ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 106 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 2101 - 2120 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2101 | รายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนมกราคม - มีนาคม 2558) | ทส | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๕๘) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นเรื่องที่เป็นหลักการหรือเรื่องทั่วไป ๑.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ในไตรมาสที่ ๑-๒ (ตุลาคม ๒๕๕๗-มีนาคม ๒๕๕๘) คิดเป็นร้อยละ ๔๒ จำนวน ๑๓,๓๐๖.๕๒ ล้านบาท ๑.๒ การเจรจาหรือจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ได้มีการประชุมในระดับทวิภาคีและระดับรัฐมนตรีกับกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง รวมทั้งมีการสัมมนาระดับสูง ๑.๓ การจัดทำโครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการ ได้ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๕ อย่างเคร่งครัด และดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขการทุจริตและประพฤติมิชอบและส่งเสริมคุ้มครองจริยธรรม รวมทั้งมาตรการป้องกันและลดโอกาสการทุจริตและประพฤติมิชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๑.๔ การเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติตามหลักการ ๓ ประการ ในการเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ๑.๕ การแต่งตั้งคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ได้แจ้งรัฐวิสาหกิจในสังกัดถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๗) โดยเคร่งครัด ๒. ประเด็นเรื่อง/โครงการสำคัญเร่งด่วน ๒.๑ ด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ การบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของประเทศ ได้ดำเนินการอนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งน้ำเพื่อแก้ปัญหาการตื้นเขินและเสื่อมสภาพของแหล่งน้ำพื้นที่ชุ่มน้ำให้คืนสู่ความสมบูรณ์ บรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำและปัญหาน้ำท่วม การพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค น้ำดื่มสะอาดให้แก่โรงเรียน และพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ภัยแล้งในพื้นที่ภาคตะวันออก รวมทั้งดำเนินโครงการคืนคลองให้น้ำไหล คืนความใสให้แม่น้ำทั่วประเทศ และการจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร ปี ๒๕๕๘ มีเป้าหมายส่งมอบที่ดิน จำนวน ๑๖๐,๓๒๗ ไร่ และเตรียมพื้นที่สำหรับดำเนินการจัดที่ดินทำกินชุมชน ระยะที่ ๒ ในพื้นที่ ๘ จังหวัด ๕๑,๙๒๙ ไร่ รวมทั้งดำเนินโครงการสนับสนุนป่าพื้นบ้านธนาคารอาหารชุมชน (FOOD BANK) ในพื้นที่ ๖๔ จังหวัด ๒๖๐,๐๐๐ ไร่ ๒.๒ ด้านสังคม ได้แก่ การจัดการขยะมูลฝอยและน้ำเสีย ได้ดำเนินการจัดทำโครงการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างเต็มรูปแบบ ในระยะยาว ๑๕ ปี จำนวน ๑๙ พื้นที่ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ๒ โครงการ ๘ พื้นที่ ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย และดำเนินโครงการสร้างวินัยของคนในชาติมุ่งการจัดการที่ยั่งยืน ตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย และการจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม ได้มีการประสานการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียน จำนวน ๖๑๗ เรื่อง และมีการประสานแจ้งให้หน่วยงานต่าง ๆ นำเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการแล้ว ๒.๓ ด้านกฎหมาย การรวบรวมกฎหมาย ระเบียบที่ล้านสมัยหรือเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และพิจารณาความจำเป็นเร่งด่วน และจัดลำดับความสำคัญของร่างกฎหมาย ได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย รวมจำนวน ๑๘ ฉบับ และมีกฎหมายที่ประกาศใช้แล้ว ได้แก่ พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๗ พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘ และพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||||||||
| 2102 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาโครงสร้างองค์กร อำนาจหน้าที่ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) โดยพิจารณาความเหมาะสมในการบูรณาการรวมหน่วยงานทั้งสองเข้าด้วยกัน และให้ กอ.รมน. แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ในส่วนอำนาจหน้าที่ของ กอ.รมน. ให้ครอบคลุมถึงการดำเนินการเกี่ยวกับภัยพิบัติหรือภัยธรรมชาติ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้กระทรวงการคลังกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินกองทุนหมุนเวียนต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด หากพบว่ากองทุนหมุนเวียนใดใช้จ่ายเงินอย่างไม่มีประสิทธิภาพให้พิจารณาระงับการใช้จ่ายเงินชั่วคราว รวมทั้งพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้กองทุนที่มีรายได้หลักจากเงินที่เรียกเก็บจากผู้มีหน้าที่เสียภาษีสุราและยาสูบเข้ามามีส่วนร่วมในการเตรียมการรองรับสังคมผู้สูงอายุในอนาคต ๒.๒ ให้กระทรวงคมนาคมรายงานความก้าวหน้าเกี่ยวกับแนวทางการสร้างท่าเทียบเรือยอร์ชและท่าเทียบเรือสำราญระหว่างประเทศขนาดใหญ่ ต่อคณะรัฐมนตรีภายใน ๒ สัปดาห์ ๒.๓ ให้กระทรวงพลังงานสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชนเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการในกรณีที่ต้องการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์โดยมิได้แสวงหาผลกำไร ๒.๔ ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยซึ่งใช้ที่ดินทำกินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการกู้ยืมเงินจากนายทุนนอกระบบ โดยพิจารณาดำเนินการในรูปแบบกองทุนเพื่อทำหน้าที่ในการจัดการหรือช่วยเหลือเกษตรกรเกี่ยวกับสัญญาขายฝาก โดยกองทุนอาจเป็นผู้รับซื้อฝากที่ดินดังกล่าวไว้เพื่อให้เกษตรกรยังสามารถมีที่ดินทำกินต่อไปได้ ๒.๕ ให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการปรับปรุงและควบคุมคุณภาพข้าวสารบรรจุถุงที่นำมาจำหน่ายในราคาย่อมเยาให้ได้มาตรฐาน และไม่ส่งผลกระทบต่อราคาข้าวในตลาด รวมทั้งพิจารณาจัดหาสินค้าชนิดอื่นมาจำหน่ายในราคาย่อมเยาต่อไป ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ในกรณีที่ส่วนราชการมีความจำเป็นจะต้องดำเนินการมาตรการหรือโครงการที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก เช่น การหยุดส่งน้ำในพื้นที่ชลประทาน ให้ส่วนราชการเสนอมาตรการหรือแนวทางดำเนินการและวิธีการลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นให้นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนที่จะดำเนินการหรือประกาศใช้ต่อไป ๓.๒ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางบริหารจัดการน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๓.๒.๑ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสำรวจและขุดแหล่งน้ำบาดาลเพิ่มเติม โดยเร่งดำเนินการในพื้นที่แล้งซ้ำซากก่อน รวมทั้งจัดทำแหล่งกักเก็บน้ำขนาดเล็กในทุกหมู่บ้าน ๓.๒.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกรให้ชะลอการเพาะปลูก เนื่องจากขณะนี้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำอยู่ในระดับวิกฤติและคาดว่ามีภาวะเช่นนี้ไปอีกระยะหนึ่ง ๓.๒.๓ ให้กระทรวงกลาโหมสำรวจพื้นที่ทางการเกษตร โดยเฉพาะพื้นที่เพาะปลูกข้าวซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง เช่น แหล่งกักเก็บน้ำ ความเสียหายที่ได้รับ ความต้องการของเกษตรกร แล้วจัดลำดับความเร่งด่วนของแต่ละพื้นที่เสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณามาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยได้อย่างเหมาะสมต่อไป ๓.๓ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเร่งดำเนินการพิจารณากำหนดแนวเขตป่าไม้ใหม่ โดยจัดทำเป็นแผนที่ดิจิทัล มาตราส่วน ๑ : ๔,๐๐๐ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งพัฒนาเป็นแอพพลิเคชันเพื่อความสะดวกในการตรวจสอบแนวเขตป่าไม้ ๓.๔ ให้ทุกหน่วยงานรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติกและส่งเสริมการใช้ถุงผ้าหรือวัสดุที่ย่อยสลายง่ายแทน โดยให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกันพัฒนานวัตกรรมการผลิตสินค้าจากวัสดุที่ย่อยสลายง่ายหรือการนำวัสดุเหลือใช้มาผลิตใช้ใหม่ รวมทั้งให้กระทรวงการคลังพิจารณามาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการที่ใช้วัสดุย่อยสลายง่ายหรือนำวัสดุเหลือใช้กลับมาใช้ใหม่ เช่น การสนับสนุนด้านภาษี ๓.๕ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาทบทวนองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติซึ่งเคยมีการดำเนินงานมาก่อนหน้านี้แล้วว่า มีความครอบคลุมการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ตามนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ หากมีความจำเป็น ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือกำหนดกลไกในการดำเนินงานเรื่องนี้โดยเร็วต่อไป ๓.๖ ให้ทุกหน่วยงานติดตามตรวจสอบการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ หากพบว่า มีการนำเสนอข่าวที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งชี้แจงสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสาธารณชนโดยทันที
|
||||||||||||||||||||||||
| 2103 | วีดิทัศน์การปรับปรุงต่อเติมเรือนรับรอง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล | นร | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการปรับปรุงต่อเติมเรือนรับรอง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อจัดทำเป็นห้องประชุม ห้องรับรองผู้นำต่างประเทศที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย รวมทั้งใช้สำหรับจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของรัฐบาล ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยประมาณการงบประมาณไว้ที่ ๑๕๐ ล้านบาท ๒. ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดทำรายละเอียดการปรับปรุงต่อเติมและงบประมาณเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 2104 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก - ตะวันตก (East - West Economic Corridor : EWEC) ครั้งที่ 3 | กต | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor : EWEC) ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑๙-๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การพัฒนาความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ (๑) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก ในส่วนเพิ่มเติมหรือต้องการปรับปรุง และ (๒) การพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดการกองทุนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการบำรุงรักษาและซ่อมแซมถนน ๑.๒ การส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบ ได้แก่ (๑) การบังคับใช้บทเพิ่มเติมของบันทึกความเข้าใจระหว่าง สปป.ลาว ไทย และเวียดนาม (๒) การบังคับใช้การตรวจปล่อยจุดเดียวที่จุดผ่านแดนสะหวันนะเขต-มุกดาหาร (๓) การผนวกเส้นทางตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก ในเมียนมาเข้าไปในบันทึกความเข้าใจระหว่าง สปป.ลาว ไทย และเวียดนาม (๔) การจัดตั้งเส้นทางรถโดยสารประจำทางระหว่างไทย-สปป.ลาว-เวียดนาม และศึกษาความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกับเมียนมา (๕) การเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะทำงานสามฝ่าย ไทย-สปป.ลาว-เวียดนาม เพื่อหารือและผลักดันความเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบในการอำนวยความสะดวกการขนส่งข้ามพรมแดน (๖) การส่งเสริมให้ธนาคารพัฒนาเอเชียสนับสนุนการพัฒนาเมืองในบริเวณชายแดนและตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก และเส้นทางต่อขยาย (๗) การสนับสนุนการมีส่วนร่วมของธนาคารพัฒนาเอเชีย หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาและภาคเอกชนในการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (๘) การสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับภาคเอกชนและ/หรือหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาจัดหลักสูตร การฝึกอบรมสำหรับบุคลากรด้านศุลกากร การตรวจคนเข้าเมือง และการกักกัน และผู้ให้บริการโลจิสติกส์ และ (๙) การส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เพื่อส่งเสริมให้เป็นแนวพื้นที่เศรษฐกิจอย่างแท้จริง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับการสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับภาคเอกชนและ/หรือหุ้นส่วน เพื่อการพัฒนาจัดหลักสูตรการฝึกอบรมสำหรับบุคลากรด้านศุลกากร การตรวจคนเข้าเมืองและการกักกัน และผู้ให้บริการโลจิสติกส์ โดยเพิ่มกระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งการพัฒนาความเชื่อมโยงทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและการส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบให้มีความสอดคล้องกัน ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากการใช้โครงสร้างพื้นฐานตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (เมียนมา-ไทย-ลาว-เวียดนาม) โดยจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจโดยรวมของภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และการเร่งรัดการสร้างโครงข่ายเชื่อมโยงข้อมูลระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจปล่อยสินค้า ณ บริเวณด่านศุลกากรจังหวัดมุดาหาร-สะหวันนะเขต ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรเร่งผลักดันการผนวกเส้นทาง R12 เข้าไว้ในความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion Cross-Border Transport Agreement : GMS CBTA) โดยเร็วเพื่อขยายโอกาสในการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนให้มากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 2105 | ผลการหารืออย่างไม่เป็นทางการระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย - ลาว | กต | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการติดตามผลการหารืออย่างไม่เป็นทางการระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (Foreign Ministers’ Retreat) ไทย-ลาว ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการติดตามผลการหารือดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ความร่วมมือด้านแรงงาน ฝ่ายลาวจะระบุสัญชาติในหนังสือยืนยันสถานภาพบุคคล (Corporate Identity : CI) ที่จะออกให้แก่แรงงานสัญชาติลาวที่ได้รับใบอนุญาตให้ทำงานชั่วคราวในไทยแล้ว และจะส่งเจ้าหน้าที่กลับมาตรวจสัญชาติแรงงานลาว ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ และจะแก้ไข CI ของแรงงานลาวที่มิได้ระบุสัญชาติ รวมทั้งยินดีจะรับคณะฝ่ายไทยเพื่อหารือเกี่ยวกับการแก้ไขความตกลงว่าด้วยการเดินทางข้ามพรมแดนไทย-ลาว ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ๒. ความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงในภูมิภาค ฝ่ายลาวไม่ขัดข้องที่จะเพิ่มเส้นทาง R12 เข้าไปอยู่ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion Cross-Border Transport Agreement : GMS CBTA) โดยขอให้ฝ่ายไทยช่วยปรับปรุงเส้นทางดังกล่าวให้ได้มาตรฐาน และยินดีเข้าร่วมประชุม ๓ ฝ่ายเกี่ยวกับการเปิดบริการเดินรถโดยสารประจำทางระหว่างไทย-ลาว-เวียดนาม ที่เวียดนามจะเป็นเจ้าภาพ ๓. ความร่วมมือด้านการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ฝ่ายลาวเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกันเพื่อจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อเป็นกลไกหารือการเชื่อมโยงเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของสองประเทศ ๔. บุคคลที่มีพฤติการณ์หมิ่น/จาบจ้วงสถาบันฯ ที่มีคดีติดตัวและหลบหนีอยู่ในลาว ฝ่ายลาวพร้อมสอดส่องและตรวจสอบความเคลื่อนไหวของบุคคลสัญชาติไทยที่มีพฤติการณ์หมิ่นและจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีคดีติดตัวและหลบหนีไปอาศัยอนู่ในลาว ๕. การประชุมคณะอนุกรรมการเทคนิคภายใต้คณะกรรมการร่วมไทย-ลาว เพื่อดูแลการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง ฝ่ายไทยได้ผลักดันให้ฝ่ายลาวจัดการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งฝ่ายลาวรับที่จะเร่งรัดการพิจารณาจัดประชุม ๖. ความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้า ฝ่ายไทยยินดีสนับสนุนความร่วมมือด้านการซื้อ-ขายไฟฟ้าในลักษณะระบบต่อระบบ (Grid to Grid) ระหว่างไทยกับลาว โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือในรายละเอียดต่อไป ๗ ประเด็นเขตแดน ทั้งสองฝ่ายพร้อมแก้ไขปัญหาเขตแดนภายใต้กลไกที่มีอยู่ และการพบหารืออย่างสม่ำเสมอและบ่อยครั้ง รวมทั้งการพัฒนาการเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวข้ามแดนร่วมกันบริเวณภูชี้ฟ้า โดยมีแผนจะจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ร่วมกัน ๘. การสนับสนุนลาวเป็นประธานอาเซียนในปี ๒๕๕๙ ฝ่ายลาวขอรับการสนับสนุนต่าง ๆ จากไทยในช่วงที่ลาวจะเป็นประธานอาเซียนในปี ๒๕๕๙ โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการ และการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในนครหลวงเวียงจันทน์ ๙. กรณีไม้พะยูง จำนวน ๑๑ ตู้คอนเทนเนอร์ ฝ่ายไทยขอรับเอกสารและหลักฐานจากฝ่ายลาวที่เป็นประโยชน์ต่อการแสดงความเป็นเจ้าของไม้พะยูงของกลางของรัฐบาลลาว และการสืบสวนสอบสวนคดีปลอมเอกสารและการใช้เอกสารปลอม |
||||||||||||||||||||||||
| 2106 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ยธ | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริง กำหนดให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ รวมทั้งพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐได้ช่วยเหลือและสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐให้เหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ปรับปรุงโครงสร้างของคณะกรรมการฯ ในส่วนของการได้มา องค์ประกอบ คุณสมบัติ และลักษณะต้องห้าม และการพ้นจากตำแหน่ง และเห็นชอบในหลักการให้นำคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๖๙/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๗ เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบไปบัญญัติเพิ่มเติมไว้ในร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเป็นส่วนราชการที่ไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 2107 | ขอความเห็นชอบโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพและแรงจูงใจในการอนุรักษ์สัตว์ป่าในผืนป่าตะวันตก (Strengthening Capacity and Incentives for Wildlife Conservation in the Western Forest Complex) | ทส | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ โครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพและแรงจูงใจในการอนุรักษ์สัตว์ป่าในผืนป่าตะวันตก (Strengthening Capacity and Incentives for Wildlife Conservation in the Western Forest Complex) โดยโครงการฯ มีเป้าหมายในการส่งเสริมกระบวนการพัฒนาแห่งชาติต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม และมีวัตถุประสงค์เพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการ และงบประมาณที่ยั่งยืนสำหรับพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง และกระตุ้นให้ชุมชนท้องถิ่นช่วยกันดูแลรักษาพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ ๑.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลงนามร่วมกับผู้แทนสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Program : UNDP) ประเทศไทย ในเอกสารโครงการฯ ๒. ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
| 2108 | ร่างหนังสือแลกเปลี่ยนและร่างความตกลงเพื่อดำเนินโครงการ Competition Policy and Law in ASEAN Phase ll | พณ | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนตอบรับจากสำนักเลขาธิการอาเซียนที่มีถึงเยอรมนี (Exchange of Notes) และร่างความตกลงเพื่อดำเนินโครงการ Competition Policy and Law in ASEAN Phase II (CPL II) ที่ระบุความตกลงกรณีการให้ความช่วยเหลือตามโครงการ CPL ใน Phase II ต้องแจ้งยืนยันให้ผู้แทนสำนักเลขาธิการอาเซียนมีอำนาจลงนามในเอกสารความตกลงการขอรับความช่วยเหลือผ่านโครงการ CPL ดังกล่าวทั้งสองฉบับ ๑.๒ เห็นชอบให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างเอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าว ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ว่า รัฐบาลไทยให้ความยินยอมให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนลงนามในร่างเอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ปัจจุบัน ไทยอยู่ระหว่างการปรับปรุงพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ กลไกตลาด และการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างไรก็ตาม ประเด็นการแก้ไขปรับปรุงควรคำนึงถึงความสอดคล้องกับกฎหมายสากล รวมทั้งการพัฒนากระบวนการที่จำเป็นในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการสอบสวนร่วมกันระหว่างประเทศ ตลอดจนความเชื่อมโยงกับการเจรจาข้อตกลงเสรีการค้า ซึ่งเป็นประเด็นนโยบายแข่งขันทางการค้ามักจะถูกนำมาอยู่ภายใต้ข้อบทการเจรจามากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 2109 | โครงการปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาคสาขาพระนครศรีอยุธยา และเพชรบุรี ปี 2558 | มท | 16/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ดำเนินโครงการปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาพระนครศรีอยุธยา และเพชรบุรี ปี ๒๕๕๘ วงเงินลงทุนรวม ๒,๙๙๗.๖๓๙ ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ กปภ. กู้เงินภายในประเทศ โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน รวมทั้งให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินตามความเหมาะสมและความจำเป็นต่อไป โดยให้ กปภ. ใช้เงินรายได้ชำระคืนการกู้เงินดังกล่าว ๒. ให้ กปภ. ไปหารือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ดำเนินการทั้งหมดว่าอยู่ในเขตพื้นที่ที่ใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหิน และอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ และกิจกรรมที่ดำเนินการเข้าข่ายห้ามกระทำการตามข้อ ๑๐ ในประกาศดังกล่าวหรือไม่ ก่อนดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กปภ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการพร้อมจัดทำแผนรองรับปัญหาขาดแคลนน้ำดิบ ภัยพิบัติ การลดอัตราน้ำสูญเสีย และการบริหารจัดการแรงดันน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของ กปภ. และจัดทำแผนการตลาดในการเพิ่มผู้ใช้น้ำรายใหม่ให้เป็นไปตามเป้าหมายและควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการผลิตและบริหารจัดการให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงด้านแหล่งน้ำดิบเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำดิบและน้ำประปา รวมทั้งจัดทำแผนการดำเนินงานเพื่อลดอัตราน้ำสูญเสียขององค์กร โดยแสดงรายละเอียด เป้าหมาย ตัวชี้วัด วงเงินลงทุน และผลลัพธ์เป็นรายปี เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาโครงการปรับปรุงขยายการประปาที่จะเสนอใหม่ต่อไป ตลอดจนประสานงานระหว่างส่วนราชการ/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับส่วนกลาง อาทิ กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และหน่วยงานผู้ปฏิบัติในพื้นที่เพื่อบูรณาการเรื่องการใช้ประโยชน์แหล่งน้ำในพื้นที่มาเป็นแหล่งต้นทุนน้ำดิบในกระบวนการให้เป็นไปด้วยความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน นอกจากนี้ เห็นควรเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาดำเนินการด้วยความโปร่งใส พร้อมรับการตรวจสอบจากหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ และให้มีการพิจารณาการจ้าง ดำเนินการโดยแรงงานท้องถิ่นในส่วนที่สามารถดำเนินการได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 2110 | ร่างพระราชบัญญัติโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ตช | 09/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการเกี่ยวกับการเสนอขอแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่งของผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจมีหลักการเพื่อสร้างความเป็นธรรมในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นให้มีมาตรฐานเดียวกัน แต่โดยที่กระบวนการแต่งตั้งผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจจะมีกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนนายร้อยตำรวจกำหนดไว้โดยเฉพาะ ซึ่งแตกต่างกับกระบวนการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจอื่นที่มีตำแหน่งเทียบเท่ากัน จึงเห็นควรพิจารณาทบทวนให้ระบบการแต่งตั้งผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจเป็นมาตรฐานเดียวกันและเป็นเอกภาพ ตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี โดยมอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้มีระบบเป็นมาตรฐานเดียวกันและเกิดเอกภาพ ทั้งนี้ ให้รับร่างพระราชบัญญัติโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปประกอบการพิจารณา และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับไปพิจารณาประเด็นตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี แล้วนำผลการพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 2111 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม หลักเกณฑ์ และวิธีการชำระค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบธุรกิจโรงแรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 09/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม หลักเกณฑ์ และวิธีการชำระค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบธุรกิจโรงแรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการลดค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรมปีละ ๘๐ บาทต่อห้องพัก เหลือปีละ ๔๐ บาทต่อห้องพัก เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการคลังเร่งเสนอผลการดำเนินการปรับปรุงค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรม เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและเป็นธรรม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม หลักเกณฑ์ และวิธีการชำระค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบธุรกิจโรงแรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] ต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว |
||||||||||||||||||||||||
| 2112 | การขอความเห็นชอบต่อร่างพิธีสารแก้ไขบันทึกความเข้าใจฉบับทบทวนว่าด้วยการก่อตั้งมูลนิธิอาเซียน | กต | 09/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างพิธีสารแก้ไขบันทึกความเข้าใจฉบับทบทวนว่าด้วยการจัดตั้งมูลนิธิอาเซียน (Protocol Amending the Revised Memorandum of Understanding of the Establishment of the ASEAN Foundation) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกระบวนการรับรอง ลงนาม และการมีผลบังคับใช้ของพิธีสารภายใต้มาตรา ๖ โดยปรับแก้ผู้มีอำนาจในการลงนามการปรับปรุงแก้ไขบันทึกความเข้าใจจากคณะมนตรีประสานงานอาเซียน (ASEAN Coordinating Council) เป็นประเทศสมาชิกอาเซียน และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๑.๒ ให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียนหรือผู้แทนร่วมรับรองเอกสารฯ ดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ซึ่งเป็นผู้ลงนามร่างพิธีสารแก้ไขบันทึกความเข้าใจฉบับทบทวนว่าด้วยการก่อตั้งมูลนิธิอาเซียน
|
||||||||||||||||||||||||
| 2113 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2558 เรื่อง การเดินทางไปศึกษาดูงาน ประชุม สัมมนา อบรม ณ ต่างประเทศ | นร | 09/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ เรื่อง การเดินทางไปศึกษาดูงาน ประชุม สัมมนา อบรมณ ต่างประเทศ (ข้อ ๓) ดังนี้
ในระหว่างที่การปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. ๒๕๒๖ โดยกระทรวงการคลังยังไม่แล้วเสร็จ ให้การเดินทางไปราชการต่างประเทศของข้าราชการเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ ๑. การเดินทางที่มีระยะเวลาในการเดินทางมากกว่า ๙ ชั่วโมง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. ๒๕๒๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๒. การเดินทางที่มีระยะเวลาในการเดินทางต่ำกว่า ๙ ชั่วโมง ให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ การเดินทางตามข้อ ๑ และข้อ ๒ หมายถึง การไปปฏิบัติราชการตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย เช่น การเดินทางเพื่อไปประชุม เจรจาหรือการร่วมการเดินทางของผู้บังคับบัญชา เป็นต้น แต่ไม่รวมถึงการเดินทางเพื่อทัศนศึกษา หรือดูงานตามหลักสูตรการศึกษาอบรมต่าง ๆ ที่ยังคงต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ ทั้งนี้ หากระยะเวลาในการเดินทางไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้นและมีเหตุผลความจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการที่จะเปลี่ยนแปลงชั้นโดยสาร ให้หัวหน้าส่วนราชการเจ้าสังกัดของข้าราชการเป็นผู้วินิจฉัยสั่งการ หลักเกณฑ์ดังกล่าวยกเว้นผู้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ให้คงเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ คือ ให้เดินทางทั้งภายในประเทศและต่างประเทศในชั้นประหยัด ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดภาระงบประมาณภาครัฐในการเดินทางต่างประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||
| 2114 | การยุติการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | อส | 09/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๔๙ (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินคดีอาญา คดีแพ่ง และคดีปกครอง) ที่กำหนดให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ ถือปฏิบัติว่า กรณีเกิดข้อพิพาทในระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ เมื่อมีพยานหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายที่ก่อให้เกิดความเสียหายนั้นต้องรับผิด และไม่ติดใจโต้แย้งในเรื่องจำนวนค่าเสียหาย ให้ฝ่ายที่ก่อให้เกิดความเสียหายดำเนินการชำระค่าเสียหายให้แก่ฝ่ายที่ได้รับความเสียหายให้เรียบร้อยโดยเร็ว เพื่อมิให้เกิดคดีความระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจด้วยกันเอง ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ โดยเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||
| 2115 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 09/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาแนวทางการลดผลกระทบและการเยียวยาผู้ผลิตและผู้เพาะปลูกยาสูบที่ได้รับผลกระทบจากการออกพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. .... ๑.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยซึ่งใช้ที่ดินทำกินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการกู้ยืมเงินจากนายทุนนอกระบบและถูกเอารัดเอาเปรียบ ส่งผลให้โดนยึดที่ดินทำกิน ทั้งนี้ ให้สามารถดำเนินการได้ภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ๑.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอแนวทางการดำเนินการลดพื้นที่ปลูกยางพาราในประเทศ และแนวทางการให้ความช่วยเหลือเยียวยาชาวสวนยางกลุ่มดังกล่าวอย่างเหมาะสม โดยครอบคลุมตั้งแต่การประมาณการผลการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการ การส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปยางพารา การนำไม้ยางพาราที่ตัดได้จากพื้นที่บุกรุกป่าไปใช้ประโยชน์ เป็นต้น ทั้งนี้ ให้เริ่มดำเนินการภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ๑.๔ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในการลดต้นทุนการผลิต สนับสนุนปัจจัยการผลิตทางการเกษตร โดยเน้นการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ เครื่องจักร เครื่องมือทำการเกษตร รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงพันธุ์พืช และสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ให้แก่เกษตรกร ให้ทันฤดูการผลิตนี้ โดยให้พิจารณาดำเนินการให้ครอบคลุมทั้งระบบ ตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงการจัดจำหน่ายผลิตผลทางการเกษตร และให้กระทรวงมหาดไทยกำกับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบหลักในระดับพื้นที่เพื่อให้บูรณาการทุกส่วนราชการในการขับเคลื่อนโครงการเพื่อให้เกษตรกรรายย่อยได้รับประโยชน์สูงสุด ๑.๕ ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาแนวทางการจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุงในราคาย่อยเยา โดยเน้นให้มีการดำเนินการโดยสหกรณ์ชุมชน หรือโรงสีชุมชน และจัดจำหน่ายในร้านค้าชุมชนให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย เพื่อเป็นการช่วยเหลือและลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย ๑.๖ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งจัดทำแผนการปรับปรุงโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ขององค์กรด้านการบินของประเทศไทยและนำเสนอคณะรัฐมนตรีในวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ และให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศเร่งจัดทำความตกลงกับองค์กรความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรปกับข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. ด้านสังคม ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางในการเพิ่มบทลงโทษแก่ผู้ขับขี่รถในขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น เช่น หากส่งผลเกิดความเสียหายให้มีการยึดใบขับขี่ ๓ เดือน หากมีความเสียหายอย่างมากหรือทำความผิดซ้ำให้ยึดใบขับขี่ ๖ เดือน หรือ ๑ ปี หรือตลอดชีวิต ตามความเหมาะสม รวมทั้งเร่งพิจารณามาตรการพิเศษนอกเหนือจากกฎหมายปกติในการแก้ไขปัญหาวัยรุ่นแข่งมอเตอร์ไซค์ตามถนนสาธารณะโดยด่วน ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมจัดทำเอกสารเผยแพร่เกี่ยวกับพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ โดยให้มีเนื้อหาที่กระชับ มีรูปลักษณ์ที่น่าอ่าน และดึงดูดความสนใจ ผู้อ่านทุกกลุ่มสามารถเข้าใจได้ง่าย ๓.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติประสานความร่วมมือกับมหาเถรสมาคมพิจารณาหาแนวทางการดำเนินการกำกับดูแลกรณีการจัดตั้งวัดใหม่ รวมทั้งการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัดเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ๓.๓ ให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลด้านเศรษฐกิจดิจิทัลให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อประโยชน์ต่อส่วนราชการในแง่ของการบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงาน รวมถึงการให้ภาคประชาชนได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลดังกล่าว ๓.๔ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการ ดังนี้ ๓.๔.๑ การเตรียมการรองรับภัยแล้ง ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะปริมาณน้ำไหลเข้า-ออกจากเขื่อนทั่วประเทศ พร้อมทั้งเสนอแนวทางการบริหารจัดการน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งและเตรียมพร้อมสำหรับฤดูการผลิตปี ๒๕๕๘ ต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการใช้น้ำอย่างประหยัดให้แก่ประชาชน ๓.๔.๒ การเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย โดยขุดลอกและขยายคลองระบายน้ำ กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อป้องกันการเกิดอุทกภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ให้น้ำระบายลงสู่ทะเลได้โดยเร็วและป้องกันพื้นที่ทำการเกษตรถูกทำลาย และจัดรถบรรทุกขนาดใหญ่เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับ-ส่งประชาชนในพื้นที่ที่น้ำท่วมขังสูง รวมทั้งจัดทำแผนการป้องกันการเกิดอุทกภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดเพื่อป้องกัน บรรเทา และช่วยเหลือประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบ ๓.๕ ให้กระทรวงสาธารณสุขประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง เร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงให้ระบบการให้บริการสุขภาพทั้ง ๓ ระบบ ได้แก่ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนประกันสังคม และการเบิกค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๓.๖ ให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาดูแลการบริหารใช้จ่ายเงินกองทุนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงเพื่อให้นำไปใช้ให้ถูกต้องภายใต้ขอบเขตวัตถุประสงค์ของกองทุนนั้น และดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากพบความบกพร่องหรือทุจริตให้ดำเนินการตรวจสอบโดยด่วนต่อไป ๓.๗ ให้ทุกส่วนราชการประชาสัมพันธ์และสร้างแรงจูใจให้ประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนยื่นข้อร้องเรียนหรือร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรมของทุกส่วนราชการและทุกจังหวัด โดยสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ประชาชน รวมถึงติดตามให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้มีการร้องทุกข์หรือร้องเรียน ณ ที่อื่น ๆ ด้วย ๓.๘ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำชับให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดดำเนินการกำกับดูแลและตรวจสอบผู้ประกอบการหรือสถานบริการที่มีการขายสุราหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะในบริเวณรอบสถานศึกษา ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ หรือใบอนุญาตต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||
| 2116 | การจัดทำข้อมูลตารางสรุปกิจกรรมการดำเนินงานตาม Road Map ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | นร | 09/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในช่วง ๑ ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขปัญหา รวมทั้งดำเนินโครงการที่สำคัญหลายโครงการตามที่ได้แถลงผลงาน รวมทั้งชี้แจงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาปฏิรูปแห่งชาติได้รับทราบแล้วเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติ มีการวางแผนและเตรียมความพร้อมสำหรับการส่งงานต่อให้รัฐบาลชุดต่อไป จึงให้ทุกหน่วยงานจัดทำข้อมูลตารางสรุปกิจกรรมการดำเนินงานตาม Road Map ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยเน้นงานสำคัญ เช่น ๑.๑ การช่วยเหลือปัจจัยการผลิต การสนับสนุนเครื่องจักรกลการเกษตร การสนับสนุนสหกรณ์ชุมชน การช่วยเหลือเรื่องโรงสี โรงอบ ศูนย์แปรรูปในชุมชน โครงการพี่จูงน้อง (โดยภาคเอกชน) และการดำเนินการเกี่ยวกับ Social Business ๑.๒ การบริหารจัดการน้ำเพื่อบรรเทาภัยแล้ง การขุดบ่อน้ำบาดาล การขุดลอกคูคลอง และการรองรับน้ำฝนนอกเขตพื้นที่เขื่อน ๑.๓ การจัดระเบียบการประมงให้ครอบคลุมทั้งการประมงน้ำลึก การประมงน้ำตื้น การประมงทะเลชายฝั่ง การประมงทะเลนอกชายฝั่ง การประมงน้ำจืด ๑.๔ การคืนพื้นที่ป่า และจัดหาที่ดินให้แก่ผู้ไม่มีที่ทำกิน ๑.๕ การจัดให้มีร้านขายสินค้าราคาถูกในทุกพื้นที่ ๑.๖ การจัดหาพื้นที่เพื่อทำการค้า ๑.๗ การช่วยเหลือ SMEs ๑.๘ การแก้ไขปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน และ Nano-Finance ๑.๙ การแก้ไขปัญหาด้านการศึกษา ทั้งในเรื่องของคุณภาพการสอนของครู หนี้สินครู คุณภาพของนักเรียน หลักสูตรการเรียนการสอน ระบบการประเมินการเรียนการสอน ๑.๑๐ การดูแลประชาชนเรื่องที่อยู่อาศัย ๑.๑๑ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ๑.๑๒ การปรับปรุงให้ระบบการให้บริการสุขภาพทั้ง ๓ ระบบ (กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนประกันสังคม และการเบิกค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการ) เป็นมาตรฐานเดียวกันและลดความเหลื่อมล้ำของการใช้สิทธิ ๑.๑๓ การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (อัยการ ศาล ทนาย) ๑.๑๔ การแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ ได้แก่ (๑) การปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือนของไทยตามแนวทางขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (๒) การดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย (๓) การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และการจัดทำรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (๔) การดำเนินการตามคำแนะนำของคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน และ (๕) การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว โดยในการจัดทำข้อมูลตารางสรุปกิจกรรมดังกล่าวให้แสดงผลสัมฤทธิ์ แบ่งเป็น ๓ ระยะ ทั้งนี้ ให้กำหนดเป้าหมายในระยะ ๓ เดือน และ ๖ เดือน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติและใช้เป็นตัวชี้วัดประกอบการประเมินผล ได้แก่ ระยะที่ ๑ ผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นในช่วงการบริหารงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ระหว่างเดือนพฤษภาคม-กันยายน ๒๕๕๗ ระยะที่ ๒ ผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงการบริหารงานของคณะรัฐมนตรี ระหว่างเดือนกันยายน ๒๕๕๗-เมษายน ๒๕๕๙ และระยะที่ ๓ ผลสัมฤทธิ์ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงการบริหารงานของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เดือนเมษายน ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ๒. ให้ทุกหน่วยงานจัดทำข้อมูลตารางสรุปกิจกรรมการดำเนินงานตาม Road Map ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เสนอผ่านรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแล แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ เพื่อบูรณาการก่อนเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 2117 | สรุปผลการเดินทางไปราชการ ณ สมาพันธรัฐสวิส ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | วท | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเดินทางไปราชการ ณ สมาพันธรัฐสวิส ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเข้าร่วมประชุมประจำปีคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ ๑๘ (The 18th Annual Session of the United Nations Commission on Science and Technology for Development) ระหว่างวันที่ ๔-๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้รับเชิญให้กล่าวบรรยายพิเศษต่อที่ประชุมฯ ถึงความสำเร็จและความท้าทายในการขับเคลื่อนนโยบายและการปฏิรูปประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) รวมทั้งให้ข้อคิดเห็นต่อรายงานการศึกษาวิเคราะห์นโยบาย วทน. ของประเทศไทย ซึ่งการศึกษาดังกล่าวเป็นความร่วมมือทางวิชาการระหว่างองค์การสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (United Nations Conference on Trade and Development : UNCTAD) และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยมีข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาระบบนวัตกรรมไทยใน ๓ ด้านหลัก ได้แก่ (๑) การปฏิรูประบบบริหารจัดการและกำกับดูแลระบบ วทน. (๒) การกระตุ้นและพัฒนามาตรฐานจูงใจให้ภาคส่วนต่าง ๆ ลงทุนวิจัยและพัฒนา วทน. เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และ (๓) การปรับปรุงระบบการศึกษาและการพัฒนาบุคลากรให้มีความเชื่อมโยงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และรองรับความต้องการบุคลากรฐานความรู้ ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เข้าร่วมประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรี (Ministerial Roundtable Meeting) โดยได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมถึงความสำเร็จของประเทศไทยในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals : MDGs) และความท้าทายในการสร้างความยั่งยืนของการพัฒนาให้สังคมมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานไว้ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ และกล่าวถึงบทบาทสำคัญของ วทน. ในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) การประยุกต์ใช้ วทน. เพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ (๒) การพัฒนาทุนมนุษย์ด้าน วทน. โดยการยกระดับการศึกษาและพัฒนากำลังคนสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์และคณิตศาสตร์ หรือ STEM Education and STEM Workforce และ (๓) การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งได้ริเริ่มดำเนินการไว้ ๒ เรื่อง คือ การทูตวิทยาศาสตร์ หรือ Science Diplomacy และการคาดการณ์เทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงทางอาหาร น้ำ และพลังงานอย่างสมดุลของอาเซียน ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เข้าพบและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเลขาธิการ UNCTAD โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ให้การยืนยันถึงบทบาทของประเทศไทยในเวทีสากลและยินดีร่วมกับสหประชาชาติในการขยายผลการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งในเบื้องต้นทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันจัดเวทีให้ผู้บริหารระดับสูงด้าน วทน. ของอาเซียนได้มาพบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||
| 2118 | การปรับปรุงองค์ประกอบระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พ.ศ. 2546 (ฉบับที่ 2) (ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558) | กร | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงองค์ประกอบกรรมการในคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยตัดองค์ประกอบของกรรมการ ลำดับที่ ๑๘ “เจ้าหน้าที่สำนักราชเลขาธิการที่ราชเลขาธิการมอบหมายจำนวนหนึ่งคน เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ” ออก ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 2119 | ความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับอินเดีย ฉบับแก้ไข | กค | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับอินเดีย ฉบับแก้ไข ที่กำหนดหลักการที่สำคัญเพื่อขจัดการเก็บภาษีซ้ำซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้ระหว่างประเทศที่เกิดขึ้น อันเนื่องจากอำนาจในการจัดเก็บภาษีระหว่างสองประเทศทำให้เกิดการจัดเก็บภาษีซ้ำซ้อนบนฐานรายได้จำนวนเดียวกัน และเพื่อช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีระหว่างประเทศทั้งสอง ตลอดจนมีการจัดสรรรายได้ภาษีระหว่างสองประเทศด้วยการกำหนดสิทธิการเก็บภาษีสำหรับเงินได้ประเภทต่าง ๆ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขโดยที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของความตกลงฯ ให้กระทรวงการคลังสามารถทำการแก้ไขได้ทันที ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการตามแบบพิธีทางการทูตและกฎหมายภายใน เพื่อให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในภายหลังจากที่ได้มีการบังคับใช้ความตกลงฯ แล้ว และต่อไปในอนาคตข้างหน้าหากมีความจำเป็นในการปรับปรุงแก้ไขความตกลงฯ อีก ควรมีการพิจารณาให้ครอบคลุมประเด็นการขนส่งทางบกระหว่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 2120 | การให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิต ปี 2557/2558 | อก | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการให้ความช่วยเหลือเพิ่มค่าอ้อยในอัตราตันละ ๑๖๐ บาท ตามมติคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อให้ชาวไร่อ้อยได้รับค่าอ้อยในระดับที่ใกล้เคียงกับต้นทุนการผลิตและมีเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการปลูกอ้อยในฤดูการผลิตถัดไป รวมทั้งสามารถลดภาระหนี้สินและสร้างความมั่นคงในอาชีพให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยโดยรวมต่อไป ๑.๒ อนุมัติให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายกู้เงิน (Straight loan) จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือธนาคารพาณิชย์อื่น ตามนัยมาตรา ๒๗ (๖) แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ ในอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนเพื่อนำมาช่วยเหลือเพิ่มค่าอ้อยในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ ในอัตราตันอ้อยละ ๑๖๐ บาท โดยให้จ่ายตรงให้กับชาวไร่อ้อยในทุกตันอ้อยที่ส่งเข้าหีบในโรงงานน้ำตาลทราย ในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ จากประมาณการผลผลิตอ้อยเบื้องต้น ๑๐๒.๒๐ ล้านตัน จำเป็นต้องใช้วงเงินช่วยเหลือทั้งสิ้นประมาณ ๑๖,๓๕๒ ล้านบาท หรือจำนวนเงินที่จะต้องจ่ายตามปริมาณอ้อยเข้าหีบจริง ฤดูการผลิตปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ ตามแผนชำระหนี้ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ใช้ระยะเวลาประมาณ ๑๘ เดือน โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมควบคุม ตรวจสอบ กำกับดูแล การจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยให้ถึงมือชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ์ให้ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ มีการบันทึกบัญชีให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยเป็นลูกหนี้ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย และให้มีข้อมูลลูกหนี้แยกเป็นรายให้ชัดเจน อีกทั้งจัดระบบควบคุม ตรวจสอบ และกำกับดูแล โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการด้วย ๑.๓ เห็นชอบให้คงการปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายภายในประเทศกิโลกรัมละ ๕ บาท เพื่อนำไปเป็นรายได้ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย สำหรับนำไปชำระหนี้เฉพาะเงินกู้ที่นำมาช่วยเหลือเพิ่มค่าอ้อยในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ จนกว่าจะใช้หนี้หมดเท่านั้น ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ที่เห็นควรกำกับดูแลและตรวจสอบการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยดังกล่าวให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนด และเร่งทบทวนโครงสร้างการคำนวณต้นทุนการผลิตอ้อยให้มีความเหมาะสม สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย รวมทั้งเร่งรัดการหาข้อยุติเรื่องการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ ตลอดจนพิจารณาแนวทางการหารายได้อื่นนอกเหนือจากการจัดเก็บรายได้จากการปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายเพื่อบริโภคภายในประเทศ เพื่อให้การชำระหนี้เงินกู้เพื่อช่วยเหลือเพิ่มค่าอ้อยแล้วเสร็จโดยเร็ว และจัดทำแนวทางเตรียมความพร้อมในการรองรับปริมาณอ้อยที่จะเพิ่มขึ้นจากนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมเป็นการปลูกอ้อยโรงงาน โดยเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพความหวานให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เห็นควรส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการรวมกลุ่มของเกษตรกรรายย่อยเพื่อให้มีการจัดการพื้นที่ปลูกในระบบรวมแปลงใหญ่เพื่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาดจากการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า และเร่งรัดให้มีการนำผลการวิจัยและพัฒนาพื้นที่ประโยชน์เชิงพาณิชย์ในการสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์และเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ให้มากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมนำผลการศึกษาวิจัยแนวทางการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทย ของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ตามโครงการวิจัย “การศึกษาเพื่อปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทย” มาพิจารณาประกอบการดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบให้เหมาะสมและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวทางการลดต้นทุนการผลิต การปรับปรุงพันธุ์อ้อย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนเสนอราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้ายฤดูการผลิตปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
.....
