ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 134 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 2661 - 2680 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2661 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี [โครงการระบบรถไฟ ชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงรังสิต - บางซื่อ - ตลิ่งชัน โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต และโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟ สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ตอนฉะเชิงเทรา - ศรีราชา - แหลมฉบัง] | คค | 02/01/2551 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) รายงานความ
ก้าวหน้าผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2550 เกี่ยวกับการดำเนินโครงการระบบรถ ไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วง บางซื่อ-รังสิต มีผลการดำเนินการเป็นไปตามแผน และอยู่ระหว่างการปรับแบบรายละ เอียด และรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติมก่อนดำเนินการออกประกวดราคาและก่อสร้างต่อไป ส่วนโครงการ ระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วง บางซื่อ-ตลิ่งชัน มีผลการดำเนินการร้อยละ 80 ของการดำเนินการตามเป้า หมาย คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาได้ประมาณเดือนเมษายน 2551 และโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถ ไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ตอนฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง มีผลการดำเนินการร้อยละ 90 ของแผน คาดว่า จะประกวดราคาและลงนามในสัญญาก่อสร้างได้ในเดือนธันวาคม 2550 แต่อาจต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากเกิดปัญหา เรื่องการตีความในการพิจารณาเป็นผู้มีผลประโยชน์ร่วมกันของผู้ประกอบการ ซึ่ง รฟท. ได้ส่งเรื่องให้กรมบัญชีกลาง พิจารณาก่อนที่จะดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||
2662 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีและขอความเห็นชอบให้จังหวัดจัดทำยุทธศาสตร์ดำเนินงานโครงการถนนสายวัฒนธรรม | วธ | 25/12/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กุมภา
พันธ์ 2549 ที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการโครงการประติมากรรมบนถนนสายวัฒนธรรมเชียงใหม่-สันกำ แพง และงบดำเนินการในวงเงิน 110,000,000 บาท และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2549 ที่อนุมัติให้ จัดซื้อที่ดินสำหรับก่อสร้างอุทยานวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญ พระชนมพรรษา 80 พรรษา วงเงิน 45,000,000 บาท โดยปรับเปลี่ยนให้จังหวัดเชียงใหม่รวมกับองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการ หากพิจารณาเห็นว่ามีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อท้อง ถิ่น และให้จังหวัดทุกจังหวัดจัดทำยุทธศาสตร์การดำเนินงานโครงการถนนสายวัฒนธรรม โดยการมีส่วนร่วมของ ประชาชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น |
||||||||||||||||||
2663 | ขออนุมัติเปิดโครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี - พุมดวง จังหวัดสุราษฎร์ธานี | กษ | 25/12/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติเกี่ยวกับ
การขออนุมัติเปิดโครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี-พุมดวง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยให้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำเรื่องนี้ เสนอให้คณะอนุกรรมการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่และ ขนาดกลางพิจารณาก่อนเสนอให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบ แล้วให้เสนอคณะ รัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็น และข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง อาทิ ความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งสร้างความเข้า ใจกับราษฎรเจ้าของพื้นที่ก่อสร้างที่ยังมีการคัดค้านอยู่ในด้านการกันเขตที่ดินและการชดเชยค่าที่ดินให้ได้ข้อยุติที่ชัด เจนและยอมรับร่วมกันเพื่อมิให้การดำเนินโครงการและการส่งน้ำให้แก่ราษฎรต้องล่าช้ากว่าแผนที่กำหนด และความ เห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า โครงการนี้เป็นเรื่องนโยบายใหม่และมีผลผูกพันรัฐบาลหน้า จึงไม่สอดคล้องกับ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2550 ที่นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายในการบริหารราชการแผ่นดินเมื่อพระ ราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2550 มีผลใช้บังคับใน 2 เรื่อง คือ (1) คณะรัฐมนตรีจะไม่พิจารณาโครงการหรือกำหนดนโยบายที่มีผลผูกพันรัฐบาลหน้า และ (2) ถ้าเป็นเรื่องต่อ เนื่องที่จะดำเนินการต่อไป ก็สามารถดำเนินการได้ รวมทั้งจะไม่มีการอนุมัติใช้งบกลางไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องกับความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวกับการปราบปราม ดังนั้น ชั้นนี้จึงเห็นสมควรที่จะชะลอการเปิดโครงการไว้ ก่อนต่อเมื่อได้รัฐบาลใหม่ แล้วจึงนำรายละเอียดเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เป็นต้น ไปประกอบการ พิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
2664 | รายงานผลการดำเนินการตามโครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ | ศธ | 25/12/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินการตามโครงการพัฒนาศิริ
ราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ โดยผลการดำเนินโครงการ ฯ มหาวิทยาลัยมหิดลได้ดำเนินการจัด ซื้อจัดจ้างตามระเบียบพัสดุ โดยใช้การประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2550 ยื่นเอกสารการประมูล เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2550 และดำเนินการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2550 ซึ่งบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ชนะการประกวดราคา โดยเสนอ ราคารวมทั้งสิ้น 6,148,755,000 บาท และมหาวิทยาลัยมหิดลได้ดำเนินการตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้าม ปีงบประมาณ ตามมาตรา 23 โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมของวงเงินค่าก่อ สร้าง ซึ่งสำนักงบประมาณได้เห็นชอบให้มหาวิทยาลัยมหิดลดำเนินการก่อสร้างอาคารศูนย์ความเป็นเลิศ ฯ พร้อม ระบบสาธารณูปการในวงเงิน 6,148,755,000 บาท โดยมหาวิทยาลัยมหิดลได้ทำสัญญาก่อหนี้ผูกพัน เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2550 (เลขที่สัญญา C 119/2550 (SI/CO)) กำหนดเริ่มดำเนินการตามสัญญาในวันที่ 15 สิงหา คม 2550 และสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 13 สิงหาคม 2554 ระยะเวลาดำเนินการ 1,460 วัน งวดงานจำนวน 48 งวด
|
||||||||||||||||||
2665 | การขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้เงินกู้และขยายระยะเวลาการค้ำประกันตามโครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้งปี 2547 | กษ | 18/12/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอการขยายระยะเวลาการชำระหนี้เงินกู้
โครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้งปี พ.ศ. 2547 จำนวน 4,614.567 ล้านบาท จาก ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกัน จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดการจำหน่ายและส่งมอบลำไยอบ แห้งที่ได้จำหน่ายแล้วให้เสร็จสิ้นภายในสัญญาเพื่อนำเงินรายได้มาชำระหนี้ต้นเงินกู้บางส่วน แล้วรายงานผลการ จำหน่ายต่อคณะรัฐมนตรี รวมทั้งเร่งรัดติดตามการดำเนินการฟ้องร้องคดีในฐานะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับความเสียหายจากการดำเนินโครงการ ฯ ด้วย |
||||||||||||||||||
2666 | ขอความเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย "โครงการบ้านเอื้ออาทร" | พม | 18/12/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติเห็นชอบใน
หลักการแนวทางการแก้ไขปัญหาโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย "โครงการบ้านเอื้ออาทร" ตามที่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (การเคหะแห่งชาติ) รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ และความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไป พิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย โดยในส่วนของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ เห็นว่า ข้อเสนอเพิ่มเติมให้มีการศึกษาแนว ทางให้สถาบันการเงินจัดสินเชื่อให้ผู้ซื้อบ้านเอื้ออาทรอัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่ ไม่เกินร้อยละ 4 โดยให้รัฐจัดสรรเงินอุด หนุนส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย นั้น ปัจจุบันธนาคารอาคารสงเคราะห์คิดดอกเบี้ยจากผู้ซื้อบ้านโครงการบ้านเอื้ออาทร ในอัตราร้อยละ 6.5 ซึ่งต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรคิดจากผู้กู้เกษตรกรราย ย่อย ร้อยละ 8-9 ควรจะพิจารณาเทียบเคียงแนวทางที่รัฐให้ความช่วยเหลือเกษตรกรดังกล่าวด้วย เพื่อมิให้เกิดความ เหลื่อมล้ำ และไม่สมควรให้มีการช่วยเหลือย้อนหลัง รวมทั้งควรหาทางเลือกอื่นที่มิใช่การอุดหนุนส่วนต่างอัตราดอก เบี้ยตามที่เสนอนี้ด้วย และให้กำหนดเงื่อนไขสำหรับกรณีการดำเนินโครงการในส่วนที่ยังมิได้มีการก่อสร้าง โดยมิให้ นำเงื่อนไขตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2546 ที่กำหนดให้การเคหะ ฯ รับซื้ออาคารคืนและนำมาขาย ใหม่กรณีที่มีการขาดการชำระติดต่อกันเกินกว่า 3 เดือน โดยรัฐบาลจะเป็นผู้รับภาระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นและการเคหะ ฯ จะขอตั้งงบประมาณชดเชยเป็นรายปีต่อไป มาใช้บังคับกับกรณีดังกล่าว ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว การเคหะ ฯ ควร พิจารณาเกี่ยวกับการหาแหล่งสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ในอัตราและระยะเวลาที่เหมาะสม และโครงการตลาดบ้าน มือสอง สำหรับข้อเสนอให้มีการศึกษาแนวทางการให้สถาบันการเงินจัดสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่ไม่เกินร้อยละ 4 เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถรับภาระอัตราผ่อนชำระได้ประมาณ 1,500-1,800 บาทต่อเดือน โดยให้รัฐจัดสรรเงินอุดหนุน ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยให้แก่สถาบันการเงินเป็นรายปี ตามจำนวนผู้ซื้อที่ขอรับสินเชื่อ นั้น ไม่ควรกำหนดตัวเลข อัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่ไว้ที่ร้อยละ 4 |
||||||||||||||||||
2667 | ขออนุมัติคณะรัฐมนตรีปรับโครงสร้างหนี้โครงการที่มีหนี้ค้างชำระกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร | กษ | 18/12/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอมติคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร
ในการประชุมครั้งที่ 8/2550 วันที่ 13 ธันวาคม 2550 เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้โครงการที่มีหนี้ค้างชำระ กองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการแก้ไขปัญหาการจำหน่ายน้ำนมดิบของสหกรณ์ และเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมให้กับองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ค.ส.) โดยให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้รับการลดหนี้เพื่อชดเชยผลขาดทุนจากการดำเนินโครงการ ฯ จำนวน 107,120,854.34 บาท ตามที่สำนักงาน การตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองงบการเงินของ อ.ส.ค. สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2545, 2546 และ 2547 และโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการจัดหาปุ๋ยปีเพาะปลูก 2546/47 ให้กรม ส่งเสริมสหกรณ์ได้รับการลดหนี้เงินต้น จำนวน 3,165,613.34 บาท และให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้รับการขยาย เวลาการชำระหนี้ในส่วนของลูกหนี้ จำนวน 18 แห่ง เป็นเงิน 3,390,305.74 บาท ออกไปอีก 3 ปี นับจากวันที่ คณะรัฐมนตรีอนุมัติ รวมทั้งได้รับการขยายเวลาการชำระหนี้ส่วนของลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดีจำนวน 162 แห่ง เป็นเงิน 63,526,620.69 บาท ออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับ ความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินการในระยะต่อไป ให้กองทุน ฯ มีการเร่งรัดการชำระหนี้คืนและมีระบบการติดตามและตรวจสอบการดำเนินการของหน่วยงานลูกหนี้ ที่ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้ว เพื่อให้มีความสามารถในการชำระหนี้คืนกองทุน ฯ ได้ตามแผนการปรับโครง สร้างหนี้ที่ได้รับความเห็นชอบแล้ว และให้มีเงินคืนกลับกองทุน ฯ สำหรับช่วยเหลือเกษตรกรอื่น ๆ และความเห็น ของสำนักงบประมาณที่ให้คณะกรรมการกองทุน ฯ ติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ขอปรับโครง สร้างหนี้ในครั้งนี้ โดยจัดทำแผนการชำระหนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการและเร่งรัดติดตามหนี้สินอย่างต่อ เนื่อง จริงจัง เพื่อลดภาระในการใช้จ่ายเงินของกองทุน ฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
2668 | โครงการระบบส่งเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนน้ำงึม 3 และน้ำเทิน 1 | พน | 18/12/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอโครงการระบบส่งเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลัง
น้ำเขื่อนน้ำงึม 3 และน้ำเทิน 1 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) วงเงินลงทุนรวม 17,159.80 ล้าน บาท โดยให้ กฟผ. รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้ กฟผ. เร่งจัดทำรายงานการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น และให้นำ เสนอขอใช้พื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามขั้นตอนต่อไป เพื่อใช้เป็นมาตรการในการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม จากการใช้พื้นที่ดังกล่าวอย่างเคร่งครัด เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป รวมทั้งให้ กฟผ. รับความ เห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่าการหาแหล่งเงินกู้ในการดำเนินโครงการควรพิจารณาแหล่งเงินกู้ในประเทศ ก่อนเป็นลำดับแรก |
||||||||||||||||||
2669 | การดำเนินโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง | คค | 18/12/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอดังนี้ เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงิน
จำนวน 9,940.322 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันและการจ่ายเงินค่าก่อสร้างอาคารสถานีและอุโมงค์ ใต้อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (รวมดอกเบี้ยจ่าย) คืนแก่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณารายละเอียด วิธีการ และเงื่อนไขของเงินกู้ต่อไป ตาม ความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาวงเงินค่าใช้จ่ายให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจนโดยเร็ว และ อนุมัติในหลักการงบประมาณเพิ่มเติม จำนวน 445 ล้านบาท เพื่อใช้ดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จ โดยให้กระทรวง คมนาคมเร่งหารือในขั้นรายละเอียดของรูปแบบการก่อสร้างเชื่อมโยงสถานีกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อ สรุปก่อนดำเนินการต่อไป รวมทั้งเร่งศึกษาและพิจารณาระบบโครงข่ายเชื่อมโยง ระบบทางพิเศษ และระบบถนน โดยรอบสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมืองเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาจราจร สนับสนุนให้ผู้โดยสารอากาศ ยานสามารถเดินทางเข้ามาใช้บริการเช็คอินที่สถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมืองได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และ มีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป สำหรับการจัดตั้งบริษัทลูกของ รฟท. ให้กระทรวงคมนาคม (รฟท.) จัดทำรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเช่น โครงสร้างการบริหารจัดการและบุคลากร เป็นต้น ให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อ เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยให้ รฟท. พิจารณาเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียกรณีการจัดตั้งบริษัทลูกและกรณีจ้างเอก ชนเดินรถ หรือรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้เกิดความรอบคอบและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อ รฟท. และประชาชนผู้ใช้บริการ และจัดทำรายละเอียดเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||
2670 | การกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค พื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร | นร | 04/12/2550 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค พื้นที่
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดสมุทรสงคราม ของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รองศาสตราจารย์ ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์) ระหว่างวันที่ 23-24 พฤศจิกายน 2550 สรุปได้ดังนี้ การดำเนินโครงการภายใต้แผนงาน ยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้รับการจัดสรร 53 ล้านบาท โดยได้ พิจารณาอนุมัติโครงการ 265 โครงการ และได้รับการจัดสรร (งบเพิ่มเติม) 21 ล้านบาท โดยได้พิจารณาอนุมัติ โครงการ 120 โครงการ ในด้านการพัฒนา ได้มีการพัฒนาศูนย์กลางการผลิตและแปรรูปสับปะรดและมะพร้าว ที่ได้มาตรฐานในการส่งออก การเพิ่มขีดความสามารถของการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กและพัฒนาระบบขนถ่าย สินค้า การทำประจวบคีรีขันธ์ให้เหมาะแก่การเป็นเมืองท่องเที่ยวสำหรับครอบครัวและสุขภาพ การพัฒนาสังคม และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน การพัฒนาสภาพแวดล้อมชายฝั่งและสิ่งแวดล้อมเมือง และการพัฒนา ระบบบริหารงานให้มีความเป็นเลิศ ส่วนการแก้ปัญหาสำคัญของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้แก่ ปัญหาการกัดเซาะ ชายฝั่งทะเล ได้มีการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการศึกษาและสำรวจออกแบบเพื่อแก้ไข ปัญหาในพื้นที่ให้มีความสอดคล้องกับสาเหตุ สภาพภูมิประเทศ และมีความเหมาะสมทั้งด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม สิ่งแวดล้อม และการใช้ประโยชน์พื้นที่ สำหรับจังหวัดสมุทรสงคราม จากการตรวจเยี่ยมโครงการหมู่บ้านเศรษฐ กิจพอเพียง ที่ดำเนินการโดยความร่วมมือของชุมชนในท้องถิ่นบ้านบางพลับ หมู่ที่ 4 ตำบลบางพรม อำเภอบาง คนที ซึ่งได้มีการรวบรวมภูมิปัญญาของชุมชนในท้องถิ่นจากปราชญ์ชาวบ้านในทุกระดับ อาทิ ความรู้ของปราชญ์ ชาวบ้านอายุ 87 ปี เกี่ยวกับพิธีกรรม ประเพณีท้องถิ่น และศาสนา ความรู้ของปราชญ์ชาวบ้านอายุ 14 ปี เกี่ยว กับวิธีการจับกุ้ง เป็นต้น
|
||||||||||||||||||
2671 | การรายงานผลการดำเนินโครงการจ้างบัณฑิตอาสาสมัคร | รง | 04/12/2550 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการดำเนินโครงการจ้างบันฑิตอาสาสมัคร ปีงบประมาณ
พ.ศ. 2550 ของกระทรวงแรงงาน โดยผลการดำเนินงานระหว่างเดือนกันยายน-ตุลาคม 2550 ในส่วนของการ คัดเลือกและจัดจ้างบัณฑิตอาสาสมัคร มีผลการดำเนินงานได้ตามเป้าหมายคิดเป็นร้อยละ 100 โดยมีบัณฑิตมา สมัครเข้าร่วมโครงการ ฯ เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ สำหรับผลการดำเนินงานในหน้าที่ประจำของบัณฑิตอาสา สมัครการเสริมสร้างความเข้มแข็งและการสร้างเครือข่ายด้านแรงงาน การอบรม การจัดตั้งอาสาสมัครแรงงาน การสร้างความเข้มแข็งให้อาสาสมัครแรงงานประสาน อบต. การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาด้านแรงงาน การ ขยายบริการด้านแรงงาน การให้ความช่วยหลือครอบครัวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การจัดเก็บข้อมูล และการทำ งานร่วมกัน ศอ.บต. ยังไม่มีผลการดำเนินงาน เนื่องจากบัณฑิตอาสาสมัครอยู่ระหว่างดำเนินการ ทั้งนี้ ผลการ ใช้จ่ายงบประมาณในภาพรวม จำนวน 6,281,936 บาท คิดเป็นร้อยละ 15.94 จากงบประมาณทั้งโครงการ ฯ จำนวน 39,417,300 บาท
|
||||||||||||||||||
2672 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 ประจำปีงบประมาณ 2550 | กค | 04/12/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระ
ราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 สรุปได้ดังนี้ ผลการดำเนินการ ตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ณ สิ้นเดือนกันยายน 2550 สามารถดำเนิน การได้ทั้งสิ้น 944.428.09 ล้านบาท จากวงเงินในแผน ฯ 1,054,559.75 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 89.56 รวม กับการกู้เงินและบริหารหนี้ ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบวงเงินการกู้เงินและบริหารหนี้ของแผนการบริหาร หนี้สาธารณะ 120,363.24 ล้านบาท กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินและบริหารหนี้รวม 1,064,791.33 ล้านบาท แบ่งเป็นการกู้เงินใหม่ 308,626.36 ล้านบาท และการบริหารหนี้ 756,164.97 ล้านบาท และจาก การบริหารหนี้ในประเทศและต่างประเทศสามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 96,517.41 ล้านบาท ลดภาระดอกเบี้ยได้ 2,373.12 ล้านบาท และประหยัดดอกเบี้ยได้ 681 ล้านบาท สำหรับการติดตามผลการดำเนินโครงการเงินกู้ ใน ส่วนของโครงการเงินกู้จากต่างประเทศในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 (1 ตุลาคม 2549-30 กันยายน 2550) มี โครงการเงินกู้ที่ผูกพัน 15 สัญญา โดยในระหว่างปีงบประมาณได้มีการดำเนินโครงการเสร็จสิ้น 1 สัญญาคือ โครง การถ่ายทอดเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คงเหลือโครงการ 14 สัญญา สำหรับสถานะหนี้ สาธารณะ ณ วันที่ 30 กันยายน 2550 มีจำนวน 3,166,446 ล้านบาท หรือร้อยละ 37.70 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม ภายในประเทศ (GDP) แบ่งเป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,039,325 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการ เงิน 906,374 ล้านบาท หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 185,154 ล้านบาท และหนี้ หน่วยงานอื่นของรัฐ 35,593 ล้านบาท
|
||||||||||||||||||
2673 | (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษาในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ของกระทรวงศึกษาธิการ | ศธ | 27/11/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษา
ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วยยุทธศาสตร์จัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างความมั่นคง ยุทธศาสตร์พัฒนาคุณภาพการศึกษา ยุทธศาสตร์ส่งเสริมศาสนศึกษา ยุทธศาสตร์เสริมสร้างโอกาสการศึกษาและ การเรียนรู้ตลอดชีวิต ยุทธศาสตร์ส่งเสริมการศึกษาเพื่ออาชีพและการมีงานทำ และยุทธศาสตร์พัฒนาการบริหาร จัดการศึกษา โดยมีเป้าหมายในการดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2554 วงเงินงบประมาณรวม ทั้งสิ้น 16,010.61 ล้านบาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไป พิจารณาดำเนินการด้วย สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการตาม (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์ ฯ จำนวน 16,010.61 ล้านบาท นั้น ถือเป็นกรอบวงเงินรวมที่ประมาณการสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2554 เท่า นั้น โดยปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ซึ่งจะใช้งบประมาณจำนวน 1,136.36 ล้านบาท แยกเป็นงบปกติจำนวน 752.16 ล้านบาท และของบประมาณเพิ่มเติมจำนวน 358.20 ล้านบาท นั้น ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาทบทวนแผน ดำเนินการให้เป็นไปโดยประหยัดและให้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อใช้เงินเหลือจ่ายหรือปรับแผนการใช้ จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ไปดำเนินการ ส่วนงบประมาณในปีต่อ ๆ ไป ให้เสนอ ขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามลำดับความสำคัญ ความจำเป็นและเหมาะสม ตามขั้นตอนต่อไป ตามความ เห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||
2674 | ขออนุมัติโครงการจัดสร้างพิพิธภัณฑเจดีย์วิชาการเฉลิมพระเกียรติ ฯ ของมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย | ศธ | 27/11/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอโครงการจัดสร้างพิพิธภัณฑเจดีย์
วิชาการเฉลิมพระเกียรติ ภ.ป.ร. 80 พรรษา ของมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ในวงเงินงบประมาณรวมทั้ง สิ้นจำนวน 160 ล้านบาท โดยในส่วนของการดำเนินโครงการ ฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ให้กระทรวงศึกษา ธิการพิจารณาปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณของมหาวิทยาลัย ฯ ไปดำเนินการในส่วนที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ก่อน เช่น ค่าใช้จ่ายในการออกแบบ เป็นต้น ส่วนที่เหลือให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินโครงการ ฯ ด้วยความเหมาะสม ประหยัด และสามารถใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า ตามความเห็นของสำนัก งบประมาณ |
||||||||||||||||||
2675 | รายงานผลการดำเนินโครงการเร่งรัดขยายบริการไฟฟ้าโดยระบบผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Home System) | มท | 27/11/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) รายงานผลการ
ดำเนินโครงการเร่งรัดขยายบริการไฟฟ้าโดยระบบผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Home System) สรุปผลการดำเนินงานได้ดังนี้ กฟภ. ได้ดำเนินการจ้างเหมาก่อสร้างติดตั้งระบบ Solar Home System ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2547 โดยสามารถติดตั้งแล้วเสร็จครบ 203,000 ครัวเรือน (73 จังหวัด) หรือร้อยละ 100 เมื่อเดือน พฤศจิกายน 2549 โดยมีสถานะการเบิกจ่ายถึงวันที่ 23 กรกฎาคม 2550 รวมทั้งสิ้น 5,513,992,354.24 บาท และจากผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ที่ได้มีการติดตั้งระบบ Solar Home System ถึงประโยชน์ ปัญหา และอุปสรรค์ของการใช้ระบบดังกล่าว โดยในส่วนของประโยชน์ที่ประชาชนได้รับ ได้แก่ ความสะดวกสบาย ปลอดภัยในช่วงเวลากลางคืน ได้รับความรู้เสริม ความบังเทิง ทราบข่าวสารบ้านเมือง และทำให้ทันต่อเหตุการณ์ใน ปัจจุบันจากรายการโทรทัศน์ ช่วยเพิ่มรายได้ในหลังคาเรือนบางครอบครัว ช่วยให้เกิดศูนย์รวมของหมู่บ้านโดยผู้นำ หมู่บ้านสามารถจัดประชุมในช่วงเวลากลางคืนได้ และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการใช้พลังงานไฟฟ้าต่อเดือน สำหรับ ปัญหาและอุปสรรค อาทิ ระบบใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้จำนวนไม่มากและใช้ได้ในเวลาจำกัด บางฤดูกาลไม่สามารถใช้ ระบบได้เป็นเวลาหลายวัน และอุปกรณ์ระบบติดในสถานที่ไม่เหมาะสมและไม่มีความสะดวก เป็นต้น
|
||||||||||||||||||
2676 | ป้ายโฆษณาในเขตกรุงเทพมหานคร | มท | 20/11/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับป้ายโฆษณาใน
เขตกรุงเทพมหานคร สรุปได้ดังนี้ กรุงเทพมหานครได้จัดระเบียบป้ายโฆษณาในเขตกรุงเทพมหานคร และได้ออก ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครห้ามก่อสร้างดัดแปลงอาคาร ประเภทป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดตั้งป้ายในพื้นที่ บางส่วนในท้องที่กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2549 เพื่อควบคุมการก่อสร้างป้ายโฆษณาให้เหมาะสมและสอดคล้องกับ นโยบายการดำเนินโครงการปรับปรุงทัศนียภาพบริเวณแนวเส้นทางจราจร รวมทั้งได้จัดกลุ่มป้ายที่จะต้องดำเนิน การแก้ไข คือ ป้ายโฆษณาที่ไม่มีความมั่นคงแข็งแรง จำนวน 28 ป้าย ได้มีการรื้อถอนโครงป้ายและแผ่นป้ายออก เพื่อให้มีความปลอดภัยแล้ว ป้ายโฆษณาที่ก่อสร้างผิดไปจากแบบที่ได้รับอนุญาต จำนวน 212 ป้าย และป้าย โฆษณาที่ก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 382 ป้าย ซึ่งได้ทำการรื้อถอนหรือแก้ไขให้ถูกต้องแล้วบางส่วน และได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยเจ้าของป้าย นายกสมาคมผู้ผลิตป้ายและโฆษณา นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจ แห่งประเทศไทย เข้าร่วมหารือแนวทางแก้ไข นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครได้มีคำสั่งที่ 2927/2550 ลงวันที่ 9 สิงหาคม 2550 แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ในเขต กรุงเทพมหานคร โดยมีภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาป้ายในเชิงบูรณาการ
|
||||||||||||||||||
2677 | การกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค พื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร | นร | 20/11/2550 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค พื้นที่จังหวัด
สมุทรสาคร ของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รองศาสตราจารย์ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์) เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกา ยน 2550 สรุปได้ดังนี้ การดำเนินโครงการภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 จังหวัด สมุทรสาครได้รับการจัดสรร 45 ล้านบาท โดยได้พิจารณาอนุมัติโครงการ 249 โครงการ และได้รับการจัดสรร (งบ เพิ่มเติม) 18 ล้านบาท โดยได้พิจารณาอนุมัติโครงการ 23 โครงการ ส่วนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาของจังหวัดสมุทร สาคร ได้แก่ ปัญหาแรงงานต่างด้าว ได้จัดระเบียบและกำหนดให้มีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวอย่างจริงจัง และการ กำหนดขอบเขตการใช้สิทธิ และการอยู่อาศัยของแรงงานต่างด้าว ปัญหาด้านทรัพยากรธรรมชาติ ในส่วนของปัญหา ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นลมและลมทะเลทำให้ชายฝั่งถูกกัดเซาะ และป่าชายเลนถูกทำ ลาย ได้ประชาสัมพันธ์และสร้างความร่วมมือให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความตระหนักและร่วมกันปลูกป่าชายเลนทดแทน รวมทั้งจัดทำโครงการทดลองปักไม้ไผ่ชะลอคลื่นป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง และปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ได้ขอความร่วม มือผู้ประกอบธุรกิจให้นำจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ {EM (Effective Microorganisms)} มาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อแก้ปัญหาเรื่องกลิ่น การจัดทำโครงการคลองสวย น้ำใส การควบคุมปริมาณขยะ ส่งเสริมให้นำขยะมูลฝอยกลับมา ใช้ประโยชน์ใหม่ การลดและขจัดกากสารพิษและของเสียอันตราย
|
||||||||||||||||||
2678 | ขออนุมัติดำเนินโครงการป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชน ตามแผนการบรรเทาอุทกภัยระยะกลางและระยะยาว ด้านการใช้ที่ดินและป้องกันน้ำท่วม | นร | 13/11/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
หลักเกณฑ์การเตรียมความพร้อมของโครงการป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชน ของกระทรวงมหาดไทย รวม 2 ประการ คือ การมีส่วนร่วมและการยอมรับของจังหวัด/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเจ้าของพื้นที่ซึ่งควรเป็นเจ้าของโครงการ ร่วมกัน และการกำหนดความรับผิดชอบในการดำเนินโครงการ และการแบ่งภาระงบประมาณระหว่างหน่วยราช การส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น และมอบให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองร่วมกับกรมส่งเสริม การปกครองท้องถิ่น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการเตรียมความพร้อมของโครงการตามหลักเกณฑ์ดัง กล่าวให้เกิดความชัดเจน แล้วนำเสนอสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาแหล่งเงินงบประมาณสนับสนุนโครงการตาม ความเหมาะสมต่อไป และให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงบประมาณรับข้อสังเกตของคณะกรรมการการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับไปพิจารณาด้วยว่า โครงการออกแบบระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชน จำนวน 4 โครงการ งบประมาณ 72.10 ล้านบาท เป็นโครงการ 2 ปี (พ.ศ. 2551-2552) ถึงแม้จะใช้งบประมาณ จำนวนไม่มาก แต่เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะมีภาระการใช้งบประมาณเป็นค่าก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมอีก จึง เห็นสมควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองได้จัดทำเป็นแผนงบประมาณต่อไป และโครงการก่อสร้างระบบป้องกัน น้ำท่วมพื้นที่ชุมชน จำนวน 4 โครงการ งบประมาณ 2,143 ล้านบาท มีวงเงินงบประมาณสูง และมีระยะเวลา ดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551-2553 จึงต้องมีภาระผูกพันงบประมาณเพื่อจะดำเนินการในปีต่อ ๆ ไป หากจะใช้ จ่ายจากเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนกระจายอำนาจ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 แล้ว จะมีผลกระทบถึงการจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นอื่น ๆ นอกจากนี้ การดำเนินความร่วมมือระหว่างส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรกำหนด ขอบเขตความรับผิดชอบในการดำเนินการและจำนวนงบประมาณให้ชัดเจน |
||||||||||||||||||
2679 | ขออนุมัติคณะรัฐมนตรีปรับโครงสร้างหนี้โครงการที่มีหนี้ค้างชำระกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร | กษ | 13/11/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติอนุมัติ
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอการปรับโครงสร้างหนี้โครงการที่มีหนี้ค้างชำระกองทุนสงเคราะห์เกษตร กรตามโครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ปี 2540/41 โดยรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของกระทรวงการคลังที่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลความคืบหน้าการดำเนินคดีทั้ง หมดให้คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรทราบอย่างต่อเนื่อง และให้นำเงินทั้งหมดที่ได้รับชำระคืนจากการฟ้อง ร้องดำเนินคดีหรือดอกผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการส่งคืนกองทุน ฯ และความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามให้มีการชำระหนี้ตามแผนอย่างเคร่งคัด และมีการตรวจสอบฐานะทางการเงินของ ลูกหนี้แต่ละรายเพื่อแสดงถึงความสามารถในการชำระหนี้แล้วรายงานผลการชำระหนี้ต่อคณะกรรมการ ฯ อย่าง ต่อเนื่อง รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขการปฏิบัติกรณีลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามแผน เช่น การกำหนดค่าปรับ ดอกเบี้ย การ ฟ้องร้องดำเนินคดี เพื่อเป็นการสร้างวินัยทางการเงิน และให้มีการตรวจสอบรายละเอียข้อเท็จจริงสถานะของลูก หนี้ที่ขอจำหน่ายหนี้สูญ ก่อนดำเนินการจำหน่ายหนี้ โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ติดตามผลและตรวจสอบการดำเนินการของ ลูกหนี้กองทุนสงเคราะห์เกษตรกรหลังการปรับโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป ตามความเห็นของฝ่ายเลขานุ การคณะกรรมการบริหารสินเชื่อเกษตรแห่งชาติ (กรมบัญชีกลาง) ด้วย |
||||||||||||||||||
2680 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับโครงการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชนตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (พพพ.) พ.ศ. 2550 | ทก | 13/11/2550 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับโครงการพัฒนาหมู่บ้าน/
ชุมชนตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (พพพ.) พ.ศ. 2550 ซึ่งกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดย สำนักงานสถิติแห่งชาติได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่เป็นผู้อาศัยในหมู่บ้าน/ชุมชนที่ได้รับการคัด เลือกให้ดำเนินโครงการ พพพ. สรุปได้ดังนี้ ผลการสำรวจเกี่ยวกับโครงการที่หมู่บ้าน/ชุมชนนำงบประมาณจากโครง การ พพพ. ไปใช้ดำเนินการ พบว่า ส่วนใหญ่นำไปใช้ในเรื่องของการส่งเสริมการประกอบอาชีพ ร้อยละ 81.0 รองลง มาสวัสดิการชุมชนและสันทนาการ ร้อยละ 26.1 การสาธารณูปโภค ร้อยละ 10.7 และอื่น ๆ ร้อยละ 0.9 และผล การสำรวจโครงการที่หมู่บ้าน/ชุมชนจัดทำขึ้นตรงตามความต้องการ พบว่า ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ พพพ. ร้อย ละ 97.2 ระบุว่าตรงตามความต้องการ มีเพียงร้อยละ 2.6 ระบุว่าไม่ตรงตามความต้องการ ส่วนปัญหา/อุปสรรคใน การดำเนินงานโครงการ ส่วนใหญ่ร้อยละ 71.7 ระบุว่าไม่มีปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินโครงการ มีเพียงร้อยละ 6.7 ที่ระบุว่ามีปัญหาเกี่ยวกับงบประมาณไม่เพียงพอ อนุมัติงบประมาณล่าช้า ความต้องการไม่ตรงกัน และความขาด ความรู้ความเข้าใจ เป็นต้น สำหรับผลการสำรวจเกี่ยวกับประโยชน์ของโครงการ พพพ. ประชาชนส่วนใหญ่ระบุว่า มีประโยชน์ในเรื่องของคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของครัวเรือนดีขึ้น ร้อยละ 60.7 เป็นการสร้างรายได้ของครัว เรือน ร้อยละ 59.2 สร้างงาน/อาชีพ ร้อยละ 59.1 สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน/พึ่งพาตนเองได้ ร้อยละ 39.5 และ สร้างความเข้าใจในหลักเศรษฐกิจพอเพียง ร้อยละ 26.7 และด้านความพึงพอใจต่อโครงการ พพพ. ระบุว่าพึงพอใจ ในระดับมากและพึงพอใจในระดับปานกลางอยู่ในสัดส่วนที่เกือบจะเท่ากันคือ ร้อยละ 48.6 และ ร้อยละ 48.5 ตาม ลำดับ นอกจากนี้ ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ พพพ. มีข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะว่า ควรมีการติดตามโครงการและ ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพิ่มงบประมาณ และให้ความรู้ความเข้าใจ/อบรมมากกว่านี้ เป็นต้น
|
.....