ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันภูมิราชธรรม พ.ศ. .... | ศธ | 20/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสถาบันภูมิราชธรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้จัดตั้งสถาบันภูมิราชธรรม เป็นสถาบันอุดมศึกษาทางวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง มีฐานะเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ และอยู่ในอุปถัมภ์ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ อาทิ กรณีการกู้ยืมเงิน ควรแก้ไขร่างมาตรา ๑๓ (๕) วรรคสอง โดยกำหนดกรอบวงเงินที่อยู่ในอำนาจรัฐมนตรีให้ชัดเจน กรณีการออกพันธบัตร ควรแก้ไขร่างมาตรา ๑๓ (๖) โดยกำหนดให้สถาบันออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อประโยชน์แก่กิจการของสถาบันโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี และกรณีการจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไป ไม่จำเป็นต้องกำหนดถ้อยคำเพิ่มเติมไว้ในร่างมาตรา ๑๔ วรรคสี่ รวมทั้งปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติฯ ในหมวด ๕ การบัญชีและการตรวจสอบตามร่างมาตรา ๔๓ และร่างมาตรา ๔๔ สำหรับการจัดให้มีกองทุนเพื่อกิจการต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ของสถาบัน หากกระทรวงศึกษาธิการมีความประสงค์จะกำหนดให้กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนภายในที่ตั้งขึ้นโดยใช้เงินรายได้ของสถาบัน ซึ่งมิใช่กองทุนตามพระราชบัญญัติเงินคงคลัง พ.ศ. ๒๔๙๑ และพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ ควรบัญญัติไว้ให้ชัดเจนว่าเป็นกองทุนภายในของสถาบัน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. เห็นชอบให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง ร่างข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและแนวทางการจัดตั้งมหาวิทยาลัยของรัฐโดยการหลอมรวม ยุบรวม สถาบันอุดมศึกษา) ที่กำหนดให้การจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นใหม่ให้ใช้แนวทางการหลอมรวม ยุบรวม สถาบันอุดมศึกษา ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองและแผนการเสนอกฎหมายลำดับรอง และการเร่งรัดดำเนินการเสนอกฎหมายหรือปรับปรุงกฎหมายสำคัญ) และให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการเสนอแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อเสนอสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป ๔. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study) วางแผนแม่บท (Master Plan) อย่างเป็นระบบทั้งด้านบริหาร ด้านกายภาพ ด้านวิชาการ ด้านการเงินและด้านบุคลากร มีระบบบริหารตามหลักธรรมาภิบาล รวมทั้งมีระบบในการบริหารเป้าหมายการรับนักศึกษาที่สอดคล้องกับนโยบายและแนวทางการพัฒนาของท้องถิ่นและประเทศในภาพรวม นอกจากนี้ การจัดตั้งสถาบันการศึกษาใหม่ ควรพิจารณาแนวทางการดำเนินการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการในลักษณะความร่วมมือภาครัฐ-ภาคเอกชน (Public Private Partnership : PPP) เพื่อลดความเสี่ยงจากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่มีสัดส่วนประชากรวัยเด็กและวัยเรียนลดลงอย่างต่อเนื่อง และในขั้นการดำเนินการ ควรพิจารณาจัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานทั้งแผนการผลิตบัณฑิตที่สอดคล้องกับความต้องการกำลังคนของประเทศในอนาคต แผนการใช้งบประมาณ แผนอัตรากำลัง และแผนการบริหารจัดการ เพื่อความมีประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....