ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 46 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 901 - 920 จากข้อมูลทั้งหมด 1479 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 901 | ขอรับอัตราคืนจากมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง | ศธ | 04/05/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7)
ที่มีมติอนุมัติให้คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) พิจารณาจัดสรรอัตราข้า ราชการครูที่ลาออกตามมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง (โครงการทางเลือก ใหม่ให้ชีวิต) คืนให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ร้อยละ 20 ของข้าราชการครูที่ได้รับ อนุมัติให้ลาออกเพื่อแต่งตั้งเข้ารับราชการครูสายผู้สอนให้ทันภาคเรียนแรกของปีการศึกษา 2547 และหาก ดำเนินการแล้วยังขาดแคลนครูอยู่อีก ให้กระทรวงศึกษาธิการทำความตกลงกับสำนักงาน ก.พ. และสำนักงบ ประมาณ เพื่อกำหนดอัตราครูจ้างชั่วคราวหรือพนักงานราชการตามความจำเป็นและเหมาะสมไปก่อน โดยให้ กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2546 เกี่ยวกับการ ขยายเวลาการจ้างครูอัตราจ้างชั่วคราวเป็นคราวละ 5 ปี ต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ข้อมูลจำนวนครูที่ขาดแคลนที่ เป็นจริง เพื่อจะได้กำหนดมาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาขาดแคลนครูในระยะยาวต่อไป นอกจากนี้ คณะ รัฐมนตรีเห็นว่า การจัดสรรอัตราข้าราชการครูที่ลาออกตามมาตรการพัฒนา ฯ คืนให้ สพฐ. นั้น ให้ คปร. พิจารณาจัดสรรเพิ่มจากเดิมร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 50 ด้วย รวมทั้งมีข้อสังเกตด้วยว่า ในการพิจารณาบรรจุ แต่งตั้งข้าราชการในอัตราว่างที่ได้รับการจัดสรร กระทรวงศึกษาธิการควรพิจารณาคัดสรรจากครูอัตราจ้างที่ มีคุณสมบัติและความรู้ความสามารถเหมาะสมก่อนเป็นลำดับแรก |
||||||||||||||||||||||||
| 902 | รายงานความคืบหน้าของการดำเนินงานโครงการกรุงเทพ ฯ เมืองแฟชั่น | อก | 27/04/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานความคืบหน้าของการดำเนินงาน
โครงการกรุงเทพ ฯ เมืองแฟชั่น หลังการจัดกิจกรรมเปิดตัวโครงการ ฯ เมื่อวันที่ 12-15 เมษายน 2547 ได้ เกิดกระแสการยอมรับและมีความตื่นตัวเกี่ยวกับอุตสาหกรรมแฟชั่นในระดับที่น่าพอใจ ส่วนของงบประมาณ ที่สำนักงบประมาณได้อนุมัติเป็นจำนวนเงิน 824.64 ล้านบาท ในระยะเวลา 6 เดือน ปัจจุบันอยู่ระหว่าง การเร่งรัดดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณ รวมทั้งได้มีการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะ กรรมการอำนวยการโครงการกรุงเทพ ฯ เมืองแฟชั่น เพื่อให้การบริหารโครงการ ฯ มีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลยิ่งขึ้น โดยมีกรรมการที่มาจากภาคเอกชนมากกว่ากรรมการที่มาจากภาคราชการ ซึ่งในส่วน ของคณะกรรมการ ฯ ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 4-3/2547 เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2547 เกี่ยวกับการ บริหารจัดการโครงการกรุงเทพ ฯ เมืองแฟชั่น โดยแต่งตั้งประธานคณะทำงาน 11 โครงการย่อย โดย ให้คณะทำงานมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาทบทวนข้อกำหนดขอบเขตงาน (TOR) สรรหา ตลอดจนคัด เลือกผู้ที่มีความชำนาญเพื่อเป็นผู้ดำเนินงาน 11 โครงการย่อย เสนอคณะกรรมการ ฯ พิจารณา และกำกับ ดูแลติดตามการดำเนินงานของ 11 โครงการย่อย ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และแผนงานอย่าง มีประสิทธิภาพ และอนุมัติให้ว่าจ้างสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อ เป็นทีมที่ปรึกษาโครงการ ฯ ในภาพรวมภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานโครงการกรุงเทพ ฯ เมือง แฟชั่นเพื่อติดตามและประสานงานกับ 11 โครงการย่อย พร้อมทั้งดำเนินการต่าง ๆ ให้บรรลุเป้าหมายของ โครงการ ฯ
|
||||||||||||||||||||||||
| 903 | รายงานผลการตรวจราชการของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ | กษ | 27/04/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินงานตามแนวทาง
ที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายจากการเดินทางไปตรวจราชการในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 19-24 เมษายน 2547 เกี่ยวกับปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ (1) ปัญหาภัยแล้ง จะดำเนินการขุดลอกหนอง บึงและแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดเล็ก เพื่อแก้ไขปัญหา ความเดือดร้อนของประชาชนเฉพาะพื้นที่ และจัดทำโครงการแหล่งน้ำในไร่นา โดยดำเนินการขุดสระน้ำ เพื่อกัก เก็บน้ำให้แก่เกษตรกร (2) การพัฒนาอาชีพและการยกระดับรายได้ของเกษตรกร จะดำเนินการในลักษณะโครงการต่าง ๆ ได้แก่ การจัดทำโครงการธนาคารโค กระบือ เพื่อสร้างอาชีพด้านการเลี้ยงปศุสัตว์ การจัดสรรโควตาการปลูก ยางพาราให้ได้ตามความต้องการของเกษตรกรโดยลดขนาดพื้นที่ที่จัดสรรเพื่อความเหมาะสม รวมทั้งพัฒนาศูนย์ บริการพัฒนาเครื่องจักรด้านการผลิต และแปรรูปด้านการเกษตรชุมชน โดยจะดำเนินการสำรวจและทำประชา สังคมเพื่อจัดตั้งคณะกรรมการ ฯ เพื่อดำเนินการจัดทำแผนงานและกิจกรรมตามความต้องการของชุมชนในระดับ ตำบล (3) ปัญหากรรมสิทธิ์ที่ดิน ได้กำหนดแผนในการเร่งรัดการออกเอกสารสิทธิ์ที่ทำกินให้แก่เกษตรกร โดยมีเป้าหมายจัดที่ดินทำกินในปี พ.ศ. 2547 จำนวน 3.1 ล้านไร่ เกษตรกรประมาณ 200,000 ราย ส่วนการ จัดที่ดินให้กับเกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทย จะพยายามนำที่ดินจากผู้ถือครองแปลงใหญ่มา กระจายสิทธิให้กับผู้ขึ้นทะเบียนดังกล่าวต่อไป (4) ปัญหาโครงการนำร่องเพื่อพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนของเกษตรกรรายย่อย จะนำเรื่องเสนอคณะ รัฐมนตรีต่อไป (5) ปัญหาด้านหนี้สินของเกษตรกร จะนำเสนอเรื่องการจัดตั้งบริษัทรับชำระหนี้ ต่อคณะกรรมการ กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเพื่อพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 904 | การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน | ผร | 27/04/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาเสนอแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับ
การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน และให้แจ้งเวียนให้ ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐทราบและถือปฏิบัติต่อไป ดังนี้ ให้ทุกหน่วยงานภายใต้บังคับบัญชาและกำกับ ดูแลของรัฐบาลถือปฏิบัติว่า เมื่อได้รับหนังสือหรือได้รับการติดต่อจากผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา หรือสำนัก งานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาเพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริง หรือส่งเอกสารหลักฐานเพื่อประกอบการพิจารณาเรื่อง ร้องเรียนแล้ว เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานดังกล่าวจะต้องรายงานให้หัวหน้าหน่วยงานทราบโดยเร็ว และให้หัวหน้า หน่วยงานสั่งการเร่งรัดและติดตามให้รีบชี้แจงหรือส่งเอกสาร หลักฐานที่เกี่ยวข้องไปยังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่น ดินของรัฐสภาโดยเร็ว เพื่อที่ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาจะได้พิจารณาวินิจฉัยคำร้องเรียนเพื่อแก้ไขทุกข์ร้อนให้ แก่ประชาชนโดยเร็วตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 905 | รายงานผลการตรวจสอบรายงานการรับ-จ่ายเงินของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร และเงินกองทุนหมุนเวียนสำหรับอุดหนุนเกษตรกรในการหาปัจจัยการผลิตตามโครงการความช่วยเหลือเพื่อเพิ่มผลผลิตทางอาหารจากรัฐบาลญี่ปุ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 | กค | 20/04/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการตรวจสอบรายงานการรับ-จ่ายเงิน
ของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร และเงินกองทุนหมุนเวียนสำหรับอุดหนุนเกษตรกรในการหาปัจจัยการผลิตตาม โครงการความช่วยเหลือเพื่อเพิ่มผลผลิตทางอาหารจากรัฐบาลญี่ปุ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 ซึ่งสำนัก งานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองงบดุล ณ วันที่ 30 กันยายน 2545 พร้อมงบรายรับ-รายจ่าย และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงเงินกองทุน สิ้นสุด ณ วันเดียวกัน ในการนี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ให้ข้อ สังเกตและข้อเสนอแนะกรณีการเร่งรัดการชำระหนี้สำหรับเงินให้กู้ยืมค้างชำระ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2546 ใน ส่วนของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร มีลูกหนี้เงินให้กู้ยืมที่ครบชำระคืนแล้วแต่ยังไม่ส่งคืน จำนวน 33 โครงการ เป็นเงิน 1,383.65 ล้านบาท และเงินกองทุนหมุนเวียนสำหรับอุดหนุนเกษตรกรในการหาปัจจัยการผลิตตาม โครงการความช่วยเหลือเพื่อเพิ่มผลผลิตทางอาหารจากรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งมีลูกหนี้เงินให้กู้ยืมที่ครบกำหนดชำระคืน แล้วแต่ยังไม่ส่งคืน จำนวน 2 หน่วยงาน 3 โครงการ เป็นเงิน 459.67 ล้านบาท รวมทั้งเงินจากการจำหน่ายโภค ภัณฑ์ค้างนำส่งคืนกองทุน ฯ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2546 หน่วยงานที่ต้องนำส่งเงินจากการจำหน่ายโภคภัณฑ์ ค้างนำส่งคืนกองทุน ฯ จำนวน 2 หน่วยงาน คือ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรค้างนำส่งนับจากปีที่ได้รับความช่วย เหลือ ปี พ.ศ. 2525 เป็นเงิน 666.90 ล้านบาท และกรมส่งเสริมสหกรณ์ค้างนำส่งนับจากปีที่ได้รับความช่วย เหลือ ปี พ.ศ. 2520 เป็นเงิน 1.27 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 668.17 ล้านบาท |
||||||||||||||||||||||||
| 906 | การรายงานความก้าวหน้าของโครงการหรือที่เป็นเรื่องเร่งด่วนของรัฐบาล (สถิติผลการจับกุมยาเสพติดให้โทษของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรายงานความก้าวหน้าโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า) | ตช | 07/04/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานความก้าวหน้าโครงการสร้างหลัก
ประกันสุขภาพถ้วนหน้า ในส่วนของโรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานแพทย์ใหญ่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วง ไตรมาส 1 (ตุลาคม-ธันวาคม 2546) ดังนี้ ด้านการตรวจสอบทะเบียนผู้มีสิทธิและการออกบัตร ได้ดำเนินการ ปรับปรุงแนวทางปฏิบัติ ที่กำหนดให้ผู้มีสิทธิตามโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามาดำเนินการตรวจสอบ สิทธิก่อนใช้บริการทุกราย และดำเนินการสนับสนุนงานการลงทะเบียนเลือก หรือเปลี่ยนแปลงสถานบริการ ของผู้มีสิทธิ ด้านการรักษาพยาบาล การให้บริการรักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน ตามโครงการ ฯ เป็น ไปตามแผนที่กำหนด ด้านการส่งเสริมป้องกันโรค ได้ดำเนินการจัดทำแผนกิจกรรมด้านการส่งเสริมสุขภาพและ ป้องกันโรค โดยการออกเยี่ยมชุมชน และส่งเสริมการดูแลสุขภาพในโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น ความดันโลหิตสูง และ เบาหวาน เป็นต้น ด้านการเงิน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 โรงพยาบาลตำรวจได้รับจัดสรรเงินงบลงทุน จำนวน 43.54 บาทต่อประชากร ซึ่งพื้นที่เขตปทุมวัน จำนวน 26,249 ราย คิดเป็นเงินจำนวน 1,142,881.46 บาท ซึ่งจะได้ทำการจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับงานด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเพื่อใช้ใน คลินิกปฐมภูมิ ในโครงการของโรงพยาบาลตำรวจต่อไป ส่วนการโอนค่าใช้จ่ายรายหัว ผู้ป่วยนอก (OP) และส่ง เสริมสุขภาพ และป้องกันโรค (P&P) อยู่ระหว่างดำเนินการ นอกจากนี้ ยังมีการเร่งรัดจัดตั้งสถานบำบัดรักษา ผู้ติดยาเสพติด (ศูนย์ซับน้ำตาผู้ติดยาเสพติด) ได้จัดกิจกรรมป้องกันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ช่วง ไตรมาส 1 (ตุลาคม-ธันวาคม 2546) ซึ่งมีผู้เข้ารับการบำบัดรักษาและฟื้นฟู จำนวน 317 คน |
||||||||||||||||||||||||
| 907 | กระทู้ถามที่ 471 เรื่อง การขยายระยะทางก่อสร้างถนน รพช.สาย พล. 3022 | สผ | 07/04/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 471 เรื่อง การขยาย
ระยะทางก่อสร้างถนน รพช. สาย พล.3022 ของนายนคร มาฉิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก และมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมตอบในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป โดยสาระสำคัญของคำ ตอบสรุปได้ว่า ถนนสาย พล.3022 บ้านแยง-บ้านหนองหิน ตำบลบ้านแยง อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุ โลก เป็นถนนแยกจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2013 ก่อสร้างเป็นถนนลาดยางแล้ว ระยะทาง 13.400 กิโลเมตร โดยกรมการเร่งรัดพัฒนาชนบท (เดิม) และถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ระยะทาง 2.000 กิโลเมตร โดยกรมโยธาธิการ (เดิม) รวมระยะทางที่ก่อสร้างแล้ว 15.400 กิโลเมตร การที่ขอให้กรมทางหลวงชนบท ขยายการก่อสร้างถนนสายดังกล่าวเป็น พล.3022 บ้านแยง-บ้านน้ำดั้น-บ้านห้วยเซิบ ระยะทาง 35.000 กิโลเมตรนั้น กรมทางหลวงชนบท มีแผนที่ขยายระยะทางก่อสร้างถนนดังกล่าวโดยปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อก่อสร้างถนนลาดยางช่วงบ้านหนองหิน-บ้านถ้ำพริก โดยใช้ชื่อโครงการสายบ้าน แยง-บ้านหนองหิน ตำบลบ้านแยง อำเภอนครไทย ระยะทาง 4.000 กิโลเมตร งบประมาณ 11,600,000 บาท สำหรับช่วงที่เหลือซึ่งเป็นทางลูกรัง กรมทางหลวงชนบทจะพิจารณาถึงความจำเป็นเร่งด่วน ประโยชน์ที่ ประชาชนได้รับ แล้วจัดลำดับความสำคัญเพื่อเข้าแผนตามงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากรัฐบาลต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 908 | กระทู้ถามที่ 1297 ร. เรื่อง การสัญจรไปมาไม่สะดวกเนื่องจากถนนสายบ้านใหม่ ศาลาเฟือง บ้านห้วยสีดาชำรุด | คค | 23/03/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1297 ร. เรื่อง การ
สัญจรไปมาไม่สะดวกเนื่องจากถนนสายบ้านใหม่ศาลาเฟือง บ้านห้วยสีดาชำรุด ของนายสุวิชญ์ โยทองยศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเลย และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบ สรุปได้ว่า ถนนสายบ้านใหม่ศาลาเฟือง ตำบลนาซ่าว ถึง บ้านห้วยสีดา ตำบลหาดทรายขาว อำเภอเชียง คาน จังหวัดเลย ประกอบด้วย ถนนของกรมการเร่งรัดพัฒนาชนบทเดิม จำนวน 2 สาย ซึ่งเป็นทางหลวง ท้องถิ่นที่ได้ถ่ายโอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว คือ สาย ลย 5178 บ้านใหม่ศาลาเฟือง-บ้านผา มุม ระยะทาง 4.247 กิโลเมตร อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลนาซ่าว และสาย ลย 5177 บ้านห้วยสีดา-บ้านสาระแพ ระยะทาง 8.768 กิโลเมตร อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหาร ส่วนตำบลหาดทรายขาว ดังนั้น กระทรวงคมนาคมจึงไม่มีนโยบายในการจัดสรรงบประมาณเพื่อปรับปรุง ถนนสายดังกล่าว |
||||||||||||||||||||||||
| 909 | กระทู้ถามที่ 1298 ร. เรื่อง การก่อสร้างทางเชื่อมอำเภอในจังหวัดเลย | สผ | 23/03/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1298 ร. เรื่อง การ
ก่อสร้างทางเชื่อมอำเภอในจังหวัดเลย ของนายสุวิชญ์ โยทองยศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเลย และ ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า ถนนสายบ้านห้วยบ่อซืน ตำบล ห้วยบ่อซืน อำเภอปากชม เชื่อมต่อบ้านนาดอกคำ ตำบลนาดอกคำ อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย ประกอบด้วย ถนนของกรมการเร่งรัดพัฒนาชนบทเดิม จำนวน 2 สาย ซึ่งเป็นทางหลวงท้องถิ่นที่ได้ถ่ายโอนให้องค์การ บริหารส่วนจังหวัดเลยรับผิดชอบแล้ว คือ สาย ลย 3023 บ้านกลาง-บ้านโพนสว่าง อำเภอปากชม ระยะทาง 33.500 กิโลเมตร และสาย ลย 3045 บ้านนาด้วง-บ้านนาดอกคำ อำเภอนาด้วง ระยะทาง 7.881 กิโล เมตร ดังนั้น กระทรวงคมนาคมจึงไม่มีนโยบายในการจัดสรรงบประมาณเพื่อปรับปรุงถนนสายดังกล่าว รวม ทั้งการก่อสร้างและบำรุงรักษาทางหลวงในชนบทปัจจุบันมีการแบ่งแยกให้มีความชัดเจนตามความรับผิดชอบ กระทรวงคมนาคมจึงไม่มีนโยบายในการจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่อย่างใด |
||||||||||||||||||||||||
| 910 | มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลและติดตามการดำเนินการตามนโยบาย | นร | 16/03/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 44/2547
เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลและติดตามการดำเนินการตามนโยบาย ดังนี้ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) กำกับดูแลนโยบาย สั่งการและติดตามการดำเนินการแก้ไข ปัญหาความยากจน และการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ รองนายกรัฐมนตรี (นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา) กำกับดูแลนโยบาย สั่งการและติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคม การใช้ ประโยชน์พื้นที่สนามบินดอนเมือง และแรงงานผิดกฎหมาย รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา) กำกับดูแลนโยบาย สั่งการและติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาในเรื่องบูรณาการงานด้านการ คุ้มครองผู้บริโภค การส่งเสริมการท่องเที่ยวและการพัฒนากีฬาของชาติ การแก้ไขปัญหายาเสพติด และการ ดำเนินการปราบปรามร้านค้าที่มีพฤติกรรมหลอกลวงนักท่องเที่ยว รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉาย แสง) กำกับดูแลนโยบาย สั่งการและติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาการปฏิรูปผลผลิตทางเกษตร การ ปฏิรูปการศึกษา การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งระบบ การระดมบุคคลรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ มาพัฒนาประเทศ การสนับสนุนเด็กนักเรียน นักศึกษา นักเรียนทุนรัฐบาลมาร่วมพัฒนาประเทศ และงาน อำนวยการความปลอดภัยทางถนน รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์) กำกับดูแล นโยบาย สั่งการและติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาการประกันสุขภาพถ้วนหน้า โครงการบ้านเอื้ออาทร /โครงการบ้านมั่นคง ยุทธศาสตร์งานด้านการวิจัย การจัดระเบียบสังคม การจราจรในกรุงเทพมหานครและ ปริมณฑล และประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในส่วนกองบัญชาการตำรวจนครบาลและหน่วยงาน อื่นในการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดระเบียบสังคมและการจราจรในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้ง ประชุม ตลอดจนกำหนดแนวทางให้เจ้าหน้าที่ดังกล่าวปฏิบัติ รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยเอก สุชาติ เชาว์วิศิษฐ) กำกับดูแลนโยบาย สั่งการและติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาการเร่งรัดการดำเนินการตามผลการเจรจา และข้อตกลงทางการค้า (FTA) รวมไปถึงการจัดหาที่ดินสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ และรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) กำกับดูแลนโยบาย สั่งการและติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องการทุจริตและ ประพฤติมิชอบ การส่งเสริมและพัฒนาศาสนาให้เป็นหลักในการพัฒนาจิตใจของประชาชน การปฏิรูประบบ ราชการและกฎหมาย โครงการนำร่องเอกอัครราชทูตเพื่อการบริหารราชการในต่างประเทศแบบบูรณาการ และการเร่งรัดการดำเนินการตามผลการเจรจาระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2547 เป็น ต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 911 | การเปิดเสรีจำนวนผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางถนนระหว่างไทย-ลาว | คค | 16/03/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ รับทราบผลการดำเนินการเรื่องการเปิดเสรี
จำนวนผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางถนนระหว่างไทย-ลาว และให้การรับรองผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทาง ถนนไทย-ลาว ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งระหว่างประเทศแล้ว จำนวน 44 ราย ตามมติที่ประชุม คณะกรรมการพิจารณาการเปิดเสรีและส่งเสริมการขนส่งทางถนนระหว่างไทย-ลาว ครั้งที่ 1/2547 เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2547 และอนุมัติในหลักการให้มีจำนวนผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางถนนไทย-ลาว ได้เพิ่ม เติมโดยไม่จำกัดจำนวน สำหรับผลการดำเนินการเรื่องการเปิดเสรีจำนวนผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางถนน ระหว่างไทย-ลาว สรุปได้ว่า กรมการขนส่งทางบกได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมหารือด้านการขนส่งทางถนน ระหว่างไทย-ลาว เมื่อวันที่ 15-16 ธันวาคม 2546 ที่กรุงเทพ ฯ โดยที่ประชุมเห็นชอบในหลักการให้เปิดเสรี จำนวนผู้ประกอบการขนส่งสินค้าผ่านแดนโดยให้ครอบคลุมถึงการขนส่งสินค้าข้ามแดนด้วย และเห็นชอบที่จะ อนุญาตให้ผู้ประกอบการขนส่งที่ได้รับอนุญาตแต่ละฝ่ายสามารถทำการขนส่งระหว่างประเทศได้ นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบร่วมกันที่จะอำนวยความสะดวกในการสัญจรของบุคคลและพาหนะในการเดินทางข้ามแดน รถยนต์ส่วนบุคคลของฝ่ายไทยสามารถข้ามไปลาวได้ โดยไม่ต้องเดินทางเข้าไปขออนุญาตจากกระทรวงคมนา คม ขนส่ง ไปรษณีย์และก่อสร้าง ณ กรุงเวียงจันทน์ รวมทั้งการเร่งรัดการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการเดินรถ โดยสารประจำทางระหว่างไทย-ลาว เส้นทางหนองคาย-เวียงจันทน์ และอุดรธานี-เวียงจันทน์ |
||||||||||||||||||||||||
| 912 | การให้ความช่วยเหลือภาคใต้ชายแดน 3 จังหวัด (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) ของกระทรวงการคลัง (วาระสำคัญของรัฐบาล) | กค | 16/03/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการให้ความช่วยเหลือภาคใต้ชายแดน
3 จังหวัด (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) ของหน่วยงานราชการภายใต้สังกัดกระทรวงการคลัง ได้แก่ กรมศุลกา กร กรมสรรพสามิต กรมสรรพากร กรมธนารักษ์ และกรมบัญชีกลาง ซึ่งให้ความช่วยเหลือเรื่อง การบริจาค เงินสนับสนุนการเรียนการสอนให้แก่นักเรียนในพื้นที่เหตุการณ์จุดไฟเผาโรงเรียน ช่วยเหลือผู้ประกอบการ หรือผู้เสียภาษี ที่ไม่สามารถยื่นแบบชำระภาษี การจัดส่งงบเดือน หรือเอกสารในการส่งสินค้าออกนอกราช อาณาจักรได้ทันตามกำหนดเวลา ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มและเร่งรัดการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้ผู้ประกอบการใน เขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้รวดเร็วเป็นกรณีพิเศษ รวมถึงการจัดทำโครงการต่าง ๆ ได้แก่ โครงการ นำท่าจอดพักเรือปัตตานีซึ่งเป็นที่ราชพัสดุสนับสนุนยุทธศาสตร์จังหวัดที่เป็นศูนย์กลางอาหารฮาลาล โครง การบ้านมั่นคง และโครงการศูนย์บ้านพักข้าราชการในที่ดินที่ราชพัสดุ และการให้ความช่วยเหลือในด้านเงิน สวัสดิการสำหรับการปฏิบัติการในพื้นที่พิเศษ (สปพ.) สำหรับข้าราชการและลูกจ้างประจำที่ปฏิบัติงานอยู่ ในสำนักงานของส่วนราชการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการให้สิทธิแก่ข้าราชการในการนับเวลาราช การทวีคูณแก่ข้าราชการในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งถูกประกาศกฎอัยการศึก และการให้ความช่วยเหลือของสถาบัน การเงินเฉพาะกิจของรัฐที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ได้แก่ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศ ไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม แห่งประเทศไทย บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และธนาคารออมสิน โดยให้ความช่วยเหลือ เกี่ยวกับการเพิ่มจุดบริการของธนาคารเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ให้ความช่วย เหลือด้านธุรกิจ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็กของประชาชนในพื้นที่ ให้การสนับสนุนการรับช่วงงานให้ บริการ เพื่อเป็นการสนับสนุนการส่งออกระหว่างประเทศ และจัดทำโครงการต่าง ๆ ได้แก่ โครงการสนับ สนุนอุตสาหกรรมยางพาราเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการยางพารา โครงการสนับสนุนนโยบายรัฐที่เน้นการ ช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจโดยการปล่อยสินเชื่อในรูปแบบ CLUSTER โครงการเร่งรัดการขยายสาขาและ การรับบุคลากรในพื้นที่เป็นพนักงาน เพื่อขยายการให้บริการให้ครอบคลุมพื้นที่ภาคใต้ทุกจังหวัด โครงการ ประนอมหนี้ โครงการเติมให้เต็ม เต็มใจจากสำหรับข้าราชการเกษียณ ปี 2547 รวมทั้งโครงการเสริมสร้าง ผู้ประกอบการใหม่ เพื่อสนับสนุนบัณฑิตใหม่ ผู้ว่างงาน ผู้ถูกออกจากงานและพนักงานลูกจ้างที่มีพื้นฐาน การศึกษา และมีศักยภาพ ให้สร้างโอกาสประกอบอาชีพด้วยตนเอง และการช่วยเหลือพนักงานและลูกจ้าง ของธนาคาร ฯ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดที่มีความเสี่ยงภัยจากเหตุการณ์ไม่สงบ 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ |
||||||||||||||||||||||||
| 913 | การเร่งรัดจัดทำข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศรายไตรมาส (QGDP) ของประเทศไทย | นร | 02/03/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอเรื่อง การเร่งรัดจัดทำข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศราย ไตรมาส (Quarterly Gross Domestic Product : QGDP) ของประเทศไทย โดยให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยว ข้องให้ความสำคัญกับการเร่งรัดการจัดทำข้อมูลให้รวดเร็วขึ้น เพื่อประโยชน์ต่อการประเมินเศรษฐกิจของ ประเทศโดยรวม และจัดส่งข้อมูลที่ใช้ประกอบการจัดทำ QGDP ตามเอกสารแนบท้ายหนังสือของ สศช. และรัฐวิสาหกิจทุกแห่งจัดส่งข้อมูลงบลงทุนให้ สศช. ภายใน 7 สัปดาห์นับแต่สิ้นไตรมาส โดยให้จัดส่งใน ระบบอิเล็กทรอนิกส์โดยเริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่หนึ่งของปี 2547 เป็นต้นไป และให้ถือเป็นนโยบายของหน่วย งานภาครัฐที่จะเร่งรัดการเผยแพร่ข้อมูลพื้นฐานที่แต่ละหน่วยงานจัดเก็บให้รวดเร็ว มีความถูกต้อง และมี ความโปร่งใสทั้งข้อมูลที่จัดเก็บได้จากกระบวนการบริหารภาครัฐ และข้อมูลที่ได้จากการสำรวจภาคสนาม เพื่อสนับสนุนการจัดทำระบบข้อมูล ตลอดจนเครื่องชี้วัดทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ทั้งนี้ ให้ สศช. ดำเนินการออกแบบระบบและรูปแบบการรายงานให้เหมาะสม เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง สามารถรายงานข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว มีความถูกต้อง และเป็นที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ ให้รัฐมนตรีที่กำกับ ดูแลหน่วยงานที่จะต้องจัดทำ และรายงานข้อมูลแก่ สศช. รับไปพิจารณาความเป็นไปได้ในการที่จะดำเนิน การเพื่อให้การจัดทำและรายงานข้อมูลดังกล่าวสามารถที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จได้เร็วกว่ากำหนดเวลา ที่ สศช. เสนอ โดยให้ประมวลผลการพิจารณาโดยประสานโดยตรงกับปลัดกระทรวง/หัวหน้าหน่วยงาน ดังกล่าว แล้วรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2547 ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 914 | การเร่งรัดกระบวนการตรากฎหมายของคณะรัฐมนตรี | นร | 02/03/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอการเร่งรัดกระบวนการตรากฎ
หมายของคณะรัฐมนตรี ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดประชุมร่วมระหว่าง รองนายกรัฐมนตรี (นาย วิษณุ เครืองาม) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และผู้แทนเลขาธิการคณะกรรม การกฤษฎีกา โดยผลการประชุมหารือในเรื่องดังกล่าวนอกจากจะเป็นการเร่งรัดกระบวนการตรากฎหมายให้ มีความรวดเร็วขึ้น ควรมีการพัฒนาประสิทธิภาพให้มีประสิทธิผลยิ่งขึ้นควบคู่กันไปด้วย ทั้งนี้ ในการเร่งรัด กระบวนการตรากฎหมายของคณะรัฐมนตรี จะประกอบด้วย ขั้นตอนก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี ขั้นตอนการนำ เสนอคณะรัฐมนตรี การแจ้งมติคณะรัฐมนตรี การตรวจพิจารณาร่างกฎหมาย การพิจารณาของคณะกรรมการ ประสานงานสภาผู้แทนราษฎร การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา การนำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย การประกาศในราชกิจจานุเบกษา การเตรียมการออกอนุบัญญัติตามกฎหมายแม่บท และการจัดทำประมวล กฎหมาย (Codification) หรือรวบรวมกฎหมายให้เป็นหมวดหมู่ และให้แจ้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทราบ และ รับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง |
||||||||||||||||||||||||
| 915 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียนและรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี | กก | 02/03/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานผลการประชุมรัฐมนตรี
ท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ 7 และการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ครั้งที่ 3 ณ กรุงเวียง จันทน์สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระหว่างวันที่ 2 - 3 กุมภาพันธ์ 2547 โดยมีรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเดินทางไปร่วมการประชุม สำหรับสาระสำคัญ ของการประชุม ที่ประชุมได้เห็นชอบปฏิญญาเวียงจันทน์ (Vientiane Declaration) ซึ่งมีประเด็นสำคัญ คือ การเร่งรัดให้ยกเลิกวีซ่าสำหรับการเดินทางภายในประเทศอาเซียน ซึ่งสอดคล้องกับผลการประชุมสุดยอดผู้ นำอาเซียน (ASEAN Summit) ณ เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเดือนตุลาคม 2546 และการเร่ง รัดประเทศสมาชิกอาเซียนให้สัตยาบันสารความตกลงด้านการท่องเที่ยวอาเซียน (Ratification of ASEAN Tourism Agreement) รวมทั้งให้ความเห็นชอบการดำเนินการเชิงบูรณาการกับภาคเอกชน เช่น ASEANTA สมาคมโรงแรม สมาคมภัตตาคาร สมาคมธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เป็นต้น นอกจากนี้ ประเทศสมาชิก อาเซียนเห็นชอบกับข้อเสนอของประเทศไทยในการพัฒนาและกำหนดมาตรฐานโรงแรมที่ให้ความสำคัญกับ สิ่งแวดล้อม และการประหยัดพลังงาน โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ระดมความคิดเห็นเรื่องดังกล่าว ในเดือนพฤษภาคม 2547 และเห็นชอบการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยง เมืองมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ ร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งจะมีการหารือในรายละเอียดและ นำเสนอในการประชุมหน่วยงานการท่องเที่ยวแห่งชาติ (National Tourism Organizations-NTOs) ครั้งต่อ ไปที่รัฐฉาน สหภาพพม่า ในเดือนมิถุนายน หรือกรกฎาคม 2547 ทั้งนี้ ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการโรงแรมและท่องเที่ยว ของสหภาพพม่าเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวโดยเฉพาะในบริเวณหมู่เกาะมะริด โดยไทยได้แจ้งมติ คณะรัฐมนตรีอนุมัติการก่อสร้างเส้นทางจากเมียวดี-เชิงเขาตะนาวศรี ระยะทาง 17.35 กิโลเมตร และเส้น ทางจากบ้านพุน้ำร้อน-ชายแดนพม่า ระยะทาง 5 กิโลเมตร ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะประชุมร่วมอย่างเป็นทางการ ครั้งแรกที่กรุงย่างกุ้งต้นเดือนมีนาคม 2547 และได้หารือพหุภาคีกับพม่า ลาว และกัมพูชา เรื่อง การตลาด และการประชาสัมพันธ์ |
||||||||||||||||||||||||
| 916 | การมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบริหารงานแบบบูรณาการ | มท | 02/03/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอข้อมูลการมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัด
บริหารงานแบบบูรณาการ โดยผลการมอบอำนาจของราชการบริหารส่วนภูมิภาค ซึ่งมีกรมทั้งสิ้น จำนวน 27 กรม มีดังนี้ ด้านการบริหารงานบุคคล มอบอำนาจครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว จำนวน 15 กรม มอบอำนาจยังไม่ ครบถ้วนสมบูรณ์ จำนวน 12 กรม ด้านการบริหารงบประมาณ มอบอำนาจครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว จำนวน 9 กรม มอบอำนาจยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ จำนวน 18 กรม และด้านการอนุมัติ วินิจฉัย สั่งการ มอบอำนาจแล้ว จำนวน 27 กรม ส่วนผลการมอบอำนาจของราชการบริหารส่วนกลางที่มีส่วนราชการตั้งในจังหวัด มีทั้งสิ้น จำนวน 54 กรม มีดังนี้ ด้านการบริหารงานบุคคล มอบอำนาจครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว จำนวน 20 กรม มอบ อำนาจยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ จำนวน 25 กรม กรมที่ยังไม่มอบอำนาจ จำนวน 9 กรม ด้านการบริหารงบ ประมาณ มอบอำนาจครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว จำนวน 24 กรม มอบอำนาจยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ จำนวน 15 กรม กรมที่ยังไม่มอบอำนาจ จำนวน 15 กรม ด้านการอนุมัติ วินิจฉัย สั่งการ มอบอำนาจแล้ว จำนวน 37 กรม กรมที่ยังไม่มอบอำนาจ จำนวน 17 กรม สำหรับราชการบริหารส่วนกลางที่ไม่มีหน่วยงานตั้งในจังหวัด หรือไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำในจังหวัด หรือใช้กฎหมายพิเศษในการบริหารงาน จึงไม่มีการมอบอำนาจ มีทั้งสิ้น จำนวน 68 กรม เช่น กรมในสังกัดกระทรวงการต่างประเทศ กรมในสังกัดกระทรวงกลาโหม เป็นต้น ทั้งนี้ ให้ มีการเร่งรัดการมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ฯ ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ต่อไป และให้รัฐมนตรีทุกท่านเร่งรัด ติดตามการดำเนินการมอบอำนาจของกระทรวง กรม และหน่วยงานในความรับผิดชอบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และชี้แจงทำความเข้าใจกับปลัดกระทรวง อธิบดี และหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตระหนักว่า เรื่องนี้เป็น นโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ซึ่งหากกระทรวง กรม และหน่วยงานใดไม่สามารถดำเนินการมอบอำนาจใน ส่วนที่เกี่ยวข้องให้เสร็จสิ้นภายในเดือนมีนาคม 2547 ได้ โดยไม่มีเหตุผลอันควร ให้ถือว่าเป็นความบกพร่อง ต่อหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาของกระทรวง กรม และหน่วยงานนั้น ๆ โดยตรง และให้รองนายกรัฐมนตรี (นาย วิษณุ เครืองาม) รับไปประสานกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) และ กระทรวงมหาดไทย เพื่อเร่งรัดการดำเนินการมอบอำนาจในส่วนที่ยังค้างดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดำเนินการในส่วนที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องได้ให้อำนาจดำเนินการได้อยู่แล้ว แต่ยังมิได้ดำเนินการ หรือยังมี ความเข้าใจในข้อกฎหมายที่คลาดเคลื่อนอยู่ จึงยังมิได้ดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว |
||||||||||||||||||||||||
| 917 | การเร่งรัด ติดตามการดำเนินงานตามข้อตกลงความร่วมมือกับต่างประเทศ | นร | 02/03/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้รัฐมนตรีทุก
ท่านติดตามข้อมูลความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือกับต่างประเทศอย่าง ใกล้ชิด และมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และรองนายกรัฐมนตรี (นายกร ทัพพะ รังสี) เป็นผู้รับผิดชอบในการเร่งรัด ติดตามการดำเนินการนั้น โดยที่ขณะนี้ยังมีข้อตกลงกับต่างประเทศใน หลายเรื่องที่กระทรวงที่เกี่ยวข้องไม่ได้นำไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจังจนได้รับการทวงถามจากประเทศที่ได้ทำ ข้อตกลงร่วมกันแล้ว จึงให้รัฐมนตรีที่มีส่วนเกี่ยวข้องเร่งดำเนินการในส่วนที่รับผิดชอบด้วย และให้รองนายก รัฐมนตรี (นายโภคิน พลกุล) ประสานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเพื่อประมวลความตกลง ที่เคยทำไว้ และเร่งรัดติดตามให้เกิดผลโดยเร็ว และรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ หากเรื่องใดมีปัญหาหรือ อุปสรรค ก็ให้รายงานนายกรัฐมนตรีทราบด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 918 | การจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 10/02/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี
เสนอ โดยเห็นชอบในหลักการให้กำหนดสัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้สุทธิของรัฐบาล ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 เป็นร้อยละ 23.5 ทั้งนี้ เพื่อให้การจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน ปีงบประมาณดังกล่าวมีสัดส่วนที่เหมาะสมและสอดคล้องกับการจัดทำงบประมาณประจำปีแบบสมดุล ซึ่งอาจทำ ให้สถานะงบประมาณโดยรวมของประเทศมีความตึงตัวมากกว่าในปัจจุบัน และให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) รับไปประสานในราย ละเอียดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป รวมทั้งให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปประสานกับองค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรต้องเร่งรัดดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยเฉพาะ การจัดเก็บรายได้ของท้องถิ่น เพื่อให้สามารถบริหารจัดการงบประมาณนอกเหนือจากเงินรายได้ที่ได้รับการจัด สรรจากรัฐบาลด้วย เช่น การเร่งรัดการดำเนินการเก็บภาษีประเภทต่าง ๆ ในท้องถิ่นตามที่กฎหมายกำหนดให้ เป็นอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น กับให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาปรับปรุงโครง สร้างภาษีประเภทต่าง ๆ ของประเทศทั้งระบบให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยให้พิจารณาความ เหมาะสมและเป็นไปได้ในการปรับปรุงหรือขยายฐานภาษีเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดเก็บภาษี ในท้องถิ่นเพื่อเพิ่มรายได้ของตนเองมากขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย นอกจากนี้ ให้หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในราชการส่วน กลางและส่วนภูมิภาค ซึ่งมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามภารกิจที่จะถ่ายโอนให้องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2546 เรื่อง การถ่ายโอนภารกิจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ที่กำหนดว่าเมื่อมีการถ่ายโอนภารกิจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว หน่วยงานราชการ ยังจะต้องดูแลให้คำปรึกษา แนะนำ และความช่วยเหลือแก่ท้องถิ่น ไประยะหนึ่งก่อน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการปฏิบัติภารกิจที่ได้รับการถ่ายโอน โ ดยให้คำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนพึงจะ ได้รับเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภารกิจสำคัญ ๆ ที่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ของประชา ชนโดยตรง |
||||||||||||||||||||||||
| 919 | การบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ที่ดินของรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน | ทส | 03/02/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรม
การแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ เสนอ ให้ส่วนราชการที่มีหน้าที่ดูแลรักษาและใช้ประโยชน์ที่ดินของรัฐและ จังหวัด รวมทั้งคณะกรรมการฝ่ายจัดหาที่ดินของรัฐด้านอุปทานให้ประชาชนทำกิน ดำเนินการตามแนวทางและ ขั้นตอนการดำเนินงานตามนโยบายและการบริหารจัดการใช้ประโยชน์ที่ดินของรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน โดยให้ส่วนราชการที่มีหน้าที่ดูแลรักษาที่ดินของรัฐและจังหวัดโดยคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของ รัฐ (กบร.) จังหวัดจัดทำแผนงาน/โครงการ เพื่อดำเนินงาน ดังนี้ ให้สำรวจรังวัดขอบเขตที่ดินของรัฐทุกประเภท ให้จัดทำแผนที่กายภาพแสดงการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตที่ดินของรัฐทุกประเภท และให้สำรองที่ดินของรัฐเพื่อ ใช้ประโยชน์ในอนาคต และให้คณะกรรมการฝ่ายจัดหาที่ดินของรัฐด้านอุปทานให้ประชาชนทำกินพิจารณา ดำเนินการอนุญาตจัดสรรให้ประชาชนเข้าทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐต่อไป สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยค่าใช้จ่ายในการสำรวจรังวัดและการจัดทำ แผนที่กายภาพ ให้ขอตั้งงบประมาณไว้ในแต่ละส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเภทเพื่อความคล่องตัวในการ บริหารงบประมาณให้สอดคล้องกับแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี ส่วนค่าใช้จ่าย ในการเร่งรัดติดตามผล นั้น ให้ขอตั้งงบประมาณที่สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามความจำเป็นต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 920 | รายงานแสดงผลการดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินของกรมบังคับคดีกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 27/01/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอรายงานสรุปผลการดำเนินงานตามโครงการ
เร่งรัดการขายทอดตลาดทรัพย์ของกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ในส่วนที่เกี่ยวกับการขายทอดตลาดทรัพย์ สิน โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2545 มีสำนวนคดีแพ่งค้างอยู่ในระหว่างการบังคับ คดีคิดเป็นทุนทรัพย์ 218,012 ล้านบาทเศษ และมีทรัพย์สินที่เข้ามาสู่กระบวนการบังคับคดีแพ่งในทุนทรัพย์ 103,798 ล้านบาทเศษ สำหรับคดีล้มละลาย ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2546 มีทรัพย์สินของลูกหนี้ที่รวบรวมไว้ในทุน ทรัพย์ 48,754 ล้านบาทเศษ และมีทรัพย์สินเข้ามาสู่การรวบรวมอีก ทุนทรัพย์ 44,460 ล้านบาทเศษ ซึ่งกรม บังคับคดีสามารถผลักดันทรัพย์สินที่ค้างอยู่ในการบังคับคดีทั้งหมดออกไปได้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2546 คิด เป็นทุนทรัพย์ 115,645 ล้านบาทเศษ ทั้งนี้ จากการดำเนินงานตามโครงการเร่งรัดการบังคับคดีดังกล่าวทั้งใน ส่วนกลางและส่วนภูมิภาคสามารถผลักดันทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างการบังคับคดี ออกสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น เป็นลำดับทุกปี โดยปี พ.ศ. 2545 สามารถผลักดันทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างการบังคับออกไปได้ประมาณ 98,000 ล้านบาทเศษ และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 สามารถผลักดันทรัพย์สินที่ค้างอยู่ในการบังคับคดี ออกไปได้ จำนวน 115,645 ล้านบาทเศษ และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 กรมบังคับคดีมีเป้าหมายในการผลักดันทรัพย์ สินที่อยู่ระหว่างการบังคับคดีออกไปสู่ระบบเศรษฐกิจให้ได้ไม่น้อยกว่า 100,000 ล้านบาท |
||||||||||||||||||||||||
.....
