ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 793 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 15841 - 15860 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15841 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำไทย พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำไทย พ.ศ. ....) | กษ | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการ (๑) ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำไทย พ.ศ. .... และ (๒) ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำไทย รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์และการโอนใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้การสนับสนุนการปรับตัวของผู้ประกอบการประมงนอกน่านน้ำไทยให้สามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการสนับสนุนแหล่งเงินทุนเงื่อนไขผ่อนปรนในการปรับตัว การสนับสนุนองค์ความรู้และข้อมูลแหล่งทำการประมงที่มีศักยภาพ และการเป็นตัวกลางสนับสนุนภาคเอกชนไทยในการทำสัญญาและขอใบอนุญาตเข้าไปทำการประมงในรัฐชายฝั่งอื่น รวมทั้งขยายความร่วมมือทางการประมงระหว่างรัฐบาลของประเทศไทยและรัฐชายฝั่งอื่นอย่างต่อเนื่อง และเห็นควรประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจถึงเอกสาร หลักฐาน หลักเกณฑ์และเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการเรือประมงพาณิชย์ได้รับทราบอย่างละเอียด และมีกระบวนการติดตามตรวจสอบการทำประมงของเรือประมงพาณิชย์ที่ได้รับอนุญาตและบังคับใช้กฎหมายการประมงอย่างเคร่งครัด ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่มุ่งจัดระเบียบและควบคุมการทำการประมงพาณิชย์ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถรักษาระบบนิเวศน์และทรัพยากรทางการประมงและทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้อย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15842 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม กรณีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 และพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 | กห | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองและการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม กรณีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ และพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกอบด้วยข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย ซึ่งกระทรวงกลาโหมได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ โดยให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรรับไปพิจารณาดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการชดเชยค่าเสียหายตามมาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้มีความชัดเจนต่อไป และให้แจ้งต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15843 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม) | กค | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับการบริจาคเงินให้แก่ กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กองทุนสนับสนุนการวิจัย กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา และกองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณากำหนดมาตรการสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนและผู้ประกอบการบริจาคเงินให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยอาจไม่กำหนดระยะเวลาสิ้นสุด หรือขยายระยะเวลาเพิ่มมากกว่าปี ๒๕๖๒ เพื่อให้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลสามารถหักลดหย่อนได้ ๒ เท่า ซึ่งจะช่วยทำให้มาตรการดังกล่าวนี้เกิดประสิทธิผลมากขึ้น รวมทั้งควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก และรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการให้คณะรัฐมนตรีทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15844 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร [มาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่นักลงทุนที่ลงทุนในวิสาหกิจเริ่มต้น (Angel Investor)] | กค | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร [มาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่นักลงทุนที่ลงทุนในวิสาหกิจเริ่มต้น (Angel Investor)] มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้มีเงินได้ที่ได้จ่ายเงินลงทุนในหุ้นเพื่อจัดตั้งหรือเงินลงทุนในหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) สามารถนำเงินลงทุนดังกล่าวมาหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับปีภาษีนั้น โดยผู้มีเงินได้ต้องถือหุ้นในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น ไม่น้อยกว่า ๒ ปีต่อเนื่องกันนับแต่วันที่ลงทุนในหุ้นนั้น เว้นแต่ทุพพลภาพหรือตาย ทั้งนี้ เฉพาะที่ได้จ่ายไปในระหว่างวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาดำเนินการ ดังต่อไปนี้ ๒.๑ จัดทำแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษี (Tax Structure Plan) เพื่อให้การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล ของกรมสรรพากร ภาษีสรรพสามิต ของกรมสรรพสามิต และภาษีศุลกากร ของกรมศุลกากร มีความเชื่อมโยงและสอดคล้องกัน รวมทั้งจัดทำแผนการจัดเก็บภาษีให้สอดคล้องกับโครงสร้างเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการดำเนินนโยบายการค้าระหว่างประเทศเพื่อให้การพัฒนาฐานเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งต่อไป ๒.๒ รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการเผยแพร่รายชื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีคุณสมบัติและลักษณะตรงตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ตลอดจนสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และให้ความสำคัญกับการบูรณาการมาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่นักลงทุนที่ลงทุน (Angel Investor) รวมทั้งข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีและความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการดำเนินการในระยะต่อไป เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในเรื่องนี้แล้ว ควรประเมินผลว่าสิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวสามารถจูงใจนักลงทุนที่ลงทุน (Angel Investor) ได้มากน้อยเพียงใด เพื่อจะได้กำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม โดยให้พิจารณาเทียบเคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ และมาเลเซีย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.๓ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดระบบจดทะเบียนให้กับนักลงทุน (Angel Investor) เพื่อสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการรายใหม่ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น รวมทั้งกำหนดแนวทางสร้างการพัฒนา การรับรู้ และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้กับผู้ประกอบการรายใหม่ และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสร้างพื้นฐานความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชนต่าง ๆ ไปยังประชาชนและชุมชนให้มากขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของการดำเนินงานตามแนวคิดประเทศไทย ๔.๐ ที่มุ่งเน้นให้ประชาชนปรับตัวเรียนรู้ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงและใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างรู้เท่ากัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15845 | การจัดทำความตกลงสำหรับความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับสหประชาชาติว่าด้วยการบริจาคเงินสมทบ FEALAC Trust Fund | กต | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการจัดทำความตกลงสำหรับความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับสหประชาชาติว่าด้วยการบริจาคเงินสมทบ FEALAC Trust Fund (Cooperation Agreement between the Royal Thai Government and the United Nations Regarding a Contribution to the FEALAC Trust Fund) มีสาระสำคัญเป็นเอกสารแสดงเจตจำนงที่จะสนับสนุนเงินสมทบกองทุน FEALAC ด้วยความสมัครใจ เพื่อสนับสนุนโครงการที่ครอบคลุม FEALAC ทั้งหมด ครอบคลุมด้านต่าง ๆ ได้แก่ (๑) การส่งเสริมการค้าและการลงทุน (๒) วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (๓) โครงการพื้นฐานและการคมนาคมขนส่ง (๔) นโยบายสาธารณะและพันธมิตรระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน และ (๕) นโยบายสาธารณะเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มความสามัคคีในสังคม โดยจะมีการลงนามความตกลงฯ ในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนกองทุน ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๓๐-๓๑ มกราคม ๒๕๖๑ ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริจาคเงินสมทบ FEALAC Trust Fund จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับไม่เกิน ๓,๓๕๐,๐๐๐ บาท ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาความร่วมมือด้านต่างประเทศสร้างและรักษาผลประโยชน์ชาติ โครงการส่งเสริมผลประโยชน์ของไทยในกรอบทวิภาคี งบรายจ่ายอื่น รายการค่าใช้จ่ายในการดำเนินภารกิจตามสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงด้านการต่างประเทศที่ตั้งงบประมาณไว้แล้ว จำนวน ๑๗๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15846 | การปรับเปลี่ยนเครื่องมือการกู้เงินในโครงการลงทุนที่ใช้แหล่งเงินกู้ของการประปาส่วนภูมิภาค | มท | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ปรับเปลี่ยนเครื่องมือการกู้เงินจากเดิมเงินกู้ภายในประเทศ (พันธบัตร) เป็นเงินกู้ภายในประเทศ จำนวน ๕ โครงการ ได้แก่ โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาจันทบุรี กปภ. สาขาภูเก็ต กปภ. สาขาอุบลราชธานี กปภ. สาขาสุรินทร์ และ กปภ. สาขาเชียงใหม่ ส่วนที่ ๒ ซึ่งจะทำให้ กปภ. มีความคล่องตัวในการเลือกเครื่องมือการกู้เงินได้เหมาะสมมากขึ้น เช่น การกู้เงินในรูปแบบ Term Loan ที่ กปภ. สามารถกำหนดเงื่อนไขทยอยเบิกจ่ายตามความก้าวหน้าโครงการได้ และจะส่งผลให้ กปภ. สามารถบริหารต้นทุนและความเสี่ยงหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง และให้กระทรวงมหาดไทย โดย กปภ. เร่งรัดการดำเนินงานโครงการลงทุนทั้ง ๕ โครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็วด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15847 | ขอความเห็นชอบร่างปฏิญญาว่าด้วยการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการบินพลเรือน (Declaration of Civil Aviation Ministers' Conference) | คค | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาว่าด้วยการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการบินพลเรือน (Draft Declaration of Civil Aviation Ministers’ Conference) มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นส่งเสริมความร่วมมือในระดับรัฐมนตรีที่กำกับดูแลนโยบายด้านการบินพลเรือนของประเทศสมาชิกองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ในการผลักดันการดำเนินการตามแผนงานในระดับภูมิภาคของ ICAO เพื่อพัฒนาขีดความสามารถด้านความปลอดภัยการบินและประสิทธิภาพการบริการเดินอากาศเพื่อความยั่งยืนของระบบการขนส่งทางอากาศใน ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) นิรภัยการบิน (๒) การบริการเดินอากาศ (๓) การสอบสวนอุบัติเหตุ และ (๔) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ ในการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการบินพลเรือนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๓๑ มกราคม-๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงถ้อยคำของร่างปฏิญญาฯ ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้แล้ว หากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ก็ให้สามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในประเด็นสารัตถะของร่างปฏิญญาฯ ควรเพิ่มข้อความเพื่อให้เกิดความชัดเจน และในประเด็นข้อพิจารณาเพิ่มเติม ควรมีการจัดทำแผนปฏิบัติการหรือโครงการความร่วมมือเพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างกันอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งควรกำกับ เตรียมความพร้อม และเร่งกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้สามารถรองรับการดำเนินการได้ตามที่ร่างปฏิญญาฯ กำหนดไว้ โดยเฉพาะการพัฒนาขีดความสามารถในการกำกับดูแลด้านความปลอดภัย เพื่อให้คะแนนประสิทธิภาพการกำกับดูแลความปลอดภัยการบิน (Effective Implementation) มากกว่าหรือเท่ากับค่าเฉลี่ยทั่วโลก และดำเนินการรับรองท่าอากาศยานที่มีเที่ยวบินระหว่างประเทศ (Aerodrome Certification) ทั้งหมด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15848 | ขออนุมัติดำเนินโครงการจัดสร้างสวนรุกขชาติไทย - ลาว ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามกรอบการดำเนินงานความร่วมมือไทย - ลาว พ.ศ. 2561 - 2564 (Framework for Thai-Lao Cooperation 2018 - 2021) | ทส | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการดำเนินโครงการจัดสร้างสวนรุกขชาติไทย-ลาว ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมพรรณไม้ แหล่งอนุรักษ์ความหลากหลายของพันธุ์พืชที่มีค่าหายากและใกล้สูญพันธุ์ประจำท้องถิ่นไทยและลาว และเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจทางธรรมชาติของไทยและลาว ตามกรอบการดำเนินงานความร่วมมือไทย-ลาว พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔ (Framework for Thai-Lao Cooperation 2018-2021) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-พ.ศ. ๒๕๖๔ กรอบวงเงินทั้งสิ้น ๑๕.๐๑๕๗ ล้านบาท ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดทำรายละเอียดแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโครงการดังกล่าว และเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15849 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นเงินอุดหนุนเพื่อช่วยเหลือโรงเรียนเอกชนที่ประสบภัยพิบัติ | ศธ | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ แล้ว จำนวน ๘,๙๐๔,๒๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือฟื้นฟูโรงเรียนเอกชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ จำนวน ๕๙ โรงเรียน โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณโดยตรงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีกลไกในการกำกับ ตรวจสอบ และติดตามการดำเนินงานและการใช้งบประมาณดังกล่าว เพื่อความโปร่งใส และความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณที่มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งสามารถใช้ประโยชน์ในการดำเนินการและจัดการเรียนการสอนได้ตามวัตถุประสงค์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15850 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการจัดการพื้นที่คุ้มครองและพื้นที่อนุรักษ์ ความหลากหลายทางชีวภาพข้ามพรมแดนระหว่างกรมอุทยาน แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แห่งราชอาณาจักรไทยและกรมการบริหารการอนุรักษ์และการปกป้องธรรมชาติ กระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา | ทส | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการจัดการพื้นที่คุ้มครองและพื้นที่อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพข้ามพรมแดนระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แห่งราชอาณาจักรไทย และกรมการบริหารการอนุรักษ์และการปกป้องธรรมชาติ กระทรวงสิ่งแวดล้อม แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (MEMORANDUM OF UNDERSTANDING on Cooperation on Protected Areas and Transboundary Biodiversity Conservation Landscapes Management between Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation, Ministry of Natural Resources and Environment of the Kingdom of Thailand and General Directorate of Administration for Nature Conservation and Protection, Ministry of Environment of the Kingdom of Cambodia) มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระดับทวิภาคีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการพื้นที่คุ้มครองและพื้นที่อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพข้ามพรมแดนระหว่างประเทศไทยและราชอาณาจักรกัมพูขา โดยจะร่วมมือในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น (๑) การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ทางวิชาการระหว่างเจ้าหน้าที่ (๒) การศึกษาดูงาน การฝึกอบรม และ (๓) การศึกษาวิจัยร่วม เป็นต้น ๑.๒ อนุมัติให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หรือผู้ที่อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ซึ่งกำหนดจะมีการลงนามในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรี (๑๒ ตุลาคม ๒๕๔๒ และ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘) เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการก่อสร้างถนนหรือกระทำกิจกรรมใด ๆ ตามบริเวณชายแดนอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมการอนุรักษ์ตามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ขอให้งดเว้นในพื้นที่ที่ยังไม่มีข้อยุติแน่ชัดว่าเป็นของประเทศไทยหรือของราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อไม่ให้กระทบต่อการรักษาสิทธิในเขตแดนของประเทศไทยในพื้นที่ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย ๓. กรณีมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15851 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินรายการโครงการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกในระดับอุตสาหกรรมตามมาตรฐาน GMP ขององค์การอนามัยโลก | สธ | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินรายการโครงการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนก ในระดับอุตสาหกรรมตามมาตรฐาน GMP ขององค์การอนามัยโลก หมวดงบลงทุน ค่าควบคุมงานก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนก ในระดับอุตสาหกรรม ตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก จำนวน ๑,๓๔๘,๒๓๘.๒๐ บาท โดยใช้เงินรายได้ขององค์การเภสัชกรรม ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุข (องค์การเภสัชกรรม) รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำกับดูแลการบริหารโครงการฯ ให้เป็นไปตามแผนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าและส่งผลกระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายขององค์การเภสัชกรรมในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัด เพื่อให้โรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนก ในระดับอุตสาหกรรมตามมาตรฐาน GMP ขององค์การอนามัยโลกสามารถเปิดทำการได้ทันภายในปี ๒๕๖๓ ตามแผนที่กำหนดไว้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุข (องค์การเภสัชกรรม) รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้มีผู้รับผิดชอบการดำเนินโครงการฯ ที่คลาดเคลื่อนและอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ และรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15852 | การกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ | รง | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ ๙) ลงวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเป็นการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำขึ้น ๘-๒๐ บาท/วัน ในทุกจังหวัด แบ่งออกเป็น ๗ ระดับ ได้แก่ (๑) ๓๐๘ บาท/วัน จำนวน ๓ จังหวัด (๒) ๓๑๐ บาท/วัน จำนวน ๒๒ จังหวัด (๓) ๓๑๕ บาท/วัน จำนวน ๒๑ จังหวัด (๔) ๓๑๘ บาท/วัน จำนวน ๗ จังหวัด (๕) ๓๒๐ บาท/วัน จำนวน ๑๔ จังหวัด (๖) ๓๒๕ บาท/วัน จำนวน ๗ จังหวัด และ (๗) ๓๓๐ บาท/วัน จำนวน ๓ จังหวัด และให้นำประกาศดังกล่าว ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลใช้บังคับต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. ในส่วนของการใช้อัตราค่าจ้างลอยตัว ให้กระทรวงแรงงานศึกษาข้อดีข้อเสียของการปรับใช้อัตราค่าจ้างลอยตัวให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนก่อน เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวอาจทำให้อัตราค่าจ้างเปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้ ๓. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มเติมให้กับผู้ประกอบการ โดยให้ครอบคลุมถึงผู้ประกอบกิจการรายย่อยที่ไม่อยู่ในระบบภาษีและผู้ประกอบกิจการในภาคการเกษตรซึ่งอยู่นอกขอบเขตที่จะได้รับความช่วยเหลือตามมาตรการลดผลกระทบที่หน่วยงานต่าง ๆ ได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ ๔. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้แก่ผู้ใช้แรงงานและสาธารณชนให้ถูกต้องและทั่วถึงด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15853 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ) | กค | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้นายจ้างซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน ๑๐๐ ล้านบาท และมีการจ้างแรงงานไม่เกิน ๒๐๐ คน ที่มีการจ่ายค่าจ้างแรงงานรายวันตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่มีการปรับขึ้นใหม่ให้แก่ลูกจ้างสามารถนำรายจ่ายค่าจ้างรายวันที่ได้จ่ายให้แก่ลูกจ้างมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้เป็นจำนวน ๑.๑๕ เท่าของค่าจ้างรายวันที่จ่ายให้แก่ลูกจ้าง ทั้งนี้ สำหรับค่าจ้างรายวันที่จ่ายให้แก่ลูกจ้างไปตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๑ จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำให้แก่นายจ้างที่ไม่ได้เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอย่างเหมาะสมด้วย รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข ในการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะทำให้มีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรการดังกล่าวให้ชัดเจนและเหมาะสม เพื่อให้การดำเนินมาตรการดังกล่าวเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล และบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งกำหนดให้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15854 | ขอความเห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้ลงนามในร่างแถลงการณ์ร่วมโครงการ Our Eyes Initiative | กห | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างแถลงการณ์ร่วมโครงการ Our Eyes Initiative มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกรอบความร่วมมือด้านการแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายในภูมิภาคระหว่างประเทศสมาชิก โดยตระหนักถึงบทบาทสำคัญของการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมประเทศสมาชิก โดยการจัดตั้งโครงการ Our Eyes Initiative ทั้งนี้ กำหนดจะมีการลงนามร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ในวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15855 | มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเพื่อลดผลกระทบด้านแรงงาน | นร | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเพื่อลดผลกระทบด้านแรงงาน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ปรับปรุงมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักรให้ครอบคลุมถึงการนำระบบด้านดิจิทัลมาใช้ในกิจการเพื่อยกระดับการบริหารจัดการ โดยจะให้สิทธิและประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากโครงการที่ดำเนินการอยู่เดิม เป็นระยะเวลา ๓ ปี โดยกำหนดวงเงินสูงสุดที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ร้อยละ ๕๐ ของมูลค่าเครื่องจักรที่นำมาปรับปรุง ๑.๒ ปรับปรุงมาตรการให้สิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขันให้ครอบคลุมถึงการอบรมบุคลากรให้มีทักษะเฉพาะทางที่สูงขึ้น โดยให้ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมร้อยละ ๒๐๐ ของเงินลงทุน/ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดขอบเขตการส่งเสริมการลงทุนในเรื่องการนำระบบด้านดิจิทัลมาใช้ในกิจการเพื่อยกระดับการบริหารจัดการ และการอบรมบุคลากรให้มีทักษะเฉพาะทางที่สูงขึ้น ให้ชัดเจน เพื่อให้การส่งเสริมการลงทุนเกิดความเป็นธรรมและได้มาตรฐานเดียวกัน รวมทั้งควรมีการประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนรับทราบอย่างทั่วถึง ตลอดจนติดตามและประเมินผลมาตรการส่งเสริมการลงทุนอย่างต่อเนื่องเป็นรายโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15856 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนในการต่อต้านการก่อการร้ายในอาเซียน | กห | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนในการต่อต้านการก่อการร้ายในอาเซียน ซี่งเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองร่วมกันของรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนในการให้คำมั่นร่วมกันที่จะแก้ปัญหาการก่อการร้ายเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนอาเซียน และเห็นชอบร่วมกันที่จะพัฒนาความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างหน่วยความมั่นคงของอาเซียนกับพันธมิตรภายนอกภูมิภาคผ่านการจัดการฝึกร่วม การประชุมหารือและการแลกเปลี่ยนหนทางปฏิบัติที่ดี รวมทั้งแสวงหาสำหรับความร่วมมือรูปแบบใหม่ในการต่อต้านการก่อการร้าย และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้รับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (ASEAN Defence Ministers’ Meeting Retreat : ADMM) ในวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15857 | รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนธันวาคม 2560 และภาพรวมปี 2560 และแนวโน้มปี 2561 | พณ | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนธันวาคม และภาพรวมปี ๒๕๖๐ และแนวโน้มปี ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การส่งออกในเดือนธันวาคม ๒๕๖๐ มีมูลค่า ๑๙,๗๔๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยขยายตัวที่ร้อยละ ๘.๖ (YoY) โดยมีปัจจัยสนับสนุน ๓ ประการ คือ (๑) การฟื้นตัวของการค้าโลกที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อุปสงค์ในหลายสินค้าปรับตัวดีขึ้น (๒) ราคาส่งออกสินค้าเกษตรและสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นตามแนวโน้มราคาน้ำมัน และ (๓) ความสามารถในการเปิดตลาดใหม่และกระจายประเภทสินค้าส่งออกไทยตามแนวทางการส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า ๒๐,๐๑๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยขยายตัวที่ร้อยละ ๑๖.๖ (YoY) ส่งผลให้การค้าขาดดุล ๒๗๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ๒. การส่งออกรายสินค้า มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๑๔ ที่ร้อยละ ๖.๖ จากการส่งออกข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป ขณะที่การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๑๐ ที่ร้อยละ ๑๐ จากการส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ๓. การส่งออกรายตลาดยังคงขยายตัวได้ดีในทุกตลาดสำคัญ โดยเฉพาะตลาดเอเชียใต้และตลาดของกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (The Commonwealth of Independent States : CIS) ๔. ภาพรวมการส่งออกปี ๒๕๖๐ (เดือนมกราคม-ธันวาคม ๒๕๖๐) มีมูลค่า ๒๓๖,๖๙๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยขยายตัวที่ร้อยละ ๙.๙ ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ ๖ ปี โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญโดยเฉพาะข้าวมีปริมาณส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งสิ้น ๑๑.๖ ล้านตัน ขณะที่การส่งออกไปตลาดสำคัญขยายตัวต่อเนื่องเกือบทุกตลาด โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป อาเซียน และจีน ส่งผลให้ดุลการค้าปี ๒๕๖๐ เกินดุล ๑๓,๙๓๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ๕. แนวโน้มการส่งออกของไทยปี ๒๕๖๑ คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นตามอุปสงค์โลก อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของนโยบายทางการค้าของประเทศคู่ค้าหลัก ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และปัญหาขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15858 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในอนุภูมิภาค ด้านการต่อต้านการก่อการร้าย | กห | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในอนุภูมิภาค ด้านการต่อต้านการก่อการร้าย (Joint Ministerial Statement Sub-Regional Defence Ministers’ Meeting on Counter-Terrorism) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑-๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ณ นครเพิร์ท เครือรัฐออสเตรเลีย โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้าย เช่น การบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานด้านความมั่นคงทุกภาคส่วนของรัฐ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของประเทศที่เข้าร่วมประชุมฯ ในการปฏิบัติการเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย รวมทั้งสภาวะแวดล้อมที่เป็นภัยคุกคามต่อภูมิภาค ความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้าย และการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารความมั่นคง ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15859 | ขออนุมัติเงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | กค | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ จำนวน ๒๙๐,๕๙๓,๒๔๖ บาท เพื่อให้กรมบัญชีกลางใช้ในการดำเนินโครงการจัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้มีสิทธิตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี ๒๕๖๐ เพิ่มเติม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการโดยคำนึงถึงความประหยัด คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดของราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินโครงการจัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้มีสิทธิตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐในปี ๒๕๖๐ ที่ผ่านมา รวมทั้งประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการฯ รวบรวมปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการฯ พร้อมทั้งแนวทางการแก้ไขปรับปรุง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลร้านธงฟ้าประชารัฐที่มีอยู่ในปัจจุบันให้ดำเนินกิจการตามมาตรฐานที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดอย่างเคร่งครัด และให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการธงฟ้าประชารัฐให้ทราบถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของการเข้าร่วมโครงการฯ อย่างชัดเจนต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15860 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ ครั้งที่ 3 | นร07 | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ วงเงิน ๒,๑๐๕,๙๖๗,๕๖๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ จำนวน ๗ โครงการ ซึ่งสำนักงบประมาณจะได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมฯ ให้กับ ๗ โครงการดังกล่าวต่อไป สำหรับวงเงินที่เหลืออยู่อีก จำนวน ๖,๓๕๒,๖๕๔,๙๐๐ บาท สำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดสรรให้หน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองโครงการในการขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จะได้พิจารณาอนุมัติต่อไป ๑.๒ รายการงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ ดำเนินการตามแนวทางการขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๐ ข้อ ๑๐ (๓) กำหนดว่ากรณีวงเงินเกินหนึ่งร้อยล้านบาท สำนักงบประมาณจะเสนอเรื่องต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ เมื่อนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว จะต้องนำเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
.....