ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 108 จากทั้งหมด 138 หน้า แสดงรายการที่ 2141 - 2160 จากข้อมูลทั้งหมด 2746 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2141 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง ปัญหาในอุตสาหกรรมอาหารและการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มศักยภาพอย่างครบวงจร | นร | 09/11/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (ฝ่ายสังคม
วิจัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) ที่มีมติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศเสนอความเห็น และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง ปัญหาในอุตสาหกรรมอาหารและการใช้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มศักยภาพอย่างครบวงจร โดยเห็นชอบการจัดทำรายงานผลการดำเนินงาน หรือผลการพิจารณาของกระทรวงวิทยาศาสต์และเทคโนโลยีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อความเห็นและข้อเสนอ แนะ ฯ ดังกล่าว แล้วให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ซึ่งในเรื่องนี้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ เผยแพร่ความเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าวทางเว็บไซต์ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว |
||||||||||||||||||
2142 | แผนงานพัฒนาระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลและบริการภาครัฐเพื่อการนำเข้า การส่งออก และโลจิสติกส์ | นร | 09/11/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ เห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติเสนอเป้าหมายและยุทธศาสตร์การยกระดับโลจิสติกส์ไทยเพื่อพัฒนาสู่ระบบที่มีประสิทธิ ภาพ และได้มาตรฐานสากล และให้ส่วนราชการต่าง ๆ รับไปจัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานต่าง ๆ (roadmap) ที่เกี่ยวข้องตามเป้าหมายและยุทธศาสตร์ ฯ โดยให้มีข้อมูลรายละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับลำดับกิจ กรรม ระยะเวลาการดำเนินงาน งบประมาณค่าใช้จ่ายที่จะใช้ในแต่ละปี รวมตลอดถึงการแก้ไขปรับปรุงกฎ ระเบียบ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ ภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติบูรณาการข้อมูลดังกล่าวให้เป็นระบบ ชัดเจน โดยให้นำความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยว ข้อง อาทิ ไปประกอบการดำเนินการด้วย แล้วนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน ของประเทศพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของข้อมูลการแก้ไขปรับปรุงกฎ ระเบียบ และข้อกฎหมาย ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวบรวมข้อมูลทั้งหมด ให้คณะอนุกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันเพื่อการพัฒนาประเทศ (นาย สุวรรณ วลัยเสถียร) ประธานอนุกรรมการ ฯ รับไปพิจารณาดำเนินการ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ต่อไป และเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอแผนงานพัฒนา ระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลและบริการภาครัฐ เพื่อการนำเข้า การส่งออกและโลจิสติกส์ โดยให้ชะลอ เรื่องนี้ไว้ก่อน เพื่อรอผลการพิจารณาปรับปรุงกฎ ระเบียบ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องของสำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อนำมาทบทวนและปรับปรุงการดำเนินการในเรื่องดัง กล่าวให้สอดคล้องเหมาะสม แล้วนำเสนคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||
2143 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ของเอกชนตามคำสั่ง ปร. 37 ในความควบคุมของกระทรวงกลาโหม | กห | 09/11/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับผลการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาการส่งออกไปนอกราชอาณา
จักร ซึ่งผลิตภัณฑ์ของเอกชนตามคำสั่ง ปร.37 ในความควบคุมของกระทรวงกลาโหม กรณีให้ความเห็นชอบให้ บริษัท พี.วี.เอ็กซโพลซิฟ (ไทยแลนด์) จำกัด ขายและขนย้ายเชื้อปะทุชนิดไฟฟ้า จำนวน 90,000 ดอก ให้แก่ บริษัท TENAGA KIMIA BERHAD โดยการส่งออกไปยังประเทศมาเลเซีย โดยให้กระทรวงกลาโหม (คณะกรรม การพิจารณาการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ของเอกชนตามคำสั่ง ปร.37) รับเรื่องนี้ไปพิจารณา ทบทวนอีกครั้งหนึ่ง โดยเห็นควรให้ระงับการขายและขนย้ายเชื้อปะทุชนิดไฟฟ้าในกรณีดังกล่าว |
||||||||||||||||||
2144 | การจัดระบบโลจิสติกส์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย | นร | 09/11/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ เห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติเสนอเป้าหมายและยุทธศาสตร์การยกระดับโลจิสติกส์ไทยเพื่อพัฒนาสู่ระบบที่มีประสิทธิ ภาพ และได้มาตรฐานสากล และให้ส่วนราชการต่าง ๆ รับไปจัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานต่าง ๆ (roadmap) ที่เกี่ยวข้องตามเป้าหมายและยุทธศาสตร์ ฯ โดยให้มีข้อมูลรายละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับลำดับกิจ กรรม ระยะเวลาการดำเนินงาน งบประมาณค่าใช้จ่ายที่จะใช้ในแต่ละปี รวมตลอดถึงการแก้ไขปรับปรุงกฎ ระเบียบ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ ภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติบูรณาการข้อมูลดังกล่าวให้เป็นระบบ ชัดเจน โดยให้นำความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยว ข้อง อาทิ ไปประกอบการดำเนินการด้วย แล้วนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน ของประเทศพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของข้อมูลการแก้ไขปรับปรุงกฎ ระเบียบ และข้อกฎหมาย ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวบรวมข้อมูลทั้งหมด ให้คณะอนุกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันเพื่อการพัฒนาประเทศ (นาย สุวรรณ วลัยเสถียร) ประธานอนุกรรมการ ฯ รับไปพิจารณาดำเนินการ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ต่อไป และเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอแผนงานพัฒนา ระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลและบริการภาครัฐ เพื่อการนำเข้า การส่งออกและโลจิสติกส์ โดยให้ชะลอ เรื่องนี้ไว้ก่อน เพื่อรอผลการพิจารณาปรับปรุงกฎ ระเบียบ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องของสำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อนำมาทบทวนและปรับปรุงการดำเนินการในเรื่องดัง กล่าวให้สอดคล้องเหมาะสม แล้วนำเสนคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||
2145 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง โครงสร้างของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย | นร | 02/11/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (ฝ่าย
การต่างประเทศ วัฒนธรรม ท่องเที่ยวและกีฬา) ที่มีมติเกี่ยวกับความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง โครงสร้างของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ตามที่สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติเสนอ โดยสรุปคือ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดตั้งสถาบันพัฒนาการท่องเที่ยว แห่งชาติ และให้รับไปทบทวนความจำเป็นในการจัดตั้งคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ตลอดจนอำนาจหน้าที่ และ ให้จัดตั้งสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดในบางจังหวัดที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงสภาพข้อเท็จจริงและความ พร้อมของแต่ละจังหวัด และรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ ในประเด็นเกี่ยวกับ "แนวทางการจัดการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภูมิภาค" และประเด็น "แผนและยุทธศาสตร์การพัฒนาท่อง เที่ยว" ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้เผยแพร่ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ พร้อม ความเห็นและผลการพิจารณาของกระทรวงการท่องเที่ยว ฯ ทางเว็บไซต์ของสำนักเลขาธิการคณะร้ฐมนตรี แล้ว |
||||||||||||||||||
2146 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การพัฒนาฝีมือแรงงานของประเทศไทย | นร | 26/10/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การพัฒนาฝีมือแรงงานของประเทศไทย โดยมีความเห็นและข้อ เสนอแนะ ดังนี้ ควรระงับและชะลอการสร้างสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานเพิ่มเติมให้ครอบคลุมทุกจังหวัด แต่ควร มุ่งการใช้งานสถาบันหรือศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานที่มีอยู่แล้ว ให้เกิดประโยชน์คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากที่สุด และพัฒนาวิธีการดำเนินงานของสถาบันหรือศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานให้มีความหลากหลายตามสภาพเศรษฐกิจ ของพื้นที่ มีการกระจายอำนาจทั้งแผนงาน แผนเงิน ให้แต่ละหน่วยงานสามารถปรับเปลี่ยนหลักสูตร แนวคิด และวิธีการดำเนินงานให้มุ่งสู่การแข่งขันกับหน่วยงานอื่น โดยการแสวงหากลยุทธ์ใหม่ และกำหนดจุดยืนของแต่ ละหน่วยงานว่า ดำเนินการเพื่อกลุ่มเป้าหมายใด มีทิศทางที่ชัดเจน เพื่อสร้างความพร้อมให้กับสถาบันหรือศูนย์ นั้น ๆ รวมทั้งปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบบริหารของสถาบันให้เอื้อต่อการดำเนินงาน และเปิดโอกาสให้บุคคล ภายนอกเข้ามาบริหารศูนย์ ฯ ได้ นอกจากนี้ ควรปรับบทบาทของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน เช่น ควรศึกษาด้านการพัฒนาฝีมือแรงงานอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อกำหนดนโยบายและมาตรการด้าน การพัฒนาฝีมือแรงงานให้มีทิศทางที่ชัดเจน โดยให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการวางแผนและกำหนดเป้าหมายร่วม กัน และเพิ่มบทบาทการเป็นผู้ประสานงานเน้นให้ภาคธุรกิจเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดหลักสูตรและ ทดสอบมาตรฐานฝีมือร่วมกัน เป็นต้น และรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงแรงงาน ตามความเห็นของที่ประชุมร่วมระหว่างกระทรวงแรงงานและหน่วย งานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การพิจารณาเสนอพระราชบัญญัติช่างเทคนิคและช่างฝีมือ เพื่อกำหนดให้ผู้ปฏิบัติงานผ่าน การประเมินหรือทดสอบ เพื่อขอรับใบรับรองคุณภาพในฝีมือและอนุญาตให้ประกอบอาชีพ (License) ในแต่ ละสายอาชีพที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนความปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นและลด อัตราเสี่ยงของผู้บริโภค และพิจารณาจัดตั้ง "สถาบันเทียบโอน ประสบการณ์การทำงานของแรงงานไทย" ขึ้น ภายใต้ภารกิจและอัตรากำลังเดิม และเป็นหน่วยงานกลางในการลงทะเบียนแรงงานที่ประสงค์จะขอเทียบโอน ประสบการณ์การทำงานจากต่างประเทศหรือในประเทศ และประสานเพื่อการเทียบเข้าสู่ระบบบริหารแรงงาน ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง การพัฒนาฝีมือแรงงาน การเทียบอัตราค่าจ้างที่สอดคล้องกับระดับฝีมือหรือประสบ การณ์การทำงานหรือประสานเพื่อการเทียบโอนในการศึกษาต่อในระบบการศึกษา เป็นต้น |
||||||||||||||||||
2147 | ผลการดำเนินการตามนโยบายการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวทั้งระบบ | รง | 19/10/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงาน โดยศูนย์ปฏิบัติการจัดระบบการทำงานของ
คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา (ศจต.) รายงานผลการดำเนินการจัดระบบการ จ้างแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2547 ถึงวัน ที่ 11 ตุลาคม 2547 สรุปได้ดังนี้ ผลการจดทะเบียนนายจ้าง มีนายจ้างรวมทั้งสิ้น 246,553 ราย มาขอจด ทะเบียนและแจ้งความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว รวมทั้งสิ้น 1,591,222 คน จำแนกเป็น สัญชาติพม่า 1,130,303 คน กัมพูชา 244,744 คน และลาว 216,175 คน ส่วนผลการจดทะเบียนคนต่างด้าวสัญชาติ พม่า ลาว และกัมพูชา มีคนต่างด้าว ฯ ยื่นขอจดทะเบียน รวมทั้งสิ้น 1,273,573 คน จำแนกเป็น สัญชาติ พม่า 909,161 คน กัมพูชา 182,405 คน และลาว 182,007 คน ทั้งนี้ ผลจากการดำเนินการภาย หลังการจดทะเบียน นายจ้างได้รับแจ้งผลการพิจารณาจัดสรรจำนวนที่อนุญาตให้จ้างแรงงานต่างด้าวแล้ว 226,182 ราย จากนายจ้างที่จดทะเบียนไว้ คงเหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ 20,371 ราย และแรงงานต่าง ด้าวได้รับการจัดสรรให้นายจ้างแล้ว 1,384,013 คน จากจำนวนแรงงานต่างด้าวที่นายจ้างแจ้งความต้อง การจ้าง คงเหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ 207,209 คน สำหรับปัญหาของการดำเนินการ อาทิเช่น บาง จังหวัดกำหนดหลักเกณฑ์ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงในการแจ้งแรงงานต่างด้าว ทำให้นายจ้างที่มีความ พร้อมในการนำแรงงานต่างด้าวมาขอรับใบอนุญาตทำงานไม่ได้รับการจัดสรรจำนวน (โควตา) หรือได้รับ การจัดสรรจำนวน (โควตา) คนต่างด้าวเพียงบางส่วนไม่สามารถนำคนต่างด้าวมาขอใบอนุญาตทำงานได้ ตามจำนวนที่แจ้งไว้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถพิมพ์ลายนิ้วมือให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด เนื่องจากในแต่ละวันมีคนต่างด้าวมาถ่ายรูปจำนวนมาก เป็นต้น ซึ่งกรมการจัดหางานได้ซักซ้อมความเข้าใจ ในขั้นตอนการจดทะเบียนคนต่างด้าว ปี พ.ศ. 2547 ให้เจ้าหน้าที่ทราบแล้ว
|
||||||||||||||||||
2148 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาใช้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำบางปะกง เพื่อการผลิตน้ำประปา | มท | 12/10/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติรับทราบสำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้น้ำในแม่ น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำบางปะกง เพื่อการผลิตน้ำประปา โดยมีแนวทางในการ แก้ไขปัญหา รวม 4 มาตรการ ได้แก่ มาตรการด้านการบริหารจัดการ โดยจัดทำแผนแม่บทแบบบูรณาการ ทรัพยากรน้ำทั้งในและนอกลุ่มน้ำทั้งหมด และมองการจัดการแบบภาพรวม และผลักดันให้มีการจัดหาน้ำ ต้นทุนเพิ่มขึ้นให้เต็มศักยภาพ ให้มีความเหมาะสมกับระบบนิเวศวิทยา และการจัดการสิ่งแวดล้อมทั้งในด้าน การจัดหาแหล่งน้ำดิบ และการผันน้ำเพื่อผลิตน้ำ เป็นต้น มาตรการด้านการลงทุน โดยจัดให้มีระบบประปา อย่างทั่วถึง โดยให้เป็นการบริการขั้นพื้นฐานไม่ใช้เพื่อแสวงหากำไร และสนับสนุนการลงทุนของราชการส่วน ท้องถิ่น รัฐิวสาหกิจและเอกชนในการจัดหาแหล่งน้ำดิบและการก่อสร้างระบบประปา เป็นต้น มาตรการด้าน กฎหมาย โดยปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวกับการประปาให้มีความชัดเจนและไม่ทับซ้อนกันในทางปฏิบัติ ตลอด จนกระจายความรับผิดชอบการจัดการเรื่องน้ำประปาสู่ราชการส่วนท้องถิ่น เป็นต้น และมาตรการด้านการ ส่งเสริม โดยร่วมมือกับเอกชนและองค์กรต่าง ๆ รณรงค์ ประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ และมีส่วนรับผิดชอบในการจัดการระบบประปา และสนับสนุนการวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับระบบประปาเพื่อ ส่งเสริมพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นต้น รวมทั้งผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามที่กระทรวง มหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันพิจารณาข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ และให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รับไปดำเนินการพิจารณากำหนดแนวทาง ปรับปรุง และแก้ไขปัญหาในเชิงบูรณาการตามความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ โดยละเอียด อีกครั้งหนึ่ง แล้วส่งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะเป็นเจ้าภาพรับผิดชอบดำเนิน การนำเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พิจารณาแนวทางในการแก้ไขปัญหาในลักษณะที่เป็นยุทธ ศาสตร์ภาพรวมของชาติโดยเร็วต่อไป และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมพิจารณาดำเนินการในฐานะ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบการใช้น้ำขนาดใหญ่ โดยให้พิจารณาดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวตามประเด็น อภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ต่อไป |
||||||||||||||||||
2149 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2547 | ทส | 12/10/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2547 เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2547 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรองเรียบ ร้อยแล้วทั้งสิ้นรวม 14 เรื่อง ดังนี้ (1) รายงานการประชุมฯ ครั้งที่ 5/2547 เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2547 (2) แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษ และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในเขตควบคุมมล พิษ ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี (3) รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ภายหลังการทำเหมืองแร่ โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง เพื่อ อุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ เพื่ออุตสาหกรรมเคมี เพื่ออุตสาหกรรมแคลเซียมคาร์ไบด์ หรือเพื่อทำปูนขาวสำหรับ อุตสาหกรรมฟอกหนัง หรืออุตสาหกรรมน้ำตาล ประทานบัตรที่ 24947/14628 ของบริษัท สิรินิธิ จำกัด (บริษัท สายจำรัสปูนขาวรับช่วงการทำเหมือง) ตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา (4) ราย งานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่ โครงการเหมืองแร่ไพโรฟิลไลต์ ประทานบัตร ที่ 19983/13628 ของนายชำนาญ ตันกูล ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี (5) การบริจาคเงิน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของ EANET (6) การกำหนดมาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียจากโรง งานปูนซีเมนต์ที่ใช้ของเสียเป็นเชื้อเพลิงหรือเป็นวัตถุดิบในการผลิต (7) การกำหนดอัตราค่าบริการบำบัดน้ำ เสียเทศบาลตำบลกะรน จังหวัดภูเก็ต (8) การกำหนดมาตรฐานค่าความทึบแสงจากปล่องปล่อยทิ้งอากาศ เสียของโรงสีข้าวที่ใช้หม้อไอน้ำ (9) คณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อมขออนุมัติทบทวนการปรับแก้ไขระเบียบ คณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดลล้อมเพื่อการใช้จ่ายเงินสำหรับการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในกรณีฉุกเฉิน (10) รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของ การรถไฟแห่งประเทศไทย (11) รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการพัฒนาท่าอากาศยาน เชียงใหม่ ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (12) การบังคับใช้มาตรฐานมลพิษจากยานพาหนะ ใหม่ สำหรับรถยนต์ดีเซลขนาดเล็ก ระดับที่ 6 และรถยนต์เบนซิน ระดับที่ 7 (13) แต่งตั้งและปรับปรุงคณะ อนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และ (14) ศาลปกครองชั้นต้นแจ้งผลการพิจารณา คดีหมายเลขดำที่ 304/2544
|
||||||||||||||||||
2150 | การกำหนดโครงสร้างในราชการบริหารส่วนภูมิภาคของกระทรวงมหาดไทย | มท | 12/10/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการพิจารณาเกี่ยวกับจำนวน
และจังหวัดที่สมควรจัดตั้งราชการบริหารส่วนภูมิภาค ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จำนวน 19 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ ปทุมธานี สระบุรี นครปฐม เพชร บุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี อุดรธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี สุราษฎร์ธานี นคร ศรีธรรมราช ภูเก็ต นราธิวาส และสงขลา และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จำนวน 19 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก พิจิตร พระนครศรีอยุธยา สระบุรี กาญจนบุรี ประจวบคีรี ขันธ์ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี อุดรธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครราชสีมา ศรีสะเกษ ชุมพร นครศรีธรรมราช ภูเก็ต ปัตตานี และสงขลา |
||||||||||||||||||
2151 | การปรับปรุงค่าตอบแทนของผู้บริหารท้องถิ่น ประธานสภา รองประธานสภา และสมาชิกสภาท้องถิ่น | มท | 12/10/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 8 (ฝ่าย กฎหมาย ฯ) ที่มีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอการปรับปรุงค่าตอบแทนของผู้บริหาร ท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล และ โดยที่คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ จะพิจารณาปรับปรุงค่าตอบแทนสำหรับผู้บริหาร และสมาชิก เมืองพัทยาแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้ ประกอบกับการปรับปรุงค่าตอบแทนสำหรับผู้บริหารท้องถิ่นและ สมาชิกสภาท้องถิ่นที่เสนอมานี้จะนำไปใช้ในการเบิกจ่ายเมื่อสิ้นเดือนตุลาคมหรือต้นเดือนพฤศจิกายน จึงควร รอผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ฯ ในส่วนของผู้บริหารและสมาชิกเมืองพัทยาเพื่อมิให้ค่าตอบแทนลักลั่น กัน อย่างไรก็ตามหากกระทรวงมหาดไทยเห็นสมควรเนื่องจากอยู่ในอำนาจของกระทรวงมหาดไทยก็ให้ดำเนิน การออกระเบียบที่ได้จัดทำขึ้น ได้แก่ ร่างระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยเงินเดือนและค่าตอบแทนนายก องค์การบริหารส่วนจังหวัด รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ ดำรงตำแหน่งประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ดำรงตำแหน่ง รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด เลขานุการนายกองค์การ บริหารส่วนจังหวัด ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และกรรมการสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. .... ร่างระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยเงินเดือน ค่าตอบแทน และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของ นายกเทศมนตรี รองนายกเทศมนตรี สมาชิกสภาเทศบาลที่ดำรงตำแหน่งประธานสภาเทศบาล สมาชิกสภา เทศบาลที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาเทศบาล สมาชิกสภาเทศบาล เลขานุการนายกเทศมนตรี ที่ปรึกษา นายกเทศมนตรี และการจ่ายเบี้ยประชุมคณะกรรมการสภาเทศบาล พ.ศ. .... และร่างระเบียบกระทรวงมหาด ไทย ว่าด้วยเงินค่าตอบแทนนายกองค์การบริหารส่วนตำบล รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ประธาน สภาองค์การบริหารส่วนตำบล รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วน ตำบล เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบล และเลขานุการสภาองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ..... ต่อ ไปได้
|
||||||||||||||||||
2152 | ผลการพิจารณาการใช้วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดนก | นร | 12/10/2547 | |||||||||||||||
2153 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 36 และการประชุม AEM กับประเทศคู่เจรจา | พณ | 05/10/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน
(ASEAN Economic Ministers Meeting : AEM) ครั้งที่ 36 และการประชุม AEM กับประเทศคู่เจรจา ระหว่างวัน ที่ 3-5 กันยายน 2547 ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย โดยผลการประชุมสรุปได้ดังนี้ ที่ประชุม AEM ได้พิจารณาการจัดทำแผนการรวมกลุ่มสินค้าและบริการ (Roadmaps) 10 สาขา ได้แก่ สินค้าเกษตร สินค้า ประมง ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์ไม้ ผลิตภัณฑ์ยาง สิ่งทอ อิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีสารสนเทศ ผลิตภัณฑ์ และบริการ ด้านสุขภาพ การท่องเที่ยว สำหรับสาขาการบิน (Air Travel) รัฐมนตรีคมนาคมของอาเซียนจะ พิจารณาและนำเสนอต่อผู้นำโดยตรง ส่วนความคืบหน้าการเจรจาเปิดเสรีการค้าระหว่างอาเซียนกับประเทศ คู่เจรจาต่าง ๆ ได้แก่ อาเซียน-จีน ทั้งสองฝ่ายได้ให้นโยบายในประเด็นที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้เพื่อให้คณะ เจรจาใช้เป็นแนวทางในการเจรจาต่อไป อาเซียน-ญี่ปุ่น ได้เห็นชอบที่จะเสนอผู้นำอาเซียนในการประชุมสุด ยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น (ASEAN-Japan Summit) เดือนพฤศจิกายน 2547 ประกาศเจรจาในเดือนเมษายน 2548 และกำหนดระยะเวลาการเจรจาให้เสร็จสิ้นภายใน 2 ปี อาเซียน-เกาหลี ได้เห็นชอบผลการศึกษา ของคณะทำงานร่วมอาเซียน-เกาหลี ที่จะนำเสนอผู้นำในการประกาศแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการเปิดการ เจรจาเขตการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลีในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน-เกาหลี ที่กำหนดจะมีขึ้นในเดือน พฤศจิกายน 2547 อาเซียน-อินเดีย ทั้งสองฝ่ายได้ข้อสรุปเรื่องวิธีลดภาษีแล้ว และอยู่ระหว่างการเจรจา กฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า และอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ที่ประชุมเห็นชอบที่จะเสนอผู้นำให้มีการ แถลงการณ์เกี่ยวกับการเปิดเจรจาเขตการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ในระหว่างการประชุมสุด ยอดอาเซียน และออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (CER) ในเดือนพฤศจิกายน 2547 สำหรับการหารือทวิภาคีกับ กรรมาธิการด้านการค้าสหภาพยุโรป ฝ่ายสหภาพยุโรปแสดงความกังวล เกี่ยวกับความล่าช้าของไทยในการ แก้ไขพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการในวาระ ที่ 2 และนโยบายการนำเข้าของไทย โดยเห็นว่าเป็นมาตรการกีดกันการค้า ส่วนฝ่ายไทยขอให้สหภาพยุโรป พิจารณาวิธีการให้สิทธิ GSP ภายใต้โครงการใหม่ด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม ส่วนการหารือทวิภาคีกับ รัฐมนตรีการค้านิวซีแลนด์ ฝ่ายนิวซีแลนด์ได้แสดงความยินดีเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาจัดทำเขตการ ค้าเสรีไทย-นิวซีแลนด์และได้ขอให้ไทยมีความยืดหยุ่นในการเปิดเสรีตลาดสินค้านมมากกว่าที่กำหนดไว้ โดย ไทยจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนการหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา ฝ่ายกัม พูชาได้ขอให้ไทยพิจารณาให้ความช่วยเหลือในการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมที่ปอย เปต และเปิดด่านชายแดนเพิ่มเติมที่ Ban Palai-Phum O''Neang และไทยยินดีที่ส่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ โดยตรงพิจารณาข้อเสนอฝ่ายกัมพูชา และจะแจ้งผลการพิจารณาให้ทราบต่อไป |
||||||||||||||||||
2154 | การโอนที่ดินให้การไฟฟ้านครหลวง | มท | 21/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการโอนที่ดินให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ตามที่กระทรวงมหาดไทย
เสนอ โดยเห็นว่า เพื่อความรอบคอบ ชัดเจน และถูกต้องในการโอนที่ดินที่กระทรวงการคลังถือกรรมสิทธิ์ จำนวน 7 แห่ง รวม 20 โฉนด เนื้อที่รวมประมาณ 83 ไร่ 32.90 ตารางวา ให้แก่ กฟน. ประกอบด้วย (1) กฟน.เขตคลองเตย, สถานีย่อยคลองเตย (2) กฟน.เขตยานนาวา, สถานีต้นทางถนนตก (3) กฟน.เขตวัด เลียบ, สถานีย่อยวัดเลียบ (4) สถานีย่อยสะพานดำ (5) กฟน.สำนักงานใหญ่ (เพลินจิต), สถานีต้นทางชิด ลม (6) อาคารสงเคราะห์บางกระบือ และ (7) กฟน.เขตสามเสน, สถานีย่อยสามเสน โดยให้สำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีการับไปตรวจสอบสถานะของที่ดินดังกล่าวตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง ให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ หากผลการพิจารณาเห็นว่า สามารถโอนที่ดินให้แก่ กฟน. ได้โดยไม่ขัดต่อกฎ หมาย ก็ให้ดำเนินการโอนที่ดินดังกล่าวให้แก่ กฟน. ต่อไป และให้ลดหย่อนค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน สิทธิ์และนิติกรรมการโอนที่ดินให้เหลือในอัตราร้อยละ 0.01 ตามนัยข้อ 2 (7) (ฎ) ของกฎกระทรวง ฉบับ ที่ 47 (พ.ศ. 2541) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ |
||||||||||||||||||
2155 | ผลการพิจารณาแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเงินเหลือจ่าย/เงินที่ลดได้มาจัดสรรเป็นสิ่งจูงใจ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 | นร | 21/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.)
เสนอดังนี้ ให้กันเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ทุกงบรายจ่ายยกเว้นงบบุคลากร และงบกลางที่เป็นเงินเหลือจ่ายของส่วนราชการ เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ตาม ระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง พ.ศ. 2520 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยให้ส่วนราชการนำเงินเหลือจ่ายดัง กล่าว ไปใช้เป็นสิ่งจูงใจตามแนวทางที่คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบราชการได้พิจารณากำหนดไว้ตามมติ ครั้งที่ 7/2547 เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2547 และให้หัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ เร่งรัดการดำเนิน งานและการเบิกจ่ายงบประมาณที่ขอกันไว้ดังกล่าวให้บรรลุวัตถุประสงค์ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 ที่ได้เห็นชอบในหลักการและรายละเอียดของแนวทางและวิธีการในการสร้างแรงจูงใจเพื่อ การเสริมสร้างการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) และสำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกันดำเนินการกำหนดวงเงิน และพิจารณาวงเงินเหลือจ่ายไว้เบิกเหลื่อมปีกรณีไม่มีหนี้ผูกพันให้ แก่ส่วนราชการ |
||||||||||||||||||
2156 | ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่..) พ.ศ. .... | นร | 14/09/2547 | |||||||||||||||
รับทราบตามที่สำนักประสานงานการเมืองเสนอสรุปผลการประชุมคณะกรรมการ
ประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 43/2547 วันจันทร์ที่ 13 กันยายน 2547 และมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ของคณะรัฐมนตรีที่อยู่ในขั้นตอนดำเนินการต่าง ๆ ทั้งหมด เพื่อให้เห็นภาพรวม และให้มีความพร้อมที่จะดำเนิน การต่อไป หากผลการพิจารณาร่วมกันเป็นประการใด ให้ดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประชุมเพื่อพิจารณาแล้ว เห็นชอบให้เสนอร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่าง พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทน ราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||
2157 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 14/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักประสานงานการเมืองเสนอสรุปผลการประชุมคณะกรรมการ
ประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 43/2547 วันจันทร์ที่ 13 กันยายน 2547 และมอบให้รองนายก รัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรีที่อยู่ในขั้นตอนดำเนินการต่าง ๆ ทั้งหมดเพื่อให้เห็นภาพรวม และให้มีความ พร้อมที่จะดำเนินการต่อไป หากผลการพิจารณาร่วมกันเป็นประการใด ให้ดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งรองนายก รัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประชุมเพื่อพิจารณาแล้วเห็นชอบให้เสนอร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จ บำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วน |
||||||||||||||||||
2158 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษในแม่น้ำเจ้าพระยา | นร | 07/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอ ดังนี้ รับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทาง แก้ไขปัญหามลพิษในแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งรับทราบและเห็นชอบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการ ดำเนินการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวง อุตสาหกรรม ที่มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาทรัพยากรน้ำแบบ บูรณาการ เพื่อให้ครอบคลุมด้านการพัฒนาจัดหาน้ำต้นทุน การจัดสรรน้ำ การควบคุมมลพิษทางน้ำ การ อนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ อุทกภัยและภัยแล้ง โดยจัดทำเป็นแผนระยะยาวควบคู่กับการวางแผนการใช้ที่ดินและ การขยายตัวของสังคมและเศรษฐกิจ สร้างความเข้มแข็งให้คณะอนุกรรมการลุ่มน้ำเจ้าพระยา และการมีส่วน ร่วมของทุกภาคส่วน พร้อมทั้งจัดให้มีระบบบำบัดน้ำเสียรวมในพื้นที่ชุมชน และให้มีมาตรการจัดเก็บค่าธรรม เนียมบำบัดน้ำเสีย และบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมการระบายของเสียจากแหล่งกำเนิดต่าง ๆ ให้เป็นไป ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ตลอดจนส่งเสริมและสนับสนุนงบประมาณให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อ ดำเนินการจัดการน้ำเสียและขยะมูลฝอยอย่างมีประสิทธิภาพ และให้มีการควบคุมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไม่ ให้มีการระบายน้ำทิ้งที่ไม่ได้มาตรฐาน และงดใช้ยาและสารเคมีต้องห้าม 16 ชนิด ตามที่กรมประมงประกาศ อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักประสานและเร่งรัด การจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการและแผนปฏิบัติการที่กำหนดบทบาท ภารกิจ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้มีการติดตามประเมินผลการดำเนินการ โดยจัดทำตัวชี้วัดการแก้ไขปัญหา มลพิษในแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วรายงานผลให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีทราบ เป็นระยะ ๆ |
||||||||||||||||||
2159 | การปรับปรุงแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ ภายใต้แผนการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2547 ครั้งที่ 1 | กค | 07/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอการปรับปรุงแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ
ภายใต้แผนการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2547 ครั้งที่ 1 ตามผลการพิจารณาของ คณะกรรมการนโยบายหนี้ของประเทศ ดังนี้ การปรับปรุงแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศประจำปีงบประมาณ 2547 โครงการที่เห็นควรให้ถอนออกจากแผน ฯ 3 โครงการ ได้แก่ โครงการจัดซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 747-400 (UA) ลำที่ 5 ลำที่ 6 และลำที่ 7 ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และการปรับปรุงแผนการกู้เงิน ในประเทศทดแทนการกู้เงินจากต่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ 2547 โครงการที่เห็นควรให้ถอนออกจาก แผน ฯ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 7 ของการประปานครหลวง และ โครงการขยายเขตการติดตั้งระบบไฟฟ้าให้เกาะต่าง ๆ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โครงการที่เห็นควรปรับลดวง เงิน 1 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ 6 ส่วนที่ 2 ของการไฟฟ้าส่วนภูมิ ภาค ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการ ฯ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐถือเป็นหลักปฏิบัติว่า การก่อหนี้ จากต่างประเทศจะต้องดำเนินการเท่าที่จำเป็นอย่างแท้จริง เพื่อให้ประเทศมีหนี้สาธารณะน้อยที่สุด โดยแผน งาน/โครงการใดที่จำเป็นต้องกู้เงินต่างประเทศ อาจพิจารณาให้เอกชนที่รับผิดชอบดำเนินการแผนงาน/โครง การนั้น เป็นผู้กู้จากต่างประเทศแทนหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งให้มีการจัดการทางการเงิน (project financing) อย่างเหมาะสม สำหรับหนี้ต่างประเทศที่มีอยู่แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อยู่ในแผนงาน/โครงการของรัฐวิสาหกิจ ต่าง ๆ หากรัฐวิสาหกิจใดมีฐานะทางการเงินดีและสภาพคล่องทางการเงินสูงเช่น กรณีของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย เป็นต้น ให้รัฐวิสาหกิจนั้นพิจารณาชำระหนี้ต่างประเทศก่อนครบกำหนดเพื่อลดดอกเบี้ยและ ภาระหนี้ของประเทศในภาพรวมด้วย |
||||||||||||||||||
2160 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษในแม่น้ำท่าจีน | ทส | 24/08/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อมเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการแก้ ไขปัญหามลพิษในแม่น้ำท่าจีน และรับทราบและเห็นชอบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาข้อเสนอของสภาที่ปรึกษา ฯ ในเรื่องดังกล่าว และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป โดยให้รายงานผลการดำเนินการ ปัญหาและอุปสรรค (หากมี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประสบปัญหาและอุปสรรคจนไม่สามารถดำเนินการต่อ ไปได้ไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ด้วย ทั้งนี้ มอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ รับประเด็น อภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นว่า จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งรัดดำเนินการปรับ แผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการให้สอดคล้องกับความเห็นของสภาที่ปรึกษา ฯ จึงเห็นควรมอบหมายให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ เป็นหน่วยงานหลักในการสร้างความพร้อมด้านบริหารจัดการระบบบำบัด น้ำเสียให้เกิดประสิทธิภาพและอย่างยั่งยืนเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหา รือเพื่อกำหนดแผนปฏิบัติการ วางมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างมีเงื่อนไขเวลาและสามารถ เชื่อมโยงกับนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมของจังหวัดและท้องถิ่น แล้วสรุปผลเสนอคณะรัฐมนตรี ทราบภายใน 3 เดือน และมอบให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งเวียนซักซ้อมความเข้าใจขั้นตอนการ ดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2543 ตาม มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2546 และวันที่ 18 พฤษภาคม 2547 เรื่อง แนวทางการจัดทำ ความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการในเรื่องที่สภาที่ปรึกษา ฯ ให้คำปรึกษา และข้อเสนอแนะ ต่อคณะรัฐมนตรี ให้กระทรวง กรม และหน่วยงานอื่นของรัฐถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดตามประเด็นอภิปราย ของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ และมอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รับประเด็นอภิปรายดังกล่าวไปดำเนินการต่อไป |