุคมนาคม
ค.ศ. ๒๐๒๓ (World Radiocommunication Conference :
WRC-23) โดยมอบอำนาจเต็มให้แก่คณะผู้แทนไทยในการเข้าร่วมการประชุม WRC-23
ในการอภิปราย ลงมติ และลงนามในกรรมสารสุดท้ายของการประชุม WRC-23
รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือแต่งตั้งผู้แทน (Credentials)
เพื่อมอบอำนาจเต็มให้แก่คณะผู้แทนไทยในการเข้าร่วมการประชุม WRC-23
เพื่อให้ประเทศไทยแสดงบทบาทและมีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางพัฒนาและการขับเคลื่อนประโยชน์ในด้านกิจการโทรคมนาคมของประเทศในเวทีสมาชิกระหว่างประเทศ
ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถบริหารคลื่นความถี่ให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับหลักสากล
รวมทั้งรองรับกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนท่าทีของประเทศไทยในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
624 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงที่ดินสำหรับก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมอาคารชุดพักอาศัยและสิ่งก่อสร้างประกอบ | ปช. | 24/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเปลี่ยนแปลงที่ดินสำหรับก่อสร้างอาคารสำนักงาน
ป.ป.ช. ประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา จาก ค่าก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช.
ประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมอาคารชุดพักอาศัยและสิ่งก่อสร้างประกอบ ตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็น ค่าก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา
พร้อมอาคารชุดพักอาศัยและสิ่งก่อสร้างประกอบ ตำบลคลองนา อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งกองทัพบกได้อนุญาตให้ใช้พื้นที่แล้ว
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรับความความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าสำนักงาน ป.ป.ช. จะต้องดำเนินการส่งคืนและขอใช้ที่ราชพัสดุให้เป็นไปตามกฎ
ระเบียบ กฎหมายที่ราชพัสดุ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
สำหรับการขอขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
การขอทำความตกลงความเหมาะสมของราคาก่อนทำสัญญาก่อหนี้ผูกพัน
และการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายในแต่ละปีงบประมาณนั้น
และให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ไปดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
625 | ขอความเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021) | กก. | 24/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบการเลื่อนวันจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์
ครั้งที่ ๖ พ.ศ. ๒๕๖๔ (ค.ศ. ๒๐๒๑) จากเดิมระหว่างวันที่ ๑๗-๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
เลื่อนเป็นระหว่างวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์-๖ มีนาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การกีฬาแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทั้งนี้
ให้คำนึงถึงความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของนักกีฬา และผู้เข้าร่วมงานเป็นสำคัญ
และให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
รวมทั้งควรเร่งประสานภาคเอกชนใหเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนการจัดการแข่งขัน โดยเฉพาะจากการรับสิทธิประโยชน์ทางการตลาดและโฆษณา
เพื่อให้การจัดการแข่งขันเป็นไปตามวัตถุประสงค์การเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางด้านกีฬา
และการกระชับความสัมพันธ์กลุ่มประเทศที่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันโดยไม่ก่อให้เกิดภาระทางด้านงบประมาณของประเทศจนเกินความจำเป็น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
เห็นชอบในหลักการกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันดังกล่าว
วงเงินทั้งสิ้น ๑,๗๔๕,๐๐๒,๕๕๒ บาท และให้การกีฬาแห่งประเทศไทยดำเนินการต่อไป โดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ
๑,๒๐๗.๐๑ ล้านบาท ใช้จ่ายจากรายได้จาการแข่งขันฯ ๒๐๒.๕๐
ล้านบาท และขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๓๓๕.๔๔ ล้านบาท
ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้การกีฬาแห่งประเทศไทยใช้จ่ายจากเงินสะสมของการกีฬาแห่งประเทศไทย
และเงินกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ รวมทั้งเงินรายได้จากการจัดการแข่งขันฯ
ในโอกาสแรกก่อน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
626 | การแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ | นร. | 24/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐต่าง
ๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้อง และเหมาะสม
จึงขอให้รัฐมนตรีทุกท่านกำชับปลัดกระทรวง
หัวหน้าส่วนราชการ/หน่วยงานในกำกับดูแลให้ดำเนินการเกี่ยวกับการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการ
เจ้าหน้าที่ของส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐต่าง ๆ ตามอำนาจหน้าที่ให้ถูกต้อง
โปร่งใส เป็นธรรม เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงความรู้
ความสามารถ ความเหมาะสมกับตำแหน่ง และประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
627 | มาตรการจูงใจให้แรงงานไทยในรัฐอิสราเอลเดินทางกลับประเทศ | นร. | 24/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในรัฐอิสราเอลมีแนวโน้มที่จะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องหากคู่กรณีเปิดปฏิบัติการรบภาคพื้นดินต่อกัน
ซึ่งในส่วนของรัฐบาลไทยได้เร่งอพยพแรงงานไทยที่ทำงานในพื้นที่เสี่ยงอันตรายและแสดงความประสงค์ขอเดินทางกลับประเทศไทยให้ได้เดินทางกลับภูมิลำเนาโดยเร็วมาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม
ยังคงมีแรงงานไทยในรัฐอิสราเอลจำนวนหนึ่งที่ตัดสินใจที่จะอยู่ทำงานไปก่อนเพื่อให้ครบกำหนดเวลาที่จะได้รับเงินเดือนหรือนายจ้างจูงใจให้อยู่ทำงานต่อไปโดยจะเพิ่มเงินเดือนค่าจ้างให้มากกว่าเดิม
ซึ่งหากเกิดสถานการณ์การสู้รบภาคพื้นดินอย่างเต็มรูปแบบ
จะทำให้การช่วยเหลือและอพยพแรงงานไทยที่เหลืออยู่ในรัฐอิสราเอลที่ประสงค์จะกลับประเทศไทยทำได้อย่างยากลำบากหรืออาจทำไม่ได้เลย
ดังนั้น ณ เวลานี้ จึงขอให้แรงงานไทยในรัฐอิสราเอลทุกคนตระหนักถึงภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นและให้ความสำคัญต่อชีวิตและความปลอดภัยของตนเองเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด
และรีบตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยโดยด่วนที่สุด ในการนี้ จึงขอมอบหมาย ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงแรงงานเร่งประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้แรงงานไทยในรัฐอิสราเอลให้ทั่วถึงเพื่อรีบเดินทางกลับประเทศไทยโดยด่วนที่สุด
และให้กระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดสิทธิประโยชน์และเงินช่วยเหลือชดเชยให้แก่แรงงานไทยที่กลับจากรัฐอิสราเอลดังกล่าวข้างต้นให้เหมาะสมเป็นกรณีพิเศษ
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒.
ให้กระทรวงแรงงานประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย
พิจารณาให้ความช่วยเหลือในการจัดหางานและส่งเสริมการมีงานทำให้กับแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากรัฐอิสราเอลให้เหมาะสมตามความรู้ความสามารถและประสบการณ์ให้ได้มากที่สุดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
628 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ ที่ดินสาธารณประโยชน์แปลง “ทุ่งหนองแด” ตำบลกุดสระ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี | กษ. | 16/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่เมื่อวันที่
๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ และเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เรื่อง
มาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำพื้นที่ที่ดินสาธารณประโยชน์ แปลง “ทุ่งหนองแด”
ตำบลกุดสระ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี
เพื่อให้สามารถเข้าดำเนินงานในพื้นที่ พร้อมส่งมอบพื้นที่ให้แก่
สมาคมพืชสวนโลกระหว่างประเทศ AIPH ตามกำหนดกรอบเวลา
ก่อน ๖ เดือน ในวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๙ และให้ทันพิธีเปิดงานในวันที่ ๑ พฤศจิกายน
๒๕๖๙ ซึ่งให้เกิดประโยชน์กับการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. ๒๕๖๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรมีการสื่อสารแนวปฏิบัติที่ชัดเจน
ตลอดจนมีมาตรการรองรับในระหว่างการจัดงานและภายหลังเสร็จสิ้นงาน
เพื่อเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลกอย่างมีความรับผิดชอบ
อันจะเป็นประโยชน์ในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานของไทยในอนาคต ควรพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อทางหลวงแผ่นดิน
หมายเลข ๒ เช่น
ปริมาณจราจรที่จะเพิ่มขึ้นทั้งในระหว่างเตรียมการจัดงานและระหว่างจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกฯ
ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่มาร่วมงานและประชาชนโดยทั่วไปได้ ควรให้ความสำคัญต่อการพิจารณากำหนดมาตรการบริหารจัดการพื้นที่ดำเนินการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกฯ
ที่สอดคล้องกับขีดความสามารถในการรองรับของพื้นที่ (Carrying Capacity) ตลอดจนกำหนดมาตรการและแนวทางในการบำรุงรักษาพื้นที่ให้ยังคงสภาพที่สมบูรณ์
สามารถใช้ประโยชน์ภายหลังการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกให้เกิดประโยชน์ต่อเนื่องทั้งทางด้านเศรษฐกิจ
สังคม และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน
ชุมชน โดยรอบได้อย่างยั่งยืนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๖ กันยายน ๒๕๖๖ (เรื่อง การจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. ๒๕๖๙) รวมทั้งการขออนุญาตเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณประโยชน์ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
629 | ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 4/2566 | นร.08 | 16/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ปรับลดพื้นที่อำเภอยี่งอ
จังหวัดนราธิวาส อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี และอำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา
ออกจากพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ เพื่อนำพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
พ.ศ. ๒๕๕๑ มาบังคับใช้แทน ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๒.
เห็นชอบให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส
เป็นระยะเวลา ๓ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๗ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๓. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส
ยกเว้นอำเภอยี่งอ อำเภอศรีสาคร อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน
จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ
และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง
ออกไปอีก ๓ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๗
ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๔. เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ ดังนี้ ๔.๑
เห็นชอบร่างประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ๔.๒
เห็นชอบร่างประกาศขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส
ยกเว้นอำเภอยี่งอ อำเภอศรีสาคร อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี
ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ
และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง ๔.๓
เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง
การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ๔.๔
รับทราบร่างประกาศ เรื่อง
การให้ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ๔.๕
รับทราบร่างประกาศ เรื่อง
ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่อำเภอยี่งอ
จังหวัดนราธิวาส อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี และอำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา รวม
๕ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๕.
เห็นชอบข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการขับเคลื่อนไปสู่การยกเลิกกฎหมายพิเศษในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๖
ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๖.
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติจัดทำประกาศและคำสั่งตามที่พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ กำหนดไว้
เพื่อรองรับการออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่อำเภอศรีสาคร
จังหวัดนราธิวาส ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
630 | การประชุมสมัชชาใหญ่สมัยสามัญขององค์การการท่องเที่ยวโลก ครั้งที่ 25 | กก. | 16/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างเอกสาร
จำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างข้อมติให้เมืองซามาร์คันด์
สาธารณรัฐอุซเบกิสถานเป็นเมืองหลวงด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของโลก (๒)
ร่างมติเสนอการรับรองหัวข้อวันท่องเที่ยวโลกและการแต่งตั้งประเทศเจ้าภาพจัดงานวันท่องเที่ยวโลก
ปี พ.ศ. ๒๕๖๗ และ พ.ศ. ๒๕๖๘ (๓)
ร่างมติเสนอชื่อการเลือกประเทศเจ้าภาพจัดการประชุมสมัชชาใหญ่สมัยสามัญขององค์การการท่องเที่ยวโลก
ครั้งที่ ๒๖ และ (๔)
ร่างเอกสารยื่นรับหลักปฏิบัติสากลสำหรับการคุ้มครองนักท่องเที่ยวขององค์การการท่องเที่ยวโลก
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองและลงนามในเอกสารทั้ง ๔ ฉบับ ในการประชุมสมัชชาใหญ่สมัยสามัญขององค์การการท่องเที่ยวโลก
ครั้งที่ ๒๕ (The 25th Session of the UNWTO
General Assembly : 25th UNWTO GA) ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๐
ตุลาคม ๒๕๖๖ ณ เมืองซามาร์คันด์ สาธารณรัฐอุซเบกิสถาน โดยร่างเอกสารทั้ง ๔ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศไทยที่ให้ความสำคัญกับการแสดงบทบาทที่สร้างสรรค์ในการประชุมระดับรัฐมนตรีองค์การการท่องเที่ยวโลก
ซึ่งเป็นเวทีการประชุมระดับโลก
พร้อมทั้งเป็นการแสดงความพร้อมของประเทศไทยต่อนานาประเทศในการดำเนินการตามหลักปฏิบัติสากลด้านการท่องเที่ยว
ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างข้อมติและร่างเอกสารฯ รวม ๔ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
631 | การจัดทำร่างแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สำหรับปี พ.ศ. 2566-2570 | วธ. | 16/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำร่างแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย
และกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สำหรับปี พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐ (Executive Program for Cultural Cooperation
for the Years 2023-2027 between the Ministry of Culture of the Kingdom of
Thailand and the Ministry of Culture and Tourism of the People’s Republic of
China) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างแผนปฏิบัติการฯ
โดยร่างแผนปฏิบัติการฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือทางวัฒนธรรมสำหรับปี
พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐ ในเรื่องต่าง ๆ เช่น
การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนบุคลากรทางด้านวัฒนธรรมในทุกระดับอย่างค่อยเป็นค่อยไป
การเพิ่มพูนการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างกันในสาขาทางด้านวัฒนธรรมที่หลากหลาย
และการสนับสนุนการเจรจาแลกเปลี่ยนทางวิชาการและวัฒนธรรมระหว่างกัน เป็นต้น
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนปฏิบัติการฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงวัฒนธรรมรับข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมที่เห็นควรมีการส่งเสริมการดำเนินงานความร่วมมืออย่างสมดุลภายใต้แผนปฏิบัติการฯ
นอกจากการส่งเสริมจีนศึกษาและจีนร่วมสมัยแล้ว
ฝ่ายไทยควรจะได้มีการเผยแพร่องค์ความรู้ในเรื่องของไทยศึกษา
รวมทั้งเทศกาลประเพณีไทยต่าง ๆ แลกเปลี่ยนกับฝ่ายจีน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
632 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับคณะกรรมาธิการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อการจัดตั้งกลไกประสานงานสำหรับการร่วมกันส่งเสริมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง | กต. | 16/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับคณะกรรมาธิการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อการจัดตั้งกลไกประสานงานสำหรับการร่วมกันส่งเสริมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งกลไกประสานงานภายใต้แผนความร่วมมือฯ
และกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับกลไกประสานงานระหว่างหน่วยงาน เช่น
ขอบเขตการดำเนินงานของทั้งสองฝ่ายภายใต้กลไกประสานงานใน ๔ ประเด็น ได้แก่ (๑)
การตีความ การทบทวน และการปฏิบัติตามแผนความร่วมมือฯ (๒) การทบทวน
ปรับปรุงรายชื่อโครงการความร่วมมือภายใต้แผนความร่วมมือฯ (๓)
การร่วมกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติตามแผนความร่วมมือฯ และ (๔)
การแลกเปลี่ยนความร่วมมือในสาขาที่สอดคล้องกับแผนความร่วมมือฯ
หรือในสาขาอื่นที่ทั้งสองฝ่ายเห็นว่าเป็นประโยชน์ การจัดการประชุมของกลไกประสานงาน
การแบ่งค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดการประชุมกลไกประสานงานระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับคณะกรรมาธิการการพัฒนาและการปฏิรูปแห่งชาติแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
633 | ร่างแถลงการณ์แสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงการอุดมศึกษาและการวิจัยแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสว่าด้วยความร่วมมือด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม | อว. | 16/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์แสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงการอุดมศึกษาและการวิจัยแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสว่าด้วยความร่วมมือด้านการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม เป็นผู้ลงนามในร่างแถลงการณ์แสดงเจตจำนงฯ โดยร่างแถลงการณ์แสดงเจตจำนงฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกรอบการดำเนินความร่วมมือด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและนวัตกรรมระหว่างสถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานของทั้งสองประเทศบนพื้นฐานความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกัน
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์แสดงเจตจำนงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกิจกรรมความร่วมมือภายใต้ร่างแถลงการณ์เจตจำนงฯ ควรศึกษาข้อกฎหมายและกฎระเบียบที่มีผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบันของสาธารณรัฐฝรั่งเศส
เพื่อเป็นประโยชน์ต่อแนวทางการดำเนินงานร่วมกันทั้งในส่วนของการแบ่งผลประโยชน์และสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา
ซึ่งจะมีผลให้แถลงการณ์เจตจำนงฯ เกิดประโยชน์ต่อหน่วยงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศอย่างเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
634 | โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) | คค. | 16/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบหลักการโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง
เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์)
และให้กระทรวงคมนาคมรับฟังความคิดเห็นจากนักลงทุนต่างประเทศ (Road Show) ในการพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์เพื่อนำมาประกอบในการจัดทำร่างเอกสารเชิญชวนผู้ลงทุนในการร่วมลงทุนโครงการ
(RFP) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ที่เห็นว่าในการดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน
กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรหลีกเลี่ยงการใช้พื้นที่ป่าเพื่อลดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดระนองที่มีพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์และมีพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนอง
(Ranong Biosphere Reserve) ตั้งอยู่
รวมทั้งมีพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามันที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่ระหว่างดำเนินการตามกระบวนการเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ทั้งนี้
ให้ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
635 | ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น - หนองคาย ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค. | 16/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงคมนาคม
(การรถไฟแห่งประเทศไทย) ดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย
ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในกรอบวงเงิน ๒๙,๗๔๘ ล้านบาท และให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย)
พิจารณาทบทวนความเหมาะสมของรายการก่อสร้าง/ปรับปรุงต่าง ๆ
ของโครงการตามความเห็นของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้ชัดเจน
เหมาะสมก่อนดำเนินโครงการต่อไป สำหรับการจัดซื้อจัดจ้างให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ในส่วนของแหล่งเงินในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เช่น ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ตามที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการฯ อย่างเคร่งครัด และหากมีการดำเนินการใด
ๆ ในเขตพื้นที่ป่าไม้ ขอให้ปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
กำหนดเงื่อนไขเพื่อให้การลงทุนโครงการฯ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ
โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยจะสามารถลงนามผูกพันสัญญาก่อสร้างลงนามโครงการฯ
ได้ภายหลังจากที่กระทรวงคมนาคมมีความชัดเจนในประเด็น เช่น (๑)
แผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก
เพื่อรองรับปริมาณความต้องการเดินทางและขนส่งสินค้าทางรางจากโครงการรถไฟภายใต้ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในช่วง
๑๐ ปีข้างหน้า (๒) การเตรียมความพร้อมของกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ
และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการค้า การลงทุน
และการอำนวยความสะดวกในการเดินทางและขนส่งสินค้าทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่างประเทศ กรณีปัญหาข้อร้องเรียนของชาวจังหวัดอุดรธานีที่ขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินโครงการการยกระดับรถไฟทางคู่บริเวณสี่แยกบ้านจั่น
จุดตัด ทล. ๒๑๖ ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้ข้อยุติที่ชัดเจน ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนร่วมกันพิจารณาดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนและผู้มีส่วนได้และส่วนเสียน้อยที่สุด
โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงเศรษฐกิจในภาพรวมเป็นสำคัญ
และเมื่อได้ข้อยุติแล้วให้ทุกภาคส่วนเร่งดำเนินการภายใต้กฎหมายระเบียบ ข้อบังคับ
มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอนโดยเร็ว
เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินโครงการ
และการรถไฟแห่งประเทศไทยควรมีการบริหารความเสี่ยงของโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
รวมถึงรายงานผลการดำเนินงานให้กระทรวงคมนาคมทราบเป็นระยะ ๆ เพื่อให้การกำกับดูแลและติดตามผลประเมินผลการดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่
ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาต่อไป
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
636 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ครั้งที่ 1/2566 | นร.01 | 16/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๖
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างต่อเนื่องตามหน้าที่และอำนาจต่อไป
ตามที่ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา
ซึ่งประเด็นปัญหาส่วนใหญ่ได้มีการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นแล้ว
โดยมีหลายกรณีเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาดำเนินการในระดับนโยบาย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาให้ความเห็นประกอบการนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาตามหน้าที่และอำนาจ
โดยละเอียดรอบคอบและเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมีความจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการรวบรวม ข้อมูล ข้อเท็จจริงในการแก้ปัญหา
อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายกรณีปัญหาความเดือดร้อนของขบวนการประชาชนที่อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขปัญหาของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
โดยประเด็นปัญหาความเดือดร้อนของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน
ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต
หากปัญหาความเดือนร้อนของประชาชนไม่ได้รับการแก้ไขอย่างต่อเนื่องจนได้ข้อยุติ
อาจเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
และทำให้กลุ่มประชาชนผู้ไร้ที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินมีจำนวนที่สูงขึ้น
และนำไปสู่ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย
เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องด้วยความเรียบร้อย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
637 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | กต. | 16/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชานจีน (Memorandum of Understanding on Deepening Cooperation
between the Ministry of Foreign Affairs of the Kingdom of Thailand and the
Ministry of Foreign Affairs of the People’s Republic of China) และอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นการตกลงกันที่จะรื้อฟื้นกลไกการหารือระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายเป็นประจำทุกปี
เพื่อกำหนดทิศทางด้านนโยบายในการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างไทย-จีน
และกระชับความร่วมมือในประเด็นระหว่างประเทศและภูมิภาคที่มีความสนใจร่วมกัน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
638 | แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.07 | 16/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณใช้เป็นแนวทางประกอบการวางแผนการดำเนินงานและกำหนดแผนปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับการดำเนินงานของรัฐบาล
ตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๖
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐
พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑
และพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ ตลอดจนมติคณะรัฐมนตรีและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
639 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งจะต้องมีการก่อหนี้ผูกพันมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณสำหรับรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นหน่วยรับงบประมาณ | มท. | 10/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินโครงการดังกล่าว
ในวงเงิน ๑,๐๓๐,๙๖๐,๐๐๐ บาท โดยให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี
ยื่นเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ต่อสำนักงบประมาณ
ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้
ขอให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ความประหยัด ภาระทางการคลังที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
และผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ อย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงมหาดไทย (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
โดยให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน
๒๕๖๖ (เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ
พร้อมแนวทางการจัดทำงบประมาณและยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ
รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗) ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
640 | การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 2569 | กค. | 10/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
ปี ๒๕๖๙ ณ กรุงเทพมหานคร ในระหว่างวันที่ ๑๒-๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๙
ร่างบันทึกความเข้าใจการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศปี
พ.ศ. ๒๕๖๙ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทน
และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยมอบให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers)
เพื่อลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าว และเห็นชอบในหลักการให้ยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับคนต่างด้าวทุกกลุ่มที่ปรากฎในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา
๑๒ (๑) และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น
และการเปลี่ยนแปลงการตรวจลงตรา พ.ศ. ๒๕๔๕ ข้อ ๑๓
และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลงนามในร่างหนังสือถึงธนาคารโลกเพื่อแจ้งถึงเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของกลุ่มธนาคารโลกภายใต้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยศูนย์ระหว่างประเทศเพื่อระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการลงทุน (ICSID) บุคลากรและผู้แทนประเทศสมาชิกของ ICSID
จะได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้มตามมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๑ ของพระราชบัญญัติเอกสิทธิ์และความคุ้มครองกันฯ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทย
(หนังสือธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.ฝรร. ๓๙๕/๒๕๖๖ ลงวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖) ที่เห็นว่ากระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย
ควรหารือกับธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศเกี่ยวกับเหตุผลและกรณีที่อาจนำไปสู่การยกเลิกการจัดประชุมให้ชัดเจน
เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจนำไปสู่การยกเลิกการจัดประชุม เนื่องใน ARTICLE
XII ให้สิทธิองค์กรข้างต้นในการยกเลิกการจัดประชุมฝ่ายเดียวโดยไม่ได้ระบุเหตุผล
และให้กระทรวงการคลังประสานเสนอแก้ไขถ้อยคำที่ผิดพลาด ARTICLE IX หัวข้อ Safety and Health Measures ที่ระบุว่ารัฐบาลไทยต้องจัดเตรียมบุคลากรทางการแพทย์ให้กับผู้เข้าร่วมประชุมในช่วงที่อยู่ที่เมืองมาราเกซ
ประเทศโมร็อกโก เป็นที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
ปี ๒๕๖๙
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
|