ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 116 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 2301 - 2320 จากข้อมูลทั้งหมด 11309 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2301 | การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ/พิเศษ | กต | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (The Government of the United Arab Emirates : UAE) ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ/พิเศษ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบร่างความตกลงฯ แล้ว โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการอนุญาตให้ผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ (กรณีคนชาติไทย) และผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางพิเศษ (กรณีคนชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) เดินทางเข้า ออก และแวะผ่านดินแดนของแต่ละฝ่าย โดยไม่ต้องมีการตรวจลงตราและค่าธรรมเนียม โดยให้พำนักอยู่ในดินแดนของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือราชอาณาจักรไทยเป็นระยะเวลาไม่เกินกว่า ๙๐ วันนับจากวันที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือราชอาณาจักรไทย ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามร่างความตกลงฯ ทั้งนี้ ในกรณีมอบหมายผู้แทนให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้ผู้ลงนามดังกล่าว ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการมีผลใช้บังคับของความตกลงฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2302 | ขออนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี 2561 ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง | กษ | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี ๒๕๖๑ ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย [Memorandum of Understanding (MOU) on the Cooperation on Projects of the Mekong-Lancang Cooperation (MLC) Special Fund 2018] มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการงบประมาณของโครงการที่ได้รับการอนุมัติจากฝ่ายจีนให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้กองทุนอย่างสูงสุด และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนฯ ๑.๒ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง [MOU between Ministry of Agriculture and Cooperative and Mekong Institute (MI)] มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินความร่วมมือในการสนับสนุนเวทีการผลิตข้าว การพัฒนาเทคโนโลยี และศักยภาพองค์กรและบุคลากรที่เกี่ยวข้องในประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และอนุมัติให้อธิบดีกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสถาบันฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนฯ และร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสถาบันฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์สามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2303 | ขออนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง - ล้านช้าง ระหว่างสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย | นร14 | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ระหว่างสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการกองทุนพิเศษล้านช้าง-แม่โขง ในโครงการวิจัยร่วมเพื่อการบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดนด้านอุทกภัยและภัยแล้งในพื้นที่ลุ่มน้ำสาย-น้ำรวก ระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเป็นผู้เสนอโครงการฯ และสาธารณรัฐประชาชนจีนได้อนุมัติและจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการฯ จำนวน ๒,๔๕๐,๐๐๐ หยวน โดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเป็นผู้ดำเนินโครงการ ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน รวมทั้งทำให้มีระบบการติดตามและประเมินผล และรายงานผลการดำเนินโครงการฯ ต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเพื่อทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2304 | การให้ความเห็นชอบร่างถ้อยแถลงการณ์ร่วม (Joint Statement) สำหรับการประชุมหารือโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรีด้านการจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 1 ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง | นร | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างถ้อยแถลงการณ์ร่วม (Joint Statement) สำหรับการประชุมหารือโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรีด้านการจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ ๑ ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมหารือโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรีด้านการจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ ๑ ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๗-๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันระดับนโยบายเพื่อสนับสนุนกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง และได้แสดงถึงความคืบหน้าของความร่วมมือด้านการจัดการทรัพยากรน้ำและกำหนดแนวทางการพัฒนาความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำภายใต้ความร่วมมือระหว่างประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๑.๒ อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในถ้อยแถลงการณ์ร่วมฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2305 | ขออนุมัติเปิดตลาดนำเข้านมผงขาดมันเนย ปี 2562 เพิ่มเติม | กษ | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในการอนุมัติเปิดตลาดนำเข้านมผงขาดมันเนย ปี ๒๕๖๒ เพิ่มเติม ปริมาณ ๒,๙๙๓.๐๒ ตัน ในอัตราภาษีร้อยละ ๕ ตามมติคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๒ และขอยกเว้นการจัดสรรโควตาตามสัดส่วนผู้ประกอบการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ เรื่อง การบริหารจัดการนมทั้งระบบ เนื่องจากเป็นการพิจารณาจัดสรรให้แก่ผู้ประกอบการตามความจำเป็นและเดือดร้อนจากการขาดแคลนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ๑.๒ มอบหมายให้คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นมเป็นผู้บริหารการจัดสรรโควตาในข้อ ๑.๑ ให้กับผู้ประกอบการตามความจำเป็นและเดือดร้อนจากการขาดแคลนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต โดยต้องนำเข้าให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ และต้องไม่กระทบต่อมาตรการและปริมาณการรับซื้อน้ำนมโคจากเกษตรกร ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและข้อสังเกตของกระทรวงสาธารณสุขที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการรณรงค์ส่งเสริมการบริโภคนมพร้อมดื่มและผลิตภัณฑ์นมที่ใช้น้ำนมโคในประเทศอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการพัฒนาศักยภาพทั้งด้านการผลิตและการตลาดให้กับผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมโดยเฉพาะสหกรณ์ให้สามารถแข่งขันได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำนมโคในประเทศในระยะยาว นอกจากนี้ นมผงขาดมันเนยเข้าข่ายเป็นอาหารตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ดังนั้น ผู้นำเข้าต้องขอรับใบอนุญาตนำเข้าอาหาร และควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์นมผงขาดมันเนยให้มีคุณภาพมาตรฐานสอดคล้องตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๓๕๐) พ.ศ. ๒๕๕๖ เรื่อง นมโค เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2306 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาต การอนุญาต การต่ออายุ การออกใบแทน การสั่งพักใช้ และเพิกถอนใบอนุญาต เป็นผู้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | ทส | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาต การอนุญาต การต่ออายุ การออกใบแทน การสั่งพักใช้ และเพิกถอนใบอนุญาต เป็นผู้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอและการออกใบอนุญาต คุณสมบัติของผู้ชำนาญการ การสั่งพักและเพิกถอนใบอนุญาต การควบคุมการปฏิบัติงานของผู้ได้รับใบอนุญาตของผู้มีสิทธิทำรายงานเกี่ยวกับการศึกษาและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบกระเทือนต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) ร่างข้อ ๖ ร่างข้อ ๗ ร่างข้อ ๘ และร่างข้อ ๙ กำหนดลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะได้รับอนุญาตเป็นผู้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมไว้ อาจเกินกฎหมายแม่บท (๒) การออกใบอนุญาตตามร่างข้อ ๑๔ อาจกำหนดเงื่อนไขหรือจำกัดประเภทของการจัดทำรายงานฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประเมินด้านสุขภาพ และ (๓) ควรระบุระยะเวลาการได้รับการต่ออายุใบอนุญาตให้ชัดเจนว่าไม่เกินกี่ปีนับแต่วันที่ได้รับการต่ออายุใบอนุญาตครั้งล่าสุด เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. รับทราบรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการจัดทำร่างกฎกระทรวงดังกล่าวได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ใช้บังคับ เนื่องจากในการยกร่างกฎกระทรวงฯ มีการเพิ่มข้อกำหนดที่เกี่ยวกับผู้รับใบอนุญาตเป็นผู้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้กว้างขึ้นกว่าเดิม เช่น ออกใบอนุญาตให้กับผู้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอิสระที่เป็นบุคคลธรรมดา และเปิดโอกาสให้นิติบุคคลมหาชนสามารถขอรับใบอนุญาตเป็นผู้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ให้ต่ออายุใบอนุญาตแทนการยื่นข้อเสนอใหม่เพื่อดำเนินการคัดเลือกใหม่เมื่อสิ้นอายุการอนุญาตทุกครั้ง ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๐ ให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามแนวทางในการจัดทำและการเสนอร่างกฎหมายและแนวทางการรับฟังความคิดเห็นประกอบการจัดทำร่างกฎหมาย รวมทั้งการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมาย สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจึงได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องจำนวนมากแสดงความคิดเห็น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวต้องใช้ระยะเวลาเป็นอย่างมาก ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2307 | รายงานสรุปผลการประชุมระดับรัฐมนตรี เรื่อง การเสริมสร้างประสิทธิภาพของความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมยาเสพติดข้ามชาติ | ยธ | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสรุปผลการประชุมระดับรัฐมนตรี เรื่อง การเสริมสร้างประสิทธิภาพของความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมยาเสพติดข้ามชาติ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๙-๑๐ กันยายน ๒๕๖๒ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและผู้แทนระดับสูงจากหน่วยงานกลางด้านยาเสพติดของประเทศต่าง ๆ หน่วยงานต่างประเทศ และองค์การระหว่างประเทศเข้าร่วมการประชุมฯ ซึ่งในการประชุมฯ ได้มีการรับรองปฏิญญาร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรี เรื่อง การเสริมสร้างประสิทธิภาพของความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมยาเสพติดข้ามชาติ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมแจ้งว่า ไม่ได้เสนอร่างปฏิญญาร่วมฯ เพื่อให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและอนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยร่วมรับรองร่างปฏิญญาร่วมฯ ก่อนการเข้าร่วมประชุมฯ เนื่องจากในห้วงระยะเวลานับตั้งแต่ที่ได้รับร่างปฏิญญาร่วมฯ ประเทศที่จะเข้าร่วมการประชุมฯ ได้แก้ไขเพิ่มเติมถ้อยคำอย่างต่อเนื่อง และได้มีการเจรจาหารือเป็นครั้งสุดท้ายก่อนวันเข้าร่วมการประชุมฯ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า ร่างปฏิญญาร่วมฯ ไม่มีการลงนามและมิได้ใช้ถ้อยคำที่มุ่งหมายให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ กรณีจึงไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศในข้อ ๔ ของร่างปฏิญญาร่วมฯ ว่า หากมีการดำเนินการร่วมของเจ้าหน้าที่ประเทศที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ก็จะต้องพิจารณาด้วยว่าการดำเนินการดังกล่าวจะไม่ส่งผลในทางที่อาจกระทบต่อสิทธิและอธิปไตยของไทยได้ ไปพิจารณาต่อไปด้วย ๒. ในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือที่เกี่ยวกับองค์การระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันรัฐบาลไทยที่จะต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ/อนุมัติก่อนการร่วมลงนาม/รับรองเอกสารใด ๆ ในคราวต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามนัยพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2308 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ประธานการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 14 | กต | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ประธานการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-ยุโปร ครั้งที่ ๑๔ ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุมที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนามในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ ๑๔ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๕-๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงมาดริด ราชอาณาจักรสเปน มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองที่จะส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ที่สมาชิกให้ความสำคัญ ได้แก่ ด้านการเมือง ความมั่นคง การพัฒนาที่ยั่งยืน และความเชื่อมโยงอย่างยั่งยืนระหว่างเอเชียและยุโรป ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้ความเห็นชอบร่างแถลงการณ์ฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2309 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของหน่วยงานของรัฐสภา หน่วยงานของศาล และหน่วยงานขององค์กรอิสระและองค์กรอัยการ | นร07 | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการพิจารณาการขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ หน่วยงานของรัฐสภา หน่วยงานของศาล และหน่วยงานขององค์กรอิสระและองค์กรอัยการ ตามแนวทางและเงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ จำนวน ๙ หน่วยงาน วงเงิน ๔๕๒.๒๗๗๗ ล้านบาท และมอบหมายให้สำนักงบประมาณนำเรื่องการเสนอขอเพิ่มงบประมาณของหน่วยงานดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2310 | ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลเครือรัฐออสเตรเลีย สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐเกาหลี ราชอาณาจักรไทย สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม | พณ | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลเครือรัฐออสเตรเลีย สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐเกาหลี ราชอาณาจักรไทย สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริมาณโควตารายประเทศ ในการนำเข้าข้าวมายังสาธารณรัฐเกาหลี โดยประเทศไทยได้รับการจัดสรรปริมาณโควตารายประเทศ ๒๘,๔๙๔ ตันต่อปี และกำหนดให้ประเทศภาคีต้องถอนเอกสารเกี่ยวกับการคัดค้านการเปลี่ยนวิธีการนำเข้าข้าวของสาธารณรัฐเกาหลีภายใน ๑๔ วัน หลังจากความตกลงฯ มีผลใช้บังคับในวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ อันเป็นการกำหนดสิทธิและหน้าที่ให้ประเทศคู่ภาคีต้องปฏิบัติ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างความตกลงฯ แล้ว ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. อนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ถอนคำคัดค้านของไทยต่อการเปลี่ยนระบบการนำเข้าข้าวและผลิตภัณฑ์ของสาธารณรัฐเกาหลี เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างความตกลงฯ แล้ว ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างความตกลงฯ ๕. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการค้าข้าวรับรู้และใช้ประโยชน์จากโควตาดังกล่าว เพื่อมิให้ประเทศไทยเสียสิทธิประโยชน์ในการส่งออกสินค้าข้าวไปยังสาธารณรัฐเกาหลี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2311 | ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐบัลแกเรียว่าด้วยการยกเว้น การตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ/หนังสือเดินทางพิเศษ | กต | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐบัลแกเรียว่าด้วยการยกเว้น การตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ/หนังสือเดินทางพิเศษ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการหรือหนังสือเดินทางพิเศษของทั้งสองประเทศ โดยมีการกำหนดสิทธิและหน้าที่ให้ประเทศภาคีแต่ละฝ่ายต้องปฏิบัติ และมีการใช้ถ้อยคำที่มุ่งหมายให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยจะมีการลงนามร่างความตกลงฯ ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ ๑๔ (14th ASEM Foreign Ministers’ Meeting-ASEM FMM14) ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงมาดริด ราชอาณาจักรสเปน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมอบหมายเป็นผู้ลงนามร่างความตกลงฯ ๑.๓ อนุมัติในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งฝ่ายบัลแกเรีย เพื่อให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับต่อไป ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2312 | ร่างบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงยุติธรรมแห่งประเทศญี่ปุ่นในสาขากฎหมายและการบริหารงานยุติธรรม | ยธ | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงยุติธรรมแห่งประเทศญี่ปุ่นในสาขากฎหมายและการบริหารงานยุติธรรม (Memorandum of Cooperation between the Ministry of Justice of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Justice of Japan in the Field of Legal and Justice Administration) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางการดำเนินความร่วมมือระหวางกันในด้านกฎหมายและการบริหารงานยุติธรรม ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามฝ่ายไทย ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกข้อตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามร่างบันทึกข้อตกลงฯ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2313 | การจัดทำความตกลงประเทศเจ้าภาพ (host country agreement) กับสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ | ยธ | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการจัดทำความตกลงประเทศเจ้าภาพ (host country agreement) กับสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) ของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) และหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลไทยกับสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินการจัดการประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญว่าด้วยการใช้กีฬาเป็นยุทธศาสตร์ในการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญาของเด็กและเยาวชน เพื่อศึกษาแนวทางการบูรณาการการกีฬาเข้ากับยุทธศาสตร์การป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีข้อกำหนดให้รัฐบาลไทยต้องปฏิบัติ เช่น การให้มีตำรวจรักษาความปลอดภัย การให้เอกสิทธิและความคุ้มกันแก่ผู้เข้าร่วมการประชุมและบุคคลผู้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการประชุม การอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับการประชุม และการกำหนดให้ใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทตามความตกลงฯ ที่ไม่สามารถระงับได้ด้วยวิธีการที่กำหนดไว้ เป็นต้น ๑.๒ อนุมัติให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนฯ พร้อมทั้งอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้ผู้ลงนาม ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงยุติธรรม โดยสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2314 | ขอความเห็นชอบกรอบการเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการยอมรับใบอนุญาตขับรถภายในประเทศระหว่างประเทศไทยกับสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และระหว่างประเทศไทยกับสมาพันธรัฐสวิส | คค | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบการเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการยอมรับใบอนุญาตขับรถภายในประเทศระหว่างประเทศไทยกับสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และระหว่างประเทศไทยกับสมาพันธรัฐสวิส มีสาระสำคัญเป็นการวางแนวทางและกำหนดท่าทีของประเทศไทยในการเจรจาจัดทำความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการยอมรับใบอนุญาตขับรถภายในประเทศระหว่างประเทศไทยกับสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และประเทศไทยกับสมาพันธรัฐสวิส จะเป็นการอำนวยความสะดวกและเพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวไทย เยอรมนี และสวิส ทั้งในกรณีสำหรับประชาชนชาวไทยในการเดินทางไปท่องเที่ยวและขับขี่รถยนต์ในเยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงในกรณีสำหรับนักท่องเที่ยวจากเยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งเดินทางมาเยือนหรือพำนักอยู่ในประเทศไทยระยะสั้น สามารถใช้ใบอนุญาตขับรถภายในประเทศในการเช่าและรถยนต์ในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2315 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2562 | กค | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินลดภาระการผ่อนดาวน์ที่ได้รับจากมาตรการลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย ภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ๒๕๖๒) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและอนุมัติงบประมาณ ดังนี้ ๒.๑ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ และปีต่อ ๆ ไป เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ ในส่วนเพิ่มเติม จำนวน ๒,๖๖๗.๓๕ ล้านบาท ๒.๒ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ และปีต่อ ๆ ไป เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ จำนวน ๒๖,๔๕๘.๘๙ ล้านบาท ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอเพิ่มเติม และให้กระทรวงการคลังแจ้งคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติเกี่ยวกับการปรับลดกรอบวงเงินดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐานเพื่อให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ทันต่อสถานการณ์ มีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ ทั้งในส่วนของข้อมูลด้านการลงทะเบียนเกษตรกร จำนวนเกษตรกร ปริมาณผลผลิตต่อไร่ จำนวนพื้นที่เพาะปลูก รวมถึงการจัดทำประมาณการต้นทุนทางการเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ถูกต้องอย่างเหมาะสม ตลอดจนจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่ทางราชการและเกษตรกรจะได้รับจากการดำเนินโครงการฯ เพื่อให้มีข้อมูลในการบริหารงานอย่างถูกต้องครบถ้วน สำหรับใช้ประกอบการกำหนดนโยบายของภาครัฐที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป นอกจากนี้ เห็นควรให้ ธ.ก.ส. ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นรายปีตามความเหมาะสมและความจำเป็น และดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2316 | มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2562/63 (คู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว) | พณ | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรายงานว่า ณ วันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ วงเงินที่รัฐบาลสามารถรับภาระชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดำเนินการ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐได้ประกาศกำหนดไว้ ตามมาตรา ๒๘ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ยังเหลือเพียงพอต่อการดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ ของกระทรวงพาณิชย์ ๒. รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๒.๑ รับทราบมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ (คู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว) ได้แก่ (๑) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก กรณีค่าฝากเก็บและค่ารักษาคุณภาพข้าวเปลือก วงเงิน ๑,๕๐๐.๐๐ ล้านบาท (๒) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโดยสถาบันเกษตรกร วงเงิน ๕๖๒.๕๐ ล้านบาท และ (๓) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก วงเงิน ๕๑๐ ล้านบาท เพื่อดูดซับปริมาณข้าวเปลือกในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก เป้าหมาย ๖.๕ ล้านตันข้าวเปลือก วงเงิน ๒,๕๗๒.๕ ล้านบาท จากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ๒.๒ เห็นชอบการอนุมัติจัดสรรวงเงินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก (เพิ่มเติม) โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ขอจัดสรรวงเงินจากงบประมาณ ปี ๒๕๖๔ และปีถัด ๆ ไป วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๓๗๐.๗๒ ล้านบาท จำแนกเป็นค่าชดเชยดอกเบี้ย ในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน ของ ธ.ก.ส. (ปัจจุบันร้อยละ ๑.๔ ต่อปี) บวก ๑ เท่ากับ ๒.๔๐ ต่อปี ซี่งเป็นอัตราที่กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และ ธ.ก.ส. ทำความตกลงในการชดเชยต้นทุนเงินให้ ธ.ก.ส. และกระทรวงการคลังได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบแล้ว เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ และค่าบริหารโครงการฯ ในอัตราร้อยละ ๒ ต่อปี ระยะเวลา ๖ เดือน รวมวงเงิน ๓๔๐.๐๐ ล้านบาท และค่าใช้จ่ายกรณีที่มีการระบาย ได้แก่ ค่าขนย้ายข้าวเปลือก ต้นทุนเงินค่าขนย้ายข้าว และส่วนต่างภาระขาดทุนจากการระบายข้าว วงเงิน ๑,๐๓๐.๗๒ ล้านบาท ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์ ธ.ก.ส. และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการบริหารจัดการการผลิต การระบาย และการค้าข้าว ให้มีประสิทธิภาพอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อลดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ รวมถึงจัดทำระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐาน เพื่อให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้อย่างถูกต้องและทันต่อสถานการณ์ ทั้งในส่วนของข้อมูลด้านการลงทะเบียนเกษตรกร จำนวนเกษตรกร ปริมาณผลผลิตต่อไร่ จำนวนพื้นที่เพาะปลูก ปริมาณการเก็บกักข้าว ให้มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน ตลอดจนจัดให้มีระบบการติดตามและการประเมินผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะได้รับจากการดำเนินโครงการ เพื่อให้มีข้อมูลในการบริหารงานอย่างถูกต้องครบถ้วน สำหรับใช้ประกอบการกำหนดนโยบายของภาครัฐที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป นอกจากนี้ ควรมีการประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ ก่อนดำเนินโครงการ อาทิ เรื่องค่าใช้จ่ายในการฝากเก็บรักษาข้าวเปลือกของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในกรณีที่ไม่มียุ้งฉางของตนเอง การเก็บรักษาข้าวเปลือกหลักประกันตลอดระยะเวลาโครงการฯ และวิธีการเก็บรักษาข้าวเปลือกของสถาบันเกษตรกร เพื่อให้โครงการ เกิดผลในทางปฏิบัติและบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนของที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2317 | ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร07 | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการและกรอบการจัดทำยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และโครงสร้างของยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2318 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร07 | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ทั้งนี้ ในส่วนของแผนงานบูรณาการรัฐบาลดิจิทัล มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธานกรรมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และเป็นผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการดังกล่าว ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2319 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร07 | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๓ รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๕๐๔.๘๗๕๔ ล้านบาท ประกอบด้วยกรมสรรพากร ๑ รายการ วงเงินทั้งสิ้นของโครงการ จำนวน ๖๔๒.๐๗๑๔ ล้านบาท และกรมเจ้าท่า ๒ รายการ วงเงินทั้งสิ้นของโครงการ รวมจำนวน ๘๖๒.๘๐๔๐ ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๓๐๐.๙๗๕๓ ล้านบาท และผูกพันงบประมาณปีต่อ ๆ ไปอีก จำนวน ๑,๒๐๓.๙๐๐๑ ล้านบาท ๑.๒ เห็นชอบการเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงหน่วยรับงบประมาณ จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ โครงการจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม จำนวน ๒๗.๕๗๖๑ ล้านบาท ไปตั้งที่ส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง และหน่วยงานภายใต้การควบคุมดูแลของนายกรัฐมนตรี สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม โครงการจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม งบเงินอุดหนุน จำนวน ๒๗.๕๗๖๑ ล้านบาท เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ๑.๓ มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำเรื่องการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2320 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงชื่อตำบลและอำเภอที่ติดตั้งเครื่องเรดาร์ตรวจอากาศแบบ C Band ชนิด Dual Polarization พร้อมอุปกรณ์เชื่อมโยงและหอเรดาร์ ที่สถานีเรดาร์ตรวจอากาศหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา | ดศ | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยกรมอุตุนิยมวิทยาเปลี่ยนแปลงชื่อตำบลและอำเภอที่ติดตั้งเครื่องเรดาร์ตรวจอากาศแบบ C Band ชนิด Dual Polarization พร้อมอุปกรณ์เชื่อมโยงและหอเรดาร์ ที่สถานีเรดาร์ตรวจอากาศหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง โดยไม่กระทบต่อวงเงินที่อนุมัติไว้เดิม และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๓๐,๒๕๕,๔๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑๑๗,๔๗๔,๖๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๔ ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน อย่างโปร่งใส คุ้มค่าและประหยัด โดยพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่ได้รับ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ และคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยกรมอุตุนิยมวิทยารับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรดำเนินการตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๙๗ ประกอบระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ข้อ ๑๖๕ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....