ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 14 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 261 - 280 จากข้อมูลทั้งหมด 1478 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 261 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่ภาคกลาง | กค | 20/03/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่ภาคกลาง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การเร่งรัดดำเนินการเขตเศรษฐกิจพิเศษกาญจนบุรี โดยให้กรมธนารักษ์เร่งรัดดำเนินการเปิดประมูลให้เอกชนเช่าที่ดิน กรมธนารักษ์ได้เปิดประมูลสรรหาผู้ลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษที่มีความพร้อมตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ให้ความเห็นชอบแล้ว รวม ๓ พื้นที่ ประกอบด้วย จังหวัดตาก กาญจนบุรี และนครพนม โดยกำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินการสรรหาและคัดเลือกผู้พัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษฯ แล้ว ๑.๒ การขอรับการสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์แปรรูปอาหารทะเลครบวงจรและจำหน่ายอาหารทะเล และขอยกเว้นระเบียบกรมธนารักษ์ในการเช่าที่ราชพัสดุ โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาลดค่าเช่าตามความเหมาะสม ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วปรากฏว่า อาคารตลาดปลาและอาคารระบบบำบัดน้ำเสียปลูกสร้างบนที่ดินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม ดังนั้น ในกรณีดังกล่าวมิได้เป็นการเช่าที่ราชพัสดุแต่อย่างใด ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) หารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเร่งรัดการพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมในการช่วยเหลือผู้ประกอบการในศูนย์แปรรูปอาหารทะเลครบวงจรและจำหน่ายอาหารทะเล จังหวัดสมุทรสงคราม โดยดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 262 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ 4/2560 และขออนุมัติยุบเลิกคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ | นร11 | 13/03/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและอนุมัติตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ประกอบด้วย ๑.๑ ผลการดำเนินงานของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สิ้นสุดลงแล้ว จำนวน ๒ มาตรการ ได้แก่ (๑) โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี ๒๕๖๐ และ (๒) มาตรการสนับสนุนการเบิกจ่ายของภาครัฐในไตรมาสที่ ๔ ปี ๒๕๕๙ ๑.๒ ความก้าวหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ จำนวน ๑๗ มาตรการ ได้แก่ (๑) การขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน (๒) การส่งเสริมการลงทุนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและมาตรการเร่งรัดการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (๓) มาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในระยะเร่งด่วน (๔) มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาภัยแล้งและมาตรการเพิ่มขีดความสามารถภาคเกษตร (๕) มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๒ (๖) มาตรการฟื้นฟูวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ผ่านกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (๗) มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการใหม่และนวัตกรรมผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการใหม่และนวัตกรรม (Start-up & Innovation) ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (๘) มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ทวีทุน (Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ ๖) (๙) มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ผ่านโครงการสินเชื่อ SMEs Transformation Loan (๑๐) โครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินโดยธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (๑๑) โครงการบ้านประชารัฐ (๑๒) โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ (๑๓) การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ปีงบประมาณ ๒๕๖๐ (๑๔) มาตรการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจและสังคมภายในท้องถิ่น (๑๕) มาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางตามมาตรการใหม่ (๑๖) โครงการ ๙๑๐๑ ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน และ (๑๗) โครงการประชารัฐสวัสดิการการให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ๒. อนุมัติการยุบเลิกคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เนื่องจากคณะกรรมการชุดนี้สามารถดำเนินการได้บรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งแล้ว โดยปัจจุบันเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน ๓. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามการดำเนินงานตามมาตรการ/โครงการต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด และรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 263 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 37 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2560 - 30 พฤศจิกายน 2560) | นร04 | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๓๗ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ มีผลงานสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์ เช่น การชี้แจงทำความเข้าใจการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ การจัดงานประเพณี กิจกรรมทางศาสนา และกิจกรรมพัฒนา การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ การจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยคณะกรรมการหมู่บ้าน และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ ๑.๒ การปฏิรูปประเทศ ได้แก่ การติดตามขับเคลื่อนความคืบหน้าการดำเนินการของคณะกรรมการปฏิรูปทั้ง ๑๑ ด้าน ซึ่งได้ดำเนินการจัดประชุมรับฟังความเห็นจากภาคส่วนที่มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งในกรุงเทพมหานครและส่วนภูมิภาค และจัดทำร่างแผนปฏิรูปในแต่ละด้านให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๑.๓ การบริหารราชการแผ่นดิน ประกอบด้วย (๑) ด้านความมั่นคง เช่น นิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) (๒) ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การมอบบ้านเอื้ออาทรให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาริมฝั่งเจ้าพระยา การลงนามบันทึกข้อตกลงการให้บริการชำระเงินสมทบกองทุนประกันสังคมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) (๓) ด้านเศรษฐกิจ เช่น การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ๒๕๖๐ โครงการบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้ากองทุนผู้สูงอายุ (๔) ด้านการต่างประเทศ เช่น การเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๕ การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๑ และ (๕) ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การพัฒนาบุคลากรภาครัฐเพื่อรองรับไทยแลนด์ ๔.๐ และการบูรณาการจัดทำระบบฐานข้อมูลกลาง (ด้านความมั่นคงและทางคดีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้) ๒. ในการจัดทำสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในครั้งต่อไป ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลนำเสนอผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินการขับเคลื่อนด้านต่าง ๆ เพิ่มเติมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 264 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ) | กค | 06/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาให้แก่สถานศึกษาของทางราชการ สถานศึกษาขององค์การของรัฐบาล โรงเรียนเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน สถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน หรือสถาบันอุดมศึกษาที่ตั้งขึ้นตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๙/๒๕๖๐ เรื่อง การส่งเสริมการจัดการศึกษาโดยสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ ลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ทั้งนี้ สำหรับการบริจาคที่กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดดำเนินการสรรหาสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศเพื่อให้เข้ามาดำเนินการจัดการศึกษาในประเทศไทยโดยเร็ว เพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 265 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นเงินอุดหนุนเพื่อช่วยเหลือโรงเรียนเอกชนที่ประสบภัยพิบัติ | ศธ | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ แล้ว จำนวน ๘,๙๐๔,๒๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือฟื้นฟูโรงเรียนเอกชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ จำนวน ๕๙ โรงเรียน โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณโดยตรงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีกลไกในการกำกับ ตรวจสอบ และติดตามการดำเนินงานและการใช้งบประมาณดังกล่าว เพื่อความโปร่งใส และความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณที่มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งสามารถใช้ประโยชน์ในการดำเนินการและจัดการเรียนการสอนได้ตามวัตถุประสงค์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 266 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทาง มาตรการในการดำเนินการ หรือการเจรจาความร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์สินค้าไทยของต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าอุปโภคบริโภคชนิดต่าง ๆ ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (การยางแห่งประเทศไทย) เร่งรัดการดำเนินการรวบรวมปริมาณความต้องการใช้ยางพาราของส่วนราชการให้ครบถ้วนภายในเดือนมกราคม ๒๕๖๑ และดำเนินการต่อไปให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ๑.๓ ให้กระทรวงกลาโหมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าที่หลีกเสี่ยงภาษี เช่น กากถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม หรือสินค้าที่ผิดกฎหมายเข้าประเทศตามแนวชายแดน ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ให้หน่วยงานต้นสังกัดดำเนินการลงโทษอย่างเด็ดขาดด้วย ๒. ด้านสังคม ให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางและหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมและจูงใจให้แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นครูสอนภาษาต่างประเทศในประเทศไทยเลือกไปสอนที่โรงเรียนในต่างจังหวัด ซึ่งขาดแคลนครูชาวต่างชาติทั้งในสายสามัญศึกษาและสายอาชีวศึกษา ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรครูชาวไทยในต่างประเทศให้มีความรู้ความสามารถด้านภาษาต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นด้วย ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม [สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน)] เป็นเจ้าภาพในการรวบรวมข้อมูลจากส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ เกี่ยวกับแนวทางการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ของทุกหน่วยงานเพื่อจัดทำเป็นภาพรวมและแผนการขับเคลื่อนและการใช้ประโยชน์เสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนการบูรณาการฐานข้อมูลกลางภาครัฐภายใน ๓ เดือน และรายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกเดือน นั้น เพื่อให้การจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) มีประสิทธิภาพและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว จึงให้ดำเนินการ ดังนี้ ๓.๑.๑ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) กำกับการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) โดยให้ดำเนินการ (๑) เชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนหรือจากต่างประเทศมาเป็นที่ปรึกษาในการดำเนินการ และ (๒) ติดตามและเร่งรัดการดำเนินการของคณะกรรมการขับเคลื่อนการบูรณาการฐานข้อมูลกลางภาครัฐและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี โดยให้รายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกเดือน ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานสถิติแห่งชาติ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการด้วย ๓.๑.๒ ให้ทุกส่วนราชการที่เป็นเจ้าของข้อมูลรับผิดชอบความถูกต้อง ครบถ้วน และความเป็นปัจจุบันของข้อมูล โดยให้ความสำคัญกับการจัดกลุ่มข้อมูลเป็น ๒ กลุ่ม ได้แก่ ข้อมูลที่เป็นการให้บริการประชาชน และข้อมูลที่เป็นเรื่องความมั่นคงหรือเรื่องที่มีชั้นความลับ ๓.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) เร่งรัดการรายงานความคืบหน้าในการจัดทำแผนก่อสร้างสถานที่จอดรถใต้ดินและการพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนร่วมลงทุนต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน ๑ เดือน นั้น ๓.๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) เร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี โดยให้ประสานงานกับกระทรวงคมนาคมเพื่อร่วมดำเนินการด้วย และให้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน ๑ เดือน ๓.๒.๒ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) กำกับให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อให้ภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศลงทุนในโครงการก่อสร้างสถานที่จอดรถใต้ดินในจุดต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับจอดรถยนต์และช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรในภาพรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่มีรถยนต์และประชาชนสัญจรเป็นจำนวนมาก เช่น ศูนย์การค้า สถานีรถไฟฟ้า สถานที่ราชการ สถานศึกษา เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 267 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ครั้งที่ 2/2560 | นร11 | 16/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ และเห็นชอบผลการพิจารณาและมติของ กนพ. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กนพ. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ การกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้ลงทุนและการปรับปรุงเงื่อนไขเสนอการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก กาญจนบุรี นครพนม มุกดาหาร และหนองคาย มอบหมายให้กรมธนารักษ์ปรับปรุงรายละเอียดการสรรหาและคัดเลือกผู้ลงทุน รวมทั้งให้กระทรวงการคลังและกระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาทบทวนมาตรการส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ๑.๒ มาตรการเร่งรัดการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นค่าเช่าที่ดินราชพัสดุเฉพาะในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก กาญจนบุรี นครพนม มุกดาหาร และหนองคาย เป็นเวลา ๒ ปี หากมีการลงทุนจริงไม่น้อยกว่าร้อยละ ๑๐ ของเงินลงทุนในปีที่ ๑ และยกเว้นค่าเช่าที่ดินราชพัสดุเป็นเวลา ๑ ปี หากมีการลงทุนจริงไม่น้อยกว่าร้อยละ ๑๐ ของเงินลงทุนในปีที่ ๒ ของรอบปีที่สัญญาเช่า เพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการให้สิทธิประโยชน์ภายในปี ๒๕๖๓ ๑.๓ การบริหารจัดการที่ดินราชพัสดุที่ได้ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๗/๒๕๕๘ และที่ ๓๔/๒๕๕๙ ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (๑) เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการแลกเปลี่ยนที่ดินราชพัสดุกับที่ดินเอกชน เปลี่ยนแปลงรายละเอียดการเช่าที่ดินราชพัสดุ ชดใช้เงินแทนการแลกเปลี่ยนที่ดินราชพัสดุ และเห็นชอบให้กรมศุลกากรใช้ที่ดินราชพัสดุ เนื้อที่ประมาณ ๑๒๐ ไร่ เพื่อก่อสร้างด่านศุลกากรแม่สอด แห่งที่ ๒ จังหวัดตาก และ (๒) เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนม เห็นชอบให้กันที่ดินราชพัสดุ แปลงที่ ๑ บางส่วน เพื่อคงไว้ตามสภาพเดิม และมอบหมายให้กรมธนารักษ์ดำเนินการเปิดประมูลให้เอกชนเช่าต่อไป ๑.๔ การพิจารณาจัดซื้อที่ดินเอกชนเพื่อจัดตั้งโครงการนิยมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนราธิวาส โดยมอบหมายการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยประเมินความเหมาะสมและคุ้มค่าในการลงทุน ทั้งด้านการเงินและเศรษฐศาสตร์ และมอบหมายคณะอนุกรรมการด้านการจัดหาที่ดินและบริหารจัดการเสนอแนวทางการดำเนินงานเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินสำหรับจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าว ๑.๕ แผนงานด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำหนดจุดเน้นการพัฒนาของเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในแต่ละพื้นที่ให้ชัดเจน เพื่อนำไปใช้ประกอบการจัดทำแผนการตลาดและประชาสัมพันธ์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษต่อไป ๑.๖ แนวทางการดำเนินงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในระยะต่อไป มอบหมายให้คณะอนุกรรมการด้านสิทธิประโยชน์ กำหนดพื้นที่ และศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านการลงทุน พิจารณากำหนดมาตรการและสิทธิประโยชน์ เพื่อส่งเสริมการลงทุนตามจุดเน้นการพัฒนาในพื้นที่ศักยภาพการลงทุนสูงในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก สงขลา สระแก้ว และมุกดาหาร รวมทั้งการสนับสนุนการลงทุนของ SMEs และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินงาน รวมถึงเร่งรัดการดำเนินโครงการและมาตรการสำคัญใน ๑๐ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษให้แล้วเสร็จ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามผลการประชุมฯ โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๓. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงบประมาณ เช่น การเตรียมความพร้อมตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินงานเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้ประโยชน์ในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมถึงเร่งดำเนินการโครงการ/รายการต่าง ๆ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายแล้ว ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการสนับสนุนให้ภาคเอกชนลงทุนดำเนินการในกิจการที่พักอาศัยของแรงงานที่จะเข้าไปทำงานในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และให้กระทรวงการคลังรายงานความก้าวหน้าในเรื่องนี้ให้ กนพ. ทราบต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 268 | รายงานผลการติดตามและตรวจสอบการดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี และการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2559/60 | นร01 | 09/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการติดตามและตรวจสอบการดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี และการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ๒๕๖๐ (ยกเว้นภาคใต้ดำเนินการตรวจสอบช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ๒๕๖๐) ประกอบด้วย การประชาสัมพันธ์โครงการ การป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การยื่นขอสินเชื่อและการอนุมัติสินเชื่อของโครงการ การช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและการปรับปรุงคุณภาพข้าว ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร). กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เช่น การช่วยเหลือให้เกษตรกรรายย่อยสามารถเข้าร่วมโครงการได้เพิ่มขึ้น การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการตรวจสอบคุณภาพข้าว และการเร่งรัดโอนเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกร รวมทั้งความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยเฉพาะในส่วนของการประชาสัมพันธ์โครงการให้เกษตรกรทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึง การดำเนินโครงการจัดหาสถานที่และอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เพียงพอ เช่น ลานตากข้าว ยุ้งฉาง และเครื่องอบลดความชื้น เป็นต้น เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรสามารถเข้าร่วมโครงการได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงปรับปรุงคุณภาพข้าวให้ดียิ่งขึ้นด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 269 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 09/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการการส่งเสริมการลงทุนให้แก่ภาคเอกชนในการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยสำหรับแรงงานต่างด้าวในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยในการจัดหาพื้นที่เพื่อการดังกล่าวให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้คำนึงถึงประเด็นด้านความมั่นคงด้วย นั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว ให้มีการจัดระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ ให้เหมาะสมด้วย รวมทั้งให้คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนในพื้นที่โดยรอบด้วย ทั้งนี้ ในการดำเนินการต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น หากมีประเด็นปัญหาเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเสนอให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) พิจารณาต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการจัดทำความร่วมมือในด้านการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) กับสาธารณรัฐประชาชนจีนให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งการส่งเสริมการลงทุนในกิจการที่สาธารณรัฐประชาชนจีนมีความพร้อมดำเนินการและไทยมีขีดความสามารถที่จะพัฒนาได้ เช่น การตั้งโรงงานผลิตแอลกอฮอล์บริสุทธิ์เพื่อนำไปใช้ในทางการแพทย์ อุตสาหกรรมต่อเรือ เทคโนโลยีอวกาศ ๑.๓ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับทะเบียนรายชื่อผู้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับชาติและระดับนานาชาติประเภทต่าง ๆ และปรับปรุงฐานข้อมูลของกลุ่มบุคคลดังกล่าวเพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถที่จะขับเคลื่อนประเทศให้มีความก้าวหน้าต่อไปได้ รวมทั้งให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดดำเนินการสนับสนุนผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันต่าง ๆ เช่น การให้ทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาความรู้ ความเชี่ยวชาญและความสามารถในด้านต่าง ๆ นั้น ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามข้อสั่งการดังกล่าว โดยจัดทำฐานข้อมูลในภาพรวมให้เป็นปัจจุบันและกำหนดมาตรการในการสนับสนุนผู้ที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขัน เช่น การเปิดโอกาสให้เข้ามาทำงานในภาคราชการหรือภาคเศรษฐกิจในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อนำความรู้ความสามารถมาใช้ในการพัฒนาประเทศต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินการดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็วต่อไป ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ขับเคลื่อนการดำเนินงานในเรื่องการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และศูนย์บริการร่วม ณ จุดเดียว (One Stop Service) ให้มีประสิทธิภาพและเกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น รวมทั้งให้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลภาครัฐ (Government Data Center) โดยประสานหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ นำข้อมูลที่พร้อมให้บริการมาดำเนินการเป็นโครงการนำร่องให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๐ และข้อสั่งการที่ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) เป็นเจ้าภาพในการรวบรวมข้อมูลจากส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ เกี่ยวกับแนวทางการใช้ประโยชน์ Big Data ของทุกหน่วยงานจัดทำเป็นภาพรวมและแผนการขับเคลื่อนและการใช้ประโยชน์เสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนการบูรณาการฐานข้อมูลกลางภาครัฐภายใน ๓ เดือน นั้น ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว โดยให้คำนึงถึงความสอดคล้องกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ และรายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกเดือนด้วย ๒.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) โดยเฉพาะพื้นที่ที่แนวเขตที่ดินได้ข้อยุติแล้ว เพื่อให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่อไปได้ นั้น ให้กระทรวงยุติธรรมเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ๒.๓ ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศการเฝ้าระวังปรากฏการณ์เอลนีโญ-ลานีญา เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๐ ว่ามีความเป็นไปได้ว่าในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๖๑ ปริมาณฝนในภาคเหนือและภาคใต้ของประเทศไทยมีโอกาสร้อยละ ๕๐-๗๐ จะสูงกว่าปกติ นั้น เพื่อเป็นการเตรียมการป้องกันและแก้ไขเหตุอุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และจัดเตรียมแผนการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ ที่คาดว่าอาจได้รับผลกระทบจากปริมาณฝน รวมตลอดถึงการจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ รองรับ เช่น การขยายหรือขุดลอกคูคลองที่เป็นทางระบายน้ำ และการจัดทำแก้มลิงเพิ่มเติม ทั้งนี้ ในการจ้างแรงงานเพื่อดำเนินการดังกล่าว ให้พิจารณาเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐได้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย ๒.๔ ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของการกำหนดสัดส่วนของค่าปรับที่หน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายได้รับจากการกระทำผิดกฎหมายแล้วหักไว้เพื่อเป็นค่าตอบแทนของพนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของหน่วยงาน ก่อนนำส่วนที่เหลือส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป ทั้งนี้ หากผลการพิจารณาเป็นประการใด ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบหลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 270 | ขออนุมัติเกลี่ยโควตานำเข้านมผงขาดมันเนยที่ผู้ประกอบการนำเข้านมผงขาดมันเนยในโควตาของกลุ่มที่ 1 ไปให้กลุ่มที่ 2 | กษ | 12/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการกรณีการใช้โควตานมผงขาดมันเนย ปี ๒๕๖๐ ของกลุ่มนิติบุคคลที่ ๑ (กลุ่มที่รับซื้อน้ำนมดิบ) คงเหลือ และมีการคืนโควตาเกลี่ยไปให้กลุ่มนิติบุคคลที่ ๒ (กลุ่มผู้ประกอบการทั่วไป) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม) กำกับดูแลให้กลุ่มนิติบุคคลที่ ๒ (กลุ่มผู้ประกอบการทั่วไป) ที่ได้รับโควตาคงเหลือจากกลุ่มนิติบุคคลที่ ๑ (กลุ่มที่รับซื้อน้ำนมดิบ) มีส่วนช่วยเหลือกลุ่มนิติบุคคลที่ ๑ (กลุ่มที่รับซื้อน้ำนมดิบ) เพื่อให้การรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรภายในประเทศเป็นไปตามบันทึกข้อตกลงที่มีอยู่อย่างเคร่งครัดและไม่ให้เกิดผลกระทบใด ๆ ต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้ตรวจสอบและกำกับดูแลให้การเกลี่ยโควตาภายในกลุ่มนิติบุคคลที่ ๒ (กลุ่มผู้ประกอบการทั่วไป) เป็นไปอย่างเหมาะสม เป็นธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินการบริหารจัดการโควตาในช่วงไตรมาสสุดท้าย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยด่วนต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 271 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงานพิจารณากำหนดมาตรการการส่งเสริมการลงทุนให้แก่ภาคเอกชนในการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยสำหรับแรงงานต่างด้าวในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น พื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งนี้ ในการจัดหาพื้นที่เพื่อการดังกล่าว ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้คำนึงถึงประเด็นด้านความมั่นคงด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการจัดหาพันธุ์สัตว์หรือน้ำเชื้อปศุสัตว์ เช่น โค กระบือ ที่มีคุณภาพให้แก่เกษตรกร เพื่อเร่งการผลิตปศุสัตว์ให้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ให้กำหนดเป้าหมายของการดำเนินการในแต่ละปีให้ชัดเจนด้วย ๑.๓ ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการลงทุนแก่นักลงทุนและประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับการลงทุนในเงินสกุลดิจิทัลต่าง ๆ เช่น บิตคอยน์ (Bitcoin) ให้ถูกต้อง ทั่วถึง โดยจะต้องชี้แจง เน้นย้ำให้ทราบถึงข้อควรระวังและปัจจัยเสี่ยงในการลงทุนเงินสกุลดังกล่าวให้ชัดเจนด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้นักลงทุนและประชาชนมีความรู้ความเข้าใจและมีการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน ๒. ด้านสังคม ๒.๑ ให้กระทรวงแรงงาน (กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน) พิจารณาจัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานชั่วคราวในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงกับนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดต่าง ๆ หรือศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานเคลื่อนที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้แรงงานหรือผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านนิคมอุตสาหกรรม และมีความสนใจเข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ๒.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงศึกษาธิการกำกับให้สถาบันอาชีวศึกษาทุกจังหวัดทั่วประเทศจัดหลักสูตรการฝึกอบรมวิชาชีพและช่างฝีมือในสาขาต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับความต้องการแรงงานในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งให้จัดทำบัญชีรายชื่อผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรมเพื่อสร้างเครือข่ายและต่อยอดการพัฒนาฝีมือในอนาคตต่อไปด้วย นั้น ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการให้ครอบคลุมถึงการกำหนดหลักสูตรการศึกษาอบรมของสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ ด้วย ๓. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมของกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารและการขออนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายโรงแรมและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันเพื่อกำกับดูแลให้การประกอบธุรกิจโรงแรมหรือเกสต์เฮาส์เป็นไปอย่างถูกต้อง คล่องตัวและสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ดังกล่าวประการใด ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงภาระทางภาษีที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมด้วย ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการประสานงานกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศแต่ละด้านก่อนที่จะดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับคณะกรรมการดังกล่าว เพื่อให้การดำเนินการมีความสอดคล้อง เชื่อมโยง และเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับแนวทางการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ และพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ นั้น ให้ทุกกระทรวงแต่งตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นภายในสำนักงานปลัดกระทรวงเพื่อทำหน้าที่ประสานงานเชื่อมโยงกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศแต่ละด้าน ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรวบรวมข้อมูลดังกล่าวทั้งหมดแล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีภายใน ๑๕ วัน ๔.๒ ตามที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนในเรื่องต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดทำภาพหรือกราฟิกเพื่อการสื่อสาร (Infographics) เพื่อให้เข้าใจง่าย ตามนัยข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และได้มีการแต่งตั้งโฆษกกระทรวงเพื่อทำหน้าที่สร้างการรับรู้ภารกิจและผลการดำเนินการของแต่ละกระทรวง รวมทั้งได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเพื่อทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาล นั้น เพื่อให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจผลงานของรัฐบาลที่มีข้อมูลจำนวนมากได้อย่างถูกต้องและเข้าใจง่าย จึงให้ดำเนินการดังนี้ ๔.๒.๑ ให้โฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี บูรณาการการจัดทำข้อมูลเพื่อการประชาสัมพันธ์ดังกล่าว โดยให้นำเสนอ (๑) ข้อมูลในภาพรวมที่มีเนื้อหาสั้น กระชับ เข้าใจได้ง่าย โดยจัดทำในลักษณะเป็นภาพหรือกราฟิกเพื่อการสื่อสาร (Infographics) ที่มีรูปแบบทันสมัยและดึงดูดความสนใจ (๒) ข้อมูลที่เป็นรายละเอียดแต่ละเรื่อง ให้นำเผยแพร่ต่อสาธารณชนในสถานที่ที่มีประชาชนเป็นจำนวนมาก เช่น ศูนย์การค้า สถานีรถไฟฟ้า ทั้งนี้ ให้รายงานผลการดำเนินการดังกล่าวให้คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติทราบด้วย ๔.๒.๒ ให้คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติทบทวนการนำเสนอรายงานผลการดำเนินงานและแผนการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ โดยให้นำผลการดำเนินงานของโฆษกกระทรวงและโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีตามข้อ ๔.๒.๑ มาประมวลด้วย ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงการรับรู้ของประชาชนเกี่ยวกับผลงานของรัฐบาล และให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบการดำเนินงานด้านประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลในภาพรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๕. ให้ทุกส่วนราชการพิจารณากำหนดการดำเนินการ/กิจกรรม ตามความเหมาะสมเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชน เช่น การอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ การลดภาระรายจ่ายในเรื่องต่าง ๆ ของประชาชน โดยอาจพิจารณานำแนวทางการดำเนินการในปีที่ผ่านมามาเป็นข้อมูลประกอบการดำเนินการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย ๖. ให้กระทรวงวัฒนธรรมพิจารณาคัดเลือกบทเพลงที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ไทย เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ ใช้เป็นเพลงในการนำเสนอในเวทีหรือการจัดนิทรรศการระดับนานาชาติ ทั้งที่จัดในประเทศไทยและต่างประเทศเพื่อแสดงความเป็นไทย ๗. ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการโดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) กำกับให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการรายงานความคืบหน้าในการจัดทำแผนก่อสร้างสถานที่จอดรถใต้ดินและการพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนร่วมลงทุน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน นั้น ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) เร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวแล้วรายงานความคืบหน้าต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน ๑ เดือน ๘. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบปัญหาจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ตามแผนเผชิญเหตุที่ได้กำหนดไว้ โดยให้ระดมกำลังเครื่องจักรกล รถผลิตน้ำดื่ม รถไฟฟ้า รถสุขา และเรือท้องแบนเพื่อให้บริการประชาชนในการสัญจร ตลอดจนเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังลงสู่ทะเลโดยเร็ว รวมทั้งให้พิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการเพื่อลดพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยในระยะต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยจัดเตรียมแผนการตรวจเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ที่ประสบปัญหาจากอุทกภัยดังกล่าวและเสนอนายกรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 272 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 35 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2559 - 31 สิงหาคม 2560) | นร | 14/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๓๕ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๙-๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๐) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ มีผลงานสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น การจัดงานประเพณีกิจกรรมทางศาสนาและกิจกรรมพัฒนา และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนร้องทุกข์ ๒. การปฏิรูปประเทศ เช่น การติดตามการขับเคลื่อนความคืบหน้าการดำเนินการตามประเด็นปฏิรูป ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ๓.๑ ด้านความมั่นคง เช่น การเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องพระบรมเดชานุภาพ การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) การฝึกร่วมและผสม หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ไทย-สหรัฐอเมริกา และการเตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมทางเรือนานาชาติ เนื่องในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปี ๓.๒ ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของภาครัฐ การศึกษาและเรียนรู้ การทำนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม และการยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน ๓.๓ ด้านเศรษฐกิจ เช่น การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ การดำเนินมาตรการการเงินการคลังเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในปี ๒๕๖๐ การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และการส่งเสริมการท่องเที่ยวการดำเนินการที่สำคัญเพื่อส่งเสริมด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ๓.๔ ด้านการต่างประเทศ เช่น การสร้างประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็งและส่งเสริมบทบาทไทยในประชาคมอาเซียน ๓.๕ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การส่งเสริมและการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ การเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรมในภาคราชการ การปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัย ไม่เป็นธรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 273 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ 5/2560 : การเร่งรัดและขับเคลื่อนประเด็นการปฏิรูปเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์และเชิงวัฒนธรรม การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และโครงการยกระดับ SMEs และวิสาหกิจชุมชนสู่ตลาดโลก | นร04 | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามประเด็นปฏิรูป เรื่อง การปฏิรูปเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์และเชิงวัฒนธรรม การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และโครงการยกระดับ SMEs และวิสาหกิจชุมชนสู่ตลาดโลก และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ ดังนี้
๑. การปฏิรูปเศรษฐกิจชีวภาพ ให้สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพจัดทำแผนงานการขับเคลื่อนให้ชัดเจน มีการกำหนดเป้าหมายที่จะบรรลุผลสำเร็จและระยะเวลาดำเนินการ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดการพิจารณาร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ พ.ศ. .... และมอบหมายให้นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา และสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพจัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ รวมทั้งให้จัดประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการประสานเชื่อมโยงข้อมูลด้านความหลากหลายทางชีวภาพและบริหารจัดการระบบฐานข้อมูลกลางให้มีประสิทธิภาพต่อไป ๒. การปฏิรูปเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์และเชิงวัฒนธรรม มอบหมายให้นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา และศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ศสบ.) จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำแผนและเร่งรัดการเสนอระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. .... รวมทั้งให้ ศสบ. และกรุงเทพมหานครร่วมกันเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนการส่งเสริมและพัฒนาย่านเศรษฐกิจสร้างต้นแบบ ๓. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. .... แล้วเสร็จได้ภายใน ๓ เดือน (ธันวาคม ๒๕๖๐) ๔. โครงการยกระดับ SMEs และวิสาหกิจชุมชนสู่ตลาดโลก ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการตามความเห็นของประธาน กขร. ได้แก่ (๑) ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดดำเนินการความร่วมมือกับอาลี บาบา ให้เป็นรูปธรรม (๒) ให้กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานความคืบหน้าการจัดตั้งสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการค้ายุคใหม่ การจัดตั้ง MOC Biz Club และการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ไทย-ประเทศเพื่อนบ้านกลุ่มประเทศ CLMV การดำเนินการตามข้อตกลงความร่วมมือในการเดินทางเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และ (๓) เรื่องวิสาหกิจชุมชนในการดำเนินการยกระดับ SMEs ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันบูรณาการการทำงานเพื่อยกระดับ SMEs และวิสาหกิจชุมชนสู่ตลาดโลกในภาพรวมของประเทศต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 274 | ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 ของไทย | กต | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ทุกหน่วยราชการเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ (Sustainable Development Goals : SDGs) โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทาง ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานจัดทำรายงานผลการดำเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Voluntary National Review : VNR) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกันเผยแพร่รายงาน VNR ของไทย และผลการเสนอรายงาน VNR แก่ภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับ SDGs และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมและเพิ่มความรู้สึกเป็นเจ้าของในการขับเคลื่อน SDGs โดยเฉพาะในระดับพื้นที่และในหมู่เยาวชน ๑.๓ ให้กระทรวงมหาดไทย หน่วยงานหลักแต่ละเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และสำนักงานสถิติแห่งชาติ ร่วมกันประเมินสถานะตัวชี้วัด SDGs ที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัดเพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับการวัดความคืบหน้าการขับเคลื่อน SDGs และสร้างความร่วมมือตามกลไกประชารัฐ และรายงานผลต่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อนำเสนอคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป ๑.๔ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมบทบาทและการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการขับเคลื่อน SDGs มากขึ้น โดยเฉพาะการปรับแนวทางดำเนินธุรกิจให้มีความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่การผลิต ๑.๕ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมบทบาทของภาควิชาการ มหาวิทยาลัย สถาบันวิชาการต่าง ๆ ในการร่วมขับเคลื่อน SDGs ทั้งในระดับพื้นที่ (area based) และรายประเด็น (issue based) เพื่อให้เกิดประชารัฐกับภาควิชาการอย่างเป็นรูปธรรมด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสถิติแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยที่เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน คณะอนุกรรมการส่งเสริมความเข้าใจและประเมินผลการพัฒนาที่ยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คณะอนุกรรมการการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ และสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งหน่วยงานรับผิดชอบหลักของแต่ละเป้าหมายได้ร่วมกันกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน วิธีการประเมินสถานะตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัดให้มีความชัดเจน ตลอดจนดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ให้ครบถ้วน เพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 275 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 34 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2559 - 31 กรกฎาคม 2560) | นร | 24/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๓๔ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๙-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ มีผลงานสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น การจัดกิจกรรมส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อสร้างความปรองดอง และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ ๒. การปฏิรูปประเทศ เช่น การติดตามการขับเคลื่อนความคืบหน้าการดำเนินการตามประเด็นปฏิรูป ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ๓.๑ ด้านความมั่นคง เช่น การเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องพระบรมเดชานุภาพ การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ ๓.๒ ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ (MOU) ไทย-ลาว การดำเนินโครงการประชารัฐสุขใจ การดำเนินการเพื่อลดผลกระทบจากการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ การสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของภาครัฐ การจัดการศึกษาปฐมวัย ๓.๓ ด้านเศรษฐกิจ เช่น การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ การดำเนินมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ การดำเนินโครงการแจกโชคจากการใช้บัตรเครดิตเพื่อส่งเสริมการใช้บัตรเดบิต การส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย การส่งเสริมการค้าภายในประเทศ การเพิ่มประสิทธิภาพการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาสู่ประเทศไทย ๔.๐ การส่งเสริมด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ๓.๔ ด้านการต่างประเทศ เช่น การสร้างประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็งและส่งเสริมบทบาทไทยในประชาคมอาเซียน การสนับสนุนการเคลื่อนย้ายแรงงานเสรี การส่งเสริมบทบาทของไทยในเวทีระหว่างประเทศและประชาคมโลก การเสริมสร้างภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นและทัศนคติที่ดีต่อไทย ๓.๕ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ การพัฒนาคุณภาพการให้บริการประชาชน การปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัย ไม่เป็นธรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 276 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและ การลงทุนของประเทศ ครั้งที่ 3/2560 | อื่นๆ | 17/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเสนอ ซึ่งที่ประชุมมีมติสรุปได้ ดังนี้
๑. รับทราบความก้าวหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศที่สำคัญต่าง ๆ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้ต่อไป อาทิ (๑) การส่งเสริมการลงทุนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและมาตรการเร่งรัดการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (๒) มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาภัยแล้งและมาตรการเพิ่มขีดความสามารถภาคการเกษตร (๓) มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๒ (๔) มาตรการฟื้นฟูวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ผ่านกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และ (๕) มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการใหม่และนวัตกรรมผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการใหม่และนวัตกรรม (Start-up & Innovation) ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ๒. มอบหมายให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ประสานธนาคารออมสินให้มีการเปิดเผยข้อมูลของลูกค้าให้กับ สทบ. เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการติดตามประเมินผลโครงการเพิ่มศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง โดยธนาคารออมสิน วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท พร้อมทั้งให้ สทบ. เร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๐ ที่มอบหมายให้ สทบ. ติดตามประเมินผลในภาพรวมของโครงการ และจัดทำข้อมูลเพิ่มเติม ประกอบด้วย (๑) ขั้นตอนการอนุมัติและการจัดสรรเงินให้กับกองทุนหมู่บ้าน (๒) ความก้าวหน้าการอนุมัติและการจัดสรรเงินของ สทบ. ให้กับกองทุนหมู่บ้าน (๓) พฤติกรรมการใช้จ่ายเงินสินเชื่อของสมาชิกกองทุนหมู่บ้านที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อจากโครงการฯ และ (๔) การประเมินผลกระทบของการใช้จ่ายของสมาชิกกองทุนหมู่บ้านต่อระบบเศรษฐกิจ และรายงานให้คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ทราบ ๓. มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังประสานข้อมูลและจัดส่งรายงานแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมอากาศยานเพื่อให้ประเทศไทยเป็น Aviation Hub ของภูมิภาค ให้กระทรวงคมนาคมเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังประสานธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อขอให้เร่งรัดการดำเนินมาตรการสนับสนุน SMEs ผ่านการร่วมลงทุน ตามมติคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๐ เนื่องจากการดำเนินงานยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร โดยขอให้ธนาคารทั้ง ๓ แห่ง รายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังทราบเป็นระยะ ๆ และเร่งรัดการดำเนินมาตรการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๕. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ พิจารณาหาเครื่องชี้วัดที่สามารถสะท้อนการปรับตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระดับฐานราก และรายงานให้คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ทราบต่อไป ๖. มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำโครงการพัฒนาด้านการเกษตร “โครงการ ๙๑๐๑ ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน” ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ มาบรรจุไว้ภายใต้กรอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยให้มีการรายงานความคืบหน้า ปัญหาอุปสรรค และแนวทางแก้ไขต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ทุกสามเดือน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 277 | แผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (แผนพัฒนาและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ) ปีงบประมาณ 2561 | พณ | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ปีงบประมาณ ๒๕๖๑ (แผนพัฒนาและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ) จำนวน ๒๑๓ โครงการ วงเงินทั้งสิ้น ๑,๐๓๔.๒๙ ล้านบาท จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวม ๙ หน่วยงาน ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ มีมติอนุมัติแล้ว ดังนี้
๑. ยุทธศาสตร์การเร่งรัดทำการตลาดเชิงกลยุทธ์และผลักดันการส่งออก จำนวน ๑๘ โครงการ วงเงินรวม ๒๑๘.๐๘ ล้านบาท โดยมีกลยุทธ์สำคัญ ๓ ด้าน คือ (๑) การขยายส่วนแบ่งตลาดในตลาดหลักสำคัญให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน (๒) การพัฒนาตลาดใหม่และกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ และ (๓) การผลักดันการค้าผ่านช่องทางตลาดและช่องทางกระจายสินค้ารูปแบบใหม่ ผลักดันการส่งออกโดยใช้การตลาดนำการผลิต (Demand-Driven) และการกำหนดกลยุทธ์ในเชิงลึกลงถึงระดับเมือง (city-focus) ๒. ยุทธศาสตร์การเจรจาเชิงรุกเพื่อเปิดตลาด จำนวน ๑๒๗ โครงการ วงเงินรวม ๑๖.๗๕ ล้านบาท ได้แก่ การประชุมเจรจาเชิงรุก และการปกป้องผลประโยชน์ และการแก้ไขอุปสรรคทางการค้า ๓. ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ จำนวน ๖๗ โครงการ วงเงินรวม ๗๔๙.๔๖ ล้านบาท เช่น การผลักดันคลัสเตอร์เป้าหมายสำคัญ การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการการค้าระหว่างประเทศของไทย การพัฒนาส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มและการสร้างภาพลักษณ์และส่งเสริมการสร้างแบรนด์สินค้าและบริการ (Innovation, Value Creation & Branding) และการพัฒนาองค์กรสู่อนาคต ๔. แผนงานตามนโยบายและมาตรการเร่งด่วน จำนวน ๑ โครงการ วงเงินรวม ๕๐ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 278 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 33 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2559 - 30 มิถุนายน 2560) | นร | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๓๓ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๙-๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ มีผลงานสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น การจัดงานประเพณีกิจกรรมทางศาสนาและกิจกรรมพัฒนา และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนร้องทุกข์ ๒. การปฏิรูปประเทศ เช่น การติดตามขับเคลื่อนความคืบหน้าการดำเนินการตามประเด็นปฏิรูป ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ๓.๑ ด้านความมั่นคง เช่น การเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ การแก้ไขปัญหายาเสพติด ๓.๒ ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน ๓.๓ ด้านเศรษฐกิจ เช่น การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ การส่งเสริมการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ๓.๔ ด้านการต่างประเทศ เช่น การสร้างประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็งและส่งเสริมบทบาทไทยในประชาคมอาเซียน การส่งเสริมการค้า การลงทุน เสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการไทยและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและศักยภาพทางเศรษฐกิจ ๓.๕ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การส่งเสริมและการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ การปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัยไม่เป็นธรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 279 | กรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2561 | นร11 | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ วงเงินดำเนินการ จำนวน ๑,๙๗๕,๔๑๔ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน ๘๔๖,๓๓๗ ล้านบาท สำหรับโครงการที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และการลงทุนที่ใช้เงินงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้ดำเนินการได้เมื่อได้รับอนุมัติตามขั้นตอนแล้ว โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปรับเพิ่มกรอบวงเงินดำเนินการและกรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติโครงการลงทุนเพิ่มเติมระหว่างปี เพื่อให้รัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการได้ทันทีภายในปีงบประมาณ ทั้งนี้ กำหนดเป้าหมายให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๙๕ ของกรอบวงเงินอนุมัติเบิกจ่ายลงทุน ๒. เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปรับวงเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้สอดคล้องกับผลการจัดสรรงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และการอนุมัติลงทุนเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรี ๓. มอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงงบลงทุนระหว่างปีในส่วนงบลงทุนเพื่อการดำเนินงานปกติและโครงการต่อเนื่องที่การเปลี่ยนแปลงไม่มีผลกระทบต่อสาระสำคัญและกรอบวงเงินโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้ว โดยกรณีมีการปรับลดเป้าหมายการลงทุนต้องเป็นเหตุจากปัจจัยภายนอกที่รัฐวิสาหกิจไม่สามารถบริหารจัดการได้เท่านั้น ๔. ให้รัฐวิสาหกิจรายงานผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานและการลงทุนปี ๒๕๖๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบภายในทุกวันที่ ๕ ของเดือนอย่างเคร่งครัด และให้กระทรวงเจ้าสังกัดรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายระดับกระทรวง และระดับองค์กรไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะและความก้าวหน้าการดำเนินโครงการลงทุนทุกไตรมาส เพื่อประโยชน์ในการติดตามประเมินผลการดำเนินงานและการลงทุนของรัฐวิสาหกิจได้อย่างต่อเนื่อง ๕. รับทราบประมาณการงบทำการประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ ๑๒๕,๓๑๘ ล้านบาท และรับทราบประมาณการแนวโน้มการดำเนินงานช่วงปี ๒๕๖๒-๒๕๖๔ ของรัฐวิสาหกิจในเบื้องต้นที่คาดว่าจะมีการลงทุนเฉลี่ยประมาณปีละ ๖๙๗,๑๐๖ ล้านบาท และผลประกอบการจะมีกำไรสุทธิเฉลี่ยประมาณปีละ ๑๔๘,๖๖๕ ล้านบาท ๖. ให้กระทรวงเจ้าสังกัด คณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจในแต่ละแห่ง และหน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ความสำคัญกับรายละเอียดประกอบการวิเคราะห์ความจำเป็นและความเหมาะสมการลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้ครบถ้วนและสอดคล้องกับปัจจัยในทุกด้าน รวมถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน และให้มีการติดตามผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณ รวมทั้งการมีมาตรการเร่งรัดการดำเนินงานและการเบิกจ่ายกรณีที่มีความล่าช้า เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 280 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ 4/2560 : การเร่งรัดและขับเคลื่อนประเด็นการปฏิรูปเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจผู้สูงวัย เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์และเชิงวัฒนธรรม เกษตรกรรมยั่งยืน ความมั่นคงทางอาหาร และการปฏิรูป ระบบบริหารราชการ : ระบบการตรวจราชการแบบบูรณาการ มุ่งผลสัมฤทธิ์ และการมีส่วนร่วม | นร04 | 12/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามประเด็นการปฏิรูปเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจผู้สูงวัย เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์และเชิงวัฒนธรรม เกษตรยั่งยืน ความมั่นคงทางอาหาร และการปฏิรูประบบบริหารราชการ : ระบบการตรวจราชการแบบบูรณาการ มุ่งผลสัมฤทธิ์ และการมีส่วนร่วม โดยมีผลการดำเนินการตามประเด็นปฏิรูปที่สำคัญ ๕ ประเด็น ได้แก่ (๑) การปฏิรูปเศรษฐกิจเชิงชีวภาพ (๒) การปฏิรูปเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์และเชิงวัฒนธรรม (๓) การปฏิรูปเศรษฐกิจผู้สูงวัย (๔) ระบบเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน และความมั่นคงทางอาหาร และ (๕) การปฏิรูประบบบริหารราชการ : ระบบการตรวจราชการแบบบูรณาการมุ่งผลสัมฤทธิ์ และการมีส่วนร่วม รวมทั้งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการเพิ่มเติมในประเด็นการปฏิรูประบบราชการ ระบบบริหารราชการ และข้าราชการ ต้องดำเนินการให้สอดคล้องทั้งหน่วยงานและหัวหน้าส่วนราชการทุกระดับ โดยเฉพาะการจัดส่วนราชการที่มีหน้าที่ในการบูรณาการ/การปฏิรูปประเทศ/ยุทธศาสตร์ชาติ ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
