ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 136 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 2701 - 2720 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2701 | ขออนุมัติขยายเวลาทำสัญญา/ก่อหนี้ผูกพัน (โครงการ/รายการค่าใช้จ่ายของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รวม 7 รายการ) | นร | 25/09/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอขอขยายเวลาทำสัญญา/ก่อหนี้
ผูกพันโครงการ/รายการค่าใช้จ่ายของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่ไม่สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันได้ ภายในวันที่ 30 กันยายน 2550 รวม 7 รายการ ได้แก่ (1) โครงการอนุรักษ์ฟิล์มภาพยนตร์และภาพนิ่งส่วนพระ องค์ วงเงิน 194,382,125 บาท (2) โครงการฉายภาพยนตร์ส่วนพระองค์และแสดงมหรสพเฉลิมพระเกียรติพระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 วงเงิน 1,000,000 บาท (3) จัดงานพระราชพิธีเสด็จออกมหาเถรสมาคม วงเงิน 20,602,560 บาท (4) โครงการจัดทำ เพลงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 จัดประกวดเพลง "พ่อแห่งแผ่นดิน" วงเงิน 562,674.10 บาท (5) รายการค่าใช้จ่ายการจัดงาน เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระเกียรติพระชนมพรรษา 80 พรรษา วงเงิน 1,464,951.50 บาท (6) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนรา ธิวาสราชนครินทร์ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ 7 รอบ 9 พฤษภาคม 2550 วงเงิน 477,600 บาท และ (7) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการรวมพลคนสายด่วน วงเงิน 7,000,000 บาท
|
|||||||||||||||||||||
2702 | กรมประชาสัมพันธ์ขออนุมัติขยายระยะเวลาทำสัญญา (โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการส่งวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ และปรับปรุงอาคารที่พัก 1 ชุด) | นร | 25/09/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอให้กรมประชาสัมพันธ์ขยายระยะ
เวลาทำสัญญาการดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการส่งวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรุงเทพ ฯ และ ปรับปรุงอาคารที่พัก 1 ชุด โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเร่งรัดติดตามผลการดำเนินงานของกรม ประชาสัมพันธ์เป็นระยะ ๆ เพื่อให้การดำเนินโครงการบรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมายภายในระยะเวลาที่กำหนด ไว้ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
2703 | การดำเนินโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ระยะที่ 3 | กค | 11/09/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ รับทราบผลการดำเนินงานในส่วนที่ผลการเจรจา
เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว สำหรับระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าแบบกึ่งเคลื่อนย้ายหรือถอดประกอบเคลื่อน ย้ายได้ (Relocatable Container Inspection System) จำนวน 2 ชุด ติดตั้งปฏิบัติงาน ณ ด่านศุลกากรสะเดา จังหวัดสงขลา และสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ และเห็นชอบการปรับเปลี่ยนรายการโครงการจัดหาระบบ ตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ระยะที่ 3 จากระบบตรวจสอบแบบตรวจขบวนรถไฟบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์สินค้า (Railway Cargo/Vehicle Inspection System) จำนวน 1 ชุด ที่ได้รับความเห็นชอบตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2550 กลับไปเป็นแบบกึ่งเคลื่อนย้ายหรือถอดประกอบเคลื่อนย้ายได้ (Relocatable Container Inspection System) เช่นเดิมตามรายการงบประมาณ จำนวน 1 ชุด เพื่อนำไปติดตั้งปฏิบัติงาน ณ ด่านศุลกากร ลาดกระบัง |
|||||||||||||||||||||
2704 | รายงานผลการดำเนินการโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 (นครพนม) | คค | 11/09/2550 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่
3 (นครพนม) ซึ่งผลความก้าวหน้าการดำเนินโครงการดังกล่าวได้มีการจัดทำบันทึกความเข้าใจการดำเนินโครง การสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 ระหว่างรัฐบาลไทย และรัฐบาล สปป.ลาว โดยกำหนดแล้วเสร็จภายในเดือน ตุลาคม 2550 สำหรับบันทึกความเข้าใจ ฯ (MOU) มีสาระสำคัญดังนี้ ที่ตั้งของโครงการ หน่วยงานรับผิดชอบ โครงการแต่ละฝ่าย ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง การบริหารและการจัดการงานก่อสร้างโครงการ และตารางเวลา กำหนดการดำเนินโครงการ ส่วนเรื่องการจัดพิธีวางศิลาฤกษ์ เห็นควรกำหนดหลังจากลงนามในสัญญาจ้างก่อ สร้างแล้ว เพื่อให้ผู้รับจ้างสามารถดำเนินการก่อสร้างได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากพิธีวางศิลากฤษ์ หรือตั้งแต่เดือน มิถุนายน 2551 เป็นต้นไป สำหรับทางรถไฟคู่ขนานกับสะพาน นั้น จะศึกษาความเหมาะสมและความคุ้มค่า และ จะรายงานผลในโอกาสต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
2705 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 04/09/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอก
ชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินกิจการในกิจการของรัฐ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงแก้ไขพระราช บัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 เพื่อแก้ไขปัญหาการตีความ และอุดช่องว่างในการบังคับใช้กฎหมาย และปรับปรุงกระบวนการพิจารณากลั่นกรองโครงการ การบริหารและ กำกับการดำเนินโครงการให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่ง ชาติพิจารณาต่อไป โดยรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วย ว่า การแก้ไขเพิ่มเติมนิยามคำว่า "ร่วมงานหรือดำเนินการ" โดยให้สามารถกำหนดรูปแบบหรือวิธีการร่วมลงทุน กับเอกชนในลักษณะอื่นใดเพิ่มขึ้นได้โดยกฎกระทรวงตามร่างมาตรา 5 นั้น ควรคำนึงถึงภาคเอกชนที่ต้องการ ความชัดเจนและรวดเร็วในการดำเนินการ โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และกรณีการต่อหรือ ขยายสนธิสัญญาตามร่างมาตรา 18 เพิ่มความเป็นมาตรา 24/2 ควรกำหนดให้ชัดเจนว่ากรณีเป็นคู่สัญญาราย เดิม ซึ่งต้องดำเนินการตามมาตรา 12 ถึงมาตรา 21 โดยอนุโลม จะต้องปฏิบัติแตกต่างกับกรณีที่เป็นคู่สัญญา รายใหม่หรือไม่ ประการใด ส่วนความหมายของคำว่า "หน่วยงานของรัฐ" เมื่อนำมาใช้กับกรณีของกองทุน เช่น กองทุนประกันสังคม ซึ่งเป็นกองทุนที่ประชาชนเป็นเจ้าของเงิน จะเหมาะสมหรือไม่ และกรณีที่เป็น "หน่วยงาน ของรัฐ" หรือรัฐวิสาหกิจ ซึ่งผู้ลงทุนสามารถลงทุนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้ อันจะมีผลให้สถานะเปลี่ยน แปลงไปตามสัดส่วนของการถือหุ้น และอาจมีการดำเนินการที่ขัดต่อกฎหมายได้โดยไม่ทราบ หรือไม่เจตนา จะ สมควรแก้ไขอย่างไร หรือไม่
|
|||||||||||||||||||||
2706 | รายงานการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ ครั้งที่ 1 | นร | 28/08/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
รายงานสรุปผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ ครั้งที่ 1/2550 เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2550 โดยที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาห กรรม แผนปฏิบัติการพัฒนาระบบโลจิสติกส์การค้า แผนปฏิบัติการพัฒนาระบบเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลและบริการ ภาครัฐเพื่อการนำเข้า ส่งออก และโลจิสติกส์ และแผนปฏิบัติการพัฒนาระบบข้อมูลโลจิสติกส์ของประเทศ และให้ หน่วยงานที่รับผิดชอบตามแผนปฏิบัติการ ฯ พิจารณาดำเนินการในรายละเอียดและกำหนดระยะเวลาดำเนินการที่ ชัดเจน โดยให้ความสำคัญกับการเร่งรัดการพัฒนาระบบข้อมูลคลังสินค้าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และการพัฒนา ระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลและบริการภาครัฐ เพื่อการนำเข้า ส่งออก และโลจิสติกส์ ให้เป็นโครงการตัวอย่าง และให้สำนักงบประมาณใช้เป็นกรอบในการพิจารณาอนุมัติจัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2554 ต่อ ไป กับเห็นชอบให้จัดตั้งคณะอนุกรรมการ ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม คณะ อนุกรรมการพัฒนาโลจิสติกส์การค้า คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลและบริการภาครัฐ เพื่อการนำเข้า ส่งออก และโลจิสติกส์ และคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบข้อมูลโลจิสติกส์ รวมทั้งให้กระทรวงเทค โนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินโครงการเพื่อการพัฒนาระบบการเชื่อม โยงเครือข่ายข้อมูลและบริการภาครัฐเพื่อการนำเข้า ส่งออก และโลจิสติกส์ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการพัฒนา รายการข้อมูลมาตรฐาน การพัฒนาระบบเชื่อมต่อระหว่างหน่วยงาน และการพัฒนาระบบสนับสนุน (Back Office) ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเห็นชอบให้ สศช. ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการเพื่อการนำเข้า- ส่งออกเพื่อจัดทำเป้าหมายการปรับลดขั้นตอน และระยะเวลาการให้บริการของแต่ละหน่วยงานเพื่อให้สอดคล้องกับ เป้าหมายการปรับลดเวลาที่ใช้กับงานเอกสาร และการดำเนินการเพื่อการส่งออกและนำเข้า จาก 24 วันเหลือ 15 วัน
|
|||||||||||||||||||||
2707 | รายงานผลการตรวจเยี่ยมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข และโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับตำบลจังหวัดชายแดนภาคใต้ | มท | 28/08/2550 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อผลการตรวจเยี่ยมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข และโครง
การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับตำบลจังหวัดชายแดนภาคใต้ ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาด ไทย (พลตำรวจโท ธีรวุฒิ บุตรศรีภูมิ) เมื่อวันที่ 23-25 สิงหาคม 2550 โดยผลการดำเนินการตามโครงการ ยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข แบ่งออกเป็น 2 งวด คือ งวดที่ 1 จากงบประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณดำเนินการแผนงาน/โครงการในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 2,923 โครงการ งบประมาณ 298.500 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ จำแนกเป็น จังหวัดนราธิวาส จำนวน 744 โครงการ งบประมาณ 65.850 ล้านบาท จังหวัดยะลา จำนวน 512 โครงการ งบประมาณ 54.000 ล้าน บาท จังหวัดปัตตานี จำนวน 281 โครงการ งบประมาณ 67.000 ล้านบาท จังหวัดสงขลา จำนวน 903 โครงการ งบประมาณ 63.000 ล้านบาท และจังหวัดสตูล จำนวน 483 โครงการ งบประมาณ 49.000 ล้านบาท และงวดที่ 2 จากงบประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งได้โอนเงินงบประมาณไปให้ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่ได้รับจัดสรร ให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทุกจังหวัดได้พิจารณาอนุมัติแผนงาน/โครงการที่เสนอมาจากชุมชนและหมู่บ้านจำนวนทั้งสิ้น 1,522 โครงการ งบประมาณ 120.000 ล้านบาท จำแนกเป็น จังหวัดนราธิวาส จำนวน 439 โครงการ งบ ประมาณ 26.000 ล้านบาท จังหวัดยะลา จำนวน 200 โครงการ งบประมาณ 22.000 ล้านบาท จังหวัดปัตตานี จำนวน 191 โครงการ จำนวน 27.000 ล้านบาท จังหวัดสงขลา จำนวน 392 โครงการ งบประมาณ 25.000 ล้านบาท และจังหวัดสตูล จำนวน 300 โครงการ งบประมาณ 20.000 ล้านบาท สำหรับผลการดำเนินโครงการ พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับตำบลจังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณเพื่อ สนับสนุนการดำเนินงานตามโครงการ ฯ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2550 จากงบกลาง จำนวน 21,164,000 บาท และจังหวัดได้มีการเบิกจ่ายแล้ว ดังนี้ จังหวัดนราธิวาส จำนวน 130 หมู่บ้าน 215 โครงการ 27.711 ล้านบาท จังหวัดยะลา จำนวน 39 หมู่บ้าน 82 โครงการ 8.353 ล้านบาท จังหวัดปัตตานี จำนวน 97 หมู่บ้าน 304 โครง การ 14.503 ล้านบาท จังหวัดสงขลา จำนวน 51 หมู่บ้าน 75 โครงการ 9.473 ล้านบาท จังหวัดสตูล จำนวน 54 หมู่บ้าน 74 โครงการ 11.586 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
2708 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาเรื่องหลักประกันเพื่อความมั่นคงและคุ้มครองผู้ซึ่งเกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ. .... | มท | 21/08/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การ
พิจารณาเรื่องหลักประกันเพื่อความมั่นคงและคุ้มครองผู้ซึ่งเกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนา พื้นที่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาเรื่องหลักประกันเพื่อความมั่นคงและคุ้มครองผู้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี กรณีการกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับระยะเวลา ที่กำหนดให้ผู้เสนอโครงการจัดรูปที่ดินยื่นหลักประกัน การวางหลักประกันในส่วนของที่ดินและงานก่อสร้างต้อง แยกจากกัน และรายละเอียดของสิ่งที่ใช้เป็นหลักประกัน โดยมิได้มีการกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และ วิธีการพิจารณาหลักประกันของคณะกรรมการส่วนจังหวัด ว่าจะมีหลักเกณฑ์หรือวิธีการพิจารณาหลักประกันของ ผู้เสนอโครงการจัดรูปที่ดินอย่างไร ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ที่กฎหมายแม่บทได้ให้อำนาจไว้ในการออกกฎกระทรวงใน เรื่องนี้ ดังนั้น การออกกฎกระทรวง ฯ จึงเป็นการออกกฎกระทรวงที่ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ตามที่บัญญัติไว้ ในกฎหมายแม่บท ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
2709 | การดำเนินโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อล้านครอบครัว | กษ | 14/08/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโค-กระบือ
พันธุ์พื้นเมือง ในลักษณะโครงการนำร่อง โดยให้ขอตกลงในรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณในการดำเนินโครง การกับสำนักงบประมาณต่อไป และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งประเมินผลโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโค เนื้อล้านครอบครัว ปัญหาอุปสรรคและความรับผิดชอบของผู้เกี่ยวข้องต่าง ๆ ร่วมกับกระทรวงการคลัง ธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และกรมปศุสัตว์ เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการต่อไปให้ชัดเจน |
|||||||||||||||||||||
2710 | การตรวจติดตามผลการดำเนินงานในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ | นร | 14/08/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการตรวจติดตามผล
การดำเนินงานในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ของรองนายกรัฐมนตรี (นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) เมื่อวันที่ 26 กรกฎา คม 2550 โดยผลการตรวจติดตามการดำเนินงานในด้านการบริหารจัดการแม่น้ำปิงและแนวทางการแก้ไขปัญหา น้ำท่วมในแม่น้ำปิงได้มีการเตรียมแผนสำหรับการขุดลอกและขยายแม่น้ำปิง โดยเบื้องต้นได้นำร่องขุดขยายแม่น้ำ ปิงใน 7 จุดวิกฤติก่อนเป็นลำดับ ส่วนโครงการประตูระบายน้ำในลำน้ำปิงซึ่งจะต้องทำการรื้อย้ายฝายเก่า จำนวน 3 แห่ง คือ ฝายท่าศาลา ฝายหนองผึ้ง และฝายท่าวังตลาด นั้น เนื่องจากโครงการนี้หลายฝ่ายโดยเฉพาะภาค ประชาชนยังคัดค้านไม่ให้ก่อสร้าง กรมชลประทานจึงได้ชะลอโครงการไว้ก่อน สำหรับการดำเนินการพัฒนาพื้นที่ พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งประกอบด้วย 3 โครงการ คือ โครงการเชียงใหม่ไนท์ ซาฟารี จากที่ได้เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2549 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลาหนึ่งปีของการเปิด ดำเนินการ มีนักท่องเที่ยวกว่า 2 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้หรือกระแสเงินหมุนเวียนไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนโครงการกระเช้าไฟฟ้า ได้จ้างบริษัท เทสโก้ จำกัด บริษัท ทูฟ (ไทยแลนด์) จำกัด ทำการศึกษาความเป็นไป ได้ของโครงการ และโครงการอุทยานช้าง ได้ชะลอการดำเนินโครงการไว้ก่อน
|
|||||||||||||||||||||
2711 | รายงานประจำปี 2548 - 2549 ของศาลรัฐธรรมนูญ | ศร | 14/08/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเสนอรายงานประจำปี พ.ศ. 2548-2549
ของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ เรื่องที่เข้าสู่การพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตั้ง แต่เดือนมกราคม-ธันวาคม 2548-กันยายน 2549 ประกอบด้วย เรื่องที่รับไว้พิจารณาและได้มีคำวินิจฉัยแล้ว 80 เรื่อง เรื่องที่รับไว้พิจารณาและอยู่ระหว่างการพิจารณา 31 เรื่อง และเรื่องที่มีคำสั่งไม่รับไว้พิจารณา 3 เรื่อง รวมทั้ง การพัฒนาและสนับสนุนกระบวนการวินิจฉัยคดีโดยได้จัดสัมมนาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพื่อแลกเปลี่ยนความคิด เห็นของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับบทบาทและคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ การพัฒนาองค์ความรู้ใน ภารกิจของศาลรัฐธรรมนูญโดยจัดให้มีการวิจัยและการพัฒนางานวิชาการทางกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพื่อสร้างองค์ ความรู้ในภารกิจของศาลรัฐธรรมนูญ และการดำเนินโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่อง ในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จำนวน 2 โครงการ คือ โครง การพัฒนาสาธารณประโยชน์เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพื้นที่ 90 ไร่ บ้านป่ายาง หมู่ที่ 3 ตำบลคลองเปียะ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา และโครงการจัดทำหนังสือเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัว ด้านรัฐธรรมนูญและการศาล
|
|||||||||||||||||||||
2712 | ขออนุมัติเพิ่มจำนวนนักศึกษาในโครงการเพชรในตม | นร | 07/08/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติเห็น
ชอบหลักการของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ในการเพิ่มจำนวนนักศึกษาในโครงการ เพชรในตมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) จังหวัดละ 5 คน รวม 15 คนต่อปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551-2555 โดยให้ กอ.รมน. รับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไป พิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมห่งชาติมีข้อเสนอแนะเพิ่ม เติมในส่วนของการคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการ ฯ ควรให้ความสำคัญกับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่ สงบเป็นลำดับแรก และเปิดโอกาสให้นักศึกษาในโครงการ ฯ พักอาศัยในหอพักร่วมกับนักศึกษาทั่วไปเพื่อเรียน รู้การใช้ชีวิตร่วมกับนักศึกษาที่มาจากต่างพื้นที่ ส่วนคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาค รัฐ เห็นควรมีการวางแผนและบริหารจัดการอัตรากำลังที่มีอยู่ เพื่อให้มีอัตราว่างรองรับการบรรจุแต่งตั้งผู้สำเร็จ การศึกษาแต่ละรุ่น รวมทั้งมีการติดตามเพื่อประเมินผลการดำเนินโครงการ ฯ ด้วย และความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่ให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำแผนอัตรากำลังและบริหารจัดการอัตราว่างที่มีเงินได้ เพื่อรองรับการบรรจุ แต่งตั้งผู้สำเร็จการศึกษาในแต่ละรุ่น ส่วนงบประมาณดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้ กอ.รมน. รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่ให้จัดทำรายละเอียดของงบประมาณที่ขอรับการสนับสนุน ให้ชัดเจนและครบถ้วนว่า ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง อย่างไร เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของคณะ รัฐมนตรี โดยค่าใช้จ่ายในส่วนของการประชาสัมพันธ์ และสัมมนาด้านความมั่นคงปีละ 2,000,000 บาท ให้ใช้ จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ กอ.รมน. ได้รับจัดสรร ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
2713 | โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำตามชายแดนระหว่างประเทศ | มท | 07/08/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง
ริมแม่น้ำตามชายแดนระหว่างประเทศเพื่อป้องกันการสูญเสียดินแดนตามลำน้ำอันเนื่องมากจากการพังทลายของ ตลิ่งริมแม่น้ำรวม 7 สาย ได้แก่ แม่น้ำเมย แม่น้ำโขง แม่น้ำรวก แม่น้ำสาย แม่น้ำเหือง แม่น้ำโกลก และแม่น้ำ กระบุรี ส่วนงบประมาณดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงมหาดไทยรับ ความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการโดยให้เป็นไปตามหลักการดังนี้ ในการ ก่อสร้างมิให้มีการรุกล้ำลงไปในลำน้ำระหว่างประเทศ ส่วนการออกแบบก่อสร้างให้เป็นไปโดยไม่ให้มีผลกระทบ กระเทือนต่อฝั่งตรงข้าม และก่อนเริ่มโครงการในแต่ละพื้นที่ ให้หารือหน่วยราชการที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับลำ น้ำ และหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเขตแดนของประเทศไทยก่อน รวมทั้งให้หน่วยราชการเจ้าของพื้นที่ประสาน งานและปรึกษาหารือกับประเทศเพื่อนบ้านให้ทราบล่วงหน้าถึงการดำเนินโครงการ ตลอดจนทำความเข้าใจเกี่ยว กับการไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อประเทศเพื่อนบ้านเหล่านั้น ตามสิทธิที่จะได้รับการปรึกษาหารือ (Right to be consulted) เพื่อป้องกันข้อพิพาทระหว่างกันและป้องกันการประท้วงในภายหลัง นอกจากนี้ ให้ประสานงานกับ คณะกรรมการร่วมไทย-ลาว เพื่อดูแลการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหืองเพื่อพิจารณาก่อน ด้วย และความเห็นของกระทรวงกลาโหมเกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติ โดยควรพิจารณาอย่างรอบคอบเพราะเกี่ยวพันกับ ประเทศเพื่อนบ้านอันเป็นหลักปฏิบัติสากล และมีการประสานข้อมูลเรื่องเขตแดนกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องอย่าง ใกล้ชิด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
2714 | การแก้ไขปัญหาที่ดินในพื้นที่ป่าไม้ | ทส | 24/07/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอโครงการจัด
การทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2551-2552 โครงการทรัพยากรที่ดินและป่าไม้พื้นที่ป่า อนุรักษ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พ.ศ. 2551-2552 และโครงการสำรวจข้อมูลการปลูกไม้ยางพารา ของราษฎรในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พ.ศ. 2551 โดยให้กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์สนับสนุนภาพถ่ายทางอากาศออร์โธสี มาตราส่วน 1 : 4,000 ให้กรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ส่วนการจัดสรรงบประมาณสำหรับการดำเนินงานโครงการดังกล่าวให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการปรับปรุงแนวทางการดำเนินโครงการ ความเห็นของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการนำกลไกของร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มาเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหา ที่ดินในพื้นที่ป่าไม้ รวมทั้งความเห็นของคณะรัฐมนตรี ที่ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนดหลัก เกณฑ์และมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกพื้นที่ป่าให้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะ กรณีที่มีพื้นที่ป่าที่มีผู้เข้าทำประโยชน์อยู่แล้วควรร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนว ทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม เป็นรูปธรรม และการกำหนดแนวเขตป่าที่ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการ ด้วย |
|||||||||||||||||||||
2715 | ขออนุมัติหลักการดำเนินโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ระยะที่ 3 | กค | 10/07/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอการดำเนินโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอน
เทนเนอร์สินค้า ระยะที่ 3 โดยปรับเปลี่ยนรายการจัดหาตามโครงการระยะที่ 3 เป็นแบบกึ่งเคลื่อนย้ายหรือถอด ประกอบเคลื่อนย้ายได้ (Relocatable Container Inspection System) จำนวน 2 ชุด และแบบตรวจขบวนรถไฟ บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์สินค้า (Railway Cargo/Vehicle Inspection System) จำนวน 1 ชุดแทน รวมจำนวน 3 ชุด ในวงเงินเดิมที่ได้รับการบรรจุไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 จำนวน 800 ล้านบาท และให้ดำเนินการโครงการในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) ตามหลักการเดิมที่คณะรัฐมนตรี อนุมัติไว้ โดยไม่ต้องทำการค้าต่างตอบแทนหรือการค้าแบบแลกเปลี่ยน และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การคลัง โดยกรมศุลกากรดำเนินการในนามของรัฐบาลไทยเพื่อทำการเจรจาตกลงกับตัวแทนฝ่ายรัฐบาลสาธารณ รัฐประชาชนจีนให้ได้ราคาและคุณภาพที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์มากที่สุดต่อไป และให้กระทรวงการคลังรับข้อ สังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า เมื่อสะพานมิตรภาพ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) ก่อสร้างแล้วเสร็จ และใช้งานแล้ว กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากร เร่งรัดดำเนินการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้า เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าผ่านแดนศุลกากรดังกล่าวโดยเร็ว และให้กระทรวงการต่างประเทศประสานขอความร่วม มือจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวว่า ในการขนส่งสินค้าผ่านไทยไปยังประเทศที่สาม เช่น กรณีการขน ส่งไม้พะยูงไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นต้น ขอให้บรรจุสินค้าในตู้คอนเทนเนอร์ให้เรียบร้อยเพื่อความสะดวก ปลอดภัยในการขนส่งและไม่เกิดปัญหาการลักลอบปลอมปนสินค้า |
|||||||||||||||||||||
2716 | สรุปมติคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประชาชนอยู่ดีมีสุข | นร | 03/07/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
มติคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประชาชนอยู่ดีมีสุข ในการประชุมครั้งที่ 3/2550 วันที่ 29 มิถุนายน 2550 ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้จัดสรรงบประมาณจำนวน 2,000 ล้านบาทลงสู่จังหวัดต่าง ๆ ด้วยหลักเกณฑ์เดิมที่ร้อย ละ 60 จัดสรรให้เท่ากันทุกจังหวัด ร้อยละ 10 จัดสรรให้ตามจำนวนประชากร ร้อยละ 15 จัดสรรตามเกณฑ์ จปฐ. และร้อยละ 15 จัดสรรตามความผกผันของรายได้ต่อหัว และให้ปรับปรุงแผนงานที่ 5 จากเดิมแผนงานบริการความ รู้ขั้นพื้นฐาน เป็น แผนงานสร้างการเรียนรู้ เพื่อให้สามารถสนับสนุนกระบวนการจัดทำแผนชุมชน และให้ดำเนิน การตามประกาศคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประชาชนอยู่ดีมีสุข พ.ศ. 2550 และขยายระเบียบกระทรวง มหาดไทยว่าด้วยการบริหารงบประมาณและการใช้จ่ายเงินสำหรับการดำเนินโครงการภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์ อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัด พ.ศ. 2550 ให้ครอบคลุมวงเงิน 2,000 ล้านบาท สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ตาม กรอบวงเงิน 15,000 ล้านบาท เห็นชอบในการปรับปรุงหลักการ วัตถุประสงค์ โดยเป็นการสนับสนุนกระบวนการ พัฒนาที่เน้น 2 แนวทาง คือ แนวทางในการพัฒนาศักยภาพและโอกาสในการสร้างรายได้ และแนวทางในการยก ระดับคุณภาพชีวิต และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชน รวมทั้งเห็นชอบใน 4 กรอบแผนงาน พัฒนาอาชีพตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แผนงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน แผนงานฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแผนงานสนับสนุนชุมชนดูแลผู้ด้อยโอกาส เด็กและผู้สูงอายุ โดยปรับ กรอบแผนงานที่ 5 จากเดิมแผนงานบริการความรู้ขั้นพื้นฐาน เป็น แผนงานสร้างการเรียนรู้ โดยให้จัดสรรเงินเป็น 3 งวด งวดแรกร้อยละ 50 งวดที่ 2 และงวดที่ 3 ร้อยละ 25 โดยให้กันเงินไว้ร้อยละ 1 เพื่อใช้ในการบริหารจัดการ โครงการและเกณฑ์การจัดสรรเงินและการปรับระเบียบการเบิกจ่าย เพื่อให้การดำเนินการของโครงการโดยรัฐบาล มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||
2717 | การส่งเสริมประชาธิปไตยเพื่อสนับสนุนการออกเสียงประชามติและการเลือกตั้งกระทรวงศึกษาธิการ | ศธ | 03/07/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอโครงการส่งเสริมประชาธิปไตยเพื่อสนับ
สนุนการออกเสียงประชามติและการเลือกตั้ง โดยกำหนดขั้นตอนการดำเนินงานออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 การเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในร่างรัฐธรรมนูญและการออกเสียงประชามติ ดำเนินการในช่วงเดือนกรกฎา คม-19 สิงหาคม 2550 เป็นการสร้างความเข้าใจเนื้อหาสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ และการรณรงค์การใช้สิทธิ ออกเสียงประชามติ และช่วงที่ 2 การรณรงค์ให้ไปใช้สิทธิในการเลือกตั้ง โดยใช้งบประมาณดำเนินการจำนวน 45.3204 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย งบประมาณที่เจียดจ่ายจากงบปกติของหน่วยงานและสถานศึกษา จำนวน 15.5920 ล้านบาท งบประมาณสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จำนวน 8.0 ล้านบาท และ งบประมาณที่ขอรับการสนับสนุน (งบกลาง) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 จำนวน 21.7284 ล้านบาท โดยให้กระทรวงศึกษาธิการประสานขอรับการสนับสนุนงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการจากคณะกรรม การการเลือกตั้งต่อไป |
|||||||||||||||||||||
2718 | เงินกู้โครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้งปี 2547 | กค | 26/06/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ ให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ขยาย
ระยะเวลาการกู้เงินโครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้ง ปี 2547 จำนวน 4,614.56 ล้าน บาท จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ออกไปอีก ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2549 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกัน และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอแปรญัตติงบประมาณรายจ่ายประจำ ปี พ.ศ. 2551 เพื่อของบประมาณให้ อ.ต.ก. ใช้ชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 4,614.56 ล้านบาท แก่ธนาคารกรุงไทย ฯ โดยให้ชำระคืนธนาคารในโอกาสแรกเมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2551 ประกาศใช้ และ ให้ อ.ต.ก. ในฐานะเป็นผู้กู้เงินต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการชำระดอกเบี้ย โดยการเจียดจ่ายเงินของหน่วยงานหรือใช้ เงินของโครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้งที่ยังคงเหลืออยู่ที่ อ.ต.ก มาชำระดอกเบี้ยค้าง จ่ายที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2549 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2550 ภายในวงเงินไม่เกิน 239,051,991.76 บาท ให้ธนาคารกรุงไทย ฯ ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนมิถุนายน 2550 รวมทั้งให้ อ.ต.ก. จ่ายค่าดอกเบี้ยเงินกู้ที่จะเกิด ขึ้นหลังจากวันที่ 30 มิถุนายน 2550 จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาหรือวันที่ชำระคืนต้นเงินกู้เสร็จสิ้น แต่ทั้งนี้ หาก อ.ต.ก. ไม่สามารถหาเงินมาชำระได้ หรือไม่เพียงพอต่อดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอใช้เงินงบกลาง ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 มาชำระ แต่การขอใช้เงินงบกลางอาจมีข้อจำกัดเนื่องจาก งบกลางมีจำนวนจำกัดและเป็นช่วงปลายปีงบประมาณ กับให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ อ.ต.ก. ขอเจรจากับ ธนาคารกรุงไทย ฯ เพื่อขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากอัตราเบี้ยปรับ (ร้อยละ MLR ต่อปี) เป็นอัตราดอกเบี้ยเงิน กู้ปกติ (อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน บวกร้อยละ 1.40-1.50 ต่อปี) เพื่อประโยชน์ต่อภาครัฐ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่งผลการดำเนินโครงการรับซื้อลำไยสด ฯ ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจ สอบต่อไปด้วย นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ในการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาควรมีการศึกษา วิจัยถึงผลการดำเนินการตามนโยบายที่ดำเนินการแล้วประสบปัญหาต่าง ๆ ซึ่งบางครั้งรัฐอาจมีความเสียหาย เช่น โครงการรับซื้อลำไยสด ฯ เป็นต้น เพื่อเป็นฐานองค์ความรู้ของรัฐบาลในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงเป็นกรณีศึกษา แก่สาธารณะ ส่วนการดำเนินการอาจจ้างมหาวิทยาลัยทำการศึกษาวิจัยเรื่องดังกล่าวจึงมอบให้กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์รับเรื่องนี้ไปประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ เป็นต้น เพื่อดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
2719 | เงินกู้โครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้งปี 2547 | กค | 26/06/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ ให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ขยาย
ระยะเวลาการกู้เงินโครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้ง ปี 2547 จำนวน 4,614.56 ล้าน บาท จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาช) ออกไปอีก ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2549 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกัน และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอแปรญัตติงบประมาณรายจ่ายประจำ ปี พ.ศ. 2551 เพื่อของบประมาณให้ อ.ต.ก. ใช้ชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 4,614.56 ล้านบาท แก่ธนาคารกรุงไทย ฯ โดยให้ชำระคืนธนาคารในโอกาสแรกเมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2551 ประกาศใช้ และ ให้ อ.ต.ก. ในฐานะเป็นผู้กู้เงินต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการชำระดอกเบี้ย โดยการเจียดจ่ายเงินของหน่วยงานหรือใช้ เงินของโครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้งที่ยังคงเหลืออยู่ที่ อ.ต.ก มาชำระดอกเบี้ยค้าง จ่ายที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2549 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2550 ภายในวงเงินไม่เกิน 239,051,991.76 บาท ให้ธนาคารกรุงไทย ฯ ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนมิถุนายน 2550 รวมทั้งให้ อ.ต.ก. จ่ายค่าดอกเบี้ยเงินกู้ที่จะเกิด ขึ้นหลังจากวันที่ 30 มิถุนายน 2550 จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาหรือวันที่ชำระคืนต้นเงินกู้เสร็จสิ้น แต่ทั้งนี้ หาก อ.ต.ก. ไม่สามารถหาเงินมาชำระได้ หรือไม่เพียงพอต่อดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอใช้เงินงบกลาง ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 มาชำระ แต่การขอใช้เงินงบกลางอาจมีข้อจำกัดเนื่องจาก งบกลางมีจำนวนจำกัดและเป็นช่วงปลายปีงบประมาณ กับให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ อ.ต.ก. ขอเจรจากับ ธนาคารกรุงไทย ฯ เพื่อขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากอัตราเบี้ยปรับ (ร้อยละ MLR ต่อปี) เป็นอัตราดอกเบี้ยเงิน กู้ปกติ (อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน บวกร้อยละ 1.40-1.50 ต่อปี) เพื่อประโยชน์ต่อภาครัฐ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่งผลการดำเนินโครงการรับซื้อลำไยสด ฯ ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจ สอบต่อไปด้วย นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ในการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาควรมีการศึกษา วิจัยถึงผลการดำเนินการตามนโยบายที่ดำเนินการแล้วประสบปัญหาต่าง ๆ ซึ่งบางครั้งรัฐอาจมีความเสียหาย เช่น โครงการรับซื้อลำไยสด ฯ เป็นต้น เพื่อเป็นฐานองค์ความรู้ของรัฐบาลในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงเป็นกรณีศึกษา แก่สาธารณะ ส่วนการดำเนินการอาจจ้างมหาวิทยาลัยทำการศึกษาวิจัยเรื่องดังกล่าวจึงมอบให้กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์รับเรื่องนี้ไปประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ เป็นต้น เพื่อดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
2720 | แผนเงินกู้เพื่อการลงทุนโครงการบ้านเอื้ออาทรระยะ 3 - ระยะ 5 และภาระดอกเบี้ยส่วนเกินร้อยละ 5 | พม | 19/06/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) กู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพคล่อง
(Cash Flow) ในการดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทรระยะที่ 3-ระยะที่ 5 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 โดยให้ กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาวงเงินกู้ที่จำเป็น รวมทั้งเป็นผู้จัดหาเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยตามกลไกของตลาด การเงินและค้ำประกันการกู้เงินดังกล่าว และให้ กคช. เร่งจัดทำรายงานผลการดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทร ระยะที่ผ่านมา ตลอดจนแนวทางการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จและเสนอคณะรัฐมนตรีประกอบ การพิจารณา เกี่ยวกับแผนการกู้เงินเพื่อการลงทุนโครงการบ้านเอื้ออาทรระยะที่ 3-ระยะที่ 5 ในภาพรวมต่อ ไป |
.....