ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 119 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 2361 - 2380 จากข้อมูลทั้งหมด 11309 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2361 | การปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศด้านภาษีอากร เรื่องการแลกเปลี่ยนข้อสนเทศ | กค | 12/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้ประเทศไทยมีหนังสือซึ่งลงนามโดยระดับรัฐมนตรี จำนวน ๒ ฉบับ ดังนี้ ๑.๑ หนังสือถึง Secretary-General ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Cooperation and Development : OECD) มีสาระสำคัญเป็นการขอให้ OECD ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาเชิญประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงพหุภาคีว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านการบริหารภาษี (Multilateral Convention on Mutual Administrative Assistance in Tax Matters : MAC) ๑.๒ หนังสือถึงประธานกรอบความร่วมมือ Global Forum on Transparency and Exchange of Information for Tax Purposes (Global Forum) มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศไทยในการให้คำมั่นว่าประเทศไทยจะแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินแบบอัตโนมัติจาก AEOI Standard เป็นไปตามรูปแบบกลางที่ Global Forum ซึ่งระบุว่าประเทศไทยจะสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลดังกล่าวได้ภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๖ กับรัฐคู่สัญญาที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดและมีการรักษาความลับของข้อมูลอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2362 | โครงการประกันรายได้และมาตรการบริหารจัดการมันสำปะหลัง ปี 2562/63 | พณ | 12/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี ๒๕๖๒/๖๓ ในวงเงิน ๙,๖๗๑,๕๘๒,๘๐๐ บาท โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลัง ปี ๒๕๖๒/๖๓ ในวงเงินชดเชย ๖๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท และโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมมันสำปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี ๒๕๖๒/๖๓ ในวงเงินชดเชย ๔๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้มีระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐานเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน ชัดเจน ทั้งเรื่องการลงทะเบียน จำนวนเกษตรกร ผลผลิตต่อไร่ รวมถึงมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขพื้นที่เป้าหมาย การใช้เงิน วิธีการจ่ายเงิน โดยให้คำนึงถึงข้อกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนจัดให้มีระบบการประเมินผลสัมฤทธิ์ที่ได้จากการดำเนินการต่าง ๆ อันจะนำไปสู่การกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการประกันรายได้ที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป ๒. รับทราบมาตรการคู่ขนานเพื่อรักษาเสถียรภาพราคามันสำปะหลัง ได้แก่ การบริหารจัดการการนำเข้าส่งออก การส่งเสริมการใช้มันสำปะหลังในประเทศเพิ่มขึ้น และการเพิ่มช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๓. มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามมาตรการดูแลความเป็นธรรมในการซื้อขายมันสำปะหลัง มาตรการเพิ่มช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และโครงการป้องกันและกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลัง ตามลำดับ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางในการดำเนินมาตรการเพิ่มช่องทางจำหน่ายและใช้ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เช่น การแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อให้โรงงานผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังสามารถผลิตและจำหน่ายเอทานอลให้แก่อุตสาหกรรมอื่นได้นอกเหนือจากการใช้เป็นเชื้อเพลิง หรือเป็นผู้รับจ้างผลิตให้แก่องค์การสุรา เป็นต้น รวมทั้งการแก้ไขปัญหาและผลกระทบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังให้ครอบคลุมในทุกมิติ เช่น การควบคุมดูแลพื้นที่เพาะปลูกและป้องกันมิให้เกิดการบุกรุกที่ดินในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิเพื่อเพาะปลูกมันสำปะหลังเพิ่มขึ้น การทำสัญญาเช่าที่ดินของรัฐให้ชัดเจนเพื่อป้องกันปัญหาการอ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินของรัฐ เป็นต้น โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ กรณีการดำเนินการแก้ไขปัญหาใด ๆ ที่ต้องนำเสนอคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติพิจารณา ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติโดยด่วนต่อไป ๕. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2363 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 6/2562 | นร11 | 12/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๖/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามที่คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เรื่องเพื่อพิจารณา : นโยบาย แนวทาง และมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises : SMEs) ที่ประชุมฯ มีมติรับทราบมาตรการ MSME 2020 : Micro SME 2020 รวม ๑๓ มาตรการ ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ โดยให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรับประเด็นความเห็นของคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ พร้อมทั้งหารือรายละเอียดร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเสนอให้คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมพิจารณา ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ๑.๒ เรื่องเพื่อพิจารณา : โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่ประชุมฯ มีมติเห็นชอบให้นำผลการเจรจาและร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการฯ ตามที่กรุงเทพมหานครและกระทรวงมหาดไทยเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไปได้ โดยให้กรุงเทพมหานครเร่งดำเนินการตามความเห็นและข้อสังเกตเพิ่มเติมของที่ประชุมฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๓ เรื่องเพื่อทราบ : มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง สรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ และสถานการณ์เศรษฐกิจล่าสุด (เดือนกันยายน ๒๕๖๒) ที่ประชุมฯ มีมติรับทราบและมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยกันสร้างความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจไทย และชี้แจงข้อมูลแก่ประชาชนให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามสรุปผลการประชุมฯ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทยในประเด็นที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2364 | ขออนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจร่วมว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง | อว | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง [Mekong-Lancang Cooperation (MLC) Special Fund] ซึ่งภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ระบุว่า จีนได้อนุมัติโครงการและสนับสนุนงบประมาณสำหรับดำเนินโครงการของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (มหาวิทยาลัยขอนแก่น) จำนวน ๒ โครงการ จำนวนเงิน ๔,๑๖๐,๐๐๐ หยวน (ประมาณ ๑๗,๗๒๑,๖๐๐ บาท) ได้แก่ (๑) โครงการคัดกรองอาหารที่ไม่ปลอดภัยเบื้องต้นโดยอาศัยองค์ความรู้เรื่องการแยกแยะด้วยความเสี่ยง (Early detection of Unsafe Feed by risk) จำนวน ๓๑๐,๐๐๐ หยวน (ประมาณ ๑,๓๒๐,๖๐๐ บาท) และ (๒) โครงการนำร่องการควบคุมโรคพยาธิใบไม้ตับในประเทศลุ่มน้ำโขง (Mekong Liver Fluke Control Initiative) จำนวน ๓,๘๕๐,๐๐๐ หยวน (ประมาณ ๑๖,๔๐๑,๐๐๐ บาท) โดยฝ่ายจีนจะจัดสรรงบประมาณให้ฝ่ายไทยภายใน ๒๐ วันทำการ หลังจากที่ได้มีการลงนาม โดยจะมีการลงนามระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๒ ๑.๒ อนุมัติให้ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเผยแพร่ผลการดำเนินโครงการ เมื่อเสร็จสิ้นแก่สถาบันการศึกษาอื่น ๆ หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับโครงการ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ต่อยอดองค์ความรู้ และสามารถนำงานศึกษาวิจัยไปใช้ในทางปฏิบัติได้อย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2365 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... | ทส | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพะเยา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมชลประทาน สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2366 | การขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 เรื่อง การจัดทำร่างบันทึกข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ว่าด้วยความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทางทหาร | กห | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เรื่อง การจัดทำร่างบันทึกข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ว่าด้วยความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทางทหาร (Memorandum of Arrangement between the Ministry of Defence of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Defense of Japan on Cooperation and Exchanges in the Field of Defense) ในส่วนของผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างบันทึกข้อตกลงฯ จากเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย” ปรับเป็น “รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย” ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2367 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2562 เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และกรรมาธิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และกรรมาธิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (ที่ประชุมร่วมคณะที่ ๑ และคณะที่ ๒) เนื่องจากเงินประจำตำแหน่งของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา มีความแตกต่างจากเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการ เนื่องจากข้าราชการย่อมได้รับเงินเดือนเป็นค่าตอบแทนพื้นฐานที่จ่ายให้กับข้าราชการทุกคนตามประเภทตำแหน่งและระดับตำแหน่ง ส่วนเงินประจำตำแหน่งที่ข้าราชการได้รับเป็นค่าตอบแทนที่กำหนดเพิ่มขึ้นสำหรับข้าราชการที่ได้รับการแต่งตั้งและปฏิบัติหน้าที่หลักในตำแหน่งที่ ก.พ. กำหนด การจ่ายเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการ จึงต้องพิจารณาถึงหลักเกณฑ์การเข้าปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนั้นประกอบด้วย แต่กรณีประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา นั้น มิได้มีเงินเดือนเป็นค่าตอบแทนพื้นฐาน อีกทั้งยังถูกจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพอื่นตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนับแต่วันเริ่มต้นสมาชิกภาพจนครบอายุของแต่ละสภา การจ่ายเงินประจำตำแหน่งให้แก่บุคคลดังกล่าวจึงมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการให้ค่าตอบแทนแก่การดำรงตำแหน่งตลอดระยะเวลาที่บุคคลนั้นดำรงตำแหน่งดังกล่าวอยู่ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และกรรมาธิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2368 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ 19 | กต | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์อาบูดาบี ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ ๑๙ (19th Meeting of the Council of Ministers of the Indian Ocean Rim Association : 19th IORA COM) ในวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียที่จะร่วมมือกันในการเสริมสร้างภูมิภาคมหาสมุทรอินเดียที่มีสันติภาพ ความมั่นคง และมั่นคั่ง ผ่านการให้ความร่วมมือกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในการผลักดันให้มีความคืบหน้าในประเด็นสำคัญเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว อาทิ ในด้านการเสริมสร้างความมั่นคงและปลอดภัยทางทะเล การอำนวยความสะดวกในด้านการค้าการลงทุน การเพิ่มพูนการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว การสร้างเสริมพลังสตรีในภาคเศรษฐกิจ เศรษฐกิจภาคทะเล รวมทั้งการสนับสนุนการดำเนินงานและการปฏิรูปสำนักเลขาธิการของสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม 19th IORA COM เป็นผู้ร่วมให้การรับรองร่างแถลงการณ์ฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2369 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองและลงนามระหว่างการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ 25 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | คค | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองและลงนามระหว่างการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน (ASEAN Transport Minister Meeting : ATM) ครั้งที่ ๒๕ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รวม ๖ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกรอบการดำเนินการตามกรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Implementation Framework of the ASEAN Framework Agreement on Multimodal Transport) ๑.๒ ร่างปฏิญญาว่าด้วยการรับรองกรอบการดำเนินการตามกรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Declaration on the Adoption of the Implementation Framework of the ASEAN Framework Agreement on Multimodal Transport) ๑.๓ ร่างแผนยุทธศาสตร์อาเซียนว่าด้วยเรือที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (ASEAN Green Ship Strategy) ๑.๔ ร่างพิธีสาร ๑ ว่าด้วยเครื่องช่วยฝึกบิน (Protocol 1 on Flight Simulation Training Devices) ๑.๕ ร่างพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ ๑๑ ของบริการขนส่งทางอากาศ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน (Protocol to Implement the Eleventh Package of Commitments on Air Transport Services under the ASEAN Framework Agreement on Services) ๑.๖ ร่างพิธีสาร ๓ ว่าด้วยการขยายสิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๕ ระหว่างภาคีคู่สัญญา (Protocol 3 on the Expansion of Fifth Freedom Traffic Rights between Contracting Parties) ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายรับรองเอกสารในข้อ ๑.๑-๑.๔ ๓. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายลงนามในเอกสารตามข้อ ๑.๕-๑.๖ และเมื่อลงนามแล้ว ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (เรื่อง แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญาตามบทบัญญัติมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายลงนามในเอกสารตามข้อ ๑.๕-๑.๖ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขร่างข้อตกลงฯ และร่างพิธีสารฯ รวม ๒ ฉบับดังกล่าว ในส่วนที่เกี่ยวกับถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๕. ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนว่าไทยพร้อมที่จะให้เอกสารตามข้อ ๑.๕-๑.๖ มีผลผูกพัน เมื่อรัฐสภามีมติให้ความเห็นชอบเอกสารตามข้อ ๑.๕-๑.๖ ดังกล่าวแล้ว ๖. ให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งปรับปรุงกลไกการกำกับดูแลความปลอดภัยการบินให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้โดยเร็ว เพื่อให้ไทยสามารถปฏิบัติตามข้อตกลงฯ ได้ทันทีที่ข้อตกลงฯ และร่างพิธีสารฯ มีผลบังคับใช้ ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจและยอมรับในกระบวนการอนุญาตหรือการรับรองด้านความปลอดภัยของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2370 | มาตรการด้านการงบประมาณเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอันเนื่องมาจากเหตุภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ไปพลางก่อน | นร07 | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการด้านการงบประมาณเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอันเนื่องมาจากเหตุภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2371 | ขอความเห็นชอบร่างหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ระหว่างกระทรวงกลาโหมกับคณะกรรมการบริหารงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมเพื่อการป้องกันประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | กห | 29/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงกลาโหมจัดทำหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ระหว่างกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรไทยกับคณะกรรมการบริหารงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเพื่อการป้องกันประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (Letter of Intent on Cooperation in Science, Technology and Industry for Defence between the Ministry of Defence of the Kingdom of Thailand and the State Administration of Science, Technology and Industry for Kingdom of Thailand and the State Administration of Science, Technology and Industry for National Defence of the People of the People’s Republic of China) มีสาระสำคัญเป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และขยายความสัมพันธ์ที่มีอยู่ระหว่างกันภายใต้กรอบของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับของแต่ละประเทศ การกำหนดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมด้านความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศจีน-ไทย ซี่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการจัดทำและตรวจสอบแผนและโครงการต่าง ๆ ที่ทำร่วมกัน การจัดประชุมประจำปี และการประสานงานในกรณีที่เกิดข้อพิพาทระหว่างกัน โดยจะมีการลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงฯ ภายในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ ประเทศไทย ๑.๒ ให้ผู้อำนวยการศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหารหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่เสนอให้มีการปรับข้อความในหนังสือแสดงเจตจำนงฯ จากเดิม “ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ” เป็น “ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรม สำหรับการป้องกันประเทศ” เพื่อให้สื่อถึงกรอบเนื้อหาของความร่วมมือนี้อย่างชัดเจนมากขึ้น และใช้ข้อความนี้ในเนื้อหาส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และในการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมด้านความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ อาจพิจารณาเพิ่มเติมองค์ประกอบให้มีผู้บริหารหรือผู้แทนจากหน่วยงานภาคพลเรือนที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นคณะกรรมการหรือที่ปรึกษาด้วย เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนางานวิจัยและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2372 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ วิชาการ และนวัตกรรม ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | อว | 29/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ วิขาการ และนวัตกรรม ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนใน ๑๑ สาขา ได้แก่ (๑) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (๒) เทคโนโลยีการเกษตร (๓) เทคโนโลยีชีวภาพและวิทยาศาสตร์การแพทย์ (๔) เทคโนโลยีพลังงาน (๕) เทคโนโลยีวัสดุและการผลิต (๖) เทคโนโลยียานยนต์และรถไฟความเร็วสูง (๗) เทคโนโลยีการบินและอวกาศ (๘) นโยบายด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (๙) การถ่ายทอดเทคโนโลยี (๑๐) โครงการแลกเปลี่ยนนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ และ (๑๑) สาขาอื่น ๆ ผ่านรูปแบบความร่วมมือ เช่น การวิจัยและพัฒนาร่วมการแลกเปลี่ยนนักวิทยาศาสตร์ ผู้ชำนาญการ และนักวิจัย และการแลกเปลี่ยนนโยบาย เป็นต้น โดยทั้งสองฝ่ายได้กำหนดให้มีการลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในช่วงการเยือนของนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ระหว่างวันที่ ๒-๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2373 | ร่างแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2562-2565) | ยธ | 29/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้กระทรวงยุติธรรมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี) ๑.๒ เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) ซึ่งจัดทำขึ้นตามหลักการชี้แนะของสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights : UNGPs) ของคณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ประกอบด้วยหลักการพื้นฐาน ๓ เสาหลัก ได้แก่ การคุ้มครอง (Protect) การเคารพ (Respect) และการเยียวยา (Remedy) โดยหากจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแผนปฏิบัติการฯ โดยไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการได้ โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบในภายหลัง ๑.๓ มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามที่กำหนดไว้ในร่างแผนปฏิบัติการฯ ดำเนินการให้บรรลุตามแผนปฏิบัติการฯ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมด้วยความยืดหยุ่น โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนด้วย ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด รวมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น (๑) ควรให้ความคุ้มครองกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่สามารถเข้าสู่ระบบแรงงานอย่างถูกต้อง และส่งเสริมการประกอบอาชีพ อาทิ กลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวี (๒) การขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการฯ ควรคำนึงถึงสถานการณ์และแนวโน้มในอนาคต และ (๓) ควรมีการจัดทำระบบการติดตามและประเมินผลเพื่อรายงานผลความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2374 | รายงานผลการดำเนินการของสำนักงาน ก.พ. เรื่อง การพัฒนาระบบการสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไปให้เป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภท | นร10 | 29/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการพัฒนาระบบการสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไปให้เป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภท ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. หารือร่วมกับองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการประเภทต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้กำกับของฝ่ายบริหาร ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงความจำเป็น เหมาะสม และความเป็นไปได้ในการพัฒนาระบบการสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไปสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน เช่น การนำหลักสูตรการสอบและเกณฑ์การตัดสินการสอบผ่านการสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไปตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. ไปปรับใช้เป็นส่วนหนึ่งในหลักสูตรการสอบและการตัดสินการสอบผ่านฯ ของหน่วยงานตนเอง และการนำหนังสือรับรองผลการสอบผ่านฯ ของสำนักงาน ก.พ. ไปใช้แทนผลการสอบผ่านฯ ของหน่วยงานตนเองได้ เป็นต้น ๓. ให้สำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดินและข้อสังเกตของกระทรวงมหาดไทย เช่น สามารถนำหลักสูตรการสอบภาค ก ตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. มาปรับใช้กับการสอบแข่งขันบุคคลภายนอกวุฒิปริญญาทางสายสังคมศาสตร์ได้ แต่กรณีการรับสมัครนักเรียนนายสิบตำรวจประจำปี นักเรียนเตรียมทหาร กลุ่มคุณวุฒิพิเศษหรือขาดแคลน การบรรจุทายาทข้าราชการตำรวจซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอใช้หลักเกณฑ์วิธีการตามที่กำหนดไว้ในกฎ ก.ตร. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกหรือสอบแข่งขันบุคคลเพื่อบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ พ.ศ. ๒๕๔๗ และควรปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎ และระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถดำเนินการได้โดยเร็ว ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดงบประมาณแผ่นดินในการจัดการสอบ ลดขั้นตอนการสรรหาบุคลากร และอำนวยความสะดวกให้กับผู้สมัคร เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔. ให้สำนักงาน ก.พ. เร่งรัดการพิจารณากำหนดแนวทางในการคัดเลือกบุคลากรที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ระบบราชการ เช่น สาขาเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้กลุ่มบุคลากรดังกล่าวเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบราชการให้มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืนต่อไป ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง ข้อเสนอการปรับปรุงโครงการพัฒนานักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2375 | รายงานผลการประเมินองค์การมหาชนและผู้อำนวยการองค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | นร12 | 29/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
๑. รับทราบรายงานผลการประเมินองค์การมหาชนและผู้อำนวยการองค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลการประเมินองค์กรในระดับคุณภาพ จำนวน ๔๖ แห่ง เช่น ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) โรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) และคุรุสภา และระดับมาตรฐาน จำนวน ๘ แห่ง เช่น สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา ไม่มีองค์การมหาชนใดได้รับการประเมินอยู่ในระดับต้องปรับปรุง และไม่มีการประเมินองค์การมหาชน จำนวน ๑ แห่ง คือ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) เนื่องจากระบบการประเมินคุณภาพการศึกษายังไม่เป็นที่ยุติ จึงไม่สามารถประเมินผลงานที่เป็นภารกิจหลักได้ ๑.๒ ผลการประเมินผู้อำนวยการองค์การมหาชน มีผลการประเมินในระดับคุณภาพ จำนวน ๔๕ แห่ง เช่น สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) โรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ระดับมาตรฐาน จำนวน ๓ แห่ง ได้แก่ สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) สถาบันรับรองคุรภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) และศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ต้องปรับปรุง จำนวน ๒ แห่ง ได้แก่ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) และไม่มีการประมิน จำนวน ๕ แห่ง เหตุผลส่วนใหญ่เนื่องจากการเปลี่ยนผ่านของผู้อำนวยการที่ได้รับการแต่งตั้งในช่วงใกล้สิ้นปีงประมาณ เช่น สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) และสถาบันส่งเสริมความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) ๑.๓ ผลการประเมินตัวชี้วัดบังคับและตัวชี้วัดของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีตัวชี้วัด ๕ ตัวชี้วัด โดยในภาพตัวชี้วัด (๑) ระดับความพึงพอใจและพัฒนาการให้บริการ (๒) ร้อยละของการเบิกจ่ายตามแผนการใช้จ่ายเงิน (๓) ระดับการพัฒนากำกับดูแลกิจการของคณะกรรมการองค์การมหาชน) (๔) ผลคะแนนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงาน (ITA) ขององค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีค่าคะแนนตัวชี้วัด (๔ ตัวชี้วัด) มากกว่าองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะ ๒. มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา) ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการบริหารองค์การมหาชน และขอจัดกลุ่มองค์การมหาชน) อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2376 | คำชี้แจงในคดีหมายเลขดำที่ อ.228/2559 ระหว่าง บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ผู้ฟ้องคดี กระทรวงการคลัง ผู้ถูกฟ้องคดี | นร05 | 29/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบคำชี้แจงพร้อมทั้งพยานหลักฐานเกี่ยวกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๔๖ เรื่อง การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากบริการ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ เรื่อง การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากบริการโทรคมนาคมของกระทรวงการคลัง ที่จัดทำร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และให้ถือว่าคำชี้แจงดังกล่าวเป็นคำชี้แจงของคณะรัฐมนตรีที่จะยื่นต่อศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขดำที่ อ.๒๒๘/๒๕๕๙ ระหว่าง บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ผู้ฟ้องคดี กระทรวงการคลัง ผู้ถูกฟ้องคดีต่อไป ๒. มอบอำนาจให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดทำคำชี้แจงพร้อมแสดงพยานหลักฐานในนามคณะรัฐมนตรี เพื่อยื่นต่อศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ อ.๒๒๘/๒๕๕๙ และให้มีอำนาจทำคำชี้แจงเพิ่มเติม (ถ้ามี) รวมทั้งการให้ถ้อยคำต่อศาล ตลอดจนให้มีอำนาจมอบอำนาจช่วงให้นิติกรไปดำเนินการใด ๆ ด้วย ทั้งนี้ หากกรณีต้องทำคำชี้แจงเพิ่มเติมหรือต้องไปให้ถ้อยคำต่อศาล ให้ประสานกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงในการไปให้ถ้อยคำหรือยกร่างคำชี้แจงยื่นต่อศาลปกครองจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2377 | คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) | ตช | 29/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลฝ่ายไทย สถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายขึ้นใหม่ โดยเปลี่ยนชื่อคณะกรรมการจากเดิม เป็น “คณะกรรมการกำกับดูแลฝ่ายไทย โครงการความร่วมมือฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย” และเปลี่ยนชื่อตำแหน่งของคณะกรรมการ จำนวน ๒ ตำแหน่ง คือ “ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ” เป็น “อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ” และ “ผู้อำนวยการบริหาร สถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย” เป็น “ผู้อำนวยการบริหาร โครงการความร่วมมือฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย” ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2378 | รายงานความคืบหน้าผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 และ 10 กันยายน 2562 | นร | 29/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ และ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๒ และการคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงภัยแล้งและอุทกภัยภาคใต้ รวมทั้งเห็นชอบต่อมาตรการพื้นที่เสี่ยงภัยอุทกภัยแล้ง ปี ๒๕๖๒/๖๓ และพื้นที่เสี่ยงภาคใต้ ปี ๒๕๖๒ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการเพื่อลดผลกระทบความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้นำมาตรการดังกล่าวไปประกอบการพิจารณาวางแผน เพื่อรองรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และหากมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการโครงการตามมาตรการดังกล่าว เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบภารกิจและความซ้ำซ้อนของแผนงาน โครงการและกิจกรรมต่าง ๆ จากแผนงาน โครงการ และมาตรการต่าง ๆ ที่เคยได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีหรือที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณที่ผ่านมาให้ครบถ้วน โดยคำนึงถึงแผนการจัดสรรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดหาแหล่งน้ำสำรอง การขุดเจาะบ่อบาดาล รวมถึงการส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ และหากยังมีโครงการที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการเพิ่มเติมภายหลังจากการตรวจสอบความซ้ำซ้อนแล้ว เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ทั้งนี้ ในการรายงานข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติในครั้งต่อ ๆ ไป ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรายงานข้อมูลในภาพรวมในลักษณะของการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ด้วย ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกันในการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมและเพียงพอในแต่ละพื้นที่ โดยไม่กระทบกับการจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภคเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ รวมทั้งสามารถลดผลกระทบจากความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2379 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติ จำนวน 4 ฉบับ ออกจากการพิจารณาของรัฐสภา [ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. ....] [ขอถอนร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ] | ยธ | 29/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้ถอนร่างพระราชบัญญัติที่ร้องขอต่อรัฐสภาเพื่อให้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่รัฐสภายังมิได้ให้ความเห็นชอบ ตามมาตรา ๑๔๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จำนวน ๔ ฉบับ ออกจากการพิจารณาของรัฐสภา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้เร่งดำเนินการเพื่อเสนอร่างกฎหมายฉบับใหม่ตามขั้นตอนต่อไป ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2380 | ขอความเห็นชอบร่างปฏิญญาว่าด้วยการตระหนักถึงเมืองอัจฉริยะและชุมชนในภูมิภาคเอเชียผ่านแนวทางแก้ไขและมาตรการด้านการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม | คค | 29/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาฮานอยว่าด้วยการตระหนักถึงเมืองอัจฉริยะและชุมชนในภูมิภาคเอเชียผ่านแนวทางแก้ไขและมาตรการด้านการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกและหน่วยงานที่เข้าร่วมการประชุมด้านการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคเอเชีย (Regional Environmentally Sustainable Transport (EST) Forum in Asia) ครั้งที่ ๑๒ รวมทั้งองค์การระหว่างประเทศ องค์กรทวิภาคี และพหุภาคีต่าง ๆ ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน ผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งที่ยั่งยืน รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อสนับสนุนผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านการส่งเสริมการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาสู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะและมีความทนทาน การพัฒนาการเคลื่อนที่ในเมืองโดยตระหนักถึงการเพิ่มขึ้นของประชากรอย่างรวดเร็ว การสนับสนุนให้มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่สำหรับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะและชุมชนในภูมิภาคเอเชีย การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง และการสนับสนุนต่อข้อผูกพันและความตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อการบรรลุตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยจะมีการรับรองร่างปฏิญญาฯ ในการประชุม EST ครั้งที่ ๑๒ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๘-๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
.....