ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 15 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 281 - 300 จากข้อมูลทั้งหมด 1478 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 281 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร01 | 12/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ ๓ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งภาพรวมสถิติการยื่นเรื่องผ่านช่องทางร้องทุกข์ ๑๑๑๑ และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้งสิ้น ๔๒,๖๐๗ ครั้ง รวมจำนวน ๒๖,๑๐๖ เรื่อง โดยประเด็นเรื่องที่ประชาชนร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นมากที่สุด ได้แก่ เหตุเดือดร้อนรำคาญ รองลงมาคือ การเสนอและตรากฎหมาย การปฏิรูปประเทศ การเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายและโครงการของรัฐ และขอให้แก้ไขปัญหากระแสไฟฟ้าขัดข้อง ตามลำดับ ทั้งนี้ สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ จำนวน ๒๓,๑๕๘ เรื่อง คิดเป็นร้อยละ ๘๘.๗๑ และอยู่ระหว่างการดำเนินการของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๒,๙๔๘ เรื่อง คิดเป็นร้อยละ ๑๑.๒๙ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ความสำคัญแก่การเร่งรัดการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ให้มีผลเป็นที่ยุติด้วยความเป็นธรรมภายในระยะเวลาที่เหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 282 | ขอปรับค่าตอบแทนพิเศษครูที่สอนนักเรียนพิการในโรงเรียนเอกชน | ศธ | 12/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ปรับค่าตอบแทนพิเศษครูที่สอนนักเรียนพิการในโรงเรียนเอกชนให้ได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเพิ่มพิเศษ ในอัตราคนละ ๒,๕๐๐ บาทต่อเดือน เช่นเดียวกับครูที่สอนนักเรียนพิการในโรงเรียนรัฐ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน งบเงินอุดหนุน รายการเงินอุดหนุนค่าตอบแทนพิเศษครูที่สอนนักเรียนพิการในโรงเรียนเอกชนซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้เพียงพอสำหรับภาระงบประมาณที่เพิ่มขึ้นแล้ว และให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เมื่อร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีมีผลบังคับใช้หากงบประมาณเงินอุดหนุนรายการดังกล่าวไม่เพียงพอต่อภาระงบประมาณที่เพิ่มขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับงบประมาณในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ควรจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของครูที่สอนนักเรียนพิการให้เข้าไปในทิศทางและมาตรฐานเดียวกันเพื่อประโยชน์ของทางราชการและประโยชน์ที่นักเรียนพิการจะได้รับเป็นสำคัญ รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขครูที่จะได้รับค่าตอบแทนพิเศษเพิ่มต้องเป็นไปตามหลักการเดียวกับระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติหน้าที่สอนคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๖ และเป็นมาตรฐานเดียวกันกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติหน้าที่สอนคนพิการในโรงเรียนของรัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาความเป็นไปได้ในการดำเนินการเรื่องการปรับอัตราค่าตอบแทนพิเศษครูที่สอนนักเรียนพิการในโรงเรียนของรัฐและเอกชนให้เป็นภาพรวมทั้งระบบแล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในคราวเดียวกันต่อไป ๔. ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินการให้ความช่วยเหลือโรงเรียนอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นต้องรับการอุดหนุน เช่น โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เป็นต้น ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง แนวทางการอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับนักเรียนในโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญศึกษา) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 283 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ ครั้งที่ 2/2560 | นร04 | 05/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๐ และเร่งรัดการดำเนินการของหน่วยงานตามเป้าหมายของการปฏิรูปด้านต่าง ๆ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การปฏิรูปกฎหมาย (Regulatory Reform) คณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อกำกับการปฏิรูปกฎหมายได้เสนอการปฏิรูปกฎหมาย ได้แก่ (๑) การปรับปรุงหรือยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคและเป็นภาระต่อการประกอบอาชีพของประชาชน (๒) การจัดทำกฎหมายตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (๓) การเร่งรัดและติดตามการจัดทำกฎหมาย และ (๔) การเข้าถึงกฎหมายได้โดยสะดวกของประชาชน ๒. การปฏิรูปการบริหารจัดการภาครัฐ (Administrative Reform) สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงาน ก.พ. ได้นำเสนอการปฏิรูประบบการบริหารราชการแผ่นดิน เช่น การยกระดับคุณภาพการให้บริการประชาชน การปฏิรูปเพื่อปรับเปลี่ยนสู่รัฐบาลที่คล่องตัว เป็นต้น ๓. การปฏิรูปเชิงระบบและโครงสร้าง (Structural Reform) คณะอนุกรรมการบูรณาการการปฏิรูปเชิงระบบและโครงสร้างได้มีข้อเสนอ รวม ๘ เรื่อง ได้แก่ (๑) การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๒) การกระจายถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม (๓) ระบบความมั่นคงทางอาหาร (๔) ระบบภาษี (๕) กระบวนการนิติบัญญัติ (๖) การปรับปรุงและจัดทำกฎหมายเพื่อการปฏิรูปประเทศ (๗) กระบวนการยุติธรรม และ (๘) ระบบการศึกษา ๔. การปฏิรูปเชิงพื้นที่และสังคม (Area Based Reform) คณะอนุกรรมการสานพลังปฏิรูปเพื่อพัฒนาพื้นที่และสังคมได้นำเสนอโครงการ ได้แก่ (๑) โครงการสานพลังเพื่อปฏิรูปพื้นที่และสังคม (๒) Quick Win การสร้างพื้นที่ทางวัฒนธรรมในท้องถิ่น และ (๓) โครงการสานพลังคนรุ่นใหม่ร่วมปฏิรูปเพื่อพัฒนาชุมชน ๔.๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 284 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 32 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2559 - 31 พฤษภาคม 2560) | นร04 | 29/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๓๒ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๙-๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ มีผลงานสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น การจัดงานประเพณีกิจกรรมทางศาสนาและกิจกรรมพัฒนา และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนร้องทุกข์ ๒. การปฏิรูปประเทศ เช่น การติดตามขับเคลื่อนความคืบหน้าการดำเนินการตามประเด็นปฏิรูป ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ๓.๑ ด้านความมั่นคง เช่น การเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ โดยการใช้มาตรการทางกฎหมายและมาตรการทางระบบสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ และการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ๓.๒ ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของภาครัฐ การศึกษาและเรียนรู้ การทำนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ๓.๓ ด้านเศรษฐกิจ เช่น การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศ การดำเนินการที่สำคัญเพื่อส่งเสริมด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ๓.๔ ด้านการต่างประเทศ เช่น การสร้างประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็ง และส่งเสริมบทบาทไทยในประชาคมอาเซียน ๓.๕ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การส่งเสริมและการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาล และการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 285 | รายงานการหารือทวิภาคีระดับรัฐมนตรี เพื่อแก้ไขผลกระทบจากพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 | รง | 15/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการหารือทวิภาคีระดับรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขผลกระทบจากพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ มีประเด็นสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและฝึกอาชีพ ราชอาณาจักรกัมพูชา เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ได้แก่ (๑) การแจกเล่มหนังสือเดินทาง (Passport) และเอกสารการเดินทาง (Travel Document) ให้กับคนงานประมาณ ๑๖๐,๐๐๐ คน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มแจกในเดือนสิงหาคมนี้ (๒) การเร่งรัดพิสูจน์สัญชาติแรงงานประมงในไทย ณ ศูนย์เบ็ดเสร็จในจังหวัดระยองและสงขลา และ (๓) การออกมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้แรงงานกัมพูชาเข้ามาฝั่งไทยโดยผิดกฎหมาย ๒. การหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตรวจคนเข้าเมืองและประชากร สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ได้แก่ (๑) การแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการออกกฎหมายการทำงานคนต่างด้าวฉบับใหม่ ที่ทำให้แรงงานเมียนมาที่ไม่มีเอกสารเดินทางกลับประเทศจำนวนมาก เช่น จัดตั้งศูนย์รับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว จำนวน ๑๐๐ ศูนย์ทั่วประเทศ และ (๒) การขอความร่วมมือฝ่ายเมียนมาในการออกหนังสือเดินทางหรือหนังสือรับรองตัวบุคคล (Certificate of Identity) ให้แก่ผู้ไม่มีเอกสาร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 286 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 31 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2559 - 30 เมษายน 2560) | นร | 08/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๓๑ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๙-๓๐ เมษายน ๒๕๖๐) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ โดยมีผลงานสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น การจัดงานประเพณีกิจกรรมทางศาสนาและกิจกรรมพัฒนา การแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนร้องทุกข์ ๒. การปฏิรูปประเทศ เช่น การติดตามการขับเคลื่อนความคืบหน้าการดำเนินการตามประเด็นปฏิรูป ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ๓.๑ ด้านความมั่นคง เช่น การเชิดชูสถาบันนี้ไว้ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ การน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและร่วมแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ ๓.๒ ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของภาครัฐ การศึกษาและเรียนรู้ การทำนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ๓.๓ ด้านเศรษฐกิจ เช่น การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ การสนับสนุนการใช้ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) เพื่อความมั่นคงด้านพลังงาน การขับเคลื่อนแผนส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) การดำเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ๓.๔ ด้านการต่างประเทศ เช่น การเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๐ การเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (Retreat) การเข้าร่วมการประชุมระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้แทนสมัชชารัฐสภาอาเซียน การเข้าร่วมการประชุมระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้แทนเยาวชนอาเซียน การประชุมระดับผู้นำแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย ครั้งที่ ๑๐ การเข้าร่วมงาน ASEAN Business Circle จัดโดยสภาหอการค้าออสเตรีย ๓.๕ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การส่งเสริมและการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ การปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัยไม่เป็นธรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 287 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ 3/2560 : การเร่งรัดและขับเคลื่อนประเด็นการปฏิรูปธนาคารที่ดิน และองค์กรด้านที่ดินความขัดแย้งที่ดิน - ป่าไม้ การบูรณาการฐานข้อมูลด้านที่ดิน One map ระบบยุติธรรมชุมชน และการปฏิรูปการเงินฐานราก : การพัฒนาการจัดการการเงินชุมชน | นร04 | 08/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามประเด็นปฏิรูปธนาคารที่ดิน และองค์กรด้านที่ดิน การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่ดิน-ป่าไม้ การบูรณาการฐานข้อมูลด้านที่ดิน One map ระบบยุติธรรมชุมชน และการปฏิรูปการเงินฐานราก : การพัฒนาการจัดการการเงินชุมชน ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ธนาคารที่ดิน และองค์กรด้านที่ดิน กขร. มีมติให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการพิจารณาเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติที่ดิน พ.ศ. .... เพื่อให้เป็นกลไกในการกระจายการถือครองที่ดินเพื่อลดความเหลื่อมล้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๒. การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่ดิน-ป่าไม้ กขร. มีมติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการพิจารณาดำเนินการเพื่อให้สามารถเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๐ ๓. การบูรณาการฐานข้อมูลด้านที่ดิน One map กขร. มีมติให้กระทรวงยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ร่างพระราชบัญญัติยุติธรรมชุมชน พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. .... เสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไปภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๐ ๔. การปฏิรูปการเงินฐานราก : การพัฒนาการจัดการการเงินชุมชน กขร. มีมติให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการดำเนินการเสนอร่างพระราชบัญญัติสถาบันการเงินชุมชน พ.ศ. .... ต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 288 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ 2/2560 | นร11 | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๐ ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเสนอ ซึ่งที่ประชุมมีมติสรุปได้ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สิ้นสุดลงแล้ว ได้แก่ มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย และโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๒๕๖๐ ๒. รับทราบความก้าวหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศที่สำคัญต่าง ๆ ได้แก่ การขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมการลงทุนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและมาตรการเร่งรัดการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน มาตรการการเงินการคลังเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะเร่งด่วน มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๒ มาตรการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจและสังคมภายในท้องถิ่น และมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางตามมาตรการใหม่ ๓ . มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จำนวน ๕ มาตรการ ประกอบด้วย (๑) มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการใหม่และนวัตกรรมผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการใหม่และนวัตกรรม (Start-up & Innovation) ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (๒) มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ทวีทุน (Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ ๖) (๓) โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี ๒๕๖๐ (๔) มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ผ่านโครงการ SMEs Transformation Loan และ (๕) โครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน และมอบหมายให้สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง และสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยให้รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการ รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคและแนวทางแก้ไขต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศทุก ๓ เดือน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 289 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ครั้งที่ 1/2560 | นร11 | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กนพ. เสนอ โดยมีผลการพิจารณาและมติที่สำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้เอกชนเช่าที่ราชพัสดุที่ได้มาตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗๔/๒๕๕๙ ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษกาญจนบุรีและนครพนม และมอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ชี้แจงทำความเข้าใจกับนักลงทุนเกี่ยวกับรายละเอียดอัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียม รวมทั้งเงื่อนไขในการเช่าให้ละเอียด ชัดเจน และครบถ้วน ๑.๒ เห็นชอบมาตรการเร่งรัดการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก กาญจนบุรี และนครพนม ซึ่งให้ยกเว้นค่าเช่าที่ดินราชพัสดุเป็นเวลา ๒ ปี นับตั้งแต่วันจัดทำสัญญาเช่า และมอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนพิจารณามาตรการเร่งรัดการลงทุนและสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อให้เกิดการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนมากขึ้น ๑.๓ เห็นชอบแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการอำนวยความสะดวกของการตรวจสอบเอกสารและพิธีการศุลกากรผ่านการควบคุมของเจ้าหน้าที่ ระบบ CIQ (Customs, Immigration and Quarantine) และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งนำพื้นที่มาก่อสร้างด่านศุลกากรแม่สอด แห่งที่ ๒ และเร่งเจรจากับมาเลเซียเพื่อกำหนดจุดผ่านแดน ณ ด่านสะเดาแห่งใหม่ ๑.๔ เห็นชอบการแก้ไขคำสั่ง กนพ. ที่ ๒/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานอนุกรรมการ และผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเป็นอนุกรรมการและเลขานุการ และมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมปรับปรุงคำสั่งดังกล่าว และดำเนินการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศในการประชาสัมพันธ์เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษแก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ๑.๕ เห็นชอบแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระดับพื้นที่ ประกอบด้วย ๓ กลไก คือ (๑) กำหนดแนวปฏิบัติในการประสานงานระหว่างอนุกรรมการภายใต้ กนพ. และกลไกระดับพื้นที่ (๒) ให้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระดับพื้นที่ติดตามและขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษในระดับพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และ (๓) วางแนวทางการจัดเก็บและเผยแพร่ข้อมูลเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ๑๐ พื้นที่ และเชื่อมโยงกับหน่วยงานในส่วนกลาง ๑.๖ รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยให้รับนโยบายและความเห็นของ กนพ. ไปประกอบการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายของศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านลงทุน (One Stop Service : OSS) และการแก้ไขปัญหากรณีภาระค่าใช้จ่าย (ค่าสาธารณูปโภค) ในศูนย์ OSS การเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบแรงงานต่างด้าว และการดำเนินโครงการในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษที่ได้รับจัดสรรงบประมาณระหว่างปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ สามารถดำเนินการได้ตามแผน เป็นต้น ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับกรณีที่กรมศุลกากรมีความต้องการอัตรากำลังเจ้าหน้าที่เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.พ.ร. เพื่ออนุมัติกรอบอัตรากำลังนั้น มิใช่อำนาจหน้าที่ของสำนักงาน ก.พ.ร. จึงขอแก้ไขเป็นสำนักงาน ก.พ. ไปดำเนินการ ๓. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุม กนพ. ต่อไป โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 290 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 25/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงพลังงานเร่งดำเนินการเกี่ยวกับการนำปาล์มน้ำมันไปใช้ในการผลิตไบโอดีเซลและส่งเสริมให้มีการใช้ไบโอดีเซลให้มากยิ่งขึ้น โดยให้พิจารณาแนวทางการลดต้นทุนการผลิตไบโอดีเซลจากปาล์มน้ำมันให้มีราคาจำหน่ายที่เหมาะสมและแข่งขันได้ ซึ่งจะทำให้เกิดแรงจูงใจให้มีการใช้ไบโอดีเซลมากขึ้นต่อไป นั้น ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันทั้งระบบตั้งแต่การเพาะปลูก การผลิต และการนำไปใช้ประโยชน์ เช่น การส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมันโดยใช้พันธุ์ปาล์มที่ให้ปริมาณน้ำมันมาก การวางแผนการผลิตให้มีปริมาณที่เหมาะสม สอดคล้องกับปริมาณความต้องการใช้ในแต่ละช่วงเวลา การส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันตามแนวทางประชารัฐ การพิจารณาแนวทางการใช้มาตรการทางภาษีเพื่อลดต้นทุนการผลิตและการจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลจากปาล์มน้ำมัน การปรับปรุงคุณภาพและมาตรฐานของโรงกลั่นน้ำมันปาล์มให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ ให้มีการบูรณาการการทำงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันให้ถูกต้อง ชัดเจน เพื่อให้การกำหนดมาตรการต่าง ๆ ของแต่ละกระทรวงสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และให้นำผลการพิจารณาเสนอต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วน ๑.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางส่งเสริมการใช้สินค้าไทยชนิดต่าง ๆ ที่ได้มาตรฐานให้แพร่หลายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคแทนการใช้สินค้านำเข้า โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีราคาสูง เช่น เครื่องสำอาง ๑.๓ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมโดยด่วน เพื่อให้สามารถดำเนินการขับเคลื่อนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๖๐ และรองรับการเข้าสู่ประเทศไทย ๔.๐ ต่อไป นั้น ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการขยายผลการนำงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ ที่ได้วิจัยศึกษาเสร็จสิ้นและได้ขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมแล้วไปสู่การผลิตและการขยายผลงานนวัตกรรมออกสู่ตลาดผู้บริโภค เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้อย่างกว้างขวางและเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น รวมทั้งให้มุ่งวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ผลผลิตทางการเกษตรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยเฉพาะในผลผลิตที่มีปริมาณการผลิตมากจนเกิดปัญหาล้นตลาด ๑.๔ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณาแนวทางการพัฒนาและส่งเสริมการลงทุนรูปแบบใหม่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษต่าง ๆ โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยอาจศึกษาจากรูปแบบต่าง ๆ จากต่างประเทศที่มีศักยภาพ เช่น การจัดตั้งศูนย์เพื่อวิจัยและพัฒนาด้านการลงทุนร่วมกันระหว่างประเทศจีนและมาเลเซีย และนำแนวทางต่าง ๆ ดังกล่าวมาปรับใช้เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมและพัฒนาการลงทุนให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทยต่อไป นั้น มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เร่งรัดการดำเนินการดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ มอบหมายรองนายกรัฐมนตรีทุกท่านกำกับและติดตามให้กระทรวงและหน่วยงานในกำกับรวบรวมงานเชิงนโยบาย (agenda) ที่มีประเด็นปัญหาติดขัด หรือควรมีการเร่งรัด ขับเคลื่อนการดำเนินงานในช่วงระยะเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาล เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปภาครัฐ (Government Reform) ทั้งด้านกฎหมาย (Regulatory) และด้านการบริหารงาน (Administrative) เสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เพื่อพิจารณาและบูรณาการแนวทางการปฏิรูปในระยะเร่งด่วนเสนอต่อนายกรัฐมนตรีและให้คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) นำไปพิจารณาขับเคลื่อนต่อไป โดยความสำเร็จของการปฏิรูปในแต่ละหน่วยงานจะนำไปใช้ประกอบการประเมินผลการปฏิบัติงานของรัฐมนตรีต่อไปด้วย ๒.๒ ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่จะมีการปรับปรุงโครงสร้างและ/หรือขออัตรากำลังเพิ่มเพื่อรองรับภารกิจที่เพิ่มขึ้น ให้พิจารณานำเทคโนโลยีสารสนเทศหรือการจ้างงานในรูปแบบอื่น ๆ เช่น การจ้างพนักงานชั่วคราว (Part time) การจ้างทำงานพิเศษ เป็นต้น มาทดแทนการบรรจุอัตรากำลังเพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณและลดภาระผูกพันค่าใช้จ่ายในระยะยาว ๒.๓ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการจัดทำทะเบียนรายชื่อผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับชาติและระดับนานาชาติประเภทต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศิลปวัฒนธรรม วิชาชีพเฉพาะทางในสาขาต่าง ๆ พร้อมทั้งให้การสนับสนุนกลุ่มบุคคลดังกล่าวโดยจัดทำเป็นฐานข้อมูลด้วย และต่อมาได้มีข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานนำร่องในการดำเนินการให้การสนับสนุนผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันต่าง ๆ เช่น การให้ทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความสามารถในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม แล้วรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป นั้น ให้ทุกส่วนราชการดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับทะเบียนรายชื่อผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับชาติและระดับนานาชาติประเภทต่าง ๆ ดังกล่าวเพิ่มเติม โดยเฉพาะการแข่งขันด้านวิชาการ และดำเนินการปรับปรุงฐานข้อมูลของกลุ่มบุคคลดังกล่าว ให้มีรายละเอียดที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน เช่น ประวัติการศึกษา ผลงาน และอาชีพปัจจุบัน เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถที่จะขับเคลื่อนประเทศให้มีความก้าวหน้าต่อไปได้ รวมทั้งให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีและรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๐ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 291 | โครงการปรับพื้นที่นาและลดรอบการปลูกข้าวภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปี 2560/61 (ด้านการผลิต) | กษ | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการปรับพื้นที่นาและลดรอบการปลูกข้าว ภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวสารครบวงจร ปี ๒๕๖๐/๖๑ (ด้านการผลิต) จำนวน ๓ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการปลูกพืชอาหารสัตว์ทดแทนนาข้าว ดำเนินการโดยกรมปศุสัตว์ (๒) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย ฤดูนาปรัง ปี ๒๕๖๑ ดำเนินการโดยกรมส่งเสริมการเกษตร และ (๓) โครงการปลูกพืชปุ๋ยสด ฤดูนาปรัง ปี ๒๕๖๑ ดำเนินการโดยกรมพัฒนาที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้ปรับชื่อโครงการให้เหมาะสมและชัดเจน จาก “โครงการปรับพื้นที่นาและลดรอบการปลูกข้าว ภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปี ๒๕๖๐/๖๑ (ด้านการผลิต)” เป็น “โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่การปลูกพืชให้เหมาะสม ภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปี ๒๕๖๐/๖๑ (ด้านการผลิต)” ส่วนงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ การประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการเพื่อให้ทราบถึงปัญหา อุปสรรค และความคุ้มค่าของโครงการ ตลอดจนมิให้เกิดปัญหาต่อการดำเนินงานและภาระงบประมาณในอนาคต การส่งเสริมความรู้ทางวิชาการด้านการเกษตรผ่านศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร และให้เกษตรกรเป็นผู้มีส่วนร่วมลงทุนในการดำเนินการเพื่อให้เกิดการพัฒนาอาชีพการเกษตรอย่างยั่งยืน การเร่งรัดประชาสัมพันธ์รายละเอียดโครงการและสร้างองค์ความรู้ในเรื่องที่จะปรับเปลี่ยนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐในระดับพื้นที่และเกษตรกรให้ทราบอย่างทั่วถึงและครบถ้วน การกำหนดมาตรการส่งเสริมระยะยาวเพื่อให้เกษตรกรหันมาทำเกษตรผสมผสานหรือเกษตรทฤษฎีใหม่ร่วมกับการปรับพื้นที่นาและลดรอบการปลูกข้าวอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๒.๑ ให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์โครงการรวมทั้งชี้แจงทำความเข้าใจในรายละเอียดและเงื่อนไขของโครงการให้เกษตรกรรับทราบ และกำกับดูแลการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติงานของโครงการด้วย ๒.๒ ติดตามการดำเนินการเพาะปลูกพืชทดแทนการปลูกข้าวของเกษตรกรอย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้คำแนะนำเกษตรกรให้ปลูกพืชที่มีตลาดรองรับและมีปัญหาด้านราคาน้อย และพิจารณากำหนดมาตรการป้องกันและบรรเทาผลกระทบด้านราคา เช่น การทำสัญญาซื้อขายผลผลิตกับผู้รับซื้อล่วงหน้า เป็นต้น ๓. ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) ดำเนินการจ่ายเงินให้แก่เกษตรกรเพื่อนำไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ของโครงการโดยไม่หักเงินที่เกษตรกรพึงได้รับจากโครงการไปใช้เพื่อการอื่นก่อน เช่น การชำระหนี้ที่เกษตรกรมีอยู่กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 292 | ผลการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation) | กต | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation : BRF) เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีประเด็นความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ความเชื่อมโยงด้านนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนา ความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความเชื่อมโยงด้านการค้า ความเชื่อมโยงด้านการเงิน และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมดังกล่าวต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรผลักดันและสนับสนุนการพัฒนาความร่วมมือกับสาธารณรัฐประชาชนจีนในกรอบสายแถบและเส้นทางให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาพัฒนาประเทศไทยตามนโยบายประเทศไทย ๔.๐ รวมทั้งควรสร้างความเชื่อมโยง Belt and Road Initiative กับนโยบายการพัฒนาที่สำคัญของประเทศไทย อาทิ นโยบายประเทศไทย ๔.๐ การพัฒนา ๑๐ อุตสาหกรรมเป้าหมาย ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เพื่อประโยชน์ในการเร่งรัดและผลักดันนโยบายเศรษฐกิจดังกล่าวให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 293 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2560 | ดศ | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๐ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ประธานกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. รับทราบความคืบหน้าในการดำเนินงาน จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) การจัดทำยุทธศาสตร์อวกาศแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ (๒) การดำเนินโครงการระบบดาวเทียมเพื่อการสำรวจ (THEOS-2) และ (๓) การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการดาวเทียมสื่อสารภาครัฐเพื่อความมั่นคง ๒. พิจารณาประเด็นต่าง ๆ ตามผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการพิจารณาแนวทางการบริหารเอกสารข่ายงานดาวเทียม และการให้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมของประเทศ โดย ๒.๑ มอบหมายให้คณะอนุกรรมการฯ ศึกษาและทบทวนการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการรักษาสิทธิในการใช้คลื่นความถี่และตำแหน่งวงโคจรของประเทศตามรัฐธรรมนูญฯ ก่อนนำเสนอคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐ ๒.๒ กำหนดแนวทางการบริหารกิจการดาวเทียมสื่อสารของประเทศ กรณีดาวเทียมไทยคม ๗ และไทยคม ๘ รับทราบการเร่งรัดคู่สัญญาให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของสัญญาให้ครบถ้วน โดยดำเนินการให้เกิดความเป็นธรรมและคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ และมอบหมายให้คณะอนุกรรมการฯ ศึกษาและทบทวนการกำหนดเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ แล้วนำเสนอคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 294 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 04/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการที่มีความต้องการใช้ยางพารา เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข สำรวจปริมาณความต้องการใช้ยางพาราสำหรับแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หรือใช้เป็นส่วนผสมต่าง ๆ ภายในหน่วยงานให้ชัดเจน เพื่อจัดทำแผนสำหรับการเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณในการจัดซื้อยางพารา ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการโดยด่วน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ยางพาราภายในประเทศให้มากยิ่งขึ้น นั้น ขอให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็วและมีการนำยางพาราไปใช้ได้จริงภายในปี ๒๕๖๐ ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการจูงใจภาคเอกชนในการสนับสนุนการเพาะปลูกของเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพด เช่น การกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่จะตอบแทนให้แก่ภาคเอกชน การกำหนดส่วนแบ่งรายได้ที่ได้จากผลผลิตในพื้นที่ระหว่างเกษตรกรและภาคเอกชน และนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๓ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดดำเนินการส่งเสริมผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยในปัจจุบันให้มีการพัฒนาคุณภาพให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาดำเนินการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูกพืชของเกษตรกรให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ โดยส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะปลูกพืชสมุนไพรให้มากยิ่งขึ้นเพื่อนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรต่อไป นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว โดยให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งพัฒนาพืชสมุนไพรให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เป็นที่ยอมรับและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสมุนไพรไทย รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาแนวทางการส่งเสริมและขยายพื้นที่เพาะปลูกพืชสมุนไพรไปยังจังหวัดต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นอย่างเหมาะสมด้วย ๑.๔ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) กระทรวงอุตสาหกรรม (สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) เพื่อกำหนดมาตรการหรือแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนผลงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทั้งระบบ โดยให้เร่งดำเนินการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ทั้งนี้ ให้ทุกหน่วยงานให้ความร่วมมือเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมได้อย่างรวดเร็วต่อไป ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้สำนักงาน ก.พ.ร. กำกับติดตามการดำเนินการของส่วนราชการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยเฉพาะในส่วนงานบริการประชาชนทั้งในด้านการลดขั้นตอนการดำเนินงาน ลดการใช้เอกสาร การลดการใช้ทรัพยากร รวมทั้งให้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้แทน ทั้งนี้ ให้กำหนดตัวชี้วัดที่สามารถแสดงผลการดำเนินการของส่วนราชการตามพระราชบัญญัติดังกล่าวที่ชัดเจน และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะด้วย นั้น ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) แต่งตั้งคณะทำงานขึ้น ประกอบด้วยผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้แทนสำนักงาน ก.พ.ร. ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำหน้าที่เร่งรัดการปรับปรุงประสิทธิภาพของงานให้บริการประชาชนของหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยให้มีการเชื่อมโยงฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อลดภาระของประชาชนในการที่ต้องนำสำเนาเอกสารมาติดต่อราชการ และพิจารณาแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อให้รองรับการติดต่อราชการผ่านระบบออนไลน์ ทั้งนี้ ให้นำเสนอแนวทางการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมชัดเจนต่อนายกรัฐมนตรีภายใน ๓ เดือน ๒.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางจัดหาพื้นที่กักเก็บน้ำ ทำทางระบายน้ำ หรือพัฒนาแหล่งน้ำสำหรับใช้ประโยชนร่วมกันในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยให้ประสานความร่วมมือในการดำเนินการดังกล่าวกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐบาล ภาคเอกชน และภาคประชาชน ทั้งนี้ ให้เตรียมการเพื่อให้เริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป นั้น ขอให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) เร่งหารือกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจัดทำแผนการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในรูปแบบของโครงการจิตอาสาในพื้นที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม แล้วให้เสนอแผนดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ๒.๓ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เห็นชอบ (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์การคุ้มครองผู้บริโภคแห่งชาติ (ฉบับที่ ๑) (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) โดยให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคพัฒนาระบบฐานข้อมูลผู้ประกอบการที่ถูกร้องเรียนในแต่ละประเภทกิจการให้เชื่อมต่อไปยังหน่วยงานผู้ออกใบอนุญาตเพื่อนำข้อมูลไปใช้ประกอบการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการได้ รวมทั้งให้นำข้อมูลการออกใบอนุญาตมาใช้เป็นฐานข้อมูลในการติดตามการคุ้มครองผู้บริโภคต่อไปด้วย นั้น ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) ร่วมกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายออมสิน ชีวะพฤกษ์) กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคพิจารณาเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดปราบปรามการประกอบธุรกิจค้าขายออนไลน์ที่ไม่ได้จดทะเบียนพาณิชย์ รวมทั้งการค้าขายสินค้าผิดกฎหมายผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย และให้รายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ๒.๔ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจัดทำ Application การสอนภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานในชีวิตประจำวันตามกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ และต่อมากระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำ Application การเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารระดับพื้นฐานสำหรับประชาชนทั่วไปเสร็จเรียบร้อยแล้วในชื่อ “Echo English” โดยเน้นการฝึกฝนทักษะฟัง พูด อ่าน เขียนจากสถานการณ์จำลองต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน โดยมีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกที่ทุกเวลา นั้น ให้ทุกส่วนราชการประชาสัมพันธ์ให้ข้าราชการ พนักงานราชการ เจ้าหน้าที่ในสังกัดติดตั้ง (download) และใช้ประโยชน์จาก Application ดังกล่าวอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของบุคลากรทุกระดับให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 295 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนเมษายน 2560 | นร11 | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า โดยด้านการใช้จ่าย ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวเร่งขึ้นตามการปรับตัวดีขึ้นของรายได้ในภาคเกษตร ในขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าและการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจขยายตัวในเกณฑ์ดีอย่างต่อเนื่อง ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวลดลงในช่วงที่การส่งออกยังอยู่ในระยะแรกของการฟื้นตัว และกำลังการผลิตส่วนเกินยังอยู่ในระดับสูง และการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐบาลลดลงจากที่มีการเร่งรัดเบิกจ่ายไปแล้วในช่วงก่อนหน้า สำหรับด้านการผลิต ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรและดัชนีรายได้เกษตรกรขยายตัวในเกณฑ์สูงและเร่งขึ้นเช่นเดียวกับรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงตามการลดลงของการผลิตในหมวดยานยนต์ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลอย่างต่อเนื่อง ๒. สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนจากการปรับตัวดีขึ้นของเครื่องชี้ทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยูโรโซน ญี่ปุ่น และเครื่องชี้ทางเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียซึ่งปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเครื่องชี้ในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการส่งออก อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและจีนแสดงถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจอย่างช้า ๆ โดยเฉพาะการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการใช้จ่ายจากภายในประเทศ การปรับตัวของเศรษฐกิจในทิศทางดังกล่าว ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อรอดูความชัดเจนของสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 296 | การติดตามผลการดำเนินการตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | นร09 | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้ทุกส่วนราชการซึ่งเป็นหน่วยงานเจ้าของร่างกฎหมายเร่งรัดการจัดทำผลการรับฟังความคิดเห็นและคำชี้แจงตามหลักเกณฑ์การตรวจสอบความจำเป็นในการตรากฎหมายที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วและที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๐ (เรื่อง แนวทางการจัดทำและการเสนอร่างกฎหมายตามบทบัญญัติมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ เพื่อความต่อเนื่องในการผลักดันร่างกฎหมายตามนโยบายของรัฐบาล ๒. ให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดและติดตามการดำเนินการตรากฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติและการตรากฎหมายตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในทุกกระบวนการตรากฎหมาย ทั้งนี้ จะต้องมีมาตรการดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่จะได้รับผลกระทบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 297 | ขอให้พิจารณานำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 30/2560 เรื่อง มาตรการเร่งรัดและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ - นครราชสีมา) | สลธ.คสช. | 20/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๐/๒๕๖๐ เรื่อง มาตรการเร่งรัดและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา ลงวันที่ ๑๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 298 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 30 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2559 - 31 มีนาคม 2560) | นร04 | 20/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๓๐ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๙-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ มีผลงานสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น การจัดงานประเพณี กิจกรรมทางศาสนา และกิจกรรมพัฒนา และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนร้องทุกข์ ๒. การปฏิรูปประเทศ ได้แก่ การปฏิรูปกฎหมายแข่งขันทางการค้าและร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... การปรับปรุงระบบกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อเสริมสร้างธรรมาภิบาล ประสิทธิภาพ และการพัฒนาบุคลากรภาครัฐและร่างพระราชบัญญัติการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการนโยบายสาธารณะ พ.ศ. .... การปฏิรูปแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การบริหารงานภาครัฐที่เปิดเผยข้อมูลและร่างพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารสาธารณะ พ.ศ. ..... การปฏิรูปความรับผิดต่อความชำรุดบกพร่องของสินค้าและร่างพระราชบัญญัติความรับผิดต่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า พ.ศ. .... การจัดการสินค้าที่ไม่ปลอดภัยและร่างพระราชบัญญัติการแจ้งเตือนภัยและจัดการสินค้าที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค พ.ศ..... การปฏิรูปประสิทธิภาพกระบวนการยุติธรรมทางอาญา และการปฏิรูปทนายความอาสา ทนายความขอแรง และที่ปรึกษากฎหมายของเด็กหรือเยาวชน ในประเด็นการปฏิรูปค่าตอบแทนและสิ่งจูงใจพิเศษเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษี ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ๓.๑ ด้านความมั่นคง เช่น การเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ การน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและร่วมแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ ๓.๒ ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของภาครัฐ การบูรณาการระบบการส่งเสริมอาชีพและการมีงานทำของคนพิการ การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน ๓.๓ ด้านเศรษฐกิจ เช่น การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ การแก้ไขหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน การดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี ๒๕๖๐ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว การจัดงานส่งเสริมด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม การขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) การขับเคลื่อนพัฒนาและส่งเสริม SMEs การส่งเสริมสมุนไพรไทย การขับเคลื่อนแผนส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และการจัดงานส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม ๓.๔ ด้านการต่างประเทศ เช่น การเสริมสร้างภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น และทัศนคติที่ดีต่อไทย การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ญี่ปุ่น และการเปิดตัวแอปพลิเคชัน "Street Food Phuket" "Street Food Chiang Mai-Chiang Rai" และ "Street Food Bangkok" ในรูปแบบภาษาจีน ๓.๕ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การอบรมอาสาสมัครคุมประพฤติเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จในการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดในชุมชน การดำเนินโครงการพัฒนาระบบศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนที่มีอายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ขึ้นไป การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาล การจัดกิจกรรมในการพัฒนาเครือข่ายการปฏิบัติงานรับเรื่องร้องทุกข์ของส่วนราชการระดับกระทรวง กรม รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอิสระ และการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนสำหรับนักลงทุนชาวต่างชาติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 299 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2559 (เพิ่มเติม) และ ครั้งที่ 1/2560 | ทส | 13/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๙ (เพิ่มเติม) จำนวน ๖ เรื่อง และครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๕ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๙ ได้แก่ ๑.๑ ร่างรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๙ ๑.๒ ร่างมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการลักลอบทิ้งและบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตรายและมูลฝอยติดเชื้อ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ๑.๓ เกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ ประเภทธรณีสัณฐานและภูมิลักษณวรรณา ภูเขา และน้ำตก ๑.๔ ร่างยุทธศาสตร์การจัดการมลพิษ ๒๐ ปี และแผนจัดการมลพิษ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ๑.๕ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครสวรรค์ ของกรมทางหลวง ๑.๖ โครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น ๔ ช่องจราจร (ระยะที่ ๒) ทางหลวงหมายเลข ๑๒ ตอน อ.หล่มสัก-แยก อ.คอนสาร ของกรมทางหลวง ๒. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ ได้แก่ ๒.๑ รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียด โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท (สุขุมวิท ๘๑-สำโรง) และโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท (สำโรง-สมุทรปราการ) ของกรุงเทพมหานคร (ปัจจุบันการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินการ) กรณีขอเปลี่ยนแปลงอาคารจอดรถเป็นลานจอดรถ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ๒.๒ รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติราชบุรี-วังน้อย ครั้งที่ ๒ (โครงการสถานีเพิ่มความดันก๊าซธรรมชาติวังน้อยฯ) ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่ที่ตำบลวังจุฬา อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๒.๓ รายงานผลการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ โครงการโรงไฟฟ้าบางปะกง (ทดแทนเครื่องที่ ๑-๒) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าข้าม อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ๒.๔ การขอเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสมทบเข้าสู่กองทุนสิ่งแวดล้อม ๒.๕ การให้ภาคยานุวัติเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 300 | ขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการตามมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ (กระทรวงศึกษาธิการ) | ศธ | 13/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง การขอขยายระยะเวลามาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ) ๑.๒ ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการตามมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ ประกอบด้วย (๑) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จำนวน ๕ รายการ วงเงิน ๔.๙๔ ล้านบาท (๒) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน ๑,๕๒๔ รายการ วงเงิน ๘๓๐.๓๖ ล้านบาท และ (๓) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา จำนวน ๘๕ รายการ วงเงิน ๑๐๐.๐๖ ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๐ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
