ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 115 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 2281 - 2300 จากข้อมูลทั้งหมด 11309 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2281 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปี 2562 ไปพลางก่อน สำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายในโครงการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง ปี 2562/63 | นร | 07/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปี ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน จำนวน ๓,๐๗๙,๔๗๒,๔๘๒ บาท สำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายในโครงการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๒/๖๓ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ โดยให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในโครงการฯ ควรพิจารณากิจกรรมของแผนงาน/โครงการที่สามารถบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคในช่วงฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๒/๖๓ เป็นสำคัญ สำหรับวงเงินงบประมาณให้ประสานสำนักงบประมาณในรายละเอียดต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2282 | ขอความเห็นชอบร่างปฏิญญาแสดงเจตจำนงระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนิเวศวิทยาและการเปลี่ยนผ่านที่ครอบคลุมแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ว่าด้วยความร่วมมือในสาขาคมนาคมขนส่ง | คค | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาแสดงเจตจำนงระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนิเวศวิทยาและการเปลี่ยนผ่านที่ครอบคลุมแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ว่าด้วยความร่วมมือในสาขาคมนาคมขนส่ง และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยสำหรับการลงนาม โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อมูลในสาขาการขนส่งอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ (๑) การขนส่งทางราง (ทั้งการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า) (๒) การขนส่งมวลชนในเมือง (รวมถึงรถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟฟ้ารางเบา รถประจำทางในเมือง รถกระเช้า) (๓) การขนส่งด้วยเทคโนโลยีสะอาด และมาตรการส่งเสริมการดำเนินการดังกล่าว (๔) การขนส่งหลายรูปแบบและโลจิสติกส์ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขนส่งสินค้าทางน้ำ) (๕) การขนส่งทางทะเล (๖) ทางหลวงและความปลอดภัยทางถนน (๗) การขนส่งรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งประเทศผู้ลงนามทั้งสองฝ่ายยอมรับร่วมกันแล้ว และ (๘) การใช้สัญญาความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับกรณีการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่าไม่จำเป็นต้องมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม) ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการกำหนดขอบเขตกรอบความร่วมมือในลักษณะมุ่งเป้าเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของประเทศตามที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2283 | การขับเคลื่อนโครงการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าแบบครบวงจรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน | นร52 | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของกรอบแนวทางการดำเนินโครงการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าแบบครบวงจรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการกิจการพลังงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้แนวทางประชารัฐด้วยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน สร้างความมั่นคงทางพลังงาน รวมทั้งช่วยพัฒนาชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน และให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงกรอบแนวทางดังกล่าว โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เช่น การกำหนดให้มีโรงงานไฟฟ้าขนาดเล็ก (Small Power Produce : SPP) ขนาดไม่เกิน ๒๗ เมกะวัตต์ จะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการ แล้วนำเสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. เห็นชอบการจัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการบริหารโครงการพลังงานไฟฟ้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ทั้งนี้ ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้พิจารณากำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการอำนวยการดังกล่าวให้ชัดเจนและไม่เกิดปัญหาซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามกฎหมายที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2284 | ขอความเห็นชอบขยายกรอบระยะเวลาการดำเนินโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 4 | ศธ | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบขยายระยะเวลาในการดำเนินโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน รุ่นที่ ๔ ออกไปอีก ๒ ปี จาก ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๓ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ และขอผูกพันงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้น ๘๑.๘๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ. เช่น การขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณของส่วนราชการในปีต่อไปต้องดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ควรมีระบบการรายงาน การติดตามและประเมินผลที่ทันต่อสถานการณ์ และควรให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการฯ ในลักษณะดังกล่าวนี้ต่อไปอีกในอนาคต เนื่องจากเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ในการกระจายโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียนที่มีผลการเรียนดี มีความประพฤติดี จากครอบครัวที่มีรายได้น้อยทั่วประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ในกรณีที่กระทรวงศึกษาธิการประสงค์จะดำเนินโครงการฯ รุ่นต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาทบทวนเงื่อนไข หลักเกณฑ์การรับทุนการศึกษาให้เหมาะสมและรัดกุมยิ่งขึ้น รวมทั้งให้จัดทำข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น (๑) ผลการดำเนินโครงการฯ ปัญหา อุปสรรคที่ผ่านมา และแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวที่เป็นรูปธรรม (๒) เหตุผล ความจำเป็น ในการดำเนินโครงการฯ รุ่นต่อไป และความเป็นไปได้ที่จะมีจำนวนนักเรียนทุนได้ตรงตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ (๓) การวางแผนและเตรียมกำลังคนให้พร้อมในสาขาวิชาต่าง ๆ ทั้งสาขาวิชาที่ขาดแคลนและสาขาวิชาที่สอดรับกับสภาวการณ์ของประเทศไทย เพื่อให้ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต รวมทั้งแนวทางการจัดสรรตำแหน่งงานรองรับทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนภายหลังจากการสำเร็จการศึกษา เป็นต้น และนำเสนอคณะรัฐมนตรีประกอบการพิจารณาอนุมัติโครงการฯ ด้วย ๓. ให้สำนักงาน ก.พ. เร่งรัดการดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง การจัดสรรทุนรัฐบาลให้แก่หน่วยงานของรัฐ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2285 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) | กค | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ ๕ (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) สำหรับงานในฝั่ง สปป.ลาว ในรูปแบบเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนทั้งจำนวน วงเงินรวม ๑,๓๘๐,๐๖๗,๐๐๐ บาท และอนุมัติให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินเป็นรายปี โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ รวมระยะเวลา ๕ ปี รวมวงเงินที่จะขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณทั้งสิ้นเท่ากับ ๖๙๐,๐๓๓,๕๐๐ บาท รวมทั้งมอบหมาย สพพ. ดำเนินการกู้เงิน จำนวน ๖๙๐,๐๓๓,๕๐๐ บาท ตามรูปแบบและเงื่อนไขที่กำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยในกรณีที่ สปป.ลาว ผิดนัดชำระหนี้ ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. พิจารณาใช้เงินสะสมของหน่วยงานในการชำระต้นเงินและดอกเบี้ยคืนแหล่งเงินกู้เป็นลำดับแรกก่อน รวมทั้งให้เร่งบรรจุวงเงินกู้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และขอจัดสรรงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงควรเร่งประสานกับ สปป.ลาว ในการจัดทำแผนปฏิบัติการในการดำเนินโครงการดังกล่าว โดยให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น การส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการและเปิดใช้งานได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปี ๒๕๖๖ ต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดย สพพ. ดำเนินการติดตามสภาวะเศรษฐกิจและประเมินความเสี่ยงด้านความสามารถในการชำระหนี้ของ สปป.ลาว อย่างใกล้ชิด และรายงานให้คณะกรรมการบริหาร สพพ. ทราบเป็นระยะ ๆ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2286 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สำหรับโครงการพัฒนาเมืองภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระยะที่ 3 ในส่วนของเมืองเมียวดี (การปรับปรุงระบบน้ำประปา และการพัฒนาระบบบริหารจัดการขยะ) | กค | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการพัฒนาเมืองภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระยะที่ ๓ ในส่วนของเมืองเมียวดี (การปรับปรุงระบบน้ำประปา และการพัฒนาระบบบริหารจัดการขยะ) (โครงการพัฒนาเมืองเมียวดีฯ) ในรูปแบบเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนทั้งจำนวน วงเงินรวม ๗๗๗,๗๗๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งอนุมัติให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินเป็นรายปี โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๖ รวมระยะเวลา ๓ ปี รวมวงเงินที่จะขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณทั้งสิ้นเท่ากับ ๓๘๘,๘๘๕,๐๐๐ บาท และมอบหมาย สพพ. ดำเนินการกู้เงินจำนวน ๓๘๘,๘๘๕,๐๐๐ บาท ตามรูปแบบและเงื่อนไขที่กำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ในกรณีที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาผิดนัดชำระหนี้ ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. พิจารณาใช้เงินสะสมของหน่วยงานในการชำระต้นเงินและดอกเบี้ยคืนแหล่งเงินกู้เป็นลำดับแรก ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาประเด็นเศรษฐกิจควบคู่ไปกับประเด็นความมั่นคงอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาบริเวณพื้นที่ชายแดนที่สองประเทศมีประเด็นท้าทายร่วมกัน เช่น ปัญหาเขตแดน การลักลอบเข้าเมืองและค้ามนุษย์ การลักลอบและค้ายาเสพติด การสร้างสิ่งปลูกสร้างบริเวณเกาะแก่งต่าง ๆ กลางแม่น้ำเมย การรุกล้ำของประชาชน การสร้างเพิงขายของริมตลิ่งแม่น้ำเมย เป็นต้น เพื่อส่งเสริมชายแดนแห่งสันติภาพที่สงบสุข การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกัน และเห็นควรให้ความสำคัญพร้อมทั้งกำหนดแนวทางและวิธีการบริหารจัดการความเสี่ยงอันเนื่องมาจากการให้กู้ยืมแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาภายใต้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของโลก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. เร่งรัดบรรจุวงเงินกู้ดังกล่าวในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ และขอจัดสรรงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2287 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2561 เรื่อง มาตรการพิเศษเพื่อขับเคลื่อน SMEs สู่ยุค 4.0 (มาตรการด้านการเงิน) | อก | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนเรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ เรื่อง มาตรการพิเศษเพื่อขับเคลื่อน SMEs สู่ยุค ๔.๐ (มาตรการด้านการเงิน) ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ออกไปก่อน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2288 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายเทคโนโลยีป้องกันประเทศ | กห | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายเทคโนโลยีป้องกันประเทศ จำนวน ๖ คน ซึ่งเป็นการแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติเทคโนโลยีป้องกันประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ พลอากาศเอก เมธา สังขวิจิตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการทหาร ๑.๒ พลเอก อดิศร สุวรรณตรา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ๑.๓ ศาสตราจารย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม ๑.๔ นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๑.๕ นางสาวจิราภรณ์ ตันติวงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินและงบประมาณ ๑.๖ นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพาณิชย์ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายเทคโนโลยีป้องกันประเทศในครั้งต่อไป ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2289 | มาตรการปรับลดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม | คค | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการดำเนินมาตรการปรับลดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม โดยกำหนดอัตราค่าโดยสารสูงสุด ๒๐ บาท (๑๔-๒๐ บาท) เป็นระยะเวลา ๓ เดือน ในระหว่างวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๒-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ ตามมติคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเห็นควรจัดทำแผนบริหารจัดการโดยกำหนดมาตรการ โครงการ หรือกิจกรรม ในการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่ผู้ใช้บริการกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ เพื่อไม่ให้กระทบต่อรายได้ในภาพรวมทั้งปีจากมาตรการปรับลดอัตราค่าโดยสารดังกล่าว และเกิดประโยชน์ต่อการดำเนินการตามมาตรการลักษณะดังกล่าวในอนาคตอย่างยั่งยืน รวมทั้งควรเร่งพัฒนาระบบบัตรโดยสารร่วมและโครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วมในระบบขนส่งสาธารณะที่สามารถจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลในภาพรวมเพิ่มขึ้นได้อย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2290 | ร่างหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อต่ออายุกรอบความตกลงความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) | พม | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อต่ออายุกรอบความตกลงความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) จัดทำขึ้นระหว่างอาเซียนและองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ มีสาระสำคัญเป็นการต่ออายุกรอบความตกลงความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ ออกไปอีก ๕ ปี จนถึงวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๗ และแก้ไขข้อความในย่อหน้าที่ ๕ เกี่ยวกับการมอบหมายผู้ประสานงานหลักเพื่อการดำเนินงานตามกรอบความตกลงความร่วมมือฯ สำหรับอาเซียน ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในนามอาเซียน พร้อมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งเรื่องการให้ความเห็นชอบของไทยต่อสำนักเลขาธิการอาเซียน โดยดำเนินการผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2291 | ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | ยธ | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์ก่อหนี้ผูกพันเกินกว่างบประมาณที่ได้รับในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยให้พิจารณาเร่งปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน หรือจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๒๑๒,๗๒๙,๐๐๐ บาท ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายค้างเบิกข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2292 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (เช่าที่ดินเพื่อเป็นที่ตั้งหน่วยงานของกรมประมง ระยะเวลา 20 ปี) | กษ | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมประมงดำเนินการเช่าที่ดินของศาสนสมบัติกลาง ลออ บางพึ่ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสุมทรปราการ เพื่อเป็นที่ตั้งหน่วยงานของกรมประมง ระยะเวลา ๒๐ ปี ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๗๖ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๖,๐๘๕,๔๐๗ บาท ตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย และยกเว้นการปฏิบัติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ กรณีที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ประกอบด้วย ค่าเช่าค้างจ่าย ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๒ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ จำนวน ๑๓,๑๐๕,๐๓๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๒๒,๙๘๐,๓๗๗ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๗๖ สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจนถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้กรมประมงปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามขั้นตอนของกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประหยัด และประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทางของพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ กฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศที่ออกตามความในพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2293 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการสภาการศึกษา แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา และการวัดและประเมินผลการศึกษา ที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ | ศธ | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบกรณี รองศาสตราจารย์จีรเดช อู่สวัสดิ์ พ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา และการวัดและประเมินผลการศึกษาในคณะกรรมการสภาการศึกษา และเห็นชอบแต่งตั้ง นายวณิชย์ อ่วมศรี เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา และการวัดและประเมินผลการศึกษาในคณะกรรมการสภาการศึกษา แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทน อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน โดยให้การแต่งตั้งมีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสภาการศึกษาในครั้งต่อไปให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัดตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2294 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน พ.ศ. .... | กค | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน เช่น การส่งเสริมและพัฒนาด้านการเกษตร วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และผู้ด้อยโอกาส การส่งเสริมการเรียนการสอน การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา หรือการให้บริการทางการศึกษา การส่งเสริมนวัตกรรม การส่งเสริมสุขภาพและสาธารณสุข การส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ และการส่งเสริมความมั่นคงด้านความปลอดภัยทางอาหารและสินค้าเกษตร เป็นต้น โดยให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างพัสดุดังกล่าวโดยวิธีคัดเลือกหรือวิธีเฉพาะเจาะจง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2295 | การลงนามในร่างความตกลงสำหรับดำเนินโครงการภายใต้กองทุนพิเศษกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง | ทส | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงสำหรับดำเนินโครงการภายใต้กองทุนพิเศษกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง จัดทำขึ้นระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการงบประมาณโครงการที่ได้รับอนุมัติจากฝ่ายจีนให้เกิดประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมสำหรับความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดโครงการที่ได้รับสนับสนุนงบประมาณ จำนวน ๑ โครงการ คือ โครงการสาธิตการบรรเทาความยากจน โดยภาคการป่าไม้ในประเทศ (Demonstration on Forestry Poverty Alleviation in Thailand) จำนวน ๒,๔๓๐,๐๐๐ หยวน (RMB) โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มอบหมายให้กรมป่าไม้รับผิดชอบในการวางแผนและดำเนินโครงการฯ รวมทั้งบริหารงบประมาณโครงการฯ โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำหน้าที่กำกับ ดูแล ตรวจสอบความก้าวหน้า ประสิทธิภาพของการดำเนินโครงการและการใช้งบประมาณให้เป็นไปตามข้อกำหนด ๑.๒ อนุมัติให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2296 | ขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมสำหรับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระดับรัฐมนตรี อย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 3 | คค | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมสำหรับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระดับรัฐมนตรี อย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ ๓ มีสาระสำคัญเป็นการรับทราบถึงการดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS Cross-Border Transport Agreement : CBTA) ระยะแรก และรับทราบการขยายพิธีสาร ๑ ของความตกลง CBTA ตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเปิดเส้นทางการขนส่งระหว่างประเทศและจุดข้ามแดนเพิ่มเติม ภายใต้พิธีสาร ๑ ของความตกลง CBTA รวมทั้งการติดตามและประเมินผลการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งและการค้าตามพิธีสาร ๑ ของความตกลง CBTA โดยจะมีการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในการประชุมคณะกรรมการร่วมสำหรับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระดับรัฐมนตรี อย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ ๔ ในวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายถาวร เสนเนียม) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2297 | ขอเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้งบประมาณภายใต้มาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ "ชิมช้อปใช้" | กค | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้งบประมาณ จากวงเงินสิทธิ์ในการซื้อสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ และมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” g-Wallet ช่อง ๑ คงเหลือจำนวน ๒๖๒,๐๐๓,๐๐๐ บาท เป็นเงินชดเชยค่าสินค้าและบริการผ่าน g-Wallet ช่อง ๒ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2298 | ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ของคณะกรรมการนโยบายพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาและอนุกรรมการที่คณะกรรมการนโยบายแต่งตั้ง | ศธ | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ของคณะกรรมการนโยบายพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาและอนุกรรมการที่คณะกรรมการนโยบายแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการแต่ละคณะภายใต้คณะกรรมการนโยบายพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ควรพิจารณาตามความเหมาะสมและจำเป็น เพื่อไม่ให้เกิดการทับซ้อนในทางปฏิบัติและเกิดประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนนโยบายพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2299 | คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงมหาดไทย) | มท | 11/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แต่งตั้งคณะกรรมการ จำนวน ๑๐ คณะ (คณะกรรมการคงอยู่ไม่ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ จำนวน ๖ คณะ และคณะกรรมการคงอยู่ แต่ขอปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ จำนวน ๔ คณะ) ๑.๒ ยกเลิกคณะกรรมการ จำนวน ๗ คณะ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมในการขอให้คงอยู่ของคณะกรรมการดังกล่าวที่ไม่มีการจัดประชุมเลย หรือที่มีการจัดประชุมเพียง ๑-๒ ครั้ง ในรอบ ๓ ปี ที่ผ่านมา (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒) อีกครั้งหนึ่ง และให้แจ้งยืนยันไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2300 | คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ) | พศ | 11/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติแต่งตั้งเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ จำนวน ๒ คณะ ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คณะกรรมการอำนวยการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑล ฝ่ายสงฆ์ ๒. คณะกรรมการอำนวยการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑล ฝ่ายฆราวาส
|
.....