ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 89 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 1761 - 1780 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1761 | ผลการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 14 | กต | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) ครั้งที่ ๑๔ เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๙ ณ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพมหานคร โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานการประชุมและได้ร่วมรับรองถ้อยแถลงประธาน (Chairman’s Statement) พร้อมกับรัฐมนตรีและผู้แทนระดับสูงของประเทศสมาชิก ACD และมอบหมายหน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ในประเด็นเกี่ยวกับการจัดทำวิสัยทัศน์ความร่วมมือเอเชีย ค.ศ. ๒๐๓๐ การส่งเสริมการพัฒนาความเชื่อมโยง การปรับปรุงสาขาความร่วมมือใน ACD การจัดตั้งสำนักงาน ACD การส่งเสริมความร่วมมือกับภาคเอกชน และการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD Summit) ครั้งที่ ๒ ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณที่เห็นว่า หลายหน่วยงานไม่ได้มีส่วนร่วมในการประชุม ACD ครั้งที่ ๑๔ ประกอบกับประเด็นที่ต้องดำเนินการ อาทิ การส่งเสริมการพัฒนาความเชื่อมโยง และการส่งเสริมความร่วมมือกับภาคเอกชน มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก จึงเห็นควรมอบหมายกระทรวงการต่างประเทศประสานหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ จัดทำแผนงานโครงการหรือกิจกรรมภายใต้กรอบความร่วมมือเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติและสามารถติดตามผลการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และโดยที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงาน GMS ครั้งที่ ๒๑ (the 21st GMS Ministerial Conference) ในระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ จึงเห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือเพื่อเน้นย้ำและผลักดันประเด็นต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันต่อไป นอกจากนี้ ผลการประชุม ACD ครั้งที่ ๑๔ มีความสอดคล้องกับนโยบายของประเทศไทยในการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ รวมทั้งส่งเสริมความสัมพันธ์พหุภาคีในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะนำไปสู่การผลักดันเพื่อเป็นผลลัพธ์ของการประชุม ACD Summit ครั้งที่ ๒ ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการประชุมดังกล่าวให้กระทรวงการต่างประเทศปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอจึงขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 1762 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิของผู้ต้องขังและสิทธิในการได้รับบริการสาธารณสุขจากรัฐ กรณี การเข้าถึงสิทธิในการได้รับบริการสาธารณสุขของผู้ต้องขัง | ยธ | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิผู้ต้องขังและสิทธิในการได้รับบริการสาธารณสุขจากรัฐ กรณีการเข้าถึงสิทธิในการได้รับบริการสาธารณสุขของผู้ต้องขัง ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีข้อเสนอแนะว่า กระทรวงสาธารณสุขควรจัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลผู้ต้องขังในเรือนจำ ประสานงานกับกรมราชทัณฑ์พิจารณาจัดห้องพักพิเศษสำหรับผู้ต้องขังที่ส่งต่อมาจากเรือนจำ ออกระเบียบกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำให้โรงพยาบาลในเขตพื้นที่ของเรือนจำ และกรมราชทัณฑ์ควรจัดทำการส่งต่อผู้ต้องขัง ออกแบบการเชื่อมต่อฐานข้อมูลผู้ต้องขัง จัดให้มีเจ้าหน้าที่ธุรการในการประสานงาน ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการจัดประชุมข้อหารือในเรื่องดังกล่าวกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วได้มีมติมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขและกรมราชทัณฑ์รับไปพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอแนะดังกล่าว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1763 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | มท | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจการเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีผลการพิจารณาในประเด็นต่าง ๆ เช่น การพิจารณาปรับฐานราคาปานกลางที่ดินและลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ลง การปรับปรุงอัตราภาษีป้ายให้ทันสมัย การพัฒนาและปรับปรุงการจัดเก็บภาษีให้ท้องถิ่นใด้มีสัดส่วนที่สูงขึ้น และการปรับปรุงภาษีและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1764 | ร่างกฎกระทรวงการส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 3 หรือประเภท 4 พ.ศ. .... | สธ | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การยื่นใบแจ้งการส่งออก การต่ออายุใบอนุญาต การขอรับใบแทนใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาตส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ และการขอย้าย เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มสถานที่เก็บวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ที่จะส่งออก เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 1765 | การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร07 | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้มีแผนงานยุทธศาสตร์สนับสนุนการพัฒนาโครงการหลวง ในโครงสร้างแผนงานตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ๒. ให้สำนักงบประมาณจัดทำรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
| 1766 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรองรับงานปรับปรุงและจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกภายในท่าอากาศยานอู่ตะเภา | กห | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป จำนวน ๕๙๗,๙๖๖,๓๐๐ บาท ให้กองทัพเรือเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงและจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกภายในท่าอากาศยานอู่ตะเภา จำนวน ๑๙ รายการ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำกับการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะในส่วนอาคารที่พักผู้โดยสารและพื้นที่ให้บริการเชิงพาณิชย์ เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการแก่ผู้โดยสาร สายการบิน และพร้อมสำหรับการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัยสากลจากองค์การการบินระหว่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
| 1767 | การดำเนินการให้เอกชนเข้าร่วมงานตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - บางซื่อ (งานสัญญาที่ 5) | คค | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินการให้เอกชนเข้าร่วมงานตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางซื่อ (งานสัญญาที่ ๕) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ [เรื่อง ขออนุมัติผลการเจรจาต่อรองกับ BEM สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางซื่อ (งานสัญญาที่ ๕)] เกี่ยวกับผลการเจรจาระหว่างคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนลงทุนงานระบบไฟฟ้าและรับจ้างดำเนินกิจการโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางซื่อ (งานสัญญาที่ ๕) กับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) และข้อเสนอแนะของที่ปรึกษา BBML รวมทั้งการปรับปรุงและยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางซื่อ ๒. รับทราบผลการเจรจาของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนลงทุนฯ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ ได้ข้อสรุปได้ว่า BEM ไม่สามารถลงทุนดำเนินงานช่วงเตาปูน-บางซื่อ (๑ สถานี) จนถึง พ.ศ. ๒๕๗๒ ได้ เพราะการลงทุนดำเนินงานเพียงช่วง ๑ สถานีมีรายได้ไม่เพียงพอกับต้นทุนการดำเนินงาน ทำให้เกิดการขาดทุนในการดำเนินงานเป็นอย่างมาก และหากรัฐเป็นผู้ลงทุนจ้าง BEM ดำเนินงานในรูปแบบ PPP-Gross Cost ก็จะเป็นภาระทางการเงินต่อรัฐอย่างมาก ๓. เห็นชอบให้ยุติการดำเนินการคัดเลือกเอกชนลงทุนงานระบบรถไฟฟ้าและรับจ้างดำเนินการกิจการโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางซื่อ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ และให้ดำเนินการเดินรถช่วงเตาปูน-บางซื่อ รวมอยู่ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ตามมติคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (คณะกรรมการ รฟม.) เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๙ โดยให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เร่งรัดดำเนินการช่วงบางซื่อ-เตาปูน เพื่อให้เชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้โดยสารเป็นลำดับแรกก่อน ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม และ รฟม. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการดำเนินการช่วงบางซื่อ-เตาปูน เพื่อให้เชื่อมต่อได้กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งเร่งรัดทำบัตรโดยสารร่วม (Common Ticket) และอัตราค่าโดยสารร่วม (Common Fare) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และกำหนดเป็นเงื่อนไขให้เอกชนที่จะเป็นผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายและโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนเส้นทางอื่น ๆ ในอนาคตจะต้องใช้บัตรโดยสารร่วมและอัตราค่าโดยสารร่วมดังกล่าวในการให้บริการประชาชน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. เห็นชอบให้ปรับปรุงและยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวกับการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางซื่อ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการ รฟม. ได้แก่ ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ และวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๖ และยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ วันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๙ และวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ ตามข้อเสนอของกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอเพิ่มเติม ๕. ให้คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐและคณะกรรมการตามมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ เร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เพื่อให้สามารถคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ เพื่อดำเนินงานเดินรถให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ ในขั้นตอนการดำเนินการให้ระมัดระวังเรื่องการเอื้อประโยชน์ต่อเอกชนรายใดรายหนึ่ง รวมทั้งคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศเป็นหลักในการพิจารณา ๖. ให้กระทรวงคมนาคม และ รฟม. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการพิจารณาหาข้อยุติเกี่ยวกับแผนการอำนวยความสะดวกในช่วงระยะเวลาที่ยังไม่สามารถให้บริการเดินรถไฟฟ้าได้ให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน และต้องสามารถเปิดให้บริการตามแผนการอำนวยความสะดวกได้ก่อนที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน จะเปิดให้บริการ (มีกำหนดเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๙) |
|||||||||||||||||||||
| 1768 | ผลการประชุมหารือร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ กรอ. ส่วนกลาง และคณะกรรมการ กรอ. กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 เมื่อวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2559 | นร11 | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมหารือร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ กรอ. ส่วนกลาง และคณะกรรมการ กรอ. กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑ (อุดรธานี หนองคาย เลย หนองบัวลำภู บึงกาฬ) เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๙ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง และรายงานผลการดำเนินการไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป โดยมีผลประชุมและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ดังนี้
๑. โครงการด้านการบริหารจัดการน้ำ มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานรับไปดำเนินการ โดยพิจารณาถึงความพร้อมและความจำเป็นเร่งด่วนของโครงการตามที่ภาคเอกชนเสนอ ประกอบด้วย (๑) โครงการจัดหาแหล่งน้ำและเพิ่มพื้นที่ชลประทานเพื่อส่งเสริมการเกษตร จังหวัดหนองคาย ได้แก่ โครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำบ้านคำแก้ว โครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำบ้านโคกคอน-ห้วยลาน ระยะ ๒ โครงการแก้มลิงหนองโซงเซงพร้อมอาคารประกอบ โครงการแก้มลิงหนองเอิบเอ้อพร้อมอาคารประกอบ และโครงการแก้มลิงหนองปากกรวดพร้อมอาคารประกอบ (๒) โครงการพัฒนาแก้มลิง จังหวัดอุดรธานี ได้แก่ โครงการพัฒนาแก้มลิงอ่างเก็บน้ำหนองสำโรง และโครงการพัฒนาแก้มลิงหนองหมัด (๓) โครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อส่งเสริมการเกษตรและแก้ปัญหาภัยแล้ง จังหวัดบึงกาฬ ได้แก่ โครงการขุดลอกหนองส้มโฮง บ้านศรีอุดม ตำบลพรเจริญ อำเภอพรเจริญ และโครงการปรับปรุงสถานีสูบน้ำบ้านท่าศรีชมชื่น ตำบลหนองหัวช้าง อำเภอพรเจริญ และ (๔) โครงการประตูระบายน้ำลำพะเนียงหลวงปู่หลอด จังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อบรรจุไว้ในแผนงานและดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๐ รวมทั้งให้มีการติดตามประเมินผลความสำเร็จของการดำเนินโครงการอย่างเป็นระบบ ๒. โครงการส่งเสริมนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และกระทรวงคมนาคมพิจารณาส่งเสริมการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อเสนอการพัฒนาแหล่งน้ำหนองนาตาลของภาคเอกชนไปพิจารณาในรายละเอียดถึงความเหมาะสมและความจำเป็นของการดำเนินการ โดยคำนึงถึงการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าทั้งภาคประชาชนและอุตสาหกรรมอย่างมีส่วนร่วม ๓. โครงการพัฒนาพื้นที่ทำ Container yard ที่สถานีรถไฟหนองตะไก้ จังหวัดอุดรธานี สำหรับคลังกระจายสินค้ากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เพื่อลดต้นทุนการขนส่งสินค้าส่งออก มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการดำเนินโครงการตามที่ภาคเอกชนเสนอ |
|||||||||||||||||||||
| 1769 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง เสรีภาพในการชุมนุมที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย สิทธิในทรัพย์สิน สิทธิเลือกตั้ง และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น กรณีเหตุการณ์ความรุนแรง ที่เกิดขึ้นในระหว่างการชุมนุมทางการเมือง กรกฎาคม 2556 - พฤษภาคม 2557 | ยธ | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง เสรีภาพในการชุมนุมที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย สิทธิในทรัพย์สิน สิทธิเลือกตั้ง และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น กรณีเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในระหว่างการชุมนุมทางการเมือง กรกฎาคม ๒๕๕๖-พฤษภาคม ๒๕๕๗ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยทุกหน่วยงานมีความเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. ๒๕๕๘ สามารถดำเนินการไปในแนวทางเดียวกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ อย่างไรก็ตาม หากมีความจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงจะต้องพิจารณาถึงข้อเท็จจริงของสถานการณ์โดยดำเนินการเท่าที่จำเป็นและระมัดระวังการปฏิบัติมิให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนเกินสมควร ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1770 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2559 | กค | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๙ และมอบหมายผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่าง ๆ ดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจดังกล่าวต่อไป สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงานตามแผนการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๗ แห่ง ในช่วง ๑ ปีที่ผ่านมา ได้แก่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) รวมถึงการประเมินผลการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจครั้งที่ ๑ (ณ สิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๘) และมอบหมายให้รัฐวิสาหกิจ กระทรวงเจ้าสังกัด และกระทรวงการคลัง ดำเนินการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหา รวมถึงกำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายสำหรับการประเมินผลในครั้งที่ ๒ (ณ สิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๙) ๑.๒ เห็นชอบในหลักการและแนวทางการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ที่ได้มีการปรับปรุงแก้ไขตามความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนจากการสัมมนารับฟังความเห็นเกี่ยวกับกฎหมาย และมอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๓ เห็นชอบหลักการการคงอยู่ของบริษัทในเครือที่มีการดำเนินการสอดคล้องกับภารกิจตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ และบริษัทในเครือที่จัดตั้งขึ้นตามความจำเป็นต่อการดำเนินภารกิจเฉพาะตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ โดยหากบริษัทในเครือใดมีผลประกอบการขาดทุน ให้รัฐวิสาหกิจร่วมกับบริษัทในเครือจัดทำแผนแก้ไขปัญหาโดยเร็ว รวมทั้งเห็นชอบการยุบเลิกหรือถอนการลงทุนบริษัทในเครือที่มิได้ดำเนินการสอดคล้องกับภารกิจตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ ๑.๔ เห็นชอบในหลักการให้นำค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๕๙ ให้แก่ประชาชน ของธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารอาคารสงเคราะห์ บวกกลับกำไรสุทธิเพื่อการคำนวณโบนัสพนักงานรัฐวิสาหกิจในปีที่เกิดค่าใช้จ่ายขึ้นจริง ๑.๕ รับทราบความคืบหน้าการปรับปรุงและเพิ่มเติมข้อมูลที่เปิดเผยของโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ ๒๕๕๔-๒๕๖๐) ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) เพื่อแก้ไขปัญหาธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ควรมีมาตรการที่เป็นรูปธรรมและชัดเจนในการเตรียมการแก้ไขปัญหาและรับมือกับสถานการณ์หรือการป้องกันการบริหารหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ สำหรับการดำเนินการเพื่อรองรับร่างพระราชบัญญัติการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐ พ.ศ. .... ควรเตรียมการจัดทำแผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจและหลักเกณฑ์การประเมินผลบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ส่วนกรณีขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ นั้น ให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพพิจารณาจัดทำแผนปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และเพิ่มรายได้จากการบริการ รวมทั้งเร่งรัดการแก้ไขปัญหาอุปสรรคและปรับปรุงระบบการบริหารการเงินให้เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 1771 | ขอความเห็นชอบและลงนามพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ 7 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน | กค | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ ๗ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน และตารางข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ซึ่งเป็นภาคผนวกแนบท้ายพิธีสารฯ โดยร่างพิธีสารฯ มีสาระสำคัญเป็นการขยายความร่วมมือด้านการค้าบริการระหว่างประเทศสมาชิก โดยลดหรือยกเลิกข้อจำกัดที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าบริการภายใต้กรอบอาเซียนให้มากกว่าที่เปิดเสรีตามกรอบองค์การการค้าโลก และประเทศสมาชิกจะให้สิทธิประโยชน์ตามตารางข้อผูกพันแก่ประเทศสมาชิกอื่น ตามหลักการให้การประติบัติเยี่ยงชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง (Most-Favored Nation Treatment : MFN) รวมถึงการดำเนินการภายใต้กรอบการรวมตัวภาคการธนาคารของอาเซียน (ASEAN Banking Integration Framework : ABIF) ที่ระบุให้ประเทศสมาชิกตั้งแต่สองประเทศหรือมากกว่านั้นอาจดำเนินการเจรจาและตกลงเปิดเสรีสาขาการธนาคารของประเทศตน โดยแต่ละประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมการเจรจาอาจสรุปผลการเจรจา ณ เวลาใดก็ได้ ส่วนตารางข้อผูกพันฯ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงตารางข้อผูกพันในสาขาย่อยประกันชีวิต (Life Insurance) และประกันวินาศภัย (Non-life Insurance) ในส่วนของข้อจำกัดการเข้าสู่ตลาด เฉพาะใน Mode 3 (การเข้าสู่ตลาดในรูปแบบการจัดตั้งธุรกิจ) โดยได้ปรับปรุงข้อผูกพันในเรื่องสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาติและเรื่องสัดส่วนกรรมการที่ไม่มีสัญชาติไทยให้เท่ากับกฎหมายที่บังคับใช้ในปัจจุบัน ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามร่างพิธีสารฯ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารฯ ๔. ในชั้นการให้สัตยาบันพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ ๗ ให้กระทรวงการคลังเสนอพิธีสารดังกล่าวเพื่อขอความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป ๕. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดทำสัตยาบันสารของพิธีสารฯ และส่งมอบให้สำนักเลขาธิการอาเซียน เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเห็นชอบพิธีสารฯ แล้ว |
|||||||||||||||||||||
| 1772 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวนเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองเป็นการทั่วไป พ.ศ. .... | กค | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขขั้นตอนกระบวนการจ่ายคืนเงินฝากแก่ผู้ฝากเงิน กระบวนการดำเนินงานของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวนเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองเป็นการทั่วไป พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดระดับวงเงินความคุ้มครองเงินฝากเป็นการทั่วไปใหม่ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาตามที่กระทรวงการคลังเสนอ (ตามหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค ๑๐๐๘/๗๕๙๗ ลงวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙) และให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการตรวจสอบระบบการเชื่อมโยงข้อมูลของสถาบันคุ้มครองเงินฝากและสถาบันการเงินให้มีความสมบูรณ์ การตรวจสอบรายงานฐานะทางการเงินของสถาบันการเงินอย่างรอบคอบ การพิจารณาทบทวนอัตราการนำส่งเงินของสถาบันการเงินให้มีความเหมาะสมกับสภาวะทางเศรษฐกิจและความเสี่ยงในระบบสถาบันการเงิน รวมทั้งการให้สถาบันคุ้มครองเงินฝากชี้แจงรายละเอียดของเงินคืนรวมถึงการหักหนี้ให้ผู้ฝากได้รับทราบอย่างชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 1773 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 งบกลาง เพิ่มเติม (โครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ) | กห | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป จำนวน ๖๒๕,๙๕๗,๒๐๐ บาท ให้กองทัพบก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๘๔ โครงการ ต่อไป ตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 1774 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรี | อื่นๆ | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงาน และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงคมนาคมรับข้อสังเกตตามผลการประชุมเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตกร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดไปพิจารณาดำเนินการต่อไป สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลการประชุมเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตกร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๙ ณ จังหวัดเพชรบุรี ที่ประชุมมีข้อสังเกตว่าควรเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น การแก้ปัญหาภัยแล้ง เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาเร่งรัดการดำเนินโครงการพัฒนาระบบผันน้ำเชื่อมโยง ๒ จังหวัด จากแม่น้ำเพชรบุรีถึงอ่างเก็บน้ำห้วยมงคล (เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์) ระยะทางประมาณ ๔๒ กิโลเมตร เพื่อสนับสนุนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และการปรับปรุงเส้นทางคมนาคมทางบก เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมปรับปรุงเส้นทางโดยเฉพาะในจุดที่เป็นเส้นทางท่องเที่ยวสำคัญ เช่น การทำทางยกระดับเพื่อแก้ปัญหาการจราจรบริเวณถนนพระราม ๒ และเร่งปรับปรุงซ่อมแซมเส้นทางที่ชำรุดทรุดโทรมโดยเฉพาะเส้นทางสายหลักสู่ภาคใต้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวและประชาชน ๑.๒ การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและการแก้ไขปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวคุณภาพ สร้างศักยภาพการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยมีเป้าหมายในการรักษาฐานการท่องเที่ยวของประเทศ เพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ และเพิ่มการกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนท้องถิ่นอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ๒. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานว่า ๒.๑ ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน ITU Telecom World 2016 ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยการจัดงานในครั้งนี้จะเป็นการสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย และเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าร่วมงานดังกล่าวได้ เช่น วิสาหกิจเริ่มต้น (Start Up) วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ๒.๒ ในการเป็นผู้แทนนายกรัฐมนตรีเพื่อเปิดการสัมมนาเพื่อเสริมสร้างธรรมาภิบาลให้กับคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด และเครือข่าย ๘ จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙ ได้ชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและความห่วงใยในความเดือดร้อนของประชาชน เช่น นโยบายประชารัฐ มาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว พร้อมทั้งได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ กับผู้เข้าสัมมนาด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 1775 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางเพิ่มเติมเพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงโครงการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการบ้านประชารัฐ ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวต้องคำนึงถึงความสามารถและฐานะของสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการในอนาคตด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปรับปรุงเส้นทางคมนาคมทางบก โดยเฉพาะในจุดที่เป็นเส้นทางท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ทางยกระดับเพื่อแก้ปัญหาการจราจรบริเวณถนนพระราม ๒ เส้นทางสายหลักสู่ภาคใต้ที่ชำรุดทรุดโทรม เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวและประชาชน ๑.๓ ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินโครงการเพื่อสนับสนุนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เช่น พัฒนาระบบผันน้ำเชื่อมโยง ๒ จังหวัด จากแม่น้ำเพชรบุรีถึงอ่างเก็บน้ำห้วยมงคล (จังหวัดเพชรบุรี-จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) ๑.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาแนวทางการส่งเสริมเมล็ดพันธุ์ข้าวให้เกษตรกร โดยหาวิธีอื่นแทนการแจกเมล็ดพันธุ์ เช่น การนำเมล็ดพันธุ์ดีไปแลกเมล็ดพันธุ์ของเกษตรกร ๒. ด้านการต่างประเทศ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำสรุปกรอบความร่วมมือในภารกิจสำคัญที่ประเทศไทยร่วมมือกับต่างประเทศในระดับต่าง ๆ เช่น กรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) กรอบความร่วมมืออาเซียน กรอบความร่วมมือในกลุ่มประเทศกัมพูชา-ลาว-เมียนมา-เวียดนาม (CLMV) กรอบความร่วมมือกับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในองค์การสหประชาชาติ (Group of 77 : G77) กรอบความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ โดยจัดทำกรอบระยะเวลาการดำเนินการให้ชัดเจนว่ากิจกรรมใดจะต้องดำเนินการภายในช่วงการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล (ภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐) และกิจกรรมใดจะต้องส่งต่อให้รัฐบาลชุดต่อไป โดยให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการจัดทำแผนงานในภารกิจหลักของหน่วยงานระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) ส่งให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรวบรวมนำเสนอนายกรัฐมนตรี รวมทั้งมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านจัดทำแผนการปฏิรูปภารกิจที่สำคัญในความรับผิดชอบที่จะดำเนินการในช่วงปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ โดยให้มีแผนที่นำทาง (Roadmap) ในแต่ละภารกิจที่ชัดเจน จำแนกเป็นภารกิจหลัก ภารกิจรอง และภารกิจเสริม โดยให้ความสำคัญกับการบูรณาการทั้งในเชิงการบริหารงานและการบริหารงบประมาณ ความพร้อมในด้านกฎหมาย การกำหนดกลไกการขับเคลื่อนการวางแผนการบริหารจัดการในระยะยาวอย่างเป็นระบบ การบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน นั้น ให้ดำเนินการ ๓.๑.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านกำกับให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว โดยในการจัดทำ Roadmap ให้คำนึงถึงความเป็นไปได้ในการดำเนินการให้แล้วเสร็จในช่วงปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ เป็นสำคัญ และให้พิจารณาในด้านต่าง ๆ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เช่น การเกษตร การบริหารจัดการน้ำ ระบบโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ การศึกษา สาธารณสุข เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ความมั่นคง การค้าการลงทุน การสนับสนุนวิสาหกิจเริ่มต้น (Start Up) ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การจัดระเบียบพื้นที่ ระบบการคมนาคมขนส่ง การจัดการเมืองใหญ่ การบริหารจัดการแรงงานทั้งในและต่างประเทศ กฎหมายและการแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา การอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ ทั้งนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านส่ง Roadmap ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) ในฐานะประธานกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ภายในสัปดาห์หน้าเพื่อรวบรวมนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๓.๑.๒ ให้ทุกส่วนราชการดำเนินการเกี่ยวกับภารกิจที่สำคัญในความรับผิดชอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งภารกิจที่เป็นประโยชน์โดยตรงต่อประชาชนหรือเรื่องที่สมควรสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน โดยจัดทำสื่อวีดิทัศน์เผยแพร่ภารกิจในลักษณะดังกล่าวส่งให้กรมประชาสัมพันธ์เพื่อนำไปออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติหรือรายการเดินหน้าประเทศไทย รวมทั้งเชื่อมโยงข้อมูลภารกิจในลักษณะดังกล่าว และ Application ในความรับผิดชอบกับศูนย์กลางแอปพลิเคชันภาครัฐ (Government Application Center : GAC) ๓.๒ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๙ ให้ทุกส่วนราชการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายต่าง ๆ โดยใช้กลไกประชารัฐในการขับเคลื่อนตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรีเสนอ นั้น ในการจัดทำโครงการหรือดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของส่วนราชการในระยะต่อไป ให้ส่วนราชการเชิญคณะกรรมการสานพลังประชารัฐและคณะทำงาน ๑๒ คณะ ภาคธุรกิจ เข้าร่วมตามความเหมาะสมด้วย เพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ตามแนวทางประชารัฐอย่างมีประสิทธิภาพ ๓.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการจัดหารถไฟฟ้าสำหรับโครงการระบบรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Rail Link) และพิจารณาเพิ่มเติมสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานี เช่น ลิฟท์ และทางลาดสำหรับผู้โดยสารที่มีสัมภาระ รวมทั้งพิจารณาช่องทางการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนอื่น โดยให้คำนึงถึงความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนเป็นหลัก
|
|||||||||||||||||||||
| 1776 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ตช | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งของผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจไม่น้อยกว่าสองปี และการกำหนดหลักเกณฑ์ในระหว่างวาระแรกของการดำรงตำแหน่ง ห้ามมิให้แต่งตั้งหรือโยกย้ายผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้นำข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ มาเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินการร่างกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ. .... ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎ ก.ตร. ดังกล่าวให้สอดคล้องกับกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1777 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี | กต | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ เกี่ยวกับการปรับปรุงองค์ประกอบ และ/หรืออำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีในความรับผิดชอบของกระทรวงการต่างประเทศ รวม ๒๙ คณะ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 1778 | การขอเช่าที่ดินเพื่อใช้เป็นที่ทำการศาลแขวงบางบอน | ศย | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้สำนักงานศาลยุติธรรมเช่าที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อใช้เป็นที่ทำการศาลแขวงบางบอน โฉนดเลขที่ ๖๖๖๓๔ แปลงหมายเลข ๑๓๘ เนื้อที่ประมาณ ๖ ไร่ ๑ งาน ๗๖.๒๖ ตารางวา (๒,๕๗๖.๒๖ ตารางวา) ระยะเวลา ๑๓ ปี ๙ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๗๓ กำหนดอัตราเช่า ช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๐ กำหนดอัตราค่าเช่าผ่อนปรนร้อยละ ๑.๕ ของมูลค่าที่ดิน เป็นค่าเช่าเดือนละ ๖๔,๔๑๐ บาท หรือค่าเช่าปีละ ๗๗๒,๙๒๐ บาท และตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ กำหนดอัตราค่าเช่าไม่เกินร้อยละ ๒ ของมูลค่าที่ดิน โดยใช้ราคาประเมินราชการ สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ดินดังกล่าว เห็นควรให้สำนักงานศาลยุติธรรมปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการ พร้อมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมให้เป็นไปตามสัญญาในแต่ละปีงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงานศาลยุติธรรมดำเนินการผูกพันงบประมาณล่วงหน้าเกินกว่า ๕ ปี เป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายไปด้วยในคราวเดียวกัน ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
| 1779 | การปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์การหักค่าใช้จ่ายสำหรับเงินได้พึงประเมิน การหักลดหย่อน จำนวนเงินได้พึงประเมินที่ผู้มีเงินได้ต้องยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมิน และอัตราภาษีเงินได้สำหรับบุคคลธรรมดา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การหักค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์ หรือสิทธิอย่างอื่น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรวิเคราะห์ถึงภาระภาษีที่แท้จริงของผู้มีหน้าที่เสียภาษีในแต่ละช่วงชั้นรายได้ เพื่อให้สามารถพิจารณาผลกระทบของการปรับปรุงการหักค่าใช้จ่าย ค่าลดหย่อน และการปรับปรุงบัญชีอัตราภาษีต่อการกระจายรายได้ระหว่างผู้มีหน้าที่ต้องชำระภาษีในช่วงชั้นรายได้ต่าง ๆ การเตรียมแนวทางในการลดผลกระทบจากการปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่จะส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล โดยเฉพาะการเร่งรัดการขยายฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล การเร่งรัดศึกษาความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการนำนโยบายการจัดสรรเงินโอนให้ผู้มีรายได้น้อย (Negative Income Tax) มาใช้ในประเทศ และการกำหนดให้ประชาชนผู้มีรายได้ทุกคนต้องยื่นแบบเพื่อชำระภาษี นอกจากนี้ การปรับปรุงบัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่นำเสนอ ควรคำนึงถึงการบรรเทาภาระรายจ่ายภาษีให้แก่ผู้มีรายได้น้อย และความสอดคล้องตามหลักการของโครงสร้างอัตราภาษีก้าวหน้าอย่างแท้จริง อีกทั้งการปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ในภาพรวมของรัฐบาล จึงควรพิจารณาสัดส่วนของความเป็นธรรมที่ประชาชนจะได้รับกับรายได้ของรัฐที่เสียไปที่อาจส่งผลกระทบต่อความเพียงพอและความเหมาะสมในการจัดบริการสาธารณะของรัฐที่ผ่านกลไกของการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี รวมทั้งมาตรการทางภาษีอื่นใดที่จะนำมาทดแทนกับภาษีบุคคลธรรมดาที่สูญเสียไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 1780 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ญี่ปุ่น | คค | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ฉบับลงนาม วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงสิทธิการบินต่าง ๆ ได้แก่ เส้นทางการบิน สิทธิความจุความถี่ สิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๕ การปรับปรุงข้อบทการทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน และความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศ รวมทั้งร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและญี่ปุ่น ๒. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ |
|||||||||||||||||||||
.....
