ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 88 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 1741 - 1760 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1741 | รายงานผลการพิจารณาศึกษาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับโทษปรับการรอการกำหนดโทษและรอการลงโทษ และแก้ไขเพิ่มเติม เกี่ยวกับโทษของผู้ใช้และผู้ถูกใช้) | ยธ | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับโทษปรับ การรอการกำหนดโทษและรอการลงโทษ และแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับโทษของผู้ใช้และผู้ถูกใช้) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ดังนี้
๑. ประเด็นที่เกี่ยวกับการปรับปรุงอนุบัญญัติเพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามบทบัญญัติมาตรา ๓๐/๑ ที่แก้ไขใหม่ สำนักงานศาลยุติธรรมได้ตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการเตรียมการรองรับไว้แล้ว สำหรับการประชาสัมพันธ์ให้จำเลยและบุคคลที่เกี่ยวข้องทราบถึงสิทธิที่จะขอทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับตามบทบัญญัติที่แก้ไขใหม่นั้น กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุมประพฤติและกรมราชทัณฑ์จะเป็นผู้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ประเด็นที่เสนอให้ควรที่จะมีการพิจารณาทบทวนอัตราการกักขังแทนค่าปรับทุก ๆ ห้าปี เพื่อให้อัตราการกักขังแทนค่าปรับสอดคล้อง กับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น เห็นว่าสอดคล้องตามพระราชกฤษฎีกาการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๘ แล้ว ทั้งนี้ กระทรวงยุติธรรมจะดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบสรุปสาระสำคัญของกฎหมายดังกล่าวทั้งฉบับต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 1742 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิชุมชน กรณีโครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ในพื้นที่จังหวัดน่าน เพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการเหมืองและโรงไฟฟ้าพลังความร้อนหงสาลิกไนต์ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) | พน | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิชุมชนกรณีโครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ในพื้นที่จังหวัดน่าน เพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการเหมืองและโรงไฟฟ้าพลังความร้อนหงสาลิกไนต์ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งกระทรวงพลังงานได้สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย โดยได้ดำเนินการให้มีการปรับปรุงแผนพลังงาน จัดทำแผนปฏิบัติการ (Action plan) มีการเพิ่มเป้าหมายพลังงานทดแทน มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและเห็นควรจัดตั้งกลไกหรือกำหนดภารกิจการกำกับดูแลการลงทุนในต่างประเทศของผู้ลงทุนสัญชาติไทย และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรสนับสนุนให้มีกลไกหารือหรือกำหนดภารกิจของรัฐในการกำกับดูแลภาคเอกชนให้เคารพต่อหลักการพื้นฐานด้านสิทธิมนุษยชนมากขึ้น และควรมีการหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมพิจารณารูปแบบกลไกที่เหมาะสม นอกจากนี้ การพิจารณาโครงการผลิตพลังงานต้องจัดให้มีการกำจัดมลพิษที่มีประสิทธิภาพและต้องดำเนินการป้องกันปัญหามลพิษทุกด้านอย่างเข้มงวด รวมทั้งการกำจัดมลพิษและการสื่อสารข้อมูลสิ่งแวดล้อมกับชุมชน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1743 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับคดีปกครอง) | ศป | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับคดีปกครอง) เกี่ยวกับการปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงานในด้านการบริหารจัดการคดีให้มีความรวดเร็วและชัดเจน รวมทั้งการเพิ่มจำนวนตุลาการศาลปกครองให้มากขึ้น เพื่อเร่งรัดคดีค้างการพิจารณาให้มีจำนวนน้อยลง ซึ่งสำนักงานศาลปกครองได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ศาลปกครอง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑ และแผนด้านการพัฒนาบุคลากร พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑ ในด้านการบริหารจัดการเกี่ยวกับการพิจารณาและพิพากษาคดีปกครองให้มีมาตรฐานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้คดีค้างการพิจารณามีจำนวนลดน้อยลง เพื่อให้การพิจารณาพิพากษาคดีมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น และเมื่อร่างพระราชบัญญัติฯ มีผลใช้บังคับแล้ว การบังคับคดีเพื่อให้มีการปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครองจะรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ศาลปกครองได้คัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการศาลปกครองชั้นต้น และพนักงานคดีปกครอง และได้ทยอยบรรจุแต่งตั้งตามกรอบงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร แต่อัตรากำลังที่ได้มายังมีปริมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณคดีปกครองจำนวนมากที่เข้าสู่การพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ซึ่งมีเหตุผลทางด้านงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรมาอย่างจำกัด เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวอันจะทำให้การพิจารณาพิพากษาคดีเสร็จสิ้นได้โดยเร็ว จึงต้องได้รับการจัดสรรงบประมาณในส่วนที่เกี่ยวกับอัตรากำลังของตุลาการศาลปกครองและบุคลากรของสำนักงานศาลปกครองเพิ่มเติม ตามที่สำนักงานศาลปกครองเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1744 | การแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร จำนวน 478 ราย ตามโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร (คปร.) และโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร (ผกก.) | กษ | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติปรับโครงสร้างหนี้ของเกษตรกรตามโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร (คปร.) และโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร (ผกก.) ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน จำนวน ๔๗๘ ราย เป็นเงิน ๖๑.๘๘ ล้านบาท (เงินต้น ๔๔.๙๖ ล้านบาท และดอกเบี้ย ๑๖.๙๒ ล้านบาท) ตามมติคณะกรรมการบริหารสินเชื่อเกษตรกรแห่งชาติ ในคราวประชุมเมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ โดยแนวทางการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เกษตรกร ให้นำกรอบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ มาใช้ดำเนินการ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการติดตามผลการชำระคืนเงินให้เสร็จสิ้นตามระยะเวลาที่กำหนด การสนับสนุนองค์ความรู้และแนวทางการพัฒนาอาชีพและรายได้ให้กับเกษตรกรกลุ่มนี้เพื่อให้สามารถนำเงินมาชำระคืนและเหลือเพียงพอในการฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพและรายได้อย่างยั่งยืน การให้ความสำคัญกับการปรับปรุงกระบวนการประชาสัมพันธ์และการเข้าถึงเกษตรกรเพื่อชี้แจงภารกิจและวิธีดำเนินการในการพัฒนาและให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในทุก ๆ ด้าน เพื่อให้เกษตรกรในทุกพื้นที่ได้รับทราบถึงนโยบายและมาตรการของรัฐอย่างทั่วถึงและมีความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงกันตามเจตนารมณ์ของภาครัฐ การให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของเกษตรกรในการร่วมพิจารณาและจัดทำโครงการตั้งแต่ต้นเพื่อให้ได้โครงการที่ตรงกับความต้องการของเกษตรกรและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด และเกษตรกรมีศักยภาพและมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมโครงการอย่างแท้จริง รวมทั้งการปรับปรุงข้อมูลหนี้สินของเกษตรกรที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนทั้ง ๔๗๘ ราย ให้ทันสมัย เนื่องจากพบว่ามีบางรายชำระหนี้แล้ว และเกษตรกรจะต้องมาขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับความช่วยเหลือภายใน ๓ เดือน นับจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ตามกรอบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินฯ ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลังตรวจสอบข้อมูลสถานะหนี้สินของเกษตรกรให้เป็นปัจจุบัน รวมทั้งเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรที่เหมาะสมในระยะยาวเพื่อให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นไปอย่างยั่งยืน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 1745 | ขออนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมประมง (แห่งราชอาณาจักรไทย) กับหน่วยงานสำนักงานเฝ้าระวังสุขอนามัยพืช และสัตว์ (แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย) ด้านการควบคุมความปลอดภัยผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่จับจากธรรมชาติและผลิตภัณฑ์จากการเพาะเลี้ยงที่นำเข้าและส่งออก | กษ | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมประมง (แห่งราชอาณาจักรไทย) กับหน่วยงานสำนักงานเฝ้าระวังสุขอนามัยพืชและสัตว์ (แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย) ด้านการควบคุมความปลอดภัยผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่จับจากธรรมชาติและผลิตภัณฑ์จากการเพาะเลี้ยงที่นำเข้าและส่งออก โดยบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาความร่วมมือในการควบคุมความปลอดภัยสินค้าสัตว์น้ำ และการยอมรับความเท่าเทียมของระบบตรวจรับรองของทั้งสองหน่วยงาน ๑.๒ อนุมัติให้รองอธิบดีกรมประมง (นางสาวจูอะดี พงศ์มณีรัตน์) เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ เนื่องจากอธิบดีกรมประมงติดภารกิจสำคัญ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินงานตามบันทึกความเข้าใจฯ ทั้งในส่วนการกำกับดูแลและการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐให้เป็นไปตามบันทึกความเข้าใจฯ อย่างเคร่งครัด และการชี้แจงทำความเข้าใจในขั้นตอนการดำเนินงานให้กับผู้ประกอบการภาคเอกชนอย่างทั่วถึง ตลอดจนการร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกและสนับสนุนให้ภาคเอกชนใช้โอกาสจากบันทึกความเข้าใจฯ ในการปรับปรุงระบบการผลิต แปรรูป และส่งออกให้สอดคล้องตามมาตรฐานที่กำหนด รวมทั้งสามารถขยายตลาดสินค้าและผลิตภัณฑ์ประมงไปยังสหพันธรัฐรัสเซียมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 1746 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำตามนโยบายรัฐบาลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559 | กห | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป จำนวน ๕๓๙,๗๙๖,๖๐๐ บาท ให้กองบัญชาการกองทัพไทยและกองทัพบกเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำตามนโยบายรัฐบาลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า โครงการควรสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น เพื่อการสร้างงานและกระจายรายได้ให้กับประชาชนและชุมชนในพื้นที่ดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
| 1747 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการปรับปรุงการยกเว้นเงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทน) | กค | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบหลักการปรับปรุงการยกเว้นภาษีเงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ผู้มีเงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทนให้แก่บุตรชอบด้วยกฎหมายซึ่งไม่รวมถึงบุตรบุญธรรมจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเฉพาะเงินได้จากการโอนให้แก่บุตรชอบด้วยกฎหมายนั้น ในส่วนที่ไม่เกิน ๒๐ ล้านบาท ๑.๒ การเสียภาษีเงินได้ในส่วนของเงินได้พึงประเมินที่ไม่ได้รับยกเว้นตามมาตรา ๔๒(๒๖) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้คิดเฉพาะเงินได้ที่ได้รับมาตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๐) พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทนให้แก่บุตรชอบด้วยกฎหมายซึ่งไม่รวมถึงบุตรบุญธรรม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 1748 | การยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ลูกหนี้สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการปลดหนี้ของสถาบันการเงิน (ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญ จากบัญชีลูกหนี้) | กค | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ลูกหนี้สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการปลดหนี้ของสถาบันการเงิน มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ลูกหนี้สำหรับเงินได้ที่ได้จากการปลดหนี้ของสถาบันการเงินตามหลักเกณฑ์การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ลูกหนี้ของสถาบันการเงิน (รวมถึงผู้ค้ำประกันของลูกหนี้) สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการปลดหนี้ของสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน สถาบันการเงินของรัฐที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น บริษัทบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์ และนิติบุคคลอื่นที่อธิบดีประกาศกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี สำหรับการปลดหนี้ที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๘ ๒.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ของเจ้าหนี้ซึ่งเป็นสถาบันการเงินในส่วนของหนี้ที่เจ้าหนี้ดังกล่าวได้ปลดหนี้ให้แก่ลูกหนี้ที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ไม่ต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์การจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๘๖ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ |
|||||||||||||||||||||
| 1749 | รายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่าง เดือนตุลาคม - ธันวาคม 2558) | ทส | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๘) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นเรื่องที่เป็นหลักการ ๑.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ/องค์การมหาชน จากงบประมาณทั้งสิ้น ๓๗,๕๔๒.๙๖๑๕ ล้านบาท เบิกจ่ายได้ ๔,๕๔๖.๙๗๔๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๒ ๑.๒ การเจรจาหรือจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ได้แก่ การประชุม Ad Hoc Working Group on the Durban Platform for Enhanced Action (ADP) การประชุมอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๓ การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๑๔ การประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๒ การจัดทำความร่วมมือทวิภาคี Joint Crediting Mechanism (JCM) ไทย-ญี่ปุ่น บันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในสาขาทรัพยากรน้ำระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงน้ำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ๑.๓ การจัดทำโครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการ ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ อย่างเคร่งครัด การประกาศเชิญชวนผู้ที่สนใจได้ทราบล่วงหน้าในระบบ e-GP และเว็บไซต์ของหน่วยงานให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้องและดำเนินการอย่างโปร่งใส การจัดทำมาตรการป้องกันและลดโอกาสการทุจริตและประพฤติมิชอบ แจ้งเวียนขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง และจัดเวทีแสดงความคิดเห็นของประชาชน ๑.๔ การเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รวมจำนวน ๒๐ ฉบับ ประกอบด้วย ร่างพระราชบัญญัติ ๑๘ ฉบับ และร่างพระราชกฤษฎีกา ๒ ฉบับ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการทั้ง ๓ ประการ คือ (๑) ต้องเป็นการแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่แท้จริงของการบังคับใช้กฎหมาย (๒) พึงระวังการแก้ไขกฎหมายที่เป็นการเพิ่มอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ และ (๓) ให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจถึงหลักการและเหตุผลด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ๑.๕ การแต่งตั้งคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจ ได้แจ้งรัฐวิสาหกิจในสังกัดถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ โดยเคร่งครัด ๒. เรื่อง/โครงการสำคัญเร่งด่วน ๒.๑ การปรับโครงสร้างและการบริหารจัดการด้านพลังงาน อยู่ระหว่างเตรียมการจัดทำโครงการสร้างโรงไฟฟ้าจาก RDF (Refuse Derived Fuel) ในพื้นที่ทหาร โดยให้เอกชนลงทุน ๒.๒ การบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของประเทศ การจัดทำโครงการแก้มลิงเพื่อเป็นพื้นที่กักเก็บน้ำ โดยใช้พื้นที่ราชพัสดุ พื้นที่ราชการหรือพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเพื่อการอุปโภค บริโภค และนิคมอุตสาหกรรม ๒.๓ การแก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตรในระยะยาวและการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) การดำเนินการกำหนดแนวทางและมาตรการเชิงรุกในการดำเนินการแก้ไขปัญหาพืชผลทางการเกษตรในระยะยาวเป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒.๔ การจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร โดยดำเนินการ ๒ แนวทาง ได้แก่ แนวทางการจัดหาที่ดินให้แก่เกษตรกรในลักษณะที่ไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินแต่อนุญาตให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จากที่ดินประเภทต่าง ๆ และแนวทางการจัดพื้นที่ทำกินในลักษณะป่าเศรษฐกิจตามแนวทางโครงการธนาคารอาหารชุมชนตามพระราชดำริ (Food Bank) ๒.๕ การจัดการขยะมูลฝอยและน้ำเสีย องค์การจัดการน้ำเสียได้ดำเนินการโครงการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสีย โดยสามารถบำบัดน้ำได้ตามมาตรฐานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดไว้ก่อนระบายลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ และกรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติงานการดำเนินงานตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ๒.๖ การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม ได้ดำเนินงานร่วมกับศูนย์บริการร่วม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในการให้บริการประชาชนเกี่ยวกับการรับแจ้งเรื่องร้องเรียน และประสานส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขตามอำนาจหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๒.๗ การรวบรวมกฎหมายระเบียบที่ล้าสมัยหรือเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและพิจารณาความจำเป็นเร่งด่วนและจัดลำดับความสำคัญของร่างกฎหมาย ดำเนินการปรับปรุงกฎหมายเดิมและเสนอร่างกฎหมายใหม่ จำนวน ๒๐ ฉบับ ซึ่งประกาศใช้แล้ว ๕ ฉบับ และอยู่ระหว่างดำเนินการ เช่น ร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และซากผลิตภัณฑ์อื่น พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
| 1750 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุง กฎหมาย เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม กรณีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 และพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และเสรีภาพของสื่อมวลชนกรณีการสั่งระงับรายการวิทยุและ โทรทัศน์ สถานีวิทยุ เว็บไซต์ และการสั่งปิดโรงพิมพ์ | สม | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม กรณีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ และพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ และเสรีภาพของสื่อมวลชน กรณีการสั่งระงับรายการวิทยุและโทรทัศน์ สถานีวิทยุ เว็บไซต์ และการสั่งปิดโรงพิมพ์ โดยเสนอให้มีการยกเลิกการบังคับใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ ในทุกพื้นที่ โดยพิจารณาประกาศใหม่ในบางพื้นที่ที่จำเป็น และประกาศยกเลิกทันทีที่ความจำเป็นสิ้นสุด การลดระดับการใช้กฎหมายความมั่นคง เพื่อกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนให้น้อยลง รวมทั้งปรับปรุงกฎหมาย พระราชบัญญัติที่เกี่ยวกับความมั่นคง ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 1751 | ข้อเสนอการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2560 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ในวงเงินจำนวน ๑,๕๗๔.๕๘๐ ล้านบาท และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในวงเงินจำนวน ๓,๒๙๘.๙๓๓ ล้านบาท ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคม ขสมก. และ รฟท. รับข้อสังเกตของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะในการจัดทำข้อเสนอการขอรับการอุดหนุนบริการสาธารณะและการปรับปรุงการดำเนินงาน โดยการจัดทำงบประมาณการค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนการให้บริการในการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะในทุก ๆ ปี กระทรวงคมนาคมในฐานะกระทรวงเจ้าสังกัดที่พิจารณาข้อเสนอเบื้องต้นควรตรวจสอบและกำกับให้ ขสมก. และ รฟท. จัดทำข้อเสนอโดยคำนึงถึงหลักความสมเหตุสมผลและสะท้อนต้นทุนจริงในการบริการสาธารณะด้วย และ ขสมก. และ รฟท. ควรมีการปรับปรุงโครงสร้างการให้บริการและบริหารความเสี่ยงในการให้บริการสาธารณะ รวมถึงบริการประเภทอื่นในระยะยาว เพื่อให้มีต้นทุนการให้บริการที่เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ และการขนส่งสาธารณะในอนาคตที่เปลี่ยนแปลงไป ๒. ให้กระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. และ รฟท. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางหรือมาตรการในการพิจารณาให้เงินอุดหนุนเพิ่มเติม กรณีที่ผลการดำเนินงานจริงจากการให้บริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจมีต้นทุนด้านราคาน้ำมันเพิ่มสูงกว่าที่กำหนดไว้ เพื่อให้เป็นไปตามหลักการการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะอย่างแท้จริง และให้ ขสมก. และ รฟท. ปรับโครงสร้างการบริหารงานและการบริการประชาชน โดยให้มีผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด เพื่อแก้ปัญหาจากการขาดทุนการให้บริการดังกล่าว รวมทั้งรายงานผลการปรับปรุงโครงสร้างให้คณะรัฐมนตรีทราบ ในการขอรับเงินอุดหนุนในปีงบประมาณครั้งต่อไป และการดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมกำกับให้ ขสมก. และ รฟท. เร่งดำเนินการเพื่อขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีในปีต่อ ๆ ไป ของ ขสมก. และ รฟท. ให้รวดเร็วและสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ [เรื่อง ขออนุมัติหลักการเกี่ยวกับการดำเนินการด้านการเงินของโครงการที่เกี่ยวข้องกับบริการสาธารณะ (PSO) และโครงการอุดหนุนมาตรการลดค่าครองชีพ] ที่ให้คณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะพิจารณาข้อเสนอเงินอุดหนุนบริการสาธารณะของ ขสมก. และ รฟท. เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี และเร่งรัดให้ทั้งสองหน่วยงานจัดทำสรุปรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๔. ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศและกระทรวงคมนาคมเร่งรัดพิจารณาแนวทางการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางในภาพรวมทั้งระบบให้มีความชัดเจน ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางตามมาตรการใหม่) และวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก ๖ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘-๓๐ เมษายน ๒๕๕๙) เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 1752 | การให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิต ปี 2558/2559 | อก | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการให้ความช่วยเหลือด้านปัจจัยการผลิตแก่ชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิต ปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ โดยให้เงินช่วยเหลือกับชาวไร่อ้อยในอัตรา ๑๖๐ บาทต่อตันอ้อย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวไร่อ้อยจากภาวะภัยแล้ง เป็นการชั่วคราวเฉพาะฤดูการผลิตนี้ ตามมติคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ๑.๒ อนุมัติให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรหรือธนาคารพาณิชย์อื่น ตามนัยมาตรา ๒๗ (๖) แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ ตามปริมาณอ้อยที่เข้าหีบในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ จำนวน ๙๔,๐๔๗,๐๔๑.๕๖๒ ตัน วงเงินประมาณ ๑๕,๐๔๗,๕๒๖,๖๔๙.๙๒ บาท หรือจำนวนเงินที่จะต้องจ่ายจริงตามปริมาณอ้อยที่เข้าหีบในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ เพื่อจ่ายให้กับชาวไร่อ้อย แล้วนำเงินรายได้ของกองทุนฯ ที่ได้รับจากการขายน้ำตาลทรายโควตา ก. และเงินรักษาเสถียรภาพอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของกองทุนฯ ตามมติคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายมาชำระหนี้ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมควบคุม ตรวจสอบ กำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยให้ถึงมือชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ์ให้ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ มีการบันทึกบัญชีให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยเป็นลูกหนี้ของกองทุนฯ และให้มีข้อมูลลูกหนี้แยกเป็นรายให้ชัดเจน อีกทั้งจัดระบบควบคุม ตรวจสอบ และกำกับดูแล โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการด้วย ๑.๓ เห็นชอบในหลักการของข้อเสนอแนวทางการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑) การปรับปรุงพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย รวมทั้งกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ครอบคลุมการนำอ้อยไปผลิตเอทานอลและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้ (๒) การเพิ่มผลิตภาพอ้อยและน้ำตาลทราย (๓) การกำหนดต้นทุนมาตรฐานอ้อยและน้ำตาลทราย และมาตรฐานการผลิตน้ำตาลทราย (๔) การรักษาเสถียรภาพกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย และ (๕) การจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาอ้อยและน้ำตาลทราย และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรควบคุม ตรวจสอบ กำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยให้ถึงมือชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ์ให้ถูกต้องโดยเร็ว อีกทั้งจัดระบบควบคุมตรวจสอบและกำกับดูแลโดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการด้วย และควรปรับปรุงข้อเสนอแนวทางการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายให้มีรายละเอียดที่มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และมีการหารือกับผู้มีส่วนได้เสียและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการยอมรับร่วมกัน ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานกระทรวงพาณิชย์ (กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามความคืบหน้าในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามข้อกำหนดขององค์การการค้าโลก (WTO) (การอุดหนุนราคาน้ำตาลในตลาดโลก) เพื่อประกอบการจัดทำแผนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายให้เกิดผลเป็นรูปธรรมได้โดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ ให้นำเสนอแผนดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ |
|||||||||||||||||||||
| 1753 | มาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย | กก | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการในการสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ในรูปแบบคืนเงิน (Cash Rebate) และหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข สำหรับมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยในรูปแบบมาตรการคืนเงิน (Cash Rebate) และมอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาการจัดหาแหล่งเงินทุนและหลักเกณฑ์ในการดำเนินการ เช่น เงินกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยหารือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถดำเนินการได้โดยมีกฎหมาย กฎ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีรองรับอย่างถูกต้อง เหมาะสม และเป็นประโยชน์ต่อประเทศอย่างแท้จริง แล้วรายงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) และคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณารายละเอียดการให้สิทธิประโยชน์ในการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยอย่างรอบคอบและรอบด้าน และอยู่ในกรอบของกฎหมาย กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของภาครัฐและไม่ซ้ำซ้อนกับสิทธิประโยชน์ที่ผู้ผลิตภาพยนตร์ชาวต่างชาติได้รับอยู่แล้ว ปราศจากความเหลื่อมล้ำ และต้องคำนึงถึงผลกระทบในมิติต่าง ๆ เช่น ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ความมั่นคง และวัฒนธรรมประกอบด้วย และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรนำหลักขีดความสามารถในการรองรับ (Carrying Capacity) และความสามารถในการฟื้นฟูของทรัพยากรธรรมชาติ เป็นหลักเกณฑ์หนึ่งในการพิจารณาอนุมัติการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เนื่องจากการถ่ายทำภาพยนตร์อาจก่อให้เกิดมลพิษและความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ที่ถ่ายทำภาพยนตร์ได้ จึงควรมีหลักเกณฑ์การพิจารณาที่ชัดเจนเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวอย่างรอบคอบ และเห็นควรบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งออกมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยให้เป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับอาเซียน ทั้งการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบหรือกฎหมายที่เป็นอุปสรรค อาทิ การเก็บภาษี การเก็บค่าธรรมเนียมการถ่ายทำ ขั้นตอนการขออนุญาตถ่ายทำ การยกเว้นการตรวจลงตรา (VISA) ไม่ต้องขออนุญาตการถ่ายทำภาพยนตร์ และการอำนวยความสะดวกในการถ่ายทำภาพยนตร์ รวมทั้งประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและสร้างความเข้าใจให้ถูกต้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการต่างประเทศ ตลอดจนส่งเสริมการร่วมลงทุนระหว่างผู้ประกอบการไทยและผู้ประกอบการต่างประเทศ เพื่อให้เกิดการเติบโตของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยทั้งระบบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 1754 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. .... | กษ | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของกรมประมงและกำหนดเพิ่มเติมราชการบริหารส่วนกลาง เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้เชิญผู้แทนสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เข้าร่วมชี้แจงแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๙ (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการภายในกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน) ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการพิจารณาทบทวนบทบาทภารกิจตามโครงสร้างใหม่ ร่วมไปกับการทบทวนแผนบริหารจัดการประมงทะเลของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอก และในการขอจัดตั้งหน่วยงานระดับกองเพิ่มใหม่ จะต้องคำนึงถึงบทบาทภารกิจและปริมาณงานที่จำเป็นและเหมาะสม เพื่อรองรับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและแก้ไขปัญหาเฉพาะการทำการประมงผิดกฎหมายตามที่สหภาพยุโรปกำหนดอย่างแท้จริง เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณในส่วนของรายจ่ายประจำที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งให้พิจารณาทบทวนการแบ่งส่วนราชการครั้งต่อไปตามความจำเป็นภายในระยะเวลาสองปี ตามแผนการบริหารจัดการประมงทะเลฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 1755 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี | นร04 | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) และรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนี้
๑. รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ ๕ (ด้านความมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำ การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเรื่องที่เป็นวาระเร่งด่วนและการแก้ไขปัญหาการดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศ) ๑.๑ การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของเรือที่ยังไม่ติดตั้งระบบติดตามเรือ โดยตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๕๙ ได้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดด้านแรงงานและความผิดตามพระราชกำหนดประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๗๕๓ คดี อยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน ๖๐๓ คดี อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล ๑๘ คดี และคดีถึงที่สุดแล้ว ๖๖ คดี มีการปรับปรุงระบบตรวจสอบย้อนกลับโดยได้แก้ไขข้อผิดพลาดการออกใบรับรองแปรรูปและการจับสัตว์น้ำ การเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบสัตว์น้ำที่ท่าและการจัดทำระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อควบคุมและตรวจสอบย้อนกลับ ดำเนินการเร่งรัดจัดทำอนุบัญญัติเพื่อรองรับพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้ครบถ้วนรวม ๙๑ ฉบับ โดยกำหนดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ และได้ดำเนินการตามแผนการปฏิบัติรองรับข้อเสนอแนะของสหภาพยุโรป จำนวน ๖๕ แผนงาน ดำเนินการแล้วเสร็จ ๓๖ แผนงาน ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายมีกำหนดหารือกับสหภาพยุโรปในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ ๑.๒ การแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน ขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดสรรบุคลากรตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยและจะสามารถปฏิบัติงานได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ โดยในส่วนของการพัฒนาคุณสมบัติผู้ตรวจสอบความปลอดภัยการบิน มีผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน จำนวน ๑๖ คน ซึ่งอยู่ระหว่างการอบรมและจะเป็นผู้ตรวจด้านการปฏิบัติการบินได้ในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ ทั้งนี้ มีกำหนดจะรายงานความก้าวหน้าต่อองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organisation : ICAO) องค์การกำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรป (European Aviation Safety Agency : EASA) ในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ ต่อไป ๒. รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานเกี่ยวกับการเตรียมการเข้าร่วมการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ (Cannes Film Festival) ระหว่างวันที่ ๑๑-๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ณ เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส โดยจะนำเสนอมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย เช่น มาตรการคืนเงิน (Cash Rebate) เพื่อจูงใจให้มีการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยและเป็นการสนับสนุนการขยายตัวของอุตสาหกรรมดังกล่าว ๓. รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานว่า ในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ จะมีการดำเนินการขับเคลื่อนงานในความรับผิดชอบให้แล้วเสร็จ จำนวน ๔ เรื่อง คือ (๑) แผนการขับเคลื่อนทรัพยากรมนุษย์และการศึกษา (๒) แผนการขับเคลื่อนการศึกษาวิจัย (๓) แผนการขับเคลื่อนการประเมินคุณภาพการศึกษา และ (๔) แผนการผลิตนักบินพาณิชย์ ทั้งนี้ แผนการขับเคลื่อนทรัพยากรมนุษย์และการศึกษา และแผนการขับเคลื่อนการศึกษาวิจัย อยู่ระหว่างการขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดให้เสนอความเห็นภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
| 1756 | การเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 17 พฤษภาคม 2559 | นร | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า เนื่องจากนายกรัฐมนตรีมีกำหนดจะเดินทางไปเยือนสหพันธรัฐรัสเซียและเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-รัสเซีย นัดพิเศษ ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ดังนั้น จึงเห็นควรเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เป็นวันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เพื่อให้สอดคล้องกับกำหนดการเดินทางของนายกรัฐมนตรีและการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
| 1757 | รายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี 2558/59 ครั้งที่ 3 | กษ | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ครั้งที่ ๓ ข้อมูล ณ วันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๙ สรุปผลการดำเนินการ ดังนี้
๑. มาตรการส่งเสริมความรู้และการสนับสนุนปัจจัยการผลิตเพื่อลดรายจ่ายในครัวเรือน ดำเนินการในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ๒๒ จังหวัด ได้แก่ การสนับสนุนปัจจัยการผลิตเพื่อส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อย การเลี้ยงสัตว์ปีก การเลี้ยงปลาดุกและกบ การปรับปรุงบำรุงดินด้วยปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพ เพื่อสร้างรายได้และลดรายจ่ายในครัวเรือน และการลดค่าครองชีพโดยจำหน่ายสินค้าราคาเหมาะสม ๒. มาตรการชะลอหรือขยายระยะเวลาชำระหนี้ที่เกษตรกรมีภาระหนี้กับสถาบันการเงิน ได้แก่ การยกเว้นการเก็บค่าเช่าที่ดิน การลดดอกเบี้ย และการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ให้แก่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน การให้สินเชื่อ การชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้แทนสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร และการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ ๓. มาตรการจ้างงานเพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร มีการจ้างแรงงานแล้ว ๓๓๘,๘๓๕ ราย เบิกจ่ายแล้ว ๒,๖๕๔.๐๔ ล้านบาท ๔. มาตรการเสนอโครงการตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาผลกระทบภัยแล้ง ระยะที่ ๑ กรณีการปลูกพืชใช้น้ำน้อย ดำเนินการแล้ว ๑๕๒ โครงการ กลุ่มเกษตรกรเบิกจ่ายแล้ว ๑๐๑.๓๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖๗ ของวงเงินที่ได้รับอนุมัติ และระยะที่ ๒ สำนักงบประมาณอนุมัติเงินงวดแล้ว รวมทั้งสิ้น ๕,๓๒๙ โครงการ วงเงิน ๒,๘๒๕.๓๔ ล้านบาท เบิกจ่ายลงศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลแล้ว ๑,๓๙๗.๙๖ ล้านบาท ๕. มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ ได้แก่ การสร้างการรับรู้ผ่านสื่อ และการส่งเสริมการปลูกข้าวโดยวิธีเปียกสลับแห้งเพื่อการประหยัดน้ำ (นาปรัง) ฤดูการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ ๖. มาตรการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน ได้แก่ การปฏิบัติการฝนหลวง การพัฒนาแหล่งน้ำบาดาล การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้ง โครงการแก้มลิงกักเก็บน้ำ ๗. มาตรการเสริมสร้างสุขภาพและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ได้แก่ การช่วยเหลือด้านการแพทย์และสาธารณสุข การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ๘. มาตรการสนับสนุนอื่น ๆ ได้แก่ การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ แผนสินเชื่อสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน การให้ความช่วยเหลือของกองทุนพัฒนาสหกรณ์ การช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์ที่ประสบภัยแล้งปี ๒๕๕๘ โครงการอบรมเพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิตของเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ และจากปัญหาราคาสินค้าเกษตร
|
|||||||||||||||||||||
| 1758 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องที่มีข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิแรงงาน กรณีเรือประมงถูกจับกุมและดำเนินคดีในประเทศอินโดนีเซีย | รง | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องที่มีข้อเสนอแนะแนวนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิแรงงานกรณีเรือประมงถูกจับกุมและดำเนินคดีในประเทศอินโดนีเซีย ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเห็นพ้องในหลักการ เนื่องจากรายงานผลการพิจารณาคำร้องดังกล่าวสอดคล้องกับทิศทางและนโยบายของกระทรวงแรงงานที่จะยกระดับการคุ้มครองแรงงานในทุกมิติ โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน ความเป็นธรรมไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อให้แรงงานได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายแรงงาน มีความปลอดภัยในการทำงานและไม่ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ถึงแม้ว่าไทยจะยังไม่ได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ ๑๘๕ ว่าด้วยเอกสารประจำตัวของคนบนเรือ และอนุสัญญาแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ ๑๘๘ ว่าด้วยการทำงานในภาคประมงทะเลและมาตรฐานแรงงานประมง แต่ก็สามารถนำข้อปฏิบัติในอนุสัญญามาปรับใช้ได้เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานของสากล ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1759 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย (ผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน เรื่อง บริษัท ราชบุรีอาหารสัตว์ จำกัด) | กษ | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย (ผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน เรื่อง บริษัท ราชบุรีอาหารสัตว์ จำกัด) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งมีข้อเสนอเกี่ยวกับการดำเนินการด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม มาตรการและการส่งเสริมเกษตรกรเกี่ยวกับการดำเนินการเรื่องเกษตรพันธสัญญาให้มีความเสมอภาค แก้ไขข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม การไกล่เกลี่ยและระงับข้อพิพาท เสริมสร้างการบริหารจัดการภาคธุรกิจการเกษตรให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมและมีธรรมาภิบาล ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และธนาคารแห่งประเทศไทยมีความเห็นว่าควรดำเนินการตามข้อเสนอของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และควรมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปศึกษาหรือปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเกษตรพันธสัญญาเพื่อคุ้มครองเกษตรกร และให้เกิดธรรมาภิบาลในการประกอบธุรกิจที่ดีต่อไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1760 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติเพื่อให้เกิดการบูรณาการและทำให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
.....
