ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 139 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 2761 - 2780 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2761 | การอนุรักษ์ฟิล์มภาพยนตร์และภาพนิ่งส่วนพระองค์ | นร | 06/02/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติว่า โดยที่การอนุรักษ์ฟิล์มภาพยนตร์และภาพนิ่งส่วนพระองค์เป็นโครงการสำคัญของ
รัฐบาลที่จะต้องดำเนินการให้เหมาะสมและอนุรักษ์ไว้เป็นสมบัติของชาติสืบไป โดยภารกิจในส่วนของการสำรวจ บำรุงรักษา และอนุรักษ์ฟิล์มและภาพนิ่งส่วนพระองค์ต้องเร่งรัดดำเนินการโดยด่วน สำหรับสถานที่เก็บรักษา และอนุรักษ์ฟิล์มและภาพนิ่งส่วนพระองค์อย่างถาวร รวมทั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายโดยรวมเป็นภารกิจในขั้นตอน ต่อไปที่ต้องพิจารณาในรายละเอียดต่าง ๆ ให้ครบถ้วน ดังนั้น ส่วนราชการและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต้องร่วมมือ และพิจารณาดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความละเอียดรอบคอบ จึงมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ ปรีดิยาธร เทวกุล) รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในส่วนของภารกิจที่ต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน และให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมพิจารณาในภาพรวมของการดำเนินโครงการให้เหมาะสมถูกต้อง และให้กระทรวง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมพิจารณาแนวทางการบำรุงรักษาและอนุรักษ์ฟิล์มและภาพนิ่งส่วนพระองค์ โดย ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ทันสมัย เพื่อให้สามารถเก็บรักษาและใช้ประโยชน์ได้อย่างยาวนานสืบต่อไปในอนาคต
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2762 | โครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล | คค | 06/02/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอดังนี้ รับทราบผลการดำเนินการรับฟังความคิดเห็น
ข้อเสนอแนะ และความต้องการของประชาชนเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้า 5 สายทาง ซึ่งจากการรับฟังความคิด เห็นของประชาชนโดยรวม พบว่าร้อยละ 96 จากประชาชนรวม 16,000 ราย/ความคิดเห็น ให้การสนับสนุน การดำเนินงาน โดยมีเหตุผลว่าการก่อสร้างรถไฟฟ้าจะช่วยลดปัญหาด้านการจราจร และคาดหวังว่าจะมีการ ขยายเส้นทางออกไปรอบเมืองและออกไปนอกเมือง เชื่อมต่อกันได้ทุกทิศทาง รวมถึงการเชื่อมต่อไปตามเส้น ทางชานเมือง ส่วนประเด็นที่ประชาชนไม่เห็นด้วยอาทิ ประเด็นผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ประเด็น ความโปร่งใสของโครงการ ตั้งแต่การประกวดราคาก่อสร้าง การดำเนินการก่อสร้าง การคำนวณราคาค่าโดย สาร เป็นต้น และเห็นชอบนโยบายการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณ ฑล โดยการกำหนดให้มีศูนย์กลางเชื่อมต่อในการเดินทาง จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ (1) ศูนย์คมนาคมพหลโยธิน (บริเวณบางซื่อ) และ (2) ศูนย์คมนาคมมักกะสัน (บริเวณมักกะสัน) เพื่อเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อการเดินทาง จากพื้นที่ปริมณฑลและพื้นที่เมืองบริวารโดยระบบรถไฟชานเมือง รวมทั้งการเดินรถด้วยระบบรางเดียวกันจาก เมืองในภูมิภาคโดยรถไฟทางไกลเชื่อมต่อการเดินทางกับระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน และแผนการดำเนินงาน โครงการและการพิจารณารายละเอียดประเด็นด้านการเงิน การลงทุน และกฎหมาย ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของ คณะรัฐมนตรีที่ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย) ให้ความสำคัญติดตาม รับ ฟังและชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจกับกลุ่มประชาชนเสียงส่วนน้อยที่ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินโครงการในสายทาง ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ และให้กระทรวงแรงงานเตรียมความพร้อมและวางแผนการพัฒนาแรงงานเพื่อ รองรับความต้องการกำลังคนและฝีมือแรงงานในการดำเนินโครงการ ฯ ซึ่งเป็นโครงการระยะยาวที่มีวงเงินลง ทุนจำนวนมาก นอกจากนี้ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะให้โอกาสบุคลากรของไทยทำงาน ในส่วนที่สามารถทำได้เพื่อให้เกิดทักษะและเสริมสร้างขีดความสามารถซึ่งในระยะยาวอาจนำไปใช้ในโครงการ อื่น ๆ ได้ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2763 | การดำเนินงานกลไกการพัฒนาที่สะอาดในประเทศไทยภายใต้พิธีสารเกียวโต | ทส | 30/01/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการสิ่ง
แวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2550 (นัดพิเศษ) เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2550 ในการพิจารณาเรื่อง การดำเนินงาน กลไกการพัฒนาที่สะอาดในประเทศไทยภายใต้พิธีสารเกียวโต โดยเห็นชอบให้นำข้อเสนอโครงการของเอกชน 7 โครงการ ที่ดำเนินการมาก่อนวันที่ 18 พฤศจิกายน 2547 และเห็นว่าเป็นโครงการกลไกการพัฒนาที่สะอาด แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาออกหนังสือรับรองแก่ผู้พัฒนาโครงการภายใต้พิธีสารเกียวโต โดยมีเงื่อนไข ว่า ผู้มีอำนาจตามพิธีสารเกียวโต ของประเทศไทย ขอสงวนสิทธิ์ในการระงับการดำเนินโครงการที่ได้มีการออก หนังสือรับรองได้ กรณีที่ผู้พัฒนาโครงการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายภายในของประเทศไทย หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อน ไขหรือหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติกำหนดสำหรับการดำเนินโครงการดังกล่าวและมอบหมาย ให้คณะอนุกรรมการด้านความตกลงระหว่างประเทศที่มีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่จะตั้ง ขึ้นภายใต้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ดำเนินการพิจารณาหลักเกณฑ์ในการพิจารณาโครงการกลไกการ พัฒนาที่สะอาด (CDM) ในประเทศไทย รวมทั้งพิจารณาความเหมาะสมของหลักเกณฑ์ในการจัดสรรผลประโยชน์ จากการขายคาร์บอนเครดิต และระบบการบริหารจัดการ กับเห็นชอบร่างหนังสือรับรอง (Letter of Approval : LoA) โดยให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้มีอำนาจตามพิธีสารเกียวโต (Designated National Authority : DNA) ในการออกหนังสือให้คำรับรอง (Letter of Approval : LoA) ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำโครงการกลไกการพัฒนาที่สะอาดที่ยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่ง แวดล้อมแห่งชาติ รวม 8 โครงการ เสนอคณะอนุกรรมการ ฯ พิจารณาโดยด่วนต่อไป โดยให้เชิญผู้แทนกระทรวง พลังงาน และกระทรวงการคลังเข้าร่วมการพิจารณาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2764 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 เพื่อดำเนินโครงการเพิ่มจำนวนครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน | วธ | 23/01/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ที่มีมติอนุมัติ
งบประมาณรายจ่าย งบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ในวงเงิน 133,900,000 บาท สำหรับการดำเนิน โครงการเพิ่มจำนวนครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน ภายใต้โครงการเสริมสร้างคุณธรรมและพัฒนาคุณภาพชีวิต คนในชาติ : ยกระดับคุณธรรม จริยธรรมคนในชาติตามรอยพระยุคลบาท โดยให้กระทรวงวัฒนธรรมตกลงในราย ละเอียดกับสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงศึกษาธิการรับข้อสังเกตของคณะกรรม การกลั่นกรองฯ เกี่ยวกับให้ความสำคัญกับคุณภาพในการสอนของครูพระ และการสอนในโรงเรียนวิถีพุทธทั้งสอง กระทรวงควรแบ่งความรับผิดชอบให้ชัดเจนทั้งด้านภารกิจและงบประมาณเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน รวมทั้งการ ใช้คำบางคำในโครงการ ฯ ควรคำนึงถึงความถูกต้องและเหมาะสมด้วย เช่น คำว่า "ครูพระ" และคำว่า "ค่าตอบ แทนครูพระ" เป็นต้น นอกจากนี้ การดำเนินโครงการ ฯ ในระยะยาวควรกำหนดรูปแบบการดำเนินการที่เหมาะ สมและตั้งงบประมาณปกติเพื่อดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2765 | รายงานสรุปผลการดำเนินการของคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่สนับสนุนและติดตามการดำเนินงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตตามนโยบายของคณะรัฐมนตรี (ป.ท.) | ปง | 23/01/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการเพื่อทำหน้าที่สนับสนุน
และติดตามการดำเนินงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตตามนโยบายของคณะรัฐมนตรี (ป.ท.) เสนอ ดังนี้รับทราบผลการดำเนินการของ ป.ท. ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม 2544 ถึง 20 พฤศจิกายน 2549 และเห็นชอบ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเร่งรัดบรรดาระเบียบกฎหมายที่ ป.ท. เห็นชอบ หรือเสนอเพื่อ เป็นการป้องกันและป้องปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ให้มีผลบังคับใช้ในปี พ.ศ. 2549 และผลักดันให้จัดตั้ง องค์กร เพื่อดูแลรับผิดชอบด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ของรัฐในฝ่ายบริหาร และให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เร่งรัดปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2535 ที่ให้รวมมาตรการการแก้ไขปัญหาความล่าช้าในการดำเนินโครงการก่อสร้าง เพื่อให้ส่วนราชการใช้ ระเบียบดังกล่าวเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป โดยให้มีหนังสือถึงทุกกระทรวงให้กวดขันข้าราชการในสังกัดปฏิบัติตาม กฎหมายว่าด้วยการพัสดุโดยเคร่งครัด ทั้งนี้ หากมีการขยายช่องทางจราจรทั้งในเส้นทาง 32 [ถนนเอเชีย (บาง ปะอิน-นครสวรรค์)] หรือเส้นทางสายอื่น ๆ ควรรก่อสร้างทางเป็น 4 คันทางไปกลับ โดยเป็นช่องทางสำหรับรถ บรรทุกโดยเฉพาะ 2 คันทางไปกลับ โดยให้จัดตั้งองค์กรเพื่อดูแลรับผิดชอบด้านการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตประพฤติมิชอบในระบบคมนาคมขนส่ง ใช้ชื่อว่า "ศูนย์ป้องกันการทุจริตและการละเมิดกฎหมายเกี่ยวกับทาง หลวง(ศป.ทล.)" อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติ ธรรม รวมทั้งให้ดำเนินการโครงการนำร่องป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบด้านคมนาคมขนส่งใน 17 สาย ทางหลักและถนนโครงข่ายในรัศมี 200 กิโลเมตรรอบกรุงเทพมหานคร มีกำหนดระยะเวลาดำเนินโครงการ 10 ปี และอยู่ภายใต้การบริหารโครงการของ ศป.ทล. นอกจากนี้ ให้กระทรวงการคลังนำข้อเสนอของคณะอนุกรรมการ พัฒนามาตรการบังคับใช้กฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบคมนาคมขนส่ง (อ.พ.ค.) ในด้านมาตรการป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบในการจ้างงานก่อสร้างระบบคมนาคมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ไปพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2766 | โครงการ "ตามรอยเกียรติยศครูผู้มีอุดมการณ์และจิตวิญญาณครู" | ศธ | 16/01/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอดังนี้ เห็นชอบโครงการ "ตามรอยเกียรติยศครูผู้มี
อุดมการณ์และจิตวิญญาณครู" เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณแก่ครูจูหลิง ปงกันมูล และครูผู้ปฏิบัติงานด้วย อุดมการณ์และจิตวิญญาณครู โดยจะทำการคัดเลือกครู 4 ภูมิภาคทุกปี เพื่อรับรางวัล "ตามรอยเกียรติยศครู ผู้มีอุดมการณ์และจิตวิญญาณครู" ภาคละ 1 รางวัล ประกอบด้วย เกียรติคุณบัตรเสมาทองคำ 1 ชุด และเงิน เพื่อเชิดชูเกียรติ ในวันครบรอบเสียชีวิตครูจูหลิง ปงกันมูล (วันที่ 8 มกราคม 2550) โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 จะมอบรางวัลดังกล่าวให้ครูจูหลิง ปงกันมูล เป็นรายแรกในวันที่ 16 มกราคม 2550 และอนุมัติ งบประมาณในการจัดทำเสมาทองคำ และเงินเพื่อเชิดชูเกียรติ ทั้งนี้ จำนวนเงินรางวัลเพื่อเชิดชูเกียรติให้ปรับ เพิ่มขึ้นจากเดิมรางวัลละ 100,000 บาท เป็นรางวัลละ 300,000 บาท และให้กระทรวงศึกษาธิการรับข้อ สังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับคุณสมบัติเบื้องต้นของครูผู้สมควรได้รับการพิจารณาให้รางวัล ควรกำหนดให้ ชัดเจนเหมาะสมมากยิ่งขึ้น และพิจารณาคัดเลือกให้ครอบคลุมถึงผู้ปฏิบัติหน้าที่ครูนอกสังกัดกระทรวงศึกษา ธิการด้วย เช่น ครูที่เป็นตำรวจตระเวนชายแดน เป็นต้น รวมทั้งพิจารณากำหนดกลไกและระบบรองรับ/สนับ สนุนครูที่ได้รับรางวัลให้สามารถดำรงเกียรติยศที่ได้รับอย่างเหมาะสมและยั่งยืน เพื่อให้เป็นแบบอย่างที่ดีของ สังคมสืบไป เช่น การพิจารณาเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง การกำหนดเงินตอบแทน เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบ การดำเนินโครงการ ฯ ต่อ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2767 | ผลการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของกระทรวงแรงงาน | รง | 09/01/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ตามโครงการจ้าง
งานเร่งด่วน ของกระทรวงแรงงาน โดยผลการดำเนินงานตามโครงการจ้างงานเร่งด่วน จนถึงวันที่ 5 มกราคม 2550 มีผลการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ 14 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอ่างทอง ชัยนาท สิงห์บุรี พระนคร ศรีอยุธยา พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ สระบุรี ปทุมธานี อุทัยธานี นนทบุรี ปราจีนบุรี ลพบุรี และสุพรรณ บุรี โดยจ้างงานในลักษณะทำความสะอาด บูรณะอาคารสถานที่ สิ่งสาธารณประโยชน์ที่เสียหาย ช่วยปฏิบัติ งานในหน่วยงานที่เข้าให้การช่วยเหลือ ในอัตราจ้างวันละ 145 บาท ต่อคน ระยะเวลาการจ้าง 20 วัน มีผล การจ้างงานแล้ว 12,377 คน สำหรับการให้ความช่วยเหลือหลังน้ำลด ตามโครงการพัฒนาฝีมือและศักยภาพ แรงงาน จะดำเนินการฝึกอาชีพและบริการซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์เล็ก เพื่อการเกษตร โดยดำเนินการควบคู่กับการดำเนินโครงการจ้างงานเร่งด่วน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2549 ในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง ชัยนาท ลพบุรี สิงห์บุรี นครสวรรค์ พิจิตร น่าน ตาก พิษณุโลก นครปฐม ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และยโสธร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2768 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2548 เรื่อง การปรับปรุงกระบวนการพิจารณาอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ | อก | 03/01/2550 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอดังนี้ รับทราบการกำหนดแบบพิมพ์การแจ้งผลการ
พิจารณาคำขอประทานบัตรเหมืองแร่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และเห็นชอบแนวทางการดำเนิน การ กรณีความเห็นของท้องถิ่นและหน่วยงานของรัฐไม่สอดคล้องกันในการดำเนินโครงการพัฒนาต่าง ๆ ดังนี้ กรณี อปท. มีความเห็นแย้งก่อนที่โครงการจะได้รับอนุญาต โดยเห็นควรให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ ระดับจังหวัด เป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นแก่หน่วยงานผู้อนุญาต โดยมีอำนาจหน้าที่รวบรวมความเห็นของผู้ที่ เกี่ยวข้องและผลการพิจารณาของคณะกรรมการเสนอหน่วยงานผู้อนุญาตใช้ประกอบการพิจารณาอนุญาตโครง การ กำหนดกรอบระยะเวลาการพิจารณาไม่เกิน 60 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่มีการจัดตั้งคณะกรรมการแล้ว เสร็จ และกรณีที่ อปท. มีความเห็นแย้งภายหลังโครงการได้รับอนุญาตแล้ว โดยเห็นว่า ไม่ควรให้มีการดำเนิน งานโครงการพัฒนาที่ได้รับอนุญาตโดยถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบมาก่อนแล้วไม่ว่าเจ้าของโครงการจะได้ ดำเนินโครงการแล้วหรือไม่ก็ตาม ให้หน่วยงานผู้อนุญาตตรวจสอบข้อเท็จจริงตามเหตุผลที่ อปท. คัดค้านการ ดำเนินโครงการ และพิจารณาตัดสินตามข้อเท็จจริงและตามหลักฐานที่ปรากฏ ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ว่า การกำหนดแบบพิมพ์การแจ้งผลการพิจารณาคำขอประทานบัตรเหมืองแร่ของ อปท. นั้น ความเห็นจะต้อง ชัดเจนว่าขัดข้องหรือไม่ขัดข้องอย่างไรในการอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ และในการดำเนินการตามขั้นตอน และระยะเวลาการพิจารณาของแต่ละหน่วยงานที่กำหนด เอกสารที่ผู้ยื่นขออนุญาตจัดส่งให้หน่วยงานพิจารณา ต้องครบถ้วนสมบูรณ์ตามระเบียบที่แต่ละหน่วยงานกำหนด รวมทั้งการขอใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ และ 1 บี ตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นพื้นที่ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อกิจกรรม การทำเหมืองแร่ ต้องเสนอขอรับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเป็นราย ๆ ไป โดยกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมจะพิจารณาให้ความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวข้อง แล้ว นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2769 | การขยายผลโครงการศูนย์บริการร่วม อำเภอ..ยิ้ม | นร | 26/12/2549 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอมติคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ในการ
ประชุมครั้งที่ 7/2549 เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2549 ที่มีมติเห็นชอบในการขยายผลการดำเนินโครงการศูนย์ บริการร่วม อำเภอ..ยิ้ม โดยมอบให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย รับโครงการนี้จากสำนักงาน ก.พ.ร. ไปขยายผลการดำเนินโครงการตามแผนงาน ในพื้นที่ 6 จังหวัด จำนวน 32 อำเภอ และสนับสนุนงบประมาณ สำหรับการดำเนินการตามแผนงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 วงเงินงบประมาณจำนวนไม่เกิน 10 ล้าน บาท โดยให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป และให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง ความเห็นของคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาดำเนินการด้วย โดยในส่วนของคณะรัฐมนตรีเห็นว่า กระทรวงมหาดไทย และสำนักงาน ก.พ.ร. ควรเร่งรัดการดำเนินการและประเมินผลโครงการศูนย์บริการร่วม อำเภอ..ยิ้ม เพื่อขยาย ผลโครงการให้ครอบคลุมพื้นที่อำเภอทั่วประเทศโดยเร็ว โดยให้ความสำคัญกับหลักการประหยัดและมีประสิทธิ ภาพ ส่วนพื้นที่ดำเนินโครงการ นอกจากจังหวัดและอำเภอที่กระทรวงมหาดไทย (กรมปกครอง) กำหนดไว้แล้ว ควรพิจารณาดำเนินโครงการในจังหวัดใหญ่ ๆ ที่เป็นศูนย์กลางในการให้บริการและการคมนาคมของแต่ละภาค ซึ่งมีความพร้อมที่จะรองรับการดำเนินโครงการ นอกจากนี้ การพิจารณากำหนดระบบงานเพื่อให้บริการประชา ชนภายใต้โครงการศูนย์บริการร่วม อำเภอ..ยิ้ม ควรพิจารณาให้เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของประชา ชนในพื้นที่ และให้ครอบคลุมเรื่องเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย ทั้งนี้ ต้องคำนึงด้วยว่า ความ ต้องการของประชาชนในภาพสังคมเมืองและสังคมชนบทอาจมีความต้องการที่แตกต่างกัน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2770 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง จังหวัดหนองคาย 5 โครงการ | มท | 12/12/2549 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอให้กรมโยธาธิการและผังเมืองก่อหนี้ผูกพันข้าม
ปีงบประมาณโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง จังหวัดหนองคาย รวม 5 แห่ง ได้แก่ โครงการก่อ สร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านหม้อ หมู่ 1,7 ตำบลบ้านหม้อ อำเภอศรีเชียงใหม่ โครงการก่อสร้างเขื่อน ป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านเวินโดน ตำบลปากคาด โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านพันลำ หมู่ 2 ตำบลวิศิษฎ์ อำเภอบึงกาฬ โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านท่าไร่ หมู่ 2 ตำบลท่าดอก คำ อำเภอบึงโขนหลง และโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านเวิน หมู่ 3 ตำบลจุมพล อำเภอ โพนพิสัย ความยาวรวม 2,100 เมตร วงเงินค่าก่อสร้างทั้งสิ้น 125,787,000 บาท ซึ่งเบิกจ่ายจากงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนยุทธศาสตร์ การพัฒนากลุ่มจังหวัดและจังหวัด จำนวน 18,910,000 บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน 106,877,000 บาท ให้กรม โยธาธิการและผังเมืองผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2550 ต่อไป โดยให้ยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2541 ในประเด็นเป็นโครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในปีแรกต่ำกว่า ร้อยละ 20 ของวงเงินทั้งโครงการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2771 | โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล | คค | 07/11/2549 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอแนวทางการพัฒนาระบบรถไฟฟ้า ขนส่งมวลชนในกรุงเทพมหานคร ตามลำดับความสำคัญจำเป็นเร่งด่วน รวม 4 โครงการ (5 เส้นทาง รวมระยะ ทาง 118 กิโลเมตร) ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ) โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ) โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง (ช่วงบางซื่อ-รังสิต ช่วงบาง ซื่อ-ตลิ่งชัน และช่วงบางซื่อ-มักกะสัน-หัวหมาก) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ช่วงตากสิน-บางหว้า ช่วง อ่อนนุช-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่) โดยให้กระทรวงคมนาคมรับไปศึกษารายละเอียด ปรับ ปรุง และออกแบบแต่ละโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้ใช้วิธีออกแบบรายละเอียด (Detailed Design) เป็น หลัก ส่วนวิธีออกแบบควบคู่กับการก่อสร้าง (Design & Build) ให้ใช้ให้น้อยที่สุดเฉพาะในส่วนที่จำเป็น เพื่อให้ พร้อมสำหรับการดำเนินโครงการตามขั้นตอนในระยะต่อไป และให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินงานตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ความชัดเจนทั้งทางด้านการเงินการคลัง ความพร้อมและความจำเป็นเร่งด่วนของแต่ละเส้นทาง วงเงินลงทุน ประโยชน์และผลที่ประชาชนได้รับจากโครง การ รายละเอียดและวิธีการให้เอกชนเข้าร่วมงาน หรือดำเนินการในกิจการของรัฐ และการส่งเสริมและรักษา คุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยให้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และความต้องการของประชาชนต่อการ ดำเนินโครงการ แล้วให้กระทรวงคมนาคมนำสรุปผลความคิดเห็นดังกล่าวพร้อมรายละเอียดของแต่ละโครงการ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของ สำนักงบประมาณ ที่ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละโครงการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบ ประมาณ และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณโดยตรงต่อไป และข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในบางประเด็นอาทิ การพัฒนาโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ต้องสามารถเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนสามารถเดินทางได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งพัฒนาระบบตั๋วร่วม และพิจารณาโครงสร้างและอัตราค่าบริการที่เหมาะสมและเป็นธรรม เพื่ออำนวย ความสะดวกให้แก่ประชาชนในการเดินทางเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ตลอดจนระบบขนส่งสาธารณะอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2772 | ขอความเห็นชอบการใช้จ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารบริการ ภูมิทัศน์ และระบบสาธารณูปโภคพระที่นั่งอัมพรสถานและรั้ว-ประตู ที่ประทับค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี | นร | 28/09/2549 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้มี
คำสั่งเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2549 เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอเกี่ยวกับการดำเนินโครงการก่อ สร้างและปรับปรุงอาคารบริการ ภูมิทัศน์ และระบบสาธารณูปโภค พระที่นั่งอัมพรสถานและรั้ว-ประตู ที่ ประทับค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี โดยให้กรมโยธาธิการและผังเมืองใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีปฏิบัติในการใช้ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ไปพลางก่อน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2773 | โครงการพัฒนาเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ | ทก | 25/09/2549 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รับทราบ
ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศรายงานผลการดำเนินโครงการพัฒนาเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วย งานภาครัฐ (Government Information Network) โดยได้อนุมัติว่าจ้าง บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสท โทรคมนาคม ให้ เป็นกลุ่ม Consortium รับผิดชอบดำเนินโครงการพัฒนาเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ (Govern ment Information Network) วงเงิน 159,984,337 บาท ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 โดยจะดำเนินการลงนามว่า จ้างภายในวันที่ 29 กันยายน 2549 และโดยที่เป็นการสั่งซื้อสั่งจ้างเกิน 100 ล้านบาท ปลัดกระทรวงเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารจึงต้องใช้อำนาจของรัฐมนตรีในการดำเนินการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2774 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อล้านครอบครัว | กษ | 19/09/2549 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับความก้าวหน้าและ
ผลสำเร็จของการดำเนินโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อล้านครอบครัว เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีทราบอีกครั้ง หนึ่งในการประชุมครั้งต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2775 | ความก้าวหน้าการดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำทั้งระบบ | กษ | 19/09/2549 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) รับเรื่อง โครงการแก้ไขปัญหาเรื่อง
น้ำทั้งระบบ ไปพิจารณาในคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 (ฝ่ายโครงสร้างพื้นฐาน การพลังงาน การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2776 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการตามมติคณะรัฐมนตรีในการประชุมอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ และโครงการที่ปรับแผนตามมาตรการส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ | กษ | 19/09/2549 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์ (กรมชลประทาน) ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการตามมติคณะรัฐมนตรีในการประชุมนอก สถานที่ จำนวน 17 รายการ ตามวงเงินและระยะเวลาดำเนินการที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า การดำเนิน งานในระยะต่อไป จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเข้มงวดกับการตรวจสอบความพร้อมของโครงการตั้งแต่ เริ่มกระบวนการคัดเลือกโครงการและการพิจารณาตามขั้นตอน เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า สามารถดำเนินโครง การบรรลุผลสำเร็จตามแผนการใช้งบประมาณที่ได้รับการจัดสรร รวมทั้งการจัดสรรเงินงบประมาณผูกพันใน แต่ละปี ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่จะพิจารณาจัดสรรตามความจำเป็นและเหมาะสม โดย คำนึงถึงฐานะการคลังของประเทศ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย สำหรับโครงการตามมาตรการ ส่งเสริมและการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 จำนวน 2 รายการ คือ โครงการก่อสร้างระบบส่งน้ำด้วยท่อจากอ่างเก็บน้ำดอกกรายไปหนองปลาไหล และโครงการก่อสร้างอาคาร บังคับน้ำคลองท่าลาด อำเภอบางคล้า ให้นำไปพิจารณารวมกับเรื่อง ความก้าวหน้าการดำเนินโครงการแก้ไข ปัญหาเรื่องน้ำทั้งระบบ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2777 | ผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) (วันที่ 15 กันยายน 2549) | มท | 19/09/2549 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลการดำเนินงานโครงการ
พัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) โดย ณ วันที่ 15 กันยายน 2549 กระทรวงมหาดไทยได้รับราย งานข้อมูลผลการดำเนินโครงการจาก 75 จังหวัด ว่าเงินงบประมาณที่หมู่บ้าน/ชุมชน เบิกจ่ายจากธนาคาร ออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หมู่บ้าน/ชุมชนได้นำไปดำเนินงานตามโครงการ รวม 115,937 โครงการ โดยเงินงบประมาณที่มีการเบิกจ่ายได้นำไปใช้ในการดำเนินโครงการด้านสาธารณูป โภคขั้นพื้นฐานมากเป็นอันดับหนึ่ง จำนวน 50,695 โครงการ และโครงการด้านการเกษตรน้อยที่สุด จำนวน 8,870 โครงการ โดยโครงการที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณได้ดำเนินการตรงตามที่ขออนุมัติโครงการโดยไม่มี การขอเปลี่ยนแปลง จำนวน 110,302 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 95.14 และโครงการที่ดำเนินการส่วนใหญ่มี ความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการในระดับร้อยละ 100
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2778 | ผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) (วันที่ 7 กันยายน 2549) | มท | 12/09/2549 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลการดำเนินงานโครงการ
พัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) โดย ณ วันที่ 7 กันยายน 2549 กระทรวงมหาดไทยได้รับราย งานข้อมูลผลการดำเนินโครงการจาก 75 จังหวัด ว่าเงินงบประมาณที่หมู่บ้าน/ชุมชน เบิกจ่ายจากธนาคาร ออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หมู่บ้าน/ชุมชนได้นำไปดำเนินงานตามโครงการ รวม 115,537 โครงการ โดยเงินงบประมาณที่มีการเบิกจ่ายได้นำไปใช้ในการดำเนินโครงการด้านสาธารณูป โภคขั้นพื้นฐานมากเป็นอันดับหนึ่ง จำนวน 50,530 โครงการ และโครงการด้านการเกษตรน้อยที่สุด จำนวน 8,845 โครงการ โดยโครงการที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณได้ดำเนินการตรงตามที่ขออนุมัติโครงการ โดยไม่มี การขอเปลี่ยนแปลง จำนวน 109,964 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 95.18 รวมทั้งสามารถรองรับการแก้ไขปัญหา ความยากจนโดยตรง จำนวน 54,701 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 47.35 และโครงการที่ดำเนินการส่วนใหญ่มี ความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการในระดับร้อยละ 100
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2779 | ผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) (วันที่ 1 กันยายน 2549) | มท | 05/09/2549 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลการดำเนินงานโครงการ
พัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) โดย ณ วันที่ 1 กันยายน 2549 กระทรวงมหาดไทยได้รับรายงาน ข้อมูลผลการดำเนินโครงการจาก 75 จังหวัด ว่าเงินงบประมาณที่หมู่บ้าน/ชุมชน เบิกจ่ายจากธนาคารออม สิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หมู่บ้าน/ชุมชนได้นำไปดำเนินงานตามโครงการ รวม 115,209 โครงการ โดยเงินงบประมาณที่มีการเบิกจ่ายได้นำไปใช้ในการดำเนินโครงการด้านสาธารณูปโภค ขั้นพื้นฐานมากอันดับหนึ่ง จำนวน 50,368 โครงการ และโครงการด้านการเกษตรน้อยที่สุด จำนวน 8,829 โครงการ โดยโครงการที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณได้ดำเนินการตรงตามที่ขออนุมัติโครงการ โดยไม่มีการขอ เปลี่ยนแปลง จำนวน 109,656 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 95.18 รวมทั้งสามารถรองรับการแก้ไขปัญหาความ ยากจนโดยตรง จำนวน 54,550 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 47.35 และโครงการที่ดำเนินการส่วนใหญ่มีความ ก้าวหน้าในการดำเนินโครงการในระดับร้อยละ 100
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2780 | รายงานผลการดำเนินงานกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ | กษ | 29/08/2549 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินงานกองทุนปรับ
โครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ โดยได้ดำเนินการปรับโครง สร้างสินค้ากระเทียม มีเป้าหมายการดำเนินการในพื้นที่ปลูกกระเทียม 106,000 ไร่ จะดำเนินการตั้งแต่การ ผลิตจนถึงการตลาด โดยการรักษาระดับพื้นที่ที่ปลูกกระเทียมที่มีศักยภาพจำนวน 85,000 ไร่ ด้วยการเพิ่ม ประสิทธิภาพการผลิตจาก 1,006 กก./ไร่ เป็น 1,250 กก./ไร่ เปลี่ยนพันธุ์ดี จัดทำ GAP วิจัยสินค้ากระ เทียมและผลิตภัณฑ์และการแปรรูปโดยการทำ Contract กับโรงงานแปรรูปอาหารเพิ่มจาก 10,000 ตัน เป็น 15,500 ตัน การสร้างทางเลือกใหม่สำหรับพื้นที่ที่ผลผลิตต่ำกว่า 1,000 ก.ก./ไร่ โดยดำเนินการส่งเสริม ให้เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมาย 7 จังหวัดภาคเหนือ ปรับเปลี่ยนไปทำกิจกรรมอื่นที่มีความเหมาะสมกับพื้นที่ มีตลอดรองรับที่แน่นอน จำนวนรวมทั้งสิ้น 21,000 ไร่ นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ร่วมกับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และภาคเอกชน ได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือใน การดำเนินโครงการปรับโครงสร้างสินค้ากระเทียมที่ได้รับผลกระทบจาก FTA โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อ ภาคเอกชนจัดหาปัจจัยการผลิตและรับซื้อผลผลิตในราคาตลาดแต่ไม่ต่ำกว่าราคาประกันขั้นต่ำ โดยจัดทำ สัญญาข้อตกลง (Contract Farming) และกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตร ฯ ชดเชยดอกเบี้ยให้ เกษตรกรในวงเงิน 31.3 ล้านบาท
|