ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 103 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 2041 - 2060 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2041 | การรับรองร่างเอกสารขอบเขตการทบทวนความตกลงด้านการค้าสินค้าอาเซียน - อินเดียและการรื้อฟื้นคณะกรรมการเจรจาการค้าอาเซียน - อินเดีย | พณ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบต่อร่างเอกสารขอบเขตการทบทวนความตกลงด้านการค้าสินค้าอาเซียน-อินเดีย มีสาระสำคัญครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ (๑) ประเด็นด้านการปฏิบัติตามพันธกรณี (๒) มาตรการอำนวยความสะดวกทางการค้า (๓) ความเป็นไปได้ในการเปิดเสรีสินค้าที่อยู่ในรายการอ่อนไหวและสินค้าที่ไม่นำมาลดภาษี (๔) การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการค้าและการลงทุน และ (๕) การสนับสนุนให้มีการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย ทั้งนี้ ร่างเอกสารดังกล่าวเป็นเพียงกรอบประเด็นที่อาเซียนและอินเดียจะต้องนำไปเจรจาหารือกันภายใต้คณะกรรมการเจรจาการค้าต่อไป ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารขอบเขตการทบทวนความตกลงด้านการค้าสินค้าอาเซียน-อินเดีย และการรื้อฟื้นคณะกรรมการเจรจาการค้าอาเซียน-อินเดีย กับรัฐมนตรีเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกอาเซียนและอินเดียในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-อินเดีย ครั้งที่ ๑๓ ในวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์สามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับปรุงดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการผลักดันการเปิดตลาดสินค้าอ่อนไหวและสินค้าที่ไม่นำมาลดภาษีที่ไทยมีศักยภาพในการแข่งขันเพิ่มเติม เช่น ข้าว รถยนต์ เป็นต้น รวมทั้งทบทวนและแก้ไขปัญหาเรื่องกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อขยายมูลค่าการค้าระหว่างกันภายใต้ความตกลง ตลอดจนประสานงานและหารือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องภายในประเทศอย่างใกล้ชิดในรายละเอียดประเด็นการเจรจาต่าง ๆ เพื่อทบทวนสถานการณ์ ปัญหาอุปสรรค และแนวทางแก้ไขปัญหาที่จะเอื้อต่อการใช้ประโยชน์จากความตกลงเสรีทางการค้าให้มากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2042 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติออกจากแผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ 1 ปี (ตุลาคม 2557 - ตุลาคม 2558) ตามข้อสั่งการด้านกฎหมายของนายกรัฐมนตรี (ครั้งที่ 2) | นร09 | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติถอนร่างพระราชบัญญัติออกจากแผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ ๑ ปี (ตุลาคม ๒๕๕๗-ตุลาคม ๒๕๕๘) ตามข้อสั่งการด้านกฎหมายของนายกรัฐมนตรี รวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติการจัดการน้ำเสีย พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชบัญญัติบริหารการขนส่ง พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การปรับปรุงคุณสมบัติของผู้ขอใบอนุญาตผลิตและดำเนินการหน่วยซ่อมอากาศยาน)
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2043 | ร่างพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กก | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการควบรวมกองทุนเพื่อกำหนดกรอบการชดเชยอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภายใต้พระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๑ รวมถึงเร่งการจัดทำแผนพัฒนาการดำเนินงานให้แล้วเสร็จในคราวเดียวกัน โดยให้ความสำคัญกับการกำหนดมาตรฐานการประกอบอาชีพธุรกิจการท่องเที่ยว และมาตรฐานเกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยว รวมทั้งพิจารณาเร่งรัดการพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวโดยเฉพาะเร่งพัฒนาศักยภาพด้านการบริหาร ทักษะการให้บริการ ทักษะด้านภาษาทั้งภาษาอังกฤษและภาษาของประเทศสมาชิกอาเซียน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. โดยที่ร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานการท่องเที่ยว พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เสนอมาในคราวเดียวกันยังมีหลักการที่ซ้ำซ้อนกันและมีความซ้ำซ้อนกับกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของหลายส่วนราชการ จึงมีมติให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับดังกล่าวให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้ได้ข้อสรุป ทั้งนี้ อาจพิจารณาดำเนินการปรับปรุงรวมกฎหมายทั้งสองฉบับดังกล่าวเป็นฉบับเดียวกัน ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2044 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราในการจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราในการจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเพดานอัตราค่าตอบแทนให้แก่ผู้เสียหายในคดีอาญา ปรับปรุงอัตราค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา เพื่อให้การคุ้มครองและช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหาย และจำเลยในคดีอาญามีความเป็นธรรม ครอบคลุมความเสียหายมากยิ่งขึ้น รวมทั้งปรับปรุงอัตราค่าทนายความขั้นต่ำในการดำเนินคดีแก่จำเลยในคดีอาญา ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากการดำเนินงานตามร่างกฎกระทรวงฯ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มจ่ายได้ในช่วงต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับเพื่อการดังกล่าวไว้แล้ว จำนวน ๓๐๐ ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2045 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ญี่ปุ่น | คค | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่การเดินอากาศของไทยและญี่ปุ่น และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและญี่ปุ่น มีสาระสำคัญเกี่ยวกับผลการเจรจาการบินร่วมกัน โดยมีการปรับปรุงใบพิกัดเส้นทางบิน การยกเลิกข้อกำหนดการคิดค่าสัมประสิทธิ์แบบอากาศยาน และการเปิดเสรีสิทธิความจุความถี่ ซึ่งจะส่งผลให้สายการบินสามารถเพิ่มจุดทำการบินต่าง ๆ และเพิ่มเที่ยวบินได้อย่างเต็มที่ตามแผนความต้องการ เพื่อรองรับตลาดการบินระหว่างสองประเทศที่เติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาตลาดการบินของทั้งสองประเทศให้สามารถขยายตัวได้อย่างกว้างขวาง ๒. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกการหารือดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2046 | ขยายพื้นที่เป้าหมายและวงเงินในการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2558 | กค | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการขยายพื้นที่เป้าหมายเพิ่มเติม จำนวน ๕๐๐,๐๐๐ ไร่ และวงเงินงบประมาณ จำนวน ๑๕๔,๘๔๒,๐๓๐ บาท ในการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นการดำเนินงานต่อเนื่องจากโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๕๘ ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ เพื่อให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินโครงการให้เกิดความต่อเนื่องและสามารถตอบสนองความต้องการของเกษตรกรในเรื่องการทำประกันภัย ๑.๒ ให้ ธ.ก.ส. ทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาลในส่วนของงบประมาณเพิ่มเติม จำนวน ๑๕๔,๘๔๒,๐๓๐ บาท และเบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริงพร้อมด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาของ ๔ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR)+๑% ในปีงบประมาณถัดไป ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรประสานงานกับสมาคมประกันวินาศภัยไทย ธ.ก.ส. และกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลเอกสารทะเบียนเกษตรกร (ทบก.) แบบประมวลรวบรวมความเสียหายและการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย (แบบ กษ ๐๒) และแบบรายงานข้อมูลความเสียหายจริงของเกษตรกรผู้เอาประกันภัยข้าวเพื่อรับค่าสินไหมทดแทน (แบบ กษ ๐๒ เพื่อการรับประกันภัย) เพื่อมิให้เกิดปัญหาความล่าช้าเวลาจ่ายค่าสินไหมทดแทน ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ในปีต่อ ๆ ไป ควรปรับปรุง พัฒนารูปแบบ และวิธีการทำประกันภัยข้าว โดยกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยทั้งในส่วนของเกษตรกรและการอุดหนุนของภาครัฐ รวมทั้งการกำหนดอัตราสินไหมทดแทนให้มีความเหมาะสมมากขึ้น และขยายผลไปสู่พืชชนิดอื่น ๆ ในโอกาสต่อไป การศึกษาความเป็นไปได้ในการนำโครงการประกันภัยพืชผลเป็นเครื่องมือในการดำเนินการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมให้สอดคล้องกับศักยภาพการผลิต (Zoning) โดยภาครัฐควรพิจารณาทบทวนการจ่ายเงินสมทบในการทำประกันภัยแก่เกษตรกรที่ปลูกพืชในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมกับการเพาะปลูกพืชนั้น ๆ เพื่อจูงใจให้เกษตรกรปลูกพืชที่เหมาะสมกับพื้นที่ การปรับปรุงระบบการเชื่อมโยงข้อมูลให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้การจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับเกษตรกรเป็นไปด้วยความรวดเร็ว รวมถึงการจัดทำฐานข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2047 | ร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... | นร07 | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เป็นบางรายการ ไปตั้งจ่ายเป็นงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นจำนวนไม่เกิน ๗,๙๑๗,๐๗๗,๗๐๐ บาท และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติฯ พร้อมเอกสารประกอบไปเพื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ดำเนินการทางพัสดุโดยเร็ว ดังนี้ ๒.๑ รายจ่ายลงทุน จำนวน ๗,๙๑๗,๐๗๗,๗๐๐ บาท ที่เป็นรายการปีเดียว หากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการและก่อหนี้ผูกพัน หากต้องใช้จ่ายงบประมาณให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณก่อนลงนามในสัญญา ส่วนรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณทุกรายการ ให้ดำเนินการตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๒.๒ รายจ่ายลงทุนที่หน่วยงานดำเนินการเอง เงินงบประมาณเหลือจ่ายที่ไม่ได้นำมาจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... และรายจ่ายลงทุน จำนวน ๓,๔๖๙,๕๕๔,๘๐๐ บาท ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ดำเนินการต่อไปตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ๓. การปรับปรุงปฏิทินโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อให้การจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมีระยะเวลาที่เหมาะสมในการพิจารณารายละเอียดการโอนงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2048 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ให้กระทรวงพาณิชย์สร้างการรับรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับความร่วมมือว่าด้วยหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Strategic Economic Partnership Agreement : TPP) ว่าขณะนี้ประเทศสมาชิกผู้ก่อตั้ง TPP ยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อหาข้อยุติ และเมื่อได้ข้อยุติแล้ว ให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำข้อมูลผลดีผลเสีย และผลประโยชน์ที่ไทยจะได้รับหากตัดสินใจเข้าร่วมความตกลงดังกล่าว เสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาต่อไป ๒. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ เมษายน ๒๕๕๘) ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาความจำเป็นในการนำมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ มาใช้ในการปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือนของไทยตามแนวทางขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) นั้น ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการพิจารณาดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวเพื่อให้การแก้ไขปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือนของไทยซึ่งเป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วนเป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพต่อไป ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรหรือผู้มีรายได้น้อย เช่น ชาวสวนยาง ชาวนา ชาวสวนปาล์ม ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นมาตรการในการจ่ายเงินช่วยเหลือ โดยมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้รับผิดชอบโครงการ นั้น ให้กระทรวงกลาโหม (หน่วยทหารในพื้นที่) เข้าไปมีส่วนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องข้างต้นในการให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกเพื่อให้การจ่ายเงินเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของโครงการ มีความรวดเร็วและโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเกิดประโยชน์โดยตรงแก่กลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ๓.๒ ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ พัฒนาพืชสมนุไพรไทยให้สามารถใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เป็นที่ยอมรับและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสมุนไพรไทยด้วย ๓.๓ ตามที่กระทรวงมหาดไทย (กรมการพัฒนาชุมชน) จะมีการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ในช่วงปลายปีเป็นประจำทุกปี ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จัดงานจำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพประจำปี ณ บริเวณสวนอัมพร นั้น ให้กระทรวงมหาดไทยประสานงานมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เพื่อร่วมกันพิจารณาความเป็นไปได้ หรือแนวทางการจัดงานร่วมกัน โดยอาจจัดในบริเวณใกล้เคียงกันเพื่อให้ประชาชนสามารถเลือกซื้อสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ และสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์โดยกลุ่มศิลปาชีพได้ในคราวเดียวกัน ทั้งนี้ ในการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ในที่ต่าง ๆ ทุกครั้งให้กระทรวงมหาดไทยเชื่อมโยงกับงานศิลปาชีพด้วย ๓.๔ ตามที่กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรดำเนินการส่งเสริมการเพาะปลูกมันสำปะหลังระบบน้ำหยดในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรได้แล้ว นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณานำแนวทางการดำเนินการของเกษตรกรซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ได้มีการปฏิบัติและประสบความสำเร็จแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีลักษณะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการเกษตร รวมทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ เช่น หนังสือพิมพ์ ได้นำไปเผยแพร่ มาพิจารณาต่อยอดขยายผล เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรให้แก่เกษตรกรต่อไป ๓.๕ ให้ทุกหน่วยงานที่มีรัฐวิสาหกิจหรือบริษัทมหาชนที่รัฐถือหุ้นถือปฏิบัติว่า ในการเสนอขออนุมัติหรือขอความเห็นชอบดำเนินการใด ๆ ซึ่งมีข้อกฎหมายกำหนดให้ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาจะต้องคำนึงว่าต้องเสนอคณะกรรมการบริหารของรัฐวิสาหกิจ หรือบริษัทมหาชนนั้น ๆ รวมทั้งคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาก่อนเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2049 | ร่างพระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กก | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า โดยที่ร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานการท่องเที่ยว พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เสนอมาในคราวเดียวกัน ยังมีหลักการที่ซ้ำซ้อนกัน และมีความซ้ำซ้อนกับกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของหลายส่วนราชการ จึงมีมติให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับดังกล่าวให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้ได้ข้อสรุป ทั้งนี้ อาจพิจารณาดำเนินการปรับปรุงรวมกฎหมายทั้งสองฉบับดังกล่าวเป็นฉบับเดียวกัน ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2050 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานการท่องเที่ยว พ.ศ. .... | กก | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า โดยที่ร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานการท่องเที่ยว พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เสนอมาในคราวเดียวกัน ยังมีหลักการที่ซ้ำซ้อนกัน และมีความซ้ำซ้อนกับกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของหลายส่วนราชการ จึงมีมติให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับดังกล่าวให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้ได้ข้อสรุป ทั้งนี้ อาจพิจารณาดำเนินการปรับปรุงรวมกฎหมายทั้งสองฉบับดังกล่าวเป็นฉบับเดียวกัน ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2051 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช 2489 | พณ | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช ๒๔๘๙ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมหนังสืออนุญาตให้ประกอบการค้าข้าวและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรคำนึงถึงผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการค้าข้าวด้วย เนื่องจากสาระสำคัญที่ขอปรับปรุงส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการปรับเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียม ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อผู้ประกอบการค้าข้าว ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น และอาจส่งผลต่อราคาข้าวเปลือกที่เกษตรกรขายได้ จึงจำเป็นต้องมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเมื่อกฎกระทรวงฯ มีผลบังคับใช้ เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรกร ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2052 | ผลการพิจารณาเรื่องร้องเรียน (ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีขอความเป็นธรรมและขอให้ฟ้องคดีแทนผู้เสียหายจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมและควบคุมตัวผู้ชุมนุมที่ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547) | สม | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาเรื่องร้องเรียน (ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีขอความเป็นธรรมและขอให้ฟ้องคดีแทนผู้เสียหายจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมและควบคุมตัวผู้ชุมนุมที่ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๗) โดยกระทรวงกลาโหมได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ โดยรับข้อเสนอแนะและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปเป็นแนวทางปฏิบัติแล้ว ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2053 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 2/2558 | นร11 | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และได้พิจารณาข้อเสนอของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ๖ สถาบัน ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย และสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย รวม ๖ เรื่อง ได้แก่ ๑.๑.๑ การจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและการค้า (Technological Institute for Sustainability and Trade : TIST) ๑.๑.๒ การขอใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ (ที่เสื่อมโทรม) เพื่อพัฒนาด่านชายแดนให้เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนและส่งเสริมด้านการค้า การลงทุน การบริการโลจิสติกส์และการท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐานสากล ๑.๑.๓ การยกเลิกการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องปรับอากาศชนิดที่ใช้กับรถยนต์ ๑.๑.๔ การพัฒนาธุรกิจการท่องเที่ยวโดยเรือสำราญในประเทศไทย ๑.๑.๕ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายควบคุมการปล่อยน้ำทิ้งจากโรงงานลงสู่แหล่งน้ำ ๑.๑.๖ ข้อเสนอแนวทางปฏิบัติตามข้อกำหนดของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) เพื่อแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายขาดการรายงานและไร้การควบคุม (Illegal Unreported and Unregulated Fishing : IUU) ๑.๒ เห็นชอบตามมติที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามมติที่ประชุม รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒. ในการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและการค้า ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้ทุกส่วนราชการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการดำเนินการทุกอย่างของรัฐบาลให้แก่ประชาชนตั้งแต่เริ่มแรก รวมทั้งต้องมีการแก้ไขข้อสงสัยที่เกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีความไว้วางใจต่อรัฐบาลและข้าราชการให้ได้ โดยไม่ควรมุ่งที่จะใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการบังคับแต่เพียงอย่างเดียว ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2054 | ขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรี (23 มิถุนายน 2558) เรื่อง รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในการได้รับบริการจากรัฐ กรณีกลุ่มบุคคลผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ขอความช่วยเหลือเยียวยา | สม | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอให้แก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ เรื่อง รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในการได้รับบริการจากรัฐ กรณีกลุ่มบุคคลผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ขอความช่วยเหลือเยียวยา ในข้อ ๒
จาก “ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (คณะกรรมการนโยบายและอำนวยการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้) กระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร รับข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติดังกล่าว ไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายฯ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (คณะกรรมการนโยบายและอำนวยการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้) เป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการแล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีต่อไป” เป็น “ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร รับข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติดังกล่าวไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายฯ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการ แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีต่อไป”
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2055 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายอันเกี่ยวเนื่องกับ สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองกรณีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองปี 2553 อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาล | สม | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายอันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองกรณีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองปี ๒๕๕๓ อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาล โดยจัดให้มีกฎหมายรองรับกระบวนการชดเชยและเยียวยาผู้เสียหายจากการชุมนุมทางการเมือง มีหลักเกณฑ์ที่เป็นกลาง และครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบทุกฝ่าย และเสนอให้ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปควรรับกรณีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง (พ.ศ. ๒๕๔๘-๒๕๕๓) ที่คงค้างอยู่ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรมแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ปี ๒๕๕๖-๒๕๕๗ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงยุติธรรมรับข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติดังกล่าวไปพิจารณาว่า สมควรจะดำเนินการตามข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายฯ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการ แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2056 | (ร่าง) ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทย พ.ศ. 2558 - 2560 และแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ พ.ศ. 2558 - 2559 | กก | 04/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการ (ร่าง) ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ เพื่อเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนนโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล และแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙ โดยมุ่งหวังให้เป็นวาระแห่งชาติที่ได้รับการผลักดันให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ในระยะ ๒-๓ ปีถัดจากนี้ไป โดยเน้นกิจกรรมที่มีความจำเป็นเร่งด่วน และให้ความสำคัญกับการปรับปรุงกลไกการขับเคลื่อนสู่แหล่งท่องเที่ยวคุณภาพตั้งแต่ระดับนโยบาย ซึ่งมีคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติเป็นกลไกหลักในการบูรณาการการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ดังกล่าวร่วมกับระดับกลุ่มจังหวัด (คณะกรรมการพัฒนาการท่องเที่ยวประจำเขตพัฒนาการท่องเที่ยว) และระดับจังหวัด (คณะกรรมการท่องเที่ยวจังหวัด) และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้บังเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม การท่องเที่ยวเป็นแหล่งสร้างรายได้หลักของประเทศ มีการกระจายรายได้สู่ชุมชน เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทย และช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมของไทยให้อยู่คู่กับสังคมไทยอย่างยาวนาน ๑.๒ ให้คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติดูแลกำกับการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙ ให้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ ๑.๓ สนับสนุน “ท่องเที่ยววิถีไทย” เป็นวาระแห่งชาติไปจนถึงสิ้นปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ๑.๔ สนับสนุนนโยบายการพัฒนาการท่องเที่ยว “๑๒ เมืองต้องห้าม...พลาด” (ประกอบด้วย จังหวัดน่าน ลำปาง เพชรบูรณ์ เลย บุรีรัมย์ ราชบุรี จันทบุรี ตราด ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช และสมุทรสงคราม ไปจนถึงสิ้นปี พ.ศ. ๒๕๕๙) เพื่อสนับสนุนนโยบายการกระจายรายได้ของรัฐบาล ๒. ส่วนเรื่องงบประมาณที่จะใช้ดำเนินการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหารือกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน และขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเพิ่มรายได้ของประเทศจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวไม่ควรเน้นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวมาก แต่ควรเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีการใช้จ่ายสูง และควรคำนึงถึงผลกระทบทางสังคมวัฒนธรรมที่อาจจะเกิดขึ้นจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งให้ความสำคัญในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ การท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Argo Tourism) การท่องเที่ยวเชิงทัศนศึกษาในเขตประกอบการหรือโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) และการพัฒนาเชิงพื้นที่ นอกจากนี้ ควรส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและบริการมากขึ้น และส่งเสริมการท่องเที่ยวตามเส้นทางคมนาคมเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างกิจกรรมการท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่และโครงข่ายคมนาคมขนส่งของประเทศ รวมถึงพัฒนาการท่องเที่ยวรายสาขาโดยส่งเสริมตามลำดับความสำคัญและความเร่งด่วน ตลอดจนกำหนดแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน มุ่งเน้นการบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ตั้งแต่ระดับนโยบายจนถึงระดับชุมชนเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชนที่อาศัยในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวหรือพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อให้ได้รับประโยชน์ โดยมีรายได้และอาชีพจากการท่องเที่ยวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2057 | ร่างพระราชบัญญัติราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พ.ศ. .... | ศธ | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการรวมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และสถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์มาจัดตั้งเป็น “ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์” ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสถาบันการวิจัยและวิชาการ และจัดการศึกษาชั้นสูงทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม การแพทย์ และการสาธารณสุข รวมถึงให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชนและเพื่อให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีเอกภาพและประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและประเทศชาติ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีการกู้ยืมเงิน ตามร่างมาตรา ๑๕ (๔) กรณีการจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไป ตามร่างมาตรา ๑๖ วรรคสอง และการปรับปรุงร่างในหมวด ๔ การบัญชีและการตรวจสอบ มาตรา ๔๔ และมาตรา ๔๕ รวมทั้งการตัดโอนหน่วยงานภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์มาจัดตั้งเป็นราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และการให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามร่างพระราชบัญญัตินี้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรนำจุดเด่นของสถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์ที่เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เน้นการผลิตและพัฒนากำลังคนชั้นสูงโดยเฉพาะการต่อยอดการพัฒนาบุคลากรชั้นสูง และควรให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับสถานพยาบาลและสถาบันผลิตแพทย์ในสังกัดอื่น ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีด้านการแพทย์ การกำหนดให้รัฐมนตรีเป็นผู้ดูแลและกำกับทั่วไป และการติดตามประเมินผลการจัดการเรียนการสอนและการประกันคุณภาพการจัดการศึกษาให้เป็นไปในรูปแบบเดียวกันกับมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐอื่น ๆ รวมถึงการจัดสรรงบประมาณในระยะต่อไปตามความจำเป็นและความเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2058 | รายงานของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการแรงงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง รายงานการศึกษาพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542 | สว | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการแรงงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง รายงานการศึกษาพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคณะกรรมาธิการฯ ได้เสนอแนวทางการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันทางการค้าเพื่อสนับสนุนการแข่งขันอย่างเป็นธรรมในระบบเศรษฐกิจของประเทศ และให้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการ ดังนี้ ควรให้มี “ขอบเขตตลาด” เป็นอีกเงื่อนไขในการควบคุมพฤติกรรมของผู้มีอำนาจเหนือตลาดในมาตรา ๒๕ เพื่อมีความชัดเจนมากขึ้น การทบทวนประกาศว่าด้วยคุณสมบัติและเงื่อนไขของการเป็น “ผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาด” ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการค้าที่เปลี่ยนแปลงไป การออกประกาศ “การควบรวมธุรกิจ” มารองรับมาตรา ๒๖ เพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติ และคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าควรกำหนดให้หน่วยงานอิสระ โดยรัฐมีหน้าที่ในการสนับสนุนงบประมาณเพื่อรองรับการดำเนินงานอย่างเพียงพอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ได้หรือไม่ประการใดก่อน แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2059 | รายงานผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติราชการระยะ 1 ปี (ประจำปี พ.ศ. 2558) ในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 (ตุลาคม 2557 - มีนาคม 2558) | นร11 | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติราชการระยะ ๑ ปี (ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘) ในช่วง ๖ เดือนแรกของปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (ตุลาคม ๒๕๕๗-มีนาคม ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจได้รายงานผลการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการที่สำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย ๑๑ ข้อของรัฐบาลในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ ๒๕๕๘ จำนวน ๒๐๑ โครงการ โดยมีโครงการที่สามารถดำเนินการเป็นไปตามเป้าหมาย จำนวน ๑๕๗ โครงการ (คิดเป็นร้อยละ ๗๘.๑๒) และโครงการที่ไม่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย จำนวน ๔๔ โครงการ (คิดเป็นร้อยละ ๒๔.๘๙) ๑.๒ ปัญหาอุปสรรคที่ทำให้ไม่สามารถดำเนินแผนงาน/โครงการได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เช่น โครงการยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม โครงการยังอยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ งบประมาณที่ได้รับจัดสรรไม่เพียงพอต่อการดำเนินโครงการ เจ้าหน้าที่รับผิดชอบขาดองค์ความรู้ในการดำเนินโครงการ โครงการไม่สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายทำให้มีการเข้าร่วมโครงการต่ำ มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการหรือพื้นที่ในการดำเนินการทำให้เกิดความล่าช้า รวมทั้งโครงการขาดความพร้อมในการดำเนินโครงการเนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนของการจัดซื้อจัดจ้าง หรือยังอยู่ในขั้นตอนของการหารือกับผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ เป็นต้น ๑.๓ ข้อเสนอแนะ หน่วยงานที่มีหน้าที่ในการคัดกรองแผนงาน/โครงการควรให้ความสำคัญกับการพิจารณา วิเคราะห์ความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของแผนงาน/โครงการให้มีความรอบคอบ รัดกุม คำนึงถึงศักยภาพของผู้ดำเนินโครงการในระดับปฏิบัติทั้งในส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น รวมทั้งกำหนดระยะเวลาในการดำเนินโครงการให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง นอกจากนี้ ควรเร่งรัดการดำเนินงานของโครงการ/แผนงานต่าง ๆ ที่ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในไตรมาสที่สองโดยเร็ว โดยเฉพาะการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย การเร่งรัดการจัดซื้อจัดจ้าง และการปรับปรุงรายละเอียดโครงการ และการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ในการดำเนินโครงการ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการแจ้งให้ส่วนราชการเตรียมการล่วงหน้าในการเสนอแผนงาน/โครงการเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เช่น การหาพื้นที่ในการดำเนินการ การสร้างการรับรู้ให้แก่เจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ เมื่อส่วนราชการได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้วจะได้สามารถดำเนินการได้โดยทันทีจะได้ไม่ล่าช้า ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2060 | ขออนุมัติขยายเวลาก่อหนี้ผูกพันสำหรับงบประมาณปี พ.ศ. 2558 ภายหลังวันที่ 31 กรกฎาคม 2558 | กต | 28/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีอนุมัติขยายเวลาก่อหนี้ผูกพันสำหรับงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๘ สำหรับโครงการปรับปรุงซ่อมแซมทำเนียบเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ออกไปจนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ และโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง และโครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ ออกไปจนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
.....
