ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 44 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 861 - 880 จากข้อมูลทั้งหมด 1479 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 861 | โครงการเร่งรัดขยายทางหลวงหมายเลข 314 ตอน บางปะกง - ฉะเชิงเทรา | คค | 07/06/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับโครงการเร่งรัดขยายทางหลวงหมายเลข 314 ตอนบางปะกง-ฉะเชิงเทรา
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยอนุมัติในหลักการให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ดำเนินโครงการ เร่งรัดขยายทางหลวงหมายเลข 314 ตอน บางปะกง-ฉะเชิงเทรา จาก 4 ช่องจราจร เป็น 8 ช่องจราจร ในวง เงินงบประมาณ รวมทั้งสิ้น 850 ล้านบาท ทั้งนี้ ให้กรมทางหลวงจัดทำแผนการดำเนินการและแผนการใช้จ่าย เงินที่ชัดเจน แล้วขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 862 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) | นร | 31/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอประเด็นที่เป็นการเตรียมการสำหรับการประชุม
รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers Meeting Retreat : AEM Retreat) ในเดือนกันยายน 2548 ณ สปป.ลาว และการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 11 ในเดือนธันวาคม 2548 ณ ประเทศมาเลเซีย เพื่อ ให้ประเทศไทยสามารถขยายและปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าและการลงทุนในเวทีอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิ ภาพ ได้แก่ ประเด็นการรวมกลุ่ม 11 สาขาสำคัญของอาเซียน (11 Priority Sectors) ให้กระทรวงคมนาคม และ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้รับผิดชอบเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้เกิดการรวมตัวของอาเซียนตามแผนและ กรอบความตกลงว่าด้วยการเร่งรัดการรวมกลุ่มสาขาสำคัญของอาเซียน ประเด็นการอำนวยความสะดวกด้านศุล กากรด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (ASEAN Single Window:ASW) ให้กระทรวงการคลังพิจารณาความพร้อม ในการดำเนินการอำนวยความสะดวกด้านศุลกากรของอาเซียนด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (ASW) ให้เสร็จ ตามกำหนดเวลาภายในวันที่ 1 มกราคม 2549 และประเด็นกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า (ROO) ให้กระทรวง การคลังประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนพิจารณากำหนดท่าทีไทยในเรื่องนี้ เพื่อให้สอด คล้องกับการเปลี่ยนแปลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 863 | การประชุมสัมมนาเพื่อติดตาม เร่งรัด และเน้นย้ำการดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจน ยาเสพติด ผู้มีอิทธิพล และความมั่นคงในระดับพื้นที่ | มท | 24/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจน (ศตจ.มท.)
ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด (ศตส.มท.) กระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับผลการสัมมนาเพื่อติด ตาม เร่งรัด และเน้นย้ำการดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจน ยาเสพติด ผู้มีอิทธิพล และความมั่นคงใน ระดับพื้นที่แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ปลัดจังหวัด นายอำเภอ ผู้กำกับการ ตำรวจภูธร อำเภอ และหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดที่เกี่ยวข้องในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2548 ณ จังหวัดชลบุรี วันที่ 16 พฤษภาคม 2548 ณ จังหวัดนครราชสีมา และวันที่ 19 พฤษภาคม 2548 ณ จังหวัดอุดรธานี เพื่อรับฟังผลการดำเนินงานปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะจากจังหวัดต่าง ๆ ใน ด้านการดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจน ได้แก่ ปัญหาหนี้สิน บ้านและที่อยู่อาศัย ที่ดินทำกิน การจัด คาราวานแก้จน การดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดการ ปราบปรามผู้มีอิทธิพล การรักษาความสงบเรียบ ร้อยและความมั่นคงในระดับพื้นที่ โดยหลายจังหวัดให้ข้อเสนอแนวทางการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล อาทิ เช่น ควรมีกองทุนสำหรับดูแลหนี้นอกระบบ การโอนหนี้นอกระบบเข้าสู่ระบบธนาคาร การรณรงค์ปรับเปลี่ยน ทัศนคติและพฤติกรรม ซึ่งยังคงรอรับการช่วยเหลือไม่ดิ้นรนสร้างโอกาส รักสนุก เล่นการพนัน เป็นต้น นอกจาก นี้ ประธานในที่ประชุมได้มอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจ ภูธรจังหวัด นายอำเภอ และหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งในด้านการดำเนินงานต่อสู้เพื่อชนะความ ยากจน การดำเนินการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด การปราบปรามผู้มีอิทธิพล การรักษาความสงบเรียบร้อยและ ความมั่นคง รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ เช่น นโยบายประหยัดพลังงาน การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ การรณรงค์ให้ ทุกคนในชาติตั้งสัจจะ 1 ประการ การสร้างสภาวะแวดล้อมให้น่าอยู่ตามโครงการ หนึ่งคน หนึ่งต้น หนึ่งฝน เพื่อ ประชาชนชาวไทย การปรับการทำงานร่วมกัน การรณรงค์ให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัย เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 864 | รายงานภาพรวมสถานภาพของการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 | นร | 03/05/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณราย
จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 เพื่อให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเร่งรัดการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 1,200,000 ล้านบาท ซึ่งจัดสรรเงินประจำงวด แล้ว 1,071,082.33 ล้านบาท และมีการเบิกจ่ายแล้วจำนวน 557,872.03 ล้านบาท ให้เสร็จสิ้นภายในไตร มาสที่ 3 ของปีงบประมาณ (เดือนมิถุนายน 2548) และเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณที่จัดสรรเงินประจำ งวดแล้ว แต่ยังไม่มีการเบิกจ่าย จำนวน 513,210.30 ล้านบาท โดยให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่ รับผิดชอบติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ของส่วนราชการและ รัฐวิสาหกิจให้เป็นไปตามมาตรการดังกล่าว และให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ให้รอง นายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และหน่วย งานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางในการดำเนินการ ติดตาม และประเมินผลการใช้จ่ายงบประมาณให้ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยในชั้นกระทรวงควรมีการพัฒนาฝึกอบรมและกำหนดให้มีผู้ทำหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ด้านงบประมาณประจำกระทรวง (CBO) เพื่อรับผิดชอบดูแลและประสานงาน เกี่ยวกับการงบประมาณของ หน่วยงานเป็นการเฉพาะ โดยอาจพิจารณามอบหมายให้ผู้บริหารระดับสูงท่านใดท่านหนึ่งที่มีความรู้ ความ สามารถ และรับผิดชอบภารกิจที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว เช่น รองปลัดกระทรวงเป็นผู้ทำหน้าที่นี้ด้วย รวมทั้งควรนำ ระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) มาปรับใช้ให้เหมาะสมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 865 | มาตรการเร่งรัดงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐให้แล้วเสร็จเร็วขึ้น | นร | 26/04/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงบประมาณเสนอมาตรการเร่งรัดงานก่อสร้างโครง
สร้างพื้นฐานภาครัฐให้แล้วเสร็จเร็วขึ้น โดยกำหนดให้มีการจ่ายเงินรางวัลตอบแทนแก่ผู้รับจ้าง กรณีที่สามารถ ดำเนินงานแล้วเสร็จก่อนระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาและผลงานมีคุณภาพตามมาตรฐาน เป็นต้น โดยให้รับ ความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงมาตรการดังกล่าวให้เหมาะสมชัดเจนยิ่ง ขึ้น แล้วให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติต่อไป และให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับอัตราการ จ่ายเงินรางวัลตอบแทนที่กำหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 0.015 ของวงเงินตามสัญญา นั้น เป็นอัตราค่อนข้างต่ำเมื่อ คำนวณเป็นจำนวนเงินรางวัลที่ได้รับจริงแต่ละสัญญา อาจจะไม่จูงใจให้ผู้รับจ้างเร่งรัดงานก่อสร้างให้เร็วขึ้นเท่า ที่ควร และควรกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในส่วนของโครงการก่อสร้างพื้นฐาน โดยกำหนดให้มีระยะเวลาสั้น ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้เหมาะสมกับเงื่อนไขทางเทคนิคต่าง ๆ และกำลังเงินงบประมาณ รวมทั้งควรพิจารณาถึง มาตรการอื่น ๆ นอกเหนือจากมาตรการซึ่งใช้เงินรางวัลเป็นแรงจูงใจ เพื่อไม่เป็นภาระด้านงบประมาณ แต่จะ ช่วยให้เอกชนแข่งขันกันดำเนินงาน และมีความคล่องตัวมากขึ้น เช่น การให้เอกชนที่ประมูลงานสามารถเริ่ม ดำเนินงานได้ทันทีก่อนการลงนามในสัญญา โดยให้ถือเป็นความเสี่ยงของเอกชนเอง หากไม่ได้ทำสัญญาจริง และในการออกแบบหรือการกำหนดเงื่อนไขทางเทคนิคต่าง ๆ ควรมีความยืดหยุ่นให้เอกชนได้ใช้ความรู้ความ สามารถ ตลอดจนเทคนิคพิเศษ วิธีการดำเนินงานที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และลดเวลาการดำเนินงาน มาปรับใช้ได้ตามความเหมาะสม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปตรวจสอบและจัดลำดับความสำคัญของโครงการต่าง ๆ ที่จะต้อง ดำเนินการให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาและนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ และให้สำนักงบประมาณ ดำเนินการตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลโครงการต่าง ๆ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ไว้แล้ว แต่ยังมิได้มีการเบิกจ่ายหรือทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างกับเอกชน และรายงานให้คณะรัฐมนตรี ทราบในคราวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 866 | การจำหน่ายหนี้สูญของเกษตรกรตามโครงการส่งเสริมหรือสงเคราะห์ของรัฐ | มท | 19/04/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอการจำหน่ายหนี้สูญให้แก่สมาคมชลประทาน
ราษฎร์และเกษตรกรตามโครงการส่งเสริมหรือสงเคราะห์ของรัฐ จำนวน 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการ ชาวนาเดิม โครงการส่งเสริมการทำนาปีละ 2 ครั้ง และการส่งเสริมการปลูกข้าวสาลี โครงการเร่งรัดการเพิ่ม ผลผลิตพืชเศรษฐกิจและการเลี้ยงสัตว์ โครงการส่งเสริมการทำนาครั้งที่ 2 และโครงการช่วยเหลือค่าซ่อมเครือง ทุ่นแรงของสมาคมชลประทานราษฎร์ที่ชำรุดเสียหาย เป็นเงินทั้งสิ้น 73,079,790.75 บาท ตามมติคณะกรรม การบริหารสินเชื่อเกษตรกรแห่งชาติ (กบส.) ครั้งที่ 1/2548 เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2548
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 867 | มาตรการเร่งรัดประหยัดพลังงาน | พน | 19/04/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงพลังงานเสนอมาตรการเร่งรัดประหยัดพลังงาน
โดยภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจ มีเป้าหมายลดใช้พลังงานร้อยละ 10 อาทิเช่น มาตรการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม กระบวนการผลิต และการบริหารจัดการพลังงานเพื่อลดการใช้พลังงานในโรงงานอุตสาหกรรม และกลุ่มธุรกิจ ขนาดใหญ่ มาตรการจูงใจสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำผ่านธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น ส่วนภาคราชการ ได้แก่ รถ เบนซินราชการและรัฐวิสาหกิจต้องใช้ก๊าซโซฮอล์ ให้รถราชการและรัฐวิสาหกิจใช้ NGV การลดใช้ไฟฟ้าในหน่วย งานภาครัฐ ตลอดจนการเร่งรณรงค์ ประหยัดพลังงานในภาคประชาชน ปลุกฝังจิตสำนึก สำหรับมาตรการ ทางด้านภาษี ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ใช้มาตรการภาษีเงินได้นิติบุคคล เพื่อ จูงใจให้ผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและอุปกรณ์เดิม มาเป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ใหม่ที่ประหยัดพลัง งาน ส่วนมาตรการให้ผู้ประกอบการนำผลประหยัดพลังงานมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้นั้น เห็น ว่า มีปัญหายุ่งยากในทางปฏิบัติและควบคุมได้ยาก ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นและความเห็นเพิ่ม เติมของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ ไปพิจารณาปรับปรุงมาตรการเร่งรัดประหยัดพลังงานดังกล่าวให้เหมาะสมและชัดเจนขึ้น เพื่อให้เป็นยุทธ ศาสตร์ในภาพรวม ที่สามารถจะขับเคลื่อนการประหยัดพลังงานให้ได้ผลอย่างมีนัยสำคัญ และเป็นรูปธรรม แล้วนำเสนอคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติพิจารณา เพื่อมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องรับไปจัด ทำแผนปฏิบัติการให้แล้วเสร็จและนำเสนอคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 17 พฤษภาคม 2548 ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ต่อไป นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมว่า การดำเนินการตามมาตรการเร่งรัดประหยัดพลังงาน ดังกล่าว เป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นเร่งด่วนที่ทุกภาคส่วนจะต้องถือปฏิบัติร่วมกันอย่างเคร่งครัด จริงจังและต่อ เนื่อง เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง โดยส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐควรต้องมีบทบาทนำเพื่อ กระตุ้นภาคเอกชนและประชาชนทั่วไปให้ความร่วมมือ กระทรวงพลังงานควรติดตาม และประเมินผลในภาพ รวมของการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวเป็นระยะ ๆ แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 868 | การเร่งรัดช่วยเหลือราษฎรประสบภัยแล้งในเขตตรวจราชการที่ 10, 12 และ 14 | นร | 08/03/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) รายงานการเร่งรัด
ช่วยเหลือราษฎรประสบภัยแล้งในเขตตรวจราชการที่ 10 (จังหวัดหนองคาย หนองบัวลำภู เลย และอุดรธานี) เขตตรวจราชการที่ 12 (จังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม และร้อยเอ็ด) และเขตตรวจราชการที่ 14 (จังหวัด ยโสธร ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี) ได้แก่ การให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินช่วยเหลือผู้ประสบภับพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 การใช้งบซีอีโอ การประสานความร่วมมือเป็น ค่าน้ำมัน และเครื่องสูบน้ำ การซ่อม/สร้างทำนบ/ฝาย/ขุดลอก/ฟื้นฟูแหล่งน้ำ การเจาะบ่อบาดาล การแจก จ่ายน้ำอุปโภคบริโภค การปฏิบตัการฝนหลวง การจัดตั้ง/ศูนย์แจกจ่ายน้ำบาดาล การอาชีพเสริมรายได้ จัดทำโครงการสินค้าประหยัดเพื่อผู้บริโภค การฝึกจัดทำโครงการพักชำระหนี้เกษตรกร การประชาสัมพันธ์ ให้เกษตรกรงดปลูกข้าวนาปรังและพืชอื่น ๆ พร้อมทั้งส่งเสริมให้ปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทน
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 869 | ขอให้เร่งรัดและรายงานความคืบหน้าในการดำเนินคดีข้าว | พณ | 01/03/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการเร่งรัดและความคืบหน้าในการดำเนิน
คดีข้าวในโกดังกลางของบริษัท ไทยซูการ์เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) จังหวัดสมุทรปราการ โดยสาเหตุที่มีการ ดำเนินคดีและอายัดข้าวสารในโกดังกลาง บริษัท ไทยซูการ์ ฯ เนื่องจากคณะกรรมการตรวจสอบคลังสินค้าที่เข้า ร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 2543/44 -2546/47 และนาปรัง ปี 2545-2546 ขององค์การคลัง สินค้าเพื่อเกษตรกร (อคส.) จังหวัดสมุทรปราการ และคณะตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากส่วนกลางได้ ทำการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวสารที่คลังสินค้าของ อคส. ในจังหวัดสมุทรปราการ พบเบาะแสว่าน่า จะมีการกระทำความผิดสำหรับข้าวสารที่จัดเก็บในคลังสินค้าบริษัท ไทยซูการ์ ฯ จำนวน 5 หลัง จังหวัดได้สั่งให้ มีการอายัดข้าวสารและแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่สถานีตำรวจภูธรสำโรงใต้ เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จ จริง และคณะอนุกรรมการบริหารจัดการนโยบายข้าว ได้มีมติเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2547 เห็นชอบแนวทาง การถอนอายัดข้าวสารในโกดังกลาง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและส่งสำนวน ให้ ป.ป.ช. แล้ว อคส. ได้มีหนังสือถึงเลขาธิการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาดำเนินการถอนอายัดข้าวสารของ อคส. ที่ เก็บไว้ในคลังสินค้าของบริษัท ไทยซูการ์ฯ และส่งคืนกุญแจคลังเพื่อทำการจ่ายข้าวสารให้ผู้ซื้อบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริเทรดดิ้ง จำกัด ตามสัญญาซื้อขายซึ่งถึงกำหนดส่งมอบ เพื่อมิให้ข้าวสารในโกดังได้รับความเสียหาย และ กระทรวงพาณิชยืได้มีหนังสือถึงประธาน ป.ป.ช. ขอให้ใช้บันทึกหลักฐานการสอบสวน ของสถานีตำรวจภูธร จังหวัดสมุทรปราการในการพิจารณาคดี และขอให้ถอนอายัดข้าวสารโดยเร็ว เพราะหากเก็บไว้นานข้าวจะเสื่อม คุณภาพไม่สามารถส่งจำหน่ายไปต่างประเทศได้ โดยเลขาธิการ ป.ป.ช แจ้งว่า ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ใน ปัจจุบัน จึงพิจารณาเรื่องดังกล่าวไม่ได้ หากปฏิบัติหน้าที่ได้จะพิจารณาและแจ้งให้ อคส. ทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 870 | ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) (เดือนตุลาคม 2547 - 18 กุมภาพันธ์ 2548) | พณ | 01/03/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) ประธานกรรมการนโยบาย
และมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายและมาตรการ ช่วยเหลือเกษตรกร ระหว่างเดือนตุลาคม 2547 - 18 กุมภาพันธ์ 2548 สรุปดังนี้ คณะกรรมการ คชก. ได้มี การประชุมเพื่อกำหนดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร และการแก้ไขปัญหาด้านการตลาดสินค้าเกษตร รวม 8 ครั้ง ด้านการกำหนดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรในฤดูการผลิตสินค้าเกษตร ปี 2547/48 ได้อนุมัติให้ ดำเนินมาตรการแทรกแซงตลาด เพื่อผลักดันให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น โดยการรับจำนำผลผลิตสินค้า เกษตรรวม 3 ชนิด ได้แก่ สินค้าข้าว สินค้าเมล็ดกาแฟ และสินค้ามันสำปะหลัง ส่วนการบริหารจัดการลำไย อบแห้ง ปี 2545 ปี 2546 และ ปี 2547 ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาลำไยอบแห้งปี 2545 - 2547 ได้แก่ คณะอนุกรรมการบริหารจัดการลำไยอบแห้งปี 2545 - 2547 คณะอนุกรรมการตรวจสอบ คุณภาพและปริมาณลำไยอบแห้ง ปี 2545 และคณะอนุกรรมการตรวจสอบลำไยอบแห้งเน่าเสีย ปี 2545 สำหรับการตรวจสอบลำไยอบแห้ง ปี 2545-2547 ได้มอบหมายให้ประธาน คชก. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจสอบปริมาณลำไยอบแห้งที่มีอยู่จริงทั้งหมด โดยประสานกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดส่งเจ้าหน้าที่ร่วม เป็นคณะสายตรวจ และได้วางแผนปฏิบัติการตรวจสอบ ระหว่างวันที่ 24-28 กุมภาพันธ์ 2548 พร้อมกันทั้ง 7 จังหวัด โดยจังหวัดที่เป็นพื้นที่สำคัญ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย มอบหมายให้คณะ สายตรวจจากส่วนกลาง 25 สาย เป็นผู้ตรวจสอบ ส่วนพื้นที่จังหวัดพะเยา น่าน ลำปาง และนครสวรรค์ มอบ หมายให้คณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด เป็นผู้ตรวจ สอบ อนึ่งในการดำเนินการตามโครงการจัดการตลาดลำไย ปี 2547 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้ เกิดกรณีทุจริต ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดดำเนินการ และรายงานความคืบหน้าให้ประธานคณะ กรรมการ คชก. และคณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วนแล้ว ในส่วนของการแก้ไขปัญหาภาระหนี้กองทุนรวมเพื่อช่วย เหลือเกษตรกร ได้จัดทำรายงานภาระหนี้สินและค่าใช้จ่ายค้างจ่ายจากการใช้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร และสถาบันการเงินอื่นในการแทรกแซงตลาดสินค้าเกษตร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เป็นวงเงินทั้งสิ้น 22,167.639 ล้านบาท นอกจากนี้ ได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาและ มาตรการแทรกแซงตลาด เพื่อทำหน้าที่พิจารณากำหนดราคา มาตรการ หลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการแทรก แซงตลาดสินค้าเกษตร และการระบายสินค้าเกษตรที่แทรกแซงไว้ และคณะอนุกรรมการเร่งรัดติดตามการ ชำระหนี้กองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบวางระบบ และติดตามทวงถามการชำระ หนี้จากหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรจากกองทุนรวม ฯ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 871 | การเร่งรัดการบริหารจัดการลำไยอบแห้งปี 2545-2547 | นร | 08/02/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอการเร่งรัดการบริหารจัดการลำไยอบแห้งปี
2545-2547 โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) เร่งรัดกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องให้เร่งจำหน่ายลำไยอบแห้งให้แก่จีนให้หมดโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งลำไยอบแห้งปี 2545 ให้คัดแยกและตัดยอดจำนวนลำไยเน่าเสียออกแล้วทำลายทั้งหมดเพื่อมิให้เกิดปัญหาการนำไปปลอมปนกับ ลำไยในฤดูกาลใหม่ที่จะออกสู่ตลาด และให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการดังต่อไปนี้ การดำเนินการจัดหารถจักรดี เซลไฟฟ้า จำนวน 7 คัน ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 มกราคม และ 18 มกราคม 2548 ที่ให้ใช้วิธีแลกเปลี่ยนสินค้าที่มีมูลค่าเท่ากัน (Barter Trade) โดยนำลำไยอบแห้งแลก กับรถจักรดีเซลไฟฟ้า นั้น หากฝ่ายจีนมีความประสงค์จะขอแลกรถจักรดีเซลไฟฟ้ากับสินค้าชนิดอื่นของไทย นอกเหนือจากลำไยอบแห้ง ให้กระทรวงพาณิชย์ประสานกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อพิจารณาดำเนินการได้ตามความเหมาะสม โดยลำไยอบแห้งส่วนที่เกินจากดำเนินการภายใต้การจัดหา รถจักรดีเซลไฟฟ้า อาจขอให้จีนชำระคืนเป็นเงินสด หรือขอแลกเป็นสินค้าอื่นใดตามความต้องการของทาง ราชการไทย และหากส่วนราชการใดมีความประสงค์จะขอจัดซื้อสินค้าใด ๆ จากจีนโดยวิธีแลกเปลี่ยนสินค้า ดังกล่าวกับลำไยอบแห้งที่ส่งขายให้จีน เช่น กรณีการจัดหายุทโธปกรณ์ของกระทรวงกลาโหม เป็นต้น ให้ ส่วนราชการนั้น ๆ ประสานและแจ้งข้อมูลไปยังกระทรวงพาณิชย์โดยเร็ว เพื่อรวบรวมข้อมูลและดำเนินการ เจรจาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายจีนต่อไป และให้ส่วนราชการนั้น ๆ แจ้งข้อมูลดังกล่าวไปให้สำนัก งบประมาณทราบด้วยอีกทางหนึ่ง เพื่อเตรียมดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการงบประมาณของส่วนราช การให้สอดคล้องกัน นอกจากนี้ ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายเนวิน ชิดชอบ) เร่งรัดและติดตามการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2547 เรื่อง ขออนุมัติงบ ประมาณสนับสนุนสถาบันเกษตรกรเป็นผู้ผลิตลำไยบรรจุกระป๋องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเป็นการช่วยลด อุปทานของลำไยในตลาด ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ราคาจำหน่ายลำไยดีขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 872 | ผลการเยือนสาธารณรัฐคาซัคสถานและการประชุมว่าด้วยการปฏิสัมพันธ์และการแสวงหามาตรการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในเอเชีย (Conference on Interaction and Confidence Building Measures in Asia - CICA) ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | นร | 04/01/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการเยือนสาธารณรัฐคาซัคสถาน
และประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 ในกรอบการประชุมว่าด้วยการปฏิสัมพันธ์และการแสวงหามาตรการเสริมสร้าง ความไว้เนื้อเชื่อใจในเอเชีย (Conference on Interaction and Confidence Building Measures in Asia - CICA) ณ เมืองอัลมาตี สาธารณรัฐคาซัคสถาน ระหว่างวันที่ 19-25 ตุลาคม 2547 ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่าง ประเทศ โดยผลการเข้าร่วมประชุม CICA รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ลงนามในเอกสารหลักของ CICA 2 ฉบับ ได้แก่ ปฏิญญาอัลมาตี (Almaty Act) และ Declaration on the principles Guiding Relations Among the CICA Member States ที่ประชุม ฯ ได้รับไทยเข้าเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการและได้รับรองเอกสารสำคัญ 3 ฉบับ ซึ่งระบุหลักการทั่วไปของมาตรการเสริมความมั่นคงในเอเชียโดยเน้นความสำคัญของความร่วมมือพหุภาคีและ บทบาทของสหประชาชาติ ในการเสริมสร้างความมั่นคงในประชาคมโลก สำหรับผลการเยือนสาธารณรัฐคาซัค สถาน ได้มีการหารือทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยกับคาซัคสถานในเรื่องต่างๆ ได้แก่ การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง ความร่วมมือด้านพลังงาน ด้านการบิน ด้านเศรษฐกิจการค้า ด้าน คมนาคม และด้านวิชาการ การจัดทำความตกลงทวิภาคี การจัดตั้งสำนักงานผู้แทนทางการทูตในคาซัคสถาน ตลอดจนความร่วมมือในภูมิภาค รวมถึงการสมัครตำแหน่งเลขาธิการ UN และมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่น การเตรียมการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดี คาซัคสถาน การจัดตั้งสำนักงานผู้แทนทางการค้าที่คาซัคสถาน การเร่งรัดความร่วมมือด้านพลังงานกับฝ่ายคา ซัคสถานอย่างจริงจัง มาตรการในการเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทย-คาซัคสถาน ความเป็นไปได้ในการเชื่อมโยง เครือข่ายการคมนาคมระหว่างไทย-คาซัคสถาน เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 873 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2547 ผ่อนผันให้อยู่ชั่วคราว 1 ปี ของบุคคลบนพื้นที่สูงและชุมชนบนพื้นที่สูง (ยกเลิกโดยมติ 23042/53) | มท | 04/01/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการเร่งรัดให้สถานะตามกฎหมาย
กับกลุ่มบุคคลบนพื้นที่สูงและชุมชนบนพื้นที่สูง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2547 โดยสนับ สนุนงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 9,139,220 บาท และให้ใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาให้สัญชาติไทยกับบุตรคนต่างด้าว ตามมาตรา 7 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 สำหรับงบ ประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเร่งรัดให้สถานะตามกฎหมายกับกลุ่มบุคคลบนพื้นที่สูงและชุมชน บนพื้นที่สูง จำนวน 9,139,200 บาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้กรมการปกครองขอทำความตกลงกับ สำนักงบประมาณโดยตรงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้รับความเห็นของสำนักงาน สภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ให้กรมการปกครองนำรายละเอียดในข้อยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะ และสิทธิของบุคคลที่ได้ผ่านการพิจารณาจากสภาความมั่นคงแห่งชาติแล้ว ไปประกอบการดำเนินงานของ กรมการปกครอง ในเรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้สัญชาติไทยกับบุตรคนต่างด้าว ฯลฯ ไป ประกอบการดำเนินงานด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 874 | การรายงานความก้าวหน้าของโครงการหรือที่เป็นเรื่องเร่งด่วนของรัฐบาล (สถิติผลการจับกุมยาเสพติดให้โทษของเดือนกรกฎาคม - กันยายน และ รายงานความก้าวหน้าโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า) | ตช | 30/11/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยสำนักงานแพทย์ใหญ่ สำนักงาน
ตำรวจแห่งชาติ รายงานความก้าวหน้าของโครงการหรือที่เป็นเรื่องเร่งด่วนของรัฐบาล ได้แก่ โครงการสร้าง หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (30 บาท รักษาทุกโรค) โดยด้านการตรวจสอบทะเบียนผู้มีสิทธิและการออก บัตร โรงพยาบาลตำรวจ ได้ปรับปรุงวิธีการตรวจสอบสิทธิผู้ถือบัตรทองที่มารับบริการ โดยลดขั้นตอนและ ใช้ระบบสารสนเทศในการตรวจสอบ เพื่อให้การบริการสะดวกและรวดเร็วขึ้น ส่วนการขอขึ้นทะเบียนตาม Model 1 และ Model 2 มีประชาชนมาใช้บริการเฉลี่ยเดือนละ 70 ราย ในส่วนของโรงพยาบาลดารารัศมี จังหวัดเชียงใหม่ ได้ดำเนินการเปลี่ยนบัตรทองจากสถานพยาบาลเดิม (โรงพยาบาลนครพิงค์) มาเป็นบัตร ทองของโรงพยาบาลดารารัศมี จำนวน 1,099 ราย ด้านการให้บริการรักษาพยาบาลได้ให้บริการรักษา พยาบาลผู้ป่วยตามโครงการฯ ตามแผนที่กำหนด และเนื่องจากกระบวนการจ่ายเงินผู้ป่วยในและ Exclusive ทำให้ผู้ป่วยที่ถือบัตรสถานบริการอื่น ๆ สามารถเข้ารับบริการรักษาแบบผู้ป่วยในสูงขึ้น และสำนักงาน หลักประกันสุขภาพ สาขากรุงเทพ ฯ ได้จัดทำระบบเครือข่ายการส่งต่อระดับตติยภูมิ โดยประสานให้โรง พยาบาลที่มีศักยภาพสูง เช่น โรงพยาบาลระดับโรงเรียนแพทย์ ในส่วนของโรงพยาบาลตำรวจสามารถส่ง ต่อได้ที่โรงพยาบาลจุฬา ฯ ด้านการส่งเสริมป้องกันโรค คณะทำงานพัฒนาการสร้างเสริมสุขภาพในกรุง เทพมหานคร ได้จัดทำโครงการที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค จำนวน 12 โครงการ ซึ่ง จะครอบคลุมประชาชนทั้งหมด ด้านการเงิน การเรียกเก็บค่าใช้จ่ายสูงอุบัติการณ์เจ็บป่วยฉุกเฉิน และค่า รักษาพยาบาลผู้ป่วยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ได้ดำเนินการเบิกจ่ายในส่วนของผู้ป่วยนอกตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2546- 30 มิถุนายน 2547 และผู้ป่วยในตั้งแต่ 1 มกราคม -31 มีนาคม 2547 ส่วนของข้อร้อง เรียนจากประชาชนผู้มารับบริการ ได้รับข้อร้องเรียน จำนวน 1 ราย และได้ดำเนินการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว สำหรับการเร่งรัดจัดตั้งสถานบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด ได้ให้บริการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด จำนวน 1,038 คน
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 875 | การเร่งรัดช่วยเหลือราษฎรประสบภัยแล้งในเขตตรวจราชการที่ 10,12 และ 14 | นร | 23/11/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) รายงานผลการเร่งรัด
ช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยแล้งในเขตตรวจราชการที่ 10, 12 และ 14 ประกอบด้วย การให้ความช่วยเหลือ เครื่องสูบน้ำแก่ราษฎร การสร้างทำนบฝายกระสอบทรายกักเก็บน้ำจากแม่น้ำชี จากโครงการฝายหัวนา และ ฝายราษีไศล การแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค การซ่อมแซมเป่าล้างบ่อบาดาล การซ่อมแซมถังน้ำกลางหมู่บ้าน การจ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 ให้แก่อำเภอ/กิ่งอำเภอแต่ ละแห่งเป็นเงิน 500,000 บาท/เหตุการณ์/ครั้ง รวมทั้งฝึกอาชีพเพื่อเป็นรายได้เสริมแก่ราษฎรที่ประสบภัย และประชาสัมพันธ์รณรงค์ใช้น้ำอย่างประหยัด
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 876 | ขอใช้งบกลางเพื่อดำเนินงานโครงการปฏิรูปการเงินเพื่อการอุดมศึกษา | ศธ | 23/11/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.1 (ฝ่าย
การศึกษาและการสาธารณสุข) ที่มีมติดังนี้ 1. เห็นชอบในหลักการโครงการปฏิรูปในเรื่องเพื่อการอุดมศึกษา ปีงบประมาณ 2547 - 2549 (เมษายน 2547 - กันยายน 2549) 2. เห็นควรอนุมัติงบประมาณสำหรับดำเนิน โครงการฯ จากงบกลางในจำนวนเงิน 80 ล้านบาท ส่วนสำหรับงบประมาณปี 2547 จำนวนเงิน 7,623,030 บาท ให้ทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินการเกี่ยวกับ เรื่องระบบกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคตให้แล้วเสร็จโดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||||||||
| 877 | การเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 16/11/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอการเร่งรัดการ เบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้ทุกส่วนราชการเบิก เงินค่าตอบแทนพิเศษจาก กอ.สสส.จชต. ซึ่งมีอยู่สองยอด (200+800-1,000 ล้านบาท) แทนการเบิก จากต้นสังกัด สำหรับในกรณีที่ส่วนราชการใดไม่มีสำนักงานอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สำนักงาน จังหวัดนั้น ๆ ซึ่งขึ้นตรงต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบเบิกจ่ายแทนต้นสังกัด รวมทั้งให้สำนักงบ ประมาณและกรมบัญชีกลางมอบหมายข้าราชการระดับ 8-9 ลงไปร่วมกันเป็นเจ้าหน้าที่งบประมาณและ ดูแลการเบิกจ่ายเงินเพื่อรายการนี้เป็นการถาวรที่ กอ.สสส.จชต.
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 878 | การเร่งรัดช่วยเหลือราษฎรประสบภัยแล้งในเขตตรวจราชการที่ 10,12 และ 14 | นร | 16/11/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) รายงานผลการเร่งรัด
ช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยแล้งในเขตตรวจราชการที่ 10, 12 และ 14 ประกอบด้วย การให้ความช่วยเหลือ เครื่องสูบน้ำแก่ราษฎร การจ่ายเงินทดรองราชการ จำนวน 500,000 บาท ให้แก่อำเภอ/กิ่งอำเภอ จัดตั้ง ศูนย์เฉพาะกิจป้องกันและบรรเทาปัญหาภัยแล้ง การสร้างทำนบ/ฝายกระสอบทรายกักเก็บน้ำ การแจกจ่าย น้ำอุปโภคบริโภค การซ่อมแซมเป่าล้างบ่อบาดาล การซ่อมแซมถังน้ำกลางหมู่บ้าน เจาะบ่อน้ำบาดาล/บ่อ น้ำตื้น ปฏิบัติการฝนหลวง จัดทำฝายทดน้ำ รวมทั้งฝึกอาชีพแรงงาน ส่งเสริมอาชีพปลูกพืช/จัดโครงการ สินค้าประหยัด จัดทำโครงการพักชำระหนี้เกษตร โครงการจ้างงานราษฎร โครงการขุดลอกแหล่งน้ำ และ ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรช่วยเหลือตัวเอง รวมทั้งรับทราบหลักเกณฑ์การขอรับความช่วยเหลือจากทางราช การ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 879 | การเป็นเจ้าภาพจัดการสัมมนาระดับอนุภูมิภาคเรื่องสิทธิเด็ก | พม | 09/11/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 (ฝ่ายสังคม
วิจัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การบริหารกิจการตำรวจและการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) ที่มีมติ เห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอร่างความตกลงประเทศเจ้าภาพ (Host Country Agreement) ในการจัดสัมมนาระดับอนุภูมิภาคเรื่องสิทธิเด็ก ณ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 11 - 13 พฤศจิกายน 2547 เพื่อติดตามผลการปฏิบัติตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสห ประชาชาติ ซึ่งมีประเทศเข้าร่วมสัมมนา 5 ประเทศ คือ ลาว กัมพชา เวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย ผู้แทนองค์การ ระหว่างประเทศ สถานทูต และหน่วยงานเอกชนที่เกี่ยวข้อง และให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสำนัก งานสหประชาชาติเป็นผู้แทนไทยในการลงนามความตกลงดังกล่าว ทั้งนี้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความ มั่นคงของมนุษย์รับข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ เกี่ยวกับกรณีที่ต้องขออนุมัติหรือขอความเห็นชอบ จากคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการโดยมีเงื่อนเวลา เช่น กรณีการจัดสัมมนาจะต้องมีการเตรียมการล่วงหน้า และ ใช้เวลาพอสมควร อย่างน้อยต้องทราบว่าผู้แทนเข้าร่วมจะทำอะไรบ้าง กรณีนี้เมื่อองค์การสหประชาชาติขอให้ ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ กระทรวงการต่างประเทศต้องพิจารณาให้รอบคอบ ประเทศไทยต้องมีจุดยืน จะเตรียม ตัวอย่างไร ใครเป็นผู้แทน และจะเสนออะไร ควรกำหนดเวลาก่อนเสนอคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ และคณะ รัฐมนตรี มิเช่นนั้นจะมีการเร่งรัดตลอดเวลา และอาจอยู่ในฐานะจำยอม นอกจากนี้ ควรจัดระบบการรักษาความ ปลอดภัยสถานที่ประชุม ที่พัก การจราจร รวมทั้งตัวบุคคลอย่างเข้มงวด เป็นระบบ เพื่อความปลอดภัยของทุก ฝ่าย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 880 | การเร่งรัดช่วยเหลือภัยแล้งในเขตตรวจราชการที่ 10,12 และ 14 | นร | 09/11/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) รายงานผลการเร่งรัดช่วย
เหลือภัยแล้งในเขตตรวจราชการที่ 10, 12 และ 14 ดังนี้ เขตตรวจราชการที่ 10 ประกอบด้วย จังหวัดหนองคาย มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย 509,151 ไร่ ได้ รับความช่วยเหลือแล้ว 365,194 ไร่ จังหวัดหนองบัวลำภู มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย 160,480 ไร่ จังหวัดเลย มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย 132,436 ไร่ และจังหวัดอุดรธานี มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย 700,000 ไร่ ได้รับ ความช่วยเหลือแล้ว 600,000 ไร่ เขตตรวจราชการที่ 12 ประกอบด้วย จังหวัดขอนแก่น มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย 399,671 ไร่ ได้รับ ความช่วยเหลือแล้ว 493,460 ไร่ จังหวัดมหาสารคาม มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย 667,736 ไร่ ได้รับความ ช่วยเหลือแล้ว 221,812 ไร่ และจังหวัดร้อยเอ็ด มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย 542,151 ไร่ ได้รับความช่วยเหลือ แล้ว 207,459 ไร่ เขตตรวจราชการที่ 14 ประกอบด้วย จังหวัดยโสธร มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย 462,704 ไร่ ได้รับ ความช่วยเหลือแล้ว 278,786 ไร่ จังหวัดศรีสะเกษ มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย 767,079 ไร่ ได้รับความช่วย เหลือแล้ว 232,911 ไร่ จังหวัดอำนาจเจริญ มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย 122,572 ไร่ ได้รับความช่วยเหลือ แล้ว 61,445 ไร่ และจังหวัดอุบลราชธานี อยู่ระหว่างการสำรวจพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย โดยมีพื้นที่ที่ได้รับ ความช่วยเหลือแล้ว 265,580 ไร่ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ อาทิ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ สร้างฝายกระสอบทราย ซ่อมฝาย และขุดลอก แหล่งน้ำ เป็นต้น |
|||||||||||||||||||||||||||
.....
