ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 34 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 661 - 680 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
661 | การแต่งตั้งประธานร่วมฝ่ายไทยในองค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย | พน. | 03/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ดำรงตำแหน่งประธานร่วมฝ่ายไทยในองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย
ตามข้อ ๓ (๑) ของความตกลงว่าด้วยธรรมนูญการจัดตั้งองค์กรร่วมฯ พ.ศ. ๒๕๓๓
และกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย พ.ศ.
๒๕๓๓ โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง ๒ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๐
กันยายน ๒๕๖๘ สำหรับสมาชิกอื่น (ฝ่ายไทย) อีกหกคนในองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย
ซึ่งเป็นข้าราชการระดับหัวหน้าส่วนราชการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ให้คงองค์ประกอบเดิมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๔๑ โดยที่กฎกระทรวง
(พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย พ.ศ. ๒๕๓๓
กำหนดให้รัฐมนตรีโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีมีอำนาจแต่งตั้งและกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งประธานร่วมและสมาชิกอื่นฝ่ายไทยในองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
662 | ขออนุมัติวงเงินงบประมาณก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เพื่อเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณที่ที่หยุดรถบ้านฉิมพลี | อส. | 26/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานอัยการสูงสุดสามารถดำเนินการเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย
บริเวณที่ที่หยุดรถบ้านฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร แปลงที่ ๑
ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๘๑
กำหนดอายุสัญญาเช่าเป็นระยะเวลา ๑๕ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๘๑ วงเงินทั้งสิ้น ๑๑๐,๓๕๔,๗๙๗ บาท ตามนัยมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นกรณีเฉพาะราย
และยกเว้นการปฏิบัติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ กรณีมีเหตุความจำเป็นที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ดิน ที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๖,๐๒๖,๖๔๕ บาท ให้ใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ประกาศใช้บังคับ แล้วแต่กรณี ส่วนภาระงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ
ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ตามความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีให้ครบถ้วนตามวงเงินในสัญญาเช่าที่ดินตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบบประมาณ
และให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคม
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม และกำกับดูแลการใช้เงินดังกล่าว ให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
และให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยเคร่งครัด
ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
663 | กรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2567 | นร.11 สศช | 26/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบกรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๗ วงเงินดำเนินการ จำนวน ๑,๓๘๐,๖๒๔ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน ๒๕๘,๙๘๕
ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) กรอบการลงทุนสำหรับงานตามภารกิจปกติและโครงการต่อเนื่อง วงเงินดำเนินการ
จำนวน ๑,๑๘๐,๖๒๔ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน
จำนวน ๒๐๘,๙๘๕ ล้านบาท และ (๒)
กรอบการลงทุนสำหรับการเพิ่มเติมระหว่างปี วงเงินดำเนินการ จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน ๕๐,๐๐๐
ล้านบาท สำหรับโครงการที่ยังไม่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
และการลงทุนที่ใช้เงินงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้ดำเนินการได้เมื่อได้รับอนุมัติตามขั้นตอนแล้ว ทั้งนี้
กำหนดเป้าหมายให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๙๕
ของกรอบวงเงินอนุมัติให้เบิกจ่ายลงทุน เห็นชอบให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) ปรับวงเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗
ให้สอดคล้องกับผลการจัดสรรงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ รวมถึงงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม งบกลาง
หรืองบประมาณที่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตามหลักเกณฑ์และวิธีการงบประมาณหรือได้รับความเห็นชอบจากสำนักงบประมาณแล้ว
และปรับเพิ่มกรอบวงเงินดำเนินการและกรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนให้สอดคล้องกับการอนุมัติการลงทุนเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรี
เพื่อให้รัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการได้ทันทีภายในปีงบประมาณ เห็นชอบให้ สศช.
โดยประธาน สศช. เป็นผู้พิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงงบลงทุนระหว่างปีในส่วนงบลงทุน
เพื่อการดำเนินงานปกติและโครงการต่อเนื่องที่การเปลี่ยนแปลงไม่มีผลกระทบต่อสาระสำคัญและกรอบวงเงินโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้ว
รวมทั้งเห็นชอบข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ระดับกระทรวง และระดับรัฐวิสาหกิจ
โดยให้กระทรวงเจ้าสังกัดและรัฐวิสาหกิจรับข้อเสนอแนะในส่วนที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการ
และเห็นควรให้รัฐวิสาหกิจรายงานผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานและการลงทุนปี ๒๕๖๗
ให้ สศช. ทราบภายในทุกวันที่ ๕ ของเดือนอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะและความก้าวหน้าการดำเนินโครงการลงทุนทุกไตรมาส
เพื่อประโยชน์ในการติดตามประเมินผลการดำเนินงานและการลงทุนของรัฐวิสาหกิจได้อย่างต่อเนื่อง
และรับทราบประมาณการงบทำการประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ ๗๖,๗๕๖ ล้านบาท และประมาณการแนวโน้มการดำเนินงานช่วงปี ๒๕๖๘-๒๕๗๐
ของรัฐวิสาหกิจในเบื้องต้นที่คาดว่าจะมีการลงทุนเฉลี่ยประมาณปีละ ๓๗๖,๓๖๗ ล้านบาท และผลประกอบการจะมีกำไรสุทธิเฉลี่ยประมาณปีละ ๘๓,๔๔๓ ล้านบาท ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และให้กระทรวงเจ้าสังกัดที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เช่น ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด พิจารณาแนวทางการบรรเทาปัญหาด้านสภาพคล่องให้แก่การไฟฟ้าทั้ง
๓ แห่ง
และกำกับดูแลการดำเนินงานและการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงพลังงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ควรมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน
เพื่อนำไปปรับใช้ในการจัดทำกรอบและงบลงทุนฯ ในระยะต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงเจ้าสังกัดที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจเร่งรัดการดำเนินการเบิกจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจทุกแห่งในช่วงไตรมาสที่หนึ่งและไตรมาสที่สองของปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจในช่วงระหว่างการจัดทำ
(ร่าง) พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
รวมทั้งให้กระทรวงการคลังประสานกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจที่อยู่ในแผนฟื้นฟูให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
664 | ขออนุมัติวงเงินงบประมาณก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เพื่อเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทยบริเวณแนวทางรถไฟสายบางซื่อ-คลองตัน (ริมถนนรัชดาภิเษกแปลงที่ 39-41) | อส. | 26/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินการเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย
บริเวณแนวทางรถไฟสายบางซื่อ-คลองตัน (ริมถนนรัชดาภิเษก แปลงที่ ๓๙-๔๑)
ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๘๑
กำหนดอายุสัญญาเช่าเป็นระยะเวลา ๑๕ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๘๑ วงเงินทั้งสิ้น ๑๔๔,๗๕๑,๕๐๐ บาท ตามนัยมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
และยกเว้นการปฏิบัติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ดินที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๗,๙๗๘,๕๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบบประมาณ
และให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคม ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้เงินดังกล่าว ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
และให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยเคร่งครัด ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
665 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับค่าใช้จ่ายบุคลากรภาครัฐ ของสำนักงาน ป.ป.ช. เพิ่มเติม | ปช. | 26/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่าย
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ของสำนักงาน ป.ป.ช.
โดยให้สำนักงาน ป.ป.ช. ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ภายใต้แผนงานบุคลากรภาครัฐ รายการค่าใช้จ่ายดำเนินงาน
จำนวน ๒,๗๘๑,๙๕๔ บาท และใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๙,๒๑๔,๐๔๖ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๑,๙๙๖,๐๐๐ บาท เพื่อสมทบเป็นค่าใช้จ่ายบุคลากรในส่วนที่ไม่เพียงพอต่อไป
ตามนัยข้อ ๘ และข้อ ๙ (๑) ของระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒
ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้รับทราบด้วยแล้ว และให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
666 | มาตรการพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยตามนโยบายรัฐบาล (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566) | กค. | 26/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดมาตรการในการพักหนี้เกษตรกรและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(SMEs)
ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เห็นชอบมาตรการพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยตามนโยบายรัฐบาล
รวมถึงการพัฒนาศักยภาพเพื่อฟื้นฟูลูกหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ผู้เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ดังกล่าวภายใต้หลักการ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม
เพิ่มรายได้” และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี จำนวนรวมทั้งสิ้น ๑๒,๐๙๖ ล้านบาท โดยมอบหมายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นรายปีตามความเหมาะสมโดยคำนึงถึงสภาพคล่องของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและตามผลการดำเนินงานจริงต่อไป
ควรคัดกรองผู้ที่เข้าร่วมโครงการให้เป็นลูกหนี้ที่ได้รับความเดือดร้อนทางด้านสภาพคล่องอย่างแท้จริง
เพื่อมิให้ลูกหนี้ที่มีศักยภาพในการชำระหนี้ เกิดแรงจูงใจที่จะไม่ชำระหนี้
และมอบหมายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีข้อมูลของเกษตรกร
ร่วมกันประเมินสภาพปัญหาของผู้ที่แสดงความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการ
และกำหนดแนวทางในการให้ความช่วยเหลือให้เหมาะสมแก่สภาพปัญหาของเกษตรกรแต่ละราย
ควรมีการสร้างแรงจูงใจให้ลูกหนี้ที่มีศักยภาพยังชำระหนี้ต่อเนื่อง
โดยออกแบบมาตรการที่ให้ผลตอบแทนแก่ลูกหนี้มากพอที่จะยังชำระหนี้ต่อ
รัฐจะต้องให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์และสื่อสารทำความเข้าใจกับลูกหนี้ถึงเจตนารมณ์และเงื่อนไขของโครงการอย่างชัดเจน
ครบถ้วน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
667 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับรายการเงินอุดหนุนสำหรับสนับสนุนอาหารกลางวันและเงินอุดหนุนสำหรับสนับสนุนอาหารเสริม (นม) | มท. | 18/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด
เทศบาลนคร เทศบาลเมือง และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น แล้วแต่กรณี
ในฐานะหน่วยรับงบประมาณ ดำเนินรายการเงินอุดหนุนสำหรับสนับสนุนอาหารกลางวันเด็กปฐมวัย
จำนวน ๗๗๓,๕๐๒,๔๐๐ บาท
เงินอุดหนุนสำหรับสนับสนุนอาหารกลางวันระดับประถมศึกษา จำนวน ๑,๒๒๒,๐๖๒,๔๐๐ บาท และเงินอุดหนุนสำหรับสนับสนุนอาหารเสริม
(นม) ระดับประถมศึกษา จำนวน ๓๑๔,๖๙๗,๕๐๐
บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒,๓๑๐,๒๖๒,๓๐๐ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ทั้งนี้ ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
668 | การให้ท่าอากาศยานเชียงใหม่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง | นร. | 18/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
จากการเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ภาคเหนือ ณ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เห็นควรให้มีการเพิ่มเที่ยวบินในช่วงหลังเที่ยงคืน
เพื่อรองรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มที่จะเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่ใกล้เคียงเพิ่มมากขึ้น
อันจะเป็นผลต่อการขับเคลื่อนและขยายตัวทางเศรษฐกิจในภาคการท่องเที่ยวและการให้บริการของจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาดำเนินการให้ท่าอากาศยานเชียงใหม่เปิดให้บริการ
๒๔ ชั่วโมง ได้ภายใน ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖เป็นต้นไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เหมาะสม
เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
โดยคำนึงถึงปัจจัยความมั่นคง ปลอดภัย การตรวจสอบผู้เดินทางเข้า-ออก ตลอดจนผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่าง
ๆ รวมถึงผลกระทบด้านเสียงที่อาจเกิดขึ้นต่อประชาชนในพื้นที่ และให้กำหนดแนวทาง/มาตรการในการช่วยเหลือและลดผลกระทบดังกล่าวให้ชัดเจนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
669 | การขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อจัดสรรให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดที่รับโอนภารกิจสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพื่อจ่ายเป็นเงินเดือน สวัสดิการ (ค่าเช่าบ้าน ค่าเล่าเรียนบุตร และค่าใช้จ่ายอื่น) ของบุคลากรที่ถ่ายโอนที่รับการจัดสรรไม่เพียงพอ | มท. | 18/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด ในฐานะหน่วยรับงบประมาณ
ดำเนินรายการเงินอุดหนุนสำหรับสนับสนุนการถ่ายโอนบุคลากร จำนวน ๔๘ จังหวัด
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๔๙๗,๐๖๔,๘๘๓ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ทั้งนี้ ขอให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด
ในฐานะหน่วยรับงบประมาณปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
670 | มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน | พน. | 18/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้แก่ประชาชน
เพื่อให้มาตรการลดภาระค่าไฟฟ้าเป็นไปตามแนวนโยบายของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓
กันยายน ๒๕๖๖ และสามารถดำเนินการได้อย่างทันท่วงที
เพื่อลดผลกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชน
และให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
และรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง
รอบคอบ เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยด่วน เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
671 | การทบทวนวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 18/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ซึ่งได้ประชุมร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๖
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบนโยบาย วงเงินงบประมาณรายจ่าย
และโครงสร้างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ในวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๖
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๖
ที่ได้เห็นชอบการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
672 | การมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อนุมัติ ให้ความเห็นชอบ หรือมีคำสั่งแทนคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับร่างพระราชกฤษฎีกาที่ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญในความสัมพันธ์กับรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการอันจำกัด ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 | นร.05 | 18/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ (เรื่อง การมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้อนุมัติ
ให้ความเห็นชอบ หรือมีคำสั่งแทนคณะรัฐมนตรี
เกี่ยวกับร่างพระราชกฤษฎีกาที่ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญในความสัมพันธ์กับรัฐสภา
สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการอันจำกัด ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี
พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
673 | การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ พร้อมแนวทางการจัดทำงบประมาณและยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 13/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
ดังนี้ ๑. การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ๒. แนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ๓.
ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ โดยปรับชื่อแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
และนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ ให้เป็นปัจจุบัน ๔. ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๖
เรื่อง รายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพสูงสุด ๕. ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔
เมษายน ๒๕๖๐ เรื่อง แนวทางการจัดทำและการเสนอร่างกฎหมายตามบทบัญญัติมาตรา ๗๗
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒
เรื่อง การดำเนินการเพื่อรองรับและขับเคลื่อนการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
674 | หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ การจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 13/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
ดังนี้ ๑.
หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ
ยืนยันตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๔ ๒.
การจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ๓.
แผนงานบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๑๐ แผนงาน ๔.
มอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
675 | การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกัน สำหรับการพำนักระยะสั้นแก่ผู้ถือหนังสือเดินทางราชการ | กต. | 13/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันสำหรับการพำนักระยะสั้นแก่ผู้ถือหนังสือเดินทางราชการ
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ
โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางราชการที่มีอายุใช้ได้และออกให้นับตั้งแต่วันที่
๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ในการเดินทางเข้า แวะผ่าน
และพำนักอยู่ในดินแดนที่กำหนดของอีกฝ่ายหนึ่ง
สำหรับการพำนักอย่างต่อเนื่องหนึ่งครั้งหรือหลายครั้ง รวมระยะเวลาพำนักไม่เกิน ๙๐
วัน ตลอดระยะเวลา ๑๘๐ วัน นับตั้งแต่วันที่เข้าสู่ดินแดนที่กำหนดของอีกฝ่ายหนึ่ง
โดยมีเงื่อนไขว่า บุคคลเหล่านั้นจะไม่ทำงานแม้ว่าการทำงานนั้นจะเป็นการดำเนินกิจการของตนเอง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
676 | เรื่องต่าง ๆ ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ | นร. | 13/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรีได้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณามอบหมายในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ ๑. เรื่อง
การแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘
กรกฎาคม ๒๕๖๗ มติ
มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับเรื่องนี้ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. เรื่อง
การแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช
๒๕๖๐ มติ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม
เวชยชัย)
พิจารณาดำเนินการในประเด็นการแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๖๐ ทั้งนี้ โดยยึดรูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและไม่แก้ไขในหมวดพระมหากษัตริย์
และให้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกภาคส่วนในการออกแบบกฎ
กติกาที่เป็นประชาธิปไตย ทันสมัย และเป็นที่ยอมรับร่วมกัน
ตลอดจนสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และหารือแนวทางการจัดทำรัฐธรรมนูญในรัฐสภา
เพื่อให้คนไทยได้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นและประเทศสามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
รวมทั้งเป็นไปตามคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๖
ด้วย ๓. เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน มติ
ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐพิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเรื่องต่าง ๆ
ในความรับผิดชอบที่เกี่ยวกับวิธีปฏิบัติราชการของภาครัฐที่มีผลกระทบต่อการอำนวยความสะดวกและการให้บริการประชาชน
รวมถึงการอนุมัติ อนุญาตแก่ภาคเอกชน โดยให้คงอยู่ไว้เฉพาะเท่าที่จำเป็น
และหากเรื่องใดที่ไม่มีมติคณะรัฐมนตรีกำหนดเงื่อนไขไว้
ให้ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ โดยไม่ต้องขออนุมัติ ขออนุญาต ทั้งนี้
ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรับแจ้งยืนยันการคงอยู่ของมติคณะรัฐมนตรีในความรับผิดชอบที่สมควรให้มีผลใช้บังคับอยู่ต่อไป
ต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายในวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๖
หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวให้ถือว่ามติคณะรัฐมนตรีในเรื่องนั้น ๆ มีผลสิ้นสุดไป
รวมทั้งให้นำแนวทางข้างต้นไปใช้กับการพิจารณาการตรากฎหมายในระดับต่าง ๆ ด้วย ๔. เรื่อง การทบทวนประกาศ
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่ยังคงมีผลใช้บังคับในปัจจุบัน มติ
มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนความจำเป็น
เหมาะสมของประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับต่าง ๆ
ที่ยังคงมีผลใช้บังคับในปัจจุบัน
โดยหากประกาศหรือคำสั่งใดสมควรให้คงมีผลใช้บังคับอยู่ต่อไป หรือสมควรยกเลิก
ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนภายในวันที่ ๙ ตุลาคม
๒๕๖๖ ๕. เรื่อง นโยบายการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet มติ มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมหารือของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อศึกษารายละเอียดของแนวทางในการดำเนินนโยบายการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet ให้ชัดเจน
แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ๖. เรื่อง
การพักหนี้เกษตรกรและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ มติ มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์)
แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดมาตรการในการพักหนี้เกษตรกรและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ เป็นระยะเวลา ๓ ปี และ ๑ ปี ตามลำดับ
โดยให้เสนอมาตรการดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน ๒ สัปดาห์ ๗. เรื่อง นโยบายด้านพลังงาน มติ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี
(นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเร่งพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการลดราคาพลังงานให้ครอบคลุมทั้งค่าไฟฟ้า
ค่าก๊าซหุงต้ม และราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชนและเสริมสร้างศักยภาพทางการแข่งขันให้แก่ภาคธุรกิจ
แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ๘. เรื่อง
การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ มติ
มอบหมายให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับไปดำเนินการจัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ
โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นรองประธานกรรมการ
นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เป็นที่ปรึกษาและกรรมการ นายแพทย์ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี
เป็นกรรมการ และมีผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการให้ครบถ้วน
เพื่อดำเนินงานต่อไป ๙. เรื่อง การเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์และผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ
(El Nino) และลานีญา (La
Nina) มติ
มอบหมายให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับไปดำเนินการจัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นรายจังหวัด
เป็นเรื่องเร่งด่วน โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)
เป็นประธานกรรมการ นายปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายสิ่งแวดล้อม
เป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการ และมีผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการให้ครบถ้วน
เพื่อเป็นกลไกในการพิจารณาเตรียมการรองรับสถานการณ์และผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ
(El Nino) และลานีญา (La
Nina) ที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องใน ๒-๓ ปีข้างหน้า ๑๐. เรื่อง
นโยบายด้านการประมง มติ
มอบหมายให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับไปดำเนินการจัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฟื้นฟูทะเลไทยเพื่อความยั่งยืนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) เป็นประธานกรรมการ นายปลอดประสพ
สุรัสวดี ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายสิ่งแวดล้อม เป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการ
และมีผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการให้ครบถ้วน
เพื่อพิจารณาดำเนินการแก้ปัญหาของอุตสาหกรรมประมงให้เป็นระบบและครบวงจร
โดยให้คำนึงถึงการบริหารทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนด้วย ๑๑. เรื่อง
นโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (๓๐ บาทรักษาทุกโรค) มติ
มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อยกระดับการดำเนินโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
(โครงการ ๓๐ บาทรักษาทุกโรค) โดยด่วน
เพื่อพิจารณาดำเนินการปรับปรุงระบบสาธารณสุขของประเทศให้มีความทันสมัย มีประสิทธิภาพ
และสามารถให้บริการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชนได้ดียิ่งขึ้น ๑๒. เรื่อง
นโยบายการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว มติ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน
ชาญวีรกูล)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณาดำเนินการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว
(Visa Free) สำหรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐคาซัคสถานเป็นกรณีพิเศษและเป็นการชั่วคราว
เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ
รวมทั้งพิจารณาผ่อนปรนเงื่อนไขและขั้นตอนการเข้าประเทศสำหรับผู้ที่เข้ามาจัดแสดงสินค้าและนิทรรศการ
โดยให้มีผลบังคับใช้ภายในวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๖ ๑๓. เรื่อง
การปราบปรามผู้มีอิทธิพล มติ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี
(นายอนุทิน ชาญวีรกูล)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเร่งจัดตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลการครอบครองและพกพาอาวุธปืน
ยาเสพติด การรับสินบน และการซื้อขายตำแหน่งในระบบราชการให้บรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม
โดยการครอบครองและพกพาอาวุธปืนและอาวุธอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
ควรกำหนดให้ผู้ครอบครองนำมามอบแก่ทางราชการที่สถานีตำรวจในภูมิลำเนาภายใน ๓๐ วัน
ส่วนอาวุธปืนและอาวุธอื่น ๆ ที่มีทะเบียนถูกต้อง
หากผู้ครอบครองจำเป็นต้องพกพาให้ดำเนินการขออนุญาตพกพาภายใน ๓๐ วัน
นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ทั้งนี้
ให้รายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๑๔. การปรับเงื่อนไขการจ่ายเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ มติ มอบหมายให้กระทรวงการคลัง
(กรมบัญชีกลาง) เร่งศึกษาหลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และรายละเอียดในการจ่ายเงินเดือนของข้าราชการโดยแบ่งจ่ายเป็น ๒ รอบ
เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้แก่ข้าราชการ
ทั้งนี้ ให้เร่งรัดการพิจารณาดำเนินการเพื่อให้สามารถปฏิบัติได้ภายในวันที่ ๑
มกราคม ๒๕๖๗ ๑๕. เรื่อง
การใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ มติ
มอบหมายให้รัฐมนตรีทุกท่านกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในกำกับดูแลให้ถูกต้อง
เหมาะสม โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของภารกิจที่กำหนดไว้
บนพื้นฐานของความจำเป็นและประหยัดอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางไปร่วมประชุม สัมมนา ดูงาน
ของผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงาน ๑๖. เรื่อง
การลดขนาดขบวนรถเดินทางของรัฐมนตรี มติ มอบหมายให้รัฐมนตรีทุกท่านพิจารณาปรับลดจำนวนคนและรถนำขบวนให้เหมาะสมเท่าที่จำเป็น
เพื่อให้เกิดผลกระทบด้านการจราจรกับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนให้น้อยที่สุด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
677 | แนวทางปฏิบัติในการรักษาความลับของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรี และการให้ข่าวสารแก่สื่อมวลชน | นร 05 | 13/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางปฏิบัติในการรักษาความลับของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรี
และการให้ข่าวสารแก่สื่อมวลชน ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๔๒ (เรื่อง
การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับการรักษาความลับของทางราชการ
และการให้สัมภาษณ์หรือให้ข่าวสารแก่สื่อมวลชน) วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๔๗ (เรื่อง
การรักษาความลับของทางราชการ) และวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ (เรื่อง
การรักษาความลับในการประชุมคณะรัฐมนตรี) ๒. แนวทางปฏิบัติในการรักษาความลับของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรีและการให้ข่าวสารแก่สื่อมวลชน
โดยให้รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคระรัฐมนตรีถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
ดังนี้ ๒.๑
ให้รักษาความลับหรือเอกสารของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรี
โดยแบ่งออกเป็น ๓ ชั้น คือ ลับที่สุด ลับมาก และลับ
ตามชั้นความลับที่ได้กำหนดไว้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๕๒ ซึ่งหากความลับดังกล่าวทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนรั่วไหลไปถึงบุคคลผู้ไม่มีหน้าที่ได้ทราบ
จะทำให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงและประโยชน์แห่งรัฐ ทั้งนี้
กรณีการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรี
เลขาธิการคณะรัฐมนตรีหรือรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้มีอำนาจสั่งให้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวตามเงื่อนไขที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกำหนดตามนัยมาตรา
๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติจข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ๒.๒
การพิจารณาหารือหรืออภิปรายของคณะรัฐมนตรีในการประชุมคณะรัฐมนตรีไปถือเป็นความลับของทางราชการ
ดังนั้น รัฐมนตรี ผู้เข้าร่วมการประชุม และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรี
พึงระมัดระวังและไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ
เกี่ยวกับเรื่องที่พิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ๒.๓ ในการจัดทำระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี
หากหน่วยงานเจ้าของเรื่องเห็นว่าเรื่องที่เสนอคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่มีชั้นความลับ
มีความอ่อนไหว และมีผลกระทบสูงเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ
ความมั่นคง ประโยชน์สาธารณะ หรือประโยชน์ของประเทศชาติ หากถูกนำไปเปิดเผยต่อสาธารณชนแล้วจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผลประโยชน์ของชาติอย่างร้ายแรง
ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องระบุไว้ในหนังสือนำส่งเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีให้ชัดเจนว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีชั้นความลับ
มีความอ่อนไหว และมีผลกระทบสูงอย่างไร
หรือหากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องที่เข้าลักษณะดังกล่าว
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะจัดทำระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยจะแจกเอกสารระหว่างการพิจารณาเรื่องดังกล่าวในระบบเรียกดูระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีด้วยเครื่องแท็บเล็ต
(M-VARA) และหลังจากคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเสร็จจะถอนเรื่องออกจากระบบ
M-VARA ทันที ๒.๔ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐดูแล
และระมัดระวังมิให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเอกสารการประชุมคณะรัฐมนตรีเปิดเผยเอกสารดังกล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ๒.๕
กรณีมีผู้นำเอกสารหรือข้อความซึ่งเป็นความลับของทางราชการไปเผยแพร่จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ
หรือเกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ
ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องที่ได้รับความเสียหายพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย เช่น
กรณีข้าราชการพลเรือนฝ่าฝืนข้อปฏิบัติตามมาตรา ๘๒ (๖)
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งบัญญัติให้ข้าราชการพลเรือนสามัญต้องรักษาความลับของทางราชการ
โดยหากฝ่าฝืน ข้าราชการพลเรือนผู้นั้นถือเป็นผู้กระทำผิดวินัยตามมาตรา ๘๔
และหากการกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรงกรณีจะถือว่าข้าราชการพลเรือนผู้นั้นกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา
๘๕ (๗) ทั้งนี้ จะต้องถูกดำเนินการทางวินัยตามมาตรา ๙๗ กล่าวคือ
ให้ลงโทษปลดออกหรือไล่ออกตามความร้ายแรงแห่งกรณี อนึ่ง
ตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๔
ได้วางหลักเกณฑ์ในการประพฤติปฏิบัติอย่างมีคุณธรรมในเรื่องการรักษาความลับของทางราชการไว้เช่นเดียวกันตามข้อ
๗ (๓) กล่าวคือ ข้าราชการการเมืองต้องยึดถือประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ
โดยอย่างน้อยต้องไม่นำข้อมูลข่าวสารอันเป็นความลับของทางราชการซึ่งตนได้มาในระหว่างอยู่ในตำแหน่งไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่เอกชนทั้งในระหว่างการดำรงตำแหน่งและเมื่อพ้นจากตำแหน่ง
และข้อ ๘ (๕) กำหนดให้ข้าราชการการเมืองต้องรักษาความลับของทางราชการ
เว้นแต่เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย ๒.๖
เรื่องใดที่มีผลกระทบต่อประชาชนหรือประเทศชาติโดยส่วนรวม
เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติแล้ว
ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องที่รับผิดชอบเป็นหน่วยงานหลักชี้แจงต่อสาธารณชนและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงเพิ่มเติมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
กรณีเป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหรืออนุมัติตามมติของคณะกรรมการต่าง ๆ
แล้ว ให้ประธานกรรมการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการชี้แจงในทำนองเดียวกันด้วย ๒.๗
ให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมีหน้าที่และอำนาจให้ข่าวสารเกี่ยวกับการประชุมคณะรัฐมนตรี
มติคณะรัฐมนตรี การดำเนินงานของคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี หรือกระทรวง กรม
ตลอดจนชี้แจงต่อสาธารณชนเมื่อปรากฎว่ามีการเสนอข่าวคลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริงหรือไม่ถูกต้องครบถ้วนอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคลากรหรือรัฐบาล
หรือการปฏิบัติผิดพลาดได้ ทั้งนี้ อาจขอให้โฆษกกระทรวงเป็นผู้แถลงข่าว หรือออกคำชี้แจงเอง
หรือร่วมกันแถลงข่าว หรือชี้แจงด้วยก็ได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
678 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี | นร.05 | 13/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้คณะกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของคณะรัฐมนตรีชุดเดิม จำนวน ๑๗๔ คณะ
ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนถึงวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ และหลังจากนั้นให้คณะกรรมการ ฯ
ดังกล่าวสิ้นสุดลง ๒. ในกรณีที่ส่วนราชการใดพิจารณาเห็นว่าคณะกรรมการ
ฯ คณะใด (ตามข้อ ๑)
ยังคงมีภารกิจสำคัญและจำเป็นที่จะต้องคงอยู่ต่อไปเพื่อให้การดำเนินการตามภารกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่องให้ส่วนราชการเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการคณะนั้น
ๆ ขึ้นใหม่
โดยให้ตรวจสอบและปรับปรุงองค์ประกอบหน้าที่และอำนาจให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
แล้วส่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ภายในวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๖
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๕ ตุลาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง
แนวทางการใช้ระบบคณะกรรมการเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล)
อย่างเคร่งครัด
และหากเป็นกรณีที่มีการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการในคณะกรรมการที่จะเสนอแต่งตั้งด้วย
ให้ส่วนราชการเจ้าของเรื่องระบุชื่อ/ชื่อสกุล และตำแหน่ง (ถ้ามี)
ของบุคคลที่จะเสนอแต่งตั้งให้ชัดเจน พร้อมทั้งจัดทำเอกสารต่าง ๆ
ประกอบการพิจารณาด้วย ดังนี้ ๒.๑
แบบสรุปประวัติของผู้ที่จะเสนอแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนั้น ๆ
(รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ๒) ๒.๒
แบบตรวจสอบประวัติบุคคลเพื่อประกอบการนำเสนอคณะรัฐมนตรี
พิจารณาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ (รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ๓) ทั้งนี้ การแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมติเป็นต้นไป และไม่ต้องออกเป็นคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีหรือส่วนราชการเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นอีก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
679 | แนวทางปฏิบัติของหน่วยงานของรัฐในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี | นร.05 | 06/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางปฏิบัติของหน่วยงานของรัฐในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการเสนอเรื่องทั่วไปต่อคณะรัฐมนตรี) ๒. การเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี
หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องจะต้องถือปฏิบัติให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี
พ.ศ. ๒๕๔๘ และระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ.
๒๕๔๘ อย่างเคร่งครัด ดังนี้ ๒.๑ ผู้ลงนามในหนังสือเสนอเรื่องดังกล่าว
ให้หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องดำเนินการให้เป็นไปตามนัยมาตรา ๖
แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘
ที่บัญญัติให้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเป็นผู้ลงนามเสนอเรื่อง ๒.๒
กรณีเรื่องที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่จะต้องได้รับความเห็นชอบหรืออนุมัติจากหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นก่อน
(ตามระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ข้อ ๙)
ให้หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องขอความเห็นชอบหรือขออนุมัติจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องให้เสร็จสิ้นก่อน
แล้วจึงส่งเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพร้อมกับความเห็นชอบหรืออนุมัตินั้น ๓.
กรณีเรื่องที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่มีกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการอย่างชัดเจน
ซึ่งหน่วยงานเจ้าของเรื่องทราบล่วงหน้าอยู่แล้ว เช่น
เรื่องเกี่ยวกับการเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมนานาชาติ เป็นต้น
ให้เสนอเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีล่วงหน้าก่อนถึงกำหนดระยะเวลาของเรื่องนั้น
ๆ อย่างน้อย ๑๕ วัน สำหรับกรณีเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน
ให้หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องส่งเรื่องให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอย่างน้อย ๗
วัน ก่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
680 | การมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้ตรวจพิจารณาร่างมติคณะรัฐมนตรีและกลั่นกรองเรื่องก่อนเสนอนายกรัฐมนตรี | นร.05 | 06/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์)
เป็นผู้ตรวจพิจารณาร่างมติคณะรัฐมนตรีที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ๒.
มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์)
เป็นผู้พิจารณากลั่นกรองเรื่องดังต่อไปนี้ก่อนนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ๒.๑
การดำเนินคดีในศาลปกครองในกรณีที่คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี
หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีถูกฟ้องในคดีปกครอง ๒.๒ การดำเนินคดีในศาลรัฐธรรมนูญในกรณีคณะรัฐมนตรีเป็นผู้ถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ๒.๓
เรื่องเกี่ยวกับกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติ
|