ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 794 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 15861 - 15880 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15861 | มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารธุรกิจ SMEs ในการลดผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ | อก | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารธุรกิจ SMEs ในการลดผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ มีวัตถุประสงค์ (๑) เพื่อให้ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้โดยเพิ่มผลิตภาพเพิ่มขึ้น เพื่อลดค่าใช้จ่ายของกิจการไปชดเชยภาระค่าแรงที่เพิ่มขึ้น (๒) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต การควบคุมคุณภาพ การลดความสูญเปล่า การลดต้นทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจ และ (๓) เพื่อเพิ่มสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการและบุคลากรในสถานประกอบการ SMEs ให้มีขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ โดยมีกลุ่มเป้าหมายและระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๓ จำนวน ๕๐,๐๐๐ กิจการ/๒๕๐,๐๐๐ คน วงเงินงบประมาณ ๕,๐๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ใช้วงเงินรวม ๕๐๐ ล้านบาท จำนวน ๕,๐๐๐ กิจการ/๒๕,๐๐๐ คน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. สำหรับงบประมาณเพื่อใช้ในการดำเนินมาตรการฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนและหรือเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ภายใต้แผนงานบูรณาการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมลำดับแรกก่อน โดยดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนงานบูรณาการ พ.ศ. ๒๕๕๙ หากไม่เพียงพอ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐต่อไป ส่วนในปีต่อ ๆ ไป ให้พิจารณาผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินมาตรการฯ และประเมินผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ หากยังมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการ ก็ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรให้ความสำคัญกับเรื่องการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรเพื่อเพิ่มผลิตภาพแรงงานอย่างจริงจัง ควรเพิ่มเรื่องการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทยให้สามารถมีทรัพย์สินทางปัญญาเป็นของตนเอง และควรให้ความสำคัญกับการกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือก SMEs โดยมุ่งเน้นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานและได้รับผลกระทบสูงจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15862 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) (นายสันติ ป่าหวาย และ นายอักษร แสนใหม่) | กก | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือน สังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้
๑. นายสันติ ป่าหวาย ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายอักษร แสนใหม่ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15863 | แต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาด | มท | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาด รวม ๑๔ คน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ มกราคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายอภิชาต โตดิลกเวชช์ ประธานกรรมการ ๒. นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ รองประธานกรรมการ ๓. นายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย กรรมการอื่น ๔. นายธนา ยันตรโกวิท กรรมการอื่น ๕. นายกฤดิธาดา จารุสกุล กรรมการอื่น ๖. นางสาวกอบกุล โมทนา กรรมการอื่น ๗. ผู้ช่วยสาตราจารย์อันธิกา สวัสดิ์ศรี กรรมการอื่น ๘. รองศาสตราจารย์รัตนา จักกะพาก กรรมการอื่น ๙. ผู้ช่วยศาสตราจารย์บุญมา ชัยเสถียรทรัพย์ กรรมการอื่น ๑๐. นายศุภสิทธิ์ ศิริศักดิ์ กรรมการอื่น ๑๑. นายพลาคม ชัยกิตติศิลป์ กรรมการอื่น ๑๒. นายประวิช สุขุม กรรมการอื่น ๑๓. นายศุภกิจ ปิยสิรานนท์ กรรมการอื่น ๑๔. นายสันติ อ่ำศรีเวียง กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15864 | การปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานและเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ ภายใต้มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | นร07 | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานและเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ ภายใต้มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รายจ่ายลงทุน รายการค่าครุภัณฑ์ ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง สำหรับรายการปีเดียวที่มีวงเงินต่อรายการไม่เกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท ในทุกงบรายจ่าย ซึ่งเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างหรือได้ผลการประกวดราคาแล้ว แต่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันหรืออยู่ระหว่างดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างได้ทันภายในไตรมาสที่ ๑ หากมีความพร้อมสามารถก่อหนี้ผูกพันได้ ก็เห็นควรให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปได้ โดยขอให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และแผนการก่อหนี้ผูกพัน ส่งสำนักงบประมาณภายในวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ และให้รายงานรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับหรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลแผนงานบูรณาการทราบด้วย ๑.๒ สำหรับรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นพิจารณาทบทวนแล้วเห็นว่าหมดความจำเป็น หรือมีลำดับความสำคัญลดลง หรือไม่สามารถดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลได้อย่างรวดเร็ว ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และ/หรือโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายแล้วแต่กรณี โดยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และให้พิจารณานำไปช่วยเหลือ เยียวยาฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย หรือปรับปรุงซ่อมแซมสถานที่ราชการ หรือสิ่งอันเป็นสาธารณประโยชน์ของแผ่นดินที่ได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากเหตุของอุทกภัยให้กลับคืนสู่สภาพปกติ แต่หากหน่วยงานใดไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยทั้งทางตรงและทางอ้อม หรือได้ดำเนินการแก้ไขบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจนเสร็จสิ้นแล้ว ก็ให้พิจารณาดำเนินการตามภารกิจและอำนาจหน้าที่โดยคำนึงถึงแผนการปฏิรูปประเทศ การแก้ไขบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน หรือมีความสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ หรือสนับสนุนนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ทั้งนี้ ไม่รวมถึงงบประมาณของแผนงานบุคลากรภาครัฐ แผนงานบริหารเพื่อรองรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และแผนงานการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ๑.๓ ให้หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่น และผู้ว่าราชการจังหวัด ติดตามและกำกับดูแลหน่วยงานในสังกัดให้ปฏิบัติตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยเคร่งครัด รวมทั้งเร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีโดยเร็ว ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15865 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์) | นร11 | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ เป็นกรรมการในคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แทน นายลักษณ์ วจนานวัช ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ มกราคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15866 | การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน | มท | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการดำเนินงานการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ นายกรัฐมนตรีได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๑/๒๕๖๑ ลงวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๑ แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน โดยมีกลไกคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศฯ ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับชาติ ระดับจังหวัด/กทม. ระดับอำเภอ/เขต และทีมขับเคลื่อนฯ ระดับตำบล เพื่อบูรณาการกลไกการขับเคลื่อน บูรณาการชุดความรู้ แผนงาน/โครงการ และงบประมาณ ลงไปในพื้นที่เป้าหมาย ๑.๒ กระทรวงมหาดไทยได้จัดประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video Conference) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จังหวัด และอำเภอ เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจในกรอบแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการฯ และเพื่อให้เกิดการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับส่วนกลาง จังหวัด อำเภอ และตำบล ๑.๓ การดำเนินงานโครงการฯ ในระยะต่อไป จะกำหนดประชุมหารือเพื่อวางกรอบแนวทางการปฏิบัติงานตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ในวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๑ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล และกำหนดจัดประชุมมอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ในระดับจังหวัดและระดับอำเภอ ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ๒. ให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานของรัฐให้ความร่วมมือกระทรวงมหาดไทยในการดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน และสนับสนุนกลไกในการปฏิบัติงานในพื้นที่ทุกระดับ โดยในการดำเนินโครงการดังกล่าวให้คำนึงถึงความเหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจ อำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน และงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรด้วย ๓. ให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานของรัฐในระดับพื้นที่ รวมทั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรบูรณาการการทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงานและเพื่อให้โครงการดังกล่าวเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินงานในภาพรวม รวมทั้งปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ต่อนายกรัฐมนตรีเป็นระยะ ๆ ด้วย ๔. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม [สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน)] ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการข้อมูลต่าง ๆ ภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน กับการดำเนินการในเรื่อง Big Data ด้วย เพื่อให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานของรัฐสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ต่อไปได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15867 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 29 มกราคม 2561) | นร | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๑ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับข้อสังเกตไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15868 | ร่างพระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15869 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ดังนี้
๑. ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานของสมาคมกีฬาประเภทต่าง ๆ ให้สามารถส่งเสริมและพัฒนานักกีฬาให้มีคุณภาพ และให้มีกระบวนการคัดเลือกผู้มีศักยภาพและความสามารถในแต่ละประเภทกีฬา เพื่อเป็นตัวแทนของชาติเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติต่อไป นั้น ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งส่งเสริมให้มีนักกีฬาประเภทต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักกีฬาในประเภทกีฬาที่ประเทศไทยยังไม่มีตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขัน หรือที่ยังไม่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันในระดับนานาชาติเท่าที่ควร และให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาสนับสนุนให้เหล่าทัพต่าง ๆ คัดเลือกกำลังพลในสังกัดที่มีความพร้อมและมีรูปร่างเหมาะสมมาฝึกฝนกีฬาประเภทต่าง ๆ เพื่อพัฒนาเป็นนักกีฬาตัวแทนของชาติในอนาคตต่อไป ๒. ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย (กรมโยธาธิการและผังเมือง) ออกแบบการจัดวางผังเมืองในพื้นที่ชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอกของพื้นที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศให้เหมาะสมเพื่อใช้เป็นแนวทางในการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนถึงการจัดวางผังเมืองของประเทศในระยะต่อไป โดยให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๑ เดือน นั้น ให้กระทรวงคมนาคม (สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร) ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแผนการก่อสร้างเส้นทางคมนาคมขนส่งในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อกระจายความเจริญจากพื้นที่ชั้นในไปสู่พื้นที่รอบนอกของจังหวัดต่าง ๆ ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับการจัดวางผังเมืองดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15870 | การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) | นร | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า เนื่องจากเรื่องการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) ถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่จะต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้การกำหนดเขตที่ดินในพื้นที่ต่าง ๆ มีความชัดเจนและไม่เกิดปัญหาการบุกรุกที่ดิน จึงมีมติให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงแผนที่ฯ ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน ๖๐ วัน และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15871 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำไทย พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. ....) | กษ | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการ (๑) ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำไทย พ.ศ. .... และ (๒) ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำไทย รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์และการโอนใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้การสนับสนุนการปรับตัวของผู้ประกอบการประมงนอกน่านน้ำไทยให้สามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการสนับสนุนแหล่งเงินทุนเงื่อนไขผ่อนปรนในการปรับตัว การสนับสนุนองค์ความรู้และข้อมูลแหล่งทำการประมงที่มีศักยภาพ และการเป็นตัวกลางสนับสนุนภาคเอกชนไทยในการทำสัญญาและขอใบอนุญาตเข้าไปทำการประมงในรัฐชายฝั่งอื่น รวมทั้งขยายความร่วมมือทางการประมงระหว่างรัฐบาลของประเทศไทยและรัฐชายฝั่งอื่นอย่างต่อเนื่อง และเห็นควรประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจถึงเอกสาร หลักฐาน หลักเกณฑ์และเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการเรือประมงพาณิชย์ได้รับทราบอย่างละเอียด และมีกระบวนการติดตามตรวจสอบการทำประมงของเรือประมงพาณิชย์ที่ได้รับอนุญาตและบังคับใช้กฎหมายการประมงอย่างเคร่งครัด ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่มุ่งจัดระเบียบและควบคุมการทำการประมงพาณิชย์ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถรักษาระบบนิเวศน์และทรัพยากรทางการประมงและทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้อย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15872 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 สายบางปะอิน - นครราชสีมา เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน และร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 81 สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน รวม 2 ฉบับ (ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 81 สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน) | คค | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการ (๑) ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข ๖ สายบางปะอิน-นครราชสีมา เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน และ (๒) ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข ๘๑ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าแทนเพื่อเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนและส่งมอบพื้นที่เพื่อสร้างทางหลวงทั้ง ๒ สายดังกล่าวได้ทันตามเวลาที่กำหนดไว้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15873 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย - จีน ครั้งที่ 17 - 22 ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558 - 2565 | คค | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ ๑๗-๒๒ ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ มีสาระสำคัญเป็นการหารือร่วมกันเพื่อให้การดำเนินโครงการฯ แล้วเสร็จและสามารถเปิดให้บริการ เช่น การว่าจ้างฝ่ายจีนในร่างสัญญา ๒.๑ (การออกแบบรายละเอียด) ร่างสัญญา ๒.๒ (ที่ปรึกษาควบคุมงานการก่อสร้าง) และร่างสัญญา ๒.๓ (งานระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและจัดฝึกอบรมบุคลากร) กรอบวงเงินและแนวทางการก่อสร้างโครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน การอบรมและทดสอบจากสภาวิศวกรและสภาสถาปนิกของไทย และการถ่ายทอดความรู้ เป็นต้น และเพื่อให้เป็นไปตามโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ ๑ ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา) ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามที่คณะกรรมการบริหารการพัฒนาโครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15874 | ผลการประชุมรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ 11 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พณ | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ ๑๑ (The Eleventh Ministerial Conference : MC11) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) และองค์การทรัพย์สินทางปัญญา เป็นผู้แทนเข้าร่วมการประชุม MC11 ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงบัวโนสไอเรส สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยมีข้อสังเกตและความเห็นสรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุม MC11 ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากมีหลายประเด็นที่สมาชิกยังไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจาก WTO ใช้ระบบฉันทามติ โดยสมาชิกที่ไม่เห็นด้วยเพียงประเทศเดียวก็ทำให้การเจรจาหยุดชะงักไปได้ จึงต้องมีการดำเนินการต่อไปใน WTO หลังการประชุม MC11 เพื่อให้สมาชิกหาข้อสรุปที่เป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายได้โดยเร็ว ๒. ประเด็นใหม่ ๆ เช่น พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ MSMEs และบทบาทของสตรี เริ่มมีบทบาทมากขึ้นในเวที WTO โดยประเด็นเหล่านี้อาจถูกนำมาถ่วงให้การเจรจาประเด็นที่คงค้างอยู่ช้าลงยิ่งขึ้น อีกทั้งมีการใช้โอกาสจากการประชุม MC นำเสนอประเด็นเชิงสังคมในมิติที่เชื่อมโยงกับการค้า เช่น ความเท่าเทียมทางเพศ พร้อมทั้งผลักดันให้สมาชิกที่สนใจร่วมรับรองในหลักการ ซึ่งภายใต้บริบท WTO ถือเป็นเรื่องใหม่ และอาจเปิดช่องให้มีการนำประเด็นเชิงสังคมในมิติอื่น ๆ มาเป็นเงื่อนไขในการเจรจาทำกฎระเบียบทางการค้าต่อไปได้ ๓. ไทยผลักดันการหารือประเด็นคงค้างภายใต้การเจรจารอบโดฮา โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การเปิดตลาดสินค้าเกษตรเพิ่มเติมโดยลดภาษีสินค้าเกษตรระหว่างกัน รวมทั้งการผลักดันไม่ให้สมาชิกที่เป็นผู้นำเข้าสินค้าเกษตรใช้มาตรการปกป้องสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกับสินค้าข้าว น้ำตาล และมันสำปะหลัง อันจะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการไทยในระยะยาวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15875 | รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา | วธ | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ระหว่างวันที่ ๔-๕ ธันวาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้พบหารือกับนายฮิม แซม รัฐมนตรีอาวุโสและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมการและศาสนากัมพูชา โดยฝ่ายไทยได้แจ้งให้ทราบถึงการจัดกิจกรรมในวันสำคัญทางศาสนาร่วมกันระหว่างจังหวัดชายแดนของไทยกับจังหวัดชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมของไทยได้ส่งเสริมให้มีการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในประเทศเพื่อนบ้าน และขอความร่วมมือกระทรวงธรรมการและศาสนาสนับสนุนให้ชาวพุทธในกัมพูชาร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในวิถีกัมพูชาในคืนวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบในการจัดทำแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางศาสนาระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์กันในมิติศาสนาให้แน่นแฟ้นและเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้เป็นประธานร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์กัมพูชาในพิธีเปิดการแสดงนาฏศิลป์และดนตรีร่วมไทย-กัมพูชา ณ โรงละครแห่งชาติจตุมุข ซึ่งทำการแสดงโดยคณะนักแสดงจากสถาบันการศึกษาของไทยและกัมพูชา โดยเป็นความร่วมมือที่สืบเนื่องจากโครงการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านนาฏศิลป์และดนตรีระหว่างสถาบันการศึกษาด้านศิลปะการแสดงของทั้งสองประเทศ ๓. การเข้าเยี่ยมคารวะคุณหญิง แมน ซอม ออน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการประสานงานระหว่างรัฐสภา วุฒิสภา และการตรวจสอบ โดยฝ่ายไทยได้แจ้งให้ทราบถึงโครงการด้านศาสนาและวัฒนธรรมของกระทรวงวัฒนธรรม และโครงการที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชาในมิติศาสนาและวัฒนธรรมทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน ทั้งนี้ รัฐบาลกัมพูชาขอบคุณรัฐบาลไทยที่อำนวยความสะดวกในการส่งคืนโบราณวัตถุที่ยึดได้ในปี ๒๕๔๓ กลับสู่กัมพูชาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15876 | รายงานผลการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 (Annual Inspection Report : Fiscal Year 2017) | นร01 | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (Annual Inspection Report : Fiscal Year 2017) ประกอบด้วย ๒ ประเด็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล (Issue) คือ (๑) การจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อม และ (๒) เรื่อง การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนเข้มแข็ง ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นการจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อม จากการตรวจติดตามการจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อม พบว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งรัดดำเนินการขับเคลื่อนการจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินการตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ตามบทบาทหน้าที่ที่กำหนดไว้ในแผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง และดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะผู้ตรวจราชการ รวมทั้งข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาขยะบนบก/น้ำ/ทะเล อย่างไรก็ดี จากการรายงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่า ยังมีปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการบางประการและยังไม่มีแนวทางในการปฏิบัติที่ชัดเจน ๒. ประเด็นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนเข้มแข็ง การดำเนินโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ และโครงการภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนเข้มแข็ง ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ตรวจราชการกระทรวงได้ร่วมกันให้ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะแก่หน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหา และเร่งรัดให้หน่วยงานสามารถดำเนินการแล้วเสร็จและบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด และจากการตรวจติดตามการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในงานตรวจราชการแบบบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีอย่างจริงจัง สามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ สนับสนุนช่องทางการตลาด ปรับปรุงการบริหารจัดการให้รองรับผู้ประกอบการและความต้องการของกลุ่มผู้ซื้อที่เพิ่มขึ้น พัฒนาเศรษฐกิจชุมชนให้มีความมั่นคง และสามารถยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนสู่สากล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15877 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 | คค | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองงบการเงินแล้วมีความเห็นว่า งบการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงินของกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ผลการดำเนินงาน และกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมจัดส่งรายงานในเรื่องนี้ไปลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15878 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร12 | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชนให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เห็นควรกำหนดแนวทางการกำหนดเครื่องแบบขององค์การมหาชนไว้เพื่อให้เครื่องแบบของทุกองค์การมหาชนเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15879 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การวางทรัพย์) | ยธ | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ถอนร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การวางทรัพย์) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15880 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 - 2563 โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี 2559 ระยะที่ 1 | พม | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การเคหะแห่งชาติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๓ สำหรับโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี ๒๕๕๙ ระยะที่ ๑ จำนวน ๘ โครงการ ได้แก่ โครงการอาคารเช่าฯ จังหวัดชลบุรี โครงการอาคารเช่าฯ จังหวัดอุดรธานี โครงการอาคารเช่าฯ จังหวัดนครสวรรค์ โครงการอาคารเช่าฯ จังหวัดระนอง โครงการอาคารเช่าฯ จังหวัดฉะเชิงเทรา โครงการอาคารเช่าฯ จังหวัดมหาสารคาม โครงการอาคารเช่าฯ จังหวัดหนองบัวลำภู และโครงการอาคารเช่าฯ จังหวัดกาญจนบุรี วงเงินรวม ๗๙๒.๕๓๘ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้ ให้การเคหะแห่งชาติเริ่มดำเนินโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี ๒๕๕๙ ระยะที่ ๑ ได้เมื่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กำชับการเคหะแห่งชาติดำเนินการตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่เสนอ รวมทั้งเร่งรัดดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายในกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....