ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 87 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 1721 - 1740 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1721 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย (เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย และสิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีกล่าวอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวและทำร้ายร่างกาย) | ยธ | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย (เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย และสิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีกล่าวอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวและทำร้ายร่างกาย) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมพิจารณาแล้วเห็นควรให้มีการศึกษาและกำหนดระเบียบปฏิบัติให้ทุกหน่วยงานมีการตรวจร่างกายและบันทึกสภาพร่างกายโดยแพทย์ก่อนการควบคุมตัว จัดทำหลักสูตรฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์เกี่ยวกับเทคนิคการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อหาร่องรอยของการทรมาน สำหรับกรณีงบประมาณในการส่งตัวให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ หากมีความจำเป็นอาจขอรับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายจากกองทุนยุติธรรมได้ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1722 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการในสังกัดกระทรวงแรงงาน รวม 5 ฉบับ | นร09 | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวง รวม ๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและอำนาจหน้าที่ภายในสำนักงานปลัดกระทรวงและกรมต่าง ๆ ของกระทรวงแรงงาน เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงรวม ๕ ฉบับดังกล่าวให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน พ.ศ. .... ๔. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน พ.ศ. .... ๕. ร่างกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน พ.ศ. .... |
|||||||||||||||||||||
| 1723 | การขอขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชลบุรี และจังหวัดภูเก็ต พ.ศ. 2553 รวม 3 ฉบับ ออกไปอีก 2 ปี | ทส | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวม ๓ ฉบับ ซึ่งจะหมดอายุการใช้บังคับในวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๙ และขอขยายบังคับใช้ต่อไปอีก ๒ ปี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหิน และอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑.๓ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงานและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการออกประกาศกระทรวงฯ ฉบับใหม่ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้การกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ดังกล่าวมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งเห็นควรจัดทำแผนงานและเร่งรัดดำเนินการปรับปรุงการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทั้งหมดที่รับผิดชอบให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นสุดอายุการใช้บังคับ เพื่อให้การกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงในปัจจุบันและสามารถใช้บังคับตามกฎหมายได้อย่างต่อเนื่อง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
| 1724 | การปรับปรุงความตกลงที่ใช้ก่อตั้งกองทุนร่วมเพื่อสินค้าโภคภัณฑ์ (Common Fund for Commodities: CFC) | กษ | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงที่ใช้ก่อตั้งกองทุนร่วมเพื่อสินค้าโภคภัณฑ์ (Common Fund for Commodities : CFC) ฉบับปรับปรุง โดยการแก้ไขปรับปรุงความตกลงฯ เป็นการปรับปรุงโครงสร้างของกองทุนร่วมเพื่อสินค้าโภคภัณฑ์ เพื่อให้สามารถดำเนินงานได้คล่องตัวยิ่งขึ้น โดยลดขั้นตอนการดำเนินงานที่ซ้ำซ้อน ลดขนาดและภารกิจขององค์กรให้มีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการศึกษาเงื่อนไข รายละเอียด และติดตามประเมินผลการเข้าเป็นสมาชิกตามความตกลงฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อพิจารณาแนวทางความเป็นไปได้ในการใช้ประโยชน์จากกองทุนร่วมเพื่อสินค้าโภคภัณฑ์ให้เกิดประโยชน์กับประเทศมากที่สุด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 1725 | การปรับปรุงอาคารศาลเยาวชนและครอบครัวกลางหลังเดิมเป็นที่ทำการสำนักประธานศาลฎีกา | ศย | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๓๑ (เรื่อง ข้อเสนอของคณะกรรมการพิจารณาสถานที่ทำงานของหน่วยราชการในกรุงเทพมหานครและเมืองหลัก เรื่อง แผนการใช้ที่ดินของหน่วยงานของรัฐในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล) และเห็นชอบให้สำนักงานศาลยุติธรรมดำเนินการปรับปรุงอาคารศาลเยาวชนและครอบครัวกลางหลังเดิมเป็นที่ทำการสำนักประธานศาลฎีกา ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 1726 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ยูเครน | คค | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-ยูเครน ร่างพิธีสารแก้ไขความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทย-ยูเครน และหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและยูเครน ซึ่งมีสาระสำคัญในการเพิ่มข้อบทการปรับปรุงแก้ไขความตกลงฯ ได้แก่ ความปลอดภัยการบิน การกำหนดสายการบินและการอนุญาตดำเนินการ พิกัดอัตราค่าขนส่ง การปกป้องการแข่งขัน และการทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน รวมถึงการปรับปรุงใบพิกัดเส้นทางบินให้เป็นแบบเปิด และเพิ่มสิทธิความจุความถี่จากเดิมเป็น ๓ เที่ยวต่อสัปดาห์เป็น ๒๑ เที่ยวต่อสัปดาห์ เพื่อให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์การบินในปัจจุบันและกฎหมายภายในของทั้งสองฝ่าย ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลงนามในพิธีสารแก้ไขความตกลงดังกล่าว และอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลบังคับใช้ของบันทึกความเข้าใจและพิธีสารแก้ไขความตกลงฯ ระหว่างไทย-ยูเครน ต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ |
|||||||||||||||||||||
| 1727 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 17 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2558 - 29 กุมภาพันธ์ 2559) | นร | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๑๗ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๘-๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ มีผลงานที่สำคัญ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น การแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ ๑.๒ การปฏิรูปประเทศ การดำเนินการเชิงนโยบายเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปประเทศ นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้คณะกรรมการปฏิรูปและขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน ๖ คณะ กำหนดกรอบแผนงานการดำเนินงานและรายงานผลความคืบหน้าให้นายกรัฐมนตรีทราบทุกเดือน ๑.๓ การบริหารราชการแผ่นดิน มีผลงานที่สำคัญ ได้แก่ การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากรและการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ มาตรการสนับสนุนวิสาหกิจเริ่มต้น (Start Up) มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาภัยแล้งและมาตรการเพิ่มขีดความสามารถภาคการเกษตร การขยายการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีก ๑ ปี แบบ ๗ ขั้น การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว กระทรวงพาณิชย์จัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ยาง การกำหนดธุรกิจบริการที่ไม่ต้องขออนุญาตในการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยพัฒนาและนวัตกรรม สนับสนุนการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาประเทศ การเตรียมความพร้อมให้แก่ภาคประชาชนเพื่อเสริมสร้างความตระหนักรู้และเข้าใจเกี่ยวกับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๒. มอบหมายให้คณะกรรมการโฆษกกระทรวงรับไปพิจารณาดำเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลต่อไป โดยให้ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ทุกมิติ สรุปเป็นเอกสารข่าวแจกโดยย่อ (Press Release) นำเสนอการดำเนินการ ผลสัมฤทธิ์ เรื่องที่มีผลดีต่อการบริหารราชการ การไม่สร้างปัญหาใหม่ ฯลฯ
|
|||||||||||||||||||||
| 1728 | ร่างพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับมาตรการเพิ่มเติมเรื่องใบรับจดแจ้ง เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับปรุงพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ รวมทั้งปรับปรุงค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมกับร่างพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งจัดทำแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองและแผนการเสนอกฎหมายลำดับรอง และการเร่งรัดดำเนินการเสนอกฎหมายหรือปรับปรุงกฎหมายสำคัญ) |
|||||||||||||||||||||
| 1729 | การปรับปรุงแก้ไขภาคผนวก 4 และ 8 ของความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน | พณ | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการปรับปรุงแก้ไขภาคผนวก ๔ ของความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ASEAN Trade in Goods Agreement : ATIGA) เพื่อปรับโอนบัญชีรายการสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology Agreement : ITA) ของอาเซียน จากระบบ AHTN 2007 เป็นระบบ AHTN 2012 เพื่อให้สอดคล้องกับระบบฮาร์โมไนซ์ (HS) 2012 ขององค์การศุลกากรโลก ๑.๒ เห็นชอบการปรับปรุงแก้ไขภาคผนวก ๘ ของความตกลง ATIGA โดยเพิ่มเติมถ้อยคำในกฎข้อ ๑-๓ และเพิ่มเติมกฎข้อ ๒๖-๓๑ ของระเบียบปฏิบัติในการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าของอาเซียน เพื่อให้ระเบียบปฏิบัติฯ มีถ้อยคำที่รองรับการใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้ระบบ ASEAN Single Window ๑.๓ มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้แจ้งการให้ความเห็นชอบของไทย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนในแนวทางการจัดทำคู่มือข้อกำหนดทางเทคนิคและวิธีการรับส่งข้อความสำหรับหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ให้มีแนวทางที่เหมาะสมกับการดำเนินงานของประเทศไทย และไม่เป็นการเพิ่มอุปสรรคทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อให้วิธีการใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์สามารถอำนวยความสะดวกทางการค้าภายใต้ระบบ ASEAN Single Window ได้อย่างแท้จริง ไปพิจารณาต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 1730 | การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ (ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....) | กค | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ เกี่ยวกับเงื่อนไขให้การลงทุนในทรัพย์สินประเภทเครื่องจักรและอาคารถาวรที่จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๐๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ จากต้องได้เครื่องจักรหรืออาคารถาวรนั้นมาและอยู่ในสภาพพร้อมใช้การได้ตามประสงค์ภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ เป็นไม่จำเป็นต้องได้เครื่องจักรหรืออาคารถาวรนั้นมาและอยู่ในสภาพพร้อมใช้การได้ตามประสงค์ภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 1731 | การบริหารจัดการโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน | กษ | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะช่วยแก้ปัญหาการขาดสารอาหารของเด็กในวัยเรียน และเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมโคนมไทยโดยใช้น้ำนมดิบในประเทศ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีนโยบายในการเพิ่มคุณภาพและมาตรฐานของนมโรงเรียนให้สูงขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๕๙ โดยมีการปรับปรุงและพัฒนาตลอดห่วงโซ่ของนมโรงเรียนตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง จนถึงปลายทาง และมีแผนยกระดับนมโรงเรียนใน ๓ ส่วน ได้แก่
๑. ต้นทาง คือ มาตรฐานฟาร์มโคนม โดยใช้มาตรฐาน GAP เป็นสำคัญ โดยเฉพาะอาหารโคและความสะอาด ซึ่งฟาร์มโคนมที่ดีต้องมีแหล่งน้ำและฟาร์มที่สะอาด ได้มาตรฐาน ส่วนอาหารโคนมต้องมีคุณภาพดี ซึ่งจะทำให้น้ำนมดิบมีคุณภาพดี ๒. กลางทาง คือ มาตรฐานของศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบ โรงงานแปรรูป และกระบวนการขนส่ง โดยมาตรฐานของศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบและโรงงานแปรรูปจะใช้มาตรฐาน GMP เป็นตัวกำหนด ซึ่งปัจจุบันมีศูนย์และสหกรณ์ ๑๖๗ ศูนย์ และโรงงานแปรรูป ๖๗ แห่ง ที่เข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนได้ผ่านมาตรฐาน GMP ครบแล้ว ส่วนกระบวนการขนส่งและจัดเก็บต้องควบคุมความสะอาดและอุณหภูมิเป็นสำคัญ ๓. ปลายทาง คือ เด็กนักเรียน โดยมีการสุ่มตรวจคุณภาพของนมที่ให้เด็กนักเรียนดื่มด้วยการตัดชิมก่อนที่จะให้เด็กนักเรียนเพื่อให้เกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เด็กนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงประถมศึกษาปีที่ ๖ จำนวน ๗.๔๕ ล้านคนทั่วประเทศ จะได้ดื่มนมโรงเรียน รวม ๒๖๐ วันต่อปี นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังมีแผนการยกระดับในการติดตาม และกำกับตามนโยบายประชารัฐ เพื่อให้เด็กนักเรียนได้ดื่มนมที่มีคุณภาพและมาตรฐานที่สูงขึ้น รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมอาชีพที่มั่นคงให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 1732 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี | นร | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑.รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) และรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนี้ ๑.๑ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รายงาน ๑.๑.๑ โครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำตามนโยบายรัฐบาล เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ จะดำเนินการทำพิธีเปิดกิจกรรมในวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๙ พร้อมกันทั่วประเทศ โดยส่วนกลางกำหนดจัดกิจกรรมที่จังหวัดราชบุรี ภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดอุบลราชธานี และภาคใต้ที่จังหวัดยะลา ๑.๑.๒ แผนการปฏิรูปและการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม เพื่อเป็นการสนับสนุนการปฏิรูปตาม Roadmap ของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยได้กำหนดแผนการปฏิรูปภารกิจที่สำคัญมุ่งเน้นการดำเนินการตามความรับผิดชอบหลักของกระทรวงกลาโหม ประเด็นการปฏิรูปที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาของชาติในด้านต่าง ๆ ของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๑๑ ประเด็น ประกอบด้วย ประเด็นภารกิจหลัก ประเด็นภารกิจรอง และประเด็นภารกิจเสริม สำหรับการบริหารงานของรัฐบาลในช่วงระยะเวลาที่เหลือ (ระยะเวลา ๑ ปี ๖ เดือน) จะให้ความสำคัญกับการพิทักษ์ ปกป้อง และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ การสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การแก้ไขปัญหาความยากจน การช่วยเหลือ และบริการ ตลอดจนสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับประชาชน การส่งเสริมความร่วมมือกับมิตรประเทศและประเทศสมาชิกอาเซียน และการดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลและประเด็นที่เป็นวาระแห่งชาติ ๑.๒ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ในฐานะรองประธานกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ ๖ คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และการกีฬา รายงานเกี่ยวกับแผนการปฏิรูปด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และการกีฬา ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐) ได้แก่ (๑) ด้านการท่องเที่ยว กำหนดยุทธศาสตร์ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ปลอดภัย สมดุล และยั่งยืน และให้การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ (๒) ด้านการกีฬา กำหนดยุทธศาสตร์ให้นักกีฬาไทยมีความเป็นเลิศด้านกีฬาในเอเชียและสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก ส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพดี มีวินัย มีความสามัคคี และมีความภาคภูมิในชาติ และ (๓) ด้านวัฒนธรรม กำหนดยุทธศาสตร์ให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งคนดี มีคุณธรรม จริยธรรมและสมานฉันท์ มีรายได้และความมั่งคั่งจากการสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรม รวมทั้งผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางศิลปวัฒนธรรมระดับนานาชาติ ๑.๓ รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) รายงานกรอบการดำเนินการเกี่ยวกับ (๑) การปฏิรูปด้านสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติ (ด้านสาธารณสุข) ระยะ ๒๐ ปี มีเป้าหมายคือ ประชาชนสุขภาพดี เจ้าหน้าที่มีความสุข ระบบสุขภาพยั่งยืน และ (๒) การปฏิรูปด้านสังคม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้มีการดำเนินการปฏิรูปประเด็นสำคัญระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐) ในประเด็นต่าง ๆ เช่น ที่อยู่อาศัย การพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต และการขับเคลื่อนสวัสดิการสังคมและภาคประชาสังคม เป็นต้น ๑.๔ รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานเกี่ยวกับงานด้านการวิจัยของประเทศ ได้แก่ (๑) กรอบยุทธศาสตร์การวิจัยแห่งชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) มีเป้าหมายเพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการวิจัยและนวัตกรรมในระดับโลก ขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน (๒) การขับเคลื่อนระบบวิจัยแบบบูรณาการของประเทศ (ปัจจุบัน-พ.ศ. ๒๕๗๙) และ (๓) ผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์คิดค้นของไทยที่เข้าร่วมประกวดและนำเสนอในเวทีนานาชาติ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติได้สนับสนุนกิจกรรมการนำผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์คิดค้นของไทยสู่เวทีระดับนานาชาติ มีการนำผลงานฯ ของไทยเข้าร่วมประกวดและจัดแสดงนิทรรศการในเวทีนานาชาติ ตลอดจนส่งเสริมให้ผลงานที่ผ่านเวทีนานาชาติได้ขึ้นบัญชีสิ่งประดิษฐ์เพื่อพัฒนาให้เข้าสู่บัญชีนวัตกรรมและนำไปสู่ประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการขับเคลื่อนการนำผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์คิดค้นของไทยไปสู่การผลิตและการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๖๐ ๓. ให้ทุกส่วนราชการพิจารณาดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์และบริการที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามบัญชีนวัตกรรมไทยให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณเพื่อการดำเนินการดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 1733 | สรุปมติที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ครั้งที่ 1/2559 | คค | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เรื่องเพื่อทราบ ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) การปรับปรุงคณะอนุกรรมการภายใต้ คจร. (๒) ความคืบหน้าการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม และ (๓) สถานะการดำเนินโครงการตามแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ๒. เรื่องเพื่อพิจารณา ๙ เรื่อง ได้แก่ (๑) การแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจราจรทางบก (๒) การขอขยายแนวเส้นทางโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) (๓) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน ส่วนต่อขยายช่วงบางหว้า-ตลิ่งชัน (๔) โครงการระบบขนส่งมวลชนระบบรองของกรุงเทพมหานคร (โครงการรถไฟฟ้าสายสีเทา โครงการรถไฟฟ้าสายบางนา-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง) (๕) มาตรฐานป้ายสัญลักษณ์ในระบบขนส่งสาธารณะ (๖) การจำกัดความสูงของรถพ่วงและการใช้รถบรรทุกที่จดทะเบียนเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล (๗) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ (๘) การพัฒนาและแก้ไขการจราจรแออัดของสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินต่าง ๆ และ (๙) การเชื่อมโยงระบบโครงข่ายคมนาคมของภูมิภาคเข้ากับเมืองใหญ่
|
|||||||||||||||||||||
| 1734 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [การเข้าเป็น ภาคีพิธีสารมาดริด (Madrid Protocol) และการขยายขอบเขตความคุ้มครอง การปรับปรุงหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และระยะเวลาการจดทะเบียน การปรับปรุงค่าธรรมเนียม) | พณ | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [การเข้าเป็นภาคีพิธีสารมาดริด (Madrid Protocol) และการขยายขอบเขตความคุ้มครอง การปรับปรุงหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และระยะเวลาการจดทะเบียน การปรับปรุงค่าธรรมเนียม] ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่า การแก้ไขบทบัญญัติเกี่ยวกับสิทธิของผู้ขอจดทะเบียนและระยะเวลาการอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ต้องพิจารณาแก้ไขบทบัญญัติในพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เช่น มาตรา ๒๗ มาตรา ๓๑ มาตรา ๖๐ มาตรา ๖๙ มาตรา ๗๔ และมาตรา ๘๙ เป็นต้น ให้สอดคล้องกันทั้งฉบับ โดยมอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนากฎหมายว่าด้วยเครื่องหมายการค้าศึกษาวิเคราะห์ถึงแนวทางและความเหมาะสมในการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งมอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนากฎหมายว่าด้วยเครื่องหมายการค้าศึกษา วิเคราะห์ถึงแนวทางและความเหมาะสม ผลดี และผลเสียในการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมในกฎกระทรวงแทนการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมไว้ท้ายพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1735 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายในส่วนเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัท การควบรวมบริษัท การจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเพื่อลดอุปสรรคและเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้เริ่มก่อการตั้งบริษัทตั้งแต่สองคนขึ้นไปจะต้องยึดหลักการให้เจ้าของกิจการที่แท้จริงเป็นผู้มีสัญชาติไทย โดยมิให้คนต่างด้าวเป็นเจ้าของกิจการหรือถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินผ่านตัวแทน (nominee) ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินกิจการของคนต่างด้าวในประเทศไทย) ตลอดจนให้รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับการเพิ่มเติมถึงวิธีการบอกกล่าวการโอนหนี้ไปยังลูกหนี้ ให้มีการกำหนดนิยามให้ชัดแจ้งหรือใช้คำที่บัญญัติในกฎหมายอื่น และการกำหนดวิธีการบอกกล่าวการโอนหนี้โดยการแจ้งผ่านระบบหรือเครือข่ายซึ่งต้องประกาศในหนังสือพิมพ์รายวันนั้นอาจเป็นการเพิ่มขั้นตอนและระยะเวลาจากการทำหนังสือเพียงอย่างเดียว และคำว่า “ระบบหรือเครือข่าย” เป็นคำที่ใช้วงจำกัดในกลุ่มของบุคคลผู้มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ เมื่อนำมาบัญญัติในกฎหมายอาจทำให้ประชาชนไม่ทราบความหมายหรือเข้าใจความหมายคลาดเคลื่อนได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า โดยที่ลักษณะการประกอบธุรกิจของประเทศไทยที่ผ่านมายังประสบปัญหาที่อาศัยช่องว่างของกฎหมาย โดยให้คนต่างด้าวเป็นเจ้าของกิจการหรือถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินผ่านทางตัวแทน (nominee) ซึ่งเป็นบุคคลมีสัญชาติไทย ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ มีหลักการว่าการประกอบกิจการใด ๆ ในประเทศไทยจะต้องยึดหลักการให้เจ้าของกิจการที่แท้จริงเป็นผู้มีสัญชาติไทย โดยมิให้คนต่างด้าวเป็นเจ้าของกิจการหรือถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินผ่านทางตัวแทน (nominee) ซึ่งเป็นบุคคลมีสัญชาติไทย ประกอบกับปัจจุบันมีพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๓๖ บัญญัติมาตรการลงโทษสำหรับบุคคลมีสัญชาติไทยที่ถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท จำกัด หรือนิติบุคคลใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย โดยกำหนดบทลงโทษทั้งจำคุกและโทษปรับไว้แล้ว ดังนั้น เพื่อให้การค้าและการลงทุนของประเทศขยายตัวโดยมิให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม สมควรให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดกลไกหรือมาตรการเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวเกิดประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป และเร่งรัดดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 1736 | ขออนุมัติยกเลิกโครงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี | กค | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้กรมสรรพากรยกเลิกโครงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี วงเงิน ๑,๓๔๗,๘๒๓,๙๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ โครงการพัฒนาระบบงานภายในสำนักงาน เพื่อจัดทำและปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานระบบเครือข่ายสื่อสารของสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทั่วประเทศให้มีความสามารถรองรับการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น และจัดทำระบบบริการผู้เสียภาษีและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร พร้อมทั้งจัดให้มีระบบกล้องวงจรปิดพร้อมระบบบันทึกและเรียกดูข้อมูลย้อนหลัง เพื่อความปลอดภัยในการเข้าใช้บริการของสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทั่วประเทศ จำนวน ๗๙๘ แห่ง ๑.๒ โครงการจัดหาครุภัณฑ์สำนักงาน เป็นการจัดหาอุปกรณ์สำนักงานเพื่อปรับปรุงอุปกรณ์สำนักงานเดิม ติดตั้งภายในสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทั่วประเทศ จำนวน ๗๙๘ แห่ง ปรับปรุงเครื่องปรับอากาศ ระบบไฟฟ้า อุปกรณ์จัดเก็บเอกสารต่าง ๆ ของเจ้าหน้าที่และผู้เสียภาษีอากร และปรับปรุงพื้นที่การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้บริการผู้เสียภาษีอากรและประชาชนผู้มาติดต่อได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ๑.๓ โครงการปรับปรุงพื้นที่ส่วนให้บริการประชาชน เป็นการปรับปรุงพื้นที่การให้บริการผู้เสียภาษีอากร และประชาชนที่มาติดต่อราชการที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทั่วประเทศ จำนวน ๗๙๘ แห่ง ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นว่า หากโครงการดังกล่าวมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการเพิ่มประสิทธิภาพภาษีแล้ว การยกเลิกอาจจะมีผลกระทบต่อการเพิ่มประสิทธิภาพภาษี จึงเห็นควรพิจารณาแนวทาง/มาตรการที่เหมาะในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี และหากมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการปรับปรุงพัฒนาโครงการดังกล่าว ควรจะแบ่งโครงการเป็นระยะ ๆ ต่อไปทั้งนี้ การดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 1737 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2559 ครั้งที่ 2 | กค | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๒ ที่มีวงเงินปรับลดลงสุทธิ ๗๐,๖๗๑.๖๗ ล้านบาท จากเดิม ๑,๖๑๙,๕๒๒.๐๗ ล้านบาท เป็น ๑,๕๔๘,๘๕๐.๔๐ ล้านบาท ๑.๒ รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มขึ้น ๒,๕๖๓.๓๗ ล้านบาท จากเดิม ๑๒๑,๙๐๐.๑๘ ล้านบาท เป็น ๑๒๔,๔๖๓.๕๕ ล้านบาท ๑.๓ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ การบริหารความเสี่ยง และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุนและการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ ๑.๔ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เองก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๕ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย เป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะรายงานผลการดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ๒. ให้กระทรวงเจ้าสังกัดและหน่วยงานเจ้าของวงเงินกู้กำกับติดตามการดำเนินแผนงาน/โครงการให้เป็นไปตามแผนที่ได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 1738 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวม 3 ฉบับ | นร09 | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวม ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ได้แก่ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พ.ศ. ๒๕๕๓ เพื่อแก้ไขชื่อของ “กองกลาง” เป็น “สำนักงานเลขานุการกรม” ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดแผนบูรณาการการทำงานระหว่างราชการบริหารส่วนกลางและราชการบริหารส่วนภูมิภาคที่ชัดเจน เพื่อให้สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวและกีฬาในระดับพื้นที่ สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาในระดับประเทศที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ และแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ รวมทั้งจัดทำแนวทางความต้องการบุคลากรให้สอดคล้องกับการปรับโครงสร้างระบบราชการกระทรวง โดยกำหนดคุณสมบัติให้มีความรู้ความสามารถโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวและกีฬา ตลอดจนส่งเสริมการบูรณาการทั้งในระดับส่วนกลาง ภูมิภาค และระดับท้องถิ่น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในทางปฏิบัติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงรวม ๓ ฉบับดังกล่าว เพื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 1739 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี | นร | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รายงานข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนี้
๑. รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานเกี่ยวกับการเดินทางเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และการหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐฟิจิ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ๑.๑ การเข้าร่วมกิจกรรมในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ในฐานะประธานกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติพร้อมคณะได้เป็นเจ้าภาพถวายพระกระยาหารค่ำแด่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ในโอกาสเสด็จทรงร่วมงานเทศกาลฯ และทรงเป็นประธานงาน Thai Night เพื่อประชาสัมพันธ์อุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ของไทย รวมทั้งได้เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่าง ๆ ซึ่งการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้แสดงถึงศักยภาพและความพร้อมของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยในการร่วมลงทุนกับต่างชาติ รวมทั้งความเหมาะสมของสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ ๑.๒ การหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐฟิจิ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้พบหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐฟิจิ ในโอกาสเดินทางเข้าร่วมการประชุมประจำปีสมัยที่ ๗๒ ของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (UNESCAP) ที่ประเทศไทย โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมบทบาทในฐานะหุ้นส่วนการพัฒนาที่สำคัญ เช่น การส่งเสริมความสัมพันธ์ในทุกด้านโดยเฉพาะการค้าการลงทุน ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาหมู่เกาะแปซิฟิก การให้ความช่วยเหลือของไทยแก่ฟิจิกรณีเหตุภัยพิบัติ การจัดทำบันทึกความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการทหาร การให้สิทธิขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองไทย (Visa on Arrival) กับผู้ถือหนังสือเดินทางฟิจิ ในการนี้ ฝ่ายไทยได้ขอรับการสนับสนุนการสมัครเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๑๘ ด้วย ๒. รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานว่า ๒.๑ คณะกรรมการบูรณาการด้านพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ โดยสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) และหน่วยงานต่าง ๆ เช่น องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ หอสมุดแห่งชาติได้ดำเนินโครงการ “ปิดเทอมนี้... สนุกคิด... สนุกเรียนรู้... สู่อนาคต” เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนและประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้โดยตรงจากพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ และใช้เวลาว่างในช่วงปิดเทอมให้เป็นประโยชน์ ระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน ๒๕๕๙ และในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ มีแผนในการดำเนินโครงการติดปีกความรู้ ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน และโครงการรวบรวมข้อมูลพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้เพื่อเป็นศูนย์กลางข้อมูลองค์ความรู้ การให้บริการ และกิจกรรมที่จัดในแหล่งเรียนรู้และพิพิธภัณฑ์ทั่วประเทศไทย รวมทั้งได้กำหนดให้มีแผนยุทธศาสตร์ในการบูรณาการด้านพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ระยะเวลา ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๙) โดยมีเป้าหมายให้พิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญาเป็นกลไกหนึ่งในการพัฒนาให้ประเทศไทยเติบโตได้อย่างมั่นคงและพัฒนาไปสู่ประเทศที่มั่นคงและมีความยั่งยืนต่อไปในอนาคต ๒.๒ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ได้เป็นประธานเปิดการแข่งขันการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ระดับโลก ครั้งที่ ๔๐ (ACM-ICPC World Finals 2016) ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน มีผู้เข้าแข่งขันเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยจาก ๔๐ ประเทศ ๖ ทวีปทั่วโลก จำนวน ๑๒๘ ทีม โดยมีทีมจากประเทศไทยเข้าร่วม จำนวน ๒ ทีม คือ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับรางวัล First to Solution เนื่องจากสามารถแก้โจทย์ข้อแรกสำเร็จได้รวดเร็วที่สุด ๓. รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๕๙ มีความเสี่ยงจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัว ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออกของไทย ดังนั้น เพื่อให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมีแรงขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจึงควรเร่งรัดโครงการลงทุนภาครัฐให้สามารถขับเคลื่อนได้ตามแผนงานและสนับสนุนให้มีการลงทุนภาคเอกชนมากขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของปี ๒๕๕๙ ๔. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รายงานว่า ๔.๑ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำตามนโยบายรัฐบาลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ และโครงการบูรณาการการขุดลอกแหล่งน้ำ โดย (๑) จะมีการบูรณาการแผนงานในการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำร่วมกัน ทั้งลำน้ำสายหลัก สายรอง และแหล่งน้ำ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเก็บกักน้ำสามารถกระจายน้ำเข้าสู่ชุมชนและพื้นที่การเกษตรได้อย่างทั่วถึง (๒) ใช้เครื่องจักรและเครื่องมือของทุกส่วนราชการที่มีอยู่แล้วในการดำเนินการ โดยคาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๒ เดือน (๓) กำชับทุกส่วนราชการในการประสานความร่วมมือและดำเนินการร่วมกับประชาชนในทุกพื้นที่ให้เป็นไปตามความต้องการและเกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง และ (๔) จะต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส ไม่มีการทุจริตโดยเด็ดขาด และจะได้รายงานผลการบูรณาการแผนงานฯ ต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๔.๒ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีผลการดำเนินการที่สำคัญ ได้แก่ เรื่องเชิงนโยบายและการบริหาร เช่น การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ของพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ การจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด เรื่องการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เช่น โครงการระบบรถไฟทางคู่ รถไฟชานเมืองร่วมกับรถไฟทางไกล โครงการโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก และการก่อสร้างโรงพยาบาล รวมทั้งการประกาศพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมและการกำหนดมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อมเพื่อควบคุมการปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม การแต่งตั้งกรรมการ เช่น คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงาน EIA ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และการเร่งรัดการควบคุม ติดตาม กำกับ ดูแลเรื่องที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ๕. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รายงานความคืบหน้าการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ๒๕๕๙ ได้แก่ การจัดโครงการบรรพชาอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติฯ พิธีตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศลและพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้งนี้ ตราสัญลักษณ์เฉลิมพระเกียรติของทั้ง ๒ กิจกรรม ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแล้ว
|
|||||||||||||||||||||
| 1740 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิของแรงงานข้ามชาติ | รง | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิของแรงงานข้ามชาติ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงแรงงานได้มีการจัดทำแผนการจ้างแรงงานในรายสาขาการผลิตหรือบริการ การประสานความร่วมมือและอำนวยความสะดวกเพื่อหางานใหม่ให้แรงงานข้ามชาติทำ การบูรณาการร่วมกับส่วนราชการอื่นในระดับจังหวัด และจัดบริการร่วมกับศูนย์ดำรงธรรมของจังหวัดในการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวหรือแรงงานข้ามชาติ เพื่อดูแลแรงงานให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยไม่เลือกปฏิบัติ การประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อช่วยเหลือในเรื่องส่งแรงงานต่างด้าวหรือแรงงานข้ามชาติกลับออกไปนอกราชอาณาจักร การประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมมือในการช่วยเหลือด้านที่พักพิง การเดินทางไปศาลหรือความจำเป็นอื่นสำหรับแรงงานข้ามชาติ การจัดทำสื่อ Digital แผ่นพับ สื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ในการประชาสัมพันธ์บทบาท ภารกิจ และอำนาจหน้าที่ของกระทรวงแรงงาน กฎหมายที่เกี่ยวข้องสำหรับแรงงานข้ามชาติในปัจจุบัน และสิทธิประโยชน์ที่พึงมีพึงได้ การให้บริการสายด่วนสำหรับการจดทะเบียนต่างด้าวหรือแรงงานข้ามชาติ รวมทั้งศึกษาข้อดีข้อเสียต่าง ๆ ในบริบทของไทย โดยเฉพาะผลกระทบและสถานการณ์การให้ความคุ้มครองสิทธิแรงงานข้ามชาติ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
.....
