ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 41 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 801 - 820 จากข้อมูลทั้งหมด 1479 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 801 | การบริหารงบประมาณภาครัฐช่วงครึ่งหลังปีงบประมาณ 2549 | นร | 09/05/2549 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ) เสนอ
แนวทางการบริหารงบประมาณภาครัฐเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ดังนี้ งบประมาณของส่วนราชการ ให้ส่วนราชการเร่งรัดและบริหารการเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงครึ่งหลังของปีงบ ประมาณให้มีการเบิกจ่ายภายในปีงบประมาณ โดยมีการขอผูกพันเหลื่อมจ่ายข้ามปีงบประมาณเฉพาะในกรณี ที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และสอดคล้องกับวินัยการบริหารงบประมาณที่มีแนวทางให้จัดทำคำ ของบประมาณเฉพาะที่จะมีการใช้ได้จริง และดำเนินการเบิกจ่ายให้เสร็จสิ้นภายในปีงบประมาณนั้น ๆ และให้ เร่งดำเนินโครงการที่ได้รับจัดสรรงบประมาณแล้ว ทั้งโครงการขนาดเล็กและขนาดใหญ่ และกำกับดูแลการใช้งบ ประมาณให้มีความคุ้มค่า เพื่อสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมนโยบายเศรษฐกิจและสังคม และบรรเทาความ เดือดร้อนของประชาชน รวมทั้งให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (ส่วนงาน GFMIS) ติดตามและรายงานการ เบิกงบประมาณให้คณะรัฐมนตรีทราบทุก 2 สัปดาห์ ส่วนงบประมาณของรัฐวิสาหกิจ ให้เร่งรัดการเบิกจ่ายลง ทุนของรัฐวิสาหกิจให้ได้ร้อยละ 90 ของกรอบเบิกจ่ายลงทุนปี 2549 ตามมติคณะรัฐมนตรีเพื่อให้การดำเนินงาน ของรัฐวิสาหกิจสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับการลงทุนที่อยู่ระหว่างพิจารณา อนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ให้รัฐวิสาหกิจเตรียมการใน กิจกรรมที่สามารถดำเนินการได้ล่วงหน้า เช่น การประกวดราคา การจัดทำเอกสารต่าง ๆ และการประสานงาน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ทันทีเมื่อได้รับอนุมัติ นอกจากนี้ให้รัฐวิสาหกิจจัดทำงบลง ทุนเพิ่มเติมระหว่างปีงบประมาณให้ สศช. พิจารณาภายในเดือนพฤษภาคม 2549 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และ ลดภาระการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเพื่อให้รัฐวิสาหกิจสามารถเบิกจ่ายลงทุน ได้ตามเป้าหมายและให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจ ประสาน และตรวจสอบข้อมูลงบประมาณในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสำนักงบประมาณให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน เพื่อประกอบ การดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 802 | มาตรการเศรษฐกิจระยะสั้น 8 เดือนหลังของปี 2549 | นร | 25/04/2549 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) เสนอกรอบมาตรการเศรษฐกิจระยะสั้น 8 เดือนหลังของปี พ.ศ. 2549 เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ น้ำมันเร่งด่วน ประกอบด้วย มาตรการพลังงาน มาตรการเพิ่มรายได้ มาตรการลดภาระรายจ่ายของภาค ประชาชนและภาคธุรกิจ มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายตามแผนการใช้จ่ายและการลงทุนที่ได้รับอนุมัติ และ มาตรการสร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดี และให้ สศช. นำเรื่องนี้ไปเป็นข้อมูลพื้นฐาน เพื่อจัดการประชุม หารือผู้เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วนในวันพุธที่ 26 เมษายน 2549 ณ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อพิจารณาแนวทางและ มาตรการดำเนินการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากน้ำมันมีราคาสูงรวมทั้งการกำหนดเจ้าภาพรับผิดชอบในแต่ ละมาตรการให้ชัดเจน ทั้งนี้ ให้เชิญรัฐมนตรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และปลัดกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 803 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 21/03/2549 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่ายกฎ
หมาย ฯ) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ เพิ่มการดำเนินคดีแบบกลุ่ม เพื่อคุ้มครองผู้เสียหาย (เพิ่มหมวด 4 การดำเนินคดีแบบกลุ่ม) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณา โดยให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ที่เห็นว่า การดำเนินคดีแบบกลุ่มตาม ที่เสนอมีหลักการเป็นการเปิดโอกาสให้สามารถดำเนินคดีแบบกลุ่มได้ ทำนองเดียวกับระบบการพิจารณาของ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยกำหนดเป็นหลักเกณฑ์กลางในภาพรวม ซึ่งในบางกรณีอาจมีความจำเป็นให้ภาครัฐ สามารถเข้าไปดูแลเยียวยาความเสียหายเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชนได้ โดยให้พนักงานอัยการใน ฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐมีอำนาจดำเนินการในเรื่องนี้ได้ด้วยแต่เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติที่เสนอเป็นกฎหมาย กลาง ประกอบกับมีกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการกำหนดอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการไว้ ให้สามารถดำเนินคดีแทนประชาชนได้ตามที่กฎหมายบัญญัติ ดังนั้น ในเรื่องนี้หากกรณีใดสมควรให้ความช่วย เหลือประชาชน ก็อาจพิจารณากำหนดไว้ในกฎหมายนั้น ๆ ให้พนักงานอัยการดำเนินคดีแทนได้ และในการ ดำเนินคดีแบบกลุ่มนั้น เป็นคดีที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก หากกำหนดให้อุทธรณ์และฎีกาคดีแบบกลุ่มได้ดังเช่น คดีแพ่งทั่วไป อาจทำให้การดำเนินคดีล่าช้า การจำกัดให้อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาจะเป็นการเร่งรัดให้คดี เสร็จสิ้นถึงที่สุดโดยเร็วโดยในชั้นการพิจารณาของศาลฎีกาอาจพิจารณาจัดตั้งแผนการดำเนินคดีแบบกลุ่มเพื่อ พิจารณาพิพากษาโดยเฉพาะได้ และความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เห็นว่า การคุ้มครองความเสียหาย จำนวนมากในลักษณะเป็นกลุ่มบุคคล ปัจจุบันพนักงานอัยการได้ดำเนินการอยู่แล้วตามอำนาจหน้าที่ ซึ่ง กำหนดไว้ในกฎหมายหลายฉบับ จึงควรกำหนดร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ครอบคลุมการดำเนินการของพนักงานอัยการในการคุ้มครองผู้เสียหายแบบ กลุ่มด้วย ร่างมาตรา 222/19 วรรคสองได้กำหนดให้บังคับตามบทบัญญัติมาตรา 222/24 พบว่าร่างมาตรา 222/24 เป็นเรื่องที่ให้อำนาจศาลมีคำสั่งให้มีการแบ่งกลุ่มย้อย ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีตามร่างมาตรา 222/19 แต่อย่างใดและควรเพิ่มบทบัญญัติเกี่ยวกับการดำเนินคดีกรณีที่ไม่อาจเรียกให้โจทก์วางเงินค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ ร่างมาตรา 222/37 มีบทบัญญัติให้ศาลกำหนดเงินรางวัลโดยคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี ที่ทนายความฝ่ายโจทก์ได้เสียไปด้วย แต่หากโจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายดังกล่าวกลับไม่ปรากฏว่าโจทก์จะได้รับ เงินค่าใช้จ่ายที่เสียไป หรือไม่ อย่างไร ซึ่งน่าจะทำให้เกิดความลักลั่นไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหาย โดยตรง และควรกำหนดให้สามารถอุทธรณ์และฎีกาคดีแบบกลุ่มได้ดังเช่นคดีแพ่งสามัญโดยไม่ควรจำกัดให้ อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา เนื่องจากคดีแบบกลุ่มเป็นคดีที่มีทุนทรัพย์และกระทบกลุ่มบุคคลเป็นจำนวนมาก ไปประกอบการพิจารณาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 804 | ผลการประชุมคณะทำงานร่วมไทย - อินเดีย ครั้งที่ 1 (วันที่ 9-10 มกราคม 2549) | กต | 07/03/2549 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอรายงานผลการประชุมคณะ
ทำงานร่วมไทย-อินเดีย ครั้งที่ 1 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ระหว่างวันที่ 9-10 มกราคม 2549 ที่กรุงเทพ ฯ โดยมีประเด็นข้อหารือที่สำคัญ ได้แก่ การหารือเรื่องการค้าการลงทุน ไทยและอินเดีย เห็นพ้องให้มีกระบวนการเจรจาภายใต้กรอบการค้าเสรีเพื่อให้บรรลุผลตามเงื่อนไขที่วางไว้โดยเร็ว การหา รือเรื่องนโยบายเปิดน่านฟ้าเสรี ไทยได้เสนอขอยกเลิก Commercial Agreement และเพิ่มเที่ยวบินใหม่ คือ กรุงเทพ ฯ-นิวเดลี จากสัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน เป็น 14 เที่ยวบิน เพิ่มเที่ยวบินไป-กลับ กรุงเทพ ฯ-นิวเดลี- ลอนดอน เป็น 7 เที่ยวบิน/สัปดาห์ และเปิดจุดบินใหม่ คือ กรุงเทพ ฯ-ไฮเดอราบาด 7 เที่ยวบิน/สัปดาห์ การหารือเรื่องความร่วมมือในกรอบความมั่นคง ได้เห็นพ้องให้เร่งรัดความตกลงและบันทึกความเข้าใจที่ยัง คั่งค้างระหว่างกันอยู่ให้เสร็จสิ้น การหารือเรื่องการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม อินเดีย-พม่า-ไทย จะมีการ กำหนดท่าทีร่วมกันในเรื่องการเงิน และเรื่องอื่น ๆ เพื่อเจรจากับฝ่ายพม่าต่อไป การหารือเรื่องการสร้าง Knowledge-based Society ฝ่ายไทยมีแผนในการขอความร่วมมือ ได้แก่ นำเข้า Knowledge Workers ด้าน ซอฟท์แวร์จากอินเดีย เพื่อให้ความรู้และคำแนะนำ การดูงานและฝึกอบรมบุคลากร การขอคำแนะนำเพื่อ จัดตั้งศูนย์ซอฟท์แวร การริเริ่มให้มีการแลกเปลี่ยน Content ด้าน E-learning และการหารือเรื่องความร่วม มือด้านวัฒนธรรม ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้มีการเร่งรัดการจัดทำกรอบความร่วมมือด้านวัฒนธรรมให้เสร็จ โดยเร็วเพื่อลงนามในโอกาสแรก รวมทั้งแนวทางในการอนุวัติบันทึกความเข้าใจมิตรภาพและความร่วมมือ ระหว่างภูเก็ตและพอร์ตแบลร์ ทั้งนี้ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบและปฏิบัติตาม ตลอดจนติด ตามในประเด็นต่าง ๆ โดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 805 | การดำเนินงานด้านการป้องกันเอดส์ในกลุ่มเยาวชน | สธ | 07/03/2549 | |||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับสรุปผลการดำเนินงาน
ด้านการป้องกันเอดส์ในกลุ่มเยาวชน โดยได้จัดประชุมเพื่อระดมสมองนักวิชาการที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงาน กับกลุ่มเยาวชนจากหน่วยงานภาครัฐ จำนวน 27 คน เพื่อทบทวนการทำงานที่เกี่ยวข้องกับเยาวชนที่ผ่านมา และวางแนวทางการทำงานเกี่ยวกับเยาวชนในอนาคตข้างหน้า ส่วนสถานการณ์ปัญหาเอดส์ในกลุ่มเยาวชนมี การแพร่ระบาดไปสู่ครอบครัวและวัฒนธรรมทางเพศของเยาวชนเปลี่ยนไป เช่น ค่านิยมการมีกิ๊ก เยาวชนมอง ดูว่าเป็นเรื่องเท่ห์ สื่อลามกที่แพร่สู่เยาวชนง่ายขึ้นและมากขึ้น โดยผู้ใหญ่เข้าไปไม่ถึงและตามไม่ทัน ซึ่งสอด คล้องกับข้อมูลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่สำรวจพบว่า มีการรับรู้เรื่องเพศจาก สื่อลามกมากขึ้น สถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พบว่าประชากรกลุ่มอายุ 15-19 ปี พบสัดส่วนอัตรา การป่วย 53 ต่อ 1 แสนในเพศชาย และอัตราการป่วย 38 ต่อ1 แสนในเพศหญิง ในกลุ่มอายุ 20-24 ปี เพศ ชาย 55 ต่อ 1 แสน และเพศหญิง 59 ต่อ 1 แสน ซึ่งสูงและยังพบว่าอัตราการป่วยสูงแต่มารับบริการน้อย ใน การนี้ ที่ประชุมได้เสนอให้มีการเร่งรัดการขยายโครงการที่มุ่งกลุ่มเยาวชน/วัยรุ่น ภายใน 2-3 ปี ให้มีการ รณรงค์การสร้างความตระหนักในการป้องกันเอดส์ที่ต่อเนื่อง การสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกัน นอกจาก นี้ ควรให้มีคณะทำงานในเรื่องหลักสูตรโดยเฉพาะโดยกระทรวงศึกษาธิการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญทางด้านพฤติ กรรมศาสตร์และทางด้านสังคมมาร่วมพิจารณาและควรตั้งภายใต้คณะอนุกรรมการประสานแผน โดยมีอธิบดี กรมควบคุมโรคเป็นประธาน เพื่อให้การทำงานเร็วขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||
| 806 | การบริหารนโยบายเศรษฐกิจปี 2549 | นร | 28/02/2549 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เสนอเกี่ยวกับการบริหารนโยบายเศรษฐกิจปี 2549 โดยมีมาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างความมั่นใจให้ กับประชาชน ภาคธุรกิจ และนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อที่จะสนับสนุนให้เศรษฐกิจในปี 2549 มี เสถียรภาพมีการปรับตัวดีขึ้น ดังนี้ กลุ่มที่ 1 มาตรการส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกและการเพิ่มประสิทธิ ภาพการใช้พลังงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปัจจัยการผลิตและลดการพึ่งพิงการนำเข้าพลังงาน กลุ่มที่ 2 มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพระบบโลจิสติกส์ กลุ่มที่ 3 การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ กลุ่มที่ 4 มาตรการส่ง เสริมการท่องเที่ยวและการค้าปลีก กลุ่มที่ 5 มาตรการส่งเสริมการลงทุนและการลงทุนในโครงการขนาด ใหญ่ กลุ่มที่ 6 มาตรการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการรายย่อย กลุ่มที่ 7 มาตรการปรับค่าแรงขั้นต่ำและ ค่าจ้างเงินเดือน และกลุ่มที่ 8 มาตรการอื่น ๆ เช่น การส่งเสริมการออมและการพัฒนาตลาดทุน การส่ง เสริมการส่งออก และการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
| 807 | ผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 11 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | นร | 31/01/2549 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานผลการประชุมสุดยอดอาเซียน
(ASEAN SUMMIT) ครั้งที่ 11 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 11-14 ธันวาคม 2548 ได้มีการหารือในประเด็นสำคัญ ๆ ได้แก่ การรวมตัวของอาเซียน โดยให้มีการเร่งรัดการ รวมตัว แนวทางการจัดทำกฎบัตรอาเซียน การส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ระหว่างประชาชนอาเซียน การประชุมสุดยอด สามเหลี่ยมเศรษฐกิจ (IMT-GT) การพัฒนาการในพม่า ปัญหาไข้หวัดนก ปัญหามลพิษหมอกควันข้ามแดนการ ระดมทุนในภูมิภาคและพันธบัตรเอเชีย ความร่วมมือด้านพลังงาน เทคโนโลยีสารสนเทศ การต่อต้านการก่อการ ร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ EAST ASIA SUMMIT (ESA) การสนับสนุนผู้สมัครตำแหน่งเลขาธิการสหประชา ชาติ ความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจา (รายประเทศ) และความร่วมมือเพื่อลดช่องว่างในการพัฒนา และมอบหมาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ประเด็นความร่วมมือต่าง ๆ ตามผลการประชุม ฯ มีความคืบหน้าต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 808 | มอบหมายและมอบอำนาจให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี เพิ่มเติม | นร | 10/01/2549 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ 521/2548 เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทน นายกรัฐมนตรีเพิ่มเติม ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2548 โดยมอบหมายและมอบอำนาจให้รัฐมนตรีประจำสำนัก นายกรัฐมนตรี (นายเนวิน ชิดชอบ) สั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีเพิ่มเติม ดังนี้ ติดตาม เร่งรัด และประสานการแก้ไขปัญหาสื่อลามกทุกประเภทให้หมดสิ้นจากสังคมไทย ประสานการดำเนินการตรวจ สอบ สื่อลามกทั่วทุกพื้นที่ การโฆษณาการ์ตูน ตู้เกมส์อันเป็นสิ่งมอมเมาเด็กและเยาวชน รวมทั้งประสาน การสกัดกั้นเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม โดยร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสาร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และในกรณีจำเป็นให้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมได้ กรณีต้อง สั่งการใด ๆ แทนนายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการได้เท่าที่จำเป็น โดยให้ประสานงานกับรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่รับผิดชอบภารกิจนั้น ๆ โดยตรง ให้รายงานความคืบ หน้า ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ รวมทั้งเสนอมาตรการเร่งรัด ป้องกันและแก้ไขต่อนายกรัฐมนตรี และคณะ รัฐมนตรีเป็นระยะ ๆ
|
||||||||||||||||||||||||
| 809 | ความก้าวหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการส่งเสริมสื่อสร้างสรรค์สังคมไทย | นร | 27/12/2548 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการส่งเสริมสื่อสร้าง สรรค์สังคมไทย โดยคณะกรรมการแห่งชาติ ฯ ได้มีการประชุม ครั้งที่ 1/2548 เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2548 ที่ประชุมได้มีมติให้เร่งรัดการขจัดสื่อร้ายขยายสื่อดีให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนจะต้องร่วมมือกันดำเนินการอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง ในส่วนของการเร่งรัดการป้องกันและ ปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจบริหารจัดการการป้องกันและปราบ ปรามสื่อลามกอนาจาร โดยให้ประชาชนแจ้งเบาะแสหมายเลข 02-205-1445 และ 02-251-8967 ตั้ง แต่วันที่ 1 ธันวาคม และได้ดำเนินการ X-RAY สื่อลามกทุกพื้นที่ โดยได้จับกุมสิ่งพิมพ์ลามกจำนวน 7,613 เล่มแผ่น CD ลามก 2,802 แผ่น แท่นพิมพ์ 1 เครื่อง ใน 4 จังหวัด (ข้อมูล ณ วันที่ 1-19 ธันวาคม 2548) กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ได้จัดทำร่างบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือใน การดำเนินงานเพื่อยุติการเผยแพร่เว็บไซด์ที่ไม่เหมาะสมกับผู้ประกอบการ ISP นอกจากนี้ ได้ลงนามร่วม กับผู้จัดทำเว็บไซด์ชั้นนำ 30 ราย ในการติดตั้ง Source Cyber Clean เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนมีส่วน ร่วมแจ้งเบาะแสผ่าน www.cyberclean.org ซึ่งได้ดำเนินการปิดกั้นไปแล้ว 3,000 เว็บไซด์ และการรณรงค์ ผ่านสื่อ กระทรวงศึกษาธิการ ได้คัดเลือกสถาบันที่เปิดสอนสาขานิเทศศาสตร์ จำนวน 16 สถาบัน ซึ่งทุก มหาวิทยาลัยพร้อมให้ความร่วมมือจัดทำรายการรูปแบบสารคดีชุดเด็กไทยเด็กดี โดยให้นักศึกษาร่วมผลิต และดำเนินรายการ สำหรับการดำเนินงานในระยะต่อไป ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งดำเนินการ ปราบปรามสื่อลามกทุกประเภทให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ กับให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสาร เร่งดำเนินการในการเปิดเว็บไซด์ที่ไม่เหมาะสม ทั้งในและต่างประเทศให้หมดสิ้นโดยเร็ว ให้ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พิจารณาคัดเลือกสถาบันการ ศึกษา และองค์กรภาคเอกชน ที่จะเป็นผู้ผลิตรายการสื่อสร้างสรรค์ โดยให้รัฐวิสาหกิจจัดสรรรายได้ส่วน หนึ่งมาสนับสนุนการผลิต ให้กระทรวงวัฒนธรรมจัดตั้งคณะกรรมการ เพื่อจัดระดับความเหมาะสมของสื่อ แต่ละประเภท (Rating) ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และให้องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย และกรมประชาสัมพันธ์ จัดทำแผนปฏิบัติการประชาสัมพันธ์และรณรงค์การสร้างสื่อสร้างสรรค์ โดยให้ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2549 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รายงานผลการปฏิบัติงานต่อรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อใช้ประชาสัมพันธ์และรายงานต่อสาธารณชนในงานวันเด็กแห่งชาติ (วันที่ 14 มกราคม 2549)
|
||||||||||||||||||||||||
| 810 | การดำเนินการประกวดราคาทางอิเล็คทรอนิกส์ (e-auction) | นร | 27/12/2548 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการดำเนินการประกวดราคาทางอิเล็ก
ทรอนิกส์ (e-auction) โดยให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ชะลอการดำเนินการประกวด ราคาทางอิเล็กทรอนิกส์เฉพาะขั้นตอนการให้เอกชนเสนอราคา ในแผนงาน โครงการต่าง ๆ ในความรับผิด ชอบ ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไปไว้ก่อน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนเกี่ยว กับเรื่องนี้แล้ว ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) กำลังดำเนินการเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงแก้ ไขกฎ ระเบียบ และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2548 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการสมยอมราคาในการประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-auction) และคาดว่า จะประกาศใช้เป็นแนวปฏิบัติได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2549 เป็นต้นไป โดยในระหว่างนี้ให้ส่วน ราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ สามารถดำเนินการในขั้นตอนอื่น ๆ เช่น การออกประกาศเชิญ ชวนให้ผู้ประกอบการเตรียมเสนอราคา เป็นต้น ไว้ล่วงหน้าไดญ
|
||||||||||||||||||||||||
| 811 | การเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินและการดำเนินการมาตรการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2548 | นร | 20/12/2548 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่าย
กฎหมาย พลังงาน ระบบราชการและการประชาสัมพันธ์) ที่มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายก รัฐมนตรีเสนอมติคณะกรรมการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ครั้งที่ 2/2548 เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2548 ซึ่งกำหนดแนวทางปฏิบัติในส่วนของงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ โดยให้จังหวัด เร่งรัดการดำเนินการให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการที่ใช้จ่ายจากงบประมาณ ประจำปี พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันของประเทศ (5,000 ล้านบาท) งบประมาณ รายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 รายการค่าใช้จ่ายการดำเนินการตามยุทธศาสตร์การ พัฒนาจังหวัดแบบบูรณาการสำหรับผู้ว่าราชการจังหวัด (15,000 ล้านบาท) โดยเร็ว ในกรณีงบประมาณ ดังกล่าวมีปัญหาอุปสรรคที่ไม่สามารถดำเนินการได้หรือไม่มีความพร้อมแต่ยังไม่มีคุณลักษณะเฉพาะรูปแบบ รายการละเอียดพร้อมที่จะดำเนินการได้ทันที ให้จังหวัดปรับโครงการไปสนับสนุนมาตรการกระตุ้นการใช้ จ่ายภาครัฐที่เน้นการจ้างแรงงาน สร้างกิจกรรมและสินทรัพย์ของเศรษฐกิจในท้องถิ่นที่สามารถเบิกจ่ายงบ ประมาณได้เร็วกว่าโครงการเดิม และรายงานให้รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ทราบ กรณีงบประมาณดังกล่าวมีเงินเหลือจ่ายก็ให้จังหวัดพิจารณานำไปใช้สำหรับโครงการอื่นที่สนับสนุน ยุทธศาสตร์จังหวัด ซึ่งสามารถดำเนินการแล้วเสร็จโดยเร็ว และจะต้องเน้นโครงการที่เป็นการจ้างแรงงาน และใช้วัสดุในท้องถิ่น ตามมาตรการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2548 โดยถือ ปฏิบัติตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง และรายงานรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับการปฏิบัติราชการในภูมิภาคทราบ ด้วย สำหรับงบประมาณปี พ.ศ. 2549 ให้จังหวัดเตรียมการไปพิจารณาปรับปรุงแผนงาน เพื่อให้มีการเพิ่ม โครงการที่เน้นการจ้างงาน การสร้างกิจกรรม และสินทรัพย์ของเศรษฐกิจในท้องถิ่นที่สามารถดำเนินการ ได้ในช่วงไตรมาสแรก ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 (ตุลาคม-ธันวาคม) ตามมาตรการสร้างเสถียรภาพ ทางเศรษฐกิจ ฯ และเร่งรัดดำเนินการตามแผนงาน เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐไปสู่พื้นที่ได้เร็วขึ้นให้มาก ที่สุดเท่าที่จะทำได้ และมอบหมายให้สำนักงบประมาณดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และให้ดำเนิน การต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 812 | การบรรยายสรุปภาวะเศรษฐกิจไตรมาสที่ 3/2548 และแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2548-2549 | นร | 06/12/2548 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอดังนี้
รับทราบสรุปภาวะเศรษฐกิจไตรมาสที่ 3/2548 และแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2548-2549 และเห็นชอบให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดและจัดทำมาตรการเศรษฐกิจปี 2549 รวม 8 มาตรการ ได้แก่ การส่งเสริมการ ใช้พลังงานน้ำมันเชื้อเพลิง ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ (NGV) และแก๊สโซฮอล์ (Gasohol) เป็นต้น การส่งเสริม การลงทุนภาคเอกชนให้เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในปี 2549 การเร่งรัดการลงทุนโครง การขนาดใหญ่ (Mega Projects) ให้เป็นไปตามแผนเพื่อสร้างความทันสมัยให้กับประเทศ และสร้างความ เชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและธุรกิจเอกชนถึงความชัดเจนของแผนการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ และสามารถ คาดการณ์ถึงการมีบริการของโครงสร้างพื้นฐานที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตได้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ภาค ธุรกิจเอกชนใช้ประกอบการตัดสินใจในการดำเนินและการขยายธุรกิจ การเร่งรัดการดำเนินการโครงการ พัฒนาศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน (SML) โครงการศูนย์ซ่อมสร้างประจำตำบล (Fix-it Centers) และการ ใช้จ่ายเงินงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัด และจังหวัด 40,000 ล้านบาท) การสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและการส่งเสริมการพัฒนามูลค่าเพิ่มของ ผลิตภัณฑ์ภาคการเกษตร การส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ของธุรกิจท่องเที่ยวให้สอด คล้องกับตลาดกลุ่มเป้าหมายในแต่ละกลุ่ม และใช้ประโยชน์จากการเปิดสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิต่อ การดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อให้เป็นศูนย์การบินภูมิภาค การผลักดันการส่งออกสินค้าให้สามารถ ขยายตัวได้ตามเป้าหมายอย่างน้อยร้อยละ 17 โดยให้ความสำคัญของกลุ่มสินค้าส่งออกใหม่ที่มีศักยภาพ และเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง การส่งเสริมการออมอย่างเป็นระบบเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและลดภาระ ค่าใช้จ่ายภาครัฐในอนาคต รวมทั้งเพื่อสนับสนุนสภาพคล่องภายในประเทศเพื่อการระดมทุน และให้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประสานกับสำนักเลขาธิการนายกรัฐ มนตรี จัดประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง กับเศรษฐกิจ เพื่อวิเคราะห์และกำหนดยุทธศาสตร์เศรษฐกิจในปี 2549 ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้นำเสนอสาระสำคัญของแนวโน้มเศรษฐกิจ ยุทธศาสตร์ และ มาตรการเศรษฐกิจที่ต้องดำเนินการ
|
||||||||||||||||||||||||
| 813 | การแบ่งเบาภารกิจหลักของรัฐมนตรี และการมอบหมายความรับผิดชอบแก่อดีตรัฐมนตรี | นร | 06/12/2548 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการแบ่งเบาภารกิจหลักของ
รัฐมนตรี และการมอบหมายความรับผิดชอบแก่อดีตรัฐมนตรี โดยให้ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้ รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาความยากจนแทนรองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหายาเสพติด แทนรองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์) นายสุวิทย์ คุณกิตติ เป็นประธานกรรม การกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเพื่อรับผิดชอบการดำเนินงานโครงการกองทุนหมู่บ้านและ ชุมชนเมืองแห่งชาติ และนายอดิศัย โพธารามิก เป็นผู้รับผิดชอบการกำกับดูแลการดำเนินการเกี่ยว กับการเร่งรัดการใช้เทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงการบริการของรัฐ ทั้งนี้ ให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับไป ประสานและดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 814 | มาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 | กค | 22/11/2548 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการและแนวทางการเร่งรัด
ติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 และตามที่ผู้อำนวยการสำนัก งบประมาณเสนอเพิ่มเติม ดังนี้ ให้เพิ่มผู้แทนสำนักงบประมาณเป็นกรรมการ และผู้ช่วยเลขานุการในคณะ กรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายเงินภาครัฐ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ส่วนแนวทางแก้ไขกรณีที่ส่วน ราชการและรัฐวิสาหกิจไม่สามารถดำเนินโครงการต่าง ๆ เนื่องจากได้รับงบประมาณไม่เพียงพอ ซึ่งเป็น ผลมาจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงมีราคาสูงขึ้น (ตามหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค 0405.2/ 21866 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2548 หน้า 4 ข้อ 3.2) โดยให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจพิจารณา ปรับแผนการใช้จ่ายและลดเป้าหมายของโครงการหรือกิจกรรมที่ไม่กระทบต่อภารกิจหลักของหน่วยงาน ไปดำเนินการก่อน
|
||||||||||||||||||||||||
| 815 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเรื่อง "ปัญหาภัยแล้งของประเทศกับแนวทางการบรรเทาและแก้ไข (ระยะสั้น/ระยะยาว)" | สสป | 15/11/2548 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 (ฝ่าย
สาธารณสุข การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "ปัญหาภัยแล้งของ ประเทศกับแนวทางการบรรเทาและแก้ไข (ระยะสั้น/ระยะยาว)" โดยมีข้อเสนอแนะดังนี้ ในส่วนของแนวทาง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศโดยทั่วไป รัฐควรกำหนดนโยบายการจัดการทรัพยากรน้ำของ ชาติให้ชัดเจน จริงจัง และครอบคลุม และต้องทำให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยให้ภาคเอกชนและภาคประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมและทุกรัฐบาลต้องดำเนินการตามนโยบายอย่างต่อเนื่อง ต้องจัดสรรงบประมาณตามลำดับ ความสำคัญและจำเป็นต้องศึกษาติดตามสภาพปัญหาที่แท้จริงให้รู้อย่างถ่องแท้ในแต่ละช่วงเวลา แต่ละพื้นที่ และอย่างต่อเนื่อง ขจัดระบบอภิสิทธิ์ และการใช้อำนาจในลักษณะที่ไม่เป็นธรรม ไม่โปร่งใส สร้างจิตสำนึก ให้คนไทยและเยาวชนตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำ พัฒนากลไกและกระบวนการบริหารจัดการ น้ำเชิงบูรณาการโดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายจัดทำแผนแม่บทการจัดการทรัพยากรแบบบูรณาการใน ระดับลุ่มน้ำ กำหนดมาตรการจัดการทรัพยากรน้ำให้สอดคล้องกับศักยภาพ และต้องจัดให้มีเจ้าภาพใน เรื่องการจัดการน้ำอย่างชัดเจน กรณีภัยแล้งที่เกิดขึ้นมักจะกระทบต่อภาคการเกษตรเป็นประจำทุกปี ควรมี การประกันภัยพืชผลการเกษตร หรือให้เงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ หรือมีระยะการปลอดดอกเบี้ย และต้อง เตรียมเมล็ดพันธุ์พืชอายุสั้นเพื่อปลูกทดแทนพืชที่เสียหาย ส่วนแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำใน ภาคตะวันออก และโครงการอิสเทอร์นซีบอร์ด ควรเชื่อมโยงแหล่งเก็บกักน้ำเพื่อการจัดสรรน้ำต้นทุนให้มี ประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง และเพื่อความสมบูรณ์ของระบบ กรณีเขื่อนทดน้ำบางปะกงต้องเร่งแก้ไขในปัญหา ของมลพิษเหนือเขื่อน น้ำท่วมท้ายเหมือง และตลิ่งพังท้ายเขื่อน รวมทั้งการเร่งให้มีแหล่งเก็บกักน้ำเหนือ เขื่อนทดน้ำบางปะกงตามแผนของกรมชลประทาน ต้องมีการเร่งรัดโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยโสมง ตลอดจนควบคุมและกำกับการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด สร้างจิตสำนึกตระหนักในคุณค่าของน้ำทั้งผู้ใช้ น้ำและเยาวชน จัดให้มีเจ้าภาพในการศึกษาและติดตามปัญหาอย่างจริงจังและจริงใจเป็นระบบและต่อเนื่อง รวมทั้งบริหารจัดการแหล่งต้นน้ำอย่างเต็มประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าวไปพิจารณาดำเนิน การตามความเหมาะสม โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าของเรื่องในการจัดทำ รายงานผลการดำเนินการ เพื่อรายงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อทราบผลการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 816 | ผลการติดตามการจดทะเบียนซิมการ์ดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | ทก | 15/11/2548 | |||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเกี่ยวกับ
ผลการติดตามการจดทะเบียนซิมการ์ดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้น ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส) โดยมีการจัดระเบียบการใช้โทรศัพท์มือถือประ เภทเติมเงิน (Prepaid SIM Card) โดยการจดทะเบียนซิมการ์ดภายในวันที่ 15 พฤศจิายน 2548 เวลา 24.00 น. หากผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในพื้นที่ดังกล่าวไม่มาแสดงตนตามวัน-เวลา ที่กำหนดจะมีผลทำให้โทรศัพท์มือถือ ถูกระงับสัญญาณ โดยปัจจุบันจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือประเภทเติมเงิน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งสิ้นประมาณ 470,000 ราย ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2548 มีประชาชนมาขอจดทะเบียนซิมการ์ด ทั้งสิ้น 344,954 คน คิดเป็นประมาณร้อยละ 73 และได้มีการเร่งรัดให้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านทางสถานีวิทยุ โทรทัศน์ทุกช่อง สถานีวิทยุกระจายเสียง และสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ทั้งในส่วนกลางและพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดน ภาคใต้ ตลอดจนประสานงานและขอความร่วมมือผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือให้มีการประชาสัมพันธ์ผ่าน ทาง SMS และการส่ง Voice mail เพื่อแจ้งไปยังประชาชนโดยตรงให้มาลงทะเบียนซิมการ์ดก่อนที่จะมีการ ระงับสัญญาณการใช้ นอกจากนี้ ได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวง ฯ เรื่อง การลงทะเบียนบัตรประจำตัว ของผู้ใช้บริการ (ซิมการ์ด) เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถาน การณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
|
||||||||||||||||||||||||
| 817 | ร่างกฎ ก.พ. ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน | นร | 08/11/2548 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่าย
กฎหมาย ฯ) ที่มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอร่างกฎ ก.พ. ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ว่าด้วยการสั่งพัก ราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน โดยมีสาระสำคัญคือ ให้สั่งให้ผู้ถูกสั่งพักราชการและผู้ถูก สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนซึ่งผู้มีอำนาจพิจารณาคำร้องทุกข์เห็นว่า การสอบสวนทางวินัยไม่สามารถ ดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งไม่ควรเกินหนึ่งปีนับแต่วันพักราชการหรือ ให้ออกจากราชการไว้ก่อน กลับเข้าปฏิบัติราชการก่อนการสอบสวนเสร็จสิ้นได้ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้สำนักงาน ก.พ. รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นว่า ในการพิจารณา กำหนดมาตรการเร่งรัดการสอบสวนทางวินัย ต้องคำนึงถึงหลักการของความเป็นธรรมและความถูกต้อง รวมทั้งแก้ไขสาเหตุที่ทำให้เกิดความล่าช้าในการสอบสวนด้วย เช่น อำนาจการเรียกตัวพยานมาให้การ กรรมการสอบสวนย้าย หรือเกษียณอายุราชการ กรรมการสอบสวนเป็นกรรมการสอบสวนหลายคณะ กรรมการสอบสวนไม่มีความเชี่ยวชาญในการสอบสวนทางวินัย เป็นต้น อย่างไรก็ดี ร่างกฎ ก.พ. ที่เสนอ เป็นหลักการที่ดี และเป็นมาตรการหนึ่งที่จะช่วยเร่งรัดการสอบสวน และเป็นแบบอย่างให้กับข้าราชการ ประเภทอื่น ๆ เช่น ข้าราชการทหาร ตำรวจ ครู เป็นต้น สามารถนำไปปรับใช้ได้ ไปพิจารณาดำเนินการ ต่อไป ทั้งนี้ ให้องค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการฝ่ายต่าง ๆ รับแนวทางตามมติคณะกรรมการ กลั่นกรอง ฯ ในเรื่องนี้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 818 | การขอนำเข้าเอทานอลเพิ่มเติมเพื่อนำมาผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์เป็นการชั่วคราว | พน | 08/11/2548 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นำเข้า
เอทานอลได้เฉพาะส่วนที่ขาดในจำนวนไม่เกิน 20 ล้านลิตร โดยได้รับการยกเว้นภาษีสรรพสามิต อากรขา เข้า และกฎระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) และให้ดำเนินการนำเข้าได้จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2549 ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) กำกับดูแลอย่างเคร่งครัด และให้กระทรวง พลังงานประสานกระทรวงการคลังเพื่อจัดทำร่างประกาศกระทรวงการคลังที่เกี่ยวข้อง และส่งให้สำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ครั้งหนึ่ง รวมทั้งให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) เป็นเจ้าภาพรับไปพิจารณาร่วมกับรอง นายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อพิจารณาแนวทางและมาตร การบริหารจัดการเกี่ยวกับการผลิตเอทานอลและการผลิตและใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ให้มีความสัมพันธ์ เชื่อม โยง สอดคล้องกันทั้งระบบ เช่น การผลิตวัตถุดิบ โครงสร้างราคาวัตถุดิบ การควบคุมดูแล การนำเข้าและ ส่งออกวัตถุดิบ ให้สอดคล้องกับความต้องการภายในประเทศ และการเร่งรัดและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ ผลิตเอทานอลที่ได้รับอนุญาตแล้วดำเนินการผลิตเอทานอลให้เป็นไปตามแผนและสอดคล้องกับความต้อง การใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ภายในประเทศ |
||||||||||||||||||||||||
| 819 | เร่งร้ดการตอบกระทู้ถามทั่วไปในราชกิจจานุเบกษา (จำนวน 188 เรื่อง) | สผ | 08/11/2548 | |||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับ
การเร่งรัดการตอบกระทู้ถามทั่วไปในราชกิจจานุเบกษา ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานสภา ผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 2/2548 วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม 2548 ที่ให้เร่งรัดให้รัฐมนตรีตอบกระทู้ถาม ทั่วไปในราชกิจจานุเบกษาภายในกำหนดเวลาตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ข้อ 147 โดย ไม่ค้าง ทั้งนี้ มีกระทู้ถามที่ได้ส่งไปเพื่อให้รัฐมนตรีตอบแล้วรวม 188 เรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||
| 820 | รายงานผลความก้าวหน้า โครงการเร่งรัดขยายบริการไฟฟ้าโดยระบบผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Home System) | มท | 01/11/2548 | |||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค)
เกี่ยวกับความก้าวหน้าโครงการเร่งรัดขยายบริการไฟฟ้าโดยระบบผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานแสง อาทิตย์ (Solar Home System) ข้อมูล ณ เดือนสิงหาคม 2548 โดยในส่วนของโครงการฯ ระยะที่ 1 จำนวน 153,000 ครัวเรือน ได้ทำสัญญาจ้างก่อสร้างและติดตั้งระบบ Solar Home System จำนวน 6 สัญญา แบ่งตามพื้นที่ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ปัจจุบันติดตั้งแล้วเสร็จจำนวน 118,288 ครัว เรือน (77.31%) จะแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2548 ส่วนโครงการ ฯ ระยะที่ 2 จำนวน 50,000 ครัว เรือน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ใช้สิทธิตามสัญญาจ้างโดยจ้างเพิ่มเติม 20 % จากสัญญาจ้างเดิม จำนวน 21,776 ครัวเรือน ส่วนที่เหลือจำนวน 28,224 ครัวเรือน ได้ดำเนินการประกวดราคาโดย วิธี e-Auction แบ่งออกเป็น 2 ประกวดราคาจะลงนามในสัญญาจ้างในเดือนกันยายน 2548 กำหนดแล้วเสร็จเดือนพฤษภาคม 2549 สำหรับสถานะการเบิกจ่าย งบประมาณทั้งสิ้น 5,621.50 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายแล้ว 2,216.51 ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
.....
