ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 750 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 14981 - 15000 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
14981 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสหนึ่งปี 2561 | นร11 | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสหนึ่งปี ๒๕๖๑ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ความเคลื่อนไหวทางสังคมไตรมาสหนึ่งปี ๒๕๖๑ เทียบกับไตรมาสหนึ่งปี ๒๕๖๐ การจ้างงานลดลงร้อยละ ๐.๒ โดยภาคนอกเกษตรลดลงร้อยละ ๒.๘ ภาคการเกษตรขยายตัวร้อยละ ๖.๐ อัตราการว่างงานเท่ากับร้อยละ ๑.๒ และรายได้แรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒.๓ รายได้และผลิตภาพแรงงานขยายตัวได้ดี ด้านหนี้สินครัวเรือนมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น สะท้อนจากยอดคงค้างสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลของธนาคารพาณิชย์ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๗.๑ การเจ็บป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังโดยรวมลดลงร้อยละ ๒.๓ แต่ต้องเฝ้าระวังโรคที่แพร่ระบาดในช่วงฤดูร้อน เช่น โรคพิษสุนัขบ้า เป็นต้น ด้านคดีอาญารวมเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๗.๖ โดยเฉพาะคดียาเสพติดที่เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๒.๒ การเกิดอุบัติเหตุจราจรทางบกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๖.๑ แต่มีผู้เสียชีวิตลดลงร้อยละ ๑๕.๙ มูลค่าความเสียหายลดลงร้อยละ ๒ และด้านค่าใช้จ่ายในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ลดลงร้อยละ ๓.๑ และ ๒.๑ ตามลำดับ แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ในกลุ่มเยาวชน ๒. สถานการณ์ทางสังคมที่สำคัญ ได้แก่ (๑) การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และปัญหาแรงงานประมงผิดกฎหมาย ในปี ๒๕๖๐ ประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มที่ ๒ บัญชีรายชื่อที่ต้องจับตามอง (Tier 2 Watch List) เป็นปีที่ ๒ ติดต่อกัน และคณะกรรมาธิการยุโรปด้านประมงและทะเลสหภาพยุโรปให้ “ใบเหลือง” เพื่อแจ้งเตือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เรื่อง การขาดมาตรการที่เพียงพอในการต่อสู้กับการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) และ (๒) เด็กและเยาวชนไทยกับการเล่นพนันทายผลฟุตบอล ซึ่งต้องเฝ้าระวังในกลุ่มเด็กและเยาวชนช่วงอายุ ๑๕-๒๕ ปี โดยให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และเครือข่ายเด็กและเยาวชนได้ร่วมกันกำหนดมาตรการป้องกัน ปราบปราม และช่วยเหลือเยียวยาอย่างเป็นระบบเพื่อลดผลกระทบจากการพนันฟุตบอล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14982 | ผลการจัดโครงการค่ายเยาวชนอาเซียนรักษ์สิ่งแวดล้อม (ASEAN Youth Camp : ASEAN Youth Stepping Towards Environmental Sustainability) | ทส | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการจัดโครงการค่ายเยาวชนอาเซียนรักษ์สิ่งแวดล้อม (ASEAN Youth Camp : ASEAN Youth Stepping Towards Environmental Sustainability) ระหว่างวันที่ ๒๔-๓๐ เมษายน ๒๕๖๑ ณ จังหวัดชลบุรี โดยมีกิจกรรมประกอบด้วย การบรรยายให้ความรู้ การศึกษาดูงาน และการเข้าร่วมกิจกรรมและฝึกปฏิบัติ ซึ่งมีเนื้อหาวิชาการที่ครอบคลุมทั้งด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การจัดการมลพิษในภาคอุตสาหกรรม และการจัดการสิ่งแวดล้อมชุมชน/เมืองยั่งยืน นอกจากนี้ กลุ่มเยาวชนอาเซียนฯ ได้จัดทำข้อเสนอโครงการที่สามารถนำไปใช้ได้จริงตามความเหมาะสมของแต่ละบริบทของประเทศสมาชิกฯ และได้มีการนำเสนอเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน โดยในส่วนของประเทศไทยเสนอโครงการ ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการลดการเผาเศษวัชพืช ณ จังหวัดลำปาง (๒) โครงการค่ายสร้างจิตสำนึกเรื่องป่าไม้ ณ จังหวัดกาญจนบุรี และ (๓) โครงการบำบัดน้ำเสียธาตุเชิงชุม ณ จังหวัดสกลนคร ทั้งนี้ ผลสำเร็จจากการจัดโครงการฯ จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะทำงานอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมศึกษา (ASEAN Working Group on Environmental Education : AWGEE) ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๒๙ (the Meeting of the ASEAN Senior Officials on the Environment : ASOEN) ในเดือนสิงหาคม ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14983 | การจัดให้เช่าที่ราชพัสดุ บริเวณถนนสุขุมวิท ตำบลบางพระและตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี | กค | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ผลการคัดเลือก โดยการให้เอกชนรายเดิม [บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)] เช่าที่ราชพัสดุบริเวณถนนสุขุมวิท ตำบลบางพระ และตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อดำเนินกิจการโรงกลั่นน้ำมันเป็นระยะเวลา ๓๐ ปี โดยชำระผลประโยชน์ตอบแทนการเช่าที่ราชพัสดุฯ ซึ่งมีมูลค่าปัจจุบัน ณ วันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๕ รวมทั้งสิ้น ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท และให้กรมธนารักษ์กำกับให้บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อเสนอแผนการลงทุนและปรับเพิ่มค่าเช่าและหรือกำหนดผลตอบแทนเพิ่มเติมในกรณีที่บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจหรือกิจการอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการโรงกลั่นน้ำมันตามเงื่อนไขของร่างสัญญาร่วมลงทุน ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจต่อไป ๑.๒ ร่างสัญญาร่วมลงทุนที่ผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุด ทั้งนี้ ก่อนลงนามในสัญญาร่วมลงทุน ให้กรมธนารักษ์ตรวจสอบเอกสารแนบท้ายสัญญาต่าง ๆ ให้ถูกต้องครบถ้วนและเป็นไปตามความประสงค์ของกรมธนารักษ์และผลการเจรจาของคู่สัญญา ตามข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุดต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุดที่เห็นควรดำเนินการให้เป็นไปตามข้อเสนอแผนการลงทุนที่บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ได้เสนอประกอบการพิจารณาคัดเลือก และควรตรวจสอบเอกสารแนบท้ายสัญญาต่าง ๆ ให้ถูกต้องครบถ้วนและเป็นไปตามความประสงค์ของกรมธนารักษ์และผลการเจรจาของคู่สัญญา ก่อนการลงนามสัญญา รวมทั้งกำกับ ติดตาม และดูแลคู่สัญญาให้ดำเนินการตามสัญญาอย่างเคร่งครัด ไปดำเนินการอย่างเคร่งครัด ๓. ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) ประสานงานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำกับดูแลให้บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ตรวจสอบและเฝ้าระวังการรั่วซึมของสารเบนซินบริเวณพื้นที่โรงกลั่นน้ำมันอย่างสม่ำเสมอ และปฏิบัติตามมาตรการที่เสนอไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14984 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน (กองทุนส่งเสริมการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน) | กค | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียน ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๑ เห็นชอบในหลักการการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เนื่องจากการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว เป็นการจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานตามร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... เพื่อเป็นกลไกสนับสนุนการดำเนินโครงการที่เกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะ รวมถึงส่งเสริมให้มีมาตรการการร่วมลงทุนที่เหมาะสม ซึ่งจะมีผลเป็นการยุบเลิกกองทุนส่งเสริมการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ภายใต้พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เช่น การพิจารณาให้ความเห็นชอบให้แหล่งเงินของกองทุนดังกล่าวไม่ต้องนำส่งคลังตามนัยมาตรา ๒๕ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้น เพื่อนำไปประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานำร่างพระราชบัญญัติที่ตรวจพิจารณาแล้วเสร็จเสนอต่อคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14985 | สัญญาความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตรา (Bilateral Swap Arrangement) ระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังญี่ปุ่น | กค | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับปรุงสัญญาความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตรา (Bilateral Swap Arrangement : BSA) ระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังญี่ปุ่น ซึ่งกระทรวงการคลังญี่ปุ่นได้เสนอให้มีการปรับปรุงสัญญาความตกลง BSA เพื่อให้การแก้ไขปัญหาสภาพคล่องที่เกิดจากปัญหาการขาดดุลการชำระเงินมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยมีการเจรจาปรับปรุงสัญญาความตกลง BSA มาอย่างต่อเนื่องจนสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกัน และคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๑ อนุมัติให้ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับปรุงสัญญาความตกลง BSA โดยจัดทำเป็นสัญญาความตกลงฉบับใหม่ (ร่างสัญญาความตกลง BSA ฉบับปรับปรุง) และมีกำหนดลงนามในช่วงเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑ ทั้งนี้ ร่างสัญญาความตกลง BSA ฉบับปรับปรุง มีสาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงจากฉบับปัจจุบัน เช่น (๑) ขยายสัดส่วนวงเงินการเบิกถอนในกรณีที่ไม่เชื่อมโยงกับความช่วยเหลือของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF De-linked Portion : IDLP) เพิ่มขึ้นจากร้อยละ ๓๐ (๙๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เป็นร้อยละ ๔๐ ของวงเงินสุดสุด (๑,๒๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และ (๒) ปรับแก้สัญญาโดยกำหนดเพิ่มให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถเลือกเบิกถอนเป็นเงินสกุลเงินเยนได้ นอกเหนือจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14986 | การแก้ไขเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการประสานงานแห่งชาติเพื่อการปฏิบัติให้เป็นไปตามอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี | อก | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแก้ไขเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการประสานงานแห่งชาติเพื่อการปฏิบัติให้เป็นไปตามอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. เปลี่ยนแปลงจาก อธิบดีกรมการบินพลเรือน หรือผู้แทน กรรมการ เป็น อธิบดีกรมท่าอากาศยาน หรือผู้แทน กรรมการ ๒. เปลี่ยนแปลงจาก ผู้อำนวยการสำนักควบคุมวัตถุอันตราย กรรมการ เป็น ผู้อำนวยการกองบริหารจัดการวัตถุอันตราย กรรมการ ๓. เพิ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือผู้แทน เป็นกรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14987 | ขอความเห็นชอบในการจัดทำร่างความตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการวิจัยและพัฒนา | กห | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงกลาโหมจัดทำความตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการวิจัยและพัฒนา และให้เจ้ากรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม โดยร่างความตกลงฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกรอบความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านการวิจัยและพัฒนาที่อยู่ในความสนใจของทั้งสองฝ่ายในลักษณะต่างตอบแทนบนพื้นฐานของความเท่าเทียมกันในเชิงมูลค่า คุณภาพ และปริมาณ ซึ่งจะทำให้กระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศสามารถนำข้อมูลด้านการวิจัยและพัฒนายุทโธปกรณ์ทางทหารที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงมาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และศึกษาร่วมกันได้ นอกจากนี้ ร่างความตกลงฯ ได้กำหนดแนวทางการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการวิจัยและพัฒนาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ โดยให้มีการจัดทำภาคผนวกการแลกเปลี่ยนข้อมูล (EA) ในแต่ละเรื่อง/โครงการของข้อมูลด้านการวิจัยและพัฒนาในรายละเอียดให้สอดคล้องกับร่างความตกลงฯ และกำหนดให้ภาคีแต่ละฝ่ายเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการดำเนินการแลกเปลี่ยนข้อมูลดังกล่าวภายใต้ความตกลงนี้ โดยมีกำหนดการลงนามวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการ ให้กระทรวงกลาโหมใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกระทรวงกลาโหมที่ได้ตั้งงบประมาณรองรับเพื่อการดังกล่าวไว้แล้วตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป โดยกระทรวงกลาโหมจะต้องพิจารณาถึงประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติที่เห็นควรมีการนำข้อมูลดังกล่าวมาพัฒนาศักยภาพของกองทัพให้สามารถสนับสนุนภารกิจนอกเหนือจากสงคราม โดยเฉพาะการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ รวมทั้งควรเปิดโอกาสให้นักวิจัยจากหน่วยงานต่าง ๆ ในเครือข่ายขององค์การบริหารการวิจัยแห่งชาติเข้าร่วมในโครงการดังกล่าว เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้และความสามารถของนักวิจัยไทยให้ก้าวกระโดดทัดเทียมต่างประเทศ และควรที่จะมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาถึงความเหมาะสมและผลกระทบก่อนที่จะดำเนินงาน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14988 | ร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เพิ่มเติม) สำหรับการจัดทำความตกลงการค้าเสรี ไทย - ปากีสถาน และ ไทย - ตุรกี | พณ | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) (เพิ่มเติม) ไทย-ปากีสถาน และ FTA (เพิ่มเติม) ไทย-ตุรกี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการเจรจาจัดทำ FTA ไทย-ปากีสถาน และ ไทย-ตุรกี ต่อไป โดยปากีสถานเสนอเป็นเจ้าภาพการประชุมเจรจาจัดทำ FTA ไทย-ปากีสถาน ครั้งที่ ๑๐ ภายในปี ๒๕๖๑ และไทยจะเป็นเจ้าภาพการเจรจาจัดทำ FTA ไทย-ตุรกี ครั้งที่ ๔ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้กระทรวงพาณิชย์ตัดข้อความเกี่ยวกับความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับศรีลังกาในร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เพิ่มเติม) สำหรับการจัดทำความตกลงการค้าเสรี ไทย-ปากีสถาน และ ไทย-ตุรกี ออก ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกรอบการเจรจาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเพิ่มเติมเรื่องการระงับข้อพิพาท ต้องหลีกเลี่ยงกระบวนการอนุญาโตตุลาการ เพื่อป้องกันการเสียเปรียบของไทย โดยจะต้องแก้ไขข้อพิพาทผ่านการเจรจาเพื่อให้ได้ข้อยุติ รวมทั้งควรพิจารณาเพิ่มเติมประเด็นการเจรจาที่เป็นประโยชน์ต่อไทย ได้แก่ การเปิดเสรีในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ โดยให้ความสำคัญกับสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพสูง อาทิ ผลไม้ และข้าว การเปิดเสรีบริการจัดส่งพัสดุภัณฑ์เพื่อสนับสนุนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การพัฒนาความร่วมมือด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะการส่งเสริมการใช้บริการทางการเงินและระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ และการพัฒนาระบบรับรองผู้ซื้อผู้ขายที่มีมาตรฐาน การส่งเสริมความร่วมมือในการจัดมหกรรมสินค้าและบริการ และการลงทุนเพื่อขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนให้มากขึ้น รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างกัน โดยเน้นการให้ความช่วยเหลือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในสาขาที่ไทยเชี่ยวชาญ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี ไทย-ปากีสถาน และ ไทย-ตุรกี จะมีการจัดทำความตกลงระหว่างกัน และเข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาดำเนินการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น และได้รับการเยียวยาที่จำเป็นอันเกิดจากผลกระทบจากการจัดทำร่างความตกลงฯ ตามที่เห็นสมควรเพื่อให้สอดคล้องกับหลักการของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยดังกล่าว ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการดำเนินการตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14989 | โครงการก่อสร้างโรงผลิตน้ำเย็นสำหรับระบบปรับอากาศของอาคาร SAT-1 และโครงการก่อสร้างสายส่ง 115 kV ไปยังสวิตซ์เกียร์ (GIS) ของสถานีไฟฟ้าย่อย DCAP 2 เพื่อการจ่ายไฟฟ้าให้กับโรงผลิตน้ำเย็น โดยการซื้อไฟฟ้ามาใช้เอง ของบริษัท ผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น จำกัด | พน | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้บริษัท ผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น จำกัด (District Cooling System and Power Plant Company Limited : DCAP) ดำเนินโครงการเพื่อรองรับปริมาณความต้องการไฟฟ้าและน้ำเย็นสำหรับระบบปรับอากาศที่เพิ่มขึ้นจากการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ ๒ ประกอบด้วย (๑) การดำเนินโครงการก่อสร้างโรงผลิตน้ำเย็นสำหรับระบบปรับอากาศของอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ ๑ (Satellite Airport Terminal-1 : SAT-1) และ (๒) การดำเนินโครงการก่อสร้างสายส่ง 115 kV ไปยังสวิตซ์เกียร์ (Gas Insulated Switchgear : GIS) ของสถานีไฟฟ้าย่อย DCAP 2 เพื่อการจ่ายไฟฟ้าให้กับโรงผลิตน้ำเย็น โดยการซื้อไฟฟ้ามาใช้เอง ในวงเงินลงทุนรวม ๙๙๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงาน โดย DCAP รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น เห็นควรให้ DCAP ประสานงานกับบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินงานก่อสร้างโรงผลิตน้ำเย็นสอดคล้องกับการดำเนินการโครงการของ ทอท. และเห็นควรให้ DCAP ดำเนินการก่อสร้างโดยมิให้กระทบกับการดำเนินงานของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นอกจากนี้ เห็นควรให้ DCAP ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อเพิ่มรายได้จากแหล่งอื่น และเพื่อพัฒนาแผนงานธุรกิจให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมและ ทอท. เร่งดำเนินการโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ ๒ เพื่อให้สามารถเริ่มให้บริการได้ตามที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาจัดทำแนวทางการพัฒนาระบบท่าอากาศยานของประเทศในภาพรวม และเร่งพัฒนาขีดความสามารถของท่าอากาศยานซึ่งมีจำนวนผู้โดยสารเกินขีดความสามารถในการรองรับและท่าอากาศยานที่มีแนวโน้มจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงพลังงาน โดย DCAP ปรับปรุงแผนการเบิกถอนเงินกู้ของโครงการก่อสร้างโรงผลิตน้ำเย็นสำหรับระบบปรับอากาศของอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ ๑ (SAT-1) และโครงการก่อสร้างสายส่ง 115 kV ไปยังสวิตซ์เกียร์ (GIS) ของสถานีไฟฟ้าย่อย DCAP 2 เพื่อการจ่ายไฟฟ้าให้กับโรงผลิตน้ำเย็น โดยการซื้อไฟฟ้ามาใช้เอง ให้สอดคล้องตามข้อเท็จจริง รวมทั้งเร่งรัดการดำเนินโครงการฯ เพื่อให้สามารถผลิตน้ำเย็นได้ทันตามความต้องการใช้น้ำเย็นสำหรับระบบปรับอากาศของอาคาร SAT-1 ตามแผนการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ ๒ ๓. ให้กระทรวงคมนาคม และ ทอท. รับความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14990 | ร่างตราสารต่ออายุความตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และวิชาการระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา | วท | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างตราสารต่ออายุความตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และวิชาการระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างตราสารฯ รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม (ร่างตราสารฯ มีกำหนดการลงนามในวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ณ สหรัฐอเมริกา) ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า หากมีกิจกรรมที่เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพย์สินทางปัญญา ควรดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๔๓ และควรให้ความสำคัญกับการศึกษาและวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ในสาขาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งควรเพิ่มเติมประเด็นการนำเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์/การเงินมาใช้ดำเนินงานด้วย นอกจากนี้ ควรนำองค์ความรู้และผลการวิจัยที่เกิดจากความร่วมมือมาใช้ยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในสาขาที่เกี่ยวข้องให้มากยิ่งขึ้น และควรจัดเตรียมงบประมาณให้เพียงพอต่อการสนับสนุนโครงการที่จะเกิดขึ้นตามความร่วมมือดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้ประชาคมโลกเข้าใจถึงความก้าวหน้าของการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวของไทยด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14991 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงคมนาคม) (นายวันจักร ฉายากุล) | คค | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวันจักร ฉายากุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งวิศวกรใหญ่ที่ปรึกษาวิชาชีพเฉพาะด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านอำนวยความปลอดภัย) (วิศวกรโยธาทรงคุณวุฒิ) กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่วันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14992 | ร่างพระราชบัญญัติสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศร | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญสามารถกำหนดตำแหน่งรองเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจและการบริหารงานของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูณที่เปลี่ยนแปลงไป ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้ศาลรัฐธรรมนูญรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดจำนวนตำแหน่งรองเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ควรให้คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้พิจารณากำหนด และควรพิจารณาเทียบเคียงการกำหนดตำแหน่งระดับสูงของหน่วยงานอิสระที่มีภารกิจและปริมาณงานใกล้เคียงกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14993 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจอด ทอดสมออยู่เป็นการประจำในน่านน้ำ ลำแม่น้ำ หรือทำเลทอดสมอจอดเรือตำบลใด ๆ พ.ศ. .... | คค | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจอด ทอดสมออยู่เป็นการประจำในน่านน้ำ ลำแม่น้ำ หรือทำเลทอดสมอจอดเรือตำบลใด ๆ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เรือเก็บสินค้า หรือเรือชนิดใด ๆ ที่คล้ายเรือเก็บสินค้าซึ่งใช้เป็นเรือทุ่นหรือสำหรับบรรจุสิ่งของต่าง ๆ ที่ได้รับอนุญาตทำการจอด ทอดสมออยู่เป็นการประจำในน่านน้ำ ลำแม่น้ำ หรือทำเลทอดสมอจอดเรือตำบลใด ๆ ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามที่กรมเจ้าท่ากำหนด ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14994 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชาวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์ และสาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ รวมทั้งกำหนดสีประจำสาขาวิชาดังกล่าว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14995 | รายงานผลการศึกษาธุรกิจค้าปลีกค้าส่งเพื่อเตรียมความพร้อมในการยกร่างมาตรการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งที่เหมาะสมกับประเทศไทย | พณ | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการศึกษาธุรกิจค้าปลีกค้าส่งเพื่อเตรียมความพร้อมในการยกร่างมาตรการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งที่เหมาะสมกับประเทศไทย ของมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) สรุปได้ว่า ประเทศไทยไม่มีความจำเป็นต้องออกกฎหมายค้าปลีกเพื่อกำกับควบคุมร้านค้าปลีกขนาดใหญ่หรือร้านสะดวกซื้อสมัยใหม่ รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์พิจารณาแล้วเห็นว่า พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๖๐ จะช่วยกำกับดูแลพฤติกรรมที่ไม่เป็นธรรมทางการค้าต่าง ๆ ให้เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล สำหรับการพัฒนาผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อย กระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำโครงการธงฟ้าประชารัฐ เพื่อยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการให้สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่ได้ นอกจากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาค้าส่งค้าปลีกไทยให้เข้มแข็งและยั่งยืน และพัฒนาค้าปลีกชุมชนเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันและเติบโตได้ตามนโยบายของรัฐบาล Thailand 4.0 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14996 | การแต่งตั้งโฆษกและรองโฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ | พม | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งโฆษกและรองโฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตามคำสั่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ ๔๔๕/๒๕๖๑ เรื่อง แต่งตั้งโฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และรองโฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ฝ่ายข้าราชการประจำ) ลงวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ ทั้งนี้ เพื่อให้ข้อมูลข่าวสาร การประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการดำเนินงานของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้
๑. เปลี่ยนแปลงโฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จากเดิม นายณรงค์ คงคำ เป็น นางสุภัชชา สุทธิพล ผู้ตรวจราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๒. เปลี่ยนแปลงรองโฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จากเดิม นางสาวอุษณี กังวารจิตต์ เป็น นางสุจิตรา พิทยานรเศรษฐ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14997 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หารือร่วมกัน ดังนี้ (๑) การบูรณาการด้านนโยบายและแผนการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เกิดเอกภาพ โดยกำหนดภารกิจและขอบเขตการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ในการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้มีความชัดเจน ตามบทบาทหน้าที่และความเชี่ยวชาญของหน่วยงานที่แตกต่างกันไป จัดทำแผนปฏิบัติการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยมีการหารือร่วมกันทั้งในกลุ่มของหน่วยงานนโยบาย และในกลุ่มของหน่วยงานปฏิบัติ (๒) การบูรณาการด้านข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยกำหนดให้จัดทำข้อมูลสถิติเพื่อการจัดทำตัวชี้วัดความก้าวหน้าในการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME Development Indicator) และจัดทำข้อมูล SME Big Data และ (๓) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประสานเชื่อมโยงกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในขั้นตอนของการจัดทำแผนการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และแผนปฏิบัติการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ขั้นตอนการดำเนินงาน ตลอดจนขั้นตอนการติดตามและประเมินผล ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14998 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน และกำหนดวิธีการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีคัดเลือกและวิธีเฉพาะเจาะจง พ.ศ. 2560 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน และกำหนดวิธีการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีคัดเลือกและวิธีเฉพาะเจาะจง พ.ศ. ๒๕๖๐ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการให้พัสดุส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา หรือการให้บริการทางการศึกษากรณีงานจ้างบริการทางวิชาการ และการวิจัยและพัฒนาของสถาบันที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในราชการ และของสถาบันพระปกเกล้า เป็นพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติที่เห็นควรสำรวจหน่วยงานที่มีวัตถุประสงค์ด้านการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา หรือการให้บริการทางการศึกษาในประเทศไทยให้ครบถ้วนและกำหนดในกฎกระทรวงพร้อมกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14999 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางเอมปรีดิ์ วัชรางกูร) | นร04 | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางเอมปรีดิ์ วัชรางกูร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำด้านยุทธศาสตร์และการวางแผน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15000 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนเพชรเกษมกับถนนสุขสวัสดิ์และถนนกาญจนาภิเษก พ.ศ. ....) | มท | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนเพชรเกษมกับถนนสุขสวัสดิ์และถนนกาญจนาภิเษก พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนรามอินทรากับถนนเทพรักษ์ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนเพชรเกษมกับถนนสุขสวัสดิ์และถนนกาญจนาภิเษก และสายเชื่อมระหว่างถนนรามอินทรากับถนนเทพรักษ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้าง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และกรุงเทพมหานครรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรุงเทพมหานครประสานกับกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการแนวทางแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดร่วมกัน โดยในเบื้องต้นควรให้ใช้กรณีการก่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนเพชรเกษมกับถนนสุขสวัสดิ์และถนนกาญจนาภิเษกเป็นพื้นที่นำร่อง รวมทั้งควรมอบหมายให้กรุงเทพมหานครพิจารณาความเหมาะสมของการกำหนดแผนการก่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนรามอินทรากับถนนเทพรักษ์ให้มีความสอดคล้องกับแผนการก่อสร้างและขยายถนนสายเชื่อมบริเวณซอยพหลโยธิน ๕๔/๑ แยก ๔ ไปยังถนนวัชรพล นอกจากนี้ ควรมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทยเร่งพิจารณาปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดให้โครงการที่เกี่ยวกับการพัฒนาก่อสร้างอาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัย หมู่บ้านจัดสรร และโรงแรมขนาดใหญ่จำเป็นต้องศึกษาผลกระทบต่อการจราจรในพื้นที่ พร้อมทั้งเสนอมาตรการลดผลกระทบต่อปัญหาจราจรในพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....