ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 110 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 2181 - 2200 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2181 | สรุปผลการเข้าร่วมประชุม World Economic Forum ประจำปี 2558 ของรองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) | นร04 | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเข้าร่วมประชุม World Economic Forum (WEF) ประจำปี ๒๕๕๘ ของรองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วมการประชุมด้วย ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๔ มกราคม ๒๕๕๘ ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รองนายกรัฐมนตรีได้รับเชิญให้กล่าวถ้อยแถลงในการหารือหัวข้อ “The ASEAN Agenda” และได้ร่วมให้ข้อคิดเห็นในการหารือหัวข้อ “Creating the ASEAN Economic Community” โดยได้กล่าวถึงประเด็นสำคัญ ได้แก่ ตลาดอาเซียน การขจัดอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี การปรับปรุงกฎระเบียบระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนให้สอดคล้องกันเพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการภายใต้ตลาดร่วมอาเซียน และเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และการขยายฐานการผลิตในอาเซียนเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้ากับคู่ค้าจากภูมิภาคต่าง ๆ ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้เข้าร่วมการหารือหัวข้อ “Energy Reforms : New Models for Sustained Growth” โดยที่ประชุมเห็นว่าราคาพลังงานในปี ๒๕๕๘ จะสูงไม่เกิน ๖๐ ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และการปฏิรูปพลังงานมีทิศทางเดียวกันทั่วโลก คือ การลดบทบาทของรัฐให้เป็นผู้กำกับ เพิ่มบทบาทของภาคเอกชน และลดหรือเลิกการอุดหนุนและการบิดเบือนราคาพลังงาน ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของไทย โดยกล่าวถึงการเปิดให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทในการผลิตไฟฟ้า การใช้เชื้อเพลิงหลากหลายชนิดทั้งพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก รวมทั้งการปรับโครงสร้างราคา ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เข้าร่วมในการหารือ High-level dinner discussion หัวข้อ “Promoting Sustainable Agriculture, Food Systems and Forestry in the context of climate change” โดยที่ประชุมมีความเห็นสอดคล้องเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ใหม่สำหรับการเกษตร (New Vision for Agriculture) ซึ่งประกอบด้วยหลักการ ๓ ประการ คือ ความมั่นคงทางอาหาร โอกาสทางเศรษฐกิจ และความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมโดยภาครัฐ ภาคเอกชนเกษตรกร และองค์กรอิสระมีส่วนร่วมขับเคลื่อนกลไกความมั่นคงทางอาหารและการเกษตร ๔. การเข้าร่วมการประชุม WEF 2015 ของไทย เป็นไปอย่างราบรื่น โดยกรรมการผู้จัดการ WEF ได้มีหนังสือแสดงความชื่นชมและขอบคุณรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ได้มีบทบาทอย่างแข็งขันในการประชุมครั้งนี้ สำหรับไทย การเข้าร่วมการประชุม WEF 2015 เป็นโอกาสในการชี้แจงและสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับนโยบายและทิศทางเศรษฐกิจของไทย ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมประชุม
|
|||||||||||||||||||||
| 2182 | ความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับสิงคโปร์ ฉบับแก้ไข | กค | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับสิงคโปร์ ฉบับแก้ไข มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับสิงคโปร์ที่มีผลใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันให้มีความเหมาะสมกับข้อกฎหมายและลักษณะการประกอบธุรกิจในปัจจุบัน โดยกำหนดหลักการที่สำคัญเพื่อขจัดการเก็บภาษีซ้ำซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้ระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นอันเนื่องจากอำนาจในการจัดเก็บภาษีของทั้งสองประเทศทำให้เกิดการจัดเก็บภาษีซ้ำซ้อนบนฐานรายได้จำนวนเดียวกัน ทั้งนี้ เมื่อผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว หากมีการแก้ไขโดยที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของความตกลงฯ ดังกล่าว เห็นควรให้กระทรวงการคลังสามารถทำการแก้ไขได้ทันที และเมื่อแก้ไขแล้วเห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการทางการทูต เพื่อให้มีผลใช้บังคับต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการตามแบบพิธีทางการทูตและกฎหมายภายในเพื่อให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในภายหลังจากที่ได้มีการบังคับใช้ความตกลงฯ แล้ว และต่อไปในอนาคตข้างหน้าหากมีความจำเป็นในการปรับปรุงแก้ไขความตกลงฯ อีก ควรมีการพิจารณาให้ครอบคลุมประเด็นการขนส่งทางบกระหว่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 2183 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านการต่างประเทศ ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติเพื่อรับรองวาระการพัฒนาภายในหลังปี ๒๐๑๕ และจัดทำข้อมูลสำหรับนายกรัฐมนตรี ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจัดตั้งศูนย์บริการด้านธุรกิจ (One Stop Service) ในพื้นที่ที่ประชาชนสามารถเดินทางไปติดต่อได้สะดวก เช่น ห้างสรรพสินค้า (ตามแนวทางของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๗ เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) และรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๘ ๒.๒ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือชาวเกษตรกรสวนยางและผู้ประกอบการยางพารา ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เริ่มดำเนินโครงการไปแล้ว นั้น ๒.๒.๑ ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ กระทรวงกลาโหม (หน่วยทหารในพื้นที่) ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบความก้าวหน้า ความถูกต้อง และความโปร่งใสของการดำเนินโครงการ โดยเฉพาะการรับซื้อยางพาราว่าได้รับซื้อจากเกษตรกรรายย่อยและกลุ่มสหกรณ์ชุมชนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว ๒.๒.๒ ให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการรับซื้อน้ำยางสดจากเกษตรกรที่มีหัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธานรายงานผลการตรวจสอบให้นายกรัฐมนตรีทราบภายในเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ ๒.๒.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์กำหนดแนวทางการระบายยางพาราที่รับซื้อจากเกษตรกรรายย่อยและกลุ่มสหกรณ์ชุมชน และจัดหาผู้ประกอบการมาดำเนินการในการขนส่ง/ขนย้ายยางพาราดังกล่าว ๒.๒.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทบทวนองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสงเคราะห์การทำสวนยาง ๒.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหมกำหนดมาตรการเพื่อเตรียมการรองรับผลผลิตทางการเกษตรที่จะออกมาในฤดูการผลิตใหม่ โดยให้ครอบคลุมตั้งแต่การกำหนดรายละเอียดกลุ่มเป้าหมาย ตลาดรับซื้อ การขนส่ง และการระบายผลผลิต ๒.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกระทรวงอุตสาหกรรมให้การสนับสนุนนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรต่าง ๆ เพื่อขยายตลาดให้กว้างขวางขึ้น เช่น การแปรรูปข้าวให้เป็นผลิตภัณฑ์ชนิดอื่น ๆ การนำผ้าไหมไปผลิตเป็นกระเป๋าแฟชั่น ๒.๕ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสนับสนุนการพัฒนาและเร่งรัดการผลิตเครื่องสีข้าวขนาดเล็ก และส่งเสริมให้มีการนำไปใช้ในชุมชนขนาดเล็กและสหกรณ์การเกษตรต่าง ๆ ๒.๖ ให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางคมนาคมขนส่งทางรางต่าง ๆ ตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ เพื่อใช้ประกอบในการเจรจากับรัฐบาลญี่ปุ่นที่มีความสนใจที่จะร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมกับรัฐบาลไทย ๓. ด้านสังคม ๓.๑ ให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับกรมประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชนชาติไทยให้แก่ประชาชนมีความภาคภูมิใจและให้นานาชาติได้รับรู้ถึงประวัติศาสตร์ของชาติไทย ๓.๒ ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดดำเนินการปรับปรุงหลักสูตรระดับอุดมศึกษา โดยจำแนกให้ชัดเจนว่า สถาบันการศึกษาแต่ละประเภทจะมีหลักสูตรอย่างไรบ้าง ได้แก่ กลุ่มที่ ๑ มหาวิทยาลัยทั่วไปมุ่งเน้นการศึกษาระดับปริญญาตรีตามแบบแผน (เช่น แพทย์ วิศวะ บัญชี รัฐศาสตร์) กลุ่มที่ ๒ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลมุ่งเน้นการพัฒนาสายเทคนิคและช่างอาชีวะ และกลุ่มที่ ๓ มหาวิทยาลัยราชภัฏมุ่งเน้นการพัฒนาครูและบุคลากรในภาคบริการ (เช่น การท่องเที่ยว โรงแรม) และให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ส่งเสริมแนวทางการจัดการอาชีวศึกษาทวิภาคี ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาอาชีวะภาครัฐและผู้ประกอบการภาคเอกชนในการเตรียมกำลังคนด้านอาชีวะให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจผ่านการเปิดโอกาสให้นักศึกษาอาชีวะได้ฝึกงานกับบริษัทต่าง ๆ ๓.๓ ให้กระทรวงศึกษาธิการและทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการกำหนดให้ผู้รับทุนการศึกษาต้องกลับมาปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเพื่อชดใช้ทุนตามวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้จบการศึกษาในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ๓.๔ ให้กระทรวงศึกษาธิการศึกษาข้อเสนอแนะของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และระบบการจัดการศึกษาของประเทศต่าง ๆ และเสนอผลการศึกษาและแนวทางการจัดระบบการศึกษา โดยเฉพาะเรื่องที่สามารถดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในปี ๒๕๕๘ เพื่อเสนอต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินมาตรการดูแลความปลอดภัย มาตรการลงโทษผู้กระทำผิด รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ประสบอุบัติเหตุ เช่น การประกันภัย อย่างต่อเนื่องด้วย ๔.๒ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักในการหาพื้นที่ควบคุมผู้อพยพแห่งใหม่ โดยร่วมกับกระทรวงกลาโหม (กองบัญชาการกองทัพไทย) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) และให้เสนอผลความคืบหน้าต่อคณะรัฐมนตรีภายในสัปดาห์หน้า ๔.๓ ให้กระทรวงแรงงานตรวจสอบและจัดทำบัญชีสำนักงานจัดหางานหรือบริษัทจัดหางานทุกแห่งทั้งที่ได้รับใบอนุญาตแต่ดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และที่ไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเป็นข้อมูลให้กับผู้หางานทราบ และหามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการหลอกลวงแรงงาน รวมทั้งกำหนดมาตรการควบคุมให้แรงงานต่างด้าวที่จดทะเบียนในท้องที่ใดให้ทำงานในท้องที่นั้น ๔.๔ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินการของคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในระยะแรก ให้ใช้สาธารณูปโภคที่มีอยู่เดิมก่อน โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น ๓ ส่วน คือ (๑) พื้นที่ที่รัฐบริหารโดยจัดโครงสร้างพื้นฐานให้ (๒) พื้นที่เช่าสำหรับภาคเอกชน และ (๓) พื้นที่เพื่อสนับสนุน SMEs ๔.๕ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุงการกระจายอำนาจทางการบริหารให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเร็ว และหากมีความจำเป็นต้องทบทวนกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้องด้วย ๔.๖ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ดำเนินการเกี่ยวกับกรณีที่มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (นายณรงค์ สหเมธาพัฒน์) มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยชี้แจงให้สื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปทราบข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นภายในกระทรวงสาธารณสุขมิใช่การสอบวินัยปลัดกระทรวงสาธารณสุขแต่อย่างใด และแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน กำหนดแนวทางการปรับปรุงระบบบริการรักษาพยาบาลและการประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ๔.๗ ให้กรมประชาสัมพันธ์และสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หน่วยงานเจ้าของโครงการ และกระทรวงการต่างประเทศสร้างการรับรู้ในเรื่องดังต่อไปนี้ ได้แก่ การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย การปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือนของไทยตามแนวทางขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ และการดำเนินการตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ๔.๘ ให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐพิจารณาให้ภาคประชาชน เช่น ผู้นำชุมชน หรือผู้บริหารในระดับท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของรัฐบาลมากขึ้น เช่น โครงการศึกษาดูงานเพื่อการพัฒนาประเทศทั้งในและต่างประเทศเพื่อเป็นการเปิดรับความรู้ มุมมอง และแนวคิดใหม่ ๆ และนำมาร่วมกันพัฒนาประเทศต่อไป ๔.๙ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช) พิจารณาจัดระเบียบการเดินเรือ เช่น มาตรการควบคุมความเร็วในการเดินเรือ กำหนดจุดจอดเรือหรือปล่อยทุ่น เป็นต้น เพื่อแก้ไขปัญหาเรือท่องเที่ยวสัญจรและจอดบริเวณแนวปะการังตามอ่าวหรือหมู่เกาะต่าง ๆ และทำให้แนวปะการังได้รับความเสียหาย
|
|||||||||||||||||||||
| 2184 | แผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร01 | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อใช้เป็นแผนปฏิบัติการตรวจราชการของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีและผู้ตรวจราชการ ทั้ง ๑๗ กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีเนื้อหาสาระประกอบด้วย บทนำ ทิศทางการขับเคลื่อนการตรวจราชการแบบบูรณาการ ยุทธศาสตร์การตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ กรอบแนวทางการติดตามประเมินผลตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และแผนปฏิบัติการ (Action plan) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ดังนี้ ๒.๑ การตรวจราชการเพื่อขับเคลื่อนประเด็นนโยบายสำคัญในการดำเนินการตามกรอบประชาคมอาเซียน ด้านการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของสินค้าและบริการ ควรเพิ่มเติมประเด็นการพัฒนามาตรฐานสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับมาตรฐานอาเซียนหรือสากล รวมทั้งเพิ่มหน่วยงานรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องด้วย ๒.๒ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านการจัดการขยะมูลฝอย ในการคัดเลือกพื้นที่เป้าหมายสำหรับการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีและผู้ตรวจราชการกระทรวงร่วมกัน ในพื้นที่อย่างน้อยเขตตรวจราชการละ ๑ จังหวัด เพื่อนำมาประกอบการกำกับ เร่งรัดการพิจารณาตรวจติดตาม สอบทานการดำเนินการแก้ไขปัญหาตาม Roadmap นั้น ควรมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในการคัดเลือกพื้นที่ เพื่อให้การลงพื้นที่ได้รับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ และความก้าวหน้าในการดำเนินการงานตาม Roadmap รวมทั้งควรเพิ่มประเด็นการประเมินถึงศักยภาพและความพร้อมของท้องถิ่นในการดำเนินงานตาม Roadmap ว่ามีความพร้อมในระดับใด ๒.๓ การดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรม ควรพิจารณากำหนดการตรวจติดตามศูนย์ดำรงธรรมที่มีผลการดำเนินงานดีเด่น และศูนย์ดำรงธรรมที่มีปัญหาในการดำเนินงาน เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบปัจจัยความสำเร็จในการดำเนินงานให้เป็นบทเรียนกรณีศึกษาสำหรับศูนย์ดำรงธรรมที่ควรปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน และควรพิจารณาตรวจติดตามศูนย์ดำรงธรรมที่มีการบูรณาการการดำเนินงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เพื่อเป็นตัวอย่างความสำเร็จการดำเนินงานร่วมกันระหว่างศูนย์ดำรงธรรมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเพื่อลดการกระจุกตัวของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและสามารถเข้าถึงและตอบสนองความต้องการการแก้ไขปัญหาของประชาชนได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งศูนย์ดำรงธรรมควรมีระยะเวลาดำเนินงานมาตรฐานในการบริหารจัดการเรื่องต่าง ๆ โดยอาจแตกต่างกันตามลักษณะ/กลุ่มของปัญหา เพื่อเป็นการสร้างความความเชื่อมั่นให้กับประชาชนผู้ใช้บริการ นอกจากนี้ ควรมีการติดตามประเมินความพร้อมของหน่วยงาน/องค์กรเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในขั้นตอนการให้บริการว่ามีความพร้อมในการแก้ไขปัญหามากน้อยเพียงใด เพื่อเป็นข้อเสนอในการปรับปรุงการให้บริการ |
|||||||||||||||||||||
| 2185 | ขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเบิกจ่ายค่าปรับปรุงและซ่อมแซมบ้านพักข้าราชการ อาคารที่ทำการ และสิ่งก่อสร้างประกอบของกรมราชทัณฑ์และกรมพินิจและคุ้มครองเด็ก และเยาวชน | ยธ | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงยุติธรรมเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กรมบัญชีกางอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีได้ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ แล้ว จำนวน ๑๒๖,๒๐๗,๘๗๒ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ กรมราชทัณฑ์ จำนวน ๘๘,๓๓๕,๒๗๒ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมผู้ต้องขังในเรือนจำและสิ่งเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติงาน ๑.๒ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จำนวน ๓๗,๘๗๒,๖๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการปรับปรุงอาคารที่ทำการและสิ่งก่อสร้างประกอบ ทั้งนี้ ให้กรมราชทัณฑ์และกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยตรงต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการด้วยความโปร่งใส ถูกต้อง และพร้อมรับการตรวจสอบจากหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 2186 | ร่างพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการและกำหนดหน้าที่ของส่วนราชการกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดส่วนราชการที่ขึ้นต่อกองทัพภาคและเขตพื้นที่ของมณฑลทหารบก พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตอำนาจศาลมณฑลทหาร พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ | กห | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวง รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหน้าที่ของกรมกำลังทหารบกเกี่ยวกับงานด้านการศึกษาของกองทัพบกในส่วนที่นอกเหนือจากงานการศึกษาด้านสายงานยุทธการ และให้โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ามีหน้าที่เกี่ยวกับการศึกษา อบรม และฝึกบุคลากรอื่นนอกเหนือจากนักเรียนนายร้อย กำหนดชื่อตำแหน่งเจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารบก การจัดตั้งมณฑลทหารบกขึ้นใหม่ ยกเลิกจังหวัดทหารบกและศาลจังหวัดทหารบก ตลอดจนกำหนดเขตพื้นที่ของมณฑลทหารบกใหม่ รวมทั้งกำหนดเขตอำนาจศาลมณฑลทหารบกใหม่ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการและกำหนดหน้าที่ของส่วนราชการกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดส่วนราชการที่ขึ้นต่อกองทัพภาคและเขตพื้นที่ของมณฑลทหารบก พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตอำนาจศาลมณฑลทหาร พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงกำหนดส่วนราชการที่ขึ้นต่อกองทัพภาคและเขตพื้นที่ของมณฑลทหารบก พ.ศ. .... เนื่องจากกองทัพภาคจะมีหน่วยทหารในการปกครองบังคับบัญชาเพิ่มขึ้น จึงควรพิจารณาทบทวนเตรียมความพร้อมของกองทัพภาคให้รองรับภารกิจ และการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานด้านการส่งกำลังบำรุง นอกจากนี้ การเพิ่มอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการในสังกัดกองทัพบก การปรับปรุงเขตอำนาจศาลมณฑลทหาร ตลอดจนการเพิ่มจำนวนส่วนราชการที่ขึ้นต่อกองทัพภาคและเขตพื้นที่ของมณฑลทหารบก ควรพิจารณาปรับปรุงรูปแบบการบริหารจัดการและการบังคับบัญชา เพื่อให้สามารถดำเนินภารกิจของกองทัพบกให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการใช้กำลังคนที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณค่าใช้จ่ายด้านบุคคลในระยะยาวเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคคลให้เหมาะสมกับความจำเป็นตามภารกิจของภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 2187 | ร่างพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... | กค | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการให้อำนาจกระทรวงการคลังรวมหรือยุบเลิกทุนหมุนเวียน เพื่อให้การบริหารทุนหมุนเวียนมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยง เสริมสร้างความโปร่งใส และธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังของรัฐ โดยกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกำกับและบริหารทุนหมุนเวียนให้มีประสิทธิภาพและบังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 2188 | ร่างพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. ๒๕๑๔ โดยเพิ่มบทบัญญัติเกี่ยวกับการให้เอกชนเป็นผู้ตรวจสอบเครื่องจักรที่จะจดทะเบียนกรรมสิทธิ์แทนพนักงานเจ้าหน้าที่ และยกเลิกการแจ้งย้ายเครื่องจักรภายในบริเวณสถานประกอบกิจการอุตสาหกรรม เพื่อลดภาระของเจ้าของเครื่องจักร และปรับปรุงบัญชีอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดทำหลักเกณฑ์ คุณสมบัติ และแนวทางการตรวจสอบเครื่องจักรที่มีมาตรฐานตามหลักสากล การประชาสัมพันธ์แนวทางและขั้นตอนการขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ตรวจสอบเครื่องจักรเอกชนในวงกว้างอย่างทั่วถึง การดำเนินการทดสอบสมรรถนะของผู้ได้รับใบอนุญาตตรวจสอบเครื่องจักรเอกชนเป็นระยะ รวมทั้งการติดตามประเมินผลประสิทธิภาพของการให้บริการการตรวจสอบเครื่องจักรโดยผู้ตรวจสอบเอกชน สำหรับการให้อำนาจรัฐมนตรีออกกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียม ควรเป็นการยกเว้นเฉพาะกรณีการเกิดเหตุสุดวิสัย หรือเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการสามารถแข่งขันได้จากการลดภาระค่าธรรมเนียมเท่านั้น โดยการออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องระบุหลักเกณฑ์ คุณสมบัติของผู้ขอรับการยกเว้นค่าธรรมเนียม และระยะเวลาสิ้นสุดของการยกเว้นค่าธรรมเนียมที่ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 2189 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศิลปากร พ.ศ. .... | ศธ | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศิลปากร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับเปลี่ยนสถานภาพจากมหาวิทยาลัยศิลปากร ไปเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการแต่อยู่ในกำกับของรัฐ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการกู้ยืมเงินของมหาวิทยาลัย ควรเพิ่มหลักการในวรรคสามของร่างมาตรา ๑๔ (๓) โดยกำหนดกรอบวงเงินกู้ที่อยู่ในอำนาจการพิจารณาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการให้ชัดเจน และหากเกินกรอบวงเงินกู้ดังกล่าว ให้เสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ส่วนการบัญชีและการตรวจสอบ ในประเด็นการจัดทำบัญชีและรายงานในร่างมาตรา ๔๙ ควรกำหนดให้เป็นไปตามมาตรฐานและนโยบายบัญชีภาครัฐตามที่กระทรวงการคลังกำหนด และในร่างมาตรา ๕๐ การจัดทำงบการเงินส่งผู้สอบบัญชีของมหาวิทยาลัย ควรปรับระยะเวลาจากภายในเก้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี เป็นภายในหกสิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี นอกจากนี้ ร่างพระราชบัญญัติฯ ควรปรับปรุงเนื้อหาให้สอดคล้องกับหลักการกลางในการร่างพระราชบัญญัติของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่จะออกนอกระบบ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๔๖ (เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่จะออกนอกระบบ) รวมทั้งการปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของสภามหาวิทยาลัยตามร่างในมาตรา ๒๑ ควรให้ครอบคลุมอำนาจหน้าที่ของมหาวิทยาลัยตามร่างในมาตรา ๑๔ (๘) เกี่ยวกับการอนุมัติการจัดตั้งองค์กรที่เป็นนิติบุคคล รวมถึงการลงทุนหรือร่วมลงทุนกับบุคคลหรือนิติบุคคล ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปกำกับดูแลมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐให้มีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อมิให้เป็นภาระกับรัฐบาลในการให้การอุดหนุนด้านงบประมาณเพิ่มเติม ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดให้มีระเบียบเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีสั่งจ่ายเงินรายได้ และระบบการตรวจสอบ ติดตามผล เพื่อให้การจัดเก็บรักษาและการใช้จ่ายเงินรายได้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และตรวจสอบได้เป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐทุกแห่ง และควรให้ความสำคัญในการพัฒนาและวางระบบการบริหารการเงินการคลังที่เอื้อประโยชน์สูงสุดต่อการวางแผนการพัฒนาการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ตลอดจนการศึกษาและติดตามประเมินผลการดำเนินงานของสถาบันอุดมศึกษาเพื่อหาจุดที่คุ้มทุนของการจัดการศึกษาในแต่ละสาขาวิชา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 2190 | ขออนุมัติใช้งบประมาณเป็นค่าใช้จ่ายการดำเนินงานจัดงานพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก | นร01 | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นชอบในหลักการให้หน่วยงานต่าง ๆ รวม ๔ หน่วยงาน เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีไม่มีหนี้ผูกพันได้ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ แล้ว ในกรอบวงเงิน ๑๑๓,๑๐๓,๗๙๔ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
๑. สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน ๔๙,๔๓๔,๑๓๖ บาท เป็นค่าใช้จ่ายอุดหนุนวัดบวรนิเวศวิหารในการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ๒. กรมศิลปากร จำนวน ๔,๒๐๐,๐๐๐ บาท เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำพระโอวาทเป็นที่คั่นหนังสือเพื่อแจกผู้ไปร่วมงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ๓. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จำนวน ๕๕,๐๑๕,๖๕๘ บาท เป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงภูมิทัศน์และระบบระบายน้ำเขตฌาปนสถานวัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร ๔. กรุงเทพมหานคร จำนวน ๔,๔๕๔,๐๐๐ บาท เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสร้างซุ้มรับดอกไม้จันทน์ ค่าใช้จ่ายการจัดทำดอกไม้จันทน์ และค่าใช้จ่ายการจัดทำพระรูป โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวข้างต้นขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายจากสำนักงบประมาณตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยตรงต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 2191 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2558 ครั้งที่ 2 | กค | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มขึ้น ๗๔,๓๘๓.๕๕ ล้านบาท จากเดิม ๑,๓๕๑,๖๗๓.๘๐ ล้านบาท เป็น ๑,๔๒๖,๐๕๗.๓๕ ล้านบาท ๑.๒ การกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ ๑.๓ ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย เป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะรายงานผลการดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมและระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ๒. รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรี ภายใต้กรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ ที่มีวงเงินปรับลด ๑๓,๙๙๘.๓๖ ล้านบาท จากเดิม ๑๕๕,๕๐๗.๓๑ ล้านบาท เป็น ๑๔๑,๕๐๘.๙๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีแผนการกู้ต่างประเทศมาเพื่อให้กู้ต่อของรัฐบาล สำหรับการกู้เงินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกระทรวงการคลังในฐานะผู้ให้กู้จะต้องคำนึงถึงการจัดทำแผนการบริหารและแผนการชำระคืนหนี้ที่มีกรอบระยะเวลาการชำระคืนที่ชัดเจน เพื่อมิให้มีผลกระทบต่อกรอบวงเงินกู้ในระยะยาว สำหรับโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ที่มีความจำเป็น ให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้ในรูปแบบดังกล่าวให้เช่นเดียวกันด้วย นอกจากนี้ ในการจัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีควรยึดตามกรอบแนวทางแผนเงินกู้ ๓ ปี ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อเป็นกรอบวางแผนการบริหารหนี้สาธารณะของประเทศ และเป็นแนวทางในการพิจารณาและจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่จะขอใช้เงินกู้ตามแผนในแต่ละปีงบประมาณอย่างเคร่งครัด และควรกำชับให้หน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องการก่อหนี้ใหม่หรือปรับโครงสร้างหนี้พิจารณาการกำหนดกรอบวงเงินอย่างรอบคอบ เพื่อให้การดำเนินการโครงการและแผนงานภาครัฐ และการวางแผนบริหารหนี้สาธารณะของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 2192 | ผลการปฏิบัติงานและแนวทางดำเนินงาน (Road Map) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการปฏิบัติงานและแนวทางดำเนินงาน (Road Map) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ งานตามนโยบาย (๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๓๑ มกราคม ๒๕๕๘) ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเร่งด่วนในเรื่องของการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย [Illegal, Unreported, and Unregulated (IUU) Fishing] ตลาดเกษตรกร ภัยแล้ง การพัฒนาแหล่งน้ำ การป้องกันและปราบปรามการดำเนินการที่ผิดกฎหมาย การปรับปรุงและออกกฎหมาย การปรับโครงสร้างส่งเสริมการเกษตรให้เป็นแปลงใหญ่ และการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง ๑.๒ แผนงานตามนโยบาย (๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘-๓๑ มกราคม ๒๕๕๙) มีโครงการสำคัญ ได้แก่ (๑) โครงการปรับโครงสร้างการผลิตข้าว (๒) โครงการปรับโครงสร้างการผลิตปศุสัตว์ (๓) โครงการปรับโครงสร้างการผลิตประมง (๔) โครงการแก้ไขหนี้สินเกษตรกร (๕) การปรับปรุงและออกกฎหมายเพิ่มเติม (๖) โครงการปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร (๗) โครงการบริหารจัดการผลผลิตทางการเกษตรในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษโดยสหกรณ์ (๘) โครงการปรับโครงสร้างการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการตลาดปาล์มน้ำมันแบบครบวงจร (๙) โครงการพัฒนาเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจข้าวสถาบันเกษตรกร และ (๑๐)โครงการศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว ๑.๓ งานตามพระราชบัญญัติงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (๑ กันยายน ๒๕๕๗-๓๑ มกราคม ๒๕๕๘ และต่อไป) มีงานสำคัญเร่งด่วน ได้แก่ (๑) การลดต้นทุนการผลิตด้วยการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ (๒) การเพิ่มผลผลิตด้วยการพัฒนาการผลิตเมล็ดพันธุ์พืชรองรับประชาคมอาเซียน การผลิตกระจายพันธุ์ดี และการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเพื่อควบคุมและลดความสูญเสียของสินค้ากุ้งทะเลจากกลุ่มอาการตายด่วน (EMS) (๓) การเพิ่มรายได้ ด้วยการพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรสู่มาตรฐาน (๔) การจัดการองค์ความรู้ด้วยการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้การเกษตรแบบเบ็ดเสร็จ ๘๘๒ ศูนย์ และโครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง การดำเนินงานตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง และ (๕) การจัดการทรัพยากรด้วยการพัฒนาแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน การฟื้นฟูปรับปรุงคุณภาพดิน และการจัดที่ดินทำกินให้เกษตรกร ๑.๔ งาน/กิจการต่างประเทศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (๑ กันยายน ๒๕๕๗-๓๐ กันยายน ๒๕๕๘) มีงานที่ทำแล้ว คือ (๑) ลงนาม MOU ๔ ฉบับ ได้แก่ MOU ความร่วมมือในกรอบอาเซียนกับแผนส่งเสริมสินค้าเกษตรและป่าไม้ MOU อาเซียน-จีน ด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช พิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดการตรวจสอบกักกันโรคและสุขอนามัยสำหรับผลิตภัณฑ์รังนกที่ส่งออกไปจีน และ MOU ความร่วมมือไทย-จีน ด้านทรัพยากรน้ำ และการชลประทาน (๒) ความตกลงขายสินค้าเปิดตลาดเนื้อสุกรและสินค้าประมงไปรัสเซีย (๓) การเจรจาความร่วมมือด้านเกษตรกับอินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมา บรูไน จีน และไนจีเรีย (๔) การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการเกษตร (๕) การพบปะหารือกับเอกอัครราชทูตจากประเทศต่าง ๆ ๘ ประเทศ และงาน/กิจการต่างประเทศที่ต้องทำต่อไป คือ (๑) ลงนาม MOU ด้านการเกษตร ๓ ฉบับ ได้แก่ ไทย-บรูไน ไทย-บาห์เรน และไทย-แอฟริกาใต้ (๒) เจรจาความร่วมมือด้านเกษตรกับเวียดนาม ฟิลิปปินส์ อิตาลี และ (๓) การประชุมระดับรัฐมนตรี AMAF FAO คณะอนุกรรมาธิการความร่วมมือด้านการเกษตร ไทย-รัสเซีย และการเข้าพบของเอกอัครราชทูตประเทศรัสเซีย ฮังการี และโมร็อกโก ๒. ในการเสนอโครงการตามแนวทางดำเนินงาน (Road Map) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องประเภทนโยบาย แผนงาน โครงการต่อคณะรัฐมนตรี) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 2193 | ร่างกฎกระทรวงการขอให้รับรองและการรับรองวิทยฐานะสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. .... | ศธ | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขอให้รับรองและการรับรองวิทยฐานะสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอให้รับรองและการรับรองวิทยฐานะสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 2194 | ร่างพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. .... | สธ | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๒๓ และกำหนดให้มีมาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวกับการเฝ้าระวัง การป้องกัน และการควบคุมโรคติดต่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและข้อกำหนดของกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 2195 | ขอขยายระยะเวลาการจัดทำคำของบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้งบประมาณในลักษณะบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ด้านการบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการจัดการขยะมูลฝอย | ทส | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ขยายระยะเวลาการจัดส่งรายละเอียดวงเงินและคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้งบประมาณในลักษณะบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ด้านการบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการจัดการขยะมูลฝอย ให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘ เพื่อให้สำนักงบประมาณเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ พร้อมหลักเกณฑ์การปรับปรุงงบประมาณฯ ภายในวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๘ ๑.๒ ขยายระยะเวลาการส่งเอกสารประกอบคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๘ เพื่อให้สำนักงบประมาณเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการปรับปรุงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ภายในวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรเร่งรัดการดำเนินการเพื่อการจัดทำแผนแม่บท และแผนปฏิบัติการต่าง ๆ ตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อที่จะจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้ทันตามกำหนดเวลา และใช้เป็นกรอบการดำเนินงานและขอรับสนับสนุนงบประมาณในโอกาสต่อไป ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 2196 | ประเด็นการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2557 - 31 มกราคม 2558) | นร | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบประเด็นการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๓๑ มกราคม ๒๕๕๘) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล โดยผลการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๓ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน-๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗) ส่วนราชการต่าง ๆ ได้มีการดำเนินงานในเรื่องการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การปฏิรูปประเทศ และการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ทั้ง ๑๑ ข้อ ทั้งในส่วนที่เป็นภารกิจประจำของแต่ละกระทรวงและในแผนงาน/โครงการที่จะต้องบูรณาการการทำงานของหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจังและต่อเนื่องมาโดยตลอด ทำให้ผลการดำเนินงาน (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๓๑ มกราคม ๒๕๕๘) เป็นไปตามเป้าหมาย และมีผลสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ ๒. การขับเคลื่อนเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ ให้ส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานกลาง เช่น สำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหาแนวทางในการช่วยส่วนราชการเพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือโรงเรียนที่มีปัญหาขาดแคลนบุคลากรที่จะดำเนินการด้านการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้นต่อไป ๓. การขับเคลื่อนเร่งรัดการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินโครงการโดยเฉพาะในบางโครงการที่จะต้องดำเนินการก่อนฤดูฝนที่จะมาถึง และโครงการที่จะต้องดำเนินการตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้าอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ และในกรณีที่เป็นโครงการใหม่ซึ่งยังคงมีปัญหาในเรื่องของพื้นที่ การสร้างความเข้าใจกับประชาชน การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม จะต้องเร่งรัดการดำเนินการเพื่อสร้างความเข้าใจเพื่อให้โครงการที่จะดำเนินการเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมและสามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด รวมทั้งให้เน้นโครงการในลักษณะที่เป็นการปรับปรุง ซ่อมแซมสิ่งที่มีอยู่เดิม เช่น การขุดลอก คู คลอง อ่างเก็บน้ำทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่ จะต้องดำเนินการก่อนฤดูฝน ๔. การขับเคลื่อนเร่งรัดการดำเนินงานในเรื่องการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ และการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลทั้ง ๑๑ ข้อ ให้ส่วนราชการรายงานผลการดำเนินงานในการรายงาน ครั้งที่ ๔ (๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๓๑ มกราคม ๒๕๕๘)
|
|||||||||||||||||||||
| 2197 | รายงานสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาด้านการประมงของประเทศไทย | กษ | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาด้านการประมงของประเทศไทย จำนวน ๓ เรื่อง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์และการดำเนินการแก้ไขปัญหาการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการแรงงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) ๑.๑ สหภาพยุโรปจะกำหนดให้ไทยเป็นประเทศที่มีความเป็นไปได้ในการไม่ให้ความร่วมมือกับสหภาพยุโรปภายใต้กฎระเบียบ IUU ของสหภาพยุโรปในประมาณกลางเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ ซึ่งสหภาพยุโรปจะให้ระยะเวลาประเทศไทยในการปรับปรุงแก้ไขภายใน ๖ เดือน นับจากวันที่ได้รับการแจ้งขึ้นบัญชีอย่างเป็นทางการ ซึ่งประเทศไทยจะต้องปรับปรุงแก้ไขภายในกลางเดือนกันยายน ๒๕๕๘ โดยรัฐบาลไทยได้มีนโยบายและมอบหมายให้หน่วยงานปฏิบัติที่เกี่ยวข้องเร่งรัดในการดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้เพื่อหลุดจากบัญชีดังกล่าว ๑.๒ การดำเนินการแก้ไขปัญหา ได้แก่ การปรับปรุงพระราชบัญญัติการประมงและกฎหมายลำดับรอง การจัดทำแผนระดับชาติในการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (NPOA-IUU) การจัดระเบียบเรือประมงเพื่อให้เรือประมงไทยเข้าสู่ระบบการควบคุมได้อย่างถูกต้อง การควบคุมและเฝ้าระวังการทำประมง การจัดทำระบบติดตามตำแหน่งเรือ (Vessel Monitoring System : VMS) การปฏิบัติการควบคุมการแจ้งเข้า-ออกท่าของเรือประมง (port in-port out) และการปรับปรุงระบบการตรวจสอบย้อนหลัง (Traceability) ๒. สถานการณ์และการดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และแรงงานประมง ๒.๑ สหรัฐอเมริกาได้จัดอันดับให้ประเทศไทยอยู่ในบัญชีกลุ่มที่ ๓ (Tier 3) ในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (TIP Report) ประจำปี ๒๕๕๗ ลดอันดับลงจากบัญชีกลุ่มที่ ๒ ซึ่งต้องจับตามอง (Tier 2 Watch List) ปัญหาด้านการค้ามนุษย์ที่ต่างประเทศจับตามอง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กำหนดมาตรการต่าง ๆ และปรับปรุงแก้ไขปัญหาและรายงานการค้ามนุษย์และแรงงานประมงต่อ TIP Office สหรัฐอเมริกา เพื่อต้องการปรับปรุงอันดับในการประเมินสถานการณ์การค้ามนุษย์ของไทยในครั้งใหม่ ๒.๒ การดำเนินการแก้ไขปัญหา ได้แก่ การฝึกอบรมเพื่อขยายผลการปฏิบัติตามมาตรฐานแนวทางปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (Good Labour Practices : GLP) การจัดระเบียบเรือประมงเพื่อให้เรือประมงไทยเข้าระบบการควบคุมได้อย่างถูกต้อง การพัฒนาฐานข้อมูลของเรือประมงและแรงงานประมง (Fishing Info) การจัดระเบียบเรือประมงนอก การควบคุมและเฝ้าระวังการทำประมงและคุ้มครองแรงงานประมง การอบรมเจ้าหน้าที่กรมประมงให้มีความรู้ความเข้าใจด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ การดำเนินโครงการอบรมและประชาสัมพันธ์ด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ การสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นให้แก่ผู้นำเข้า/ผู้บริโภคสินค้าประมงของไทย และภาคประชาสังคมทั้งในและต่างประเทศ การประสานกับกระทรวงแรงงานในการดำเนินการจัดทำสัญญาจ้างของแรงงานในงานประมงทะเล การตรวจจับกุมการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติการประมง และการขยายการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวในกิจการประมงทะเล และนำเข้าแรงงานต่างด้าวโดยถูกกฎหมายภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MOU) ๓. สถานการณ์ความร่วมมือด้านการประมงระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ๓.๑ ที่ผ่านมาภาคเอกชนเรือประมงไทยได้เข้าไปทำการประมงในน่านน้ำอินโดนีเซียในรูปแบบการลงทุนร่วม โดยโอนสัญชาติเรือประมงไทยเป็นเรือสัญชาติอินโดนีเซีย ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเนื่องจากอินโดนีเซียได้ใช้มาตรการรุนแรงในการดำเนินการกับเรือประมงที่ทำผิดกฎหมายโดยมีการจมหรือเผาทำลายเรือประมง รวมทั้งได้ออกกฎกระทรวงระงับการออกใบอนุญาตอุตสาหกรรมประมง ใบอนุญาตทำการประมงและใบอนุญาตบรรทุกสัตว์น้ำสำหรับเรือประมงที่ต่อจากต่างประเทศ จนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ และห้ามใช้เครื่องมืออวนลากและอวนล้อมทำการประมงในน่านน้ำอินโดนีเซีย ๓.๒ การดำเนินการแก้ไขปัญหา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างการจัดทำพิมพ์เขียว (Blue print) แนวทางการแก้ไขปัญหาการทำประมงในน่านน้ำอินโดนีเซียของผู้ประกอบการไทย ซึ่งครอบคลุมบริบทการแก้ไขปัญหาแรงงานประมงที่ตกค้างอยู่ที่อินโดนีเซีย และปัญหาเรือประมงที่ยังไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้เนื่องจากอยู่ระหว่างรอการประเมินตรวจสอบเรือประมงภายใต้บริษัทร่วมทุนของอินโดนีเซีย รวมทั้งการจัดทำกรอบแนวทางความร่วมมือการทำประมงของเรือประมงไทยในน่านน้ำอินโดนีเซียในอนาคต
|
|||||||||||||||||||||
| 2198 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 1/2558 | นร11 | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยที่ประชุมได้พิจารณาข้อเสนอของหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ๖ สถาบัน ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย และสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย รวม ๑๒ เรื่อง ได้แก่ ๑.๑.๑ มาตรการขับเคลื่อน SMEs ระยะเร่งด่วน ๑.๑.๒ แนวทางการปฏิรูประบบรางของประเทศ ๑.๑.๓ การพิจารณาจัดสรรการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนประเภทที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ ๑.๑.๔ การยกเลิกการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องปรับอากาศชนิดที่ใช้ตามบ้านเรือนขนาดไม่เกิน ๗๒,๐๐๐ บีทียูต่อชั่วโมง ๑.๑.๕ มาตรการทางวีซ่าเพื่อกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวไทยในปี ๒๕๕๘ ๑.๑.๖ ห้องปฏิบัติการ (Laboratory) และการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าเพื่อการส่งออก ๑.๑.๗ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายควบคุมการปล่อยน้ำทิ้งจากโรงงานสู่แหล่งน้ำ ๑.๑.๘ (ร่าง) ยุทธศาสตร์สินค้าเกษตร ๔ สินค้า (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ผลิตภัณฑ์ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม อ้อยโรงงานและน้ำตาลทราย) ๑.๑.๙ ยุทธศาสตร์ข้าวไทย ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๒ ๑.๑.๑๐ ความคืบหน้าผลการดำเนินการตามมติคณะกรรมการ กรอ. ครั้งที่ ๑-๒/๒๕๕๗ ๑.๑.๑๑ ความคืบหน้าการติดตามผลการดำเนินการตามมติคณะกรรมการ กรอ. ภูมิภาคของภาคเอกชน ๑.๑.๑๒ ผลการดำเนินการของคณะกรรมการ กรอ. จังหวัด และกลุ่มจังหวัด ๑.๒ เห็นชอบตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ กรอ. ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามมติที่ประชุม รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒. เพื่อส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญประการหนึ่งของรัฐบาลให้สามารถขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพและบังเกิดผลที่เป็นรูปธรรมโดยเร็ว จึงมอบหมายรองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ๒.๑ พิจารณาทบทวนความเหมาะสมของคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาการปรับปรุงองค์ประกอบต่อไป ๒.๒ กำกับให้กระทรวงอุตสาหกรรม (สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการให้ทุกจังหวัดดำเนินมาตรการส่งเสริมและขับเคลื่อน SMEs โดยให้ส่งเสริมวิสาหกิจที่มีศักยภาพและสามารถพัฒนาได้เป็นลำดับแรก โดยให้มีโครงการนำร่องจังหวัดละ ๑ โครงการ และดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายใน ๖ เดือน |
|||||||||||||||||||||
| 2199 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (การปรับปรุง มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศและมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งบริษัทการค้าระหว่างประเทศ) | กค | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ (การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศและมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งบริษัทการค้าระหว่างประเทศ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 2200 | รายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง นโยบายของรัฐบาล "เจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ทั่วถึงทุกคน" | สม | 03/03/2558 | ||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
.....
