ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 105 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 2081 - 2100 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2081 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลคดียาเสพติด (ฉบับที่ .. ) พ.ศ. .... | ยธ | 07/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราเงินสินบนในคดีที่จับได้ผู้ต้องหาและหรือยาเสพติดของกลาง อัตราเงินช่วยเหลือเฉพาะตัวแก่เจ้าพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ที่ได้รับอันตรายจากการปฏิบัติหน้าที่ในการปราบปรามยาเสพติด เพิ่มเติมการจ่ายเงินช่วยเหลือกรณีบาดเจ็บและรักษาตัวไม่เกินยี่สิบวัน หรือกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพในภายหลัง ตลอดจนปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของประธานอนุกรรมการ และอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการภาคในการพิจารณาจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัล ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายจากการดำเนินการตามระเบียบนี้ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อการนี้ไว้ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2082 | ขออนุมัติการลงนามในพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านมาตรการสุขอนามัยพืชสำหรับผลชมพู่สดส่งออกจากไทยไปจีนระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงควบคุมคุณภาพตรวจและกักกันโรคแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | กษ | 07/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านมาตรการสุขอนามัยพืชสำหรับผลชมพู่สดส่งออกจากไทยไปจีนระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงควบคุมคุณภาพตรวจสอบและกักกันโรคแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มมาตรฐานในการตรวจสอบและกักกันแมลงศัตรูพืชของชมพู่ทับทิมจันทร์ที่จะส่งออกจากไทยไปจีนตามข้อกำหนดทางเทคนิคที่ได้ตกลงกัน และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารฯ โดยหากมีการปรับปรุงแก้ไขร่างพิธีสารฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์หารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับกรณีที่จีนตรวจสอบที่ด่านนำเข้าพบการปฏิบัติไม่สอดคล้องตามร่างพิธีสารฯ แล้ว อาจมีการทำลายหรือส่งคืนสินค้าชมพู่สด กรณีการส่งสินค้าอาหารดังกล่าวคืน ประเทศไทยจะต้องมีการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยอาหารตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยเรื่องอาหารที่มีสารพิษตกค้าง หากไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดก็จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ดังนั้น การส่งออกสินค้าดังกล่าวควรพิจารณาให้ครอบคลุมทั้งกฎหมายของประเทศไทยและประเทศคู่ค้าด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการส่งออกและมีการตีคืนสินค้าในภายหลัง นอกจากนี้ การดำเนินการตามร่างพิธีสารฯ เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่สามารถดำเนินการได้ และเป็นการทำความตกลงในระดับหน่วยงาน มิใช่ระดับรัฐกับรัฐ กรณีจึงไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญฯ และไม่จำเป็นต้องมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม เนื่องจากไม่เข้าตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ในกรณีที่หน่วยงานเสนอเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นข้อผูกพันหรือพันธกรณีซึ่งอยู่ภายใต้กรอบความตกลงและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติอนุมัติและ/หรือเห็นชอบแล้ว เช่น การเสนอพิธีสารหรือความตกลงเพื่อเพิ่มเติมสาระทางด้านเทคนิค ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรี และหากไม่มีข้อทักท้วงใด ๆ ให้ถือเป็นมติคณะรัฐมนตรีตามที่เสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2083 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล (กขน.) ครั้งที่ 3/2558 | นร11 | 07/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล (กขน.) ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ โดยที่ประชุมรับทราบ (๑) แนวทางการดำเนินการตามนโยบายแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ (๒) ความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและยุทธศาสตร์คณะรักษาความสงบแห่งชาติชุดต่าง ๆ (๓) รายงานความคืบหน้าการปรับปรุงกฎหมายที่สำคัญของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และ (๔) รายงานความคืบหน้าผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ของสำนักงบประมาณ รวมทั้งมีมติและข้อสั่งการ ดังนี้ ๑.๑ มอบหมายคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (กขย.) ประสานความร่วมมือกับสภาเกษตรกรแห่งชาติในการตรวจสอบพื้นที่ปลูกยางพารา เพื่อให้มีการดูแลกรณีเป็นเกษตรกรที่มีรายได้น้อยให้มีความชัดเจน และประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบการเรือประมงในการเร่งรัดการขึ้นทะเบียนเรือประมงให้ครบถ้วน ๑.๒ มอบหมายสภาเกษตรกรแห่งชาติพิจารณาแนวทางกลไกดูแลราคาสินค้าเกษตรที่สำคัญ ๆ นอกเหนือจากยางพารา เช่น มันสำปะหลัง และมาตรการรองรับผลผลิตลองกองที่จะออกสู่ตลาดในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม โดยดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๓ ขอความร่วมมือจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในการประสานความร่วมมือกับภาครัฐในการขับเคลื่อนมาตรการและนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล เช่น การจัดตลาดสินค้าเกษตร และการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นต้น ๑.๔ มอบหมายรองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) พิจารณาแนวทางลดภาษีมูลค่าเพิ่มเครื่องจักรกลทางการเกษตร ๑.๕ มอบหมายเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและเลขานุการคณะกรรมการที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและยุทธศาสตร์คณะรักษาความสงบแห่งชาติชุดต่าง ๆ จัดทำแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และประเด็นปฏิรูปของสภาปฏิรูปแห่งชาติ เพื่อกำหนดภารกิจของคณะกรรมการแต่ละชุดให้มีความสมบูรณ์มากขึ้นและลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินการ ๒. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานเพิ่มเติมว่า ตามที่ กขน. ได้มอบหมายให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดทำแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและประเด็นปฏิรูปของสภาปฏิรูปแห่งชาติ นั้น สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ดำเนินการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปีเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปี) รับทราบแนวทางการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอแล้ว ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) และกระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นว่าหากจะมีการพิจารณาแนวทางการลดภาษีมูลค่าเพิ่มเครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อทำให้ราคาของเครื่องจักรกลการเกษตรถูกลง และเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรไทยให้สามารถจัดซื้อเป็นของตนเองได้ ก็ควรพิจารณาให้กับเครื่องจักรกลการเกษตรที่ผลิตจากกิจการคนไทยเป็นทางเลือกแรก ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากมาตรการดังกล่าวอย่างบูรณาการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2084 | ร่างเอกสารบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - รัสเซีย ครั้งที่ 6 | กต | 07/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสารบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-รัสเซีย ครั้งที่ ๖ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือทวิภาคีที่ทั้งสองประเทศได้ดำเนินการร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะแก้ไข พัฒนาและ/หรือผลักดันให้เกิดความคืบหน้า เพื่อประโยชน์ของการดำเนินความสัมพันธ์ และประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศของทั้งสองฝ่าย โดยมีประเด็นหลักที่จะหยิบยกขึ้นหารือระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-รัสเซีย ครั้งที่ ๖ ในวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ สหพันธรัฐรัสเซีย ได้แก่ ความร่วมมือด้านการเมือง การค้า เศรษฐกิจและการลงทุน อุตสาหกรรม พลังงาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การเกษตร การศึกษา วัฒนธรรม การท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ๒. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมรับรองเอกสารดังกล่าวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้ารัสเซียโดยไม่มีการลงนาม ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกการประชุมดังกล่าวในส่วนที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินความสัมพันธ์ แต่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศและคณะผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับปรุงดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปรับปรุงข้อความบางประการในส่วนของความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2085 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ 41) พ.ศ. 2530 พ.ศ. .... | พณ | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๔๑) พ.ศ. ๒๕๓๐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกให้กุ้งกุลาดำมีชีวิตที่มีขนาดความยาวตั้งแต่ ๗.๕ นิ้ว หรือน้ำหนัก ๗๐ กรัมขึ้นไป รวมถึงลูกกุ้งที่จะเกิดจากพ่อแม่พันธุ์กุ้งขนาดดังกล่าวเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร เพื่อให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งทะเลสามารถส่งออกกุ้งกุลาดำมีชีวิตที่ได้จากการปรับปรุงพันธุ์หรือการเพาะเลี้ยงไปนอกราชอาณาจักรได้ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2086 | ขอความเห็นชอบในการดำเนินการจัดทำความตกลงด้านการขนส่งทางถนนระหว่างประเทศ | คค | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในการดำเนินการจัดทำความตกลงด้านการขนส่งทางถนนระหว่างประเทศ รวม ๔ ฉบับ และใช้เป็นท่าทีของไทยในการเจรจากับประเทศต่าง ๆ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ความตกลงทวิภาคีด้านการขนส่งทางถนนระหว่างไทย-กัมพูชา มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์และระเบียบข้อบังคับสำหรับการขนส่งระหว่างไทย-กัมพูชา ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ เส้นทางจุดผ่านแดนสิทธิการจราจร/ประเภทของการขนส่ง การขนส่งสินค้า/การขนส่งผู้โดยสาร ประเภทของรถ เอกสารสำหรับการขนส่ง ผู้ประกอบการขนส่ง ข้อกำหนดทางเทคนิคของรถ การขนส่งสินค้าเน่าเสียง่าย การขนส่งสินค้าอันตราย พิธีการตรวจปล่อยบริเวณชายแดน การแลกเปลี่ยนข้อมูลที่จำเป็นระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และองค์กร/คณะกรรมการเพื่อการขับเคลื่อน/แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการตามความตกลง เป็นต้น ๑.๒ การปรับปรุงความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางถนนระหว่างไทย-ลาว มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการปรับปรุงรายละเอียดเกี่ยวกับจุดผ่านแดน พาหนะในการขนส่ง ข้อกำหนดทางเทคนิคของพาหนะในการขนส่ง เอกสารประจำยานพาหนะขนส่ง การกำหนดเส้นทางขนส่งทางถนนระหว่างประเทศ และการประกอบการขนส่ง ๑.๓ การจัดทำความตกลงการเดินรถโดยสารประจำทางระหว่างไทย-เวียดนาม มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์และรายละเอียดสำหรับการดำเนินการเดินรถโดยสารประจำทาง ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ ขอบเขตของความตกลง สิทธิการจราจร คำนิยาม การขนส่งผู้โดยสารประจำทาง ผู้ประกอบการ การยอมรับร่วมกัน ข้อกำหนดทางเทคนิค การยอมรับหนังสือรับรองการตรวจสภาพรถ การประกันภัยภาคบังคับ การยอมรับใบอนุญาตขับขี่ การอนุญาตนำรถเข้าประเทศเป็นการชั่วคราว เอกสารจำเป็นสำหรับการขนส่ง ภาษาที่ใช้ในเอกสาร กฎระเบียบเกี่ยวกับการจราจรและความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกในพิธีการข้ามแดน การจัดการองค์กร การระงับข้อพิพาท การมีผลบังคับใช้การแก้ไขความตกลง ความสัมพันธ์กับความตกลงระหว่างประเทศอื่น และระยะเวลาและการยกเลิกความตกลง เป็นต้น ๑.๔ การจัดทำความตกลงยานยนต์ระหว่างอินเดีย เมียนมา และไทย สำหรับการกำกับดูแลการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าบรรทุกระหว่างอินเดีย เมียนมา และไทย มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับการดำเนินการขนส่งข้ามแดนระหว่างประเทศภาคีความตกลง ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ คำนิยามศัพท์ พาหนะ หนังสืออนุญาต เอกสารที่จำเป็น หนังสือเดินทางและวีซ่า ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย ประกันภัย การใช้กฎหมายภายใน และการระงับข้อพิพาทและถอนการเป็นสมาชิก เป็นต้น ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้กระทรวงคมนาคมสรุปรวบรวมรายละเอียดของการจัดทำความตกลงดังกล่าวโดยกำหนดแผนงาน วิธีการ และกรอบระยะเวลาในการดำเนินการ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี ไปดำเนินการต่อไป และรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรระบุเส้นทางเดินรถในความตกลงการเดินรถโดยสารประจำทางระหว่างไทย-เวียดนาม ควรเป็นเส้นทางที่เชื่อมโยงระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยกับภาคกลางของเวียดนาม โดยคำนึงถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และความพร้อมด้านสภาพภูมิประเทศของเส้นทางดังกล่าว และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการมีระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลการเฝ้าระวังและการตรวจตราการเข้าออกของคน พาหนะและสินค้าที่มีประสิทธิภาพ และให้ความสำคัญกับการพิจารณาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งสิ่งแวดล้อมของประเทศ ตลอดจนความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2087 | การดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารจัดเก็บและอนุรักษ์วัตถุและเอกสารสำคัญที่มีค่าทางประวัติศาสตร์ และโครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารที่ทำการ (อาคาร จปร. เดิม) | กค | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารจัดเก็บและอนุรักษ์วัตถุและเอกสารสำคัญที่มีค่าทางประวัติศาสตร์ และโครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารที่ทำการ (อาคาร จปร. เดิม) โดยเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากวงเงินเดิม ๓๙,๐๐๓,๐๐๐ บาท เป็น ๙๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๖๐ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณ จำนวน ๗,๖๙๘,๖๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๖๒,๓๐๑,๔๐๐ บาท ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรับความเห็นของสำนักงบประมาณและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างฯ และโครงการปรับปรุงซ่อมแซมฯ เป็นโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินการระหว่างปีงบประมาณ จึงเป็นรายการที่อยู่นอกแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณปกติ จึงเห็นควรให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเร่งรัดดำเนินการและลงนามก่อหนี้ผูกพันโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2088 | ขออนุมัติลงนามบันทึกแสดงเจตจำนงสามฝ่าย ระหว่างไทย เมียนมา และญี่ปุ่น เกี่ยวกับความร่วมมือในการพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย | นร11 | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกแสดงเจตจำนงสามฝ่าย ระหว่างไทย เมียนมา และญี่ปุ่น เกี่ยวกับความร่วมมือในการพัฒนาโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษทวาย มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นร่วมกันทั้งสามฝ่าย คือ ไทย ญี่ปุ่น และเมียนมา ในการร่วมมือพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายให้บังเกิดประโยชน์สูงสุดแก่อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและอาเซียน และจะเป็นการเข้าร่วมพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายอย่างเป็นทางการของญี่ปุ่นในฐานะหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ของโครงการตามที่ฝ่ายไทยและเมียนมามีหนังสือเชิญตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญก่อนมีการลงนาม ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศพิจารณาดำเนินการได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการตามข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับร่างบันทึกฯ มีการระบุเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นและสัดส่วนผู้ถือหุ้นในนิติบุคคลเฉพาะกิจ (SPV) ดังนั้น ภายหลังการลงนามในครั้งนี้ หากมีการกำหนดรายละเอียดในเรื่องดังกล่าวร่วมกับเมียนมาและญี่ปุ่นแล้ว ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติวิเคราะห์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นและประโยชน์ที่ไทยจะได้รับ แล้วให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาพร้อมกับบันทึกความเข้าใจที่จะต้องลงนามในขั้นตอนถัดไป และรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นว่า ร่างบันทึกฯ ระบุอย่างชัดเจนในวรรคสุดท้ายก่อนช่องลงนามว่า ร่างบันทึกฯ ฉบับนี้ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย ดังนั้น ร่างบันทึกฯ จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. ๒๕๕๗ การลงนามร่างบันทึกฯ จึงไม่ต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ไปดำเนินการต่อไป ๓. ให้ทุกหน่วยงานที่จะมีการจัดทำหนังสือสัญญาที่ก่อให้เกิดพันธกรณีระหว่างประเทศดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด โดยการดำเนินการจัดทำหนังสือสัญญาดังกล่าว เช่น การลงทุนร่วมกับต่างประเทศ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนดำเนินการลงนามทุกครั้ง รวมทั้งในกรณีที่มีการปรับปรุงสาระสำคัญของหนังสือสัญญา ห้ามมิให้แก้ไขหรือลงนามไปก่อนที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบการปรับเปลี่ยน |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2089 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติ สรุปได้ ดังนี้
๑. มอบหมายให้กรมป่าไม้ยกร่างกฎกระทรวงและระเบียบกรมป่าไม้ที่จะออกตามความในพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยคำนึงถึงการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ไม่ก่อให้เกิดภาระโดยไม่จำเป็น และควรให้บริการประชาชนในลักษณะแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (one stop services) ๒. กรมป่าไม้อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำโครงสร้างของกรมป่าไม้ใหม่ โดยได้ดำเนินการจัดทำคำขอจัดตั้งหน่วยราชการในภูมิภาค (ป่าไม้จังหวัด) แล้ว โดยได้รับคำแนะนำจากสำนักงาน ก.พ.ร. ว่าให้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างของกรมป่าไม้ในภาพรวมทั้งหมดในคราวเดียว ๓. กรณีที่ราษฎรครอบครองที่ดินโดยไม่ถูกต้อง แล้วได้ทำการปลูกป่า จะต้องพิจารณาในข้อกฎหมายประกอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากสาเหตุใด เช่น กรณีเป็นที่ดินที่ไม่อยู่ในเขตที่ดินของรัฐ ซึ่งอาจอยู่ในข่ายที่สามารถขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินตามกฎหมายที่ดินได้ ราษฎรต้องไปติดต่อประสานงานกับหน่วยงานของกรมที่ดินในท้องที่นั้น หรือกรณีเป็นที่ดินที่เคยได้รับหนังสืออนุญาตจากหน่วยงานของรัฐแล้ว แต่ครบกำหนดเวลาการอนุญาตไปแล้ว ต้องติดต่อกรมป่าไม้เพื่อพิจารณา ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการบุกรุกพื้นที่ป่าใหม่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด ซึ่งหากหน่วยงานที่รับผิดชอบที่ดินที่ราษฎรครอบครองอยู่ไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ได้ข้อยุติ ควรให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบที่ดินดังกล่าวแจ้งเรื่องมาที่กรมป่าไม้เพื่อรวบรวมส่งให้สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาตินำเสนอให้ที่ประชุมซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณาต่อไป ๔. มอบหมายให้กรมป่าได้ดำเนินการบรรจุเรื่องดำเนินการตามพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไว้ในคำของบประมาณประจำปี ๒๕๕๙ โดยได้เตรียมการจัดอบรมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติของกรมป่าไม้และจัดพิมพ์เอกสารเผยแพร่แก่ประชาชนด้วยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2090 | การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี | นร | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแนวทางการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติที่ต้องเชื่อมโยงกับกรอบการปฏิรูปทั้ง ๑๑ ด้าน ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ และนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อจัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติและกรอบแนวทางการปฏิรูปประเทศไทยในระยะ ๒๐ ปี ๒. เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ และให้เพิ่ม พลเอก ชูศักดิ์ เมฆสุวรรณ เป็นกรรมการ ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) นำกรอบการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี ไปหารือกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ เพื่อให้แนวทางปฏิรูปดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน ๔. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ดังนี้ ๔.๑ ให้ทุกส่วนราชการศึกษากรอบและแนวทางการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และดำเนินการจัดทำข้อมูลในความรับผิดชอบของหน่วยงานให้ครบถ้วน เพื่อส่งให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติดำเนินการต่อไป ๔.๒ ให้ทุกส่วนราชการปรับปรุงแผนปฏิบัติการของส่วนราชการให้สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วน วาระแห่งชาติ ประเด็นการปฏิรูปตามนโยบาย ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในช่วงระยะการดำเนินการของการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลนี้ (ระยะที่ ๒ ปี ๒๕๕๘-๒๕๕๙) และการส่งต่อไปสู่การปฏิรูปและให้รัฐบาลต่อไป (ระยะที่ ๓ ปี ๒๕๖๐ เป็นต้นไป)
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2091 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ 8/2558 | นร11 | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๘/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทบทวนรายงานการประเมินภาวะเศรษฐกิจสังคมครัวเรือนเกษตรกร ปี ๒๕๕๗/๕๘ และนำเสนอคณะกรรมการฯ อีกครั้งหนึ่ง ๒. รับทราบและมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินโครงการต่าง ๆ ตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทยและนโยบายรัฐบาล พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๙ ให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น เร่งจัดทำรายละเอียดแนวทางแก้ไขปัญหาภัยแล้งในมาตรการด้านการเกษตรและมาตรการด้านการเงินที่เสนอ รวมทั้งให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำพิจารณาปรับแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ทั้งนี้ ในการดำเนินงานให้นำข้อสังเกตตามประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการฯ ไปพิจารณาในการจัดทำรายละเอียดการดำเนินงาน และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป ๔. เห็นชอบให้มีการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี โดยให้มีคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และมอบหมายให้ทุกหน่วยงานจัดทำข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการดำเนินการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี รวมทั้งมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) นำกรอบการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี ไปหารือกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ เพื่อให้แนวทางปฏิรูปดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน และมอบหมายให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดทำแนวทางการปรับปรุงกลไกการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในรูปของคณะกรรมการเพื่อกำกับดูแลในภาพรวมเพื่อเสนอต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2092 | การปรับปรุงเพิ่มเติมร่างแผนขับเคลื่อน (Road Map) พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น - เขาใหญ่ และพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน | ทส | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแผนขับเคลื่อน (Road Map) พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ฉบับปรับปรุง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้พิจารณาดำเนินการจัดทำแผนขับเคลื่อน (Road Map) ในลักษณะเดียวกันนี้สำหรับพื้นที่อุทยานทางทะเลและพื้นที่อื่น ๆ ด้วย ไปดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2093 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในการได้รับบริการจากรัฐ กรณีกลุ่มบุคคลผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ขอความช่วยเหลือเยียวยา | สม | 23/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในการได้รับบริการจากรัฐ กรณีกลุ่มบุคคลผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ขอความช่วยเหลือเยียวยา ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งได้เสนอให้มีการพิจารณาแนวทางการกำหนดให้มีกระบวนการโต้แย้งหรืออุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการ ๓ ฝ่าย ฝ่ายระดับอำเภอในพื้นที่เกิดเหตุ (ประกอบด้วย ทหาร ตำรวจ พนักงานวินิจฉัยฝ่ายปกครอง) และการพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการกำหนดกระบวนการหรือวิธีการโต้แย้งหรืออุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการ ๓ ฝ่ายในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการบูรณาการการแก้ไขปัญหาและสร้างความเชื่อมั่นแก่ภาคประชาชน อันจะนำไปสู่การลดปัญหาหรือขจัดปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ได้ ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (คณะกรรมการนโยบายและอำนวยการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้) กระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร รับข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติดังกล่าว ไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายฯ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (คณะกรรมการนโยบายและอำนวยการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้) เป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการแล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2094 | รายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง นโยบายของรัฐบาล "เจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ทั่วถึงทุกคน" | สม | 23/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง นโยบายของรัฐบาล “เจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ทั่วถึงทุกคน” และผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) ได้จัดประชุมหารือร่วมกันระหว่างคณะอนุกรรมการบริหารระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในโรงพยาบาล ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านการรักษาพยาบาล ซึ่งเป็นอนุกรรมการบริหารระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในโรงพยาบาล ภายใต้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไป เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ซึ่งมีผลการพิจารณาพร้อมกับผลการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย โดยรับข้อเสนอแนะและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปเป็นแนวทางปฏิบัติแล้ว และได้รายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายดังกล่าว พร้อมกับผลการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2095 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 7 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2557 - 30 เมษายน 2558) | นร | 23/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๗ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๓๐ เมษายน ๒๕๕๘) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) เสนอ ซึ่งมีผลงานสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ มีผลงานที่สำคัญ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น โครงการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกคณะกรรมการหมู่บ้าน โครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนร้องทุกข์โดยศูนย์ดำรงธรรม และจากการประเมินผลสำเร็จในการดำเนินงาน ขณะนี้ไม่มีปัญหาความขัดแย้งรุนแรง การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนต้องแก้ไขที่แนวคิดของประชาชนและแกนนำให้มีความคิดร่วมที่จะทำเพื่อประเทศชาติส่วนรวมไม่ยึดผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นใหญ่ ๑.๒ การปฏิรูปประเทศ กขร. ได้แจ้งให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปของสภาปฏิรูปแห่งชาติ เรื่อง การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และเรื่อง ข้อเสนอการปฏิรูประบบเพื่อรองรับสังคมสูงวัยของคณะกรรมการปฏิรูประบบรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย ซึ่ง กขร. จะได้ติดตามรายงานผลการดำเนินงานในเรื่องดังกล่าวต่อไป ๑.๓ การบริหารราชการแผ่นดิน มีผลงานที่สำคัญ ได้แก่ การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน การบริหารเศรษฐกิจ การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียนการพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนาและนวัตกรรม สนับสนุนการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาของประเทศ การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ และการปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๒. ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลดำเนินการโดยเน้นการปรองดองซึ่งเกิดขึ้นจากจิตใจของตนเอง ไม่ถูกบังคับ บิดเบือน ชักจูง ให้คิดเป็น และเข้าใจประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ซึ่งอาจเห็นต่างแต่ต้องไม่ขัดแย้ง โดยร่วมสนับสนุนการพัฒนาประเทศตามนโยบายของรัฐบาล เข้าใจผลประโยชน์ชาติ เพื่อสร้างสรรค์ เผื่อแผ่ แบ่งปันให้คนไทยทั้งประเทศ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2096 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีคำร้องที่มีการกล่าวอ้างว่ามีการกระทำทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นที่ไร้มนุษยธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | สม | 23/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีคำร้องที่มีการกล่าวอ้างว่ามีการกระทำทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นที่ไร้มนุษยธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ โดยมีข้อเสนอแนะนโยบาย ดังนี้ ๑.๑ ควรกำชับให้กับเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติ ปฏิบัติหน้าที่โดยยึดถือมาตรการการแก้ไขปัญหาที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเคยเสนอไว้ตามรายงานผลการตรวจสอบที่ ๒๗๕-๓๐๘/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๓ (๓๔ คำร้อง) และรายงานผลการตรวจสอบที่ ๖๗-๘๙/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ (๒๓ คำร้อง) อย่างเคร่งครัด ๑.๒ ควรประสานความร่วมมือจากแพทย์ของโรงพยาบาลรัฐประจำจังหวัดให้เป็นผู้ทำหน้าที่ตรวจร่างกายและจัดทำบันทึกการตรวจร่างกายไว้เป็นหลักฐานก่อนเพื่อแสดงความโปร่งใส โดยดำเนินการก่อนที่จะมีการควบคุมตัวผู้ที่ถูกเชิญตัวมาซักถาม ๑.๓ ควรเร่งรัดการอนุวัติกฎหมายภายในให้เป็นไปตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี และอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับเพื่อป้องกันการทรมานและการลงโทษและการปฏิบัติอย่างทารุณ ผิดมนุษย์หรือลดทอนความเป็นมนุษย์อย่างครอบคลุมและครบถ้วน ๑.๔ ควรร่วมกันพัฒนาระบบการเข้าเยี่ยมสถานที่ซึ่งทำให้บุคคลเสื่อมเสียซึ่งอิสรภาพเพื่อป้องกันการทรมานและการลงโทษและการปฏิบัติอย่างทารุณ ผิดมนุษย์หรือลดทอนความเป็นมนุษย์ ๒. ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร รับข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติดังกล่าวไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายฯ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้กระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการแล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2097 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องที่ขอให้เสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิชุมชน กรณีขอให้พิจารณาตรวจสอบความถูกต้องในการออกประกาศกำหนดประเภทโครงการหรือกิจการที่อาจมีผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ ตามมาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และติดตามตรวจสอบความคืบหน้า ในการดำเนินงานของรัฐบาลและความจริงจังในการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มาบตาพุดและจังหวัดระยอง | สม | 23/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิชุมชน กรณีขอให้พิจารณาตรวจสอบความถูกต้องในการออกประกาศกำหนดประเภทโครงการหรือกิจการที่อาจมีผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ ตามมาตรา ๖๗ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และติดตามตรวจสอบความคืบหน้าในการดำเนินงานของรัฐบาลและความจริงจังในการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มาบตาพุดและจังหวัดระยอง และผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ) ได้ประชุมเรื่อง การพิจารณารายงานผลการพิจารณาคำร้องที่ขอให้เสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิชุมชนฯ เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๘ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑๑ กระทรวง เข้าร่วมประชุม โดยรับข้อเสนอแนะและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนไปเป็นแนวทางปฏิบัติแล้ว และได้รายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายดังกล่าว พร้อมกับผลการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2098 | การก่อหนี้ผูกพันค่าก่อสร้างศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษานครพนม จังหวัดนครพนม | ศธ | 23/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ยกเลิกโครงการก่อสร้างศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษานครพนม จังหวัดนครพนม โดยมีวงเงินค่าก่อสร้าง จำนวน ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ โอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณที่ได้รับในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ จำนวน ๖๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย งบประมาณกันเหลื่อมปี พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๔๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ไปเพื่อจัดซื้อครุภัณฑ์ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา จำนวน ๑๔ รายการ จำนวนเงิน ๔๖,๔๓๗,๐๐๐ บาท และปรับปรุงสิ่งก่อสร้างของศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมเพื่อการศึกษาร้อยเอ็ด จำนวน ๔ รายการ จำนวนเงิน ๑๒,๔๗๒,๐๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการจัดหาครุภัณฑ์และดำเนินการปรับปรุงสิ่งก่อสร้างดังกล่าว ให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน และขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ รายการที่ดำเนินการใหม่จะต้องมีความพร้อมและสามารถก่อหนี้ผูกพันได้ภายในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ไปประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2099 | รายงานสรุปโครงการของขวัญให้ประชาชนทุก 3 เดือน (กรกฎาคม - กันยายน 2558) ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี | กก | 23/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปโครงการของขวัญให้ประชาชนในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน ๒๕๕๘ (๓ เดือน) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้
๑. เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ได้แก่ งานมหกรรมเฉลิมฉลองดนตรี วิถีไทย วิถีแห่งความสุข ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร งานสืบสานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา โครงการอบรมเจ้าบ้านน้อย จังหวัดเพชรบูรณ์ โครงการอบรมเจ้าบ้านที่ดี จังหวัดเพชรบูรณ์ โครงการประกวดวงโยธวาทิตนักเรียนแห่งประเทศไทย โครงการจัดแข่งขันกีฬาระหว่างโรงเรียนส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ประจำปี ๒๕๕๘ โครงการพัฒนาและให้บริการด้านสมรรถภาพทางกาย (ทดสอบสมรรถภาพทางกายของประชาชน) ณ สวนสันติภาพและสวนสราญรมย์ โครงการสุดยอดมหกรรมนันทนาการ “การแสดง แสง สี เสียง การละเล่นพื้นที่บ้านกีฬาพื้นเมือง” คืนความสุขให้ประชาชนส่วนภูมิภาค ที่จังหวัดปัตตานี โครงการศึกมวยไทยเทิดไท้องค์ราชัน “Fighting of Muay Thai” ณ เวทีมวยชั่วคราวลานอเนกประสงค์ หน้าศาลากลาง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และโครงการฟื้นฟู อนุรักษ์ และเผยแพร่การละเล่นพื้นบ้านและกีฬาไทย ณ วิทยาเขตกระบี่ วิทยาเขตอุดรธานี วิทยาเขตสมุทรสาคร และวิทยาเขตมหาสารคาม ๒. เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ๒๕๕๘ ได้แก่ โครงการจัดแข่งขันกีฬาระหว่างโรงเรียนส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ประจำปี ๒๕๕๘ ณ สนามกีฬาคลอง ๖ และโครงการสุดยอดมหกรรมนันทนาการ “การแสดง แสง สี เสียง การละเล่นพื้นบ้านกีฬาพื้นเมือง” คืนความสุขให้ประชาชน ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา น่าน สกลนคร และจังหวัดยะลา ๓. เดือนกรกฎาคม-กันยายน ๒๕๕๘ ได้แก่ โครงการท่องเที่ยวสุขใจ ปลอดภัยจากไกด์เถื่อน และโครงการส่งเสริมและพัฒนาเส้นทางจักรยานทั่วประเทศ ๔. เดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ ได้แก่ มหกรรมแห่งไหม ร่วมเทิดไท้ราชินี ที่กรุงเทพมหานคร โครงการสิงหาพาแม่เที่ยว โครงการพัฒนาและให้บริการด้านสมรรถภาพทางกาย (ทดสอบสมรรถภาพทางกายของประชาชน) ณ อุทยานเบญจสิริ โครงการพัฒนาสมรรถภาพทางกายของประชาชน ณ ลานหน้าอาคารกีฬานิมิบุตร โครงการกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๙ ประจำปี ๒๕๕๘ “พระยาพิชัยเกมส์” ณ จังหวัดอุตรดิตถ์ โครงการแข่งขันเทควันโดดาวรุ่งมุ่งสู่ความเป็นเลิศ ประจำปี ๒๕๕๘ ณ โรงเรียนพัทลุง จังหวัดพัทลุง โครงการมหกรรมกีฬาจังหวัดตราด ณ ศูนย์กีฬาในร่ม จังหวัดตราด องค์การบริหารส่วนจังหวัดตราด และโรงเรียนในจังหวัดตราด โครงการพัฒนาศักยภาพนักกีฬาจังหวัดน่าน ณ เทศบาลตำบลปัว อำเภอปัว จังหวัดน่าน โครงการจัดกิจกรรมออกกำลังกายสานสายสัมพันธ์ปั่นจักรยานท่องเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ณ สนามแข่งขันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี และโครงการฟื้นฟู อนุรักษ์ และเผยแพร่การละเล่นพื้นบ้านและกีฬาไทย ณ วิทยาเขตเพชรบูรณ์ ๕. เดือนกันยายน ๒๕๕๘ ได้แก่ มหกรรมอาหารนานาชาติ ที่จังหวัดภูเก็ต การปรับปรุงซ่อมแซมภายในสนามกีฬาหัวหมาก สนามกีฬาจังหวัดสุราษฎร์ธานี การก่อสร้างสนามกีฬาจังหวัดกระบี่ สุโขทัย และอุดรธานี และโครงการฟื้นฟู อนุรักษ์ และเผยแพร่การละเล่นพื้นบ้านและกีฬาไทย ณ วิทยาเขตลำปาง
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2100 | รายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (Significant Safety Concern : SSC) | นร05 | 23/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (Significant Safety Concern : SSC) ด้านการบินว่า
๑. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) ได้เดินทางไปหารือกับประธานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ณ เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา เพื่อชี้แจงความก้าวหน้าในการปรับปรุงแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ โครงสร้าง กติกาและคู่มือ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องของกรมการบินพลเรือนเพื่อให้เป็นมาตรฐานความปลอดภัย โดยการดำเนินการแก้ไขต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการทั้งในเรื่องการจัดทำคู่มือการบิน การฝึกอบรม และการทบทวนในอนุญาตการบิน ซึ่งต้องมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญสามารถตรวจและรับรองสายการบินได้ คาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกินเดือนกันยายน ๒๕๕๘ ส่วนการปรับโครงสร้างกรมการบินพลเรือนอยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปลายปี ๒๕๕๘ ๒. สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หรือ FAA (Federal Aviation Administration) จะเดินทางมาตรวจสอบสายการบินของไทยช่วงเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ นี้ โดยจะใช้เวลาในการตรวจสอบ ๑๕ วัน และกำหนดกรอบในการแก้ไขปัญหา ๖๕ วัน และอยู่ระหว่างรอผลการประกาศท่าทีของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหภาพยุโรป หรือ EASA (European Aviation Safety Agency) ๓. ปัจจุบันการดำเนินการของการบินไทยในส่วนของเที่ยวบินประจำยังสามารถทำการบินได้ตามปกติ ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมจะได้สรุปผลการแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัยด้านการบิน เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
.....
