ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 101 จากทั้งหมด 138 หน้า แสดงรายการที่ 2001 - 2020 จากข้อมูลทั้งหมด 2746 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2001 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารการคลังที่ดี พ.ศ. .... | นร | 02/01/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่า
ด้วยการบริหารการคลังที่ดี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดความหมายและลักษณะของการบริหารการคลังที่ดี กำหนดแนวทาง รายละเอียด และหน่วยงานที่ต้องจัดทำรายงานทางการคลัง กำหนดหลักเกณฑ์การวิเคราะห์และ สอบทานรายงานการคลังสาธารณะ กำหนดหน่วยงานและหลักเกณฑ์การนำรายงานทางการคลังไป กำหนดงบ ประมาณรายจ่าย รวมทั้งกำหนดวิธีการเปิดเผยข้อมูลทางการคลังต่อสาธารณะ และส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงบประมาณที่มีความเห็นเพิ่มเติม ว่าร่างระเบียบฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์และเป็นไปโดยสอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 167 วรรคสาม ที่กำหนดเรื่องการเงิน การคลัง และงบประมาณไว้แล้ว โดยกำหนด ให้จัดทำเป็นกฎหมายการเงินการคลังของรัฐเพื่อกำหนดกรอบวินัยการเงินการคลัง ซึ่งรวมถึงหลักเกณฑ์ในเรื่องที่ เกี่ยวข้อง เพื่อกำกับการใช้จ่ายเงินตามหลักการรักษาเสถียรภาพ พัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และความเป็น ธรรมในสังคม ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติมอบให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานหลักรับ ผิดชอบในการยกร่างกฎหมายการเงินการคลังของรัฐให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญดังกล่าวแล้ว โดยมี หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงบประมาณเป็นหน่วยงานสนับสนุน โดยในชั้นนี้เห็นควรระงับการประกาศใช้ ระเบียบนี้ไว้ก่อน จนกว่าจะมีการตรากฎหมายดังกล่าวขึ้น และหากมีความจำเป็นต้องกำหนดรายละเอียดและวิธี ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว จึงสมควรจัดทำเป็นร่างระเบียบวิธีปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎหมายการเงินการคลัง ของรัฐที่จะตราขึ้นตามรัฐธรรมนูญดังกล่าวต่อไป ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการ คลังและสำนักงบประมาณร่วมกันพิจารณาในรายละเอียด แล้วให้แจ้งผลการพิจารณาให้สำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาทราบภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2002 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การอนุรักษ์และพัฒนาวัฒนธรรม : วัฒนธรรมที่พึงประสงค์ | วธ | 02/01/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การอนุรักษ์และพัฒนาวัฒนธรรม : วัฒนธรรมที่พึงประสงค์ และรับทราบ ความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องตามความเห็น และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ ที่เห็นควรกำหนดวัตถุประสงค์ของการอนุรักษ์และพัฒนา วัฒนธรรมให้ชัดเจน โดยอย่างน้อยควรมีวัตถุประสงค์เพื่อการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมที่พึงประสงค์ การใช้มิติ ทางวัฒนธรรมในการพัฒนาคนให้มีคุณภาพและวัฒนธรรม การใช้วัฒนธรรมในการพัฒนาสังคม รวมถึงพัฒนาการ เมือง การปกครอง และการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้า และควรส่งเสริมวัฒนธรรมที่พึงประสงค์ในด้าน ต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 10 โดยวัฒนธรรมที่พึงประสงค์ ควรครอบ คลุมวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับสถาบันชาติ สถาบันศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ การเมืองการปกครอง การดำรงชีวิต การทำงาน และสังคม และควรปฏิรูปการศึกษาเพื่อให้การศึกษาเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการอนุรักษ์และพัฒนา วัฒนธรรม ส่งเสริมสนับสนุนครูและอาจารย์ให้ปฏิบัติตามวัฒนธรรมที่พึงประสงค์ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับนัก เรียน นักศึกษา รวมทั้งควรยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริมาถือปฏิบัติเป็นวัฒนธรรมประจำชาติ เป็นวัฒนธรรมการดำรงชีวิตของบุคคลทุกระดับ เป็นวัฒนธรรมในการบริหารประเทศและการพัฒนาประเทศ นอก จากนี้ ควรใช้มิติศาสนาและพหุวัฒนธรรม ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสังคม และให้ความสนใจเป็นพิเศษใน การส่งเสริมและพัฒนาวัฒนธรรมด้านจิตใจ ตลอดจนควรมีมาตรการด้านสื่อมวลชน เพื่อกำกับดูแลมิให้สื่อมีผลเป็น การทำลายวัฒนธรรมอันดีงามและก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2003 | รายงานผลการเร่งรัด ติดตามกรณีเงินขาดบัญชีหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริต ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 (ตุลาคม 2549 - กันยายน 2550) | นร | 18/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการเร่งรัด ติดตามกรณี
เงินขาดบัญชีหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริตปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 โดยผลการดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2549 -กันยายน 2550 ในส่วนของการเร่งรัดติดตามให้หน่วยงานของรัฐที่เกิดกรณีเงินขาดบัญชี หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทุจริต เร่งดำเนินการสอบสวนหาผู้รับผิดชดใช้ทางแพ่ง แจ้งความดำเนินคดีอาญา และพิจารณาโทษทางวินัยแก่ผู้ กระทำผิดและผู้ที่เกี่ยวข้อง มีเรื่องรับใหม่ ได้รับแจ้งเรื่อง 223 เรื่อง จำนวนเงินที่เสียหาย 212,893,788.46 บาท เรียกเงินชดใช้คืน 86 เรื่อง จำนวนเงิน 47,467,928.64 บาท และดำเนินการจนได้ผลเป็นที่ยุติทั้ง 3 ทาง คือ ทาง แพ่ง ทางอาญา และทางวินัย 122 เรื่อง โดยสรุป ณ วันที่ 30 กันยายน 2550 มีเรื่องอยู่ระหว่างการเร่งรัดติดตาม 1,128 เรื่อง จำนวนเงินทั้งสิ้น 9,623,680,227.99 บาท โดยจำนวนเรื่องที่เกิดขึ้นในหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีปริมาณ เรื่องสูงสุด คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 428 เรื่อง และยอดเงินเสียหายสูงสุดเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวง คมนาคม ซึ่งจำนวนเงินที่เสียหายเป็นเงินถึง 7,017,286,152.95 บาท ส่วนผลการพิจารณาเรื่องที่อยู่ระหว่างการ ดำเนินการเร่งรัด ติดตาม ส่วนมากเป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างดำเนินการทางแพ่งและอาญา มีดังนี้ ทางแพ่ง อยู่ระหว่าง ดำเนินการ 843 เรื่อง ทางอาญา อยู่ระหว่างดำเนินการ 1,021 เรื่อง และทางวินัย อยู่ระหว่างดำเนินการ 767 เรื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2004 | แนวทางการพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 18/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายบัญญัติ จันทน์เสนะ)
เสนอแนวทางการพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 72/2550 วันพุธที่ 19 ธันวา คม 2550 ครั้งที่ 73/2550 วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม 2550 และครั้งที่ 74/2550 วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม 2550 รวมทั้งแนวทางการพิจารณาร่างกฎหมายของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และที่เสนอเพิ่มเติมกรณีที่สภานิติ บัญญัติแห่งชาติจะพิจารณาร่างกฎหมายในสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายคือ ในวันพุธที่ 19 ธันวาคม 2550 วัน พฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม 2550 และวันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม 2550 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ถึง 20.00 น. อย่างไรก็ ดีหากที่ประชุมเห็นว่า มีความจำเป็น อาจจะขยายเวลาออกไปได้ สำหรับร่างกฎหมายที่อยู่ในระเบียบวาระการ ประชุมแล้ว มีจำนวน 21 ฉบับ และมีร่างกฎหมายที่คณะกรรมาธิการได้พิจารณาเสร็จแล้ว รอบรรจุระเบียบวาระ จำนวน 43 ฉบับ โดยร่างกฎหมายฉบับใดจะใช้เวลาการพิจารณามาก ที่ประชุมอาจพิจารณาให้เลื่อนระเบียบ วาระออกไป เพื่อมิให้กระทบกับการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับอื่นที่มีอยู่จำนวนมาก ส่วนร่างกฎหมายที่มีการ ตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาก่อนรับหลักการเมื่อคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว จะแจ้งผลการพิจารณา มายังคณะรัฐมนตรี โดยจะยังไม่บรรจุระเบียบวาระของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และมอบให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง พิจารณาประสานงานเพื่อขอเลื่อนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง พ.ศ. .... ที่คณะกรรมาธิ การวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ออกไปก่อนได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2005 | รายงานผลการพิจารณาการออกกฎกระทรวงกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างและอุปกรณ์อันเป็นส่วนประกอบของอาคารโรงมหรสพเป็นการเฉพาะ | มท | 11/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอผลการพิจารณาของคณะกรรมการควบคุม
อาคารและกรมโยธาธิการและผังเมืองเกี่ยวกับการออกกฎกระทรวงกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างและ อุปกรณ์อันเป็นส่วนประกอบของอาคารโรงมหรสพเป็นการเฉพาะ โดยคณะกรรมการ ฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า ในข้อเท็จจริงโรงมหรสพเป็นเพียงส่วนประกอบส่วนหนึ่งของอาคารซึ่งในอาคารนั้นจะต้องมีรายละเอียดต่าง ๆ ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงว่าด้วยเรื่องนั้น ๆ โดยเฉพาะ เช่น รายละเอียดเกี่ยวกับน้ำหนักบรรทุก หน่วย แรงของวัสดุ และแรงลม เป็นต้น ดังนั้น จึงยังไม่สมควรที่จะทำการยกร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่ หรือแก้ไขกฎ กระทรวง ฉบับที่ 33 (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 เพื่อใช้บังคับ กับโรงมหรสพเป็นการเฉพาะแต่ควรจัดทำคู่มือประกอบการใช้กฎกระทรวงฉบับดังกล่าว เพื่อใช้เป็นหลักเกณฑ์ ในการพิจารณาอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารโรงมหรสพต่อไป และให้กระทรวงมหาดไทยรับไปดำเนินการจัดทำ คู่มือสำหรับเป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณาอนุญาตให้ก่อสร้างโรงมหรสพต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2006 | การพิจารณาก่อสร้างทางรถไฟข้ามแม่น้ำโขงที่จังหวัดนครพนมคู่กับโครงการก่อสร้างสะพานของกรมทางหลวง | คค | 11/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการพิจารณาก่อสร้างทางรถไฟข้ามแม่
น้ำโขงที่จังหวัดนครพนมคู่กับโครงการก่อสร้างสะพานของกรมทางหลวง สรุปได้ดังนี้ ในเบื้องต้นรัฐบาลไทยควร ดำเนินการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่จังหวัดนครพนมตามแผนงานเดิมไปก่อน เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลไทย และรัฐบาลลาวได้ข้อยุติในการจัดทำความตกลงว่าด้วยการก่อสร้างสะพานมิตรภาพ 3 (นครพนม-คำม่วน) แล้ว หากจะทำการศึกษาใหม่เพื่อให้ครอบคลุมการก่อสร้างทางรถไฟด้วย จะทำให้การก่อสร้างสะพานดังกล่าวล่าช้า ประกอบกับปริมาณการขนส่ง/จราจรระหว่างจังหวัดนครพนม-คำม่วน ก็ยังไม่มากนัก เมื่อเทียบกับปริมาณการ จราจรที่สะพานมิตรภาพ 2 มุกดาหาร-สะหวันนะเขต ซึ่งก็ยังไม่มีการก่อสร้างทางรถไฟบนสะพานดังกล่าวเช่น กัน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2007 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง องค์การอิสระผู้บริโภคและร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สสป | 11/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง องค์การอิสระผู้บริโภค และร่างพระราชบัญญัติคุ้ม ครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรม การคุ้มครองผู้บริโภค ตามความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ ที่ให้เร่งตราพระราชบัญญัติองค์การอิสระ เพื่อผู้บริโภค แยกออกจากพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค ให้มีความเป็นอิสระ มีงบประมาณสนับสนุนเพียงพอ และมีกองทุนเพื่อการพัฒนางานคุ้มครองผู้บริโภค และส่งเสริมให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคบังคับใช้ กฎหมายอย่างเข้มแข็งจริงจังตามอำนาจหน้าที่ และเร่งตัดโอนภารกิจของสำนักงาน ฯ ไปเป็นส่วนราชการในสังกัด กระทรวงยุติธรรม ตามผลการพิจารณาของ ก.พ.ร. กับให้รัฐต้องเร่งแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาในปัจจุบัน อาทิ การขยายสิทธิผู้บริโภคให้สอดคล้องกับแนวทางการ คุ้มครองผู้บริโภค ของสหประชาชาติ และสภาพปัญหาการละเมิดสิทธิของผู้บริโภค ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะ กรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และคณะกรรมการเฉพาะเรื่องให้มีตัวแทนผู้บริโภคในสัดส่วนที่เหมาะสม รวมทั้งกำหนด ให้สำนักงาน ฯ เป็นหน่วยงานกลาง ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ในการรับเรื่องร้องเรียนของผู้ บริโภค เพิ่มเติมให้มูลนิธิที่มีวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองผู้บริโภคหรือต่อต้านการแข่งขันอันไม่เป็นธรรมทางการค้า ให้มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ในคดีที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคโดยส่วนรวมเช่นเดียวกับสมาคม และ กำหนดให้สมาคมและมูลนิธิได้รับยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมในการดำเนินคดีที่เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิผู้บริโภค เป็น ต้น และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีปรับปรุงข้อมูลเกี่ยวกับสถานะของร่างพระราชบัญญัติ ฯ ให้เป็นปัจจุบัน เพื่อรายงานผลการพิจารณาและผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อสภาที่ปรึกษา ฯ และเปิดเผยให้สาธารณ ชนทราบตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2008 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืนและเป็นธรรม | สสป | 06/11/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืนและเป็นธรรม รวมทั้งรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามความเห็นและข้อเสนอของสภาที่ปรึกษา ฯ ที่ให้มีการจัดทำแผนบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งซึ่ง ตั้งอยู่บนฐานของระบบนิเวศ เป็นแผนระยะ 5 - 10 ปี การจัดทำเขตคุ้มครองระบบนิเวศทางทะเล การจัดให้มีกลไก ร่วมแบบบูรณาการเพื่อแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติทั้งในระดับชาติ ระดับจังหวัด และระดับชุมชน การกระจายอำนาจ การบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง การปรับปรุงระบบการจัดทำรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวด ล้อมและขั้นตอนการอนุญาตให้ก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ การจำแนกเขตการใช้ประโยชน์พื้นที่ชายฝั่ง การจัดให้มีระบบ บำบัดน้ำเสียและขยะจากอุตสาหกรรมและเมืองที่ทิ้งลงทะเล และการจัดให้มีการศึกษาวิจัยเรื่อง สารปนเปื้อนในสัตว์ น้ำ รวมทั้งควรปรับเปลี่ยนเป้าหมายการใช้ประโยชน์ทรัพยากรสัตว์น้ำจากที่มุ่งจับให้ได้มากที่สุด เป็นการจับสัตว์น้ำ ที่มุ่งเน้นคุณภาพ สนับสนุนและเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน ประชาชน และภาคีการพัฒนาในการบริหารจัด การทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ยกเลิกโครงการพัฒนาฐานการผลิตอาหารทะเลตามนโยบายแปลงสินทรัพย์เป็น ทุน และให้นำระบบภาษีสิ่งแวดล้อมและภาษีก้าวหน้ามาบังคับใช้กับผู้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและ ชายฝั่ง เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2009 | ร่างกฎหมายเพื่อพัฒนาระบบงานตำรวจ | ยธ | 22/10/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอดังนี้ เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติตำรวจ
แห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 โดยได้กำหนดประเภทของข้าราชการตำรวจและกำหนดตำแหน่งข้าราช การตำรวจเสียใหม่ ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการข้าราชการ ตำรวจ โดยให้ทำหน้าที่เพียงการกำหนดนโยบายและกำหนดหลักเกณฑ์การบริหารงานบุคคลเช่นเดียวกับองค์กรที่ ทำหน้าที่ด้านการบริหารงานบุคคลของส่วนราชการอื่น และการกำหนดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน รวมทั้งการประเมินผลการปฏิบัติงานของระบบตำรวจ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป และเห็นชอบผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคณะ กรรมการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์เกี่ยวกับตำรวจ พ.ศ. .... ของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) เกี่ยวกับการ กำหนดให้มีองค์กรภายนอกเป็นผู้ตรวจสอบและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ควรครอบคลุมกระบวน การยุติธรรมทั้งระบบ รวมทั้งต้องปรับปรุงกระบวนการแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนให้กระทำได้โดยง่าย จึง มอบให้กระทรวงยุติธรรมรับไปพิจารณาทบทวนใหม่ เพื่อให้เป็นกฎหมายกลางที่สามารถแก้ไขความเดือดร้อนของ ประชาชนที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2010 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง กฎหมายเพื่อการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชน | สสป | 22/10/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เกี่ยวกับกฎหมายเพื่อการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชน และความ เห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการ ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตามความเห็น และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ ที่เห็นด้วยที่จะให้มีการจัดทำกฎหมายเพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชน โดยเพิ่มเรื่อง การส่งเสริมเด็กและเยาวชนในการพัฒนาตนเองเข้าไปในหลักการและรายละเอียดของกฎหมายดังกล่าว และปรับชื่อ กฎหมาย เป็น "ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. ...." รวมทั้งพิจารณาให้กฎหมายดัง กล่าวมีความครอบคลุมและคุ้มครองเด็กและเยาวชนอย่างเสมอภาคกัน รวมถึงเด็กชนกลุ่มน้อย เด็กพิการ เด็กใน สถานกักกัน เด็กลี้ภัย เด็กด้อยโอกาส เด็กติดเชื้อเอชไอวี เด็กที่ได้รับผลกระทบจากเอดส์ และเด็กอื่นตามความหมาย ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก และให้จัดตั้งกองทุนพัฒนาเด็กและเยาวชน เพื่อสนับสนุนการดำเนินการของกลุ่ม/ เครือข่ายเด็กเยาวชน เป็นต้น ทั้งนี้ ในกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติแล้ว สถานะของร่างพระราชบัญญัติ ฯ มีการเปลี่ยน แปลง ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีปรับปรุงข้อมูลเกี่ยวกับสถานะของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้เป็นปัจจุบัน เพื่อรายงานผลการพิจารณาและผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อสภาที่ปรึกษา ฯ และเปิดเผยให้สาธารณชน ทราบตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2011 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี [เรื่อง โครงการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) กับประเทศเพื่อนบ้าน ปี 2549 - 2551] | กษ | 22/10/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินโครงการลงทุน
เกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) กับประเทศเพื่อนบ้าน ปี พ.ศ. 2549-2551 ในส่วนที่กระทรวงเกษตร และสหกรณ์รับผิดชอบดังนี้ ผลการพิจารณาแผนการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) ในแต่ละ ปี (ปี พ.ศ. 2549-2551) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรได้ดำเนินงานโครงการ ฯ ภายใต้กรอบ ACMECS เป็น โครงการร่วม (Common Project) ระหว่างไทยกับกัมพูชา-สปป.ลาว-พม่า ได้แก่ โครงการ AC-3 : Cooperation on Food Safety ดำเนินการที่ สปป.ลาว โดยมีการประชุมหารือกับเจ้าหน้าที่กักกันพืชที่เวียงจันทน์ และสะหวัน นะเขต สปป.ลาว เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกฎระเบียบด้านกักกันพืช และกำหนดแนวทางปฏิบัติงานด้านกักกันพืช ให้สอดคล้องกัน โครงการ AC-4 : Cooperation on agricultural development through contract farming สำนัก งานเศรษฐกิจการเกษตรได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานโครงการปรับปรุงระบบการผลิตพืชเศรษฐกิจ ไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (กัมพูชา สปป.ลาว และพม่า) และโครงการ AC-5 : Joint venture for production of hybrid seeds of corns, vegetables and flowers ได้มีการฝึกอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว โพดและถั่วเหลืองให้แก่เจ้าหน้าที่ไทย กัมพูชา พม่า สปป.ลาว และเวียดนาม ส่วนการพิจารณาความเป็นไปได้และ ความเหมาะสม เพื่อจัดทำและเสนอแผนการดำเนินโครงการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) พืช พลังงานในประเทศเพื่อนบ้านและนำเข้ามาเป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตพลังงานทดแทนในประเทศไทย (ปี พ.ศ. 2549- 2551) อยู่ระหว่างประสานงานกับจังหวัดชายแดนเป้าหมาย เพื่อศึกษาสถานการณ์ และรวบรวมข้อมูลศักยภาพ เชิงเศรษฐกิจพืชพลังงาน เพื่อผลิตไบโอดีเซล/เอทานอล สำหรับเตรียมการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง รวมทั้งได้ประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและหารือเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาพืชทดแทนพลัง งาน โดยมีความเป็นไปได้ในด้านการส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการร่วมลงทุนเชิง เศรษฐกิจที่มีผลประโยชน์ร่วมกันได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2012 | รายงานผลการตรวจราชการเพื่อติดตามการปฏิบัติงานตามยุทธศาสตร์ อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัดของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ครั้งที่ 2 | วท | 09/10/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการตรวจราชการเพื่อติดตามการปฏิบัติงานตามยุทธศาสตร์
อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัดของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ครั้งที่ 2 ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เมื่อ วันที่ 14 กันยายน 2550 ประกอบด้วย ผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ ฯ รอบ 1 จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้รับงบ ประมาณทั้งสิ้น 67 ล้านบาท มีผลการพิจารณาโครงการภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์ ฯ จำนวน 893 โครงการ ตาม กรอบแผนงาน 5 ด้าน และจัดกระบวนการเรียนรู้ 1 แผนงาน ดังนี้ แผนงานด้านเศรษฐกิจพอพียง จำนวน 139 โครง การ จำนวนเงิน 11,530,369 บาท แผนงานด้านพัฒนาและสร้างโอกาสให้ชุมชน จำนวน 200 โครงการ จำนวนเงิน 16,517,979 บาท แผนงานด้านฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของชุมชน จำนวน 69 โครงการ จำนวนเงิน 7,806,248 บาท แผนงานด้านสงเคราะห์ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ จำนวน 8 โครงการ จำนวนเงิน 598,588 บาท แผนงานด้าน บริการขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน จำนวน 347 โครงการ จำนวนเงิน 26,879,990 บาท และแผนงานด้านกระบวนการ เรียนรู้ จำนวน 130 โครงการ จำนวนเงิน 3,666,826 บาท และผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ ฯ รอบ 2 ได้รับ งบประมาณทั้งสิ้น 27 ล้านบาท มีการอนุมัติโครงการภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์ ฯ จำนวน 474 โครงการ ดังนี้ แผนงานด้านเศรษฐกิจพอเพียง จำนวน 98 โครงการ จำนวนเงิน 4,627,623 บาท แผนงานด้านพัฒนาและสร้าง โอกาสให้ชุมชน จำนวน 158 โครงการ จำนวนเงิน 8,836,640 บาท แผนงานด้านฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของชุมชน จำนวน 21 โครงการ จำนวนเงิน 2,441,335 บาท แผนงานด้านสงเคราะห์ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ จำนวน 17 โครงการ จำนวนเงิน 1,135,809 บาท แผนงานด้านบริการขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน จำนวน 180 โครงการ จำนวน เงิน 9,183,593 บาท และโครงการกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย จำนวนเงิน 775,000 บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2013 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับ "กลไกและกฎหมายคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข" | สสป | 11/09/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เกี่ยวกับ "กลไกและกฎหมายคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข" และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณาและผลการดำเนินการของกระทรวงสาธารณสุขตามความเห็นและข้อเสนอ แนะของสภาที่ปรึกษา ฯ โดยในส่วนของความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เห็นว่า รัฐต้องเร่งผลักดัน กฎหมายคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการทางสาธารณสุข เพื่อจัดตั้งกลไกและกองทุนชดเชยความเสียหายจาก การรับบริการให้ครอบคลุมถึงความเสียหายจากทุกระบบบริการทั้งภาครัฐและเอกชน ส่วนเงินกองทุนให้ระดมจาก หลายช่องทาง เช่น งบประมาณหรือจากกองทุนที่เป็นหลักประกันทางการรักษาพยาบาล อีกส่วนหนึ่งให้มาจาก การร่วมจ่ายสมทบของสถานพยาบาลของภาคเอกชน สำหรับเกณฑ์การชดเชยความเสียหายในระยะแรกอาจจำกัด กลุ่มความเสียหายที่พึงได้รับ และจึงขยายเกณฑ์ออกไปเป็นระยะ ๆ โดยระยะเวลาในการขอใช้สิทธิควรกำหนดไว้ไม่ น้อยกว่า 3 ปี นับแต่วันที่ผู้เสียหายได้รู้ถึงความเสียหายนั้น และกระบวนการพิจารณาควรดำเนินการในลักษณะ คณะกรรมการที่มาจากการสรรหา และมีคุณสมบัติเป็นที่ยอมรับ ส่วนสิทธิในการฟ้องคดีที่จะปรากฏในกฎหมาย ฉบับนี้ไม่สมควรคุ้มครองผู้ให้บริการสาธารณสุขจากการถูกฟ้องคดีอาญาเป็นการเฉพาะ เนื่องจากจะเป็นการเลือก ปฏิบัติต่อบางวิชาชีพในสังคม และเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาปรับปรุงระบบบริการสาธารณ สุข นอกจากนี้ รัฐต้องกำหนดมาตรการคุ้มครองสิทธิของผู้รับบริการในการเข้าถึงเวชระเบียนของตนเอง ทั้งในส่วน สถานบริการภาครัฐและภาคเอกชน และให้การดำเนินการและการควบคุมเป็นไปโดยโปร่งใส ลดการเผชิญหน้า ระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2014 | ขออนุมัติยุบเลิกองค์การฟอกหนังและองค์การแบตเตอรี่และจัดตั้งเป็นหน่วยงานในกระทรวงกลาโหม | กห | 11/09/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ที่มีมติอนุมัติ
หลักการตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอร่างพระราชกฤษฎีกายุบเลิกองค์การฟอกหนัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยุบ เลิกองค์การฟอกหนัง และร่างพระราชกฤษฎีกายุบเลิกองค์การแบตเตอรี่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยุบเลิกองค์การ แบตเตอรี่ และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ส่วนช่วง ระยะเวลาชำระบัญชี อนุมัติให้ใช้ที่ดิน โรงงาน เครื่องจักร รวมทั้งทรัพย์สิน และอุปกรณ์ที่มีอยู่เดิมต่อไปได้เพื่อให้ สามารถดำเนินการผลิตได้อย่างต่อเนือง จนกว่ากระทรวงกลาโหม (กองทัพบก) และสำนักงานปลัดกระทรวงกลา โหม รับผิดชอบการดำเนินงานของโรงงานผลิตรองเท้าและเครื่องหนังโรงงานแบตเตอรี่ทหาร และมอบให้กระทรวง กลาโหม และสำนักงาน ก.พ.ร. รับไปพิจารณาหารือร่วมกัน เกี่ยวกับแนวทางในการจัดตั้งโรงงานผลิตรองเท้าและ เครื่องหนัง และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ทหารว่าจะจัดตั้งเป็นรูปแบบใด ตามประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่น กรอง ฯ แล้วนำผลการพิจารณาเสนอคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ พิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2015 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การแก้ไขปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำ | นร | 14/08/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำ และความเห็น ผลการพิจารณา และผล การดำเนินการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตามความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ ที่เห็นควรให้มี คณะกรรมการแก้ไขปัญหาผลไม้ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นประธาน สำหรับในส่วนภูมิภาค ให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบ และมีอำนาจสั่งการแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อแก้ไขปัญหาตามนโยบายของคณะกรรม การแก้ไขปัญหาผลไม้ และให้รัฐจัดให้มีการขึ้นทะเบียนเกษตรกรและองค์กรเกษตรกรแยกตามชนิดผลไม้ กำหนด จุดรวบรวมผลไม้ในแต่ละจังหวัดที่ประสบปัญหา และกำหนดวิธีการช่วยกระจายผลไม้ และช่องทางการจัดจำหน่าย ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการกระจายและจำหน่ายผลไม้ จัดการกระจายและจำหน่ายสินค้าสู่จังหวัดที่มีความต้องการ ในการบริโภคผลไม้ที่ประสบปัญหา ประสานความร่วมมือห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ภัตตาคาร ร้าน อาหาร และภาคเอกชนต่าง ๆ เพื่อรับจัดจำหน่ายผลไม้ ตลอดจนสนับสนุนและประสานความร่วมมือภาคเอกชนใน การแปรรูปผลไม้และเพื่อการส่งออก จัดหาจุดจำหน่ายผลไม้เพื่อเปิดโอกาสให้พ่อค้าหรือเกษตรกรจัดจำหน่ายผล ไม้ รวมทั้งให้รัฐจัดซื้อผลไม้บางส่วนเพื่อนำไปแสดงสินค้าในประเทศต่าง ๆ ที่มีศักยภาพและโอกาสที่จะเป็นตลาด ของผลไม้ดังกล่าวได้ และเป็นคนกลางในการจัดหารือเพื่อกำหนดราคาผลผลิตร่วมกันระหว่างเกษตรกร องค์การ เกษตรกับกลุ่มผู้ค้าทุกระดับให้สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตและสภาวะการตลาดที่เป็นปัจจุบัน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2016 | การเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 | นร | 07/08/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอผลการพิจารณาเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณ
รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 และให้สำนักงบประมาณนำเรื่องการเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณตาม ผลการพิจารณาเสนอคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เพื่อพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ให้เพิ่มงบประมาณรายจ่ายในโครงการต่าง ๆ ดังนี้ โครงการศูนย์ข้าวชุมชน และ โครงการสร้างนักวิจัยรุ่นใหม่ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โครงการจ้างงานเร่งด่วนและพัฒนาฝีมือแรงงาน ของ กระทรวงแรงงาน โครงการผลิตและพัฒนาบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ และโครงการบูรณา การด้านการสร้างความตระหนักของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ต่อมวลชน ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมเข้า ไว้ในการเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 และเสนอขอแปรญัตติต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2017 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การช่วยเหลือเกษตรกรในโครงการปลูกยางพารา 1 ล้านไร่ (การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรที่ไม่ได้รับต้นยางชำถุง ตามโครงการยาง 1 ล้านไร่) | กษ | 07/08/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรที่ไม่ได้รับต้นยางชำถุงตาม โครงการยาง 1 ล้านไร่ รวมทั้งความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ ที่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดหาและส่งมอบกล้าพันธุ์ยาง พาราให้แก่เกษตรกรที่อยู่ในโครงการยาง 1 ล้านไร่ ซึ่งยังไม่ได้รับกล้าพันธุ์ยางพาราตามแผนเดิมหรืออย่างช้าไม่ เกินวันที่ 31 กรกฎาคม 2550 เพื่อให้ทันฤดูกาลเพาะปลูกปีนี้ และให้ดำเนินการประกาศมาตรฐานต้นยางชำถุงให้ เกษตรกรที่อยู่ในโครงการ ฯ ทราบอย่างทั่วถึง รวมทั้งให้รัฐเร่งดำเนินการใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 ในการตรวจสอบ พร้อมทั้งส่งเสริมแนะนำและกำกับดูแลให้เรือนเพาะชำกล้ายางชำถุงทั่วประเทศที่ยัง ไม่ได้มาตรฐาน ของกรมวิชาการเกษตรให้สามารถเข้าสู่มาตรฐาน เพื่อป้องกันการหลอกลวงเกษตรกรที่ไม่ได้อยู่ใน โครงการแต่มีความประสงค์จะปลูกยางพารา และให้กรมวิชาการเกษตรในฐานะผู้ออกใบรับรองกล้ายางชำถุงออก สำรวจตรวจสอบยางที่ได้ปลูกใหม่ระยะ 1 - 3 ปี หากพบว่าไม่ได้มาตรฐานต้องหามาตรการปรับเปลี่ยนเป็นพันธุ์ ใหม่ให้เหมาะสมและเรียกค่าชดเชยจากผู้ค้ากล้ายางให้กับเกษตรกร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2018 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "น้ำเสียในแม่น้ำปราจีนบุรี - บางปะกง กรณีเปิดประตูน้ำคลองสารภี" | สสป | 24/07/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
ของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "น้ำเสียในแม่น้ำปราจีนบุรี-บางปะกง กรณีเปิดประตูน้ำคลองสารภี" และเห็นชอบตามที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ โดยในส่วนของสภาที่ปรึกษา ฯ มีความเห็นสรุปได้ดังนี้ ให้แจ้งข้อมูลให้ประชาชนทั้ง 3 จังหวัด ได้แก่ ปราจีนบุรี นครนายก และฉะเชิงเทราทราบเกี่ยวกับเหตุปัจจัยที่ทำให้น้ำเสียและผลกระทบต่อแม่น้ำปราจีนบุรี-บางปะกง จาก การเปิดประตูน้ำที่คลองสารภี และให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการ ดูแลรักษาแม่น้ำและการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และจัดทำข้อตกลงร่วมในการกำหนด ระบบการปิด-เปิดประตูน้ำ โดยการมีส่วนร่วมของกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการตรวจ สอบคุณภาพน้ำ เพื่อเป็นศูนย์เฝ้าระวัง และให้หน่วยงานราชการสนับสนุนองค์กรภาคประชาชนและชุมชนให้มีบท บาทในการประสานงานเชื่อมโยงชุมชนและกลุ่มต่าง ๆ เพื่อผลักดันให้เกิดข้อตกลงร่วมและสร้างกลไกการบริหารจัด การ รวมไปถึงการติดตามและเฝ้าระวังสภาวะของน้ำให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสนับสนุนองค์กรประชาชน องค์กรพัฒนาเอกชน และสถาบันวิชาการให้มีการศึกษารวบรวมข้อมูลคุณภาพน้ำในจุดต่าง ๆ ที่สำคัญ นอกจากนี้ ให้หน่วยราชการรับไปศึกษาขีดความสามารถการรองรับมลภาวะทางน้ำจากแหล่งอุตสาหกรรม โดยเฉพาะโรงงาน อุตสาหกรรมนอกเขตนิคมอุตสาหกรรม และให้จัดทำแผนในการเฝ้าระวังการก่อให้เกิดมลภาวะในลำน้ำโดยเร่งด่วน รวมทั้งสนับสนุนให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อการดูแลรักษาแม่น้ำปราจีนบุรี-บางปะกง ในระยะยาว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2019 | การเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 | นร | 10/07/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอแนวทางและหลักเกณฑ์และขั้นตอนการเสนอขอ
เพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 โดยแนวทางและหลักเกณฑ์การเสนอขอเพิ่มงบประมาณ รายจ่าย ฯ มีดังนี้ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐเสนอคำขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2551 เฉพาะรายการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนอย่างแท้จริง และสอดคล้องกับนโยบายที่สำคัญของ รัฐบาล โดย (1) เป็นไปตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 รวม 6 ยุทธศาสตร์ 1 รายการ (2) เป็นรายจ่ายลงทุนที่สำคัญก่อให้เกิดผลในการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ และ (3) เป็นรายจ่ายลงทุนหรือรายจ่ายประจำที่ต้องเร่งดำเนินการตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล สำหรับขั้นตอนในการ เสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 นั้น ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงาน อื่นของรัฐจัดทำคำขอเพิ่มงบประมาณรายจ่าย ฯ ที่ได้มีการตรวจสอบและรับรองข้อมูลแล้วว่าการดำเนินการนั้นไม่ ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พุทธศักราช 2549 กฎหมายหรือ ระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นำเสนอต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพื่อขอรับความเห็นชอบ และให้รวบรวมจัดส่งให้สำนักงบ ประมาณดำเนินการภายในวันพุธที่ 18 กรกฎาคม 2550 และกรณีหน่วยงานอิสระของรัฐมีความจำเป็นต้องเสนอ เพิ่มงบประมาณรายจ่าย ฯ ให้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนในการเสนอขอเพิ่มงบประมาณ ภายในวันพุธที่ 18 กรกฎาคม 2550 และให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาคำขอเพิ่มงบประมาณรายจ่าย ฯ เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันอังคารที่ 7 สิงหาคม 2550 เพื่อนำเสนอคณะกรรมาธิการวิสามัญ ฯ ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2020 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "แนวทางการดำเนินนโยบายหวยบนดิน" | สสป | 03/07/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อ
เสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง แนวทางการดำเนินนโยบายหวยบนดิน และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงการคลังตามความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ ที่ให้คงจุดยืนอยู่บน หลักการที่ไม่เห็นด้วย และไม่สนับสนุนการดำเนินนโยบายหวยบนดิน หรือการออกสลากกินรวบ รวมทั้งธุรกิจหรือ กิจการใด ๆ ที่เกี่ยวพันกับการพนัน และเร่งรัดการวินิจฉัยความถูกต้องตามตัวบทกฎหมายของการดำเนินนโยบาย "หวยบนดิน" โดยหากรัฐบาลไม่สามารถดำเนินการยกเลิก/หยุดการดำเนินนโยบาย "หวยบนดิน" อย่างเด็ดขาดใน ทันทีได้ ควรมีการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ อาทิ การจัดทำแผนการลด ละ เลิก แนวทางการแสวงหารายได้ ของประเทศจากการดำเนินนโยบายหวยบนดิน โดยให้กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดของการดำเนินนโยบายหวยบนดินไว้ อย่างชัดเจน การจัดทำแผนการลด ละ เลิก การออกสลากกินแบ่งรัฐบาล และการออกรางวัลอื่น ๆ ที่เข้าข่ายการ พนันหรือการมอมเมาสังคม การจัดทำแผนและเงื่อนไขการนำเงินรายได้จาก "หวยบนดิน" ไปใช้ประโยชน์ โดยเน้น การชดเชยและเยียวยาผลกระทบทางสังคม การยกเลิกกระบวนการส่งเสริมให้เกิดความมอมเมา หรือจูงใจแก่ประชา ชนให้นิยมเล่นหวยบนดินมากขึ้น รวมทั้งการเร่งรัดดำเนินการด้านกฎหมายที่จะปราบปรามหวยใต้ดินและมาเฟียใต้ ดินอย่างเฉียบขาด โดยกำหนดโทษของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และการสร้างมาตรการเร่งด่วนที่จะเยียวยาผลกระทบ ของประชาชนในกลุ่มพึ่งพารายได้จากการขายหวยบนดิน เป็นต้น
|
.....