ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 109 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 2161 - 2180 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2161 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | นร07 | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ วงเงิน ๒.๗๒ ล้านล้านบาท และการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๖/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๘ โดยปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ดังนี้ ๑.๑ ปรับปรุงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มขึ้น จำนวน ๘,๒๗๕.๐๔ ล้านบาท และปรับเพิ่มให้สภากาชาดไทยเป็นค่าก่อสร้างอาคารศูนย์ก้าวหน้าทางวิชาการ จำนวน ๒๖๔.๙๖ ล้านบาท ๑.๒ ปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ในส่วนของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ภายในกรอบวงเงินที่ได้รับจัดสรร เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างและปรับปรุงอาคาร จำนวน ๒ โครงการ จำนวน ๒๐ ล้านบาท ๑.๓ โครงสร้างงบประมาณ มีการปรับปรุงในส่วนรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนภายในวงเงินเดิม ๑.๔ การจำแนกยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ โดยปรับปรุงวงเงินใน ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์เร่งรัดวางรากฐานการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ ยุทธศาสตร์การศึกษา สาธารณสุข คุณธรรม จริยธรรม และคุณภาพชีวิต ยุทธศาสตร์การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและเป็นธรรม และรายการค่าดำเนินการภาครัฐภายในกรอบวงเงินงบประมาณ ๒.๗๒ ล้านล้านบาท ๒. เห็นชอบการทบทวนค่าใช้จ่ายด้านการวิจัย ซึ่งมีงบประมาณของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและพัฒนา อีกจำนวน ๑,๐๖๘.๐๙ ล้านบาท (กระทรวงกลาโหมและสภากาชาดไทย) รวมเป็นเงินงบประมาณด้านการวิจัย จำนวน ๒๕,๓๗๓.๑๙ ล้านบาท และยังมีเงินรายได้ด้านการวิจัยของหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ได้แก่ รัฐวิสาหกิจ มหาวิทยาลัยของรัฐต่าง ๆ อีกจำนวน ๗,๘๕๑.๓๙ ล้านบาท รวมทุกแหล่งเงิน เป็นจำนวน ๓๓,๒๒๔.๖๐ ล้านบาท (ไม่รวมภาคเอกชน) คิดเป็นสัดส่วนต่อ GDP ร้อยละ ๐.๒๕ ๓. เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นอีก จำนวน ๘,๕๔๐ ล้านบาท โดยลดงบประมาณรายการเงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สอดคล้องด้วย ๔. เห็นชอบให้สำนักงบประมาณนำมติคณะรัฐมนตรี (ตามข้อ ๑-๓) ไปจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และเอกสารประกอบงบประมาณ และให้ส่งร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน และแจ้งผลการพิจารณาให้สำนักงบประมาณทราบโดยตรง ก่อนไปจัดพิมพ์เป็นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และเอกสารประกอบ และนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบภายในวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และนำเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๕. ให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เตรียมการให้เกิดความพร้อมในการจัดซื้อจัดจ้าง สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันได้เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2162 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 5 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2557 - 28 กุมภาพันธ์ 2558) | กค | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๕ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ด้านการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ จากการประเมินผลสำเร็จในการดำเนินงานพบว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งทางการเมืองและโครงสร้างระดับนโยบายที่ประชาชนมีความเชื่อต่างกัน ซึ่งจะเกิดในระดับแกนนำแนวคิด แต่ในระดับชุมชน หมู่บ้าน ขณะนี้ไม่มีปัญหาความขัดแย้งรุนแรง สำหรับการดำเนินงานในระยะต่อไปยังคงเน้นการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชนในระดับพื้นที่ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตามสถานการณ์ และประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชนในประเด็นขัดแย้งที่สำคัญและการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศในภาพรวม รวมทั้งร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สภาปฏิรูปแห่งชาติในการจัดเวทีเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการปฏิรูปประเทศ ๑.๒ ด้านการปฏิรูปประเทศ สภาปฏิรูปแห่งชาติได้มีการพิจารณาเรื่องที่สำคัญและเป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนในหลายเรื่อง อาทิ การศึกษาวิจัย เรื่อง “วิสาหกิจเพื่อสังคม” (Social Enterprise) และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. .... รวมทั้งมีการเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติในเรื่องต่าง ๆ ๑.๓ ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน มีผลงานที่สำคัญ ได้แก่ (๑) การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ (๒) การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ (๓) การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม (๔) การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม (๕) การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน (๖) การบริหารเศรษฐกิจ (๗) การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน (๘) การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม สนับสนุนการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาของประเทศ (๙) การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน (๑๐) การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ และ (๑๑) การปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๒. มอบหมายให้คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลรับไปดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีต่อไป ดังนี้ ๒.๑ ประชาชนมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับประชาธิปไตย สิทธิ เสรีภาพ ปัญหา การแก้ไขปัญหา การปฏิรูปประเทศ เพียงใด ๒.๒ การเลือกตั้งที่จะทำให้เกิดการปฏิรูปอย่างแท้จริงเป็นอย่างไร ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างไร ความสำเร็จหรือความล้มเหลว การปรองดองต้องเกิดจากความร่วมมือทุกคน รวมทั้งต้องกระทำการพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามแนวทางหรือวิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2163 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจ เพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 พ.ศ. .... | สว | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๔๐ พ.ศ. .... โดยการตรวจสอบโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ปัจจุบันคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้พิจารณาด้วยความรอบคอบรัดกุม คำนึงถึงความโปร่งใส และการคุ้มครองประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ และมีการตรวจสอบโครงการที่นำมาแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์อย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับตลาดทุน และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุนด้วย สำหรับการปรับปรุงอัตราโทษให้เหมาะสมยิ่งขึ้นนั้น กระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จะร่วมกันพิจารณาอัตราโทษของพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๔๐ ทั้งระบบให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2164 | ร่างพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. .... | พม | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พุทธศักราช ๒๔๘๔ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน โดยกำหนดห้ามมิให้ทำ การขอทาน การจัดระเบียบเกี่ยวกับการสงเคราะห์ และการควบคุมการเล่นดนตรีและการแสดงความสามารถในที่สาธารณะซึ่งมิให้ถือว่าเป็นการขอทานให้ชัดเจนและเหมาะสมยิ่งขึ้น รวมทั้งกำหนดให้บุคคลซึ่งกระทำการใด ๆ ให้ผู้อื่นกระทำการขอทานได้รับโทษทางอาญา เพื่อเป็นการคุ้มครองสวัสดิภาพของบุคคลมิให้ตกเป็นเครื่องมือในการแสวงหาประโยชน์ของผู้อื่น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. มอบให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ไปพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์หรือวางระเบียบเกี่ยวกับสถานที่ วันเวลา การใช้อุปกรณ์ ฯลฯ ตามร่างมาตรา ๑๗ ให้มีความเหมาะสมและเป็นระเบียบเรียบร้อย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2165 | ร่างพระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลให้รัฐมนตรีมีอำนาจในการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขสำหรับลักษณะของสถานพยาบาลและมาตรฐานการบริการของสถานพยาบาลซึ่งดำเนินการโดยส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐ และปรับปรุงบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับบทนิยามในคำว่า “ผู้อนุญาต” รวมทั้งองค์ประกอบของคณะกรรมการสถานพยาบาล องค์ประกอบของคณะกรรมการเปรียบเทียบคดี และบทบัญญัติอื่นที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกันด้วย ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ๒. มอบให้กระทรวงสาธารณสุขกำกับดูแลคุณภาพของบุคลากรทางการแพทย์ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประชาชนผู้รับบริการทางการแพทย์ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2166 | ข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับโทษประหารชีวิตและหลักสิทธิมนุษยชน | สม | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับโทษประหารชีวิตและหลักสิทธิมนุษยชน โดยให้มีการรณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจแก่สังคมไทยเกี่ยวกับโทษประหารชีวิต ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์กับการช่วยลดหรือป้องปรามการก่ออาชญากรรมอย่างมีนัยสำคัญในทุกกรณี รวมถึงคดีเกี่ยวกับยาเสพติด อีกทั้งยังเป็นการลงโทษที่ละเมิดต่อสิทธิในการดำรงชีวิต อันเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน การปรับปรุงระบบและกระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ถูกต้อง และมีความน่าเชื่อถือ รวมทั้งปฏิรูประบบเรือนจำให้สามารถรองรับนักโทษประหารชีวิต และมีสภาพความเป็นอยู่ที่ไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของนักโทษ ตลอดจนปรับปรุงและแก้ไขข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าว และให้กระทรวงยุติธรรมจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้ว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2167 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง พิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเงินได้ห้างหุ้นส่วนสามัญและคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล) | กค | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง พิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเงินได้ห้างหุ้นส่วนสามัญและคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล) และผลการดำเนินการ ตามข้อสังเกตที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
สรุปได้ ดังนี้ ๑. คณะกรรมาธิการฯ มีข้อสังเกตเกี่ยวกับการให้กรมสรรพากรมีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ตามสื่อต่าง ๆ ด้วยถ้อยคำที่เข้าใจง่าย สื่อสารเกี่ยวกับกฎหมายว่าดวยการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (มาตรการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเงินได้ห้างหุ้นส่วนสามัญและคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล) เพื่อให้ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลได้มีการเตรียมความพร้อมที่จะเข้าสู่การจัดเก็บภาษีตามกฎหมายฉบับนี้ ๒. กระทรวงการคลังแจ้งผลการดำเนินการตามข้อสังเกตฯ ดังกล่าว โดยกรมสรรพากรได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ “มาตรการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเงินได้ห้างหุ้นส่วนสามัญและคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล” ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้แก่ รายการเดินหน้าประเทศไทย บทความ เผยแพร่ผ่านวารสารสรรพากร (e-Magazine) การให้ความรู้ผ่านระบบ Telepresence ให้แก่เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรทั่วประเทศ จัดทำวีดิทัศน์เผยแพร่ผ่าน RD Channel ที่ www.rd.go.th Facebook และ Youtube.com รวมทั้งจัดสัมมนาให้ความรู้แก่ห้างหุ้นส่วนสามัญและคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ตลอดจนขณะนี้ อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำเอกสารเผยแพร่ ประเภทคู่มือการเสียภาษีห้างหุ้นส่วนสามัญและคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลให้แก่กลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2168 | ร่างพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. .... | สธ | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการร่างพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยอาหาร โดยกำหนดให้การผลิตอาหารเพื่อจำหน่ายทุกประเภทต้องจัดให้มีสถานที่และระบบคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร ปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการผลิต การจำหน่าย การนำเข้า และการส่งออกอาหารให้สอดคล้องกับการกำหนดประเภทของอาหาร ปรับปรุงกระบวนการควบคุมอาหาร ควบคุมฉลากหรือเอกสารกำกับอาหาร และควบคุมการโฆษณาอาหาร รวมทั้งปรับปรุงบทกำหนดโทษและอัตราค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อให้กลไกการควบคุมและกำกับดูแลความปลอดภัยอาหารสามารถคุ้มครองผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาทบทวนร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อไม่ให้กระทบต่ออำนาจหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งเป็นหน่วยงานตามกฎหมายในการรับรองสินค้าเกษตรและอาหารที่ส่งออกไปต่างประเทศ แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2169 | ร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. .... | ยธ | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ เพื่อกำหนดบทบัญญัติและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ขึ้นใหม่ เพื่อให้การบริหารงานของกรมราชทัณฑ์ การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ กระบวนการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังและการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและเกิดประสิทธิผลสูงสุด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการควบคุมและการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังจะต้องดำเนินการตามหลักทัณฑวิทยา หลักสิทธิมนุษยชน และหลักกฎหมาย ตลอดจนข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นต่อนานาประเทศ และส่งเสริมให้ครอบครัว ชุมชน และเอกชนที่มีวัตถุประสงค์ด้านการบำบัด ฟื้นฟู พัฒนาระบบพฤตินิสัยผู้ต้องขังเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการดังกล่าวด้วย ตลอดจนมุ่งเน้นการอบรมแก้ไขพฤตินิสัยและสร้างโอกาสให้ผู้ต้องขังที่พ้นโทษแล้วกลับคืนสู่สังคมได้อย่างเป็นปกติสุข โดยไม่หวนกลับไปกระทำความผิดซ้ำอีก และข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการกำหนดองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการตรวจเรือนจำและคณะอนุกรรมการรับเรื่องราวร้องทุกข์ การกำหนดตำแหน่งเจ้าพนักงาน การกำหนดค่าตอบแทนของเจ้าพนักงาน การกำหนดอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงาน การจำแนกและมาตรฐานเรือนจำ การทำสัญญาจ้างเอกชนเพื่อดำเนินการใด ๆ ที่เป็นภารกิจและอยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ สิทธิของผู้ต้องขัง การลดวันต้องโทษจำคุก อนามัยของผู้ต้องขัง รวมถึงวินัยและบทลงโทษผู้ต้องขัง เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2170 | ร่างรายงานการอนุวัติอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ ฉบับที่ 6 - 7 (ฉบับรวม) (พ.ศ. 2546 - 2553) | พม | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างรายงานการอนุวัติอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (Convention on the Elimination of All Forms of Discrimination against Women : CEDAW) ฉบับที่ ๖-๗ (ฉบับรวม) (พ.ศ. ๒๕๔๖-๒๕๕๓) ทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาสถานภาพสตรีแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบแล้วในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๘ โดยร่างรายงานฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการรายงานความก้าวหน้า และข้อท้าทายในภาพรวมในการดำเนินการตาม CEDAW ได้แก่ มาตรการ นโยบายเพื่อขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี การประกันสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน มาตรการพิเศษชั่วคราว บทบาทและเจตคติทางเพศ การค้าหญิงและการแสวงหาประโยชน์จากผู้หญิง การเมืองและราชการ การเป็นผู้แทนและการมีส่วนร่วมในระดับนานาชาติ การปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับสัญชาติ การรายงานเกี่ยวกับการศึกษา การจ้างงาน สุขภาพ เศรษฐกิจและสังคม สตรีในชนบท ความเสมอภาคทางกฎหมาย และสิทธิเกี่ยวกับการสมรสและครอบครัว ๑.๒ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จัดส่งรายงานฯ ให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อเสนอต่อสหประชาชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เร่งรัดจัดทำรายงานฉบับต่อไปให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้ปรับปรุงข้อมูลในรายงานดังกล่าวให้ชัดเจน ครบถ้วน และเป็นปัจจุบันเพื่อเสนอต่อสหประชาชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2171 | ร่างปฏิญญารัฐมนตรีในการประชุมเรื่องน้ำโลก ครั้งที่ 7 (The 7th World Water Forum) | ทส | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญารัฐมนตรี (Ministerial Declaration) สำหรับการประชุมเรื่องน้ำโลก ครั้งที่ ๗ (The 7th World Water Forum) มีเนื้อหาประกอบด้วยเจตนารมณ์ซึ่งเน้นความสำคัญของน้ำ ๑.๒ เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมรับรองปฏิญญารัฐมนตรีฯ ๑.๓ หากมีการปรับปรุงแก้ไขร่างปฏิญญาฯ ที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้อยู่ในอำนาจและดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้พิจารณา โดยไม่ต้องนำกลับมาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหม่ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรให้เพิ่มเติมข้อความ “....การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ (IWRM) จำเป็นต้องจัดทำแผนงานร่วมกันทั้งในระดับประเทศเชื่อมโยงถึงระดับชุมชนที่มีการบริหารจัดการน้ำชุมชนอย่างมีระบบ ...” ในร่างปฏิญญาฯ ไปประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2172 | การปรับปรุงกลไกการขับเคลื่อนการดำเนินงานของผู้บริหารด้านการเสริมสร้างบทบาทหญิงชาย (Chief Gender Equality Officer - CGEO) | พม | 31/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการปรับปรุงกลไกการขับเคลื่อนการดำเนินงานของผู้บริหารด้านการเสริมสร้างบทบาทหญิงชาย (Chief Gender Equality Officer - CGEO) ตามมติคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาสถานภาพสตรีแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบออกแบบกลไกในการติดตามผลการดำเนินงานของ CGEO และเห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐรายงานผลการดำเนินงานประจำปีมายังสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ๑.๒ ให้แต่งตั้ง CGEO ระดับกระทรวง เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติงาน โดยกำหนดให้ปลัดกระทรวง เป็น CGEO กระทรวง เพื่อให้การปฏิบัติงานมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการเรื่องนี้ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมชัดเจน เช่น โอกาสของหญิงชายในการดำรงตำแหน่ง การแต่งตั้ง โยกย้าย การสับเปลี่ยนหมุนเวียนอย่างเหมาะสม และความก้าวหน้าในการประกอบวิชาชีพตามศักยภาพที่มีอยู่ เป็นต้น |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2173 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 31/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการจัดผังเมืองเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น ๓ ส่วน คือ (๑) พื้นที่ที่รัฐบริหารโดยจัดโครงการพื้นฐานให้ (๒) พื้นที่เช่าสำหรับภาคเอกชน และ (๓) พื้นที่เพื่อสนับสนุน SMEs และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานความก้าวหน้าในการเชิญชวนภาคเอกชนเข้าร่วมลงทุนในพื้นที่ต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนเมษายนนี้ ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งเจรจาหาข้อสรุปรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวผ่านทางจังหวัดหนองคาย และพิจารณาหาแนวทางการปรับปรุงพัฒนาถนนบริเวณบ้านผาจี อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ระยะทางประมาณ ๒๐ กิโลเมตร ให้สามารถสัญจรได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย ๑.๓ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางดำเนินการให้ด่านสิงขรเป็นจุดผ่อนปรนพิเศษที่เชื่อมโยงทั้งการค้า การท่องเที่ยว การคมนาคมขนส่งบริเวณชายแดน โดยไม่ถือเป็นแนวเขตแดนและไม่มีผลต่อการปักปันเขตแดนในอนาคต โดยให้รายงานความคืบหน้าต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนเมษายนนี้ ๑.๔ ตามที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ได้ตรวจสอบมาตรฐานของกรมการบินพลเรือนตามโครงการตรวจสอบการกำกับดูแลความปลอดภัยสากล และพบว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐาน นั้น ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดแก้ไขปัญหาโดยเร็ว โดยแบ่งการดำเนินการเป็น ๒ ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน จ้างที่ปรึกษามาแก้ไขประสิทธิภาพการกำกับดูแลการออกใบอนุญาตด้านการบินให้ได้ตามมาตรฐานของ ICAO และระยะต่อไป ปรับปรุงโครงสร้างการทำงาน แผนพัฒนาบุคลากร ตลอดจนแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้ดำเนินการระยะเร่งด่วนให้แล้วเสร็จภายใน ๑ เดือน ๑.๕ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการจัดทำฐานข้อมูลของประชาชนแต่ละกลุ่มโดยเฉพาะเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยเพื่อนำมากำหนดแนวทางการดูแลความเป็นอยู่และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเชื่อมโยงกับข้อมูลทะเบียนราษฎรให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ๑.๖ ให้สำนักงบประมาณร่วมกับกระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และการลงนามในสัญญาหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาก่อหนี้ผูกพัน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ให้คณะรัฐมนตรีทราบ และให้หน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายลงทุนจำนวนมาก ได้แก่ กรมทางหลวง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมทางหลวงชนบท กรมชลประทาน กรมโยธาธิการและผังเมือง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมทรัพยากรน้ำ รวมทั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรายงานความก้าวหน้าโครงการส่งให้สำนักงบประมาณทุกสัปดาห์เพื่อรายงานต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๗ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัด “สัปดาห์นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อ SMEs และเกษตรกร” เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs เจ้าของนวัตกรรมได้มีโอกาสพบปะกับหน่วยงานสนับสนุนเงินทุนของภาครัฐ ๑.๘ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับส่งเสริมการขยายตลาดผลไม้ไทยในต่างประเทศ โดยเริ่มต้นจากการจัดกระเช้าผลไม้ที่มีคุณภาพทั้งผลไม้สดและผลไม้แปรรูปสำหรับการต้อนรับแขกต่างประเทศที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย หรือในโอกาสที่รัฐมนตรีไปเยือนต่างประเทศ ๑.๙ ให้กระทรวงพลังงานจัดทำข้อมูลเปรียบเทียบการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมของต่างประเทศ แล้วจัดทำเป็นข้อเสนอทางเลือกเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๑.๑๐ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๙) ตามแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะการพัฒนาทางวิ่งขึ้นลง (Runway) ที่ ๓ ๒. ด้านสังคม ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาฟลูออไรด์ให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาเพื่อเป็นการส่งเสริมสุขภาพฟันของเด็กและเยาวชนให้แข็งแรง ๓. ด้านการต่างประเทศ ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดทำข้อมูลสำหรับใช้ในการเจรจาเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศอาเซียนในระหว่างการประชุมสุดยอดเอเชีย-แอฟริกา ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ เมษายน ๒๕๕๘ ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในประเด็นที่สำคัญ เช่น การปลูกป่าอาเซียน การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ผลผลิตทางการเกษตร การแก้ไขการเผาป่า การศึกษา การท่องเที่ยว วัฒนธรรม โดยส่งให้กระทรวงการต่างประเทศรวบรวมเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ๔. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๔.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงกลาโหม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ศึกษาผลกระทบของการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะ และกำหนดแผนดำเนินการเพื่อรองรับผลกระทบด้วย โดยให้คำนึงถึงประสิทธิภาพของกฎหมายที่สามารถนำมาใช้บังคับได้อย่างแท้จริงและสามารถนำมาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในประเทศได้ ๔.๒ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบการแก้ไขปัญหาที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง เช่น การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย การปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือนของไทยตามแนวทางขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ การแก้ไขปัญหาการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา พิจารณาเสนอแนวทางตามมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และสร้างการรับรู้ต่อสาธารณะว่าการใช้อำนาจตามมาตรา ๔๔ นั้น ไม่เพียงใช้เพื่อการรักษาความมั่นคงเท่านั้น หากยังใช้ในเชิงสร้างสรรค์สำหรับการแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วนของประเทศด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของการแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย และการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานให้นายกรัฐมนตรีทราบทุกสัปดาห์ด้วย ๕. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๕.๑ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดทำ application สำหรับ smart phone, tablet ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในเดือนเมษายนนี้ ๕.๒ ให้ทุกกระทรวง กรมประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการขับเคลื่อนและสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในเรื่องต่อไปนี้ (๑) ด้านสังคม ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างทางการศึกษาของประเทศไทยให้มีมาตรฐานและทัดเทียมกับต่างประเทศ แก้ไขปัญหาไฟป่าและมลพิษหมอกควัน (๒) ด้านเศรษฐกิจ ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างการผลิตทางการเกษตร การพักชำระหนี้เกษตรกร กำหนดมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ และกำหนดมาตรการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (๓) ด้านกฎหมาย ได้ออกกฎหมายเพื่อบังคับใช้ในการแก้ไขปัญหาในเรื่องเร่งด่วน และปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัย และ (๔) ด้านการต่างประเทศ สร้างความเข้าใจกับนานาประเทศให้รับทราบผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องสำคัญ เช่น การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ๕.๓ ให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางการใช้ประโยชน์ภาพถ่ายแผนที่จากการสำรวจระยะไกลทางอากาศและดาวเทียม เพื่อบูรณาการข้อมูลของแต่ละหน่วยงาน รวมทั้งกำหนดเจ้าภาพในการรวบรวม จัดเก็บและกลั่นกรองข้อมูลในแต่ละด้าน โดยกำหนดระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลและการปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ และรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓ เดือน ๕.๔ ให้ทุกหน่วยงานจัดทำข้อมูลผลการดำเนินการในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน โดยเน้นในสิ่งที่ได้ดำเนินการเกิดผลเป็นรูปธรรมแล้ว และสิ่งที่จะดำเนินการต่อไปในระยะ ๕ ปีข้างหน้า แล้วส่งข้อมูลให้สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีทุกสัปดาห์เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการแถลงผลงานรัฐบาลครบรอบ ๖ เดือน ซึ่งจะเริ่มต้นในวันศุกร์ที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๘ โดยนายกรัฐมนตรีจะแถลงผลการดำเนินนโยบายในภาพรวมในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ จากนั้นในสัปดาห์ถัดไปรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะแถลงผลงานในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และการต่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2174 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 31/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ดังนี้ ๑.๑ หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกตั้งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้ประกันตน ตามมาตรา ๘ วรรคสาม ควรมีการหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ๑.๒ สิทธิประโยชน์ตามมาตรา ๕๔ (๑) ในการได้รับสิทธิประโยชน์ทดแทน กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยนั้น ให้สำนักงานประกันสังคมและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจัดทำระบบฐานข้อมูลและระบบการส่งต่อเกี่ยวกับการใช้สิทธิของผู้พิการอย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๓ กองทุนประกันสังคมเป็นกองทุนขนาดใหญ่มีผู้ประกันตนที่อยู่ภายใต้กฎหมายประกันสังคมจำนวนมาก สำนักงานประกันสังคมควรปรับรูปแบบ วิธีการและช่องทางการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ให้ตอบสนองความสนใจของผู้ประกันตน โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ และการเข้าถึงสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตน ตลอดจนรายงานการประชุมของคณะกรรมการที่เกี่ยวกับผู้ประกันตน สถิติการรับ-จ่ายเงินกองทุน เป็นต้น ๑.๔ ตามที่มีผู้เสนอคำแปรญัตติ กรณีที่ผู้ประกันตนตามกฎหมายประกันสังคมโอนย้ายไปเป็นสมาชิกของกองทุนอื่นของรัฐ ให้มีสิทธิได้รับเงินสมทบที่ได้นำส่งเข้ากองทุนคืน โดยให้กองทุนประกันสังคมโอนเงินสมทบดังกล่าวไปให้กองทุนของรัฐที่รับโอนผู้ประกันตนไปจากกองทุนประกันสังคมนั้น เนื่องจากการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ในครั้งนี้ ไม่ได้กำหนดประเด็นดังกล่าวไว้ในหลักการ ในชั้นนี้จึงไม่อาจดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมได้ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการที่กำหนดให้มีการโอนเงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการไปยังกองทุนอื่นได้ตามความประสงค์ของข้าราชการ ในกรณีทีข้าราชการลาออกจากงานหรือลาออกจากกองทุน จึงอาจนำแนวทางดังกล่าวมาใช้ในกรณีที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมหรือปรับปรุงกฎหมายประกันสังคมต่อไป ๑.๕ พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ มีเจตนารมณ์เพื่อสร้างหลักประกันให้กับลูกจ้างโดยจัดตั้งกองทุนประกันสังคมขึ้น เพื่อคุ้มครองลูกจ้าง ซึ่งได้มีการแก้ไขให้เอื้ออำนวยประโยชน์แก่นายจ้างและผู้ประกันตนให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ แต่ก็ยังมีหลายประเด็น ซึ่งไม่อาจแก้ไขเพิ่มเติมได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนั้น หากในอนาคตมีการปรับปรุงกฎหมายประกันสังคมควรมีการประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิผล ๑.๖ ตามที่มีผู้เสนอคำแปรญัตติให้องทุนประกันสังคม เป็นนิติบุคคลที่ไม่เป็นส่วนราชการ กิจการของกองทุนไม่อยู่ในบังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ และกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม และเงินกองทุนไม่ต้องนำส่งกระทรวงการคลัง เป็นรายได้แผ่นดินนั้น เนื่องจากการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ในครั้งนี้ไม่ได้กำหนดประเด็นดังกล่าวไว้ในหลักการ ในชั้นนี้จึงไม่อาจดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมได้ อย่างไรก็ตามอาจนำประเด็นดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการ ในกรณีที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมหรือปรับปรุงกฎหมายประกันสังคมต่อไป ๒. ให้กระทรวงแรงงาน และกระทรวงสาธารณสุขรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าวไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการ แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2175 | รายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล | สม | 31/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒. รับทราบผลการพิจารณาของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2176 | ขอยุติโครงการปลูกยางพาราในที่แห่งใหม่ ระยะที่ 3 พ.ศ. 2554 - 2556 ตามพระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง มาตรา 21 ทวิ | กษ | 31/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้ยุติโครงการปลูกยางพาราในที่แห่งใหม่ ระยะที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๖ ตามพระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง มาตรา ๒๑ ทวิ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับแนวทางการลดต้นทุนการเพาะปลูกและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงพัฒนาคุณภาพผลผลิตยางและการแปรรูปเพิ่มมูลค่าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และการบริหารจัดการพื้นที่ปลูกยางทั่วประเทศ โดยเฉพาะแนวทางการแก้ไขปัญหากรณีมีพื้นที่สวนยางจำนวนมากอยู่ในเขตพื้นที่ป่า โดยร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแก้ไขให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรีทุกเดือน ดังนี้ ๒.๑ ให้ลดพื้นที่ปลูกยางพาราในประเทศโดยเริ่มดำเนินการในพื้นที่ป่าที่ชาวสวนยางได้บุกรุกเข้าไปทำการเพาะปลูก หาแนวทางการบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ร่วมกัน โดยไม่ให้กลุ่มนายทุนเข้าไปใช้พื้นที่ทำประโยชน์ การจัดการกับไม้ยางพาราทั้งที่ตัดได้และยังตัดไม่ได้ และการให้ความช่วยเหลือเยียวยาชาวสวนยางกลุ่มดังกล่าวอย่างเหมาะสม เช่น การจัดหาอาชีพอื่นทดแทน การจัดหาพื้นที่เพาะปลูกใหม่ เป็นต้น โดยดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๑ เดือน ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องปรับปรุงหรือแก้ไขกฎหมายใด ๆ ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็ว ๒.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาหาแนวทางการปรับปรุงองค์การสวนยาง กลุ่มสหกรณ์ หรือชุมชนเกษตรกรให้มีความเข้มแข็ง และบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบชัดเจน และรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรีทุกเดือน |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2177 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งตำแหน่งกรรมการและเลขานุการ โดยให้เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นกรรมการและเลขานุการ แทนเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2178 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแต่งตั้งคณะทำงาน โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาผลกระทบทั้งผลดีและผลเสียในด้านต่าง ๆ เช่น การพาณิชย์ การเงิน การคมนาคม และด้านอื่น ๆ ให้ครบถ้วน และให้พิจารณาเสนอแนวทางที่เหมาะสมต่อคณะรัฐมนตรี เช่น การใช้เวลามาตรฐานอาเซียนเฉพาะกรณีที่จำเป็น โดยให้คำนึงผลประโยชน์ของประเทศและสอดคล้องกับหลักสากล ๑.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) พิจารณาเสนอมาตรการเพื่อให้สามารถจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ในราคา ๘๐ บาททั่วประเทศ โดยในต่างจังหวัดอาจพิจารณาลดสัดส่วนรายได้ของรัฐลง และให้พิจารณาจัดสรรโควตา และผู้แทนจำหน่ายให้เหมาะสม ๑.๓ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางให้ประชาชนที่มีรายได้ทุกคน รวมทั้งผู้ที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามที่กฎหมายกำหนดไว้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อให้ภาครัฐใช้เป็นฐานข้อมูลรายได้ของประชากรในแต่ละปี เพื่อนำมาวิเคราะห์สถานะทางสังคมของประชากรและแนวโน้มสถานะทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคตต่อไป ๑.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการกำหนดมาตรการเพื่อลดต้นทุนการผลิต สนับสนุนเครื่องมือและปัจจัยการผลิต และมติเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางการสนับสนุนปัจจัยการผลิตทางการเกษตรเพื่อเป็นการช่วยลดต้นทุนให้แก่เกษตรกร โดยเน้นการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ เครื่องจักร และเครื่องมือทำการเกษตร รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงพันธุ์พืชที่สอดคล้องกับความต้องการใช้ในประเทศ แล้วสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ให้เกษตรกรนำไปเพาะปลูกต่อไปได้ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมก่อนฤดูกาลผลิตหน้า โดยเฉพาะการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืชและการลดราคาปุ๋ย ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการประสานภาคเอกชนในการปรับลดราคาโดยเร็วด้วย ๑.๕ จากการเดินทางตรวจราชการและพบปะกลุ่มเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์พบว่า ประชาชนมีความต้องการให้รัฐบาลดูแลในเรื่องทำกิน แก้ไขปัญหาพันธุ์สับปะรดและอ้อย ปริมาณพืชผลที่ไม่เพียงพอ ตลอดจนการขาดแคลนปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย เครื่องมือ รถไถ รถเกี่ยว จึงมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่ และการวางแผนการส่งเสริมและการปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกในพื้นที่ เพื่อให้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นจังหวัดนำร่องในการแก้ไขปัญหาเกษตรกรเช่นเดียวกับจังหวัดนครราชสีมา ๑.๖ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามแผนบริหารจัดการน้ำ ให้มีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะการขยายระบบประปาหมู่บ้านทั่วประเทศครบถ้วนภายในปี ๒๕๖๐ ๒. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๒.๑ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ให้เรือประมงไทยขนาดตั้งแต่ ๓๐ ตันกรอสขึ้นไป ติดตั้งระบบติดตามตำแหน่งเรือ (Vessel Monitoring System : VMS) เพื่อให้สามารถติดตามตรวจสอบการทำประมงของเรือประมงไทยทั้งในน่านน้ำไทยและน่านน้ำต่างประเทศ นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีได้เป็นรูปธรรม ๒.๒ มอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการโครงการเฉลิมพระเกียรติอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการจัดตั้งมหาวิทยาลัยในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยให้เป็นมหาวิทยาลัยทางเลือกที่มีหลักสูตรการเรียนการสอน ซึ่งเน้นวิชาการเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเป็นต้นแบบด้านการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเจริญพระชนมพรรษา ๙๐ พรรษา และให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง โดยใช้ที่ดินของรัฐ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใกล้กับสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เนื่องในวโรกาสเจริญพระชนพรรษา ๖๐ พรรษา
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2179 | การพิจารณาแผนงาน/โครงการ ตามความต้องการของกลุ่มเกษตรกร 7 กลุ่ม จังหวัดนครราชสีมา ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | มท | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการพิจารณาโครงการ ตามความต้องการของกลุ่มเกษตรกร ๗ กลุ่ม จังหวัดนครราชสีมา ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี รวม ๘ โครงการ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ แผนงาน/โครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบด้วย ๑.๑.๑ โครงการที่มีความพร้อมด้านการเกษตรที่ดำเนินการได้ทันที จำนวน ๖ โครงการ งบประมาณ ๒๕๗,๙๐๖,๙๕๕ บาท ได้แก่ (๑) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตรวบรวมและแปรรูปข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์ (๒) โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์ในเขตพื้นที่นำร่อง (ระยะสั้น) (๓) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมันสำปะหลัง (๔) โครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตอ้อยจังหวัดนครราชสีมา (๕) โครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ OTOP โคราชสู่สากลแบบครบวงจร และ (๖) กลุ่มยางพาราโครงการเพิ่มมูลค่ายางพาราตกต่ำของกลุ่มยางพารา ๑.๑.๒ โครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและมีความพร้อมด้านสาธารณสุข และการป้องกัน จำนวน ๒ โครงการ งบประมาณ ๖๔๗,๐๒๕,๘๐๐ บาท ได้แก่ (๑) โครงการพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา และ (๒) โครงการปรับปรุง Emergency Spillway และส่วนประกอบอื่น เขื่อนลำพระเพลิง ๑.๒ กระทรวงมหาดไทยได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมเพื่อปรึกษาหารือให้ข้อคิดเห็น วิเคราะห์โครงการ แนวทางการดำเนินการตามกิจกรรมที่กำหนดและงบประมาณที่สามารถนำมาสนับสนุนโครงการฯ รวม ๒ ครั้ง ๑.๒.๑ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการทั้ง ๘ โครงการ ในชั้นต้นมอบให้ (๑) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณากิจกรรมโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตรวบรวมและแปรรูปข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์ โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่มสัมฤทธิ์ในเขตพื้นที่นำร่อง (ระยะสั้น) และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมันสำปะหลัง (เฉพาะกิจกรรมด้านวิชาการ) และโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตอ้อยจังหวัดนครราชสีมา และกลุ่มยางพาราโครงการเพิ่มมูลค่ายางพาราตกต่ำของกลุ่มยางพารา (๒) กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ร่วมกันพิจารณากิจกรรมด้าน OTOP ของโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ OTOP โคราชสู่สากลแบบครบวงจร (๓) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณารายละเอียดกิจกรรมจัดหาแหล่งน้ำให้ศูนย์เรียนรู้ผลิตไหม และ (๔) กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาสนับสนุนจัดหางบประมาณโครงการพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา โดยให้จังหวัดนครราชสีมาจัดส่งข้อมูลโครงการเพิ่มเติม โดยเฉพาะข้อมูลโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตรวบรวมและแปรรูปข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์ โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่มสัมฤทธิ์ในเขตพื้นที่นำร่อง (ระยะสั้น) และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมันสำปะหลัง ให้กระทรวงมหาดไทยโดยด่วน ซึ่งประธานจะเร่งจัดประชุมปรึกษาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในครั้งต่อไป ทั้งนี้ จะได้นำเรียนให้นายกรัฐมนตรีรับทราบความคืบหน้าไว้ชั้นหนึ่งก่อน ๑.๒.๒ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๘ ที่ประชุมมีมติว่า เนื่องจากโครงการดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนในหลายประเด็น ดังนั้น เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับงบประมาณที่จะนำมาสนับสนุนการดำเนินการในการนำเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา จึงมอบให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ประสานในรายละเอียดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเพื่อพิจารณาให้การสนับสนุนกิจกรรมและงบประมาณโครงการ และให้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครั้งต่อไปเพื่อสรุปรายละเอียด รวมทั้งให้รายงานผลความคืบหน้าการดำเนินงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีทราบไว้ชั้นหนึ่งก่อน ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) พิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการโครงการต่าง ๆ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2180 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 4 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2557 - 31 มกราคม 2558) | นร | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๔ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๓๑ มกราคม ๒๕๕๘) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น โครงการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกคณะกรรมการหมู่บ้าน โครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ และจากการตรวจราชการของผู้ตรวจราชการกรมการปกครองพบว่าในระดับพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาความขัดแย้ง ๒. การปฏิรูปประเทศ สภาปฏิรูปแห่งชาติได้มีการพิจารณาเรื่องที่สำคัญและเป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนในหลายเรื่อง อาทิ โครงการส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์รูฟอย่างเสรี การกำหนดอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามระยะเวลาการใช้งานที่เป็นจริงโดยคิดเป็นวินาที การเปิดให้สัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ ๒๑ และเรื่องแนวทางการบริหารจัดการพลังงานปิโตรเลียมอย่างยั่งยืน เป็นต้น นอกจากนี้ ในการดำเนินการยกร่างรัฐธรรมนูญเป็นไปตามแผนการดำเนินงานตาม Road Map ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาล และในระยะต่อไปจะได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ได้แก่ (๑) การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ (๒) การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ (๓) การลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม (๔) การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม (๕) การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน (๖) การบริหารเศรษฐกิจ (๗) การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน (๘) การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม สนับสนุนการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาประเทศ (๙) การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน (๑๐) การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ และ (๑๑) การปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||
.....
