ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 107 จากทั้งหมด 138 หน้า แสดงรายการที่ 2121 - 2140 จากข้อมูลทั้งหมด 2746 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2121 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง นโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน กรณีโครงการ "หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์" | นร | 01/03/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง นโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน กรณีโครงการ "หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์" โดยสภาที่ปรึกษา ฯ มีความเห็นเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนแนวคิดของชุมชนในการพึ่งพาตนเอง การยอมรับภูมิปัญญา/ศักยภาพของตนเอง การสร้างการยอมรับในผลิตภัณฑ์ชุมชน การแลกเปลี่ยนสินค้าภาย ในชุมชน และยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงเป็นรากฐานในการดำรงชีวิต และข้อเสนอยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐ กิจชุมชนและการพัฒนาคุณภาพชีวิต ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์การส่งเสริมและการพัฒนาโดยยึดหลักชุมชนเป็น ศูนย์กลางและยึดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกกระบวนการ ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุ รักษ์วัฒนธรรมโดยกระตุ้นให้ท้องถิ่นเห็นความสำคัญของวัฒนธรรม และถ่ายทอดให้คนภายนอกได้รับรู้ถึงความ สำคัญและเรียนรู้โดยการสัมผัสจริง ยุทธศาสตร์ส่งเสริมสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ชุมชนสู่สากล ซึ่งต้องมีมาตรการ ที่ชัดเจนส่งเสริม สนับสนุน การส่งออกสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ โดยไม่ก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการส่งออก ใด ๆ ทั้งสิ้น ยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพและองค์ความรู้ชุมชน โดยให้มีหลักสูตรชุมชนในระบบโรงเรียน และ สอน โดยคนในชุมชนเองเพื่อถ่ายทอดภูมิปัญญาไปสู่คนรุ่นหลัง ยุทธศาสตร์การส่งเสริมด้านการบริหารจัดการ รัฐจะต้องส่งเสริมให้มีการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความเข้าใจในการบริหารจัดการที่ดี รู้จักใช้ระบบฐานข้อ มูลเป็นประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ตลอดจนดำเนินการให้ชุมชนสามารถนำกองทุนต่าง ๆ เข้ามา บริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กับการรู้จักใช้ระบบฐานข้อมูลเป็นประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจชุม ชน และยุทธศาสตร์การรักษาดุลยภาพภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยการกำหนดนโยบายที่สอดคล้องกับมาตรา 56 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ให้ชุมชนมีส่วนดูแล บำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ที่จำเป็นต่อการประกอบดำรงชีพและโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ นโยบายใด ๆ ของรัฐที่จะกระทบต่อ ความหลากหลายทางชีวภาพต้องให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ เป็นต้น และรับทราบตามที่คณะกรรมการ อำนวยการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์แห่งชาติ (กอ.นตผ.) เสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนิน การของ กอ.นตผ. โดยให้ กอ.นตผ. ประสานการติดตามผลการดำเนินงาน เพื่อรายงานให้สภาที่ปรึกษา ฯ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
||||||||||||||||||
2122 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง ปัญหาเขื่อนทดน้ำบางปะกงกับการแก้ไขของภาครัฐ | นร | 01/03/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ เรื่อง ปัญหาเขื่อนทดน้ำบางปะกงกับการแก้ไขของภาครัฐ โดยมีข้อ เสนอแนะบางประเด็นอาทิ งานโครงสร้างป้องกันตลิ่งและโครงสร้างป้องกันน้ำท่วมของแม่น้ำบางปะกง บริเวณ ท้ายเขื่อนและบางจุดซึ่งมีตลิ่งพังและน้ำท่วม ควรป้องกันโดยการเสริมคันกั้นน้ำ ส่วนจำนวนเขื่อนหรืออ่างเก็บ น้ำเหนือเขื่อนทดน้ำบางปะกง ซึ่งเดิมกำหนดไว้ 12 แห่ง ขณะนี้มีเพียง 3 แห่ง (อ่างเก็บน้ำคลองท่าด่าน อ่าง เก็บน้ำคลองสียัด และอ่างเก็บน้ำพระปรงตอนบน) ควรพิจารณาศึกษาความสำคัญ และความจำเป็นในจำนวน อ่างเก็บน้ำขั้นต่ำ รวมทั้งการแก้ปัญหาการจัดลำดับความสำคัญของการลงมือสร้างในอดีตถึงปัจจุบันซึ่งไม่เป็น ไปตามขั้นตอน และขาดความสอดคล้องตามแผนงานของกรมชลประทาน เป็นต้น และรับทราบตามที่กระทรวง เกษตรและสหกรณ์เสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับผิดชอบประสานการติดตามผลการดำเนินงาน กับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อรายงาน ให้สภาที่ปรึกษาฯ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการดำเนินงานเป็นระยะๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
||||||||||||||||||
2123 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง บทบาทสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินกับสุจริตชน | สสป | 01/03/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง บทบาทสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินกับสุจริต ชน โดยมีข้อเสนอแนะดังนี้ ด้านโครงสร้างและการบริหาร สำนักงาน ปปง. ควรเป็นองค์กรอิสระสังกัดรัฐสภา ทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลการทำธุรกรรมเท่านั้น การคัดเลือกหรือสรรหากรรมการ อนุกรรมการ ข้าราชการและ เจ้าหน้าที่ควรมีความโปร่งใส รวมถึงการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ควรแต่งตั้งจากบุคคลที่ไม่เป็นข้าราชการ ประจำ ข้าราชการการเมืองหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ส่วนด้านการบังคับใช้กฎหมายและการปฏิบัติงานของเจ้า หน้าที่ ให้ปรับกระบวนการทำงานให้มีกติกาและวิธีการที่ชัดเจนและให้ความเป็นธรรม ใช้เวลาในการตรวจสอบ ที่แน่นอนและรวดเร็ว และการปฏิบัติงานควรตั้งอยู่บนรากฐานความสุจริตเป็นธรรม การใช้อำนาจหรือดุลพินิจ ควรมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน โปร่งใส ตรวจสอบได้ สำหรับด้านการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ ควรเปิดโอกาสให้ ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานในด้านการบริหาร และการตรวจสอบ ประเมินผลการทำงาน มิใช่เป็นแค่ผู้แจ้งเบาะแสอย่างเดียว รวมทั้งแยกอำนาจการยึด อายัดทรัพย์สินและขายทรัพย์สินให้เป็นอำนาจ หน้าที่ของหน่วยงานอื่นเพื่อเป็นการตรวจสอบและถ่วงดุลการใช้อำนาจ เป็นต้น และรับทราบตามที่กระทรวง ยุติธรรมเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงยุติธรรม โดยให้กระทรวงยุติ ธรรมรับผิดชอบประสานการติดตามผลการดำเนินงานเพื่อรายงานให้สภาที่ปรึกษา ฯ อย่างเป็นระบบและต่อ เนื่องและเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการดำเนินงานเป็นระยะๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
||||||||||||||||||
2124 | ผลการประเมินตามคำรับรองการปฏิบัติราชการของส่วนราชการและจังหวัด และการจัดสรรเงินรางวัลให้แก่ส่วนราชการและจังหวัดประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 | นร | 08/02/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่ายกฎ
หมาย ฯ) ที่มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอผลการประเมินตามคำรับรองการปฏิบัติราชการของส่วน ราชการและจังหวัด และการจัดสรรเงินรางวัลให้แก่ส่วนราชการและจังหวัดประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ตาม มติคณะอนุกรรมการ ก.พ.ร. ในการประชุมเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2548 ซึ่งได้มีการปรับคะแนนผลการพิจารณา อุทธรณ์มีผลทำให้การเปลี่ยนแปลงคะแนนการประเมินผลของส่วนราชการและจังหวัดไปจากเดิมที่เคยเสนอคณะ รัฐมนตรีไปแล้วเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2548 กล่าวคือ มีคะแนนคงที่ 3 ส่วนราชการ/จังหวัด คะแนนลดลง 9 ส่วนราชการ/จังหวัด และคะแนนเพิ่มขึ้น 225 ส่วนราชการ/จังหวัด ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับไปพิจารณา ร่วมกับสำนักงาน ก.พ. และกรมบัญชีกลาง เพื่อกำหนดรายละเอียดในการจัดสรรเงินเพิ่มพิเศษสำหรับผู้บริหาร ในกลุ่มท้าทายและกลุ่มนำร่อง เนื่องจากส่วนราชการบางแห่งได้กำหนดชื่อตำแหน่งแตกต่างจากแนวทางจัดสรร เงินเพิ่มพิเศษสำหรับผู้บริหารในกลุ่มท้าทายและกลุ่มนำร่องประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ซึ่งแยกให้ผู้ดำรง ตำแหน่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการของส่วนราชการได้รับเงินตาม จำนวนที่กำหนดไว้ ประกอบกับบางตำแหน่งแม้ว่าจะไม่มีหน้าที่ในบริหารงานตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ แต่ก็มีการมอบหมายให้ทำหน้าที่ดังกล่าวเช่น ตำแหน่งรองเลขาธิการของหน่วยงานขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ที่ ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ตรวจราชการ นายแพทย์ใหญ่ สถาปนิกใหญ่ ฯลฯ ของส่วนราชการต่างๆ ซึ่งต้องพิจารณา ในรายละเอียดให้ชัดเจนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว โดยให้อยู่ภายในวงเงินที่ได้รับจัด สรรไว้และให้นำเสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะประธาน ก.พ.ร. พิจารณาให้ความเห็น ชอบ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
2125 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง ยุทธศาสตร์การสร้างชุมชนเข้มแข็งด้านการเกษตรแบบองค์รวม | นร | 01/02/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง ยุทธศาสตร์การสร้างชุมชนเข้มแข็งด้านการเกษตรแบบองค์รวม ตามผลการศึกษาของคณะทำงานการเกษตรและสหกรณ์ โดยมีความเห็นและข้อเสนอแนะว่า การนำเสนอยุทธ ศาสตร์การสร้างชุมชนเข้มแข็งด้านการเกษตรแบบองค์รวม ควรเริ่มต้นด้วยการกำหนดเป้าหมายของการสร้าง ชุมชนเข้มแข็งด้านการเกษตรแบบองค์รวม และหลักการพื้นฐานในการกำหนดยุทธศาสตร์การสร้างชุมชนเข้ม แข็งด้านการเกษตรแบบองค์รวม จากนั้นจึงนำเสนอยุทธศาสตร์การสร้างชุมชนเข้มแข็งด้านการเกษตรแบบ องค์รวม ซึ่งประกอบด้วย 7 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การสร้างนวัตกรรมการศึกษาเพื่อชุมชน ยุทธ ศาสตร์ที่ 2 การสร้างทุนความรู้และเทคโนโลยีสำหรับชุมชน ยุทธศาสตร์ที่ 3 การวิจัยชุมชน โดยชุมชน เพื่อ ชุมชน ยุทธศาสตร์ที่ 4 การเสริมสร้างพลังให้องค์กรชุมชน ยุทธศาสตร์ที่ 5 การฟื้นฟูฐานทรัพยากรของชุมชน ยุทธศาสตร์ที่ 6 การสร้างฐานข้อมูลด้านการเกษตรแบบองค์รวม และยุทธศาสตร์ที่ 7 การสร้างภาคปฏิบัติ การจริงของยุทธศาสตร์ และรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอความเห็น ผลการพิจารณา และ ผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าว โดยเห็นว่า ยุทธศาสตร์ที่ 7 การจัดตั้งองค์กรชุมชน เกษตรระดับชาติเป็นองค์กรอิสระ เพื่อจัดทำแผนดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ยังไม่ มีความชัดเจนและอาจจะซ้ำซ้อนกับหน่วยงานวางแผนของภาครัฐ รวมทั้งควรชี้แจงรายละเอียดในบทบาทการ ดำเนินงานขององค์กรดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||
2126 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน | นร | 01/02/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น และรับทราบตาม ที่กระทรวงยุติธรรมเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการ โดยสรุปดังนี้ กระทรวงยุติธรรมได้ จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบร่วม กันว่า ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เป็นประโยชน์ยิ่งต่อการแก้ไขปัญหาการทุจริต สอดคล้องกับนโยบาย ของรัฐบาล และเป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเป็นนโยบาย แนวทางและมาตรการให้ส่วนราชการต่าง ๆ ถือ ปฏิบัติอยู่แล้วเป็นส่วนใหญ่ อาทิ การส่งเสริมให้มีการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมตั้งแต่เยาว์วัยและตลอดจนทุก ช่วงของชีวิตให้แก่เยาวชนและประชาชน การส่งเสริมการมีส่วนร่วมที่เข้มแข็งของภาคประชาชนในทุกระดับ การ ปรับปรุงกฎระเบียบในการจัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ ของทางราชการ การสนับสนุนองค์กรภาคประชาชนและองค์ กรอิสระ และการพัฒนาการปกครองให้เป็นประชาธิปไตยโดยภาคประชาชนมีส่วนร่วมทั้งในสาระและกระบวน การ เป็นต้น โดยให้กระทรวงยุติธรรมรับผิดชอบประสานการติดตามผลการดำเนินงาน เพื่อรายงานให้สภาที่ ปรึกษา ฯ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และเสนอคณะรัฐมนตรีทราบผลการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
||||||||||||||||||
2127 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบโครงการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) | นร | 25/01/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบให้คณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่สนับสนุนและติดตามการดำเนินงานด้านการป้อง
กันและปราบปรามการทุจริตตามนโยบายของรัฐมนตรี (ป.ท.) รับความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบโครงการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ของการรถไฟแห่ง ประเทศไทย (รฟท.) กรณีความไม่โปร่งใสในการดำเนินการโครงการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ขนาน โดยสภาที่ ปรึกษา ฯ มีความเห็นและข้อเสนอแนะว่า ควรเร่งดำเนินการสืบสวนและสอบสวน โดยให้องค์กรภาคประชาชน เข้าไปมีส่วนร่วมเพื่อหาข้อสรุป และเปิดเผยผลการดำเนินการให้สาธารณะทราบ รวมทั้งเร่งพิจารณาหาผู้กระทำ ความผิดมาลงโทษ หรือสรุปข้อบกพร่องความผิดพลาดทั้งหมดที่เกิดขึ้น และหามาตรการแก้ไขเพื่อมิให้เกิดความ เสียหายต่อประชาชนและประเทศชาติ สำหรับการดำเนินการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ในระยะต่อไป กำชับให้ รฟท. ดำเนินการตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างอย่างเคร่งครัด เพื่อให้โครงการ ฯ ได้ดำเนินการไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส และเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง และเป็นการป้องกันมิให้เกิดผลเสียหายแก่ทางราชการอีกต่อไป ไปจัด ทำความเห็น ผลการพิจารณาและการดำเนินการต่อความเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าว ให้สำนักเลขาธิการคณะ รัฐมนตรีเพื่อที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งให้สภาที่ปรึกษา ฯ ทราบและเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||
2128 | ความคืบหน้ากรณีสหรัฐอเมริกาจะเปิดทบทวนผลการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้ากุ้งของไทย | พณ | 25/01/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานความคืบหน้ากรณีสหรัฐอเมริกาจะเปิด
ทบทวนการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้ากุ้งของไทย โดยสถานการณ์ล่าสุดจนถึงวันที่ 20 มกราคม 2548 คณะ กรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศ (International Trade Commission : ITC) ยังไม่ประกาศผลการตัดสิน ความเสียหายขั้นสุดท้ายอย่างเป็นทางการ คาดว่า จะประกาศสัปดาห์หน้า หลังจากนั้นกระทรวงพาณิชย์ สหรัฐ ฯ (DOC) จะประกาศบังคับใช้มาตรการการประกาศอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) กับกุ้งนำ เข้าอย่างเป็นทางการภายใน 1 สัปดาห์ แล้ว ITC จึงจะประกาศได้ว่าจะเปิดทบทวนผลการพิจารณาอีกครั้ง หรือไม่ และยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่า ITC จะใช้ข้อมูลจากแหล่งใดในการประเมินการเปิดทบทวนเอง (Self- initiate) สำหรับการดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์ ได้รับแจ้งข้อมูลความเสียหายของอุตสาหกรรมกุ้งจาก คลื่นสึนามิจากภาคเอกชนทั้งด้านการผลิตและการส่งออกกุ้งแล้ว และอยู่ระหว่างรอข้อมูลประเมินความเสีย หายที่เป็นทางการจากกรมประมง และจะมีหนังสือแจ้งสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย และ แจ้ง ITC เพื่อพิจารณาการเปิดทบทวนกรณีสถานการณ์เปลี่ยนแปลง (Changed Circumstance Review : CCR) ดังกล่าว รวมทั้งประสานกับสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงวอชิงตัน และทนายของผู้ส่งออก รายใหญ่ของไทยเพื่อติดตามสถานการณ์การดำเนินการและท่าทีของสหรัฐ ฯ อย่างใกล้ชิด
|
||||||||||||||||||
2129 | ผลกระทบจากการประกาศอัตราภาษีทุ่มตลาดขั้นสุดท้ายต่อการส่งออกกุ้งของไทย | พณ | 25/01/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลกระทบจากการประกาศอัตราภาษีทุ่ม
ตลาดขั้นสุดท้ายต่อการส่งออกกุ้งของไทย ตามที่กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศผลอัตราภาษี ตอบโต้การทุ่มตลาดขั้นสุดท้ายของกุ้งที่นำเข้าจากไทย อินเดีย บราซิล และเอกวาดอร์ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2547 ในส่วนของไทย อัตราภาษีขั้นสุดท้าย 5.79-6.82 อัตราเฉลี่ย 6.03 โดยอัตราภาษีขั้นสุดท้ายนี้ได้ เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วภายหลังเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2548 คณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศสหรัฐ ฯ (US ITC) ประกาศผลการพิจารณาขั้นสุดท้ายว่าอุตสาหกรรมกุ้งของสหรัฐ ฯ ได้รับความเสียหายจากการนำ เข้ากุ้งทั้ง 6 ประเทศผู้ส่งออก โดยอัตราค่าเฉลี่ยของภาษีขั้นสุดท้ายที่ประกาศออกมานี้ส่งผลให้ศักยภาพการ แข่งขันของไทยลดลงบ้าง แต่ไม่มีผลกระทบมากนัก แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกกุ้งของไทยโดยรวมใน ตลาดสหรัฐ ฯ และโดยที่ได้มีการกำหนดให้ผู้นำเข้าต้องวางเงินค้ำประกัน (Continuous bond) ซึ่งถือว่า เป็น cash bond ประเภทหนึ่ง โดยคำนวณจากอัตราภาษีทุ่มตลาดกับมูลค่านำเข้าของบริษัทจากประเทศที่ถูกฟ้อง ทุ่มตลาดตลอดทั้งปี เงื่อนไขดังกล่าวจะจำกัดให้เหลือผู้นำเข้าขนาดใหญ่เท่านั้น สำหรับสัดส่วนการนำเข้า สินค้ากุ้งในตลาดสหรัฐ ฯ คาดว่าไทยจะยังสามารถครองส่วนแบ่งในสหรัฐ ฯ ได้มากกว่าร้อยละ 20 และเป็น อันดับหนึ่งในสหรัฐ ฯ ต่อไป ทั้งนี้ ผลการเรียกเก็บภาษีทุ่มตลาดจะส่งผลให้การบริโภคกุ้งในสหรัฐ ฯ ลดลง เนื่องจากสินค้ากุ้งมีราคาสูงขึ้น ในส่วนของข้อคิดเห็น ผู้ส่งออกไทยจะต้องเตรียมความพร้อมในการทบทวน ภาษีทุ่มตลาดในแต่ละปีเพื่อให้ได้อัตราภาษีที่ต่ำลงต้องมีการพัฒนาพ่อแม่พันธุ์กุ้งโดยเฉพาะกุ้งกุลาดำ ขยาย ตลาดส่งออกสู่ตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ รวมทั้งส่งเสริมให้มีการใช้กุ้งในอุตสาหกรรมแปรรูปเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มมูล ค่าการส่งออก โดยแนวโน้มการส่งออกตลาดหลักยังคงเป็นสหรัฐ ฯ ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป ที่คาดว่าโอกาส จะได้คืนจีเอสพีมีอยู่สูง อย่างไรก็ตาม ควรส่งเสริมให้มีการบริโภคกุ้งในประเทศเพิ่มขึ้นโดยขายตรงผ่านช่อง ทางตลาดตามห้างซุปเปอร์มาร์เก็ตต่าง ๆ ประมาณร้อยละ 5-10 ของปริมาณกุ้งที่ผลิตทั้งหมด
|
||||||||||||||||||
2130 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี และขอทราบแนวทางการปฏิบัติในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ของเอกชน ตามคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 37 ในความควบคุมของกระทรวงกลาโหม | กห | 25/01/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมชี้แจงการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2547 เรื่อง ผลการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งผลิต ภัณฑ์ของเอกชน ตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 37 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 (ปร.37) ในความควบคุมของกระทรวงกลาโหม และให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2541 เรื่อง ขอความ เห็นชอบส่งผลิตภัณฑ์ของบริษัท ใช้อินเตอร์เนชั่นแนลดีเวลล้อปเม้นต์ จำกัด ไปจำหน่ายยังประเทศสาธารณรัฐ สังคมนิยมเวียดนาม และมาเลเซีย เฉพาะข้อ 2 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2542 เรื่อง ขออนุมัติขาย ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้แก่ต่างประเทศ เฉพาะข้อ 2 และให้คงมีคณะกรรมการพิจารณาการส่ง ออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ของเอกชน ตามคำสั่ง ปร. 37 ต่อไป เพื่อทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรอง เรื่องที่เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และให้ระงับการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่ง ผลิตภัณฑ์ของเอกชน ตามคำสั่ง ปร. 37 ในความควบคุมของกระทรวงกลาโหม ซึ่งส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มี ชายแดนติดกับประเทศไทยไว้ทั้งหมดจนกว่าจะมีมติเปลี่ยนแปลง โดยให้กระทรวงกลาโหมรับไปพิจารณากำหนด แนวทางและมาตรการในการให้ความช่วยเหลือภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการให้ระงับการ ส่งออกดังกล่าว และดำเนินการต่อไปได้ ส่วนการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ของเอกชน ฯ ซึ่งส่ง ไปยังประเทศอื่น ให้สามารถกระทำได้ โดยให้กระทรวงกลาโหม (คณะกรรมการพิจารณาการส่งออก ฯ) เร่ง พิจารณาคำขอของเอกชนในแต่ละกรณีโดยเร็ว แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ส่วนกรณีการขอส่งออก ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปใช้ในทางที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง (dual uses) ไปยังประเทศที่มีแนว โน้มหรือศักยภาพที่จะนำไปดำเนินการดังกล่าว ให้คณะกรรมการพิจารณาการส่งออก ฯ พิจารณาอย่างรอบคอบ เป็นพิเศษด้วย และการส่งออกในทุกกรณีให้ดำเนินการได้เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบแล้วเท่านั้น
|
||||||||||||||||||
2131 | การกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นสูงของลูกจ้างระดับสูงสุด และปรับอัตราเงินเดือนให้กับลูกจ้างทุกตำแหน่งของธนาคารอาคารสงเคราะห์ | กค | 18/01/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่ายกฎ
หมาย ระบบราชการและการประชาสัมพันธ์) ที่มีมติเห็นชอบการกำหนดอัตรา ค่าจ้างขั้นสูงของลูกจ้างระดับสูงสุด และปรับเงินเดือนให้กับลูกจ้างทุกตำแหน่งของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ตามผลการพิจารณาร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลังและกระทรวงแรงงาน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ กลุ่มที่ 1 พนักงานระดับ 1-10 ปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 ของเงินเดือน และกลุ่มที่ 2 พนักงานระดับ 11-15 และพนักงานตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ และรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 14 ของเงินเดือน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2547 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ให้ธนาคาร ฯ รับข้อสังเกตตามประเด็น อภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ เกี่ยวกับการปรับอัตราเงินเดือนดังกล่าวจะมีผลให้ ธอส. มีภาระค่า ใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง ธอส. ควรปรับปรุงการบริหารงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพที่ชัดเจน โดยอาจมีแผนงาน ลดค่าใช้จ่าย และขยายฐานลูกค้าเพื่อให้มีรายได้มากขึ้น โดยไม่ผลักภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นให้แก่ประชาชน โดยการเก็บค่าธรรมเนียมหรือขึ้นดอกเบี้ย และเมื่อได้มีการปรับค่าตอบแทนให้กับพนักงานแล้ว ให้ ธอส. พิจารณาลดค่าใช้จ่ายของประชาชนที่ใช้บริการเป็นการตอบแทน อาทิ การนำส่วนต่างของเบี้ยประกันอัคคี ภัยที่ได้รับจากบริษัทประกันภัยมาปรับลดให้แก่ผู้ใช้บริการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||
2132 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง เมืองใหม่ จังหวัดนครนายกกับแหล่งน้ำที่จะนำมาใช้ | นร | 18/01/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เกี่ยวกับ "เมืองใหม่ จังหวัดนครนายกกับแหล่งน้ำที่จะนำมาใช้" โดย มีความเห็นในประเด็นการจัดหาพัฒนาแหล่งน้ำ รวมถึงนโยบาย เป้าหมาย แผนงาน แผนงบประมาณ และ รับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงมหาด ไทย (กรมโยธาธิการและผังเมือง) ซึ่งได้พิจารณาถึงข้อจำกัดของพื้นที่กับขนาดและรูปแบบของเมือง โดยให้ข้อ เสนอแนะขนาดประชากรของเมืองใหม่ว่าควรจะอยู่ที่ 300,000 คน และมีความหนาแน่นของเมืองอยู่ที่ 5 คน/ ไร่ ซึ่งสามารถสรุปความต้องการการใช้น้ำสำหรับโครงการเมืองใหม่ประมาณ 45-50 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี และ เห็นว่า เมืองใหม่ควรมีแหล่งน้ำเป็นของตนเอง โดยหาพื้นที่สร้างอ่างเก็บน้ำรองรับน้ำที่มาในหน้าฝน และใน การพิจารณาจัดหาแหล่งน้ำใช้ให้คำนึงถึงความประหยัดและพิจารณาถึงที่มาของแหล่งน้ำต้นทุนและ Demand Size Management เป็นสำคัญ และต้องคำนึงถึงตำแหน่ง allocate รวมทั้งแหล่งน้ำสำหรับเมืองต้องอยู่บริเวณ ที่ไม่ยากกับการ supply ให้กับเมืองใหม่ และคำนึงถึงการมีน้ำใช้อย่างยั่งยืน เป็นต้น โดยให้กระทรวงมหาด ไทย (กรมโยธาธิการและผังเมือง) ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
||||||||||||||||||
2133 | ผลการตรวจสอบของคณะกรรมการอิสระกรณีตากใบ | นร | 28/12/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เ ครืองาม) เสนอดังนี้ รับทราบผลการตรวจ
สอบของคณะกรรมการอิสระกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปควบคุมสถานการณ์สลายการชุมนุม ควบคุมตัวผู้ชุมนุม และเคลื่อนย้ายผู้ถูกควบคุมในเหตุการณ์อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 เป็นเหตุให้มี ผู้เสียชีวิต นั้น จากการตรวจสอบพบว่า การเคลื่อนย้ายผู้ถูกควบคุมตัวมีความสับสนและฉุกละหุกเพราะมีรถน้อย (ประมาณ 26-28 คัน) ขณะที่ผู้ถูกควบคุมมี 1,300 คน และเจ้าหน้าที่ต้องพยายามบรรทุกให้หมด จึงอาจมีการ นอนทับซ้อนกันจริง (อาจทับซ้อนอวัยวะบางส่วน) ประกอบกับผลการตรวจสอบศพพบว่า ผู้เสียชีวิตได้รับอากาศ น้อย กล้ามเนื้อที่ใช้หายใจอ่อนแรง หลายรายถูกกดทับที่หน้าอก หลายรายเสียสมดุลของสารในเลือด และอาจ มีอาการไตวายเฉียบพลัน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการอิสระเห็นว่า เจ้าหน้าที่ไม่มีเจตนาที่จะให้เกิดเหตุการณ์ ดังกล่าวขึ้น แต่ก็มีบทเรียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นควรนำมาพิจารณาต่อไป โดยอนุมัติให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการ ดังนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำคำชี้แจงตามแนวทางที่คณะกรรมการอิสระกำหนดเป็นภาษา ต่างประเทศ เพื่อแจ้งต่อผู้สื่อข่าวและสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศ และให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จัดทำคำชี้แจงตามแนวทางที่คณะกรรมการอิสระกำหนด เพื่อเปิดเผยผลการพิจารณาของคณะกรรมการอิสระให้ ประชาชนทราบ ส่วนกรณีมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ระดับผู้บังคับบัญชาอย่างน้อยสามคนมีส่วนบกพร่องในหน้าที่ ให้ กระทรวงกลาโหมดำเนินการสอบทางวินัยทหาร โดยใช้ข้อเท็จจริงตามสำนวนการตรวจสอบของคณะกรรมการ อิสระเป็นหลัก และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้มีอำนาจดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญาเพื่อหาตัวผู้ต้องรับผิดชอบทางกฎหมายมาดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ในกรณีที่ผู้กระทำผิด เป็นทหาร และอยู่ในอำนาจศาลทหาร ให้ดำเนินการตามประมวลกฎหมายอาญาทหารและธรรมนูญศาลทหาร นอกจากนี้ ให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือและเยียวยาความเสียหายในกรณีดังกล่าว โดยมี นายรุ่งแก้วแดง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และให้กองทัพบก สำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงยุติธรรมร่วมกันศึกษารายงานของคณะกรรมการอิสรกรณีกรือ เซะ และกรณีตากใบ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนว่า มาตรการด้านระบบและแนวทางการบริหารจัดการใน กรณีเกิดสถานการณ์เช่นนี้ในอนาคตควรป้องกันหรือดำเนินการในลักษณะใด และมีปัญหาทางกฎหมาย การ บังคับใช้กฎหมาย และเครื่องมือหรืออุปกรณ์ใดที่ยังไม่เหมาะสมหรือขาดแคลน สมควรวางมาตรการจัดหาหรือ วางระเบียบป้องกันอย่างไร แล้วเสนอนายกรัฐมนตรีโดยด่วน |
||||||||||||||||||
2134 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและการอนุญาตให้ส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. .... | พณ | 28/12/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (ฝ่าย
การพาณิชย์ ฯ) ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขในการขออนุญาต และการอนุญาตให้ส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดแบบคำร้องขอรับใบอนุญาต แบบใบอนุญาต และแบบคำร้องขอแก้ไขหรือต่อ อายุใบอนุญาต รวมทั้งสถานที่ยื่นคำร้องและเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ใช้ประกอบคำขอ และให้ยื่นคำร้อง และเอกสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ภายใต้ประกาศหรือระเบียบที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด หรือตามข้อ ตกลงที่ผู้ยื่นคำร้องทำไว้กับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งกำหนดวิธีการ หลักเกณฑ์และ เงื่อนไขในการอนุญาต การพิจารณาอนุญาต หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการขออนุญาตการออกและแก้ไข รวมทั้งการต่ออายุและการเพิกถอนใบอนุญาต การแจ้งผลการพิจารณาและการอุทธรณ์ เพื่อให้สอดคล้อง กับสภาพการณ์ปัจจุบันและรองรับนโยบายการกระจายอำนาจลงสู่ระดับล่างและการมอบอำนาจไปยังส่วน ภูมิภาค ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตเรื่องข้อความในร่างกฎกระทรวง ฯ ข้อ 6 ที่กำหนดว่า "การยื่นคำร้อง เอก สารหลักฐาน รายงาน และรายละเอียดตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงนี้ ให้ยื่นต่อกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์หรือหน่วยงานอื่นซึ่งได้รับมอบหมายให้พิจารณาอนุญาตส่งออกหรือนำเข้าแทนรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงพาณิชย์" ซึ่งข้อความนี้ ตรงกับมาตรา 7 ในพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและนำเข้า มาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522 เพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาตีความต่อไป |
||||||||||||||||||
2135 | ผลการเยือนอิตาลีและสวีเดนอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี (ระหว่างวันที่ 21 - 25 กันยายน 2547) | นร | 21/12/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานผลการเยือน
อิตาลีและสวีเดนอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 21 - 24 กันยายน 2547 โดยผลการ เยือนอิตาลี ในระหว่างวันที่ 21 - 23 กันยายน 2547 ทั้งสองฝ่ายได้หารือและจัดทำแถลงการณ์ร่วม โดย เน้นถึงเจตนารมณ์ที่จะมีการประสานงานกันในประเด็นปัญหาระหว่างประเทศ ตลอดจนส่งเสริมความร่วม มือในด้านการค้า การลงทุน อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) วัฒนธรรม การศึกษา และ การท่องเที่ยวทั้งในระดับทวิภาคีและในระดับภูมิภาค และเป็นสักขีพยานในการลงนามความตกลง 2 ฉบับ คือ ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ไทย - อิตาลี และบันทึก ความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย - อิตาลี นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่าย เห็นควรเสริมสร้างความสัมพันธ์ในระดับประชาชนต่อประชาชนให้ไกล้ชิดมากขึ้น โดยให้มีการแลกเปลี่ยน รายการโทรทัศน์ ละครและภาพยนตร์ระหว่างไทยกับอิตาลีไห้มากขึ้น รวมถึงเห็นพ้องถึงศักยภาพที่จะใช้ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าที่ใช้ชีวิตประจำวันตามรสนิยมของอิตาลี ในการนี้ นายกรัฐมนตรี ได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกลุ่มบริษัท FIAT เกี่ยวกับความร่วมมือในเรื่องเครื่องยนต์ Flex Fuels ที่มีคุณสมบัติพิเศษสามารถใช้เชื้อเพลิงเอทานอลได้ร้อยละ 100 และการเข้ามาขยายธุรกิจใน สาขาเครื่องจักรกลเพื่อการเกษตร และการก่อสร้าง และอุตสาหกรรมรถโดยสารในประเทศของกลุ่มบริษัท FIAT ส่วนผลการเยือนสวีเดน ในระหว่างวันที่ 23 - 24 กันยายน 2547 นายกรัฐมนตรีของไทยได้หารือ ข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีสวีเดนและคณะ ซึ่งผลการหารือ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้มีการจัดตั้งคณะทำ งานร่วม (Working Group) เพื่อศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการซื้อเครื่องบินรบ Gripen ของกองทัพอากาศ ไทยจากสวีเดนในรูปแบบของการค้าต่างตอบแทน และเห็นชอบที่จะให้มีการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมไทย - สวีเดน (Joint Plan of Actions) และให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วม (Joint Committee) เพื่อให้เป็น กลไกในการส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เช่น อุทยานวิทยาศาสตร์ เภสัชกรรม เป็นต้น และฝ่าย สวีเดน ได้แจ้งผลการพิจารณาการขยายระยะเวลาใบอนุญาตทำงานของผู้ปรุงอาหารไทยในสวีเดนให้มาก กว่า 18 เดือน ซึ่งจำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายภายในเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ขณะนี้รัฐบาลสวีเดนได้เริ่ม การหารือกับรัฐสภาสวีเดน เพื่อหาทางออกในเรื่องนี้แล้ว นอกจากนี้ ประธานกรรมการบริหารของ Star Alliance ได้บรรยายสรุปในหัวข้อ "Global Connectivity Improvement for THAI" เกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิ ภาพให้กรุงเทพ ฯ เป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคอย่างแท้จริง ทั้งนี้ จากผลการเยือนทั้งสองประเทศ ประสบผลสำเร็จในการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของไทย ในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับอิตาลีและสวี เดน และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการติดตามผลการเยือนให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมต่อไป |
||||||||||||||||||
2136 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมการจัดการป่าต้นน้ำและลุ่มน้ำของประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน | นร | 21/12/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.2 (ฝ่ายการ
เกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมการ จัดการป่าต้นน้ำและลุ่มน้ำของประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดให้มีระบบการ บริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเน้นให้ประชาชน ชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีส่วนร่วมและรับผิดชอบ การแก้ปัญหาการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า โดยใช้ยุทธศาสตร์ "คนอยู่กับป่า" การเร่งจัด สรรที่ดินทำกินให้แก่ประชาชนที่ไร้ที่ทำกินในสถานที่และจำนวนที่เหมาะสมโดยให้เอกสารที่ให้สิทธิครอบครอง เพื่อทำกินเท่านั้น การพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มขึ้นให้เหมาะสมกับการใช้น้ำในสภาพปัจจุบัน และกำหนดมาตรการ การลดการสูญเสียน้ำในกระบวนการใช้น้ำทั้งในภาคการเกษตร การอุปโภคบริโภค การอุตสาหกรรม และการ เพิ่มประสิทธิภาพของระบบการจัดการน้ำให้มากที่สุด เป็นต้น รวมทั้งรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอผลการพิจารณาและผลการดำเนินการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ และส่วน ราชการที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา และรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการ กลั่นกรอง ฯ เกี่ยวกับการปรับปรุงและกำหนดยุทธศาสตร์ และมาตรการดำเนินการ โดยจัดให้มีการบริหารจัด การแบบบูรณาการร่วมกันและมีหน่วยงานรับผิดชอบและระบบการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจน และให้ รับประเด็นการส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมจัดการลุ่มน้ำของประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนว่า จะปรับปรุง โครงสร้างองค์กรและวิธีดำเนินการที่ใช้ในปัจจุบันอย่างใด เพื่อให้ภาคเอกชนและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมกับ กับภาครัฐมากขึ้น และกำหนดเป้าหมายการรักษาป่าต้นน้ำและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับเจ้าหน้าที่และ ประชาชนเห็นถึงประโยชน์ของป่าและตระหนักในความสำคัญที่จะร่วมกันปลูกป่าและช่วยดูแลรักษาป่าอย่างแท้ จริง และเนื่องจากในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. .... มาตรา 18 ของวุฒิสภา คณะกรรมาธิ การร่วมได้ขอปรับปรุงจากร่างของสภาผู้แทนราษฎร โดยมีมติให้ตัดข้อความเกี่ยวกับการจัดตั้งป่าชุมชนในเขต อนุรักษ์ออก เนื่องจากเกรงว่าผู้ที่อยู่ในเขตอนุรักษ์จะเข้าใจว่า เมื่อตั้งป่าชุมชนแล้วต่อไปจะสามารถตัดไม้ได้ตาม ประสงค์ จะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ซึ่งข้อเท็จจริงโดยเฉพาะในภาคเหนือมีประชาชนอยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ อยู่ก่อนแล้ว และไม่สามารถจะโยกย้ายให้ออกจากบริเวณดังกล่าวได้อย่างถาวรกลับมีผลเสียต่อการดูแลรักษา ป่าอนุรักษ์นั้นให้ประสบผลสำเร็จได้ จึงให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ จัดเจ้าหน้าที่ไปชี้แจงต่อคณะกรรมา ธิการร่วมได้ทราบเหตุผลของการกำหนดร่างมาตรการดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวกับป่าเขตอนุรักษ์ว่า จะกระทำได้ เฉพาะกรณีเป็นชุมชนดั้งเดิม และมีพฤติกรรมที่แสดงถึงวัฒนธรรมแห่งการอยู่อาศัยที่เกื้อกูลต่อการดูแลรักษา ที่ขอกำหนดเป็นป่าชุมชนอย่างต่อเนื่องมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีก่อนวันที่ขอจัดตั้งซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักให้คน สามารถอยู่กับป่า และมีส่วนร่วมปลูกและช่วยดูแลรักษาป่าให้เป็นป่าที่ยั่งยืนต่อไป |
||||||||||||||||||
2137 | การกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2548 | รง | 21/12/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอผลการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี
พ.ศ. 2548 ของคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 16 และกำหนดให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 ในกลุ่มท้องที่บังคับใช้ดังต่อไปนี้ อัตราค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 175 บาท ในท้องที่ 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพ มหานคร จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรปราการ อัตราค่าจ้างขั้นต่ำวัน ละ 173 บาท ในท้องที่ 1 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต อัตราค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 157 บาท ในท้องที่ 1 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี อัตราค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 155 บาท ในท้องที่ 1 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสระบุรี อัตราค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 150 บาท ในท้องที่ 1 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ วันละ 149 บาท ในท้องที่ 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ และพังงา อัตราค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 147 บาท ในท้องที่ 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดระนอง และระยอง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 146 บาท ในท้อง ที่1 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อัตราค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 144 บาท ในท้องที่ 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกระบี่ และฉะเชิงเทรา อัตราค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 142 บาท ในท้องที่ 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี จันทบุรี เพชรบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม และอ่างทอง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 141 บาท ในท้องที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร ลำพูน สระแก้ว และสุโขทัย อัตราค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 140 บาท ในท้องที่ 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร ขอนแก่น ตรัง บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี และสุพรรณบุรี อัตราค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 139 บาท ในท้องที่ 30 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ ชัยนาท ชัยภูมิ ตราด ตาก นครพนม นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ ปัตตา นี พัทลุง พิษณุโลก เพชรบูรณ์ มุกดาหาร ยะลา ร้อยเอ็ด ลำปาง เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สงขลา สตูล สุราษฎร์ธานี หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี อุตรดิตถ์ อุทัยธานี และอำนาจเจริญ อัตราค่าจ้าง ขั้นต่ำวันละ 138 บาท ในท้องที่ 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครนายก และพิจิตร อัตราค่าจ้างขั้นต่ำวัน ละ137 บาท ในท้องที่ 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย น่าน พะเยา แพร่ มหาสารคาม แม่ฮ่องสอน ยโสธร สุรินทร์ และอุบลราชธานี ทั้งนี้ ให้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำพื้นฐานในอัตราวันละ 137 บาท |
||||||||||||||||||
2138 | โครงการจัดทำระบบ Early Warning สำหรับพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย - ดินถล่ม | ทส | 14/12/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับโครงการจัดทำระบบ Early Warning สำหรับพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย-ดินถล่ม
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) รับเรื่องนี้ไปพิจารณาทบทวนความจำเป็น เหมาะสม และรายละเอียดของโครงการดังกล่าวร่วมกับกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรม การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง หาก ผลการพิจารณาเป็นประการใด ให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ใช้จ่ายจากเงินงบกลาง ปี พ.ศ. 2548 ในวงเงิน 49,979,700 บาท และให้ตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป |
||||||||||||||||||
2139 | การปรับปรุงค่าตอบแทนผู้บริหาร และสมาชิกสภาเมืองพัทยา | มท | 07/12/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ (1) เห็นชอบตามที่คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ (กงช.) เสนอ
ผลการพิจารณาปรับปรุงค่าตอบแทนผู้บริหารและสมาชิกเมืองพัทยา โดยให้กำหนดอัตราค่าตอบแทนผู้ บริหารและสมาชิกสภาเมืองพัทยา เท่ากับอัตราค่าตอบแทนของผู้บริหาร และสมาชิกองค์การบริหารส่วน จังหวัด ซึ่งเป็นตำแหน่งลักษณะเดียวกัน รวมทั้งกำหนดให้ผู้บริหารเมืองพัทยาได้รับเงินเดือน เงินประจำ ตำแหน่ง และค่าตอบแทนพิเศษ เท่ากับเงินประจำตำแหน่งของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศ บาลและองค์การบริหารส่วนตำบล (2) อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเงินประจำตำแหน่ง เงินค่าเบี้ยประชุม และประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานสภาเมืองพัทยา รองประธานสภาเมืองพัทยา สมาชิกสภาเมืองพัทยา เลขานุการประธานสภาเมืองพัทยา ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาเมืองพัทยา และ กรรมการหรืออนุกรรมการของสภาเมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเงิน เดือนเงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของนายกเมืองพัทยา รองนายกเมืองพัทยา เลขานุการนายกเมืองพัทยา ผู้ช่วยเลขานุการนายกเมืองพัทยา และประธานที่ปรึกษาหรือที่ปรึกษาของ นายกเมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ กงช. มีข้อสังเกตว่า ควร ปรับปรุงองค์ประกอบ และอำนาจหน้าที่ของ กงช. ตามพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง พ.ศ. 2538 รับผิดชอบการพิจารณาค่าตอบแทนของบุคลากรภาครัฐทั้งระบบ เพื่อให้โครงสร้างค่าตอบ แทนมีความเหมาะสม และ (3) ให้สำนักงาน ก.พ. และกระทรวงมหาดไทย รับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณา ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||
2140 | ศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ | นร | 07/12/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเสนอเกี่ยวกับโครงการศูนย์ ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ เนื่องจากปรากฏว่าขณะนี้มีหน่วยงานหลายแห่งประสงค์จะขอยก เลิกการใช้พื้นที่ในโครงการ ฯ ซึ่งจะกระทบต่อแผนการระดมทุนและการดำเนินโครงการ ฯ ที่กรมธนารักษ์ ได้เตรียมการไว้ จึงเห็นควรให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้พื้นที่ในโครงการ ฯ นี้ โดยไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อที่กรมธนารักษ์จะได้ดำเนินการตามแผนที่วางไว้ต่อไปได้ ทั้งนี้ สำหรับกรณีสำนักงานศาลยุติธรรม และ สำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งได้แจ้งขอยกเลิกการใช้พื้นที่ในโครงการ ฯ และกรมธนารักษ์สามารถปรับแผนได้ ให้ดำเนินการไปตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง
|