ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 112 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 2221 - 2240 จากข้อมูลทั้งหมด 11309 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2221 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการจ่ายเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | พม | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการจ่ายเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๒,๐๕๖,๕๑๖,๔๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2222 | ขออนุมัติผ่อนผันการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการและเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารฝึกปฏิบัติการทางวิชาชีพครู ของมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา | อว | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติผ่อนผันการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการและเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารฝึกปฏิบัติการทางวิชาชีพครู ของมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา จากเดิม จำนวนเงิน ๑๖๓,๙๖๐,๐๐๐ บาท เป็น จำนวนเงิน ๑๘๓,๙๑๒,๕๓๑.๓๕ บาท โดยเป็นการปรับปรุงการใช้งานพื้นที่ ระบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศและระบายอากาศ ระบบเครือข่าย ระบบโทรทัศน์ และระบบภาพและเสียง ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ๒. การดำเนินโครงการต่าง ๆ ในครั้งต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามโครงการอย่างละเอียดรอบคอบให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติก่อนตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง การตรวจสอบและจัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ) อย่างเคร่งครัด และหากมีความจำเป็นต้องขอเปลี่ยนแปลงรายการหรือเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันเกินวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ให้เสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีก่อนการดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2223 | การทบทวนคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงการต่างประเทศ) | กต | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ยกเลิกคณะกรรมการ จำนวน ๒ คณะ ได้แก่ ๑.๑ คณะกรรมการเพื่อพิจารณาการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาเกี่ยวกับการก่อการร้ายระหว่างประเทศ ๑.๒ คณะกรรมการพิจารณาธรรมนูญศาลอาญาระหว่างประเทศ ๒. ยืนยันการคงอยู่ของคณะกรรมการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติแต่งตั้งเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ จำนวน ๔๙ คณะ โดยขอปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ จำนวน ๒ คณะ ได้แก่ ๒.๑ ปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการประสานงานด้านสหประชาชาติ องค์การระหว่างประเทศอื่น ๆ และองค์การต่างประเทศ ๒.๒ ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการกับต่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2224 | ร่างพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กห | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๓๐ โดยกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตทุกประเภท (สั่งเข้ามา นำเข้ามา ผลิต หรือมีซึ่งยุทธภัณฑ์) ต้องจัดให้มีบัญชีรับจ่ายยุทธภัณฑ์และส่งสำเนาบัญชีรับจ่ายยุทธภัณฑ์ให้กระทรวงกลาโหมทราบทุกเดือน แก้ไขระยะเวลาให้ใช้ใบอนุญาต จากไม่เกิน ๑ ปี เป็นไม่เกิน ๓ ปี และปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติขึ้นใหม่เพื่อให้การควบคุมยุทธภัณฑ์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ทั้งนี้ ให้พิจารณาการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมตามร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ให้สอดคล้องตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๓ (เรื่อง แนวทางการทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมในการอนุมัติ อนุญาต ของทางราชการ) ด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2225 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2552 เรื่อง แนวทางแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกรสภาประชาชน 4 ภาค | กษ | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ เรื่อง แนวทางแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกรสภาประชาชน ๔ ภาค เพื่อให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) สามารถดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกินได้ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมได้ และเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับการจัดสรรที่ดินที่ ส.ป.ก. ได้จัดซื้อไว้แล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยในส่วนของการดำเนินการแก้ไขปัญหาด้านที่ดิน ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย ส.ป.ก. ดำเนินการตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรจัดที่ดินให้แก่เกษตรกรฯ ๔ ภาค ที่เหลืออยู่หรือที่มาแสดงตนภายหลังเป็นลำดับแรกก่อน ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย ส.ป.ก. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงบประมาณ เช่น (๑) ควรกำหนดเวลาให้เกษตรกรฯ ๔ ภาค โดยหากไม่มาขึ้นทะเบียนภายในกำหนดเวลา ก็สามารถไปยื่นคำร้องขอขึ้นทะเบียนขอรับการจัดที่ดินในฐานะผู้ไร้ที่ดินทำกินซึ่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดไว้ได้ตามปกติ (๒) การนำเงินที่เหลืออยู่ จำนวน ๒๒๑.๓๑ ล้านบาท คงไว้ในกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยไม่ต้องส่งคืนคลัง อาจไม่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และ (๓) วงเงินที่เหลือจ่ายจากการจัดซื้อที่ดิน จำนวน ๒๒๑.๓๑ ล้านบาท ควรพิจารณาดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2226 | โครงการจัดทำรายงานแห่งชาติ ฉบับที่ 4 และรายงานความก้าวหน้ารายสองปี ฉบับที่ 3 ตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ | ทส | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความตกลงระหว่างโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติและหน่วยงานร่วมปฏิบัติการ ภายใต้โครงการจัดทำรายงานแห่งชาติ ฉบับที่ ๔ และรายงานความก้าวหน้ารายสองปี ฉบับที่ ๓ ตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเห็นชอบให้เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความตกลงฯ โดยบันทึกความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายละเอียดการให้การสนับสนุนแก่โครงการดำเนินงานในระดับประเทศ โดยโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme : UNDP) จะให้การสนับสนุนสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการดำเนินกิจกรรมภายใต้โครงการ เช่น การจัดทำบัญชีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปี พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑ แล้วเสร็จ การพัฒนากระบวนการทำงาน และการพัฒนาศักยภาพของบุคคลากรในประเทศ เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปรับระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดโครงการให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) ไปดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2227 | ขอความเห็นชอบแผนอัตรากำลังโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 - 2565 | อว | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนอัตรากำลังโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) สังกัดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ จำนวน ๑,๐๙๐ อัตรา วงเงินรวม ๓๘๓,๘๘๐,๑๒๐ บาท ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ เช่น (๑) แผนอัตรากำลังดังกล่าว ควรสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกำลังคนและภารกิจบริการด้านสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข และควรมีการศึกษาความต้องการสาขาแพทย์และสาขาอาชีพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในภาพรวมทั้งระบบในภาครัฐและภาคเอกชน (๒) หาก มทส. มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องบรรจุอัตรากำลังตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ก็ให้ มทส. พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของ มทส. มาดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน สำหรับปีต่อ ๆ ไป ควรขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยคำนึงถึงภาระงานที่เกิดขึ้นจริง ศักยภาพในการสรรหา และความสามารถในการบรรจุอัตรากำลัง รวมถึงการพิจารณานำเงินนอกงบประมาณ (เงินรายได้ของโรงพยาบาล) มาใช้จ่ายเป็นค่าบุคลากร เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงาน ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกำลังคนและภารกิจบริการด้านสาธารณสุขในภาพรวมทั้งระบบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมของการกำหนดอัตราข้าราชการตั้งใหม่ตำแหน่งเภสัชกร จำนวน ๓๑๖ อัตรา ให้กับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) เพื่อให้สามารถวางระบบการบริหารอัตรากำลังให้สอดคล้องกับภารกิจบริการสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศและการลงทุนในยุทธศาสตร์การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ สถาบันทางการแพทย์ และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในภาพรวมของประเทศ ในระยะยาว (๕-๑๐ ปี) ทั้งนี้ ในการจัดทำแผนอัตรากำลังของโรงพยาบาลในครั้งต่อ ๆ ไป ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องนำแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกำลังคนและภารกิจบริการด้านสาธารณสุขในภาพรวมทั้งระบบและยุทธศาสตร์การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ สถาบันทางการแพทย์ และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในภาพรวมของประเทศ ในระยะยาว (๕-๑๐ ปี) มาพิจารณาประกอบการจัดทำแผนอัตรากำลังดังกล่าวให้เหมาะสมสอดคล้องกันด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2228 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารวิจัยทางการแพทย์ของมหาวิทยาลัยบูรพา | อว | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารวิจัยทางการแพทย์ของมหาวิทยาลัยบูรพา จำนวน ๑๑ รายการ จากเดิมจำนวน ๙๐๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นจำนวน ๙๕๕,๓๔๙,๘๑๖.๐๙ บาท โดยมีค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นจำนวน ๔๗,๓๔๙,๘๑๖.๐๙ บาท ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้ การดำเนินโครงการต่าง ๆ ในครั้งต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามโครงการอย่างละเอียดรอบคอบให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติก่อนตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง การตรวจสอบและจัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ) อย่างเคร่งครัด และหากมีความจำเป็นต้องขอเปลี่ยนแปลงรายการหรือเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันเกินวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ให้เสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีก่อนการดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2229 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการค่าก่อสร้างและเพิ่มวงเงินในการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน) | ตผ | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเปลี่ยนแปลงรายการค่าก่อสร้าง และเพิ่มวงเงินในการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิม ๔ รายการ วงเงิน ๑,๘๓๒,๙๐๖,๖๐๐ บาท เป็น ๒ รายการ ภายในกรอบวงเงิน ๒,๖๓๖,๘๐๐,๐๐๐ บาท ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบด้วย (๑) รายการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๖ จำนวนเงิน ๒,๕๖๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และ (๒) รายการค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๖ จำนวนเงิน ๗๖,๘๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินขอทำความตกลงความเหมาะสมของราคากับสำนักงบประมาณ ตามระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมที่เห็นควรพิจารณาดำเนินการตามข้อกำหนดและเงื่อนไขในสัญญาเช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในรายละเอียดอย่างเคร่งครัด และดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลในรายละเอียดต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ในการต่อสัญญาเช่าที่ดินของ รฟท. ในครั้งต่อ ๆ ไป ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินขอความร่วมมือจาก รฟท. ในการพิจารณาปรับปรุงอัตราค่าเช่าสำหรับหน่วยงานราชการในลักษณะผ่อนปรนต่ำสุดเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงในกรณีที่ราคาประเมินมูลค่าที่ดิน ณ ปีที่ต่ออายุสัญญาเพิ่มสูงขึ้นมาก รวมทั้งให้ระบุการขอสงวนสิทธิ์การขอใช้พื้นที่ของ รฟท. ไว้ในสัญญาเช่าให้ชัดเจนด้วย ๒. ในกรณีที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจะต้องดำเนินโครงการในลักษณะนี้อีกในอนาคต ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินดำเนินการตรวจสอบความพร้อมและความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการต่าง ๆ อย่างละเอียดรอบคอบและครบถ้วนในทุกมิติก่อนที่จะเสนอขออนุมัติโครงการ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) อย่างเคร่งครัด รวมถึงควรมีกลไกในการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามแผนงานและกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2230 | ขอยกเลิกการผูกพันงบประมาณรายการค่าเช่าอุปกรณ์เครื่องมือติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring : EM) พร้อมระบบควบคุมการทำงาน จำนวน 4,000 เครื่อง ตามมติคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0505/8215 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2561 และขออนุมัติผูกพันงบประมาณรายการค่าเช่าอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring : EM) พร้อมระบบที่เกี่ยวข้อง จำนวน 30,000 เครื่อง | ยธ | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมคุมประพฤติ) ดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ดำเนินโครงการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวมาใช้เพื่อเป็นมาตรการทางเลือกแทนการลงโทษจำคุก จำนวน ๓๐,๐๐๐ เครื่อง ภายในกรอบวงเงิน ๗๖๔,๗๖๔,๒๐๐ บาท โดยเริ่มปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ประกอบด้วย ค่าเช่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว พร้อมระบบที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๓๐,๐๐๐ เครื่อง จำนวน ๗๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และค่าใช้จ่ายบริหารจัดการโครงการ จำนวน ๔๔,๗๖๔,๒๐๐ บาท ๑.๒ อนุมัติให้ยกเลิกการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายการค่าเช่าอุปกรณ์เครื่องควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring : EM) พร้อมระบบควบคุมการทำงาน จำนวน ๔,๐๐๐ เครื่อง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๔๔,๖๘๒,๐๐๐ บาท เนื่องจากผู้รับจ้างนำส่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวที่มีคุณลักษณะไม่ตรงตามขอบเขตของการเช่าและติดตั้งอุปกรณ์ กรมคุมประพฤติจึงแจ้งบอกเลิกสัญญากับผู้รับจ้าง ๑.๓ สำหรับการขออนุมัติรายการค่าเช่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (Electronic Monitoring : EM) พร้อมระบบที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๓๐,๐๐๐ เครื่อง วงเงินรวม ๗๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท นั้น เห็นควรให้กระทรวงยุติธรรมนำความเห็นและข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติพิจารณา ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ ก่อน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมคุมประพฤติ) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง และข้อสังเกตของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เช่น การเช่าใช้อุปกรณ์ EM พร้อมระบบที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๓๐,๐๐๐ เครื่อง ควรพิจารณาเพิ่มเติมในเรื่องของ “ระบบที่เกี่ยวข้อง” ในการสนับสนุนการใช้งานดังกล่าว เนื่องจากระบบที่เกี่ยวข้องตามข้อกำหนด (TOR) อาจมีความเกี่ยวโยงกับการส่งข้อมูลโดยอุปกรณ์ EM จึงควรพิจารณาหาทางป้องกันการผูกขาด “ระบบที่เกี่ยวข้องและเครื่องอุปกรณ์ EM” โดยควรกำหนดให้มีการเปิดเผยรูปแบบและวิธีการส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ EM ไปยังระบบที่เกี่ยวข้อง และควรพิจารณาในเรื่องการบริหารความต่อเนื่องของการใช้งานอุปกรณ์และลดปัญหาการผูกขาดของผู้ผลิตเพียงรายเดียว รวมถึงส่วนของโปรแกรมที่มีการเข้าหรือถอดรหัสข้อมูลที่ส่งมาจากอุปกรณ์ EM ควรมีมาตรฐานหรือข้อกำหนดที่ชัดเจนที่สามารถใช้ร่วมกันหรือปรับใช้ได้ และควรพิจารณาการคำนึงถึงการดูแลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Privacy) และการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล (Security) รวมทั้งการดูแลข้อมูลที่จัดเก็บในระบบคลาวน์ของผู้ให้บริการให้เป็นไปตามมาตรฐาน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2231 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2563 | นร11 | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๓ ซึ่งได้มีการพิจารณาข้อเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) เกี่ยวกับมาตรการพยุงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในระยะเร่งด่วน (เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ๒๕๖๓) และในระยะยาว ประกอบด้วย มาตรการบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ๒๐๑๙ และมาตรการเสริมสร้างความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทาน และข้อเสนอของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเป็นกรอบแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจหลักในระดับพื้นที่ภาค ตามที่คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเสนอ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามสรุปผลการประชุมให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการพยุงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย จะต้องคำนึงถึงภารกิจและความจำเป็น ความพร้อม วิธีการดำเนินงาน ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างเหมาะสม ตลอดจนสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับทุกภาคส่วน รวมถึงจัดให้มีระบบติดตามและรายงานผลการดำเนินงานและผลการใช้จ่ายให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินมาตรการดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานหรือแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป โดยดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วนด้วย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2232 | หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ไปพลางก่อน (เพิ่มเติม) | นร07 | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน (เพิ่มเติม) ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. เห็นชอบตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติมว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๑๔ มกราคม ๒๕๖๓) เห็นชอบมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันให้ได้โดยเร็ว นั้น เพื่อให้การบริหารงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและเป็นการเตรียมความพร้อมให้หน่วยรับงบประมาณสามารถใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันได้ทันทีภายหลังพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ มีผลบังคับใช้ จึงเห็นควรให้หน่วยรับงบประมาณทุกหน่วยงานรายงานความคืบหน้าการดำเนินการในขั้นตอนการเตรียมการจัดซื้อจัดจ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายจ่ายลงทุนไปยังสำนักงบประมาณภายในวันศุกร์ของทุกสัปดาห์ เพื่อที่สำนักงบประมาณจะได้รวบรวมข้อมูลและรายงานต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2233 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงข่าวของประธานร่วมของการประชุมอาเซียน - สหภาพยุโรปด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ครั้งที่ 2 | กต | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงข่าวของประธานร่วมของการประชุมอาเซียน-สหภาพยุโรปด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ครั้งที่ ๒ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายออกแถลงข่าวฯ ในฐานะประธานร่วมของการประชุม โดยร่างแถลงข่าวฯ เป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมอาเซียน-สหภาพยุโรปด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ครั้งที่ ๒ ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม มีสาระสำคัญคือ (๑) การส่งเสริมการเติบโตสีเขียวและการเงินสีเขียวเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (๒) การส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาคและระหว่างภูมิภาคอาเซียนและยุโรป (๓) การส่งเสริมบทบาทสตรีในภาคธุรกิจ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) (๔) การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ ในการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และ (๕) การส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรป ผ่านกลไกต่าง ๆ โดยเฉพาะศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงข่าวฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2234 | มาตรการการเงินการคลังเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยว ปี 2563 | กค | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมาตรการด้านการเงิน ประกอบด้วย (๑) มาตรการสินเชื่อ และ (๒) มาตรการการขยายเวลาการชำระหนี้และค่าธรรมเนียม และการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามประมวลรัษฎากร ภ.ง.ด. ๙๐ และ ภ.ง.ด. ๙๑ เพื่อช่วยเหลือผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ประกอบกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่อาจส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจของไทย โดยขยายระยะเวลา ๓ เดือน (ภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๓) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบมาตรการด้านภาษี จำนวน ๓ มาตรการ ได้แก่ (๑) มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ (๒) มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงกิจการโรงแรม และ (๓) มาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ๓. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๒ ฉบับ และร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๑ ฉบับ เพื่อรองรับมาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการดำเนินมาตรการด้านภาษีดังกล่าว ควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการกระจายรายได้ไปสู่พื้นที่เมืองรอง รวมถึงการสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๕. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2235 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายโครงการจัดทำพื้นที่นอนเพิ่มสำหรับผู้ต้องขัง | ยธ | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบเรื่องขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายโครงการจัดทำพื้นที่นอนเพิ่มสำหรับผู้ต้องขัง จำนวนเงิน ๑๗๘,๐๙๖,๕๕๕.๙๒ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรมนำโครงการดังกล่าวเสนอคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติพิจารณาตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ (เรื่อง สถานการณ์และแนวทางการลดความแออัดของผู้ต้องขังในเรือนจำ) ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๒. ในส่วนของการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2236 | การกำหนดสินค้าควบคุมเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดสินค้าควบคุมปี ๒๕๖๒ เพิ่มเติม จำนวน ๔ รายการ คือ (๑) หน้ากากอนามัย (๒) ใยสังเคราะห์ Polypropylene (Spunbond) เพื่อใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัย (๓) ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ และ (๔) เศษกระดาษและกระดาษที่นำกลับมาใช้ได้อีก ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2237 | การรับรองแถลงการณ์ร่วมจากการประชุมระดับอนุภูมิภาคว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้าย (The Sub-Regional Meeting on Counter-Terrorism) | นร08 | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับอนุภูมิภาคว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้าย : การรับมือกับพัฒนาการด้านยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ของผู้ก่อการร้าย (Joint Statement on Responding to Evolving Terrorist Strategies and Tactics) โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ เป็นเอกสารที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนามในการประชุมระดับอนุภูมิภาคว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้าย (The Sub-Regional Meeting on Counter Terrorism and Transnational Security) ในสัปดาห์ที่ ๓ ของเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ณ เมืองสุราบายา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองร่วมกันของประเทศสมาชิกในการต่อต้านการก่อการร้าย ตลอดจนสอดคล้องกับนโยบายการกระชับความสัมพันธ์กับต่างประเทศและส่งเสริมบทบาทไทยในเวทีระหว่างประเทศ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2238 | ขอความเห็นชอบแผนอัตรากำลังโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 - 2565 | อว | 04/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนอัตรากำลังโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิยาลัยวลัยลักษณ์ (มวล.) สังกัดมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ จำนวน ๑,๒๖๘ อัตรา วงเงินรวม ๕๓๑,๙๔๒,๙๖๐ บาท ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ เช่น (๑) แผนอัตรากำลังดังกล่าว ควรสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกำลังคนและภารกิจบริการด้านสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข และควรมีการศึกษาความต้องการสาขาแพทย์และสาขาอาชีพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในภาพรวมทั้งระบบในภาครัฐและภาคเอกชน (๒) หาก มวล. มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องบรรจุอัตรากำลังตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ก็ให้ มวล. พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของ มวล. มาดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน สำหรับปีต่อ ๆ ไป ควรขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยคำนึงถึงภาระงานที่เกิดขึ้นจริง ศักยภาพในการสรรหา และความสามารถในการบรรจุอัตรากำลัง รวมถึงการพิจารณานำเงินนอกงบประมาณ (เงินรายได้ของโรงพยาบาล) มาใช้จ่ายเป็นค่าบุคลากร เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงาน ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกำลังคนและภารกิจบริการด้านสาธารณสุขในภาพรวมทั้งระบบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมของการกำหนดอัตราข้าราชการตั้งใหม่ตำแหน่งเภสัชกร จำนวน ๓๑๖ อัตรา ให้กับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) เพื่อให้สามารถวางระบบการบริหารอัตรากำลังให้สอดคล้องกับภารกิจบริการสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศและการลงทุนในยุทธศาสตร์การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ สถาบันทางการแพทย์ และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในภาพรวมของประเทศ ในระยะยาว (๕-๑๐ ปี) ทั้งนี้ ในการจัดทำแผนอัตรากำลังของโรงพยาบาลในครั้งต่อ ๆ ไป ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องนำแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกำลังคนและภารกิจบริการด้านสาธารณสุขในภาพรวมทั้งระบบและยุทธศาสตร์การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ สถาบันทางการแพทย์ และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในภาพรวมของประเทศ ในระยะยาว (๕-๑๐ ปี) มาพิจารณาประกอบการจัดทำแผนอัตรากำลังดังกล่าวให้เหมาะสมสอดคล้องกันด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2239 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขดำที่ อบ. 14/2558 คดีหมายเลขแดงที่ อบ. 152/2562 ระหว่าง นายกฤต ธนิศราพงศ์ ผู้ฟ้องคดี คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ 1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ 2 คณะรัฐมนตรี ที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดี คดีถึงที่สุด เรื่อง ขอให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแต่งตั้งให้นายประภัสร์ จงสงวน เป็นผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นให้ยกฟ้องคดี | นร05 | 28/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขดำที่ อบ. ๑๔/๒๕๕๘ คดีหมายเลขแดงที่ อบ. ๑๕๒/๒๕๖๒ ระหว่าง นายกฤต ธนิศราพงศ์ ผู้ฟ้องคดี คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ ๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ ๒ คณะรัฐมนตรี ที่ ๓ ผู้ถูกฟ้องคดี คดีถึงที่สุด เรื่อง ขอให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแต่งตั้งให้นายประภัสร์ จงสงวน เป็นผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นให้ยกฟ้องคดี ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2240 | ขอทบทวนและยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 | ทส | 28/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๔๖ (เรื่อง ขอผ่อนผันยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเพื่อให้กองทัพอากาศใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ) เฉพาะในส่วนของข้อ ๒.๒ ที่ขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๓๒ ที่มิให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ไม่ว่ากรณีใด เป็นว่ากรณีจำเป็นที่ต้องขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ต่อคณะรัฐมนตรี ส่วนราชการจะต้องจัดทำรายงานการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาก่อน เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีทุกครั้ง ๑.๒ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๒๘ (เรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดชั้นของป่าต้นน้ำลำธารและการทำเหมืองในพื้นที่ป่าปิด) เฉพาะในส่วนที่เห็นชอบตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเกี่ยวกับมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี ในเขตลุ่มน้ำปิงและวัง ที่กำหนดว่าในกรณีที่ส่วนราชการใดมีความจำเป็นต้องใช้ที่ดินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในโครงการที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติแล้ว ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการดังกล่าวนำโครงการนั้นเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเพื่อพิจารณาต่อไป ๑.๓ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๙ (เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำยมและน่าน และข้อเสนอแนะมาตรการการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำ) เฉพาะในส่วนที่เห็นชอบตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเกี่ยวกับมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี ในเขตลุ่มน้ำยมและน่าน ที่กำหนดว่าในกรณีที่ส่วนราชการใดมีความจำเป็นต้องใช้ที่ดินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในโครงการที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติแล้ว ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการดังกล่าวนำโครงการนั้นเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเพื่อพิจารณาต่อไป ๑.๔ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๓๑ (เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำมูลและชี และข้อเสนอแนะมาตรการการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำ) เฉพาะในส่วนที่เห็นชอบตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเกี่ยวกับมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี ในเขตลุ่มน้ำมูลและชี ที่กำหนดว่าในกรณีที่ส่วนราชการใดมีความจำเป็นต้องใช้ที่ดินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในโครงการที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติแล้ว ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการดังกล่าวนำโครงการนั้นเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเพื่อพิจารณาต่อไป ๑.๕ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ (เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำภาคใต้ และข้อเสนอแนะมาตรการการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำ) เฉพาะในส่วนที่เห็นชอบตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเกี่ยวกับมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี ในเขตลุ่มน้ำภาคใต้ ที่กำหนดว่าในกรณีที่ส่วนราชการใดมีความจำเป็นต้องใช้ที่ดินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในโครงการที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติแล้ว ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาต่อไป ๑.๖ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๓๔ (เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดชั้นคุณภาพน้ำภาคตะวันออก และข้อเสนอแนะมาตรการการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำ) เฉพาะในส่วนที่เห็นชอบตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเกี่ยวกับมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี ในเขตลุ่มน้ำภาคตะวันออก ที่กำหนดให้ในกรณีส่วนราชการใดมีความจำเป็นต้องใช้ที่ดินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในโครงการที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติแล้ว ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณา ๑.๗ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ [เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำภาคตะวันตก ภาคกลาง และลุ่มน้ำป่าสัก และการกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนอื่น ๆ (ลุ่มน้ำชายแดน)] เฉพาะในส่วนที่เห็นชอบตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเกี่ยวกับมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี ในเขตลุ่มน้ำภาคตะวันตก ภาคกลาง และลุ่มน้ำป่าสัก ในเขตลุ่มน้ำภาคเหนือส่วนอื่น ๆ และในเขตลุ่มน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนอื่น ๆ (ลุ่มน้ำชายแดน) ที่กำหนดให้ในกรณีที่ส่วนราชการใดมีความจำเป็นต้องใช้ที่ดินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในโครงการที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติแล้ว ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ ตั้งแต่ในระยะทำการศึกษาความเหมาะสมของโครงการเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณา ๒. ในการขอเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๑ และประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ รวมถึงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๓๒ (เรื่อง ขอผ่อนผันใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ เพื่อก่อสร้างทางเพื่อความมั่นคง) อย่างเคร่งครัด ๓. ในกรณีโครงการ กิจการ หรือการดำเนินงานของส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่ได้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ ก่อนวันที่ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ มีผลบังคับใช้ ซึ่งเมื่อครบกำหนดการขออนุญาตให้ใช้พื้นที่ลุ่มน้ำแล้วยังประสงค์จะใช้พื้นที่ลุ่มน้ำดังกล่าวต่อไป โดยเป็นการดำเนินโครงการ กิจการหรือการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์เดิมและอยู่ภายในขอบเขตพื้นที่เดิม รวมถึงกรณีโครงการ กิจการ หรือการดำเนินงานอื่น ๆ ที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : รายงาน EIA) ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดังกล่าว แต่ต้องจัดทำรายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Accounting Report : รายงาน EAR) ให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐเจ้าของโครงการ กิจการ หรือการดำเนินงานนั้น ๆ ถือปฏิบัติให้เป็นไปตามรายงาน EAR อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินการเกี่ยวกับการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่ทำหน้าที่อนุมัติหรืออนุญาต เช่น กรมป่าไม้หรือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ติดตาม กำกับดูแลการดำเนินการให้เป็นไปตามรายงาน EAR ดังกล่าวอย่างเคร่งครัดด้วย ๔. ในการดำเนินการตามข้อ ๒ และ ๓ หากปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการกระทำการ ไม่กระทำการ หรือการดำเนินการใด ๆ ทั้งของเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐหรือเอกชนที่ไม่ถูกต้องตามข้อกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ มติคณะรัฐมนตรี ประกาศ ตลอดจนข้อกำหนดและเงื่อนไขในรายงานที่เกี่ยวข้อง ให้ถือเป็นความผิดอันก่อให้เกิดผลกระทบเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ และให้ผู้มีอำนาจหน้าที่เร่งดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายอย่างเข้มงวด ๕. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรทำการศึกษาเพื่อประเมินสถานการณ์ปัจจุบันของพื้นที่ป่าต้นน้ำของประเทศไทยทั้งในภาพรวม และในเชิงพื้นที่ของแต่ละลุ่มน้ำ ให้มีความชัดเจนว่าอยู่ในสภาวะอย่างไร ประเทศไทยจำเป็นต้องมีพื้นที่ป่าต้นน้ำเท่าไร พื้นที่ที่คงเหลืออยู่นั้นเพียงพอหรือไม่ พื้นที่ใดที่อยู่ในภาวะวิกฤติ เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจเชิงนโยบายที่ถูกต้องตามสภาพความเป็นจริงของประเทศในภาพรวม และตามบริบทของแต่ละพื้นที่ ทั้งในการให้อนุญาตทำประโยชน์ การกำกับดูแล และการฟื้นฟูต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
.....