ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 103 จากทั้งหมด 138 หน้า แสดงรายการที่ 2041 - 2060 จากข้อมูลทั้งหมด 2746 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2041 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การพัฒนาแรงงานให้ก้าวสู่เศรษฐกิจฐานความรู้ | สสป | 06/02/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การพัฒนาแรงงานให้ก้าวสู่เศรษฐกิจ ฐานความรู้ อาทิ ควรมีการวางกลไกและมาตรการในการยกระดับความรู้ของกลุ่มเกษตรกร และผู้ด้อยโอกาส ให้ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปี อย่างทั่วถึง และต้องรู้ภาษาภาคบังคับอย่างน้อย 2 ภาษา และเพิ่มโอกาส ทางการศึกษาให้กับบุคลากรที่อยู่ในตลาดแรงงาน รวมไปถึงแรงงานผู้ด้อยโอกาส จัดระบบให้มีการเทียบโอน ประสบการณ์จากการปฏิบัติงานในโรงงานเข้าในหลักสูตรอุดมศึกษาและจัดการศึกษานอกระบบให้กับแรงงาน จัดทำแผนความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมกับภาคการศึกษาในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ กำหนดหลัก สูตรระหว่างทฤษฎีและการปฏิบัติเพื่อให้เกิดความสมดุลทั้งระบบ มีความทันสมัย สามารถรองรับการแข่งขัน ของภาคอุตสาหกรรมในอนาคต และควรเตรียมความพร้อมด้านแรงงานไทยทั้งที่อยู่ในระบบการศึกษาและใน ตลาดแรงงานโดยเพิ่มโอกาสของการไปทำงานในต่างประเทศในฐานะแรงงานฝีมือเพื่อให้ได้ค่าตอบแทนสูงและ มีคุณภาพชีวิตในการทำงานที่ดี รวมทั้งสร้างระบบฐานข้อมูลข่าวสารที่ทันสมัย โดยครอบคลุมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ด้านอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) ของแรงงานและการพัฒนาฝีมือแรงงาน การเข้าถึงและการใช้ ข้อมูลต้องเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งปรับบทบาทของศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานเป็น ศูนย์พัฒนาความรู้ หรือศูนย์เพิ่มทักษะแรงงาน โดยมุ่งพัฒนาและเสริมสร้างทักษะให้แก่แรงงานโดยใช้หลักการ ด้านมาตรฐานฝีมือแรงงานเป็นแนวทางในการพัฒนากำลังแรงงานทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน ตลอดจน เป็นหน่วยงานสนับสนุนทางวิชาการด้านมาตรฐานฝีมือแรงงานในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบ เป็นต้น และรับ ทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2042 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่องแนวทางการพัฒนาระบบเตือนภัย เผชิญภัย และหลบภัย กรณีธรณีพิบัติภัยสึนามิ | สสป | 23/01/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง แนวทางการพัฒนาระบบเตือนภัย เผชิญภัย และหลบภัย กรณี ธรณีพิบัติภัยสึนามิ โดยให้ติดตั้งหอเตือนภัย และปรับปรุงป้ายเตือนภัย ป้ายหนีภัย ให้ครอบคลุมพื้นที่ที่ประสบ ภัย พร้อมทั้งเชื่อมต่อระบบเตือนภัยกับศูนย์เตือนภัยของชุมชนและเอกชน และสนับสนุนการพัฒนาระบบวิทยุ เตือนภัยทางทะเล วิทยุชุมชน และหอกระจายข่าวชุมชน จัดทำแผนป้องกันภัยในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัดและระดับชาติ และให้มีการฝึกซ้อมแผนอย่างสม่ำเสมอ และร่วมกับชุมชนจัดให้มีอุปกรณ์เผชิญภัย อาหาร ยารักษาโรค สำหรับการอพยพหลบภัย และสร้างหอหลบภัยให้คนที่อยู่ห่างไกลจากจุดสูงที่ปลอดภัยจากสึนามิ หรือจัดให้มีอาคารราชการ หรือสาธารณะในชุมชน เช่น ดาดฟ้าโรงเรียน ตึกอเนกประสงค์ในหมู่บ้าน เป็นสถาน ที่หลบภัย นอกจากนี้ จัดทำแนวกันคลื่น โดยฟื้นฟูแนวกันคลื่นธรรมชาติ เช่น ป่าชายเลน ป่าชายหาด แนวปะกา รังเทียม และการสร้างสันดอนกันคลื่นใต้ทะเลในบางพื้นที่ที่ไม่มีผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ทะเล ตลอดจนจัดให้ มีหลักสูตรว่าด้วยภัยพิบัติธรรมชาติสอนในสถานศึกษาและให้มีการฝึกปฏิบัติสำหรับการเผชิญภัย เป็นต้น และ รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าว ของกระทรวง มหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2043 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่องการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบอุทกภัย | สสป | 23/01/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบอุทกภัย โดยให้ภาครัฐจัดให้มี ศูนย์กลางประสานงานหน่วยรับบริจาคและกระจายสิ่งของต่าง ๆ แก่ผู้ประสบภัยในส่วนกลางและจังหวัด และ เร่งสำรวจพื้นที่และผลผลิตทางการเกษตรที่ได้รับความเสียหายและความเสียหายอื่น ๆ รวมทั้งความต้องการ การช่วยเหลือที่แท้จริงของเกษตรกรและมาตรการเยียวยาที่เหมาะสม และประกาศพื้นที่ประสบอุทกภัยให้ชัด เจนตามระดับความรุนแรงของปัญหา นอกจากนี้ ให้มีการผ่อนผันการชำระหนี้และพิจารณาปลอด และ/หรือ ลดดอกเบี้ยในอัตราที่เหมาะสมแก่ผู้ประสบอุทกภัย เข้าฟื้นฟูอาชีพ โดยสนับสนุนเงินทุนในการปรับปรุงพื้นที่ การเกษตร ปัจจัยการผลิต และเงินลงทุนในการดำเนินการแก่เกษตรกรที่ประสบอุทกภัย จัดให้มีการฟื้นฟู สภาพจิตใจและสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ประสบภัย และวางแผนเพื่อป้องกันการเกิดอุทกภัยในระยะยาวอย่าง บูรณาการ เป็นต้น และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอ แนะดังกล่าว ของกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2044 | การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากบริการโทรคมนาคม | ทก | 23/01/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ที่มีมติเห็น
ควรยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2546 (เรื่อง การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตกิจการโทรคมนาคม) เฉพาะประเด็นการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตที่ให้คู่สัญญาภาคเอกชนนำค่าภาษีสรรพสามิตไปหักออกจากส่วนบาง รายได้ที่คู่สัญญาภาคเอกชนต้องนำส่งให้คู่สัญญาภาครัฐ รวมทั้งยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2546 (เรื่อง การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากบริการโทรคมนาคม) ที่เห็นชอบแนวทางการดำเนินการเพื่อหักค่า ภาษีสรรพสามิตออกจากส่วนแบ่งรายได้ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ และมอบให้ กระทรวงการคลังพิจารณากำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บจากบริการกิจการโทรคมนาคมในอัตราร้อยละ ศูนย์ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการรับเรื่องนี้ไปพิจารณาประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับการทำสัญญา ระหว่างคู่สัญญาภาครัฐกับคู่สัญญาภาคเอกชนว่า เป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดในพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้ เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 หรือไม่ อย่างไร และเสนอแนะแนวทางดำเนิน การในเรื่องดังกล่าวแล้วให้นำผลการพิจารณาและข้อเสนอแนะ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป กับอนุมัติตาม ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ ฯ เสนอขอแก้ไขหนังสือกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสาร ที่ ทก 0200.11(ปคร.)/6659 ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2549 หน้า 2 ข้อ 2.2 โดยให้ตัดข้อความว่า "จึงไม่ สอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมาย" ออก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2045 | ผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ จำนวน 13 ฉบับ | นร | 09/01/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ ให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติมา
พิจารณาก่อนรับหลักการ จำนวน 13 ฉบับ ไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติภายในกำหนดเวลา พร้อมทั้งสรุปข้อ สังเกตของคณะรัฐมนตรีประกอบตามข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ข้อ 111 ด้วย และรับทราบผล การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ โดยมีข้อสังเกตดังนี้ คณะ รัฐมนตรีจะได้เสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาพร้อมกับร่างที่สมาชิกสภานิติบัญญัติ แห่งชาติเสนอด้วย รวม 7 ฉบับ คือ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติจัดที่ ดินเพื่อการครองชีพ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐ วิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติสุสานและฌาปนสถาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติ การซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติเรือนจำทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติ ยา พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. .... และอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกา จึงให้นำประเด็นการคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค ที่ชนชาวไทยเคยได้รับความคุ้มครองตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามร่างที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ไปประกอบการพิจารณาด้วย สำหรับกรณี ร่างพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เห็นว่า การกำกับดูแลและควบคุมการกีฬาและ การแข่งขันกีฬาในนามทีมชาติไทยยังมีความจำเป็นต่อการจัดระเบียบตลอดจนการส่งเสริมและสนับสนุนการกีฬา ของชาติ การยกเลิกบทบัญญัติเรื่องการควบคุมหากไม่มีมาตรการรองรับที่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดปัญหาได้ จึง มอบให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับไปพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน โดยคงอำนาจให้รัฐสามารถควบ คุมการกีฬาและการแข่งขันกีฬาในนามทีมชาติไทย หรือประเทศไทยไว้แต่มิให้มีลักษณะเป็นการจำกัดเสรีภาพของ ประชาชนเกินความจำเป็น และกรณีร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เนื่อง จากอาจมีผลกระทบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน จึงมอบให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสารรับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน สำหรับร่างพระราชบัญญัติยกเลิก กฎหมายบางฉบับที่ไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งมีหลักการยกเลิกพระราชบัญญัติวัฒน ธรรมแห่งชาติ พุทธศักราช 2485 และร่างพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2486 โดยที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม เสนอ และอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จึงให้เพิ่มเติมความในบทเฉพาะ กาลของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว เพื่อกำหนดให้มีการตราพระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศ ตามพระราชบัญญัติฉบับใหม่ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่พระราชบัญญัติใช้บังคับด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2046 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2548 เรื่อง การปรับปรุงกระบวนการพิจารณาอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ | อก | 03/01/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอดังนี้ รับทราบการกำหนดแบบพิมพ์การแจ้งผลการ
พิจารณาคำขอประทานบัตรเหมืองแร่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และเห็นชอบแนวทางการดำเนิน การ กรณีความเห็นของท้องถิ่นและหน่วยงานของรัฐไม่สอดคล้องกันในการดำเนินโครงการพัฒนาต่าง ๆ ดังนี้ กรณี อปท. มีความเห็นแย้งก่อนที่โครงการจะได้รับอนุญาต โดยเห็นควรให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ ระดับจังหวัด เป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นแก่หน่วยงานผู้อนุญาต โดยมีอำนาจหน้าที่รวบรวมความเห็นของผู้ที่ เกี่ยวข้องและผลการพิจารณาของคณะกรรมการเสนอหน่วยงานผู้อนุญาตใช้ประกอบการพิจารณาอนุญาตโครง การ กำหนดกรอบระยะเวลาการพิจารณาไม่เกิน 60 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่มีการจัดตั้งคณะกรรมการแล้ว เสร็จ และกรณีที่ อปท. มีความเห็นแย้งภายหลังโครงการได้รับอนุญาตแล้ว โดยเห็นว่า ไม่ควรให้มีการดำเนิน งานโครงการพัฒนาที่ได้รับอนุญาตโดยถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบมาก่อนแล้วไม่ว่าเจ้าของโครงการจะได้ ดำเนินโครงการแล้วหรือไม่ก็ตาม ให้หน่วยงานผู้อนุญาตตรวจสอบข้อเท็จจริงตามเหตุผลที่ อปท. คัดค้านการ ดำเนินโครงการ และพิจารณาตัดสินตามข้อเท็จจริงและตามหลักฐานที่ปรากฏ ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ว่า การกำหนดแบบพิมพ์การแจ้งผลการพิจารณาคำขอประทานบัตรเหมืองแร่ของ อปท. นั้น ความเห็นจะต้อง ชัดเจนว่าขัดข้องหรือไม่ขัดข้องอย่างไรในการอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ และในการดำเนินการตามขั้นตอน และระยะเวลาการพิจารณาของแต่ละหน่วยงานที่กำหนด เอกสารที่ผู้ยื่นขออนุญาตจัดส่งให้หน่วยงานพิจารณา ต้องครบถ้วนสมบูรณ์ตามระเบียบที่แต่ละหน่วยงานกำหนด รวมทั้งการขอใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ และ 1 บี ตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นพื้นที่ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อกิจกรรม การทำเหมืองแร่ ต้องเสนอขอรับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเป็นราย ๆ ไป โดยกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมจะพิจารณาให้ความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวข้อง แล้ว นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2047 | การเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 | นร | 12/12/2549 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอผลการพิจารณาการเพิ่มและเปลี่ยนแปลง
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 และให้นำเสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 เพื่อพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2048 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่องการติดตามและประเมินผลการปฏิรูปการศึกษาตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐและพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ | สสป | 14/11/2549 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การติดตามและประเมินผลการปฏิรูปการศึกษาตามแนวนโยบาย พื้นฐานแห่งรัฐและพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งมีข้อเสนอแนะดังนี้ ด้านการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและ คุณภาพการเรียนการสอน รัฐต้องเร่งพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โดยลงทุนด้านการพัฒนานวัตกรรมการ จัดการเรียนการสอนในรูปแบบต่าง ๆ ด้านการพัฒนาคุณภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา รัฐควรสร้างแรงจูง ใจให้ผู้มีความรู้ความสามารถเข้าสู่วิชาชีพครู และเร่งพัฒนาคุณภาพครู โดยการจัดระบบพัฒนาคุณภาพครูให้ชัด เจน ด้านการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาอย่างมีนัยสำคัญ รัฐควรพิจารณาอย่างจริงจังในด้านการส่งเสริมและ ผลักดันให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของภาคส่วนต่างๆ ด้านการจัดการศึกษาในระบบ นอก ระบบการศึกษาตามอัธยาศัย และการเรียนรู้ตลอดชีวิต รัฐต้องให้ความสำคัญและให้การสนับสนุนการศึกษาทุก ระบบ เพื่อให้เกิดความเสมอภาคในด้านโอกาสทางการศึกษา และในด้านคุณภาพการศึกษา ด้านการกระจาย โอกาสทางการศึกษา รัฐต้องทบทวนการอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการศึกษาขั้นพื้นฐานให้เพียงพอ เพื่อไม่ให้มีการจัด เก็บค่าเล่าเรียนหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มขึ้น และกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการสนับสนุน ดูแลคุณภาพและความ พร้อมของโรงเรียนขนาดเล็กเพื่อให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพโดยเท่าเทียมกัน ด้านการจัดการศึกษา สำหรับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา รัฐควรปรับปรุงนโยบายและวิธีการวางแผนการผลิตกำลังคนสายอาชีพระดับ กลางอย่างมีคุณภาพ รวมทั้งปรับปรุงคุณภาพการจัดการศึกษาระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาให้สอดคล้องกับ ความต้องการของตลาดแรงงาน ด้านการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษกลุ่มต่าง ๆ รัฐควรเร่งปรับปรุงคุณภาพของการ ศึกษาในทุก ๆ ด้านให้เหมาะสมสำหรับเด็กพิเศษกลุ่มต่าง ๆ อย่างจริงจัง ด้านการกระจายอำนาจทางการศึกษา ไปยังสถานศึกษา รัฐควรเร่งกระจายอำนาจด้านการบริหารงบประมาณ การบริหารบุคคลแก่สถานศึกษา ตลอด จนเตรียมความพร้อมของสถานศึกษาด้วยการจัดให้มีหน่วยงานที่ดูแลในช่วงการเปลี่ยนผ่านโดยเฉพาะการศึกษา ที่ยังไม่มีความพร้อม และด้านการกระจายอำนาจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รัฐควรคำนึงถึงความ พร้อมของหน่วยงานเหล่านี้อย่างรอบคอบและเป็นขั้นตอน และเร่งส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่าง อปท. และสถาน ศึกษา โดยกำหนดสัดส่วนของงบประมาณที่ทุก อปท. ต้องจัดสรรเพื่อสนับสนุนสถานศึกษาที่อยู่ในเขตพื้นที่ของ ตนให้ชัดเจน ไม่ว่าจะมีการถ่ายโอนหรือไม่ก็ตาม เป็นต้น และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการ ดำเนินการของกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2049 | การพิจารณาทบทวนอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2549 | รง | 31/10/2549 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานผลการพิจารณาทบทวนอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
ปี 2549 ของคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 16 โดยนำข้อมูลตามหลักเกณฑ์ที่ได้กำหนดในพระราชบัญญัติคุ้มครอง แรงงาน พ.ศ. 2541 มาพิจารณาและความเห็นของคณะอนุกรรมการผู้แทนนายจ้าง ลูกจ้าง และผู้แทนภาครัฐ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และมีมติให้ปรับปรุงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2549 ใหม่ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2550 ตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 7) ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2549
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2050 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อปรับกลยุทธ์และรองรับการเปลี่ยนแปลง (27,200 ล้านบาท) | นร | 29/08/2549 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามรับทราบและอนุมัติตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ประธานคณะกรรมการ
พิจารณาค่าใช้จ่ายเพื่อปรับกลยุทธ์และรองรับการเปลี่ยนแปลง (27,200 ล้านบาท) เสนอผลการพิจารณาของ คณะกรรมการ ฯ ในการพิจารณากลั่นกรองแผนงาน/โครงการของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เสนอขอรับการสนับสนุน งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อปรับกลยุทธ์และรองรับการเปลี่ยนแปลง (27,200 ล้านบาท) โดยคณะกรรม การ ฯ เห็นควรสนับสนุนแผนงาน/โครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนา แหล่งน้ำและบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด วงเงิน 83,107,000 บาท และโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (30 บาท ช่วยคนไทยห่างไกลโรค) สำนักงานหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข วงเงิน 5,000,000,000 บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2051 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการใช้งบประมาณโครงการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม | นร | 08/08/2549 | ||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นเกี่ยวกับรายงานผลการพิจารณาเปลี่ยนแปลงรายการใช้งบประมาณโครงการจัดการคุณภาพสิ่งแวด ล้อม ในการประชุมครั้งที่ 3/2549 เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2549 ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการ ฯ มีมติอนุมัติให้ใช้งบ ประมาณปี พ.ศ. 2548 จำนวน 28,800,000 บาท ไปดำเนินโครงการบำบัดน้ำเสียแบบบึงประดิษฐ์ตามที่สำนัก งานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เสนอ โดยให้จัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นตามที่ได้กำหนดไว้ และให้เทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์รับไปพิจารณาปรับเปลี่ยนโครงการก่อ สร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอยให้อยู่ภายในวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติให้ผูกพันในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 - 2550 โดยประสานการปฏิบัติงานกับ สผ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2052 | ผลความคืบหน้าการดำเนินการ และกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ | นร | 20/06/2549 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) ประธานกรรมการอำนวย
การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ รายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการ และกรอบวงเงินค่าใช้ จ่ายในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคเหนือ โดยมีผลการดำเนินการ ดังนี้ ความคืบหน้าในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในลักษณะเร่งด่วนเฉพาะหน้า สำนักงานปลัดสำนักนายก รัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกมล สุขสมบูรณ์ และนายปราโมช รัฐวินิจ) เดินทางไปจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ สุโขทัย และแพร่ โดยจ่ายเงินช่วยเหลือให้ กับผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ รวมเป็นเงินช่วยเหลือทั้งสิ้น 3,811,000 บาท นอกจากนี้ กรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย ได้จ่ายเงินช่วยเหลือให้กับผู้ประสบอุทกภัยในส่วนของค่าจัดการศพ ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ช่วยเหลือ ด้านที่อยู่อาศัย ค่าเครื่องมือ/ทุนประกอบอาชีพ ค่าเครื่องนุ่งห่ม ค่าอาหารจัดเลี้ยงและอื่น ๆ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 52,673,523 บาท รวมทั้งจ่ายเงินช่วยเหลือด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการปฏิบัติงานให้ความ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย และแพร่ เป็นเงิน 22,672,089 บาท สำหรับการดำเนินการ ของคณะกรรมการอำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการแต่ ละชุดไปตรวจสอบสภาพความเสียหายในพื้นที่และพิจารณากลั่นกรองแผนงาน/โครงการและงบประมาณในการ ให้ความช่วยเหลือ และได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองแผนงาน/โครงการ งบประมาณและติดตามประเมิน ผลการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองแผนงาน/โครงการและงบ ประมาณในการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งคณะอนุกรรมการ ฯ ได้มีการประชุมครั้งที่ 1/2549 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2549 เพื่อพิจารณาหลักเกณฑ์ และกลั่นกรองแผนงาน/โครงการ และงบประมาณที่จะใช้ในการดำเนินการ โดย คณะอนุกรรมการชุดต่าง ๆ ได้เสนอขอปรับลด/เพิ่มเติมวงเงินงบประมาณแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ตามที่ได้มี การสำรวจความเสียหายในพื้นที่หลายหน่วยงาน และจะนำผลการพิจารณาดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรม การ ฯ พิจารณากลั่นกรองอีกครั้งหนึ่ง ในวันที่ 21 มิถุนายน 2549
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2053 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับนโยบายการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการรักษาของสถานพยาบาลของรัฐในด้านสิทธิมนุษยชน | สสป | 20/06/2549 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับนโยบายการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผล กระทบจากการรักษาของสถานพยาบาลของรัฐในด้านสิทธิมนุษยชน และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงสาธารณสุข โดยในส่วนของสภาที่ปรึกษา ฯ มีข้อเสนอแนะในเรื่องดังกล่าว ดังนี้ ขอให้กำหนดเป็นนโยบายในการดำเนินคดีแพ่งของกระทรวง ทบวง กรม ให้กระทรวงสามารถใช้ดุลยพินิจ ยุติคดีหรืออุทธรณ์คดีเมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วได้ โดยนอกจากจะพิจารณาผลประโยชน์ของทางราชการ แล้ว ให้คำนึงถึงความจำเป็นเดือดร้อนของประชาชนประกอบกันด้วย และให้กระทรวงสาธารณสุขแก้ไขปัญหา เร่งด่วนเฉพาะหน้า กรณีเด็กชายชนายุทธ ปะตังถาเน หรือ "น้องเต๋า" ซึ่งได้รับผลเสียหายจากการรักษาทำ ให้เกิดความพิการ สมองไม่ทำงาน แขน ขา มือเท้า เกร็งงอตลอดเวลาช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ โดยให้กระทรวง สาธารณสุขเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ยุติคดีดังกล่าวและจ่ายค่าชดใช้ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2054 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การจัดระบบการจ้างแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง สัญชาติ พม่า ลาว และกัมพูชา | สสป | 06/06/2549 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การจัดระบบการจ้างแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง สัญชาติ พม่า ลาว และกัมพูชา และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของคณะกรรมการบริหารแรงงาน ต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง โดยในส่วนของข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ ซึ่งเห็นควรพิจารณาทบทวนมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2548 โดยกำหนดให้มีเวลาการเตรียมความพร้อมอีกอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อเปิด โอกาสให้นายจ้างที่ไม่มีโควตาการใช้แรงงานต่างด้าว และประสงค์จะขอโควตาดังกล่าวได้มีช่วงเวลาขอโควตาจาก กระทรวงแรงงาน เพื่อให้นายจ้างได้นำแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีบัตรประจำตัว ท.ร. 38/1 มาขึ้นทะเบียนและขอทำ บัตรประจำตัวให้ถูกต้อง และเพื่อให้นายจ้างที่มีแรงงานต่างด้าวซึ่งขึ้นทะเบียนและมีบัตรประจำตัว ท.ร. 38/1 อยู่แล้ว แต่ได้มีการเปลี่ยนนายจ้างได้มีโอกาสนำแรงงานดังกล่าวมาขึ้นทะเบียนใหม่ให้ถูกต้อง เป็นต้น รวมทั้ง ควรกำหนดให้มีผู้แทนจากภาคเอกชนในจำนวนที่เหมาะสมร่วมเป็นกรรมการของคณะกรรมการบริหารแรงงาน ต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง (กบร.) และพิจารณาแต่งตั้ง กบร. ในระดับอำเภอ โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและ เอกชนร่วมเป็นกรรมการเพื่อให้การบริหารแรงงานต่างด้าวมีประสิทธิภาพและมีส่วนร่วมจากภาคเอกชนมากขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2055 | รายงานผลการพิจารณาการใช้อาร์เอฟไอดี (RFID) กับบัตรประจำตัวประชาชนแบบเอนกประสงค์ (Smart Card) | ทก | 30/05/2549 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายงานผลการ
พิจารณาการใช้อาร์เอฟไอดี Radio Frequency Identification : RFID กับบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนก ประสงค์ (Smart Card) โดยที่ประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาการใช้ RFID ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2549 ได้พิจารณาเห็นควรดำเนินการจัดซื้อบัตรประจำตัวประชา ชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) ในงวดต่อไปจำนวน 13 ล้านบัตรในปี พ.ศ. 2549 และอีก 26 ล้าน บัตรในปี พ.ศ. 2550 สำหรับประเด็นที่ให้มีการจัดตั้งคณะทำงานศึกษาลักษณะบริการภาครัฐที่เหมาะสม ต่อการใช้งานเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดี และดำเนินเป็นโครงการนำร่องก่อนใช้งานทั่วไป นั้น จะได้พิจารณา ดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2056 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การเจรจาจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ระหว่างประเทศไทยกับประเทศสหรัฐอเมริกา | พณ | 23/05/2549 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ประธานกรรมการ
กำหนดยุทธศาสตร์และแนวทางการเจรจาจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรีเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และ ผลการดำเนินการของคณะกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์และแนวทางการเจรจาจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรี ที่ได้ประชุมเพื่อพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับความเห็น และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การเจรจาจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ระหว่างประเทศไทยกับประเทศสหรัฐอเมริกา โดยที่ประชุมมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของ สภาที่ปรึกษา ฯ พร้อมทั้งเห็นร่วมกันว่า ข้อเสนอแนะหลายประเด็นที่สภาที่ปรึกษา ฯ เสนอเป็นข้อเสนอแนะที่มี ประโยชน์ ซึ่งอาจนำไปปรับใช้ตามความเหมาะสมต่อไป อาทิเช่น ในการทำความตกลงการค้ากับประเทศใดก็ ตาม ให้รัฐบาลแจ้งกรอบการเจรจาต่อรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบหรือให้รัฐสภารับทราบก่อนการเจราไม่น้อย กว่า 6 เดือน เพื่อให้มีความโปร่งใส และให้รัฐสภาศึกษา ติดตาม และตรวจสอบ และหลังการเจรจาเสร็จสิ้นลงให้ รัฐบาลส่งสัญญาฉบับสมบูรณ์ของความตกลงเขตการค้าเสรีให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนลงนามและ มีผลบังคับใช้ โดยมีระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน เพื่อให้รัฐสภาและภาคประชาชนได้ศึกษา วิเคราะห์ จัดเวที สาธารณะ และทำความเข้าใจกับเนื้อหาสาระของสัญญา และให้รัฐสภามีอำนาจในการแก้ไขข้อตกลงต่าง ๆ ให้ เป็นไปตามกรอบการเจรจาที่รัฐบาลได้ขอความเห็นชอบจากรัฐสภา นอกจากนี้ ประเด็นการเจรจาต้องอยู่บน พื้นฐานของความเสมอภาคเท่าเทียมกันในอธิปไตยแห่งชาติ โดยให้ได้ผลประโยชน์สุทธิตกอยู่กับประชาชนส่วน ใหญ่ของประเทศโดยรวม เป็นต้น ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการ ฯ ติดตามผลการดำเนินงานการเจรจาจัดทำความ ตกลงดังกล่าวเพื่อรายงานให้สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติอย่างเป็นระบบ และต่อเนื่อง และเสนอ คณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2057 | การจัดหารถประจำตำแหน่งผู้บริหารขององค์กรอิสระ | นร | 23/05/2549 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอผลการพิจารณาร่วมกันของสำนักงบประมาณ
กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะ กรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ในการหารือแนวทางการจัดหารถประจำตำแหน่งผู้บริหารขององค์กรอิสระ ซึ่งที่ ประชุมพิจารณาแล้วเห็นควรให้นำวิธีการเช่ามาประกอบการพิจารณาการจัดหารถประจำตำแหน่งของผู้บริหาร องค์กรอิสระและขอความร่วมมือไปยังองค์กรอิสระให้นำวิธีการเช่ามาประกอบการพิจารณาการจัดหารถประจำ ตำแหน่งผู้บริหารองค์กรอิสระ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2058 | การปรับปรุงอัตรานิตยภัตฉบับใหม่ ปีงบประมาณ 2549 | พศ | 23/05/2549 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอการปรับปรุงอัตรานิตย
ภัตฉบับใหม่ ตามผลการพิจารณาของผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกิตติ ลิ่มสกุล) ร่วม กับผู้แทนส่วนราชการต่าง ๆ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2548 โดยการปรับเพิ่มอัตรานิตยภัตในแต่ละตำแหน่ง ให้ใช้เกณฑ์การวัดระดับการครองชีพของประชากรจากดัชนีราคาผู้บริโภค ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537-พ.ศ. 2547 ของกระทรวงพาณิชย์ ยกเว้นตำแหน่งพระอธิการ (เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ที่ไม่ได้เป็นพระครูสัญญาบัตร) ให้ ปรับฐานอัตรานิตยภัตจากเดิม 500 บาท/รูป/เดือน เป็น 1,000 บาท/รูป/เดือน ก่อน จึงปรับเพิ่มโดยใช้ เกณฑ์การวัดระดับการครองชีพฯ เป็น 1,500 บาท/รูป/เดือน ส่วนตำแหน่งเลขานุการเจ้าคณะตำบลอัตรา นิตยภัตเดิม 500 บาท/รูป/เดือน ให้ปรับเพิ่มเป็น 1,000 บาท/รูป/เดือน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2549 เป็นต้นไป สำหรับการขอปรับเปลี่ยนเบี้ยกันดารเป็นนิตยภัตเพิ่มพิเศษอีก 500 บาท/รูป/เดือน ให้ ปรับเปลี่ยนเฉพาะในพื้นที่ดังต่อไปนี้ (1) อำเภอแม่ลาน้อย อำเภอขุนยวม อำเภอบางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่อง สอน (2) ทุกอำเภอในจังหวัดยะลา (3) ทุกอำเภอในจังหวัดปัตตานี (4) ทุกอำเภอในจังหวัดนราธิวาส และ (5) ทุกอำเภอในจังหวัดสตูล ทั้งนี้ มีข้อสังเกตด้วยว่า การปรับปรุงอัตรานิตยภัตไม่ควรยึดโยงกับระดับการ ครองชีพของประชากร และอัตราภาวะเงินเฟ้อ สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงอัตรา นิตยภัต ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติขอตั้งงบประมาณประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็น ของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2059 | ขออนุมัติขยายวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการก่อสร้างทางพิเศษสายบางพลี - สุขสวัสดิ์ ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | กค | 02/05/2549 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการพิจารณาแนวทางและความเหมาะ
สมเป็นไปได้ในการนำเอาระบบภาษีแบบ windfall profit มาใช้กรณีที่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้รับประโยชน์จาก มูลค่าของที่ดินนั้นเพิ่มสูงขึ้นอันเป็นผลจากการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของรัฐ โดยเห็นว่าการนำเอาระบบภาษี แบบ windfall profit tax มาใช้กับที่ดินเมื่อมีการซื้อขายแลกเปลี่ยน และหามูลค่าเพิ่มหรือกำไรจากที่ดินที่เพิ่ม สูงขึ้นในขณะนี้ยังไม่เหมาะสม และระบบภาษีของประเทศไทยในปัจจุบันเจ้าของทรัพย์สินมีหน้าที่ต้องเสียภาษี ใน 2 กรณี คือ ภาษีที่เกิดจากการถือครองทรัพย์สิน (Tax on Holding) ได้แก่ ภาษีโรงเรือนและภาษีบำรุงท้อง ที่ และภาษีที่เกิดจากการจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สิน (Tax on Transfer) ได้แก่ ภาษีเงินได้ ภาษีธุรกิจเฉพาะ อากรแสตมป์ และค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในระบบภาษีที่สมบูรณ์ ภาษีทั้งสองกรณีจะทำ หน้าที่ในการจัดเก็บประโยชน์หรือมูลค่าเพิ่มของทรัพย์สินทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดการลงทุนสาธารณะหรือ ปัจจัยอื่น ๆ อยู่แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2060 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับ "แนวทางการปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายลิขสิทธิ์เพื่อประชาชน" | พณ | 04/04/2549 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับ "แนวทางการปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายลิขสิทธิ์เพื่อประชาชน" และความ เห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์ อาทิเช่น การสร้างระบบการจัดเก็บค่าลิข สิทธิ์และเพิ่มบทบัญญัติในร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยการจัดตั้งองค์กรกลางเพื่อทำ หน้าที่ดูแลการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกลาง และปรับปรุงบทกำหนดโทษ ในพระราชบัญญัติ ฯ โดยนำโทษทางอาญา เฉพาะโทษปรับมาใช้กับการกระทำละเมิด เว้นแต่การละเมิดลิข สิทธิ์ในเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่จะนำโทษจำคุกมาใช้รวมทั้งกำหนดอัตราโทษตามความหนักเบาของพฤติการณ์ ความร้ายแรงของการละเมิดโดยแบ่งฐานความผิดออกเป็น 3 ระดับคือ ความผิดทั่วไปความผิดเพื่อการค้าขนาด เล็กและความผิดเพื่อการค้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ และกำหนดโทษจำคุกเฉพาะการละเมิดลิขสิทธิ์ในเชิงพาณิชย์ ขนาดใหญ่เท่านั้น นอกจากนี้ จะดำเนินการให้มีการทบทวนกฎหมายลิขสิทธิ์อย่างสม่ำเสมอเป็นระยะ ๆ เพื่อ ให้กฎหมายทันต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสังคมและเศรษฐกิจของโลกสอดคล้องกับกฎเกณฑ์ระหว่าง ประเทศ และเหมาะสมกับสภาพสังคมไทยในขณะนั้น เป็นต้น
|
.....