ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 83 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 1641 - 1660 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1641 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบาย และข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับโทษประหารชีวิตและ หลักสิทธิมนุษยชน | ยธ | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับโทษประหารชีวิตและหลักสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยในส่วนของข้อเสนอแนะเชิงนโยบายกระทรวงยุติธรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำการวิจัยดำเนินการสัมมนาทางวิชาการเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโทษประหารชีวิต ศึกษาความพร้อมของประเทศไทยต่อการเข้าเป็นภาคีพิธีสารเลือกรับของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง้ (Internation on Civil and Political Rights : ICCPR) ฉบับที่ ๒ ซึ่งมุ่งยกเลิกโทษประหารชีวิต และในส่วนของข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายฯ ได้มีการเสนอเป้าหมายการดำเนินการเปลี่ยนแปลงโทษประหารชีวิตเป็นสามระยะเป็น ๓ ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ ๑ ปรับอัตราโทษการพิจารณาประเภท จากโทษประหารชีวิตสถานเดียว เป็นโทษอัตราขั้นสูงสุดประหารชีวิต ระยะที่ ๒ ยกเลิกโทษประหารชีวิตในบางฐานความผิด และระยะที่ ๓ ยกเลิกโทษประหารชีวิตในฐานความผิดที่เหลือทั้งหมด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1642 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. .... | มท | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลนนทรี ตำบลเมืองเก่า ตำบลกบินทร์ ตำบลวังดาล ตำบลนาแขม ตำบลบ้านนา และตำบลบ่อทอง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรมีการตรวจสอบรูปแผนที่ให้ชัดเจนก่อนมีการดำเนินการ และกำหนดให้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินสามารถใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได้ รวมทั้งการใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงาน นอกจากนี้ การกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ลุ่มน้ำ และแหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ ตลอดจนการกำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่น ๆ ที่เป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินรองของการใช้ประโยชน์ที่ดินหลักในแต่ละประเภท เมื่อมีการใช้ประโยชน์ที่ดินในแต่ละบริเวณแล้ว ควรมีการจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะให้ทราบว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นไปแล้วเท่าใด และใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานในการกำหนดผังเมืองรวมฉบับที่จะมีการปรับปรุงของแต่ละเมือง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1643 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตท่าเรือระนอง จังหวัดระนอง พ.ศ. .... | คค | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตท่าเรือระนอง จังหวัดระนอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตท่าเรือระนอง จังหวัดระนอง ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับกิจกรรมการขนส่งทางน้ำที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน เพื่อจัดระเบียบการจราจรทางน้ำและระบบการขนส่งทางน้ำ เพื่อให้การคมนาคมขนส่งทางน้ำมีความปลอดภัยและมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น ตลอดจนการควบคุมมลภาวะทางทะเล ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ให้กรมเจ้าท่าต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการปรับปรุงท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ระนองของกรมเจ้าท่า ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1644 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวและเงินช่วยเหลือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวและเงินช่วยเหลือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการปรับปรุงระเบียบดังกล่าว ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ในโอกาสแรกก่อน และหากไม่เพียงพอ ก็ให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1645 | รายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 (ครั้งที่ 16) | มท | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ (ครั้งที่ ๑๖) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลงานสะสมที่ทำได้ คิดเป็นร้อยละ ๒๐.๓๗ ๑.๒ การส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง ไม่มีการส่งมอบพื้นที่เพิ่มเติม ส่งมอบแล้ว ๑๐๓-๒-๑๓ ไร่ คิดเป็นร้อยละ ๘๔ ๑.๓ ปัญหา/อุปสรรค ได้แก่ การส่งมอบพื้นที่ที่เหลือยังส่งมอบไม่ได้ตามสัญญาก่อสร้างกระทบกับแผนงานก่อสร้างตามที่ได้รับอนุมัติ และกระทบกับการใช้พื้นที่ในการจัดกองวัสดุหรือประกอบชิ้นส่วนโครงสร้างก่อนนำไปติดตั้ง ซึ่งตามแผนงานผู้รับจ้างจะใช้เวลาก่อสร้างงานส่วนดังกล่าว เป็นเวลา ๓๗๖ วัน รวมทั้งกรณีชุมชนบ้านพักองค์การทอผ้า จำนวน ๑๙ ครอบครัว ไม่ได้รับสิทธิ์เข้าอยู่อาศัยในที่พักแห่งใหม่ ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะดำเนินการปรับปรุงแฟลตดังกล่าว แต่ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนสำรวจและประเมินราคา ๑.๔ คณะทำงานติดตามความก้าวหน้าของโครงการฯ มีความเห็นว่า (๑) การขยายระยะเวลาก่อสร้างออกไปจำนวน ๓๘๗ วัน ไม่สามารถทำให้งานก่อสร้างแล้วเสร็จได้ อีกทั้งยังมีเหตุให้ผู้รับจ้างขอขยายระยะเวลาการก่อสร้างออกไปได้อีก (๒) พื้นที่ที่ยังไม่ได้ส่งมอบให้ผู้รับจ้างที่จะต้องเร่งรัดดำเนินการ ได้แก่ พื้นที่บ้านพักกรมการอุตสาหกรรมทหาร ศูนย์บริการสาธารณสุข ๓๘ โรงเรียนโยธินบูรณะ และชุมชนบ้านพักองค์การทอผ้า และ (๓) ควรให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเร่งรัดการดำเนินการขายซากอาคารเพื่อให้สามารถส่งมอบพื้นที่ให้แก่ผู้รับจ้างได้โดยเร็ว ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) พิจารณาตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1646 | การร่วมรับรองเอกสารในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 48 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง | พณ | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบเอกสารในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers : AEM) ครั้งที่ ๔๘ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒-๗ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนจะมีการรับรองเอกสารด้านเศรษฐกิจ จำนวน ๒๑ ฉบับ ประกอบด้วย (๑) เอกสารผลงานด้านเศรษฐกิจที่ สปป.ลาว ในฐานะประธานอาเซียนในปี ๒๕๕๙ ให้ความสำคัญ จำนวน ๕ ฉบับ (๒) แผนปฏิบัติการรายสาขาภายใต้ AEC Blueprint 2025 จำนวน ๑๑ ฉบับ (๓) กรอบการตรวจสอบและประเมินผลสำหรับ AEC Blueprint 2025 (AEC 2025 Monitoring & Evaluation Framework) และ (๔) เอกสารที่ AEM จะรับรองร่วมกับประเทศคู่เจรจาของอาเซียน จำนวน ๔ ฉบับ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับแผนปฏิบัติการ รายสาขาภายใต้ AEC Blueprint 2025 ซึ่งเห็นควรมีประเด็นเพิ่มเติมในส่วนของแผนปฏิบัติการเชิงยุทธศาสตร์ด้านการค้าบริการอาเซียน แผนยุทธศาสตร์ด้านมาตรฐานและการรับรอง แผนงานด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน และแผนงานการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในห่วงโซ่มูลค่าโลกของอาเซียน สำหรับกรอบการดำเนินงานด้านความปลอดภัยอาหารของอาเซียนเห็นควรมีการปรับปรุงสาระสำคัญของร่างเอกสารฯ บางประการ และปรับสถานะของเอกสารเป็น General Principles for AFSRF เพื่อความเหมาะสมกับเนื้อหาของร่างเอกสารฯ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรร่วมกันพิจารณาจัดทำรายละเอียดเครื่องมือทางกฎหมายและพิธีสารภายใต้ร่างเอกสารดังกล่าว ทั้งนี้ แนวทางความร่วมมือระหว่างกันในอาเซียนควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาความช่วยเหลือเพื่อลดช่องว่างระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันระหว่างประเทศสมาชิก เพื่อขจัดปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานและส่งเสริมการพัฒนาของประเทศสมาชิกให้สามารถบรรลุเป้าหมายร่วมกันได้ รวมทั้งการทบทวนและใช้ประโยชน์จากกรอบความร่วมมือที่มีอยู่เดิมให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น นอกจากนี้ ควรสร้างความรู้ความเข้าใจและการเตรียมการในแนวทางการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระยะต่อไป โดยเฉพาะภาคเอกชนซึ่งจะเข้ามามีบทบาทในความร่วมมือเพื่อพัฒนาในประเด็นต่าง ๆ ภายในอาเซียนมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงเอกสารฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1647 | การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว กัมพูชา | รง | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางแก้ไขปัญหาการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ โดยการปรับปรุงขั้นตอนการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ (๑) คณะอนุกรรมการพิจารณากำหนดเงื่อนไขการอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวเปลี่ยนไปทำงานกับนายจ้างรายใหม่ (๒) คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ติดตามของแรงงานต่างด้าวและบุตรของแรงงานต่างด้าวที่เกิดในประเทศไทย และ (๓) คณะอนุกรรมการพิจารณาการให้สัตยาบันอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ ๑๘๘ และคณะอนุกรรมการยกร่างกฎหมาย ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานชี้แจงเพิ่มเติมว่า โดยที่ชื่อ “ศูนย์แรกรับเข้าทำงานและส่งกลับแรงงานต่างด้าวตามแนวชายแดน” อาจซ้ำซ้อนกับภารกิจที่หน่วยงานอื่นรับผิดชอบ ส่งผลให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับภารกิจที่ศูนย์ฯ จะดำเนินการ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวจึงขอแก้ไขชื่อเป็น “ศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้าง” ๓. เห็นชอบในหลักการให้ขยายระยะเวลาการหักเงินค่าจ้างจากลูกจ้างเพื่อนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรเป็นเวลา ๒ ปี (๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๙-๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๑) และให้เริ่มหักเงินในวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงแรงงานเร่งดำเนินการจัดทำกฎกระทรวงเพื่อรองรับการขยายระยะเวลาการหักเงินค่าจ้างเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป ๔. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงแรงงานจัดตั้งศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้าง และศูนย์ร่วมบริการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าว โดยให้กระทรวงแรงงานดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๕. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรเพิ่มภารกิจของ "ศูนย์ร่วมบริการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าว" ให้มีหน้าที่ประสานการส่งกลับแรงงานต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรยังภูมิลำเนาในประเทศต้นทาง ในกรณีที่ผลการตรวจสุขภาพเป็นประเภทที่ ๓ และแรงงานต่างด้าวที่เจ็บป่วยจนไม่สามารถทำงานได้แล้ว สำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งและดำเนินการศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้าง และศูนย์ร่วมบริการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าว ให้ใช้จ่ายจากเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร โดยคำนึงถึงความประหยัด ความมั่นคง การบูรณาการในพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญ รวมทั้งควรมีมาตรการที่ชัดเจนในการตรวจสอบ ติดตาม ให้นายจ้างนำแรงงานต่างด้าวมาตรวจร่างกายตามที่ได้นัดหมายไว้ เพื่อป้องกันปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดต่อร้ายแรงหรือโรคต้องห้าม อันจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ตลอดจนพิจารณาปรับระบบวิธีการทำงานของศูนย์ฯ ทั้ง ๒ ศูนย์ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวได้อย่างเป็นระบบและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ด้านแรงงานต่างด้าวได้อย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กันไป และควรกำหนดให้มีตัวชี้วัดผลการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว เพื่อติดตามประเมินผลการปฏิบัติราชการของหน่วยงานตามแนวทางที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๖. ให้กระทรวงแรงงานสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเงื่อนไขการขยายระยะเวลาการอยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวที่เป็นผู้เสียหายจากการกระทำผิดฐานค้ามนุษย์ ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษสำหรับผู้เสียหายจากการกระทำผิดฐานค้ามนุษย์ และที่แก้ไขเพิ่มเติมด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1648 | ร่างพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยาม บทบัญญัติเกี่ยวกับคณะกรรมการวัตถุอันตราย บทบัญญัติสำหรับการนำผ่าน การนำกลับเข้ามา และส่งกลับออกไป ซึ่งวัตถุอันตราย อายุใบสำคัญ การขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย กำหนดให้มีคณะกรรมการกำกับการควบคุมวัตถุอันตราย เพิ่มข้อบทยกเว้นในการนำวัตถุอันตรายมาใช้สำหรับการศึกษา การวิเคราะห์ การวิจัยและพัฒนา กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการโฆษณาวัตถุอันตราย และเพิ่มบทลงโทษ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการยกระดับคณะกรรมการวัตถุอันตรายขึ้นเป็นคณะกรรมการวัตถุอันตรายแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการอาจไม่สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๔๙ (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการเสนอร่างกฎหมาย) ซึ่งกำหนดแนวทางปฏิบัติในการเสนอร่างกฎหมายว่าไม่ควรมีข้อกำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ เว้นแต่มีความจำเป็น เพื่อให้มีการประสานนโยบายหรือเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีโดยตรงที่จะกำหนดนโยบายหรือบริหารกฎหมายนั้น และข้อสังเกตของกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับการกำหนดนิยามการนำกลับเข้ามาและการส่งกลับออกไป แยกจากการนำเข้าและการส่งออก และกำหนดให้มีการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วแต่กรณีตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติฯ รวมทั้งเพิ่มเติมข้อความ “ทั้งนี้ การผ่อนผันให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบกำหนด” ท้ายความในมาตรา ๒๐/๓ แห่งร่างพระราชบัญญัติฯ เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น และหน่วยงานผู้รับผิดชอบจะได้ออกหลักเกณฑ์ได้ทันต่อเหตุการณ์ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณากำหนดแนวทางและแนวปฏิบัติที่มีความชัดเจนสำหรับการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนประเด็นร่วมที่สำคัญ เพื่อให้เกิดความคล่องตัว เป็นระบบ และสามารถบรรลุผลสัมฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. รับทราบแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1649 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำตามนโยบายของรัฐบาลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาส มหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559 (เพิ่มเติม) | กห | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๘๗,๘๗๗,๒๐๐ บาท ให้กองทัพบกเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำตามนโยบายของรัฐบาลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ เพิ่มเติม จำนวน ๓ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการขุดลอกคลองบางสองร้อย (เพิ่มเติม) ระยะทาง ๒๐.๖ กิโลเมตร (๒) โครงการขุดลอกอ่างเก็บน้ำห้วยโม้เต็ง ตำบลน้ำพุ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี และ (๓) โครงการงานก่อสร้างประตูระบายน้ำบางกระ ตำบลหนองกลางนา อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการขุดลอกคลองและอ่างเก็บน้ำในช่วงฤดูฝน อาจทำให้การขุดลอกไม่สามารถดำเนินการได้ตามระยะเวลา และบรรลุเป้าหมายการเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำและการระบายน้ำเข้าพื้นที่การเกษตรตามที่ตั้งไว้ หรืออาจต้องใช้จ่ายเงินงบประมาณที่สูงกว่าปกติเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้ จึงควรเร่งรัดการดำเนินการอย่างระมัดระวัง เพื่อสามารถดำเนินการแล้วเสร็จอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1650 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 26/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางในการพัฒนาและยกระดับสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ให้ได้มาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับของตลาดต่างประเทศ เช่น การพัฒนาทักษะฝีมือของผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง การพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ OTOP ตามความต้องการของตลาด การเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ๑.๒ ให้กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่องให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้า พลังงานทดแทน และพลังงานทางเลือก เช่น ก๊าซแอลพีจี ไบโอดีเซล เอทานอล ตลอดทั้งกระบวนการตั้งแต่กระบวนการผลิต การจำหน่าย และโครงสร้างต้นทุน ๑.๓ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและประเมินสถานการณ์การตลาดเอทานอลทั้งภายในและต่างประเทศ รวมทั้งพิจารณากำหนดมาตรการส่งเสริมการนำผลผลิตทางการเกษตรของเกษตรกร เช่น อ้อย มาใช้ในการผลิตเอทานอล ๒. ด้านสังคม มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับกระทรวงแรงงาน (สำนักงานประกันสังคม) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พิจารณาแนวทางการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ในการได้รับบริการด้านสุขภาพของผู้พิการที่มีงานทำและเป็นผู้ประกันตนตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม และผู้พิการที่ยังไม่มีงานทำและเป็นผู้ได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้มีความสอดคล้องเท่าเทียมกัน ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการรวบรวมผลการดำเนินงานของรัฐบาลที่สำคัญในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมา โดยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและต่างประเทศได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง ๓.๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี โดยมีการกำหนดแผนงานหรือโครงการสำคัญและตัวชี้วัดความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม รวมทั้งให้กำหนดกรอบการประเมินผลการดำเนินงานทุก ๑ ปี และ ๕ ปี เพื่อเป็นข้อมูลในการปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานของรัฐบาลต่อไป ๓.๓ ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งดำเนินการปรับปรุงหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนในระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมให้สอดคล้องและเหมาะสมกับศักยภาพของผู้เรียนและสภาพสังคมของแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีการใช้ภาษาท้องถิ่นของตนเองอยู่มาก ๓.๔ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการทำลายแผง Solar Cell ที่ไม่ใช้งานแล้ว นั้น เนื่องด้วยปัจจุบันยังไม่มีมาตรการทางกฎหมายใช้บังคับสำหรับการกำจัดวัตถุหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่หมดอายุการใช้งานแล้วเป็นการเฉพาะ เช่น Solar Cell จึงให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณากำหนดมาตรการทางกฎหมายสำหรับการทำลายวัตถุดังกล่าวที่หมดอายุจากการใช้งาน เพื่อป้องกันมิให้เกิดอันตรายต่อสุขอนามัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1651 | ร่างกฎกระทรวงให้ใชับังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม 35 ฉบับ (จังหวัดสมุทรสาคร) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม ๓๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครพนม จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดตาก จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดลพบุรี จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสกลนคร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดลำพูน จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปัตตานี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดชัยนาท จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้แก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ ตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ได้แก่ (๑) การกำหนดยกเว้นไม่ให้ใช้ข้อบังคับข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสำหรับบางพื้นที่ (๒) การยกเว้นหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับเอกชนเป็นการเฉพาะราย และ (๓) ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอื่นในที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการยกเว้นในเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภทให้สามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนบางประเภทซึ่งมีลักษณะเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ รวมทั้งการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์ นอกจากนี้ เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้แล้ว ควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เมื่อมีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงฯ รวม ๓๕ ฉบับดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตามแนวทางการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1652 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม 35 ฉบับ (จังหวัดศรีสะเกษ) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม ๓๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครพนม จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดตาก จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดลพบุรี จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสกลนคร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดลำพูน จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปัตตานี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดชัยนาท จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้แก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ ตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ได้แก่ (๑) การกำหนดยกเว้นไม่ให้ใช้ข้อบังคับข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสำหรับบางพื้นที่ (๒) การยกเว้นหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับเอกชนเป็นการเฉพาะราย และ (๓) ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอื่นในที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการยกเว้นในเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภทให้สามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนบางประเภทซึ่งมีลักษณะเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ รวมทั้งการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์ นอกจากนี้ เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้แล้ว ควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เมื่อมีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงฯ รวม ๓๕ ฉบับดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตามแนวทางการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1653 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม 35 ฉบับ (จังหวัดนครพนม) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม ๓๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครพนม จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดตาก จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดลพบุรี จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสกลนคร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดลำพูน จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปัตตานี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดชัยนาท จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้แก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ ตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ได้แก่ (๑) การกำหนดยกเว้นไม่ให้ใช้ข้อบังคับข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสำหรับบางพื้นที่ (๒) การยกเว้นหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับเอกชนเป็นการเฉพาะราย และ (๓) ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอื่นในที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการยกเว้นในเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภทให้สามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนบางประเภทซึ่งมีลักษณะเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ รวมทั้งการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์ นอกจากนี้ เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้แล้ว ควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เมื่อมีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงฯ รวม ๓๕ ฉบับดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตามแนวทางการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1654 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม 35 ฉบับ (จังหวัดสุพรรณบุรี) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม ๓๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครพนม จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดตาก จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดลพบุรี จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสกลนคร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดลำพูน จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปัตตานี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดชัยนาท จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้แก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ ตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ได้แก่ (๑) การกำหนดยกเว้นไม่ให้ใช้ข้อบังคับข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสำหรับบางพื้นที่ (๒) การยกเว้นหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับเอกชนเป็นการเฉพาะราย และ (๓) ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอื่นในที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการยกเว้นในเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภทให้สามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนบางประเภทซึ่งมีลักษณะเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ รวมทั้งการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์ นอกจากนี้ เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้แล้ว ควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เมื่อมีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงฯ รวม ๓๕ ฉบับดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตามแนวทางการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1655 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม 35 ฉบับ (จังหวัดหนองคาย) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม ๓๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครพนม จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดตาก จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดลพบุรี จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสกลนคร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดลำพูน จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปัตตานี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดชัยนาท จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้แก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ ตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ได้แก่ (๑) การกำหนดยกเว้นไม่ให้ใช้ข้อบังคับข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสำหรับบางพื้นที่ (๒) การยกเว้นหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับเอกชนเป็นการเฉพาะราย และ (๓) ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอื่นในที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการยกเว้นในเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภทให้สามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนบางประเภทซึ่งมีลักษณะเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ รวมทั้งการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์ นอกจากนี้ เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้แล้ว ควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เมื่อมีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงฯ รวม ๓๕ ฉบับดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตามแนวทางการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1656 | ร่างกฎกระทรวงให้ใชับังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม 35 ฉบับ (จังหวัดอุตรดิตถ์) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม ๓๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครพนม จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดตาก จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดลพบุรี จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสกลนคร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดลำพูน จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปัตตานี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดชัยนาท จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้แก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ ตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ได้แก่ (๑) การกำหนดยกเว้นไม่ให้ใช้ข้อบังคับข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสำหรับบางพื้นที่ (๒) การยกเว้นหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับเอกชนเป็นการเฉพาะราย และ (๓) ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอื่นในที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการยกเว้นในเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภทให้สามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนบางประเภทซึ่งมีลักษณะเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ รวมทั้งการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์ นอกจากนี้ เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้แล้ว ควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เมื่อมีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงฯ รวม ๓๕ ฉบับดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตามแนวทางการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1657 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม 35 ฉบับ (จังหวัดลำพูน) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม ๓๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครพนม จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดตาก จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดลพบุรี จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสกลนคร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดลำพูน จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปัตตานี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดชัยนาท จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้แก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ ตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ได้แก่ (๑) การกำหนดยกเว้นไม่ให้ใช้ข้อบังคับข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสำหรับบางพื้นที่ (๒) การยกเว้นหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับเอกชนเป็นการเฉพาะราย และ (๓) ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอื่นในที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการยกเว้นในเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภทให้สามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนบางประเภทซึ่งมีลักษณะเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ รวมทั้งการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์ นอกจากนี้ เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้แล้ว ควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เมื่อมีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงฯ รวม ๓๕ ฉบับดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตามแนวทางการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1658 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม 35 ฉบับ (จังหวัดอำนาจเจริญ) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม ๓๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครพนม จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดตาก จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดลพบุรี จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสกลนคร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดลำพูน จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปัตตานี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดชัยนาท จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้แก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ ตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ได้แก่ (๑) การกำหนดยกเว้นไม่ให้ใช้ข้อบังคับข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสำหรับบางพื้นที่ (๒) การยกเว้นหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับเอกชนเป็นการเฉพาะราย และ (๓) ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอื่นในที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการยกเว้นในเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภทให้สามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนบางประเภทซึ่งมีลักษณะเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ รวมทั้งการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์ นอกจากนี้ เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้แล้ว ควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เมื่อมีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงฯ รวม ๓๕ ฉบับดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตามแนวทางการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1659 | ร่างกฎกระทรวงให้ใชับังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม 35 ฉบับ (จังหวัดเพชรบูรณ์) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม ๓๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครพนม จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดตาก จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดลพบุรี จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสกลนคร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดลำพูน จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปัตตานี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดชัยนาท จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้แก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ ตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ได้แก่ (๑) การกำหนดยกเว้นไม่ให้ใช้ข้อบังคับข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสำหรับบางพื้นที่ (๒) การยกเว้นหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับเอกชนเป็นการเฉพาะราย และ (๓) ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอื่นในที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการยกเว้นในเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภทให้สามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนบางประเภทซึ่งมีลักษณะเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ รวมทั้งการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์ นอกจากนี้ เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้แล้ว ควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เมื่อมีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงฯ รวม ๓๕ ฉบับดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตามแนวทางการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1660 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม 35 ฉบับ (จังหวัดตาก) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม ๓๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครพนม จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดตาก จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดลพบุรี จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสกลนคร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดลำพูน จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปัตตานี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดชัยนาท จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้แก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ ตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ได้แก่ (๑) การกำหนดยกเว้นไม่ให้ใช้ข้อบังคับข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสำหรับบางพื้นที่ (๒) การยกเว้นหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับเอกชนเป็นการเฉพาะราย และ (๓) ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอื่นในที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการยกเว้นในเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภทให้สามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนบางประเภทซึ่งมีลักษณะเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ รวมทั้งการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์ นอกจากนี้ เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้แล้ว ควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เมื่อมีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงฯ รวม ๓๕ ฉบับดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตามแนวทางการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
