ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 120 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 2381 - 2400 จากข้อมูลทั้งหมด 11309 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2381 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 22 | พม | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๒ ซึ่งเป็นเอกสารที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนามในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๒ ที่จะมีขึ้นในวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมฯ ร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญ เช่น การสนับสนุนและขอบคุณการเป็นประธานอาเซียนของประเทศไทย การรับรองและรับทราบเอกสารผลลัพธ์เกี่ยวกับประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน จำนวน ๙ ฉบับ ที่จะเสนอให้ผู้นำอาเซียนพิจารณาในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ การยืนยันความสำคัญของการสร้างราชการพลเรือนที่มีความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านดิจิทัล และการชื่นชมการดำเนินการในประเด็นเกี่ยวกับสิทธิเด็กและข้อริเริ่มต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุตามแผนงานประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2382 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 11 | กต | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ของประชุม ได้แก่ (๑) ร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๑๑ เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของผู้นำประเทศสมาชิกในการขับเคลื่อนกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น และ (๒) ร่างข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่นเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ เป็นเอกสารที่จะนำมาใช้แทนแผนปฏิบัติการทศวรรษที่มุ่งสู่การเป็นภูมิภาคลุ่มน้ำโขงสีเขียวซี่งได้รับการรับรองเมื่อปี ค.ศ. ๒๐๐๙ มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางในการส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยจะมีการรับรองเอกสารผลลัพธ์ฯ ในการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๑๑ ในวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ๑.๒ ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2383 | บันทึกช่วยจำว่าด้วยกรอบความร่วมมือแบบหุ้นส่วนระหว่างญี่ปุ่นกับไทย ระยะที่สาม [Memorandum on Japan - Thailand Partnership Programme Phase 3 (JTPP3)] | กต | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกช่วยจำว่าด้วยกรอบความร่วมมือแบบหุ้นส่วนระหว่างญี่ปุ่นกับไทย ระยะที่สาม (Memorandum on Japan-Thailand Partnership Propramme Phase 3 (JTPP3) ซึ่งจัดทำขึ้นระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่นและรัฐบาลไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาคที่มีพลังและมีประสิทธิผล เพื่อส่งเสริมการรวมตัวของประชาคมอาเซียนที่จะก่อให้เกิดแนวคิดอินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง ยุทธศาสตร์โตเกียว ค.ศ. ๒๐๑๘ เพื่อความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น และแผนแม่บทยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง [Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy (ACMECS)] ระยะ ๕ ปี (๒๕๖๒-๒๕๖๖) รวมทั้งสนับสนุนบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน และแสวงหาการผสานข้อริเริ่มใหม่ ๆ ที่รวมถึงการส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพและนโยบายประเทศไทย ๔.๐ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกช่วยจำฯ JTPP3 ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบันทึกช่วยจำฯ JTPP3 ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2384 | ร่างแถลงการณ์ร่วมต่อสื่อมวลชนระหว่างรัฐบาลราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนในโอกาสการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน | กต | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมต่อสื่อมวลชนระหว่างรัฐบาลราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนในโอกาสการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน (Joint Press Statement Between the Government of the People’s Republic of China and the Government of the Kingdom of Thailand โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ เป็นเอกสารผลลัพธ์การเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ภายหลังเสร็จสิ้นการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดแนวทางการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างรอบด้าน ได้แก่ (๑) ความสัมพันธ์ในภาพรวม (๒) เศรษฐกิจ การค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว (๓) วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (๔) การศึกษา วัฒนธรรมและความเชื่อมโยงระดับประชาชน (๕) การเมืองและความมั่นคง และ (๖) ความร่วมมือในภูมิภาคและเวทีระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2385 | เอกสารที่จะรับรองในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของเวทีความร่วมมือระหว่างเอเชียตะวันออกกับลาตินอเมริกา ครั้งที่ 9 ที่สาธารณรัฐโดมินิกัน | กต | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็บชอบร่าง Santo Domingo Declaration ซึ่งมีภาคผนวกคือ Guideline for FEALAC Cooperation Projects ที่จะรับรองในที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของเวทีความร่วมมือระหว่างเอเชียตะวันออกกับลาตินอเมริกา (Forum for East Asia-Latin America Cooperation : FEALAC) ครั้งที่ ๙ ที่กรุงซันโตโดมิงโก สาธารณรัฐโดมินิกัน ในวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ โดยร่าง Santo Domingo Declaration มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิก FEALAC ที่จะร่วมกันกระชับความร่วมมือระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันออกกับลาตินอเมริกา โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารองค์กรและการทบทวนแผนปฏิบัติการ FEALAC ซึ่งเป็นพื้นฐานในการกำหนดทิศทางของการดำเนินโครงการและกิจกรรมที่ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก และแสวงหาแนวทางเสริมสร้างประสิทธิภาพของเวทีความร่วมมือ FEALAC ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งการศึกษาความเป็นไปได้ในการยกระดับให้มีกลไกความร่วมมือระดับการประชุมสุดยอด การส่งเสริมให้คณะทำงานต่าง ๆ หารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น การให้ความสำคัญกับการสร้างความเป็นหุ้นส่วนระหว่าง FEALAC กับองค์การระหว่างประเทศต่าง ๆ การส่งเสริมการค้าเสรีและเศรษฐกิจดิจิทัล การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และความร่วมมือด้านการศึกษา วัฒนธรรม สังคมและการเมืองระหว่างภูมิภาค ส่วนร่าง Guideline for FEALAC Cooperation Projects มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดวัตถุประสงค์ หลักการและแนวทางการดำเนินโครงการความร่วมมือภายใต้ FEALAC รวมถึงขั้นตอนการดำเนินโครงการ การประเมินและรายงานผลการดำเนินโครงการต่อคณะทำงานต่าง ๆ ตลอดจนบทบาทหน้าที่ของประธานร่วมของคณะทำงาน ๑.๒ อนุมัติให้นางพรพิมล กาญจนลักษณ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม FEALAC FMM ครั้งที่ ๙ ในฐานะผู้แทนพิเศษ (Special Envoy) ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และร่วมรับรองเอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2386 | การรับรองแผนแม่บทและแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอาหารอาเซียน | กก | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนแม่บทและแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอาหารอาเซียน เป็นเอกสารที่รัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียนทั้ง ๑๐ ประเทศ จะให้การรับรองภายในวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๒ ก่อนนำเสนอผลสำเร็จและความคืบหน้าการดำเนินการให้ผู้นำอาเซียนรับทราบในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง โดยสาระสำคัญของแผนแม่บทฯ ประกอบด้วย (๑) นิยามและองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอาหาร อาทิ การผลิตอาหารอย่างเพียงพอและคำนึงถึงสุขภาพของผู้บริโภค การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม การร่วมมือกับภาคการศึกษาเพื่อให้ความรู้และปลูกฝังค่านิยมและความเข้าใจเรื่องอาหารที่ดี การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาปรับใช้ และการสร้างความเชื่อมโยงไปสู่ชุมชนตลอดจนมุ่งสู่ตลาดโลก (๒) การสร้างเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญในอาเซียนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิงอาหารจากหลากหลายสาขา อาทิ การเกษตร ศิลปะ วัฒนธรรม การท่องเที่ยว ศาสตร์และศิลปะเกี่ยวกับอาหารที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างรูปแบบ (platform) สำหรับการแบ่งปันความรู้และร่วมกันพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอาหารในอาเซียน และเชื่อมโยงสู่ชุมชนท้องถิ่น และ (๓) การสร้างเกณฑ์การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอาหาร เพื่อให้ประเทศสมาชิกได้นำไปคัดเลือกเมืองที่มีความโดดเด่นในการจัดกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหารและวัฒนธรรมบนพื้นฐานของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้การรับรองแผนแม่บทฯ ร่วมกับรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียนของประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนแม่บทฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงอาหารเข้ากับการท่องเที่ยวในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ การท่องเที่ยวชุมชน การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ผ่านการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสมาชิกในชุมชนเป็นสำคัญ โดยให้อาหารเป็นอัตลักษณ์นำของพื้นที่ซึ่งสะท้อนแนวทางการทำการเกษตร วัฒนธรรมการบริโภคของชุมชน รวมทั้งศิลปะและประวัติศาสตร์ อันจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวพร้อมทั้งเพิ่มพูนกิจกรรมทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการกระจายรายได้สู่พื้นที่อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ เกณฑ์การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอาหารควรให้ความสำคัญกับมาตรฐาน ความสะอาดและความปลอดภัย รวมถึงการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมซึ่งจะเป็นการสนับสนุนการเพิ่มคุณค่าห่วงโซ่อาหารและการยกระดับไปสู่สากล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2387 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติ จำนวน 4 ฉบับ ออกจากการพิจารณาของรัฐสภา [ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. ....] (ขอถอนร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. ....) | ยธ | 29/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้ถอนร่างพระราชบัญญัติที่ร้องขอต่อรัฐสภาเพื่อให้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่รัฐสภายังมิได้ให้ความเห็นชอบ ตามมาตรา ๑๔๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จำนวน ๔ ฉบับ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพรราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2388 | คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๔ คณะ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าแห่งชาติ (คปป.) ๑.๒ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ระดับประเทศ (ฝ่ายไทย) ๑.๓ คณะกรรมการร่วม (Joint Committee) ฝ่ายไทย ๑.๔ คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมในการขอให้คงอยู่ของคณะกรรมการฯ ตามข้อ ๑ ที่ไม่มีการประชุมเลย หรือที่มีการจัดประชุมพียง ๑-๒ ครั้ง ในรอบ ๓ ปี ที่ผ่านมา (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒) อีกครั้งหนึ่ง และให้แจ้งยืนยันไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2389 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 4/2562 | นร11 | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามที่คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ที่ประชุมฯ เห็นชอบในหลักการของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวระยะสั้น และระยะกลาง-ยาว เพื่อสนับสนุนและขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวของไทยในปี ๒๕๖๒ (รวม ๑๗ กิจกรรม) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยมอบหมายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดการดำเนินมาตรการกระตุ้นและส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวให้เป็นไปตามเป้าหมายภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ สำหรับมาตรการที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณหรือมาตรการที่ก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้ของหน่วยงานรัฐ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป ๑.๒ ที่ประชุมรับทราบเรื่องสำคัญ ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง สรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒) (๒) สถานการณ์เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในเดือนสิงหาคม ๒๕๖๒ และ (๓) สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในมุมมองของภาคเอกชนและข้อเสนอแนะ ซึ่งที่ประชุมฯ มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในช่วงที่เหลือของปี ๒๕๖๒ และปี ๒๕๖๓ (ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน) รวมถึงการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจด้วย และมอบหมายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งดำเนินมาตรการกระตุ้นและส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวให้ขยายตัวได้ตามเป้าหมาย ๒. มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามสรุปผลการประชุมฯ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวระยะสั้น และระยะกลาง-ยาวดังกล่าว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป โดยดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วนด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักในการประสานกับหน่วยงานความมั่นคงเพื่อประเมินและมีมาตรการรองรับผลกระทบด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2390 | การเปิดจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย - เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ 2 อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก | นร08 | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การเปิดจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ ๒ ๑.๒ การดำเนินการใด ๆ บริเวณจุดผ่านแดนจะต้องระมัดระวังมิให้เกิดความเสียหายและผลกระทบต่อความมั่นคง และให้ส่วนราชการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๔๒ [เรื่อง ผลกระทบจากการก่อสร้างถนนเลียบแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย บริเวณอำเภอเบตง จังหวัดยะลา (แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการก่อสร้างถนนหรือกระทำกิจการใด ๆ ตามบริเวณชายแดน)] และเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘ (เรื่อง การระงับการก่อสร้างถนนบริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม จังหวัดสุรินทร์) อย่างเคร่งครัด ๑.๓ มอบหมายกระทรวงมหาดไทยดำเนินการและประสานจังหวัดตากกำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์และการบริหารจัดการพื้นที่ โดยกำหนดให้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ ๒ ใช้สำหรับเดินทางเข้า-ออกของบุคคล รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถโดยสาร และรถบรรทุกขนาดใหญ่ และดำเนินการจัดเก็บค่าธรรมเนียมตามมติที่ประชุมคณะกรรมาธิการบริหาร บำรุงรักษา และการใช้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ ๒ (ร่วมไทย-เมียนมา) ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๒ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่รับทราบเกี่ยวกับข้อกำหนดและแนวทางปฏิบัติการใช้สะพานแห่งที่ ๒ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาจัดแผนบูรณาการและมาตรการเตรียมการเพื่อป้องกันผลกระทบอันเกิดจากการเปิดจุดผ่านแดนถาวรฯ เช่น การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การบุกรุกพื้นที่ การขยายตัวทางเศรษฐกิจของชุมชน และผลกระทบจากปริมาณรถยนต์และรถบรรทุกที่ส่งผลต่อประชาชนในพื้นที่ ทั้งในด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2391 | บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงกลาโหมสหพันธรัฐรัสเซีย ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือ | กห | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงกลาโหมจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงกลาโหมสหพันธรัฐรัสเซีย ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือ (Memorandum of Understanding between the Ministry of Defence of the Ministry of Defence of the Russian Federation on Cooperation in the Naval Field) เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงกลาโหมสหพันธรัฐรัสเซียในระดับกองทัพเรือ โดยมีขอบเขตความร่วมมือและรูปแบบกิจกรรมที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบและเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ๑.๒ ให้ผู้บัญชาการทหารเรือหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ร่วมลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในโอกาสที่ผู้บัญชาการทหารเรือสหพันธรัฐรัสเซียเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของกองทัพเรือ ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๒ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2392 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารสุดท้ายของการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (NAM Summit) ครั้งที่ 18 และร่างปฏิญญากรุงบากู | กต | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสาร จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างเอกสารสุดท้ายของการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (The XVIII Summit of Heads of State or Government of the Non-Aligned Movement : NAM Summit) ครั้งที่ ๑๘ มีสาระสำคัญเป็นการรายงานผลการประชุมซึ่งสะท้อนท่าทีของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดต่อปัญหาและความเคลื่อนไหวในประเด็นระหว่างประเทศต่าง ๆ อย่างครอบคลุม เช่น ด้านระหว่างประเทศ ด้านการเมืองภูมิภาคและอนุภูมิภาค และด้านการพัฒนาสังคมและสิทธิมนุษยชน และ (๒) ร่างปฏิญญากรุงบากู (Baku Declaration) มีสาระสำคัญเป็นการย้ำหลักการต่าง ๆ ที่กลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดให้ความสำคัญ เช่น การสร้างเสริมความเข้มแข็งและการฟื้นฟูกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด การส่งเสริมระบอบพหุภาคี การรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ การพัฒนาที่ยั่งยืน และการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ ให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยร่วมรับรองเอกสารดังกล่าวในการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ครั้งที่ ๑๘ (18th NAM Summit) ณ กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน ๑.๒ หากถ้อยคำเรื่องทะเลจีนใต้ในเอกสารสุดท้ายไม่สอดคล้องกับท่าทีร่วมของอาเซียนในเรื่องนี้ ขออนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมลงนามในหนังสือแจ้งข้อสงวน (reservation) หรือหนังสืออื่น ๆ ที่เป็นการแจ้งท่าทีของอาเซียนต่อถ้อยคำในเอกสารสุดท้ายเช่นเดียวกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอื่น ๆ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนต่อเอกสารสุดท้ายของการประชุม NAM Summit ครั้งที่ ๑๗ ณ เกาะมาร์การิตา สาธารณรัฐโบลีวาร์แห่งเวเนซุเอลา เมื่อปี ๒๕๕๙ ๑.๓ หากปรากฏว่า เนื้อหาหรือถ้อยคำของเอกสารสุดท้ายและปฏิญญากรุงบากูที่ได้รับรองในที่ประชุม NAM Summit ครั้งที่ ๑๘ ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์และท่าทีของไทยในสาระสำคัญ แสดงท่าทีเชิงลบ หรือมีถ้อยคำรุนแรงประมาฌประเทศอื่นใด ขออนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือข้อสงวน (reservation) หรือแสดงท่าทีที่อธิบายอย่างระมัดระวังถึงเหตุผลของไทยซึ่งทำให้ไม่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหรือถ้อยคำดังกล่าวได้ ซึ่งการแจ้งข้อสงวนเป็นแนวทางที่ไทยปฏิบัติมาโดยตลอด ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2393 | มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2562 ระยะที่ 2 | กค | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี ๒๕๖๑ ระยะที่ ๒ จำนวน ๔ มาตรการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศผ่านระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ (g-Wallet) โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพในการเดินทางไปท่องเที่ยวและใช้จ่าย โดยจะขยายระยะเวลามาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ “ชิมช้อปใช้” จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ และดำเนินมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” หลังคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ๑.๒ มาตรการลดภาระภาษีเพื่อที่อยู่อาศัย เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในระดับราคาที่ไม่สูงนัก เหมาะสมกับศักยภาพของประชาชนแต่ละกลุ่ม โดยรัฐบาลจะสนับสนุนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอน จากเดิมร้อยละ ๒ เหลือร้อยละ ๐.๐๑ และลดค่าจดจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิมร้อยละ ๑ เหลือร้อยละ ๐.๐๑ เฉพาะการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ในราคาไม่เกิน ๓ ล้านบาทต่อหน่วย โดยมีระยะเวลาตั้งแต่วันที่ประกาศกระทรวงมหาดไทยมีผลบังคับใช้ จนถึงวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๓ ๑.๓ มาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในระดับราคาที่ไม่สูงนัก เหมาะสมกับศักยภาพของประชาชนแต่ละกลุ่ม โดย ธอส. จะสนับสนุนสินเชื่อที่อยู่อาศัยในอัตราดอกเบี้ยเงินกู้พิเศษและเงื่อนไขผ่อนปรนให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาซื้อขายไม่เกิน ๓ ล้านบาทต่อหน่วย วงเงินสินเชื่อรวม ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท เริ่มโครงการตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบถึงวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๓ โดยรัฐบาลชดเชยส่วนต่างดอกเบี้ยให้แก่ ธอส. วงเงิน ๑,๑๘๒.๑๘ ล้านบาท และให้ ธอส. ทำความตกลงในการเบิกจ่ายงบประมาณตามภาระที่เกิดขึ้นจริงกับสำนักงบประมาณต่อไป ๑.๔ มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม สัมมนา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน (Front Load) โดยเร่งรัดให้หน่วยรับงบประมาณเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายสำหรับวงเงินที่ได้รับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณ เพื่อให้มีเม็ดเงินสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม สัมมนา ลงสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ระยะเวลาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-เดือนธันวาคม ๒๕๖๒ (๒ เดือน) ๒. สำหรับภาระงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เช่น ควรมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวในภาพรวมว่าสามารถช่วยเพิ่มการใช้จ่ายของระบบเศรษฐกิจในประเทศตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ และพิจารณาเป้าหมายการใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง ๒ ที่กำหนดเป้าหมายผู้ลงทะเบียนเติมเงินสำหรับใช้จ่ายค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่าที่พัก รวมถึงบริการต่าง ๆ จากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมมาตรการดังกล่าว ตลอดจนแสวงหาทางเลือกอื่นที่สามารถผลักดันเศรษฐกิจให้บรรลุเป้าหมายตามมาตรการดังกล่าว และให้นำผลการประเมินมาพิจารณากำหนดมาตรการให้ครบถ้วนยิ่งขึ้นตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบรายละเอียดและเงื่อนไขในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ อย่างชัดเจน ถูกต้อง และทั่วถึงด้วย ๓. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด กรณีห้องชุด ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตจัดสรรที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดินตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการจัดทำกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ “ชิมช้อปใช้” ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ และ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๒ และมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” ที่เสนอในครั้งนี้ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2394 | แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร07 | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณใช้เป็นแนวทางประกอบการวางแผนการดำเนินงานและกำหนดแผนการปฏิบัติงาน ให้สอดคล้องกับกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตลอดจนกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2395 | คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงพาณิชย์) | พณ | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๔ คณะ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ๑.๒ คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง (นบมส.) ๑.๓ คณะกรรมการป้องกันผลกระทบอันเนื่องจาก “การให้สิทธิพิเศษแก่ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด โดยการยกเลิกภาษีนำเข้าและโควตา” ๑.๔ คณะกรรมการนโยบายอาหาร ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมในการขอให้คงอยู่ของคณะกรรมการฯ ตามข้อ ๑ ที่ไม่มีการประชุมเลย หรือที่มีการจัดประชุมเพียง ๑-๒ ครั้ง ในรอบ ๓ ปี ที่ผ่านมา (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒) อีกครั้งหนึ่ง และให้แจ้งยืนยันไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2396 | คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงแรงงาน) | รง | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แต่งตั้งคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๕ คณะ ๑.๑.๑ คณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อปรับปรุงการจัดประเภทมาตรฐานอาชีพและอุตสาหกรรม ๑.๑.๒ คณะกรรมการส่งเสริมความปลอดภัยในการทำงาน ๑.๑.๓ คณะกรรมการระดับชาติเพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ๑.๑.๔ คณะกรรมการบริหารมาตรฐานแรงงาน ๑.๑.๕ คณะกรรมการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบแห่งชาติ ๑.๒ คณะกรรมการที่ขอยกเลิก จำนวน ๒ คณะ ๑.๒.๑ คณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือแรงงานหญิงและเด็กส่วนกลาง ๑.๒.๒ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับไปพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมในการขอให้คงอยู่ของคณะกรรมการฯ ตามข้อ ๑ ที่ไม่มีการประชุมเลย หรือที่มีการจัดประชุมเพียง ๑-๒ ครั้ง ในรอบ ๓ ปี ที่ผ่านมา (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒) อีกครั้งหนึ่ง และให้แจ้งยืนยันไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2397 | คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงอุตสาหกรรม) | อก | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๔ คณะ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการว่าด้วยอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า ๑.๒ คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยมาตรฐานเทคนิคทางไฟฟ้าระหว่างประเทศ (กมฟท.) ๑.๓ คณะกรรมการประสานงานแห่งชาติเพื่อการปฏิบัติให้เป็นไปตามอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี ๑.๔ คณะกรรมการดัชนีอุตสาหกรรม ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมในการขอให้คงอยู่ของคณะกรรมการฯ ตามข้อ ๑ ที่ไม่มีการประชุมเลย หรือที่มีการจัดประชุมเพียง ๑-๒ ครั้ง ในรอบ ๓ ปี ที่ผ่านมา (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒) อีกครั้งหนึ่ง และให้แจ้งยืนยันไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2398 | คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม) | อว | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๒ คณะ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการกำหนดนโยบายและกำกับดูแลโครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย ๑.๒ คณะกรรมการบริหารโครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับไปพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมในการขอให้คงอยู่ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายและกำกับดูแลโครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย ที่ไม่มีการประชุมเลยในรอบ ๓ ปี ที่ผ่านมา (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒) อีกครั้งหนึ่ง และให้แจ้งยืนยันไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2399 | คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงศึกษาธิการ) | ศธ | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการตามมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๑๕ คณะ และยกเลิกคณะกรรมการฯ จำนวน ๒ คณะ คือ คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา และคณะกรรมการบริหารโครงการจัดตั้งสถาบันโคเซ็น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมในการขอให้คงอยู่ของคณะกรรมการฯ ตามข้อ ๑ ที่ไม่มีการจัดประชุมเลย หรือที่มีการจัดประชุมเพียง ๑-๒ ครั้ง ในรอบ ๓ ปี ที่ผ่านมา (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒) อีกครั้งหนึ่ง และให้แจ้งยืนยันไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2400 | ร่างบันทึกความเข้าใจร่วมว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย | อก | 22/10/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจร่วมว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการในการบริหารจัดการงบประมาณของโครงการอบรมการยกระดับการพัฒนานโยบายอุตสาหกรรมสำหรับประเทศในกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Training on Enhancement of Industrial Policy Development for Lancang-Mekong Countries) ซึ่งเป็นโครงการที่กระทรวงอุตสาหกรรมขอรับการสนับสนุนเงินทุนจากกองทุนพิเศษกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (MLC Special Fund) ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong-Lancang Cooperation : MLC) จำนวนเงิน ๔๕๐,๐๐๐ หยวน (๖๕,๓๘๕ ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ ๒ ล้านบาท) โดยโครงการดังกล่าวเป็นการอบรมเจ้าหน้าที่/ข้าราชการระดับกลางจากประเทศสมาชิกกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง เนื้อหาการอบรมที่สำคัญ เช่น สถานะด้านอุตสาหกรรมของประเทศสมาชิกกรอบความร่วมมือฯ นโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมที่สำคัญ แนวทางส่งเสริมการลงทุน เป็นต้น และจะเป็นกลไกในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างกันของประเทศสมาชิกในกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง รวมทั้งเป็นการสร้างเครือข่ายและแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างหน่วยงานปฏิบัติอันจะเป็นประโยชน์ต่อการประสานงานด้านอุตสาหกรรมระหว่างกันในอนาคต ๑.๒ อนุมัติให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ซึ่งฝ่ายจีนขอให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ภายในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเกี่ยวกับการดำเนินโครงการอบรมการยกระดับการพัฒนานโยบายอุตสาหกรรมสำหรับประเทศในกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Training on Enhancement of Industrial Policy Development for Lancang-Mekong Countries) กระทรวงอุตสาหกรรมควรให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงการพัฒนานโยบายอุตสาหกรรมของแต่ละประเทศกับโอกาสและประโยชน์จากการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกของไทย เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการพัฒนาร่วมกันภายในภูมิภาค ทั้งการเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตระหว่างกันและการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ mainland ASEAN ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....