ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 49 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 961 - 980 จากข้อมูลทั้งหมด 1479 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 961 | โครงการเร่งรัดการตรวจสอบการประกอบกิจการน้ำบาดาล | ทส | 22/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอโครงการเร่งรัดการ
ตรวจสอบการประกอบกิจการน้ำบาดาล ซึ่งวัตถุประสงค์ของโครงการ ฯ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ทั่วไป และผู้ประกอบกิจการน้ำบาดาล รับทราบข้อมูลข่าวสารของทางราชการ และปฏิบัติให้ถูกต้องตามพระราช บัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ. 2520 เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติ น้ำบาดาล พ.ศ. 2520 เพื่อพัฒนาและควบคุมการใช้น้ำบาดาลอย่างประหยัด มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์ สูงสุด เพื่อสร้างความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการ และปลุกจิตสำนึกของทุกคนให้มีส่วนร่วมในการใช้น้ำบาดาล อย่างอนุรักษ์และยั่งยืน รวมทั้งเพื่อการจัดเก็บฐานข้อมูลบ่อน้ำบาดาลระดับจังหวัดทั่วประเทศ และนำมาใช้ใน การวางแผนการใช้และการพัฒนาน้ำบาดาลต่อไป โดยมีพื้นที่เป้าหมาย 76 จังหวัดทั่วประเทศ ระยะเวลาดำเนิน การ ระหว่างเดือนกรกฎาคม ถึง เดือนกันยายน 2546 สำหรับผลที่คาดว่าจะได้รับจากการดำเนินโครงการดัง กล่าว คือ ประชาชนทั่วไป และผู้ประกอบกิจการน้ำบาดาล มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับพระราชบัญญัติน้ำ บาดาล พ.ศ. 2520 และปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง ได้บ่อน้ำบาดาลเข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้นจากเดิม 8,280 บ่อ จัด เก็บรายได้ของรัฐ อันเนื่องมาจากการนำบ่อน้ำบาดาลเข้าสู่ระบบมากขึ้นปีละ 200 ล้านบาท มีฐานข้อมูลบ่อน้ำ บาดาลระดับจังหวัดทุกจังหวัดไว้สำหรับการวางแผน และพัฒนาการใช้น้ำบาดาลอย่างอนุรักษ์ และยั่งยืน ตลอด จนลดการใช้น้ำบาดาลในพื้นที่ที่การประปาส่วนภูมิภาคและการประปานครหลวงบริการถึงและเพียงพอ |
|||||||||||||||
| 962 | กระทู้ถามที่ 883 ร. เรื่อง ขอทราบความคืบหน้ากรณีกรมโยธาธิการ กรมการเร่งรัดพัฒนาชนบท กรมทางหลวงชนบทสำรวจออกแบบ เข้าแผนโครงการลาดยางถนนในอำเภอโคกเจริญ อำเภอหนองม่วง อำเภอสระโบสถ์ อำเภอโคกสำโรง อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับราษฎร | สผ | 08/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 883 ร. เรื่อง
ขอทราบความคืบหน้ากรณีกรมโยธาธิการ กรมการเร่งรัดพัฒนาชนบท กรมทางหลวงชนบทสำรวจออกแบบ เข้า แผนโครงการลาดยางถนนในอำเภอโคกเจริญ อำเภอหนองม่วง อำเภอสระโบสถ์ อำเภอโคกสำโรง อำเภอชัย บาดาล จังหวัดลพบุรี เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับราษฎร ของนายนิยม วรปัญญา สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรจังหวัดลพบุรี และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า (1) การ ดำเนินการสำรวจออกแบบเข้าแผนโครงการลาดยางถนนสายจากกุดตะเข้-กุดหว้า เป็นเส้นทางที่ไม่มีแนวถนน เดิม และไม่ได้เชื่อมกับเส้นทางหลัก จึงไม่สามารถดำเนินการได้ ถนนสายห้วยเขว้า-เชื่อมต่อกับถนนของกรมทาง หลวงในพื้นที่บ้านวังไผ่ได้รับการจัดสรรงบประมาณก่อสร้างในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ระยะทาง 1.500 กิโล เมตร คงเหลือระยะทางยังไม่ก่อสร้าง 1.000 กิโลเมตร กรมทางหลวง ฯ จะได้ดำเนินการจัดเข้าแผนการก่อสร้าง เพื่อสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างให้แล้วเสร็จต่อไป ถนนสายบ้านคลองมะเกลือ-โรงเรียนคลองมะเกลือ-บ้าน ทุ่งท่าช้าง ยังไม่ได้ทำการสำรวจออกแบบ เนื่องจากอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดังนั้น ท้องถิ่นจะเป็นหน่วยในการสำรวจออกแบบและจัดเข้าแผนการก่อสร้างต่อไป ถนนสายวัดกุ่มสูงคลองมะเกลือได้ ทำการสำรวจออกแบบ พร้อมทั้งจัดเข้าแผนเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณต่อไปแล้ว ถนนสายวังมโนราห์- วังวัด-วังตาอินทร์ ช่วงวังมโนราห์-วังวัด ยังไม่ได้สำรวจออกแบบ กรมทางหลวง ฯ จะทยอยดำเนินการสำรวจ ออกแบบสายทางที่อยู่ในความรับผิดชอบตามลำดับต่อไป และช่วงวังวัด-วังตาอินทร์ ได้ทำการสำรวจออกแบบ แล้วและจะจัดเข้าแผนเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณต่อไป ถนนสายยางราก-เขาราบ-โคกเจริญ ระยะทาง ตลอดสาย 15.410 กิโลเมตร จะจัดเข้าแผนเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างในระยะ 7.300 กิโล เมตรก่อน เมื่อได้รับการสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างแล้วจะสำรวจออกแบบในส่วนที่เหลือต่อไป ถนนสายชอน สมบูรณ์-คุ้งลาน-หนองอีเก้ง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ได้รับเงินจัดสรรให้ก่อสร้างทางลาดยาง 1.500 กิโล เมตร คงเหลือระยะทางที่ยังไม่ได้ก่อสร้าง 3.950 กิโลเมตร กรมทางหลวง ฯ จะดำเนินการจัดเข้าแผนการ ก่อสร้าง เพื่อสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างให้แล้วเสร็จต่อไป ถนนสายหนองบุ-หนองตาปัง-ห้วยเขว้า-หนอง สำราญ จากบ้านหนองบุ-บ้านหนองตาปัง อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งท้องถิ่นจะ เป็นหน่วยในการสำรวจออกแบบและจัดเข้าแผนการก่อสร้างต่อไป จากบ้านหนองปัง-บ้านป่าเขว้า ยังไม่ได้ทำ การสำรวจออกแบบเป็นถนนลาดยาง จะทำการสำรวจความเหมาะสมด้านวิศวกรรมในเบื้องต้นก่อน และจาก บ้านป่าเขว้า-บ้านหนองสำราญ ยังไม่ได้สำรวจออกแบบเป็นทางลาดยาง กรมทางหลวง ฯ จะทยอยดำเนิน การสายทางที่อยู่ในความรับผิดชอบตามลำดับต่อไป และถนนสายทุ่งท่าช้าง-ห้วยใหญ่-ชอนสารเดช จากบ้าน ทุ่งท่าช้าง-บ้านห้วยใหญ่ อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งท้องถิ่นจะเป็นหน่วยในการ สำรวจออกแบบและจัดเข้าแผนการก่อสร้างต่อไป จากบ้านห้วยใหญ่-บ้านวังทอง และจากบ้านสามแยกมาเจริญ -บ้านชอนสารเดช ได้ดำเนินการลาดยางแล้วตลอดทั้งสองสาย และ (2) การดำเนินการสำรวจออกแบบถนน ทั้ง 9 สายดังกล่าว เพื่อเข้าแผนโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในระดับจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด สามารถดำเนินการสั่งการได้ในทันที พร้อมทั้งทำการศึกษา โดยครอบคลุมถึงประโยชน์ที่แท้จริงที่ประชาชนใน พื้นที่จะได้รับเทียบกับวงเงินลงทุนที่รัฐบาลจะต้องให้การสนับสนุนด้วย |
|||||||||||||||
| 963 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เพื่อจ้างเหมาทำการก่อสร้างทาง ทางหลวงหมายเลข 4135 สายแยกทางหลวงหมายเลข 414 - สนามบินหาดใหญ่ | คค | 08/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้กรมทางหลวงขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพัน
ข้ามปีงบประมาณ สำหรับงานก่อสร้างทาง ทางหลวงหมายเลข 4135 สายแยกทางหลวงหมายเลข 414 - สนามบินหาดใหญ่ จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 - พ.ศ. 2547 เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 - พ.ศ. 2548 ในวงเงิน 123,511,052 บาท ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 จำนวน 25,200,000 บาท และผูกพันงบประมาณปีต่อ ๆ ไป จำนวน 98,311,052 บาท ตามความเห็นของ สำนักงบประมาณ และให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ดำเนินการเร่งรัดการก่อสร้างให้แล้วเสร็จโดย เร็วเพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการใช้ประโยชน์และความเสียหายทางเศรษฐกิจโดยรวม |
|||||||||||||||
| 964 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เพื่อจ้างเหมาทำการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 212 สายนครพนม - อ.ธาตุพนม ตอน 2 ส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2 | คค | 08/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้กรมทางหลวงขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพัน
ข้ามปีงบประมาณ สำหรับงานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 212 สายนครพนม-อ.ธาตุพนม ตอน 2 ส่วนที่ 1 วงเงิน 111,947,206 บาท และส่วนที่ 2 วงเงิน 147,890,311 บาท จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2546-2547 เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. 2546-2548 สำหรับการเบิกจ่ายเงินงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนัก งบประมาณ และให้ดำเนินการเร่งรัดการก่อสร้างให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการใช้ประโยชน์ และความเสียหายทางเศรษฐกิจโดยรวม |
|||||||||||||||
| 965 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ พ.ศ. 2546 ไตรมาสที่ 3 (ตุลาคม 2545-มิถุนายน 2546) | กค | 08/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ตั้งแต่ต้น
ปีงบประมาณจนถึงสิ้นไตรมาสที่ 3 (ตุลาคม 2545-มิถุนายน 2546) โดยผลการเบิกจ่ายเงินในภาพรวม ส่วนราช การและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว 649,898 ล้านบาท หรือร้อยละ 65.00 ของวงเงินงบประมาณ (999,900 ล้านบาท) เปรียบเทียบกับการเบิกจ่ายในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อนและการเบิกจ่าย เงินงบประมาณ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 มีการเบิกจ่ายต่ำกว่า สำหรับผลการเบิกจ่ายเงินจำแนกตามลักษณะเศรษฐกิจ (ประจำ/ลงทุน) มีการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ 574,657 ล้านบาท หรือร้อยละ 71.81 ของงบประมาณรายจ่าย ประจำ (800,247 ล้านบาท) และรายจ่ายลงทุน 75,241 ล้านบาท หรือร้อยละ 37.69 ของงบประมาณราย จ่ายลงทุน (199,653 ล้านบาท) ส่วนการเบิกจ่ายงบลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรรายจ่ายลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 22 แห่ง มีจำนวน 54,862 ล้านบาท หรือร้อยละ 39.36 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุนในกลุ่มนี้ (139,374 ล้านบาท) โดยหน่วยงานที่มีผลการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนต่ำสุด 3 หน่วยงาน คือ กรมอาชีวศึกษา กรุง เทพมหานคร และกรมทรัพยากรน้ำ โดยมีอัตราการเบิกจ่ายร้อยละ 10.87 12.68 และ 19.81 ตามลำดับ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ พ.ศ. 2546 ไตรมาสที่ 3 ในภาพรวม ต่ำกว่าผลการเบิกจ่ายใน ช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน และต่ำกว่าเป้าหมาย จึงขอให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจทุกแห่งเร่งรัดการเบิก จ่ายเงินงบประมาณ โดยให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2545 เรื่อง มาตรการและแนวทาง การเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 อย่างเคร่งครัดด้วย |
|||||||||||||||
| 966 | งบปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมวงเงิน 16,600 ล้านบาท | นร | 08/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ ประธานกรรมการคณะกรรมการกลั่นกรองแผนงาน/โครงการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติเสนอโครงการของส่วนราชการต่าง ๆ รวม 8 โครงการ ประกอบด้วย (1) โครงการที่ขอใช้จ่ายจากงบปรับ โครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม รวม 6 โครงการ ได้แก่ โครงการแผนงานเร่งด่วนกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวเพื่อ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันหลังวิกฤตสงครามและโรค SARS (กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) โครง การพัฒนามาตรฐานสุขอนามัยและความปลอดภัยในอุตสาหกรรมอาหาร (กระทรวงอุตสาหกรรม) โครงการ นำร่องการใช้ระบบตรวจสอบแบบย้อนกลับได้ในอุตสาหกรรมอาหาร (Traceability) (กระทรวงอุตสาหกรรม) โครงการจัดทำประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) ด้านความปลอดภัยของอาหาร (กระทรวงอุตสาหกรรม) โครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ ตามแผนงานระยะเร่งด่วน (กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง) และโครงการเร่งรัดพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม) และ (2) โครงการที่ขอใช้งบปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมในส่วนของแผนงาน/โครงการตามนโยบาย รัฐบาล ได้แก่ โครงการวางท่อสายไฟฟ้าและสาธารณูปโภคใต้ดินในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ (กระทรวงมหาด ไทย) และโครงการปรับปรุงและพัฒนาขยายแดนคุมขังเรือนจำจังหวัดลำพูน (กระทรวงยุติธรรม) สำหรับวงเงิน และแหล่งเงินงบประมาณค่าใช้จ่ายของแต่ละโครงการ มอบให้สำนักงบประมาณรับไปพิจารณา โดยให้เบิกจ่าย จากเงินงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม หรือรายการเงินสำรอง จ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 ตามความเหมาะสมและจำเป็น แล้วให้ดำเนิน การต่อไปได้ |
|||||||||||||||
| 967 | การติดตั้งโทรศัพท์ให้โรงเรียนในสังกัดกรมสามัญศึกษา | ทก | 01/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ (1) รับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายงานผลการ
ดำเนินการติดตั้งโทรศัพท์ให้กับโรงเรียนในสังกัดกรมสามัญศึกษา ซึ่งบริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการติดตั้งโทรศัพท์ให้กับโรงเรียนในสังกัดกรมสามัญศึกษาทั่วประเทศเพื่อให้มีและสามารถใช้อินเทอร์เน็ต ได้ทุกโรงเรียน รวม 455 แห่ง โดยค่าใช้จ่ายในการให้บริการแต่ละระบบ ประกอบด้วย ค่าติดตั้งโทรศัพท์ในข่ายสาย ค่าติดตั้งโทรศัพท์นอกข่ายสายที่ต้องใช้ระบบ TDMA หรือ WLL และค่าติดตั้งโทรศัพท์นอกข่ายสายซึ่งต้องเช่าระบบ ดาวเทียม รวมทั้งสิ้น 19,697,050 บาท สำหรับโรงเรียนที่ติดตั้งโทรศัพท์ด้วยระบบดาวเทียม 41 แห่ง ซึ่งยังไม่มี อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ ฯ ได้มอบให้ บริษัท ทศท ฯ ประสานงานกับกระทรวงศึกษาธิ การ เพื่อหารือถึงแนวทางที่เหมาะสมในการส่งมอบอุปกรณ์ Terminal Indoor และจานดาวเทียมให้โรงเรียนดูแล และแนะนำวิธีการใช้งานและกำหนด IP Address ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า การติดตั้ง โทรศัพท์ด้วยระบบดาวเทียมให้แก่โรงเรียนที่ตั้งอยู่นอกข่ายสายจำนวน 41 แห่ง นั้น มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง จึงควร พิจารณาความพร้อมในด้านต่าง ๆ ของโรงเรียนแต่ละแห่งเป็นกรณี ๆ ไป เพื่อให้สามารถรองรับและใช้ประโยชน์ จากการติดตั้งได้อย่างแท้จริง และคุ้มค่าแก่การลงทุน (2) ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ เร่งรัดการพิจารณาโครงการขยายเครือข่ายการให้บริการโทรศัพท์ของบริษัท ทศท ฯ ให้แล้วเสร็จ โดยเร็ว (3) ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินการโครงการเครือข่ายการศึกษาแห่งชาติ (Ed Net) และราย งานความคืบหน้าให้นายกรัฐมนตรีทราบเป็นระยะๆ ด้วย และ (4) ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) รับไปศึกษาว่า เพื่อให้การดำเนินการโครงการเครือข่ายการศึกษาแห่งชาติ (Ed Net) เป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด สมควรจะให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ ฯ ต่อไป หรือสมควรจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงประการใด เช่น มอบให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ ฯ หรือกระทรวง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับไปดำเนินการแทน เป็นต้น แล้วรายงานผลให้นายกรัฐมนตรีทราบด้วย
|
|||||||||||||||
| 968 | มติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐชะลอหรือระงับการเดินทางไปประเทศ/เมืองที่เป็นเขตระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง | สธ | 01/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอสรุปสถานการณ์และความก้าวหน้าการ
ดำเนินงานป้องกันและควบคุมโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง ทั้งนี้ การยกเลิกการให้ข้าราชการและเจ้า หน้าที่ของรัฐชะลอหรือระงับการเดินทางไปประเทศ/เมืองที่เป็นเขตระบาดของโรคนี้ ให้ถือปฏิบัติตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2546 เรื่อง ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการให้ข้าราชการและเจ้าหน้า ที่ของรัฐชะลอหรือระงับการเดินทางไปต่างประเทศ/เมืองที่เป็นเขตระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุน แรง สำหรับสรุปสถานการณ์ ฯ ในส่วนของสถานการณ์โรคในต่างประเทศ จากรายงานขององค์การอนามัย โลก ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2545 ถึงวันที่ 27 มิถุนายน 2546 มีรายงานผู้ป่วยจาก 29 ประเทศ จำนวน 8,450 ราย เสียชีวิต 810 ราย โดยผู้ป่วยใหม่ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง และในวันนี้ไม่มีผู้ป่วยใหม่ ส่วนสถาน การณ์โรคในประเทศไทย ได้มีการเร่งรัดเฝ้าระวังโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงทั่วประเทศ โดยได้รับ แจ้งผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ (ที่สมควรได้รับการสอบสวนโรค) จากโรงพยาบาลภาครัฐ และเอกชนทั่ว ประเทศ จำนวน 308 ราย และได้ติดตามสอบสวนพบผู้ป่วยที่เข้าได้กับนิยามโรคนี้ (Probable case) จำนวน 9 ราย (เสียชีวิต 2 ราย) ทุกรายเป็นผู้เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรค โดยเป็นชาวต่างชาติ 3 ราย ชาวไทย 6 ราย ซึ่งได้รับการดูแลอาการจนหายเป็นปกติและกลับบ้านแล้ว และมีผู้ป่วยที่สงสัย (Suspect case) อีกจำนวน 31 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต เป็นชาวต่างชาติ 9 ราย ชาวไทย 22 ราย ทั้งหมดมีประวัติการเดิน ทางมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรค ได้รับการรักษาจนอาการหายเป็นปกติและกลับบ้านแล้ว และจาก สถานการณ์โรคซาร์สทั่วโลกจะเห็นได้ว่าจำนวนผู้ป่วยใหม่ยังคงลดลงเรื่อย ๆ อย่างชัดเจน ซึ่งจากการประชุม The WHO Global Conference on Severe Acute Respiratory Syndrome (SARS) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ได้มีประเด็นคำถามว่าในอนาคตโรคซาร์สจะสามารถถูกกำจัดหรือกวาดล้างให้หมดไปจาก มนุษย์ได้หรือไม่ ซึ่งโอกาสในการเป็นไปได้ขึ้นอยู่กับองค์ความรู้ที่ต้องแสวงหาเพิ่มเติม ได้แก่ วัคซีนป้องกันโรค การพัฒนาวิธีการตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการที่มีความไวและความจำเพาะสูง ความรู้เกี่ยวกับวงชีวิตของ เชื้อที่เป็นสาเหตุ นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกให้ความเห็นว่าการเฝ้าระวังโรคซาร์สจะดำเนินการต่อไป อย่างน้อย 1 ปี |
|||||||||||||||
| 969 | การเร่งรัดกระบวนการตรากฎหมาย | นร | 01/07/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเรื่อง การเร่งรัดกระบวนการตรากฎหมาย เนื่องจาก
สภาพเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบันทั้งภายในประเทศและในสังคมโลกมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก การที่รัฐบาล จะบริหารบ้านเมืองให้เป็นไปตามนโยบาย และทันต่อการเปลี่ยนแปลงได้จะต้องมีกฎหมายที่สอดคล้องกับสภาพ เศรษฐกิจ สังคม และมีการใช้บังคับอย่างมีประสิทธิภาพ ฉะนั้น หากมีแนวทางให้กระบวนการตรากฎหมายมี ความรวดเร็วขึ้น ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง จึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงยุติธรรม เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีการับประเด็นดังกล่าวไปร่วมกัน พิจารณา แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||
| 970 | ผลการประชุมความร่วมมือเอเชีย และการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือกับต่างประเทศ | นร | 24/06/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม
ความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue-ACD) ครั้งที่ 2 ณ จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 21 - 22 มิถุนายน 2546 รวมทั้งการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุ ศรีพิทักษ์) และคณะ เพื่อจัดทำความตกลงเร่งลดภาษีสินค้าผักและผลไม้ระหว่างไทย - จีน เมื่อวันที่ 17 - 19 มิถุนายน 2546 ล้วนได้รับความสำเร็จเป็นอย่างดี และโดยที่การประชุมความร่วมมือเอเชียเป็นเรื่องที่ประเทศ ไทยริเริ่มขึ้น เพื่อให้มีการใช้ทรัพยากรทางการเงินของเอเชีย โดยคนเอเชีย และเพื่อประโยชน์ของคนเอเชียและ โลกเนื่องจากภูมิภาคเอเชียเป็นภูมิภาคใหญ่ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของประเทศต่างๆ ในภูมิภาครวมกัน มากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก จึงเป็นภาระหน้าที่โดยตรงของประเทศไทยที่จะต้องผลักดันและสานต่อให้กลไกความ ร่วมมือเอเชียขับเคลื่อนและพัฒนาต่อไปให้มีความมั่นคงแข็งแรงและยั่งยืนต่อไป โดยในระยะต้นประเทศไทยจะ ต้องรับบทบาทเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนกรอบความร่วมมือเอเชียให้ไปในทิศทางที่ถูกต้องตามเจตนารมณ์ที่ได้ ตั้งไว้โดยอาจจะต้องตั้งสำนักประสานงานขึ้นในประเทศไทยและมีนายกรัฐมนตรีไทยเป็นเสมือนผู้นำบูรณาการ ของกรอบความร่วมมือนี้ และเนื่องจากกิจกรรมภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าวแยกออกไปได้เป็นหลายสาขา ซึ่งบางสาขาประเทศไทยก็เป็นเจ้าภาพในการดำเนินการ แต่บางสาขาก็เป็นเพียงผู้ร่วมดำเนินกิจกรรม ดังนั้น การดำเนินการภายใต้กรอบความตกลงจึงเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับภารกิจและกรอบอำนาจหน้าที่ของทุกกระทรวง ทั้งในทางตรงและทางอ้อม และยังเชื่อมโยงกับการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ที่ประเทศไทย กำลังดำเนินการอยู่ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (Free Trade Area - FTA) ด้วย จึงมอบหมายให้รัฐมนตรีทุกท่านติดตามข้อมูลความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับ การจัดทำความร่วมมือเอเชีย และการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อประกอบการดำเนินการ ในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตามกรอบอำนาจหน้าที่ต่อไปอย่างใกล้ชิด และมอบให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับ ผิดชอบในการเร่งรัด ติดตาม การดำเนินการจัดทำข้อตกลงทางการค้า (FTA) กับประเทศต่าง ๆ โดยรอง นายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รับผิดชอบสาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ส่วน รองนายกรัฐมนตรี (นายกร ทัพพะรังสี) รับผิดชอบสาธารณรัฐอินเดีย และออสเตรเลีย |
|||||||||||||||
| 971 | กระทู้ถามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อตอบในราชกิจจานุเบกษา (กระทู้ถามที่ 671 ร. เรื่อง การพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน) | สผ | 17/06/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 671 ร. เรื่อง
การพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอน แก่น และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า (1) รัฐบาลมีนโยบายใน การเสริมสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศในภูมิภาคเอเชีย โดยอาศัยความร่วมมือทางเศรษฐ กิจและการค้าเป็นตัวนำ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และยกระดับอำนาจต่อรองในเวทีการค้า การลง ทุนและการเงินระหว่างประเทศ (2) รัฐบาลมีนโยบายที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนและครอบครัวเพื่อให้พึ่ง ตนเองได้ โดยมีนโยบายที่จะดำเนินการที่สำคัญ ได้แก่ นโยบายสร้างความเข้มแข็งของชุมชน การแก้ไขปัญหา ความยากจน การเร่งรัดดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด การแก้ไขปัญหาในหมู่บ้านยากจน การนำ นโยบายไปสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่โดยใช้ กรอ.จังหวัด รวมทั้งการสนับสนุนโครงการตามนโยบายของรัฐบาล และ (3) รัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือธุรกิจค้าปลีกค้าส่งขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยวางมาตรการช่วยเหลือให้ ธุรกิจดังกล่าวมีความเข้มแข็งและมีกำลังเงิน เช่น ลดอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ยังมีมาตรการและแนวทางในการ ช่วยเหลือด้านอื่น ๆ ได้แก่ การยกร่างกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ โดยไม่ส่งสัญญาณ ให้ระบบตลาดหรือการค้าเสรีเสียหาย การจัดอบรมร้านค้าปลีก เพื่อให้ผู้ประกอบการรับทราบแนวทางการปรับ ตัวในสถานการณ์ปัจจุบันและพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการ การคัดเลือกร้านค้าที่มีศักยภาพเหมาะสม มาดำเนินการออกแบบและวางระบบเป็นร้านค้าต้นแบบ ตลอดจนการเชื่อมโยงเครือข่ายร้านค้าปลีก ร้านค้าส่ง และผู้ผลิต/ผู้แทนจำหน่าย เพื่อช่วยให้การจัดซื้อและบริหารจัดการสต๊อกสินค้าสะดวก รวดเร็ว เป็นระบบมากขึ้น |
|||||||||||||||
| 972 | การเร่งรัดปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์ (ร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....) | นร | 17/06/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการ
กฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามมติ ที่ประชุมร่วมกันของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (ฝ่ายเศรษฐกิจ) (เดิม) และ คณะที่ 6 (ฝ่ายกฎหมาย ฯ) (เดิม) เพื่อให้สามารถนำร่างพระราชบัญญัติเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาได้ ในการประชุมสมัยสามัญคราวต่อไป |
|||||||||||||||
| 973 | รายงานการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับผลการประชุมประจำปี 2545 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ | นร | 17/06/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
รายงานการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามผลการประชุมประจำปี 2545 ของ สศช. เรื่อง ความอยู่ดีมี สุขของคนไทย : 5 ปีหลังวิกฤตเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2545 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบและมอบ หมายให้ สศช. เป็นหน่วยงานกลางประสานการดำเนินงานกับส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยผลการ ดำเนินงานตามผลการประชุม ฯ มีดังนี้ (1) การแก้ไขปัญหาความยากจน ได้แก่ การปรับปรุงแนวทางการดำเนิน งานของภาครัฐเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน การส่งเสริมบทบาทชุมชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีการ พัฒนาในการแก้ไขปัญหาความยากจนในระดับครัวเรือน และจัดทำแผนชุมชนในพื้นที่ที่มีความยากจนหนาแน่นให้ ครบทุกตำบล รวมทั้งปรับปรุงและสนับสนุนมาตรการต่าง ๆ ที่มีความสำคัญในการแก้ไขปัญหาความยากจน (2) การพัฒนาศักยภาพคนไทย และระบบการคุ้มครองทางสังคม ได้แก่ การจัดทำมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพ การแปล หนังสือ ตำรา การเร่งรัดการดำเนินโครงการออมเพื่อเกษียณอายุแบบบังคับและแบบสมัครใจ (3) การพัฒนา ความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทย ได้แก่ การกำหนดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้เป็นไปตามศักยภาพของ ประเทศ การเร่งรัดจัดตั้งระบบประกันเงินฝาก เพื่อหลีกเลี่ยงภาระที่จะเกิดขึ้นกับภาครัฐในกรณีที่เกิดวิกฤตด้าน การเงิน การพัฒนาการค้าและความร่วมมือระหว่างประเทศ การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับ วิสาหกิจและระดับสาขาการปรับปรุงกระบวนการจัดเตรียมโครงการลงทุนขนาดใหญ่ และการปฏิรูปภาครัฐที่ทำ หน้าที่จัดหาบริการพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ และ (4) การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม ได้แก่ การเร่งรัดจัดทำร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เพื่อลดปัญหาขัดแย้งในการใช้น้ำ และการ เร่งรัดการจัดทำร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำแห่งชาติ |
|||||||||||||||
| 974 | กระทู้ถามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อตอบในราชกิจจานุเบกษา (กระทู้ถามที่ 556 ร. เรื่อง การปราบปรามการทุจริตโครงการว่าจ้างต่อเรือขุดของกรมเจ้าท่า) | สผ | 10/06/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 556 ร. เรื่อง
การปราบปรามการทุจริตโครงการว่าจ้างต่อเรือขุดของกรมเจ้าท่า ของนายนพดล อินนา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า (1) รัฐบาลโดย กระทรวงคมนาคมได้ติดตามตรวจสอบผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการเรือขุดหัวสว่านขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางท่อส่งดิน 28 นิ้ว ที่กรมเจ้าท่า โดยรัฐบาลในอดีตได้ลงนามในสัญญากับบริษัทเอลลิคอตต์ แมชชินคอร์ปอเรชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล แห่งสหรัฐอเมริกา มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 ซึ่งผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า การดำเนินงานของผู้รับผิดชอบในแต่ละ เรื่องแต่ละตอนในขณะนั้นเป็นเหตุให้กรมเจ้าท่าเสียหายเป็นเงินจำนวนมาก แต่เนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับ เรื่องร้องเรียนไว้ไต่สวนแล้ว กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี (กรมเจ้าท่า ในขณะนั้น) ได้ส่งข้อมูลไปให้คณะ กรรมการ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไปแล้ว (2) ถึงแม้ว่ายังไม่มีข้อยุติจากผลการสอบสวนของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในเรื่องดังกล่าว แต่ผลการสอบสวนของคณะกรรมการที่กระทรวงคมนาคมแต่งตั้งขึ้นสามารถ สรุปได้ว่า เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ และคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการทางวินัยกับ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ โดยไม่ต้องรอผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. (3) รัฐบาลโดย กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยให้กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีดำเนินการเร่งรัด ให้บริษัท ฯ ปฏิบัติตามสัญญามาเป็นลำดับ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสถานที่ต่อเรือ การให้บริษัท ฯ ต้องเสียค่าปรับ เพื่อชดเชยความเสียหาย และได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายตามสัญญา และบอกเลิก สัญญากับบริษัท ฯ โดยมอบให้สำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินการตามสัญญาและกฎหมาย และ (4) รัฐบาลได้ กำหนดนโยบายในการบริหารแผ่นดินตามข้อ 15.4 ซึ่งเป็นนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดย ดำเนินมาตรการลงโทษทางวินัยทางปกครอง ทางแพ่ง ทางอาญา และทางภาษีอย่างเด็ดขาด รวดเร็ว และเป็น ธรรมต่อผู้ทุจริต รวมทั้งได้มีการประกาศใช้ระเบียบต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดการทำงานอย่างถูกต้อง และโปร่งใส |
|||||||||||||||
| 975 | การเร่งรัดขยายบริการไฟฟ้าโดยระบบผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ | มท | 03/06/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการเร่งรัดขยายบริการไฟฟ้าโดย
ระบบผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Home System) รวมทั้งการนำเข้าอุปกรณ์ส่วนประกอบของ ระบบผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์บางส่วนที่ไม่สามารถผลิตได้ในประเทศ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้กระทรวงมหาดไทยประสานกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินการตามโครง การนี้เป็นไปเฉพาะครัวเรือนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ไม่สามารถติดตั้งระบบไฟฟ้าตามปกติและไม่ซ้ำซ้อนกับครัว เรือนตามแผนการขยายพื้นที่การใช้ไฟฟ้าของ กฟภ. ที่กำลังดำเนินการอยู่ด้วย สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้ในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2547 จำนวน 4,016,250,000 บาท ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาด ไทยเพื่อจัดหาเงินกู้จากสถาบันการเงินในประเทศ โดยรัฐรับผิดชอบค่าดอกเบี้ย และให้สำนักงบประมาณรับไปตั้ง งบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 เพื่อชดใช้คืนเงินกู้ดังกล่าว รวมไปถึงงบประมาณของโครงการที่จะใช้ในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2548 อีกจำนวน 3,615,045,000 บาท เพิ่มเติมไว้ในเงินอุดหนุนที่จะจัดสรรให้แก่องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นต่อไป ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงความประหยัดงบประมาณและประสิทธิภาพของการจัดการด้วย |
|||||||||||||||
| 976 | การรายงานความก้าวหน้าของโครงการหรือที่เป็นเรื่องเร่งด่วนของรัฐบาล | ตช | 19/05/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานความก้าวหน้าของโครงการหรือที่เป็น
เรื่องเร่งด่วนของรัฐบาลของสำนักงานแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ สรุปได้ดังนี้ (1) โรงพยาบาลตำรวจได้ดำเนิน การโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (30 บาท รักษาทุกโรค) ขณะนี้ได้รับเงินค่าใช้จ่ายรายหัวจากโรงพยาบาล มเหสักข์ ซึ่งเป็นเครือข่ายโดยตรงเรียบร้อยแล้ว ส่วนการเร่งรัดการจ่ายชดเชยค่าใช้จ่ายสูงและอุบัติเหตุ ได้ดำเนินการ เรียกเก็บเงินตั้งแต่ตุลาคม 2544 ถึงธันวาคม 2545 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 17,691,140.02 บาท เรียกเก็บได้ทั้งสิ้น 1,207,889.70 บาท คงค้างทั้งสิ้น 16,559,963.32 บาท ได้ดำเนินการทำข้อตกลงกับสำนักอนามัยกรุงเทพมหา นคร ให้ศูนย์บริการสาธารณสุข 5 ในรูปเครือข่าย ให้การบริการประชาชนในเขตพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งงานด้าน ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค สำหรับการขยายเครือข่ายให้คลินิกแพทย์และคลินิกทันตแพทย์มีส่วนร่วม ยังไม่มีการ ดำเนินการ มีประชาชนแจ้งข้อร้องเรียนสถานพยาบาลรวมทั้งสิ้น 221 เรื่อง สำหรับการขอเป็นสถานพยาบาลลูก ข่ายโรงพยาบาลนครพิงค์ ของโรงพยาบาลดารารัศมี ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจัดหาระบบคอมพิวเตอร์จาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (2) โรงพยาบาลตำรวจ ได้ดำเนินการเร่งจัดตั้งสถานบำบัดผู้ติดยาเสพติด (ศูนย์ซับน้ำตา ผู้ติดยาเสพติด) โดยจัดกิจกรรมป้องกันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ช่วงไตรมาสที่ 2 (มกราคม ถึง มีนาคม 2546) มีผู้เข้ารับการบำบัดฟื้นฟู 445 คน มีผู้ได้รับการอบรม 350 คน มีสื่อสนับสนุนการป้องกันยาเสพติด 1,000 คน และ (3) สถาบันนิติเวชวิทยา ได้จัดทำโครงการเก็บรวบรวมข้อมูล DNA ของผู้ต้องขังทั่วประเทศ 176 แห่ง โดย เลือกประเภทผู้ต้องขังอายุ 50 ปีลงมา และตามลักษณะความผิด สามารถเก็บตัวอย่างได้ประมาณ 10,000 ราย ซึ่งปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน ผู้ต้องขังไม่ให้ความร่วมมือในการเก็บตัวอย่างเท่าที่ควร ทั้งนี้ จะประสานขอ ความร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์ก่อนที่จะไปเก็บตัวอย่างจากผู้ต้องขัง |
|||||||||||||||
| 977 | การขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. 2543 | นร | 19/05/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กระทรวงการคลังพิจารณาขยายเวลาการ
เบิกจ่ายเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. 2543 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 2 รายการ คือ รายการระบบควบ คุมสั่งการจราจรสายหลัก กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 1 ระบบ วงเงิน 99,870,000 บาท และรายการโครง การที่พักอาศัยของบริษัท ไทฟาพร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด วงเงิน 11,914,100 บาท วงเงินรวม 111,784,100 บาท ออกไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2546 โดยให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2541 เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการกันเงินงบประมาณไว้เบิกเหลื่อมปีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย และให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดมาตรการเร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า การนำระบบควบคุมสัญญาณไฟจราจรอัตโนมัติ (Area Traffic Control-ATC) มาใช้ในการจัดระบบการจราจรใน เขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดคับคั่งในสายทางต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบ แต่โดยที่การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวยังมีความล่าช้า และเกี่ยวข้องกับหน่วยงานต่าง ๆ หลายหน่วยงาน รวมทั้ง ระบบควบคุมสัญญาณไฟจราจรอัตโนมัติควรจะมีความเชื่อมโยง สอดคล้อง และสัมพันธ์กันอย่างสมบูรณ์ จึงมอบ ให้กระทรวงคมนาคม (สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร) รับเรื่องนี้ไปเร่งรัด ติดตาม และประสาน การดำเนินงาน แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วน |
|||||||||||||||
| 978 | การเร่งรัดดำเนินการตามผลการเจรจาและข้อตกลงทางการค้า (FTA) | นร | 06/05/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินการตามผลการเจรจาและ
ข้อตกลงทางการค้า (FTA) กับประเทศต่าง ๆ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานและเร่งรัดดำเนินการให้แล้ว เสร็จและบรรลุผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งในการเจรจาตกลงกับประเทศต่าง ๆ แต่ละประเทศ ควรพิจารณาจัด ทำข้อตกลงเฉพาะเรื่องที่สามารถหาข้อยุติได้ไปก่อน โดยแนวทางในการเจรจาข้อตกลงอาจพิจารณาแยกประเด็น เจรจาออกเป็น 3 กลุ่ม คือ (1) เรื่องที่ไทยและประเทศคู่เจรจามีความพร้อมและสามารถที่จะเจรจาตกลงเพื่อหา ข้อยุติร่วมกันทั้ง 2 ฝ่ายได้โดยเร็ว (2) เรื่องที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจมีปัญหาติดขัดในรายละเอียด แต่มีความเป็นไป ได้สูงที่ทั้งสองฝ่ายจะเจรจาและหาข้อยุติที่เป็นที่ยอมรับกันได้ และ (3) เรื่องที่เป็นไปได้ยากที่ทั้งสองฝ่ายจะเจรจา ตกลงกันได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ทั้งนี้ เมื่อได้แยกประเด็นเจรจาเป็น 3 กลุ่มดังกล่าวแล้ว ก็ให้เร่งรัดเจรจากับ ประเทศคู่เจรจาแต่ละประเทศ เฉพาะประเด็นตามกลุ่ม (1) ก่อน เมื่อได้ผลสำเร็จและสามารถจัดทำข้อตกลงกัน ได้แล้ว จึงเริ่มดำเนินการเจรจาในประเด็นตามกลุ่ม (2) และ (3) ต่อไป และโดยที่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2545 เรื่อง เร่งรัดการดำเนินการตามผลการเจรจาเรื่องหรือข้อตกลงใด ๆ กับต่างประเทศ มอบให้ รองนายกรัฐมนตรี (นายกร ทัพพะรังสี) ซึ่งได้รับมอบหมายและมอบอำนาจให้เป็นผู้กำกับดูแลและติดตามเรื่อง หรือข้อตกลงใด ๆ ที่ได้มีการเจรจาทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคีกับต่างประเทศได้ติดตามและเร่งรัดเพื่อให้การ ดำเนินการสัมฤทธิ์ผลอย่างรวดเร็วไว้แล้ว จึงขอให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกร ทัพพะรังสี) เร่งดำเนินการตามมติ คณะรัฐมนตรีดังกล่าวต่อไป และให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ประสานแนวคิดและทิศทาง การเจรจาในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกทางหนึ่งด้วย
|
|||||||||||||||
| 979 | รายงานผลการเร่งรัดแก้ไขปัญหาการเปิดปิดประตูเขื่อนทดน้ำบางปะกง | กษ | 28/04/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน รายงานผลการเร่งรัด
แก้ไขปัญหาการเปิดปิดประตูเขื่อนทดน้ำบางปะกง ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดติดตามการดำเนิน การแก้ไขปัญหานี้อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องต่อไป เพื่อให้ได้ข้อยุติในเรื่องต่าง ๆ โดยเร็ว และเป็นที่ยอมรับ รวมทั้ง เป็นผลดีต่อทุกฝ่ายให้มากที่สุด โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ช่วยประสานและเร่งรัดการ ดำเนินการกับหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่อีกทางหนึ่งด้วย สำหรับรายงานผลการเร่งรัดแก้ ไขปัญหาการเปิดปิดประตูเขื่อนทดน้ำบางปะกง กรณีระดับน้ำที่สูงและต่ำกว่าปกติเมื่อปิดเขื่อนฯ และการพังทลาย ของตลิ่ง กรมชลประทานได้รายงานความก้าวหน้าการบูรณาการแผนปฏิบัติงานโดยได้จัดประชุมหารือหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาผลการศึกษาและแผนปฏิบัติการ ซึ่งผลการประชุมในเบื้องต้นจะยังไม่มีการดำเนินการเปิด ปิดประตูเขื่อน ฯ หากยังไม่มีการดำเนินการในมาตรการที่ลดผลกระทบโดยตรงและมาตรการเสริมตามกรอบแผน งานที่ได้ผ่านการพิจารณาจากหน่วยงานต่าง ๆ แล้ว โดยเฉพาะการสร้างความเข้าใจในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ส่วน การดำเนินการขั้นต่อไป จะประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ได้ข้อสรุป และเป็นที่ยอมรับของทุกหน่วย งานที่เกี่ยวข้อง ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี กับประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจต่อประชาชนในการแก้ไขปัญหา เขื่อนทดน้ำบางปะกง และการพัฒนาลุ่มน้ำบางปะกงแบบบูรณาการ ก่อสร้างระบบหมุนเวียนที่ทำนบดินเดิมเพื่อ เพิ่มความสามารถในการระบายน้ำ และออกแบบรายละเอียดโครงการในระยะเร่งด่วน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภาย ในเดือนกันยายน 2546 |
|||||||||||||||
| 980 | การเร่งรัดการดำเนินการเพื่อกระตุ้นอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) | นร | 25/03/2546 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้อัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวม
ในประเทศ (GDP) ในปี พ.ศ. 2546 นี้ เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล ซึ่งได้กำหนดไว้ประมาณร้อยละ 6 จึงให้ ดำเนินการ ดังนี้ (1) ให้รัฐมนตรีเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2546 ของส่วนราชการและ หน่วยงานในสังกัดให้รวดเร็ว และกวดขันดูแลการใช้จ่ายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล (2) ให้ส่วน ราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งรัดการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมด ให้เกิดผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว และ (3) ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และรองนายกรัฐมนตรี (นายกร ทัพพะรังสี) ร่วมกันพิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินความร่วมมือกับประเทศจีนและประเทศอินเดีย โดยแยกเป็น 2 คณะ โดยให้คณะกรรมการดังกล่าวทำหน้าที่เร่งรัดติดตามการดำเนินการตามข้อตกลง และผลการ เจรจาความร่วมมือต่าง ๆ ทั้งในระดับทวิภาคี และพหุภาคี ให้บรรลุผลโดยเร็ว รวมทั้งดูแลแก้ไขปัญหา ตลอดจนส่ง เสริมความร่วมมือด้านต่าง ๆ ในทุกมิติเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้ และเป็นพื้นฐาน ที่ดีสำหรับปีต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||
.....
