ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 85 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 1681 - 1700 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1681 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม 35 ฉบับ (จังหวัดชลบุรี) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม ๓๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครพนม จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดตาก จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดลพบุรี จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสกลนคร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดลำพูน จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปัตตานี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดชัยนาท จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้แก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ ตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ได้แก่ (๑) การกำหนดยกเว้นไม่ให้ใช้ข้อบังคับข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสำหรับบางพื้นที่ (๒) การยกเว้นหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับเอกชนเป็นการเฉพาะราย และ (๓) ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอื่นในที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการยกเว้นในเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภทให้สามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนบางประเภทซึ่งมีลักษณะเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ รวมทั้งการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์ นอกจากนี้ เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้แล้ว ควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เมื่อมีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงฯ รวม ๓๕ ฉบับดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตามแนวทางการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 1682 | ร่างกฎกระทรวงให้ใชับังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม 35 ฉบับ (จังหวัดปัตตานี) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม ๓๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครพนม จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดตาก จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดลพบุรี จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสกลนคร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดลำพูน จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปัตตานี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดชัยนาท จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้แก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ ตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ได้แก่ (๑) การกำหนดยกเว้นไม่ให้ใช้ข้อบังคับข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสำหรับบางพื้นที่ (๒) การยกเว้นหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับเอกชนเป็นการเฉพาะราย และ (๓) ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอื่นในที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการยกเว้นในเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภทให้สามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนบางประเภทซึ่งมีลักษณะเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ รวมทั้งการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์ นอกจากนี้ เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้แล้ว ควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เมื่อมีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงฯ รวม ๓๕ ฉบับดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตามแนวทางการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 1683 | ร่างกฎกระทรวงให้ใชับังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม 35 ฉบับ (จังหวัดสุโขทัย) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม ๓๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครพนม จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดตาก จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดลพบุรี จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสกลนคร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดลำพูน จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปัตตานี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดชัยนาท จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้แก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ ตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ได้แก่ (๑) การกำหนดยกเว้นไม่ให้ใช้ข้อบังคับข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสำหรับบางพื้นที่ (๒) การยกเว้นหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับเอกชนเป็นการเฉพาะราย และ (๓) ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอื่นในที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการยกเว้นในเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภทให้สามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนบางประเภทซึ่งมีลักษณะเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ รวมทั้งการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์ นอกจากนี้ เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้แล้ว ควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เมื่อมีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงฯ รวม ๓๕ ฉบับดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตามแนวทางการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 1684 | ร่างกฎกระทรวงให้ใชับังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม 35 ฉบับ (จังหวัดสกลนคร) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม ๓๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครพนม จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดตาก จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดลพบุรี จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสกลนคร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดลำพูน จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปัตตานี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดชัยนาท จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้แก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ ตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ได้แก่ (๑) การกำหนดยกเว้นไม่ให้ใช้ข้อบังคับข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสำหรับบางพื้นที่ (๒) การยกเว้นหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับเอกชนเป็นการเฉพาะราย และ (๓) ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอื่นในที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการยกเว้นในเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภทให้สามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนบางประเภทซึ่งมีลักษณะเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ รวมทั้งการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์ นอกจากนี้ เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้แล้ว ควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เมื่อมีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงฯ รวม ๓๕ ฉบับดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตามแนวทางการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 1685 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม 35 ฉบับ (จังหวัดสตูล) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม ๓๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครพนม จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดตาก จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดลพบุรี จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสกลนคร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดลำพูน จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปัตตานี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดชัยนาท จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้แก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ ตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ได้แก่ (๑) การกำหนดยกเว้นไม่ให้ใช้ข้อบังคับข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสำหรับบางพื้นที่ (๒) การยกเว้นหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับเอกชนเป็นการเฉพาะราย และ (๓) ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอื่นในที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการยกเว้นในเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภทให้สามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนบางประเภทซึ่งมีลักษณะเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ รวมทั้งการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์ นอกจากนี้ เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้แล้ว ควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เมื่อมีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงฯ รวม ๓๕ ฉบับดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตามแนวทางการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 1686 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิชุมชน กรณีคัดค้านโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลม อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ | พน | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิชุมชนกรณีคัดค้านโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลม อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงพลังงานรายงานว่า ปัจจุบันนี้กฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้องไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการริเริ่มพัฒนาโครงการโดยชุมชน และเนื่องจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมเป็นโรงไฟฟ้าที่ไม่มีการเผาไหม้เชื้อเพลิง จึงไม่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เว้นแต่สถานที่ตั้งของโครงการจะอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำหลัก ประกอบกับควรส่งเสริมให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเป็นโครงการที่ลงทุนและดำเนินการโดยชุมชน เพื่อประโยชน์จะได้ตกแก่ชุมชนโดยตรง รวมทั้งเห็นว่าโครงการดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการใช้ประโยชน์ต่อพื้นที่เกษตรกรรมและประชาชนในพื้นที่ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมสามารถพิจารณาอนุญาตให้ใช้ที่ดินได้ตามระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอนุญาตและการให้ผู้รับอนุญาตถือปฏิบัติในการใช้ที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์สำหรับกิจการที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๔๑ และตามข้อ ๑.๕ ของประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามมาตรา ๓๐ วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๒ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้แจ้งสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1687 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตในการดำเนินตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา | ปช | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตในการดำเนินตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการ หรือวางแผนงานโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ เพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ การกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ประกอบด้วยข้อเสนอแนะ ๒ ด้าน ได้แก่ (๑) การดำเนินตามนโยบายส่งเสริมการผลิตหรือปลูกยางพารา และ (๒) การตลาดยางพารา ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ การยางแห่งประเทศไทย คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ในภาพรวมส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้ว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 1688 | การจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) | กค | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ ในส่วนที่เกี่ยวกับลักษณะที่สำคัญของกองทุนฯ โดยการเปลี่ยนชื่อกองทุน การกำหนดให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ลงทุนแต่เพียงรายเดียวในระยะแรก และการกำหนดให้มีกองทุนหมุนเวียนเพื่อเป็นกลไกในการรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม หน่วยงานเจ้าของโครงการ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกับกระทรวงการคลังเร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่มีศักยภาพเข้าสู่กองทุนฯ โดยเร็ว ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับการพิจารณากำหนดเงื่อนไขการแบ่งผลตอบแทนระหว่างหน่วยงานเจ้าของโครงการและกองทุนฯ รวมถึงทำความตกลงในรายละเอียดสำหรับการลงทุนก่อสร้างปรับปรุงหรือเพิ่มประสิทธิภาพการใช้บริการของโครงการที่เข้าร่วมกองทุนฯ ให้ชัดเจน การจัดตั้งกองทุนหมุนเวียนเพื่อเป็นกลไกประกันผลตอบแทนขั้นต่ำให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน โดยการจัดหาแหล่งรายได้และทำแผนการบริหารรายได้ของกองทุนหมุนเวียนให้ชัดเจน การพิจารณาอัตราการรับประกันผลตอบแทนที่เหมาะสม รวมถึงการกันสำรองจากปีที่กองทุนฯ ได้ผลตอบแทนสูงไว้ชดเชยภาระการรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำและภาระชดเชยให้กับรัฐบาล ตลอดจนการทบทวนบทบาทและความจำเป็นของกองทุนวายุภักษ์ในระยะต่อไปให้มีความชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กำหนดระยะเวลาดำเนินการตามแผนการจัดตั้งกองทุนฯ อย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความพร้อมและความเป็นไปได้ในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของกรอบระยะเวลาในการพิจารณาคัดเลือกโครงการที่จะเข้ามาอยู่ในกองทุนฯ ซึ่งอาจต้องมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง มีการกำหนดมูลค่าที่แท้จริงของโครงการ และมีการกำหนดเงื่อนไขการแบ่งผลประโยชน์ระหว่างหน่วยงานเจ้าของโครงการและกองทุนฯ เพื่อให้การดำเนินการออกขายหน่วยลงทุนให้แก่บุคคลทั่วไปสามารถดำเนินการได้ภายในระยะเวลาที่เหมาะสมเมื่อมีการจัดตั้งกองทุนฯ แล้ว และสามารถดำเนินการได้ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทน. ๘/๒๕๕๙ ข้อ ๑๓ ที่กำหนดให้บริษัทจัดการต้องเข้าทำสัญญาเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานภายใน ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนกองทุนรวม โดยคิดเป็นมูลค่ารวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๕ ของมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทุนรวม |
|||||||||||||||||||||
| 1689 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม 35 ฉบับ (จังหวัดสมุทรสงคราม ) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม ๓๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครพนม จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดตาก จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดลพบุรี จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสกลนคร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดลำพูน จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปัตตานี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดชัยนาท จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้แก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ ตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ได้แก่ (๑) การกำหนดยกเว้นไม่ให้ใช้ข้อบังคับข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสำหรับบางพื้นที่ (๒) การยกเว้นหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับเอกชนเป็นการเฉพาะราย และ (๓) ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอื่นในที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการยกเว้นในเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภทให้สามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนบางประเภทซึ่งมีลักษณะเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ รวมทั้งการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์ นอกจากนี้ เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้แล้ว ควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เมื่อมีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงฯ รวม ๓๕ ฉบับดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตามแนวทางการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 1690 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตต้องเป็นไปตามมาตรฐานใดมาตรฐานหนึ่ง คือ มาตรฐานเลขที่ มอก. ๒๐-๒๕๕๙ หรือมาตรฐานเลขที่ มอก. ๒๔-๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 1691 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูปเพื่อรับมือวิกฤตการณ์น้ำทะเลขึ้นสูงและแผ่นดินทรุดพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล) | ทส | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง การปฏิรูปเพื่อรับมือวิกฤตการณ์น้ำทะเลขึ้นสูงและแผ่นดินทรุดพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ได้จัดประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมเห็นชอบกับข้อเสนอแนะดังกล่าว และมีข้อสังเกตเพิ่มเติมในการปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการ ได้แก่ คณะกรรมการยุทธศาสตร์แห่งชาติ คณะกรรมการสร้างความรู้ความเข้าใจและการมีส่วนร่วมภายใต้การปฏิรูปด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนและผู้ได้รับผลกระทบ และองค์ประกอบของกลไกวิชาการเฉพาะภายใต้การปฏิรูปกลไกด้านวิชาการ การใส่ที่มาในการอ้างอิงรูปภาพที่ปรากฏในรายงานวาระการปฏิรูป รวมทั้งการเสนอมาตรการที่ชัดเจนในการควบคุมการทรุดตัวของแผ่นดิน เนื่องจากน้ำหนักกดทับในรายงานวาระการปฏิรูป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งรายงานผลการพิจารณาของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้คณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เพื่อพิจารณาความสอดคล้องและความเหมาะสมกับการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 1692 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาการผังเมืองและการใช้พื้นที่ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการผังเมืองและการใช้พื้นที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | มท | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการผังเมืองและการใช้พื้นที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งมีประเด็นเกี่ยวกับการปรับปรุงหรือตั้งหน่วยงานเพื่อให้มีบทบาทหน้าที่ในการวางแผนผังนโยบายการพัฒนาเชิงพื้นที่ในระดับประเทศ ภาค อนุภาค หรือกลุ่มจังหวัด และจังหวัด การปรับปรุงการวางผังเมืองและการใช้พื้นที่โดยใช้แผนผังนโยบายการพัฒนาเชิงพื้นที่ในระดับต่าง ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือในการดำเนินการและการพัฒนา การปรับปรุงกฎหมายผังเมืองและการใช้บังคับกฎหมายผังเมือง ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ รวมทั้งข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางปฏิรูประบบการผังเมืองและการใช้พื้นที่เพื่อยกระดับงานผังเมืองให้เป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาเชิงพื้นที่ทางกายภาพของประเทศ โดยขับเคลื่อนและบูรณาการงานผังเมืองให้สอดคล้องเชื่อมโยงกันเพื่อให้การพัฒนาพื้นที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันและพัฒนากลไกการนำผังเมืองไปสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1693 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | กห | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงกลาโหมได้พิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติแล้วมีความเห็นว่า ให้คงการประกาศใช้กฎอัยการศึกไว้ก่อน เนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่ยังไม่มีความสงบเรียบร้อย เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ส่วนการลดพื้นที่ประกาศใช้กฎอัยการศึกจะต้องมีการร่วมกันพิจารณาอย่างรอบคอบต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1694 | ร่างกฎกระทรวงซึ่งจะต้องออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 2 ฉบับ | พณ | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมเครื่องหมายการค้า พ.ศ. .... จำนวน ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า การดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนเครื่องหมายการค้าในขั้นตอนต่าง ๆ และการปรับปรุงค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการพิจารณาปรับข้อความในข้อ ๒ ของร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ เป็น “ในกรณีที่มีการตั้งตัวแทนหรือตั้งผู้รับมอบอำนาจเป็นหนังสือได้กระทำในต่างประเทศ จะต้องมีการรับรองลายมือชื่อโดยหัวหน้าสำนักงานสังกัดกระทรวงพาณิชย์ซึ่งประจำอยู่ ณ ประเทศที่ผู้ตั้งตัวแทนหรือตั้งผู้รับมอบอำนาจมีถิ่นที่อยู่ หรือโดยพนักงานกงสุลของสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ที่ประจำอยู่ ณ ประเทศที่ผู้ตั้งตัวแทนหรือผู้รับมอบอำนาจมีถิ่นที่อยู่” เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินงานและไม่ขัดต่ออำนาจหน้าที่ที่บัญญัติไว้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาเร่งรัดปรับปรุงกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อให้การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพื่อยกระดับสถานะของประเทศไทยจากประเทศคู่ค้าให้สูงขึ้น |
|||||||||||||||||||||
| 1695 | รายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนมกราคม - มีนาคม 2559) | ทส | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๕๙) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นเรื่องที่เป็นหลักการ ๑.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ/องค์การมหาชน จากงบประมาณทั้งสิ้น ๓๗,๕๔๒.๙๖๑๕ ล้านบาท เบิกจ่ายได้ ๑๐,๘๕๒.๑๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒๙ ๑.๒ การเจรจาหรือจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ได้แก่ การสัมมนาระดับสูง เรื่องสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน ครั้งที่ ๗ (7th High Level Seminar on Environmentally Sustainable Cities : 7th HLS ESC) การประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Assembly : UNEA) การประชุมหารือระดับรัฐมนตรี (Ministerial-level policy review session) โครงการพัฒนาศักยภาพด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และการจัดทำยุทธศาสตร์ความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๑.๓ การจัดทำโครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการ ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ อย่างเคร่งครัด การประกาศเชิญชวนผู้ที่สนใจได้ทราบล่วงหน้าในระบบ e-GP และเว็บไซต์ของหน่วยงานให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้องและโปร่งใส การจัดทำมาตรการป้องกันและลดโอกาสการทุจริตและประพฤติมิชอบ แจ้งเวียนขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างฯ ให้หน่วยงานภายในทราบและถือปฏิบัติ พร้อมทั้งจัดทำคู่มือขั้นตอนการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง และเผยแพร่บนเว็บไซต์ของหน่วยงาน ตลอดจนกำชับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นไปตามกระบวนการ ข้อระเบียบ กฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแจ้งข้อมูลข่าวสารให้หน่วยงานภายนอกทราบ ๑.๔ การเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีการขับเคลื่อนกฎหมาย รวม ๑๒ ฉบับ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการ ๓ ประการ คือ (๑) ต้องเป็นการแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่แท้จริงของการบังคับใช้กฎหมาย (๒) พึงระวังการแก้ไขกฎหมายที่เป็นการเพิ่มอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ และ (๓) ให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจถึงหลักการและเหตุผลด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ๑.๕ การแต่งตั้งคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจ ได้แจ้งรัฐวิสาหกิจในสังกัดให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ โดยเคร่งครัด ๒. เรื่อง/โครงการสำคัญเร่งด่วน ๒.๑ การปรับโครงสร้างและการบริหารจัดการด้านพลังงาน อยู่ระหว่างเตรียมการจัดทำโครงการสร้างโรงไฟฟ้าจาก RDF (Refuse Derived Fuel) ในพื้นที่ทหาร โดยให้เอกชนลงทุน ๒.๒ การบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของประเทศ การจัดทำโครงการแก้มลิงเพื่อเป็นพื้นที่กักเก็บน้ำ โดยใช้พื้นที่ราชพัสดุ พื้นที่ราชการหรือพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเพื่อการอุปโภค บริโภค และนิคมอุตสาหกรรม ๒.๓ การแก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตรในระยะยาวและการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) การดำเนินการกำหนดแนวทางและมาตรการเชิงรุกในการดำเนินการแก้ไขปัญหาพืชผลทางการเกษตรในระยะยาวเป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒.๔ การจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร โดยแนวทางการจัดหาที่ดินให้แก่เกษตรกรในลักษณะที่ไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินแต่อนุญาตให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จากที่ดินประเภทต่าง ๆ ๒.๕ การจัดการขยะมูลฝอยและน้ำเสีย องค์การจัดการน้ำเสียได้ดำเนินการโครงการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสีย โดยสามารถบำบัดน้ำได้ตามมาตรฐานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดไว้ก่อนระบายลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้จัดทำคู่มือประมวลหลักการปฏิบัติ (Code of Practice : COP) และกรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติงานตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ๒.๖ การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม ได้ดำเนินงานร่วมกับศูนย์บริการร่วม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในการให้บริการประชาชนเกี่ยวกับการรับแจ้งเรื่องร้องเรียน และประสานส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขตามอำนาจหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๒.๗ การรวบรวมกฎหมายระเบียบที่ล้าสมัยหรือเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและพิจารณาความจำเป็นเร่งด่วนและจัดลำดับความสำคัญของร่างกฎหมาย การปรับปรุงกฎหมายเดิมและเสนอร่างกฎหมายใหม่ตามแผนเสนอร่างกฎหมายของ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวม จำนวน ๑๒ ฉบับ เช่น ร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||
| 1696 | ขออนุมัติค่าเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) | ตผ | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติในหลักการให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยบริเวณย่านพหลโยธิน (ศูนย์การผลิตและซ่อมบำรุง ฝ่ายการช่างโยธา) เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) ในลักษณะการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๗๔ อัตราค่าเช่าปีแรกตารางเมตรละ ๑,๕๔๖.๘๘ บาทต่อปี เป็นเงินค่าเช่าปีแรก ๒๗,๐๐๘,๕๒๕ บาท และปรับเพิ่มอัตราค่าเช่าร้อยละ ๕ ทุกปี รวม ๑๕ ปี เป็นจำนวนเงิน ๕๘๒,๘๐๕,๑๗๔.๑๒ บาท โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่ารื้อย้ายค่าก่อสร้างชดเชย และค่าอื่น ๆ ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยกำหนด ตลอดจนจะต้องดำเนินการกับผู้บุกรุกและรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเองทั้งสิ้น ๑.๒ สำหรับค่าใช้จ่ายการเช่าที่ดินรวม ๑๕ ปี เป็นจำนวนเงิน ๕๘๒,๘๐๕,๑๗๔.๑๒ บาท ซึ่งเป็นอัตราค่าเช่าที่สูง เห็นควรพิจารณาทบทวนหรือต่อรองให้ได้อัตราค่าเช่าที่เหมาะสมและต่ำสุดก่อน โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นนั้น ในปีแรกเห็นควรใช้จ่ายจากเงินรายได้ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ส่วนค่าเช่าในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมให้เป็นไปตามสัญญาในแต่ละปีงบประมาณต่อไป ๑.๓ เนื่องจากค่าเช่าที่ดินดังกล่าวจำเป็นต้องก่อหนี้ผูกพันงบประมาณเป็นระยะเวลารวม ๑๕ ปี จึงเห็นควรอนุมัติให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินดำเนินการผูกพันงบประมาณล่วงหน้าเกินกว่า ๕ ปี เป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายในคราวเดียวกัน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเสนอเรื่องการให้เช่าที่ดินหรือให้สิทธิที่ดินภายในพื้นที่บริเวณย่านพหลโยธินดังกล่าว ให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กระทรวงคมนาคม พิจารณาความเหมาะสมก่อนดำเนินการตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 1697 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. .... และร่างระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. .... | นร09 | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. .... และเห็นชอบร่างระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ และร่างระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันให้มีความทันสมัย เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับบริบทของการนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีในปัจจุบัน ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตบางประการของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น มาตรา ๕ ของร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ควรเพิ่มบทบัญญัติเพื่อรองรับกรณีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ยังมิได้มีมติยืนยันหรือยกเลิกคำสั่งของนายกรัฐมนตรีหรือมติคณะรัฐมนตรีเดิม โดยให้ถือปฏิบัติตามคำสั่งหรือมติเดิมไปก่อน จนกว่าจะมีคำสั่งหรือมติเป็นอย่างอื่น และร่างระเบียบฯ ข้อ ๙ การขออนุมัติโครงการจากคณะรัฐมนตรี ควรให้เจ้าของเรื่องกำหนดรูปแบบหรือวิธีในการกำกับดูแลโครงการหรือมาตรการที่จะดำเนินการให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส มีมาตรการป้องกันการทุจริต เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 1698 | สรุปผลการประชุมสุดยอดว่าด้วยการดำเนินงานด้านมนุษยธรรม ณ นครอิสตันบูล สาธารณรัฐตุรกี | กต | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมสุดยอดว่าด้วยการดำเนินงานด้านมนุษยธรรม (World Humanitarian Summit : WHS) และผลการปฏิบัติภารกิจอื่น ๆ ของคณะผู้แทนไทย ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ณ นครอิสตันบูล สาธารณรัฐตุรกี โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย พร้อมด้วยผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเข้าร่วมการประชุมฯ รวมถึงการปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประชุมฯ และมอบหมายหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ในประเด็นต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้
๑. ถ้อยแถลงในการประกาศคำมั่นของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมเต็มคณะ ๒. ถ้อยแถลงในการประกาศคำมั่นสำหรับการประชุมโต๊ะกลมระดับผู้นำหัวข้อ "ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ-การจัดการความเสี่ยงและวิกฤติที่แตกต่าง" ๓. ถ้อยแถลงในการประกาศคำมั่นสำหรับการประชุมโต๊ะกลมระดับผู้นำหัวข้อ "การไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง-การให้คำมั่นเพื่อจัดการกับการพลัดถิ่น" ๔. กฎบัตรว่าด้วยการครอบคลุมคนพิการในการดำเนินงานด้านมนุษยธรรมและถ้อยแถลงในการประกาศคำมั่นในการอนุวัติกฎบัตรว่าด้วยการครอบคลุมคนพิการในการดำเนินงานด้านมนุษยธรรม ๕. แถลงการณ์แสดงความยึดมั่นต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ๖. แถลงการณ์ทางการเมืองสำหรับการประชุมสุดยอดว่าด้วยการดำเนินงานด้านมนุษยธรรม ๗. เอกสารคำมั่นเกี่ยวกับข้อริเริ่มด้านมนุษยธรรมเพื่อโลกที่ปลอดอาวุธนิวเคลียร์ |
|||||||||||||||||||||
| 1699 | สรุปสาระสำคัญการประชุมรัฐมนตรีศึกษาอาเซียน ครั้งที่ 9 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ศธ | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบ เห็นชอบ และอนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบสรุปสาระสำคัญการประชุมรัฐมนตรีศึกษาอาเซียน ครั้งที่ ๙ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ณ รัฐ Selangor ประเทศมาเลเซีย ซึ่งที่ประชุมได้มีการนำเสนอและพิจารณาเอกสารเกี่ยวกับแผน ๕ ปีด้านการศึกษาของอาเซียน พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ (ASEAN 5-Year Work Plan on Education 2016-2020) (ร่าง) ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการสร้างความเข้มแข็งด้านการศึกษาให้กับเด็กตกหล่น (ASEAN Declaration on Strengthening Education for the Out-of-School Children and Youth : OOSCY) และ (ร่าง) กฎบัตรเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน (The Charter of ASEAN University Network : AUN Charter) ๑.๒ เห็นชอบเอกสารจำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ ๑.๒.๑ (ร่าง) แผน ๕ ปีด้านการศึกษาของอาเซียน พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ (ASEAN 5-Year Work Plan on Education 2016-2020) เพื่อปรับใช้ในการดำเนินความร่วมมือด้านการศึกษาในกรอบอาเซียนต่อไป ๑.๒.๒ (ร่าง) ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการสร้างความเข้มแข็งด้านการศึกษาให้กับเด็กตกหล่น (ASEAN Declaration on Strengthening Education for the Out-of-School Children and Youth : OOSCY) เพื่อให้ที่ประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนเสนอบรรจุเป็นเอกสารประกอบการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๘ ๑.๒.๓ การปรับปรุง (ร่าง) กฎบัตรเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน (The Charter of ASEAN University Network : AUN Charter) ๑.๓ อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้การรับรอง (ร่าง) ปฏิญญาฯ ร่วมกับผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๘ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งมีกำหนดจัดในเดือนกันยายน ๒๕๕๙ หรือตามที่ผู้จัดพิจารณาเห็นสมควร ๑.๔ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยใน (ร่าง) กฎบัตรฯ ฉบับปรับปรุงร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของประเทศสมาชิกอาเซียนในโอกาสแรกต่อไป ๑.๕ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไทยหรือผู้แทนสำหรับการลงนามดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 1700 | รายงานผลการปรับปรุงงบลงทุนระหว่างปีของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี 2559 ไตรมาส 2 (มกราคม - มีนาคม 2559) | นร11 | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานผลการปรับปรุงงบลงทุนระหว่างปีของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี ๒๕๕๙ ไตรมาส ๒ (มกราคม-มีนาคม ๒๕๕๙) โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ปรับปรุงกรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ทำให้กรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนที่สะสมถึงไตรมาส ๒ (ตุลาคม ๒๕๕๘-มีนาคม ๒๕๕๙) ปรับลดลงจาก ๕๓๓,๑๖๗ ล้านบาท เป็น ๕๒๗,๖๐๑ ล้านบาท และจากการปรับกรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนระหว่างปีดังกล่าว รัฐวิสาหกิจจึงได้จัดทำเป้าหมายการดำเนินงานตามกรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนที่มีการปรับปรุงใหม่ โดยตั้งเป้าการเบิกจ่ายอยู่ที่ ๑๑๑,๓๔๒ ล้านบาท แต่รัฐวิสาหกิจสามารถเบิกจ่ายลงทุนได้จริง จำนวน ๕๙,๖๗๒ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๕๓.๖ ของเป้าหมายไตรมาสที่สอง สาเหตุจากความล่าช้าในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐวิสาหกิจ ๒. มอบหมายให้หน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.๑ เห็นควรให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจเร่งรัดเบิกจ่ายลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมทั้งให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙) ที่ให้หน่วยงานกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจพิจารณาว่าหากโครงการใดไม่สามารถดำเนินการได้ ให้มีการทบทวนการลงทุนเพื่อปรับเปลี่ยนรายละเอียดโครงการ/หรือนำงบลงทุนไปใช้ดำเนินการในโครงการสำคัญในลำดับถัดไปแทน ๒.๒ เห็นควรให้กระทรวงการคลังพิจารณาปรับเกณฑ์ในส่วนของตัวชี้วัดหลักด้านผลการเบิกจ่ายลงทุนให้มีน้ำหนักมากขึ้น โดยให้มีผลกระทบต่อการประเมินผลในภาพรวมของกรรมการรัฐวิสาหกิจและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจอย่างมีนัยยะสำคัญ เพื่อให้รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายลงทุนได้ตามแผนที่กำหนดไว้
|
|||||||||||||||||||||
.....
