ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 17 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 321 - 340 จากข้อมูลทั้งหมด 1478 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 321 | การเสนอแผน กรอบสาระสำคัญ และระยะเวลาการจัดทำกฎหมายลำดับรอง | นร | 24/01/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า เพื่อให้การเสนอแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติของส่วนราชการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ [เรื่อง การดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองและแผนการเสนอกฎหมายลำดับรอง และการเร่งรัดดำเนินการเสนอกฎหมายหรือปรับปรุงกฎหมายสำคัญ] มีความชัดเจนยิ่งขึ้น เห็นควรมีกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองนั้น ๆ ประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย จึงมีมติให้ทุกส่วนราชการจัดทำกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองเพิ่มเติมในการเสนอแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติด้วย เว้นแต่เป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นเร่งด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 322 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | นร01 | 24/01/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งภาพรวมสถิติการแจ้งเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นของประชาชนที่ยื่นเรื่องผ่านช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้งสิ้น ๑๖๒,๙๐๕ ครั้ง รวมจำนวน ๙๘,๔๖๙ เรื่อง โดยประเด็นเรื่องที่ประชาชนร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นมากที่สุด ได้แก่ เหตุเดือดร้อนรำคาญ รองลงมาคือ แจ้งเบาะแสการลักลอบเปิดบ่อนและเล่นการพนัน แจ้งเบาะแสการลักลอบจำหน่ายและเสพยาเสพติด การเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายและโครงการของรัฐในประเด็นที่หลากหลาย และขอให้แก้ไขปัญหากระแสไฟฟ้าขัดข้อง ตามลำดับ ทั้งนี้ สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ จำนวน ๘๗,๘๓๗ เรื่อง คิดเป็นร้อยละ ๘๙.๒๐ และอยู่ระหว่างการดำเนินการของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๐,๖๓๒ เรื่อง คิดเป็นร้อยละ ๑๐.๘๐ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความสำคัญแก่การเร่งรัดการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ให้มีผลเป็นที่ยุติด้วยความเป็นธรรมภายในระยะเวลาที่เหมาะสม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 323 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 17/01/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการ โดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) กำกับให้กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีแรงงานต่างด้าวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ระนอง สมุทรสาคร โดยอาจพิจารณาจัด Zoning พื้นที่ที่พักอาศัย รวมทั้งสวัสดิการต่าง ๆ ตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป นั้น ให้กระทรวงแรงงานร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เร่งรัดการจัด Zoning พื้นที่ที่พักอาศัยแรงงานต่างด้าว และรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการ โดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รับผิดชอบการกำกับดูแลการแก้ไขปัญหาอุทกภัยจังหวัดทางภาคใต้และการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยแบ่งเป็นการช่วยเหลือประชาชนตามความเร่งด่วนของสถานการณ์ การเตรียมการฟื้นฟูหลังน้ำลด และการกำหนดแนวทางการป้องกันอุทกภัยในอนาคต รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดการให้ความช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะการซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย นั้น ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาเร่งรัดการจัดทำแผนการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่หลังน้ำลด การให้ความช่วยเหลือประชาชน พร้อมทั้งจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างยั่งยืนโดยให้แล้วเสร็จก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ในสัปดาห์หน้า ๒.๒ ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๐ กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) นั้น ให้ทุกกระทรวงแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อสนับสนุนการดำเนินการของ ป.ย.ป. ขึ้นภายในสำนักงานปลัดกระทรวง โดยให้กำหนดผู้รับผิดชอบในภาพรวมและในแต่ละยุทธศาสตร์ชาติทั้ง ๖ ด้านด้วย ๒.๓ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการจัดทำทะเบียนรายชื่อผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับชาติและระดับนานาชาติประเภทต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศิลปวัฒนธรรม วิชาชีพเฉพาะทางในสาขาต่าง ๆ พร้อมทั้งให้การสนับสนุนกลุ่มบุคคลดังกล่าว โดยจัดทำเป็นฐานข้อมูลด้วย นั้น ให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานนำร่องในการดำเนินการให้การสนับสนุนผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันต่าง ๆ เช่น การให้ทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความสามารถในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม แล้วรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ๒.๔ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดจัดทำแผนก่อสร้างสถานที่จอดรถใต้ดินและการพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนร่วมลงทุน นั้น ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีทราบภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 324 | รายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร07 | 10/01/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม-๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางเสนอ ดังนี้
๑. ภาพรวมงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบประมาณทั้งสิ้น ๒,๗๓๓,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว ๘๗๖,๑๒๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๒.๐๖ สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๒.๐๖ (เป้าหมายภาพรวมร้อยละ ๓๐.๐๐) ๒. มาตรการสนับสนุนการเบิกจ่ายของภาครัฐ ๒.๑ มาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๒.๑.๑ รายจ่ายประจำ จำนวน ๒,๑๘๔,๑๒๘ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๗๘๓,๙๓๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๕.๘๙ สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๓.๑๓ (เป้าหมายรายจ่ายประจำร้อยละ ๓๒.๗๖) ๒.๑.๒ รายจ่ายลงทุน จำนวน ๕๔๘,๘๗๒ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๒๓๙,๐๑๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๓.๕๕ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๙๒,๑๘๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๖.๘๐ ต่ำกว่าเป้าหมายร้อยละ ๒.๒๐ (เป้าหมายรายจ่ายลงทุนร้อยละ ๑๙.๐๐) สำหรับรายจ่ายลงทุนกรณีไม่รวมงบกลาง จำนวน ๔๖๔,๒๒๖ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๒๓๙,๐๑๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕๑.๔๙ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๙๒,๑๘๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๙.๘๖ สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๐.๘๖ ๒.๒ มาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป กรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ รวมทั้งสิ้น ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท จัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๒๑,๗๑๑ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๑๙,๙๗๒ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๑.๙๙ และเบิกจ่ายแล้ว ๑๔,๕๘๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๗.๑๗ ๓. เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๙ รวมทั้งสิ้น ๒๖๓,๓๗๔ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๒๐๓,๒๕๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗๗.๑๗ และเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๙๒,๙๘๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๕.๓๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 325 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 10/01/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และขาดการควบคุม (Illegal Unreported and Unregulated Fishing : IUU) เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ๑.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง สรุปผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐเกาหลีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ที่ให้ดำเนินการเพื่อขยายความร่วมมือด้านการทำประมงร่วมกับประเทศต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้น เช่น สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เนการาบรูไนดารุสซาลาม ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๖๐ ๑.๒ ให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะแรงงานในกิจการประมงทะเลและแรงงานในกิจการแปรรูปสัตว์น้ำ ๑.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบระบบติดตามเรือ (Vessel Monitoring System : VMS) หากพบปัญหาให้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขเพื่อให้สามารถใช้การได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ๑.๔ ให้กระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาการรุกล้ำน่านน้ำของเรือประมงให้มีความเหมาะสมโดยหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดข้อพิพาทกับต่างประเทศ ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ตามที่กระทรวงคมนาคมได้เปิดการทดลองเดินเรือเฟอร์รี่เชื่อมอ่าวไทยตอนบน ระหว่างพัทยา-หัวหิน ไปแล้ว นั้น ให้กระทรวงคมนาคมกำกับติดตามการเดินเรือในเส้นทางดังกล่าวให้มีความปลอดภัยสูงสุด และเร่งรัดให้มีการนำเรือขนาดใหญ่มาใช้ในการเดินเรือ รวมทั้งให้พิจารณาเชิญชวนให้เอกชนรายใหม่มาร่วมดำเนินการเพื่อให้เกิดการแข่งขันในการให้บริการด้วย ๒.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปฏิรูปภาคการเกษตรให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๖๐ โดยเน้นการทำการเกษตรแบบแปลงใหญ่ การจัดสรรที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร การกำหนดมาตรการจูงใจให้มีการนำที่ดินว่างเปล่ามาใช้ประโยชน์ทางการเกษตร รวมทั้งให้เร่งรัดการจัดทำ “เกษตรประชารัฐ” ที่เน้นการทำการเกษตรที่มีสัญญาแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันที่เป็นธรรมระหว่างเกษตรกรและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ๒.๓ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ร่วมปลูกและดูแลรักษาป่า โดยอาจนำแนวทางประชารัฐมาใช้ในการดำเนินการ เช่น การสนับสนุนงบประมาณเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ดูแลรักษาป่าควบคู่ไปกับการเพาะปลูกไม้โตเร็ว การกำหนดมาตรการจูงใจเพื่อให้ภาคเอกชนสนับสนุนการปลูกและดูแลรักษาป่าของประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ ให้มุ่งเน้นการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ป่าที่เสื่อมสภาพ เช่น เขาหัวโล้น ๓. ด้านสังคม ๓.๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปฏิรูปการศึกษาให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๖๐ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ของนักเรียน นักศึกษาในแต่ละระดับให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปีข้างหน้า เช่น การเน้นการจัดการสะเต็มศึกษา (Science Technology Engineering and Mathematics Education : STEM Education) และความรู้ด้านภาษาอังกฤษ การปรับปรุงแบบเรียนและแบบทดสอบให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันโดยเพิ่มเรื่องจริยธรรมอยู่ในแบบทดสอบ การให้ครูผู้สอนที่มีศักยภาพถ่ายทอดความรู้ผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสร้างสื่อการเรียนการสอนนำไปเผยแพร่ในโรงเรียนที่อยู่ห่างไกล การพัฒนาระบบประเมินผลคุณภาพการศึกษาให้เทียบเท่าระดับสากล รวมทั้งการจัดทำเส้นทางการศึกษา (Education Path) เพื่อให้ผู้เรียนได้ใช้เป็นข้อมูลในการเลือกเส้นทางการศึกษาที่เหมาะสมกับตนเอง ๓.๒ ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินการจัดกลุ่มโรงเรียนสอนศาสนา เช่น โรงเรียนตาดีกา โรงเรียนปอเนาะ ให้เป็นระบบและครบถ้วนเพื่อให้ภาครัฐสามารถจัดสรรงบประมาณสนับสนุนแก่กลุ่มโรงเรียนดังกล่าวได้อย่างเหมาะสมและนำไปสู่การจัดการเรียนการสอนแก่ผู้เรียนที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นทั้งในส่วนของการสอนศาสนาและวิชาสามัญ ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ตามที่ขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดทางภาคใต้ประสบอุทกภัยและทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนและความเสียหายจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานต่าง ๆ ได้เร่งรัดดำเนินการให้การช่วยเหลือประชาชนไปแล้ว นั้น เพื่อให้การให้ความช่วยเหลือประชาชน รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ในปัจจุบันและการกำหนดมาตรการป้องกันในอนาคตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ๔.๑.๑ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รับผิดชอบการกำกับดูแลการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยแบ่งเป็นการช่วยเหลือประชาชนตามความเร่งด่วนของสถานการณ์ การเตรียมการฟื้นฟูหลังน้ำลด และการกำหนดแนวทางการป้องกันอุทกภัยในอนาคต โดยมีเป้าหมายเพื่อมิให้น้ำท่วมชุมชน สถานที่ราชการ และเส้นทางคมนาคม ๔.๑.๒ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับผิดชอบการกำกับดูแลการรับบริจาคสิ่งของจากภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้สร้างการรับรู้แก่ประชาชนให้ทั่วถึงด้วย ๔.๑.๓ ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดการดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชน เช่น การซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย พร้อมทั้งสำรวจผังเมืองในพื้นที่จังหวัดทางภาคใต้ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยที่มีลักษณะเป็นการกีดขวางทางระบายน้ำ ขุดลอกคูคลอง รวมทั้งเร่งรัดกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาผังเมืองเพื่อมิให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังอีกในอนาคต และประสานให้กรุงเทพมหานครเตรียมมาตรการรองรับน้ำท่วมในเขตกรุงเทพมหานครที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะต่อไป ๔.๑.๔ ให้กระทรวงคมนาคมสำรวจเส้นทางคมนาคมที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดทางภาคใต้ เช่น ถนนเพชรเกษม โดยเร่งรัดการซ่อมแซมเส้นทางคมนาคมที่ได้รับความเสียหายเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ในการสัญจร รวมทั้งให้พิจารณาดำเนินการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในอนาคต เช่น การปรับปรุง/เปลี่ยนแปลงเส้นทางคมนาคมที่กีดขวางทางระบายน้ำ การสร้างช่องทางระบายน้ำ (Box Culvert) โดยให้ดำเนินการในพื้นที่ที่สามารถดำเนินการได้ก่อนเป็นลำดับแรก ๔.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้สำนักงาน ก.พ. เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจัดทำโครงการในลักษณะที่เป็นการให้ทุนการศึกษาระดับอุดมศึกษา ทั้งใน (ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก) และต่างประเทศร่วมกันบูรณาการการจัดสรรทุนการศึกษาให้ตรงกับความต้องการของประเทศโดยเฉพาะในสาขาที่ขาดแคลน นั้น ให้สำนักงาน ก.พ. เร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว โดยให้ความสำคัญกับทุนการศึกษาในสาขาที่ตอบสนองต่อความต้องการของประเทศ เช่น สาขาที่สอดคล้องกับ ๑๐ อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ สาขาที่สอดคล้องกับการส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมของประเทศ (ประเทศไทย ๔.๐) ให้พิจารณากำหนดแนวทางและมาตรการในการจูงใจให้ผู้ได้รับทุนการศึกษากลับไปทำงานในส่วนราชการหรือในภูมิลำเนาของตน โดยไม่โยกย้ายไปอยู่ส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 326 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการประกอบกิจการหอพัก พ.ศ. .... | พม | 20/12/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการประกอบกิจการหอพัก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการประกอบกิจการหอพักสถานศึกษาและหอพักเอกชน เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กและเยาวชน รวมทั้งนักเรียนและนักศึกษา ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. รับทราบรายงานเหตุผลกรณีที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ไม่สามารถดำเนินการออกกฎกระทรวงให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปี ตามมาตรา ๑๐๔ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. ๒๕๕๘ เนื่องจากอนุบัญญัติมีหลายมาตราจึงต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณา ๓. มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการเสนอกฎหมายลำดับรอง ตามมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้กฎหมายแม่บทมีผลใช้บังคับโดยสมบูรณ์ และสามารถปฏิบัติให้เกิดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้รายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการภายในกำหนดระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดในคราวเดียวกันด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 327 | ผลการประชุมหารือร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ กรอ. ส่วนกลาง และคณะกรรมการ กรอ. กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 เมื่อวันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2559 | นร11 | 20/12/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมหารือร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ส่วนกลาง และคณะกรรมการ กรอ. กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน (เชียงราย น่าน พะเยา แพร่) เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญเกี่ยวกับ (๑) การเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยว สปป.ลาว จีน ผ่านเส้นทาง R3A (๒) การติดตามความคืบหน้าการพัฒนาด่านชายแดนสากลห้วยโก๋น อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน (๓) การยกระดับจุดผ่อนปรนการค้าด่านบ้านฮวก อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา ให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร (๔) การขอให้สนับสนุนงบประมาณในการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ๒ (๕) การขอให้เร่งรัดโครงการขยายทางหลวงหมายเลข ๑๐๓ (อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่-อำเภองาว จังหวัดลำปาง) (๖) การดำเนินโครงการรถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และ (๗) การขอให้สนับสนุนโครงการก่อสร้างและปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตรจังหวัดแพร่ ๑.๒ เห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนงานให้สอดคล้องกับงบประมาณ และดำเนินการตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผนงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนงานให้สอดคล้องกับงบประมาณที่ได้รับและเร่งรัดดำเนินการตามแผนงานให้แล้วเสร็จและเกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็วภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยแผนงานใดสามารถแบ่งเป็นระยะหรือจัดลำดับกิจกรรมในการดำเนินการได้ ให้เร่งดำเนินการในส่วนที่สามารถปฏิบัติได้ก่อน เพื่อให้เกิดประโยชน์และมีผลสัมฤทธิ์เป็นระยะ ๆ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ได้รับการจัดสรรงบประมาณทั้งหมด ๓. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้ ๓.๑ การเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยว ไทย ลาว จีน ผ่านเส้นทาง R3A ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ไปดำเนินการในส่วนที่สอดคล้องกับภารกิจของกระทรวงฯ สำหรับการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางกายภาพ เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของพื้นที่รับผิดชอบจัดทำรายละเอียดโครงการ แบบรูปรายการ ประมาณการราคาค่าก่อสร้าง และรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๓.๒ การยกระดับจุดผ่อนปรนการค้าด่านบ้านฮวก อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา ให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร กรณีการก่อสร้างและขยายถนน ให้กระทรวงคมนาคมจัดทำรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการราคาค่าก่อสร้าง พร้อมทั้งขออนุญาตใช้พื้นที่ให้ถูกต้องครบถ้วน เพื่อปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนที่สอดคล้องกับเงื่อนเวลาต่อไป ๓.๓ การขอให้สนับสนุนงบประมาณในการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ๒ ให้นำการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ๒ ไปดำเนินการร่วมกับการจัดทำร่างแผนยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ฟู้ดวัลเล่ย์ เพื่อให้มีความสอดคล้องและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ๓.๔ การเร่งรัดขยายทางหลวงหมายเลข ๑๐๓ (อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่-อำเภองาว จังหวัดลำปาง) ให้กรมทางหลวงเร่งรัดดำเนินการออกแบบให้แล้วเสร็จและจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๓.๕ การขอให้สนับสนุนโครงการก่อสร้างและปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค และการเกษตรจังหวัดแพร่ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบรายละเอียดกับการดำเนินงานภายใต้แผนบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๔. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับเรื่องการยกระดับจุดผ่อนปรนการค้าด่านบ้านฮวก อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 328 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2559) | กค | 13/12/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ๒๕๕๙) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับผู้มีเงินได้ที่เป็นบุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ ให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ในระหว่างวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดให้มีการรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้ภาคเอกชนและประชาชนได้ทราบถึงสาระสำคัญ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ตลอดจนประโยชน์ที่จะได้รับจากมาตรการดังกล่าวโดยเร็ว รวมทั้งประเมินผลสัมฤทธิ์ของมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจและภาระการคลังที่เกิดขึ้นจริงเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ และเพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำหนดมาตรการในระยะต่อไป นอกจากนี้ การดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอุปสงค์ในประเทศควรดำเนินการควบคู่ไปกับการเร่งรัดการฟื้นตัวของภาคการส่งออก เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องหลังจากมาตรการดังกล่าวสิ้นสุดลง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 329 | แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2560 (Action Plan) เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ | คค | 13/12/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๖๐ (Action Plan) เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๙ โครงการจำนวน ๒๐ โครงการ วงเงินลงทุนรวม ๑,๗๙๖,๓๘๕.๗๗ ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่สามารถเริ่มประกวดราคาได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๑๐ โครงการ คิดเป็นร้อยละ ๕๐ ของโครงการทั้งหมด เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ ๒ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม สีชมพู และสีเหลือง เป็นต้น ซึ่งโครงการตามแผนปฏิบัติการ พ.ศ. ๒๕๕๙ ส่วนใหญ่สามารถดำเนินการได้ตามแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้ แต่มีบางโครงการที่มีความล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ เนื่องจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมยาก ๒. แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๖๐ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้เป็นไปตามแผนการดำเนินการที่กำหนดไว้ รวมทั้งเพื่อใช้ประโยชน์ในการประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมความเข้าใจ และสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนและนักลงทุนเกี่ยวกับการขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งมีโครงการที่มีความพร้อมในการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และต้องการเร่งรัดผลักดัน รวมจำนวน ๓๖ โครงการ วงเงินรวม ๘๙๕,๗๕๗.๕๕ ล้านบาท เช่น โครงการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ โครงการจัดซื้อรถโดยสารรถไฟฟ้า จำนวน ๒๐๐ คัน พร้อมก่อสร้างสถานีประจุไฟฟ้า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงต่าง ๆ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสีเขียวเข้ม เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 330 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 07/12/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำแผนแม่บทพัฒนาแรงงานไทยในระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) โดยให้ศึกษาและวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจ การลงทุนและแรงงานในปัจจุบัน ความต้องการแรงงานของภาคส่วนต่าง ๆ ในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยให้มุ่งเน้นการพัฒนาฝีมือแรงงานไทยให้มีศักยภาพเพื่อรองรับความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต รวมทั้งการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการก้าวสู่ประเทศไทย ๔.๐ ทั้งนี้ แผนแม่บทดังกล่าวให้ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว แรงงานภาคการประชุม การพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวกับแรงงาน การกำหนดหลักสูตรการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความต้องการแรงงาน และให้นำแผนแม่บทดังกล่าวเสนอรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) พิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาคให้ครอบคลุมทุกด้าน เช่น แหล่งท่องเที่ยว กิจกรรมการท่องเที่ยวทางบก ทางน้ำ การคมนาคมขนส่ง การจัดหาที่พัก ร้านอาหาร และการรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว โดยประชาสัมพันธ์ข้อมูลต่าง ๆ ดังกล่าวผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้แก่นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป เพื่อนำไปสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนต่อไป ๑.๓ ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการให้มีการนำสมุนไพรไทยและเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ผลิตในประเทศไปใช้ประโยชน์ในส่วนราชการให้เป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๖๐ เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจของประเทศเกิดการพึ่งพาตนเอง ประหยัดงบประมาณ และเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้มีการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับชนิดของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศที่ส่วนราชการได้นำไปใช้ประโยชน์แล้วและรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป ๒. ด้านสังคม ตามที่ผลการจัดอันดับของโครงการเพื่อการประเมินผลนักเรียนนานาชาติ (Programme for International Student Assessment : PISA) ซึ่งดำเนินการโดยองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา ได้จัดอันดับระบบการศึกษานานาชาติ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยประเทศไทยมีอันดับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้านทักษะการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ในอันดับที่ ๕๗ ๕๔ และ ๕๔ ตามลำดับ นั้น ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ๓ ด้านดังกล่าว เพื่อให้ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับในปีต่อไปที่ดีขึ้น ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้ทุกส่วนราชการปรับปรุงข้อมูลสำหรับให้บริการแก่ประชาชนผ่านระบบแจ้งข้อมูลข่าวสารภาครัฐ (G-News) ให้มีความน่าสนใจและเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ รวมทั้งให้มุ่งเน้นการนำเสนอสาระสำคัญโดยสรุปที่เป็นประโยชน์และสามารถสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการดำเนินการของรัฐบาลที่ถูกต้องด้วย ๓.๒ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ กันยายน ๒๕๕๘) รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งรวมถึงเรื่องการปฏิรูปสื่อด้วย นั้น ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) ในฐานะประธานกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) รับไปประสานให้คณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาประเด็นดังกล่าว ให้พิจารณาดำเนินการศึกษาเรื่องข้างต้นให้มีความเหมาะสมกับบริบทของประเทศไทยและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยนำกฎหมายหรือแนวทางการดำเนินการของต่างประเทศมาประกอบการพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 331 | มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปี 2559/60 ด้านการผลิต (เพิ่มเติม) : การปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวปี 2559/60 รอบที่ 2 [มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปี 2559/60 ด้านการผลิต (เพิ่มเติม) : การปรับเปลี่ยนปลูกพืชหมุนเวียน] | กษ | 15/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบการปรับเปลี่ยนชื่อมาตรการจาก “มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปี ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการผลิต (เพิ่มเติม) : การปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวปี ๒๕๕๙/๖๐ รอบที่ ๒” เป็น “มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปี ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการผลิต (เพิ่มเติม) : การปรับเปลี่ยนปลูกพืชหมุนเวียน” ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอเพิ่มเติม ๒. เห็นชอบในหลักการการดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปี ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการผลิต (เพิ่มเติม) : การปรับเปลี่ยนปลูกพืชหมุนเวียน จำนวน ๒ โครงการ วงเงินรวม ๘,๔๘๗,๒๕๕,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย วงเงินสินเชื่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน ๘,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และวงเงินค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการของหน่วยงานที่รับผิดชอบ จำนวน ๔๘๗,๒๕๕,๐๐๐ บาท ได้แก่ โครงการปลูกพืชปุ๋ยสด ดำเนินการโดยกรมพัฒนาที่ดิน วงเงิน ๓๘๓,๔๙๐,๐๐๐ บาท และโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ดำเนินการโดยกรมส่งเสริมการเกษตร วงเงิน ๑๐๓,๗๖๕,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ส่วนงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๒.๑ กรณีเงินทุนของ ธ.ก.ส. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเตรียมดินและรับซื้อคืนเมล็ดพันธุ์ โครงการปลูกพืชปุ๋ยสด จำนวน ๒๙๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท รัฐจะชดเชยเงินต้นและต้นทุนเงินในอัตรา FDR+๑ และให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริงตามขั้นตอนต่อไป ๒.๒ ให้กรมพัฒนาที่ดินปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ภายในกรอบวงเงิน ๒๙,๗๕๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่ารับซื้อเมล็ดพันธุ์โครงการปลูกพืชปุ๋ยสดของกรมพัฒนาที่ดิน ๒.๓ ค่าใช้จ่ายบริหารโครงการและประเมินผลโครงการปลูกพืชปุ๋ยสด กรมพัฒนาที่ดิน จำนวน ๕๘,๗๔๐,๐๐๐ บาท และค่าใช้จ่ายในการจัดทำเวทีชุมชนและรับสมัครเกษตรกร ค่าใช้จ่ายในการรับสมัครและบันทึกข้อมูล และการถ่ายทอดความรู้ ประชาสัมพันธ์ ติดตาม ประเมินผล และรายงานผลโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน ๒๔,๗๖๕,๐๐๐ บาท รวม ๘๓,๕๐๕,๐๐๐ บาท ให้กรมพัฒนาที่ดินและกรมส่งเสริมการเกษตรปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเป็นลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอ ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามขั้นตอนต่อไป ๒.๔ วงเงินสินเชื่อของโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน ๘,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี ระยะเวลา ๒-๕ เดือน จำนวน ๗๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้ ธ.ก.ส. เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริงต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประเมินผลการดำเนินงานของโครงการ รวมทั้งกำกับและตรวจสอบโครงการที่ได้รับอนุมัติ ทั้งโครงการเดิมและโครงการใหม่ทั้งหมดมิให้มีการรั่วไหล โดยรายงานให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวทราบเป็นประจำทุก ๓ เดือน ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดพื้นที่ส่งเสริมการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการของตลาด และจัดให้มีการรับซื้อผลผลิตตามโครงการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และกำหนดจุดรับซื้อที่มีความเหมาะสม ไม่เกิดภาระต่อเกษตรกรและไม่กระทบต่อราคาตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์โดยรวม และกำหนดกลุ่มเป้าหมายเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการไม่ให้มีความซ้ำซ้อนกัน รวมทั้งไม่ให้มีความซ้ำซ้อนกับโครงการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวไปปลูกพืชที่หลากหลายในฤดูนาปรัง ของกรมส่งเสริมการเกษตร หรือโครงการอื่นใดที่มีวัตถุประสงค์เพื่อลดพื้นที่ปลูกข้าวรอบที่ ๒ ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ด้วย นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการเร่งรัดประชาสัมพันธ์โครงการ และลงพื้นที่ให้คำแนะนำและช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรอย่างใกล้ชิด ตลอดจนการติดตามการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของเอกชนอย่างต่อเนื่อง และรายงานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทราบ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 332 | การเร่งรัดร่างกฎหมายสำคัญของรัฐบาล (เพิ่มเติม) และการยกร่างกฎหมายหรือปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | นร | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติหรือให้มีผลใช้บังคับภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๙ เพิ่มเติมอีกจำนวน ๒๕ ฉบับ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติระบบการชำระเงิน พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชบัญญัติการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... ๑.๗ ร่างพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. .... ๑.๘ ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... ๑.๙ ร่างพระราชบัญญัติอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและการพลังงานทหาร พ.ศ. .... ๑.๑๐ ร่างพระราชบัญญัติสถาบันภูมิราชธรรม พ.ศ. .... ๑.๑๑ ร่างพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. .... ๑.๑๒ ร่างพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๑๓ ร่างพระราชบัญญัติหอสมุดแห่งชาติ พ.ศ. .... ๑.๑๔ ร่างพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ..... ๑.๑๕ ร่างพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพุทธศาสนา พ.ศ. .... ๑.๑๖ ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. .... ๑.๑๗ ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๑๘ ร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๑๙ ร่างพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. .... ๑.๒๐ ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แยกภารกิจงานวางผังเมืองออกจากกรมโยธาธิการและผังเมือง) ๑.๒๑ ร่างพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... ๑.๒๒ ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๒๓ ร่างพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๒๔ ร่างกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปด้านการศึกษา ๑.๒๕ ร่างกฎหมายเกี่ยวกับการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐตรวจสอบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติซึ่งออกตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ที่มีผลเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย ยกเลิกกฎหมาย หรือออกกฎหมายใหม่ ทั้งนี้ กรณีที่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติดังกล่าวได้กำหนดให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐยกร่างกฎหมายหรือแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายหรือยกเลิกกฎหมายที่มีอยู่นั้นภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายในส่วนดังกล่าวเป็นการถาวรและมีประสิทธิภาพ ให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 333 | การเร่งรัดร่างกฎหมายสำคัญของรัฐบาล | นร | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. ให้เร่งรัดการดำเนินการให้มีการเสนอร่างกฎหมายสำคัญของรัฐบาลเข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติหรือให้มีผลใช้บังคับภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๙ ดังต่อไปนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชบัญญัติพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... ๑.๗ ร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... ๑.๘ ร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สถาบันการเงินที่ประสบภาวะวิกฤติทางการเงิน ตามมาตรา ๑๙) ๑.๙ ร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๑๐ ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. .... ๑.๑๑ ร่างพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. .... ๑.๑๒ ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. .... ๑.๑๓ ร่างพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม พ.ศ. .... ๑.๑๔ ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ พ.ศ. .... ๑.๑๕ ร่างพระราชบัญญัตินโยบายการกีฬาแห่งชาติ พ.ศ. .... ๑.๑๖ ร่างกฎหมายเกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมระหว่างประเทศ ๒. ในการเสนอร่างกฎหมายต่อคณะรัฐมนตรี ให้ทุกส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐพิจารณาความสอดคล้องกับร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่ผ่านความเห็นชอบการออกเสียงประชามติ รวมทั้งพิจารณาความสอดคล้องกับกฎหมายที่ต้องดำเนินการตราตามรัฐธรรมนูญดังกล่าวด้วย อาทิ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ กฎหมายยุทธศาสตร์ชาติ กฎหมายว่าด้วยแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ โดยให้บรรจุเป็นรายการเพิ่มเติมในแบบตรวจสอบความจำเป็นในการตรากฎหมาย (Checklist ๑๐ ประการ) ที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐทุกแห่งต้องถือปฏิบัติ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอความเห็นในประเด็นความสอดคล้องดังกล่าวก่อนนำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 334 | ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 โดยมีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทาง | กต | 25/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ (Sustainable Development Goals 2030 : SDGs) ทั้ง ๑๗ เป้าหมาย และ ๑๖๙ เป้าประสงค์ โดยมีปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy : SEP) เป็นแนวทาง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้ทุกส่วนราชการรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏิบัติในทุกกระบวนการ โดยการจัดทำงบประมาณจะต้องอยู่บนพื้นฐานของหลักความมีเหตุผล หลักความพอเพียง ประหยัดคุ้มค่า ความจำเป็นตามสถานการณ์ปัจจุบัน และแผนแม่บทระยะ ๕ ปี/๒๐ ปี ที่คำนึงถึงการคาดการณ์ในอนาคตภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายรัฐบาล นโยบายความมั่นคง แผนแม่บทด้านต่าง ๆ ให้มีการบูรณาการตามภารกิจและงบประมาณใน ๓ มิติ ประกอบด้วย มิติยุทธศาสตร์ (Agenda) และมิติกระทรวง/หน่วยงาน (Function) ที่จะต้องบูรณาการร่วมกับจังหวัด/กลุ่มจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในมิติพื้นที่ (Area) เพื่อให้การแก้ไขปัญหาและพัฒนาในระดับพื้นที่มีความสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจะนำไปสู่ความมีวินัยด้านการเงินการคลัง สร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้ทุกส่วนราชการดำเนินการตามแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ โดยยึดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทาง (SEP for SDGs) ให้สอดคล้องกับแผนงานในภารกิจหลักของหน่วยงานระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) แผนปฏิบัติการระยะ ๕ ปี และ ๑ ปี และแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ทั้งนี้ สำหรับแผนงาน/โครงการ ปี ๒๕๖๐ ให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จและเกิดผลสัมฤทธิ์ภายในเดือนตุลาคม ๒๕๖๐ เพื่อเป็นการสานต่อพระราชปณิธานและเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 335 | แผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ปีงบประมาณ 2560 | พณ | 18/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ปีงบประมาณ ๒๕๖๐ (แผนพัฒนาและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ) จำนวน ๒๔๗ โครงการ วงเงินทั้งสิ้น ๙๕๘,๕๐๕,๒๗๕ บาท จากหน่วยงานที่เสนอทั้งภาครัฐและเอกชน รวม ๙ หน่วยงาน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. ยุทธศาสตร์การเร่งรัดทำการตลาดเชิงกลยุทธ์และผลักดันการส่งออก จำนวน ๒๓ โครงการ วงเงินรวม ๑๗๗,๙๔๐,๓๐๐ บาท โดยใช้การตลาดนำการผลิต (Demand-Driven) และการกำหนดกลยุทธ์ในเชิงลึกลงถึงระดับเมือง (city-focus) โดยเจาะเมืองใหม่ เช่น แอฟริกา (ไม่รวมแอฟริกาใต้) เอเชียใต้ (ไม่รวมอินเดีย) ตลาดสินค้าใหม่ เช่น สินค้าสำหรับผู้สูงอายุ สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง และขยายช่องทางการตลาดอย่างสร้างสรรค์ ๒. ยุทธศาสตร์การเจรจาเชิงรุกเพื่อเปิดตลาด จำนวน ๑๔๑ โครงการ วงเงินรวม ๓๘,๓๐๐,๙๐๐ บาท ได้แก่ การประชุมเจรจาเชิงรุก และการปกป้องผลประโยชน์และการแก้ไขอุปสรรคทางการค้า ๓. ยุทธศาสตร์การปฏิรูปโครงสร้างการส่งออกเพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจในระยะยาว จำนวน ๘๒ โครงการ วงเงินรวม ๖๙๒,๒๖๔,๐๗๕ บาท เช่น การผลักดันคลัสเตอร์กลุ่มเป้าหมายที่สอดคล้องกับ Thailand 4.0 การผลักดันไทยสู่การเป็นประเทศที่สร้างมูลค่าเพิ่มทางการค้าและบริการ การส่งเสริมโลจิสติกส์ การค้าและเตรียมความพร้อมสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน การพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้สามารถดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ การพัฒนาและส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่ม การสร้างแบรนด์สินค้าและบริการ และการพัฒนาองค์กรสู่อนาคต ๔. แผนงานตามนโยบายและมาตรการเร่งด่วน จำนวน ๑ โครงการ วงเงินรวม ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 336 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | ยธ | 18/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับเปลี่ยนสถานภาพสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) จากเดิมซึ่งจัดตั้งตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ มาเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐซึ่งจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติเฉพาะ เพื่อรองรับภารกิจด้านวิชาการเกี่ยวกับการป้องกันอาชญากรรมและกระบวนการยุติธรรมทางอาญาและระบบงานยุติธรรมที่เพิ่มขึ้นจากการที่สถาบันฯ ได้รับรองสถานะเป็นสถาบันในเครือข่ายแผนงานสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรม และความยุติธรรมทางอาญา ของสำนักงานสหประชาชาติว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรม (The United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการเสนอร่างกฎหมาย) ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองและแผนการเสนอกฎหมายลำดับรอง และการเร่งรัดดำเนินการเสนอกฎหมาย หรือปรับปรุงกฎหมายสำคัญ) และให้กระทรวงยุติธรรมเร่งรัดการเสนอแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 337 | แผนการดำเนินงาน งบประมาณรายจ่าย และประมาณการรายได้ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2560 ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน | พน | 11/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงาน การจัดเก็บรายได้ และการใช้จ่ายงบประมาณปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ๑.๒ เห็นชอบแผนการดำเนินงาน งบประมาณรายจ่าย และประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ วงเงินงบประมาณรายจ่าย ๘๕๖.๙๙ ล้านบาท และประมาณการรายได้ ๘๕๗.๐๗ ล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ๑.๓ รับทราบกรอบการดำเนินงาน งบประมาณรายจ่าย และประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการดำเนินงานด้านการส่งเสริมกิจการพลังงานให้มีประสิทธิภาพและเสริมสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรม ควรมีการระบุถึงการกำหนดมาตรฐานและคำนึงถึงประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้า ในเกณฑ์การรับซื้อไฟฟ้าหรือการออกใบอนุญาต และควรพิจารณาเพิ่มการศึกษาวิจัยเชิงนโยบาย การดำเนินงานด้านการส่งเสริมการศึกษา วิจัย พัฒนา การเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน การประหยัดพลังงานและการอนุรักษ์พลังงาน การส่งเสริมการศึกษา วิจัยและพัฒนาพลังงานหมุนเวียนเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้า และควรพิจารณาใช้มาตรการกำหนดให้ผู้ผลิตและผู้ขายไฟฟ้ารายใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องมีมาตรการส่งเสริมให้ลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้า เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ไฟฟ้า (Energy Effciency Resource Standards, EERS) โดยกำหนดเป็นสัดส่วนกับปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตและหรือขายให้กับลูกค้าในช่วงเวลาที่กำหนด ในส่วนของงบลงทุนควรจะมีการเร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วนโดยคำนึงถึงความประหยัด คุ้มค่า และแล้วเสร็จทันตามแผนที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ ควรกำกับดูแลการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานเป็นการถาวรอย่างใกล้ชิดเพื่อให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ และไม่ส่งผลกระทบต่อกรอบวงเงินงบประมาณโครงการฯ ในกรณีที่ดำเนินงานล่าช้า รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับตัวชี้วัดสำคัญ ๆ รายยุทธศาสตร์ที่จำเป็นต้องขับเคลื่อนในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ เพื่อใช้ตัวชี้วัดดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงพลังงานหารือกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานในการกำกับดูแลการบริหารงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานให้เกิดความคุ้มค่าและเหมาะสมทั้งในส่วนของการหารายได้และการใช้จ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรและการจัดการและบริหารสำนักงาน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 338 | โครงการทดแทนโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ระยะที่ 1 | พน | 11/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินโครงการทดแทนโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ระยะที่ ๑ ในวงเงินลงทุนรวม ๓๓,๕๙๐ ล้านบาท ทั้งนี้ กฟผ. จะดำเนินโครงการฯ ได้ เมื่อรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว ๑.๒ อนุมัติการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนประจำปี ๒๕๕๙ สำหรับโครงการฯ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๓,๐๑๖.๘๐ ล้านบาท ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจที่เห็นควรบริหารจัดการเรื่องการเงินและการลงทุนให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ สอดรับกับแนวโน้มของอัตราแลกเปลี่ยน โดยอาจพิจารณากำหนดแผนการบริหารความเสี่ยงในกรณีที่ผลการดำเนินงานทางด้านการเงินไม่เป็นไปตามประมาณการที่ตั้งไว้ และให้ความสำคัญกับการวางแผนทางการเงินขององค์กรในระยะยาว เพื่อตอบสนองการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยอาจพิจารณาผสมผสานรูปแบบ วิธีการ และเครื่องมือทางการเงินสำหรับการระดมทุนเพื่อให้มีต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสม รวมทั้งควรพิจารณาเรื่องคุณภาพและมาตรฐานอุปกรณ์จากต่างประเทศที่จะจัดซื้อตามมาตรฐานสากล รวมถึงผู้เสนอราคา อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างค่าเงินบาทกับเงินสกุลต่างประเทศ ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ประกอบการจัดซื้อ อีกทั้งควรมีการกำกับดูแลโครงการฯ ให้แผนดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายลงทุนเป็นไปตามที่ได้รับอนุมัติไว้อย่างเคร่งครัด และเร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายงบลงทุนในทิศทางที่สอดคล้องกับมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายและการลงทุนของรัฐบาล การจัดส่งแผนการดำเนินงานโครงการฯ และรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการฯ ให้กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานทราบ ตลอดจนให้ความสำคัญกับการรักษาประสิทธิภาพในการผลิตพลังงานไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานได้ตลอดอายุการใช้งาน และบริหารจัดการต้นทุนทั้งในช่วงก่อสร้างและดำเนินโครงการฯ อย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ควรพิจารณาแหล่งเงินทุนโครงการฯ อย่างรอบคอบ โดยอาจพิจารณาให้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลายเพื่อให้มีต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสม การวางแผนในเรื่องการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนอย่างรัดกุม และระยะเวลาในการจัดหาเงินให้สอดคล้องกับแผนการเบิกจ่ายเงิน เพื่อให้วงเงินของโครงการฯ อยู่ภายใต้กรอบที่ได้รับอนุมัติไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 339 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนกรกฎาคม 2559 | นร11 | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านการใช้จ่าย ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน และการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ขยายตัวร้อยละ ๒.๔ ร้อยละ ๐.๘ และร้อยละ ๒๔.๘ ตามลำดับ ในขณะที่การเบิกจ่ายรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนของภาครัฐลดลงร้อยละ ๑๗.๓ และร้อยละ ๑.๖ ตามลำดับ เนื่องจากมีการเร่งรัดเบิกจ่ายไปมากแล้วในช่วงก่อนหน้า ส่วนมูลค่าการส่งออกยังคงลดลงต่อเนื่องร้อยละ ๔.๕ เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลัก โดยเฉพาะจีน อาเซียน และสหภาพยุโรป ด้านการผลิต ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ ๗ เดือน ร้อยละ ๒.๓ ในขณะที่ดัชนีราคาสินค้าเกษตรขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ ๑๖.๒ ส่งผลให้รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๘.๙ ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวเร่งขึ้นเป็นร้อยละ ๑๐.๘ แต่ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ ๕.๑ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ ดุลการค้าและดุลบริการเกินดุล ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๒. สถานการณ์เศรษฐกิจโลก ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ โดยรวมยังคงอยู่ในช่วงของการชะลอตัวตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา จีน และประเทศสำคัญอื่น ๆ รวมทั้งการฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ของเศรษฐกิจยูโรโซน และญี่ปุ่น ซึ่งยังคงเผชิญความเสี่ยงจากภาวะเงินฝืด โดยประเทศต่าง ๆ ยังคงดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 340 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านคมนาคม ระหว่างไทย - ญี่ปุ่น | คค | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านคมนาคม ระหว่างไทย-ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ กระทรวงคมนาคม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. ความร่วมมือด้านระบบราง มีการตกลงร่วมกัน (๑) ฝ่ายญี่ปุ่นยินดีให้ความช่วยเหลือฝ่ายไทยในการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจตามแนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ (๒) ฝ่ายญี่ปุ่นยินดีให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาเส้นทางรถไฟตามแนวเศรษฐกิจด้านใต้ (๓) ทั้งสองฝ่ายเห็นด้วยในการเร่งรัดการศึกษาการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (๔) การขนส่งสินค้าทางรถไฟอยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องการจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจ และ (๕) ฝ่ายญี่ปุ่นยินดีให้ความช่วยเหลือฝ่ายไทยในการพัฒนาสถานีกลางบางซื่อ ๒. ความร่วมมือด้านการพัฒนาบุคลากร ฝ่ายไทยได้ขอให้ฝ่ายญี่ปุ่นพิจารณาจัดโครงการฝึกอบรมให้แก่เจ้าหน้าที่โรงงานมักกะสันของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นจะรับไปพิจารณา ๓. ความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางถนน ฝ่ายไทยได้ขอให้ฝ่ายญี่ปุ่นพิจารณาให้ความช่วยเหลือในการส่งผู้เชี่ยวชาญมาให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยทางถนนเพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติก่อนช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นยินดีให้ความช่วยเหลือ ๔. ความร่วมมือด้านการบิน ฝ่ายไทยขอบคุณสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศญี่ปุ่นที่ส่งผู้เชี่ยวชาญมาประจำที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ๕. ความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคมและบริษัทญี่ปุ่นในด้านอื่น ๆ เช่น บริษัท โตโยต้า มีความร่วมมือกับกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานภาครัฐของไทยในโครงการ “สาทร โมเดล” เพื่อการแก้ปัญหาจราจรอย่างยั่งยืนบนถนนสาทร ๖. การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ฝ่ายไทยขอให้ฝ่ายญี่ปุ่นพิจารณาสนับสนุนเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนสำหรับโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมระหว่างชายแดนไทยกับทวาย และขอให้ฝ่ายญี่ปุ่นเร่งรัดสัญญาร่วมทุนนิติบุคคลเฉพาะกิจ โดยฝ่ายไทยจะพยายามเร่งรัดให้มีการหารือ ๓ ฝ่ายโดยเร็ว ๗. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น ได้ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือด้านระบบราง และบันทึกความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางถนน ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
