ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 18 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 341 - 360 จากข้อมูลทั้งหมด 1478 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 341 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2546 และขอผ่อนผันยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2550 เพื่อก่อสร้างถนนในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ สำหรับโครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ทางหลวงหมายเลข 105 หรือ ทางหลวงหมายเลข 12 (ปรับใหม่) ตอน ตาก - อ. แม่สอด | คค | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ได้รับการผ่อนผันและยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการขอใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ และการก่อสร้างถนนในพื้นที่อุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สำหรับโครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น ๔ ช่องจราจร (ระยะที่ ๒) ทางหลวงหมายเลข ๑๐๕ หรือทางหลวงหมายเลข ๑๒ (ปรับใหม่) ตอน ตาก-อ.แม่สอด เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๖ และความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินงานอยู่ในเขตทางเดิมเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น และจะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม ส่วนการขอเข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าไม้และเขตอุทยานแห่งชาติ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย แนวทางปฏิบัติ ตลอดจนมติคณะรัฐมนตรีและนโยบายที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยกระทรวงคมนาคมจะต้องดำเนินการปลูกป่าทดแทนพื้นที่ป่าไม้ที่สูญเสียไปไม่น้อยกว่า ๓ เท่าของพื้นที่ป่าไม้ที่ถูกใช้ประโยชน์ (หรือไม่น้อยกว่า ๑,๒๐๐ ไร่) รวมทั้งต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมชี้แจงให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจถึงเหตุผลความจำเป็นและประโยชน์ที่ประชาชนในพื้นที่และประเทศจะได้รับในการดำเนินโครงการขยายถนนสายดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 342 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านการต่างประเทศ ๑.๑ ตามที่ได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการที่จะมีการประชุมเจรจาหรือจัดทำความตกลงระหว่างประเทศมีหลักการตั้งอยู่บนพื้นฐานของการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ การลดความหวาดระแวง และการได้รับผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน รวมทั้งให้ใช้หลักการต่างตอบแทนในการเจรจาโดยยื่นข้อเสนอความร่วมมือระหว่างประเทศที่เป็นรูปธรรม นั้น ให้ทุกส่วนราชการดำเนินการตามข้อสั่งการอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ในการพัฒนาท่าอากาศยานในพื้นที่แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางภายในภูมิภาคและรองรับความต้องการเดินทางระหว่างสองประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้กระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำอย่างเป็นระบบและเป็นธรรม โดยให้ใช้ประสบการณ์ ฝีมือ และผลิตภาพของแรงงาน รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ มาเป็นเงื่อนไขในการพิจารณาด้วย ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และแนวทางดังกล่าวไม่ควรก่อให้เกิดผลกระทบกับภาคการลงทุนและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอนาคต และให้นำเสนอหลักเกณฑ์และแนวทางดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีภายใน ๑ เดือน ๒.๒ ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมรายการสินค้าและบริการของผู้ประกอบการไทยที่ใช้โปรแกรมประยุกต์ (Application) เป็นช่องทางในการติดต่อซื้อขายหรือให้บริการแก่ผู้บริโภค เพื่อใช้สร้างการรับรู้แก่ประชาชนเป็นตัวอย่างให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่น และเพื่อประโยชน์ในการนำไปใช้ประกอบการพัฒนาประเทศไทย ๔.๐ ๒.๓ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งรัดการจัดการท่องเที่ยวทางเรือโดยเฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางเรือระหว่างประเทศ รวมทั้งให้มีการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนด้วย ๓. ด้านสังคม ๓.๑ ตามที่ได้มีข้อสั่งการว่า ในกรณีที่ส่วนราชการจะดำเนินโครงการหรือมาตรการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่โครงการ ให้ส่วนราชการจัดทำโครงการหรือกำหนดมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบนั้น ๆ ด้วย ทั้งนี้ ในการจัดหาพื้นที่อยู่อาศัยและประกอบอาชีพให้แก่ประชาชน ให้พิจารณาจัดหาพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่เดิมเป็นลำดับแรก ๓.๒ ตามที่ได้มีข้อสั่งการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการขับเคลื่อนให้เกิดสังคมไทยที่เข้มแข็ง พอเพียง และปลอดภัย โดยนำหลักธรรมมาสร้างจิตสำนึก ค่านิยม ในสังคม และทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรม นั้น ให้นำกลไกประชารัฐมาใช้เป็นหลักในการบูรณาการขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาด้านสังคม เช่น การป้องกันและลดอุบัติเหตุ ต่อไปด้วย ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการกำหนดมาตรการและแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยในช่วงเวลานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่มีการผันน้ำเข้าสู่พื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกร และให้นำเสนอมาตรการและแนวทางดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีภายในสัปดาห์หน้า ๔.๒ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) เป็นหน่วยงานหลักจัดทำแผนการระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยให้ครอบคลุมการจัดทำผังเมืองเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังรอการระบายเมื่อเกิดฝนตกหนัก และให้นำเสนอแผนดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วน ๔.๓ ตามที่ได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการจัดทำทะเบียนรายชื่อผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับชาติและระดับนานาชาติประเภทต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศิลปวัฒนธรรม วิชาชีพเฉพาะทางในสาขาต่าง ๆ พร้อมทั้งให้การสนับสนุนกลุ่มบุคคลดังกล่าว โดยอาจสนับสนุนทุนสำหรับขยายกิจการหรือสนับสนุนมาตรการทางภาษี นั้น ให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการดำเนินการ โดยให้รวบรวมข้อมูลจากส่วนราชการในสังกัดเพื่อจัดทำเป็นฐานข้อมูลให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน และส่งฐานข้อมูลดังกล่าวให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะผู้รับผิดชอบภาพรวมการขับเคลื่อนประเทศไทย ๔.๐ เพื่อนำไปใช้ประกอบการกำหนดแนวทางพัฒนาประเทศให้รองรับประเทศไทย ๔.๐ ต่อไป ๔.๔ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และสำนักงาน ก.พ. พิจารณาปรับปรุงแนวทางการจูงใจผู้ที่มีความรู้ความสามารถและมีศักยภาพในการปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ เป็นที่ประจักษ์ให้เข้ามาเป็นบุคลากรภาครัฐ เช่น การกำหนดค่าตอบแทนพิเศษให้แก่ผู้ที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับชาติ หรือระดับนานาชาติ เป็นต้น และให้นำเสนอแนวทางดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีภายใน ๓ เดือน ๔.๕ ในการจัดทำโครงการหรือมาตรการที่เป็นการให้ความช่วยเหลือประชาชน ให้ส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานหลักในการเสนอโครงการหรือมาตรการจะต้องดำเนินการเพื่อให้มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โครงการหรือมาตรการที่จะกำหนดขึ้นไม่มีความซ้ำซ้อนและไม่เป็นภาระงบประมาณแผ่นดิน ๔.๖ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งพิจารณาดำเนินการแก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ที่ขออนุญาตเข้าใช้พื้นที่ป่าไม้และพื้นที่ลุ่มน้ำให้ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการห้ามมิให้ผู้เคยกระทำผิดกฎหมายหรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎหมายดังกล่าวหรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไม่ว่าในกรณีใดเป็นผู้ได้รับอนุญาตอีก ทั้งนี้ การดำเนินการต้องไม่ขัดกับหลักสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ๔.๗ ตามที่ได้มีข้อสั่งการให้ทุกกระทรวงมอบหมายให้ทีมโฆษกของกระทรวงมีหน้าที่กลั่นกรองข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ เมื่อตรวจสอบพบว่าข้อมูลที่สื่อรายงานมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง ให้จัดทำเอกสารชี้แจงเพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องโดยทันที รวมทั้งให้จัดทำเอกสารข่าวกระทรวงเพื่อแจกสื่อให้รับทราบถึงผลการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาลของกระทรวงนั้น ๆ โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายเพื่อสร้างการรับรู้ต่อสาธารณชนได้อย่างชัดเจน นั้น ให้ทุกส่วนราชการดำเนินการอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการจัดทำเป็นเอกสารชี้แจง (Press Release) เพื่อให้ข้อมูลที่เผยแพร่ต่อสาธารณชนเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ถูกบิดเบือนหรือถูกกล่าวอ้างผิดไปจากข้อเท็จจริง ๔.๘ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติบังคับใช้กฎหมายจราจรกับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วเกินกำหนดบนท้องถนนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มีขนาดใหญ่ (บิ๊กไบค์) รวมทั้งสร้างการรับรู้และจิตสำนึกเกี่ยวกับวินัยในการขับขี่ปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ๔.๙ ให้หัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจกำกับดูแลการเบิกจ่ายเงินตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ หรือค่าล่วงเวลาของบุคลากรให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับภาระงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 343 | กรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2560 | นร11 | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบกรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ วงเงินดำเนินการ ๑,๕๒๐,๕๔๑ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน ๕๘๐,๙๘๐ ล้านบาท สำหรับโครงการที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และการลงทุนที่ใช้เงินงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ดำเนินการได้เมื่อได้รับอนุมัติตามขั้นตอนแล้ว ทั้งนี้ กำหนดเป้าหมายให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๙๕ ของกรอบวงเงินอนุมัติเบิกจ่ายลงทุน ๑.๒ เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปรับวงเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ให้สอดคล้องกับผลการจัดสรรงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และการอนุมัติลงทุนเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรี ๑.๓ มอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงงบลงทุนระหว่างปีในส่วนงบลงทุนเพื่อการดำเนินงานปกติและโครงการต่อเนื่องที่การเปลี่ยนแปลงไม่มีผลกระทบต่อสาระสำคัญและกรอบวงเงินโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้ว โดยกรณีการปรับลดเป้าหมายการลงทุนต้องเป็นเหตุจากปัจจัยภายนอกที่รัฐวิสาหกิจไม่สามารถบริหารจัดการได้เท่านั้น ๑.๔ ให้รัฐวิสาหกิจรายงานผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานและการลงทุนปี ๒๕๖๐ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบภายในทุกวันที่ ๕ ของเดือนอย่างเคร่งครัด และให้กระทรวงเจ้าสังกัดรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ระดับกระทรวง และระดับองค์กรไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะและความก้าวหน้าการดำเนินโครงการลงทุนทุกไตรมาส เพื่อประโยชน์ในการติดตามประเมินผลการดำเนินงานและการลงทุนของรัฐวิสาหกิจได้อย่างต่อเนื่อง ๑.๕ รับทราบประมาณการงบทำการประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ ประมาณ ๑๐๗,๗๒๒ ล้านบาท และรับทราบประมาณการแนวโน้มการดำเนินงานช่วงปี ๒๕๖๑-๒๕๖๓ ของรัฐวิสาหกิจในเบื้องต้นที่คาดว่าจะมีการลงทุนเฉลี่ยประมาณปีละ ๗๒๐,๓๑๓ ล้านบาท และผลประกอบการจะมีกำไรสุทธิเฉลี่ยประมาณปีละ ๑๐๒,๗๑๑ ล้านบาท ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้รัฐวิสาหกิจเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ให้มากกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งรัดการดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ รวมทั้งให้กระทรวงเจ้าสังกัด และรัฐวิสาหกิจจัดทำแผนการเบิกจ่ายงบลงทุนที่สอดคล้องกับวงเงินที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและรายงานให้กระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบ ตลอดจนให้จัดทำแผนเร่งรัดการเบิกจ่ายในโครงการตามแผนการลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่ได้รับความเห็นชอบแล้วให้มีการก่อหนี้โดยเร็ว สำหรับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ให้เลื่อนการลงทุนให้เร็วขึ้น (Front Load) ทั้งนี้ ให้เน้นการเบิกจ่ายในไตรมาสที่ ๑ ประจำปี ๒๕๖๐ ให้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ รัฐมนตรีเจ้าสังกัดที่กำกับดูแล และคณะกรรมการของแต่ละรัฐวิสาหกิจให้ความสำคัญในการติดตามผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่อง ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 344 | ขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณปี พ.ศ. 2557 และขอดำเนินงานโครงการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลเพิ่มเติม | ดท | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๒. รับทราบการดำเนินโครงการภายใต้กรอบโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลเพิ่มเติม จำนวน ๕ โครงการ วงเงินรวม ๓๖๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย (๑) โครงการพัฒนาผู้ประกอบการรายใหม่เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Incubation network) (๒) โครงการจัดหาระบบเฝ้าระวังสื่อออนไลน์ (๓) โครงการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจจากเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information & Communication Technology : ICT) สู่เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy : DE) (๔) โครงการสำรวจข้อมูลสถานภาพการรู้เท่าทันสื่อและสารสนเทศของประเทศไทย (Media and Information Literacy) และ (๕) โครงการยกระดับคุณภาพงานบริการภาครัฐเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล (ระยะที่ ๒) ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ๓. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการเกี่ยวกับการใช้จ่ายและการเบิกจ่ายงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ โดยให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และความประหยัดเป็นสำคัญ โดยให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดการดำเนินโครงการกับสำนักงบประมาณกรณีการโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้ชัดเจน โดยเร่งรัดการใช้จ่ายและเบิกจ่ายให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ รวมถึงจัดทำสรุปรายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณและผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลให้คณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสต่อไปด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินโครงการที่อยู่ระหว่างการจัดทำข้อกำหนดขอบเขตของงานและกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ตลอดจนนำโครงการฯ ไปบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนารายยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลมีความสอดคล้องและครอบคลุมในทุกมิติ รวมทั้งสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาได้อย่างมีเอกภาพและให้เกิดความยั่งยืนต่อไป ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 345 | ร่างพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. .... | มท | 20/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เกี่ยวกับประเด็นองค์ประกอบของคณะกรรมการผังเมือง ข้อกำหนดการใช้พื้นที่ในการดำเนินโครงการด้านพลังงาน และระยะเวลาในการพิจารณาอุทธรณ์ กระบวนการแจ้งสิทธิและข้อมูลให้ผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่วางผังรับทราบเป็นการล่วงหน้า การรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชนจะต้องประกอบด้วยการจัดประชุมประชาชนเพื่อรับฟังข้อคิดเห็นเกี่ยวกับผังเมืองอย่างน้อยหนึ่งครั้ง รวมทั้งการจัดทำผังเมืองจะต้องมีความสมดุลระหว่างด้านการพัฒนาและการควบคุมการใช้พื้นที่อย่างเหมาะสม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองและแผนการเสนอกฎหมายลำดับรอง และการเร่งรัดดำเนินการเสนอกฎหมายหรือปรับปรุงกฎหมายสำคัญ) และให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดการเสนอแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อเสนอสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการควบคุมการวางผังเมืองให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด รวมทั้งคำนึงถึงปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่เดิม และประสานกับกรมชลประทานเรื่องปริมาณความต้องการใช้น้ำที่คาดว่าจะใช้เพิ่มขึ้นในพื้นที่ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาวางแผนการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป และให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำหนดแนวเขตปฏิรูปที่ดินพร้อมทั้งสัญลักษณ์สีแสดงการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในผังแสดงการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อความสะดวกชัดเจนในการตรวจสอบ นอกจากนี้ ควรกำหนดลักษณะการใช้ประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินต้องเป็นไปตามกฎหมายปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 346 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันภูมิราชธรรม พ.ศ. .... | ศธ | 20/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสถาบันภูมิราชธรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้จัดตั้งสถาบันภูมิราชธรรม เป็นสถาบันอุดมศึกษาทางวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง มีฐานะเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ และอยู่ในอุปถัมภ์ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ อาทิ กรณีการกู้ยืมเงิน ควรแก้ไขร่างมาตรา ๑๓ (๕) วรรคสอง โดยกำหนดกรอบวงเงินที่อยู่ในอำนาจรัฐมนตรีให้ชัดเจน กรณีการออกพันธบัตร ควรแก้ไขร่างมาตรา ๑๓ (๖) โดยกำหนดให้สถาบันออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อประโยชน์แก่กิจการของสถาบันโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี และกรณีการจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไป ไม่จำเป็นต้องกำหนดถ้อยคำเพิ่มเติมไว้ในร่างมาตรา ๑๔ วรรคสี่ รวมทั้งปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติฯ ในหมวด ๕ การบัญชีและการตรวจสอบตามร่างมาตรา ๔๓ และร่างมาตรา ๔๔ สำหรับการจัดให้มีกองทุนเพื่อกิจการต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ของสถาบัน หากกระทรวงศึกษาธิการมีความประสงค์จะกำหนดให้กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนภายในที่ตั้งขึ้นโดยใช้เงินรายได้ของสถาบัน ซึ่งมิใช่กองทุนตามพระราชบัญญัติเงินคงคลัง พ.ศ. ๒๔๙๑ และพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ ควรบัญญัติไว้ให้ชัดเจนว่าเป็นกองทุนภายในของสถาบัน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. เห็นชอบให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง ร่างข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและแนวทางการจัดตั้งมหาวิทยาลัยของรัฐโดยการหลอมรวม ยุบรวม สถาบันอุดมศึกษา) ที่กำหนดให้การจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นใหม่ให้ใช้แนวทางการหลอมรวม ยุบรวม สถาบันอุดมศึกษา ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองและแผนการเสนอกฎหมายลำดับรอง และการเร่งรัดดำเนินการเสนอกฎหมายหรือปรับปรุงกฎหมายสำคัญ) และให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการเสนอแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อเสนอสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป ๔. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study) วางแผนแม่บท (Master Plan) อย่างเป็นระบบทั้งด้านบริหาร ด้านกายภาพ ด้านวิชาการ ด้านการเงินและด้านบุคลากร มีระบบบริหารตามหลักธรรมาภิบาล รวมทั้งมีระบบในการบริหารเป้าหมายการรับนักศึกษาที่สอดคล้องกับนโยบายและแนวทางการพัฒนาของท้องถิ่นและประเทศในภาพรวม นอกจากนี้ การจัดตั้งสถาบันการศึกษาใหม่ ควรพิจารณาแนวทางการดำเนินการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการในลักษณะความร่วมมือภาครัฐ-ภาคเอกชน (Public Private Partnership : PPP) เพื่อลดความเสี่ยงจากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่มีสัดส่วนประชากรวัยเด็กและวัยเรียนลดลงอย่างต่อเนื่อง และในขั้นการดำเนินการ ควรพิจารณาจัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานทั้งแผนการผลิตบัณฑิตที่สอดคล้องกับความต้องการกำลังคนของประเทศในอนาคต แผนการใช้งบประมาณ แผนอัตรากำลัง และแผนการบริหารจัดการ เพื่อความมีประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 347 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ 5/2559 | นร11 | 13/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเสนอ ซึ่งที่ประชุมได้มีความเห็นและข้อเสนอแนะ รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สิ้นสุดลงแล้ว ได้แก่ มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย มาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) มาตรการการเงินการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ๒. รับทราบความก้าวหน้าของการขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานการส่งเสริมการลงทุนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและมาตรการเร่งรัดการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย มาตรการการจ้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย มาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ มาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในระยะเร่งด่วน มาตรการการเงินการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ โครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งและมาตรการเพิ่มขีดความสามารถภาคการเกษตรโดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๒ โครงการบ้านประชารัฐ และโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ ๓. มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว คือ มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๙) มาบรรจุไว้ภายใต้กรอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยให้มีการรายงานความคืบหน้า ปัญหาอุปสรรค และแนวทางแก้ไขต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศทุกสามเดือน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 348 | กรมประชาสัมพันธ์ขออนุมัติดำเนินการรายการงบประมาณรายจ่ายลงทุนที่ไม่สามารถลงนามจัดซื้อจัดจ้างได้ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 จำนวน 2 รายการ | นร | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมประชาสัมพันธ์ขยายระยะเวลาการดำเนินการและการลงนามในสัญญา รายการงบประมาณรายจ่ายงบลงทุน จำนวน ๒ รายการ ประกอบด้วย (๑) รายการปรับปรุงประสิทธิภาพสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ระบบเอฟเอ็ม เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ๑ ระบบ วงเงิน ๒๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท และ (๒) รายการปรับปรุงประสิทธิภาพสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ระบบเอฟเอ็ม ขนาดกำลังส่ง ๕ กิโลวัตต์ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ๑ แห่ง วงเงิน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๓๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ให้กรมประชาสัมพันธ์เร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) รับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรวางแผนจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์ดังกล่าว เพื่อใช้ทดแทนระบบเดิมที่ล้าสมัยให้สอดคล้องกับมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 349 | แผนปฏิรูปภารกิจที่สำคัญในความรับผิดชอบของกระทรวงการคลังที่จะดำเนินการ ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 - 2560 | นร04 | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนปฏิรูปภารกิจที่สำคัญในความรับผิดชอบของกระทรวงการคลังที่จะดำเนินการในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐ ประกอบด้วย ๒๐ ภารกิจ ได้แก่ (๑) กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) (๒) การลงทะเบียนคนจน (๓) การปฏิรูประบบภาษี (ภาษีสรรพากร ภาษีสรรพสามิต ภาษีศุลกากร และภาษีประเภทใหม่) (๔) พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (๕) แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงการบริการระบบชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (e-Payment) (๖) มาตรการบัญชีเล่มเดียว (Single Account) (๗) การขจัดการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง (ยกร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจhางและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ....) (๘) การสำแดงราคาที่เป็นจริง (๙) โครงการ One Stop Service ในการจัดเก็บภาษีอากรจากการนำเข้าสินค้าและส่งออกสินค้า (๑๐) โครงการยกระดับการผ่านพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการเชื่อมโยงข้อมูลตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับกรมศุลกากรผ่านระบบ National Single Window : NSW (๑๑) โครงการเชื่อมโยงข้อมูลและเอกสารระหว่างประเทศตามระบบ National Single Window : NSW และ ASEAN Single Window : ASW (๑๒) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและด่านศุลกากรในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (๑๓) การรวมพระราชบัญญัติศุลกากรทุกฉบับไว้เป็นฉบับเดียวกัน (๑๔) สำรวจข้อมูลเพื่อประเมินราคาที่ดินรายแปลง (๑๕) โครงการนำที่ราชพัสดุมาสนับสนุนพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (๑๖) โครงการพัฒนาที่ดินบริเวณสถานีรถไฟมักกะสัน (๑๗) โครงการบ้านประชารัฐ (๑๘) การจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) (๑๙) มาตรการเร่งรัดโครงการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP Fast Track) และ (๒๐) การผลักดันร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... แล้วส่งให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติไปประกอบการพิจารณาต่อไป โดยแจ้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ผ่านคณะกรรมการประสานงานรวม ๓ ฝ่าย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 350 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | นร01 | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ ๓ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยสถิติการแจ้งเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชนที่ยื่นเรื่องผ่านช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้งสิ้น ๔๐,๗๐๐ ครั้ง รวมจำนวน ๒๔,๑๑๓ เรื่อง และประเด็นเรื่องที่ประชาชนร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นมากที่สุด ได้แก่ เหตุเดือดร้อนรำคาญ รองลงมาคือ ขอให้แก้ไขปัญหากระแสไฟฟ้าขัดข้อง แจ้งเบาะแสการลักลอบจำหน่ายและเสพยาเสพติด แจ้งเบาะแสการลักลอบเปิดบ่อนและเล่นการพนัน และการเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายและโครงการของรัฐในประเด็นที่หลากหลาย ตามลำดับ ทั้งนี้ สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ คิดเป็นร้อยละ ๘๗.๒๓ และอยู่ระหว่างการดำเนินการของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๗๗ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความสำคัญกับการเร่งรัดการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ให้มีผลเป็นที่ยุติด้วยความเป็นธรรมภายในระยะเวลาที่เหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 351 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณ และปรับเปลี่ยนสถานที่ดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (งบกลาง) ภายใต้โครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี 2558/59 ตามมาตรการที่ 6 การเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน | ทส | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลขยายระยะเวลาดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรและการใช้จ่ายงบประมาณ จากวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๙ เป็นวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ และรับทราบการปรับเปลี่ยนสถานที่ดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้งระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ (งบกลาง) ภายใต้โครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ตามมาตรการที่ ๖ การเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน จำนวนทั้งสิ้น ๒๒๓ แห่ง ซึ่งเป็นการรับเปลี่ยนภายในจังหวัดเดิม เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์น้ำที่เปลี่ยนแปลงไป ศักยภาพน้ำบาดาล และปัญหากรรมสิทธิ์ที่ดิน รวมทั้งปรับให้ตรงกับความต้องการของประชาชน โดยยังอยู่ภายใต้กรอบวัตถุประสงค์ วงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ และสอดคล้องกับกรอบแนวทางที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติกำหนดไว้ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการเร่งรัดการดำเนินงานภายใต้โครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ทันในฤดูแล้งปีต่อไป สำหรับการปรับเปลี่ยนสถานที่ดำเนินงานโครงการฯ เนื่องจากในปัจจุบันเป็นห้วงฤดูฝน ซึ่งมีบางพื้นที่ประสบภาวะน้ำท่วมจึงให้พิจารณาปรับเปลี่ยนพื้นที่ดำเนินการเฉพาะที่สามารถดำเนินการได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 352 | การจัดตั้งกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (ร่างพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ. ....) | นร09 | 23/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย มีหน้าที่หลักในการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ รวมทั้งการจัดทำแผนเกี่ยวกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมและประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้สิทธิและประโยชน์ตามพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งจัดตั้งกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย อันจะนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยมอบหมายให้เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเพิ่มเติมหลักการเกี่ยวกับการคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิของบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน กรณีได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีเงินได้นิติบุคคลให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ในประมวลรัษฎากรตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนในร่างพระราชบัญญัตินี้ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองและแผนการเสนอกฎหมายลำดับรอง และการเร่งรัดดำเนินการเสนอกฎหมายหรือปรับปรุงกฎหมายสำคัญ) และให้กระทรวงการคลังประสานกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนให้เร่งรัดการเสนอแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อเสนอคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเตรียมความพร้อมในส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี สำหรับทุนประเดิมและเงินอุดหนุนที่จะขอรับจากรัฐบาลเพื่อดำเนินการตามภารกิจของกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป นอกจากนี้ การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาวยังคงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันในมิติอื่น ๆ เช่น การปรับปรุงกฎระเบียบภาครัฐ และการยกระดับระบบการศึกษาและการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรม การปรับระบบวิจัยและพัฒนาสำหรับรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรม เป็นต้น อันจะนำไปสู่การบรรลุวัตถุประสงค์ของกองทุนในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวพ้นจากประเทศที่มีรายได้ระดับปานกลางได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 353 | การเร่งรัดการดำเนินการเพื่อรองรับการประเมินการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้านการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายของประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2559 | ปง | 23/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการออกกฎหมายและอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้ภายในเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของกรมสรรพากร ร่างพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง ของกระทรวงการคลัง และร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. .... ของสำนักงาน ปปง. ๑.๒ ให้กรมการปกครองประกาศกำหนดมาตรการในการป้องกันและลดความเสี่ยงขององค์กรไม่แสวงหากำไรไม่ให้ถูกใช้เป็นช่องทางในการกระทำความผิดด้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย การกำกับดูแล และมาตรการลงโทษในกรณีฝ่าฝืน ๑.๓ ให้สภาวิชาชีพบัญชีในพระบรมราชูปถัมภ์และสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้ความร่วมมือแก่สำนักงาน ปปง. พิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับขององค์กรให้ครอบคลุมมาตรการด้านการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ๒. ให้สำนักงาน ปปง. ขอความร่วมมือสภาวิชาชีพบัญชีในพระบรมราชูปถัมภ์และสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ในการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับขององค์กรให้ครอบคลุมมาตรการด้านการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 354 | มาตรการสนับสนุนการเบิกจ่ายของภาครัฐในไตรมาสที่ 4 ปี 2559 | กค | 23/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการมาตรการสนับสนุนการเบิกจ่ายของภาครัฐในไตรมาสที่ ๔ ปี ๒๕๕๙ ซึ่งประกอบด้วย (๑) มาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ (Front Load) (๒) มาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ และ (๓) มาตรการเพื่อพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรและองค์กร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยในส่วนของรายละเอียด เงื่อนไข วิธีการ และงบประมาณในการดำเนินมาตรการทั้ง ๓ มาตรการ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ให้ใช้จ่ายจากรายจ่ายลงทุน รายการละไม่เกิน ๒ ล้านบาท ๑.๒ มาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ วงเงิน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท และงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป จำนวน ๗,๐๐๐ ล้านบาท รวมเป็นเงิน ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๓ มาตรการเพื่อพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรและองค์กร ให้นำเงินงบประมาณที่เหลือจ่ายจากงบดำเนินงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น มาดำเนินการ ๒. ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในส่วนของมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ ควรกำหนดหลักเกณฑ์โดยให้ความสำคัญกับโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง รวมถึงความพร้อมของส่วนราชการในการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. การดำเนินการในขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้าง ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นปฏิบัติตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และให้มีการติดตาม ตรวจสอบการดำเนินการตามขั้นตอนให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส ๔. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 355 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) กำกับให้กระทรวงคมนาคมเร่งหารือการดำเนินโครงการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟระหว่างประเทศไทยกับมาเลเซีย เพื่อขยายการเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีพื้นที่ต่อเนื่องกัน ๒. ด้านการต่างประเทศ ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการให้มีการชี้แจงยุทธศาสตร์และแผนการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ของประเทศไทยเป็นวาระพิเศษเพิ่มเติมในการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ ๒ (2nd ACD Summit) ที่จะมีขึ้นในช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะมีหัวหน้าคณะผู้แทนระดับผู้นำประเทศหรือผู้แทนระดับสูงจากประเทศสมาชิกเดินทางมาเข้าร่วมประชุม ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาการคัดค้านการดำเนินโครงการบ้านประชารัฐบนพื้นที่ราชพัสดุตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ โดยให้ชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนในพื้นที่ให้ทั่วถึงเป็นการล่วงหน้า รวมทั้งจัดหาพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้ตามวัตถุประสงค์ ๓.๒ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) กำกับติดตามให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดทำหนังสือซึ่งรวบรวมแนวความคิด หลักการและเหตุผลในการดำเนินนโยบายสำคัญต่าง ๆ ของรัฐบาลให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๐ เพื่อใช้เผยแพร่ให้ทุกภาคส่วนและต่างประเทศได้ทราบแนวคิดในการดำเนินการเรื่องดังกล่าวต่อไป ๓.๓ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน และกระทรวงสาธารณสุขพิจารณากำหนดมาตรการเยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตกรณีเหตุระเบิดและไฟไหม้ใน ๗ จังหวัดภาคใต้ ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ให้พิจารณาให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากกรณีเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ ด้วย ๓.๔ ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางในการขยายการดำเนินการเพื่อส่งเสริมสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือสินค้าจีไอ (Geographical Indication : GI) ของไทยจากเดิมที่เน้นผลิตภัณฑ์ผ้าและอาหาร เป็นผลิตภัณฑ์ซึ่งมีการแปรรูป เช่น เครื่องใช้หรือเครื่องประดับที่ใช้พืช วัตถุดิบในท้องถิ่น หรือใช้ความชำนาญ หรือภูมิปัญญาท้องถิ่น ๓.๕ ให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน พิจารณากำหนดเป้าหมายการนำนักเรียนที่อยู่นอกระบบการศึกษาเข้าสู่ระบบการศึกษาและเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดต่อไป พร้อมทั้งให้พิจารณาเพิ่มเติมเนื้อหาการเรียนการสอนให้มีลักษณะเป็นการเชื่อมโยงการเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียน เช่น ความรู้เกี่ยวกับการดำรงชีวิตประจำวัน ความรู้เกี่ยวกับต้นไม้และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ความรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์ เป็นต้น ๓.๖ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ ให้กระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยมหิดล) เร่งรัดการดำเนินโครงการสถาบันทางด้านพันธุกรรมเฉพาะบุคคลและเวชพันธุรักษ์ระดับนานาชาติของมหาวิทยาลัยมหิดล (คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล) และนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ให้กระทรวงศึกษาธิการรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วน นั้น ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดนำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ๓.๗ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพิจารณาดำเนินการศึกษา ค้นคว้า และวิจัยวิธีการกำจัดผักตบชวา เพื่อยับยั้งการแพร่พันธุ์เพิ่มขึ้น นั้น ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว และให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการที่ยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาผักตบชวาในแม่น้ำลำคลอง เช่น นำผักตบชวาไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา กำหนดมาตรการทางกฎหมาย และทบทวนแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๓.๘ ให้กระทรวงพาณิชย์หารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางในการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการปรุง การบริโภค และการใช้ผลิตภัณฑ์อาหารไทยทั่วโลก ตลอดจนการรับรองร้านอาหารไทยในต่างประเทศให้มีมาตรฐานคุณภาพที่เหมาะสมและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 356 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 09/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๙) เห็นชอบให้กระทรวงการคลังดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ นั้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ ๑.๑.๑ ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ โดยเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการต้องเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ และต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในฤดูกาลเพาะปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ๑.๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดเสนอโครงการปรับเปลี่ยนการผลิตในพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสม โดยการสนับสนุนความช่วยเหลือให้ดำเนินการผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ๑.๑.๓ ให้คณะกรรมการบริหารระดับพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจหลักเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการและพิจารณากลั่นกรองเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการ ทั้งโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรของกระทรวงการคลังและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเกษตรกรจะต้องเลือกใช้สิทธิ์เข้าร่วมในโครงการใดโครงการหนึ่งเท่านั้น ๑.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลิตแรงงานให้ตรงกับข้อมูลประมาณการความต้องการกำลังคนในสาขาต่าง ๆ และพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้สอดคล้องกับแนวโน้มความต้องการในอนาคต รวมทั้งเร่งผลิตแรงงานในสาขาที่ต่างประเทศมีความต้องการ เช่น แม่ครัว คนเลี้ยงเด็ก คนดูแลคนชรา นั้น ๑.๒.๑ ให้กระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกันพัฒนาและยกระดับแรงงานไทยให้ครอบคลุมทั้งกระบวนการ เช่น การสำรวจข้อมูลความต้องการแรงงานไทยจากตลาดแรงงานในประเทศและต่างประเทศ การพัฒนาความรู้ความสามารถและทักษะให้ทันกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และความต้องการของตลาด การส่งออกแรงงานไทยที่ต้องมีหน่วยงานรับผิดชอบและมีมาตรฐานที่ชัดเจน ตลอดจนการพิจารณาจัดตั้งโรงงานตามแนวชายแดนเพื่อรองรับการขยายตัวของแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ๑.๒.๒ ให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดการกำหนดมาตรฐานแรงงานอาชีพต่าง ๆ เช่น แม่ครัว คนเลี้ยงเด็ก คนดูแลคนชรา รวมทั้งออกใบรับรองมาตรฐานอาชีพให้แก่แรงงานเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๓ เดือน ๑.๓ ในการทำความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดรายละเอียดการดำเนินการต่าง ๆ ให้ชัดเจน เช่น ขนาดหรือประเภทของรถยนต์ และจำนวนรถยนต์ที่สามารถข้ามพรมแดนได้ และให้พิจารณาให้ครอบคลุมถึงโครงสร้างพื้นฐานอื่นและระบบงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องที่ต้องปฏิบัติบริเวณพรมแดนให้ครบถ้วนเพื่อประกอบการหารือกับคู่ภาคี เช่น การตรวจคนเข้าเมือง ระบบศุลกากร ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลักและอยู่บนหลักการปฏิบัติต่างตอบแทน ๒. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ มีนาคม ๒๕๕๙) รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอว่า ในช่วงระยะเวลาหลังจากร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติแล้ว สภานิติบัญญัติแห่งชาติจะต้องพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหลายฉบับและต้องพิจารณาโดยเร็ว และเพื่อให้การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและตามกรอบระยะเวลา จึงให้ส่วนราชการเร่งรัดเสนอร่างพระราชบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรี รวมทั้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว นั้น บัดนี้ ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้ผ่านประชามติโดยผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญฯ แล้ว จึงให้ส่วนราชการและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวด้วย ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติ (๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗) เห็นชอบและอนุมัติการดำเนินโครงการลานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชแล้ว นั้น ให้คณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนิน และกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) เร่งรัดการดำเนินโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๓.๒ ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายในการจัดให้มีรุกขกรเพื่อทำหน้าที่ดูแลรักษาและตัดแต่งต้นไม้ใหญ่ทั่วประเทศ นั้น ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการจัดหาและพัฒนารุกขกรให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสายอาชีพให้เป็นไปตามหลักวิชาการต่อไป ทั้งนี้ ให้สร้างเครือข่ายในระดับพื้นที่ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน เพื่อทำหน้าที่สอดส่องดูแลและป้องกันการลักลอบตัดต้นไม้ในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตัดไม้มีค่าและไม้หวงห้าม เช่น ไม้พะยูง ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 357 | ผลการประชุม เรื่อง แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับส่วนราชการ ภาคเอกชน และ ศอ.บต. เมื่อวันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม 2559 | นร11 | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมเรื่อง แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับส่วนราชการ ภาคเอกชน และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามผลการประชุมฯ ดังกล่าว และรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ โครงการเมืองต้นแบบ "สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" (จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ศอ.บต. หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่จัดทำรายละเอียดโครงการฯ โดยพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ รวมทั้งผลกระทบให้ครอบคลุมทุกมิติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคง และเสนอให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงร่วมกับฝ่ายเศรษฐกิจ เพื่อพิจารณากลั่นกรองและนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๑.๒ โครงการพัฒนาด้านศุลกากรบูเก๊ะตา ตำบลโล๊ะจูด อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากร รับไปดำเนินการเร่งรัดการก่อสร้างโครงการฯ ระยะที่ ๓ ให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๕๙ การปรับปรุงเพิ่มเติมงานก่อสร้างด่าน ระยะที่ ๒ และการจัดสรรอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ศุลกากรเพื่อรองรับการเปิดด่านได้ก่อนภายในปี ๒๕๖๐ รวมทั้งพิจารณาปรับปรุงและขยายด่านศุลกากรบูเก๊ะตา (ระยะที่ ๔) เพื่อเปิดด่านอย่างเต็มรูปแบบให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๑ ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของ ศอ.บต. ที่เห็นควรให้มีการบูรณาการการทำงานจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติสนับสนุนการทำงานให้เกิดเมืองต้นแบบที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทุกด้านภายใต้กรอบแนวทางการทำงานร่วมกัน ให้เกิดการเชื่อมโยงทุกมิติการพัฒนาทุกด้านและให้มีการกำกับ ติดตามและรายงานให้ผู้บริหารระดับนโยบายทราบและพิจารณาเป็นระยะ ไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสั่งการเพิ่มเติมของนายกรัฐมนตรีที่ให้มีการจัดหาที่ดินเพิ่มเติมเพื่อการดำเนินโครงการพัฒนาด่านศุลกากรบูเก๊ะตา และพื้นที่เศรษฐกิจจังหวัดนราธิวาสด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 358 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ 4/2559 | อื่นๆ | 26/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเสนอ โดยที่ประชุมมีมติและข้อเสนอแนะ สรุปได้ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สิ้นสุดลงแล้ว ได้แก่ โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ภายใต้มาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ๒. รับทราบความก้าวหน้าของการขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมการลงทุนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และมาตรการเร่งรัดการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย มาตรการการจ้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยและมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ มาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในระยะเร่งด่วน มาตรการการเงินการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ โครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ และมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งและมาตรการเพิ่มขีดความสามารถภาคการเกษตร โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ๓. เห็นควรให้ปรับกำหนดการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศจากเดิมที่จัดให้มีการประชุมทุกเดือน เป็นจัดให้มีการประชุมทุกสามเดือน เนื่องจากมาตรการและ/หรือโครงการส่วนใหญ่สามารถดำเนินการได้ตามแผนงานที่กำหนดไว้ ๔. มอบหมายให้กรมทรัพยากรน้ำ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมวิเคราะห์หาสาเหตุความล่าช้าของการดำเนินการขับเคลื่อนโครงการตามแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และเสนอแนวทางการแก้ไข รวมทั้งรายงานให้คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศทราบในคราวประชุมครั้งต่อไป ๕. มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังร่วมกับกรมสรรพากรศึกษาข้อเท็จจริงกรณีที่บริษัททั้งของไทยและต่างประเทศที่ไปจดทะเบียนที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เนื่องจากได้รับสิทธิประโยชน์ ว่าในกรณีดังกล่าวจะมี Tax loophole (ช่องว่างทางภาษี) หรือไม่/อย่างไร พร้อมทั้งนำเสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศทราบในคราวประชุมครั้งต่อไป ๖. มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (๑) สรุปผลการดำเนินงานมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับหมู่บ้าน (๒) รายงานความคืบหน้าในการดำเนินโครงการบ้านประชารัฐ และ (๓) รายงานความคืบหน้าการดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๒ พร้อมทั้งปัญหาและอุปสรรค รวมทั้งแนวทางแก้ไข เสนอต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศทราบในคราวประชุมครั้งต่อไป ๗. มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ (๑) มีหนังสือถึงกรมธนารักษ์เพื่อนำโครงการบ้านประชารัฐบนที่ดินราชพัสดุ (มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙) มาบรรจุไว้ภายใต้กรอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยให้มีการรายงานความคืบหน้า ปัญหาอุปสรรค และแนวทางแก้ไขต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศในคราวประชุมครั้งต่อไป และ (๒) ปรับปรุงตารางสรุปผลการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จำแนกตามกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ มาตรการที่สนับสนุนภาคการเกษตร มาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ โดยระบุวงเงินงบประมาณหรือวงเงินสินเชื่อและระบุต้นทุนหรือภาระทางการคลังของแต่ละมาตรการ รวมทั้งรายงานสถานะของการเบิกจ่ายของแต่ละกลุ่มมาตรการเพื่อแสดงให้เห็นถึงเม็ดเงินที่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และให้นำเสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 359 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่..) พ.ศ. .... (เพิ่มช่องทางชำระค่าปรับ) | สว | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพิ่มช่องทางชำระค่าปรับ) ซึ่งมีข้อสังเกตว่า ควรเปิดโอกาสให้ธนาคารหรือหน่วยบริการรับชำระเงินอื่น ๆ ได้เข้าร่วมโครงการชำระค่าปรับโดยวิธีการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ การกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้บริการการชำระค่าปรับตามใบสั่งโดยผ่านบัตรเครดิตของธนาคารไว้ในข้อตกลงในอัตราไม่เกินร้อยละ ๓ ต่อหนึ่งใบสั่ง แต่หากเป็นการชำระด้วยเงินสดอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าวต้องไม่เกิน ๒๐ บาทต่อหนึ่งใบสั่ง การเร่งรัดออกกฎหมายอนุบัญญัติ ควรมีการบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การลงโทษผู้กระทำผิดวินัยจราจรมีประสิทธิภาพ การกำหนดอัตราค่าปรับให้เป็นอัตราเดียวกันในกฎหมายทุกฉบับที่เกี่ยวข้องกัน การนำมาตรการบันทึกคะแนน การพักใช้และการยึดใบอนุญาตขับขี่มาใช้บังคับกับผู้ขับขี่อย่างเคร่งครัด และการรวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจราจรทางบกให้เป็นกฎหมายฉบับเดียวหรือจัดทำเป็น “ประมวลกฎหมายจราจรทางบก” ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 360 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | นร01 | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยสถิติการแจ้งเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นที่ยื่นเรื่องผ่านช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทั้งสิ้น ๓๗,๖๗๙ ครั้ง รวมจำนวน ๒๒,๘๕๙ เรื่อง โดยประเด็นเรื่องที่ประชาชนร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นมากที่สุด ได้แก่ เหตุเดือดร้อนรำคาญ รองลงมาคือ แจ้งเบาะแสการลักลอบเปิดบ่อนและเล่นการพนัน แจ้งเบาะแสการลักลอบจำหน่ายและเสพยาเสพติด เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายและโครงการของรัฐในประเด็นที่หลากหลาย และปัญหาหนี้สินนอกระบบ ตามลำดับ ทั้งนี้ สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ คิดเป็นร้อยละ ๘๖.๖๑ และอยู่ระหว่างการดำเนินการของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง คิดเป็นร้อยละ ๑๓.๓๙ ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความสำคัญกับการเร่งรัดการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ให้มีผลเป็นที่ยุติด้วยความเป็นธรรมภายในระยะเวลาที่เหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
