ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 746 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 14901 - 14920 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
14901 | การให้หนี้ตามสัญญาเงินยืมเพื่อสนับสนุนภารกิจของสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชนตกเป็นพับตามพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. 2561 | สสส. | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้หนี้ตามสัญญาเงินยืมเพื่อสนับสนุนภารกิจของสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน ระหว่างกระทรวงการคลังกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เลขที่ ๑/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๔ และสัญญายืมเงินเพื่อสนับสนุนภารกิจของสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน ระหว่างกระทรวงการคลังกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เลขที่ ๒/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ เป็นอันพับไป ตามมาตรา ๔๗ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่ประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14902 | ร่างพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อการจัดการทรัพย์สินส่วนบุคคล พ.ศ. .... | กค | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อการจัดการทรัพย์สินบุคคล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการบริหารจัดการทรัพย์สินส่วนบุคคล โดยการที่บุคคลผู้ก่อตั้งทรัสต์ซึ่งเป็นบุคคลหรือนิติบุคคลได้โอนทรัพย์สินหรือสิทธิใด ๆ ในทรัพย์สินของตนให้แก่ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเป็นทรัสตี และให้ผลประโยชน์จากการบริหารจัดการทรัพย์สินตกแก่ผู้รับประโยชน์ซึ่งมิใช่ผู้ก่อตั้งทรัสต์ อันจะทำให้การบริหารจัดการทรัพย์สินส่วนบุคคลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และการกำหนดให้มีทรัสต์เพื่อการจัดการทรัพย์สินสอดคล้องกับมาตรา ๑๖๘๖ ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับประเด็นเนื้อหาสาระของร่างพระราชบัญญัติฯ เช่น มาตรา ๘ ที่บัญญัติในวรรคแรกกับวรรคสองขัดแย้งกันเอง และมาตรา ๗๙ (๑) (๒) และวรรคสาม การเข้าไปในสถานที่ตามที่ระบุมีความจำเป็นต้องขอหมายค้นหรือไม่ รวมทั้งประเด็นที่เกี่ยวกับการอ้างอิงมาตราในร่างพระราชบัญญัติฯ ยังมีความคลาดเคลื่อนอยู่ในบางมาตรา เช่น มาตรา ๕๙ และมาตรา ๘๘ เป็นต้น นอกจากนี้ สัญญาก่อตั้งทรัสต์ตามร่างพระราชบัญญัติฯ น่าจะยังไม่ครอบคลุมถึงเรื่องการก่อตั้งทรัสต์โดยพินัยกรรม และในเรื่องบำเหน็จหรือค่าตอบแทนของทรัสต์จะถือว่าเป็นสาระสำคัญที่จะต้องมีระบุไว้ในสัญญาก่อตั้งทรัสต์ตามร่างพระราชบัญญัติฯ หรือไม่ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองซึ่งต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดอายุของกองทรัสต์ควรมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงการกระจายตัวของความมั่งคั่งในระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากกองทรัสต์สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาความมั่งคั่งสำหรับผู้มีรายได้สูง และการกำหนดอายุกองทรัสต์นานเกินไปอาจทำให้การกระจุกตัวของความมั่งคั่งในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น และควรศึกษาแนวทางความเป็นไปได้ในการรวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนิติกรรมสัญญาและการบริหารทรัพย์สินไว้เป็นฉบับเดียว เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14903 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. .... | นร | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมที่จะช่วยส่งเสริมหรือสนับสนุนจากภาครัฐ และจะเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบกิจการจากภาคเอกชนเข้ามาประกอบกิจการหรือดำเนินการเพื่อสังคมมากขึ้น ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ตัดร่างมาตรา ๒๙ (๑) เงินประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้ ออก ตามความเห็นของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน และให้รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสังคม เช่น การจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ตามมาตรา ๑๘ และกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ตามมาตรา ๒๙ ของร่างพระราชบัญญัติฯ จะต้องไม่ซ้ำซ้อนกับภารกิจของหน่วยงานหรือกองทุนหมุนเวียนอื่นที่จัดตั้งไว้แล้ว และมาตรา ๑๙ (๒) ของร่างพระราชบัญญัติฯ ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม มีอำนาจการกู้ยืมเงินตามความเห็นชอบของคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม นั้น ขอให้พิจารณาตามนัยมาตรา ๗ พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กรณีการก่อให้เกิดภาระทางการเงินการคลังแก่รัฐ ความคุ้มค่า ต้นทุน และผลประโยชน์ที่จะได้รับ เป็นต้น นอกจากนี้ การกำหนดลักษณะของวิสาหกิจเพื่อสังคมที่กำหนดให้ต้องนำผลกำไรไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๐ กลับไปลงทุนในกิจการของตนเอง หรือใช้เพื่อประโยชน์ส่วนรวมอื่น ๆ อาจทำให้ขาดความยืดหยุ่นและไม่สอดคล้องกับเป้าหมายที่ต้องการสนับสนุนให้วิสาหกิจเพื่อสังคมสามารถขอรับเงินสนับสนุนจากผู้ลงทุนภาคเอกชน นอกเหนือจากการสนับสนุนของภาครัฐและเงินบริจาค ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติฯ ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๔๙ (เรื่อง ขั้นตอนการจัดตั้งองค์การมหาชน) และให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14904 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาและการวิจัย ไทย-โมร็อกโก | ศธ | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำและลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาและการวิจัย ไทย-โมร็อกโก ระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงศึกษาธิการแห่งชาติ การฝึกอบรมวิชาชีพ การอุดมศึกษา และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์แห่งราชอาณาจักรโมร็อกโก (Memorandum of Understanding on cooperation in the field of Education and Research between the Ministry of Education of the Kingdom of Thailand and the Ministry of National Education, Vocational Training, Higher Education and Scientific Research of the Kingdom of Morocco) และอนุมัติให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์) หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ในช่วงการเยือนราชอาณาจักรโมร็อกโก ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความร่วมมือด้านการอุดมศึกษาและการวิจัยทางวิทยาศาสตร์บนฐานของความเท่าเทียมกัน ผลประโยชน์ร่วมและต่างตอบแทนกันในการส่งเสริมความสัมพันธ์และความเข้าใจร่วมกันระหว่างผู้เข้าร่วม โดยไม่ได้สร้างภาระผูกพันที่มีผลผูกพันตามกฎหมายใด ๆ มีขอบเขตความร่วมมือ เช่น การแลกเปลี่ยนข้อสนเทศและสื่อสิ่งพิมพ์ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา การแลกเปลี่ยนครู นักเรียน และผู้เชี่ยวชาญ เสริมสร้างความเข้มแข็งของการเชื่อมโยงสถาบันการศึกษาผ่านโครงการวิจัยร่วมกัน และกิจกรรมร่วมกัน เป็นต้น รวมทั้งระบุให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมด้านการศึกษาไทย-โมร็อกโก เพื่อใช้เป็นเวทีในการหารือกิจกรรม/โครงการความร่วมมือระหว่างกัน โดยจะจัดประชุมสองปีต่อครั้ง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นที่เกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๗๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14905 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับศรีลังกา | พณ | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับศรีลังกา และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยจะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ในวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ซึ่งร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับศรีลังกาและการพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจร่วมกันอย่างยั่งยืน รวมถึงการเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างกันผ่านความร่วมมือในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประสานการดำเนินงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงยุทธศาสตร์การพัฒนาและการค้าระหว่างประเทศของศรีลังกา เพื่อให้มีการติดตาม ประเมินผล และปรับปรุงการดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือดังกล่าวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพบรรลุผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14906 | การบริจาคเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนให้แก่โครงการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ (United Nations International Drug Control-UNDCP) สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime-UNODC) และสำนักเลขาธิการอาเซียน | ยธ | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ปรับลดงบประมาณสนับสนุนเงินอุดหนุนให้แก่กองทุนแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือด้านยาเสพติดระหว่างอาเซียนและจีน (ASEAN and China Cooperative Operations in Response to Dangerous Drugs : ACCORD) สำนักเลขาธิการอาเซียน จากเดิมจำนวน ๓๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ เป็นจำนวน ๒๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ๑.๒ บริจาคเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนโครงการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ (United Nations International Drug Control : UNDCP) โดยเป็นการสนับสนุนแผนงานย่อยการสนับสนุนงานเลขานุการและความร่วมมือในลักษณะความเป็นหุ้นส่วนภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ ๗ ฝ่าย ว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง จากเดิมจำนวน ๑๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ เป็นจำนวน ๒๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ๑.๓ อนุมัติบริจาคเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนโครงการ Global SMART Programme ซึ่งเป็นโครงการภายใต้สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) จำนวนปีละ ๒๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการก่อหนี้ผูกพันและการใช้จ่ายเงินสำหรับการดำเนินโครงการควรต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนัยมาตรา ๓๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และควรให้ความสำคัญกับการติดตามสถานการณ์การใช้สารที่ออกฤทธิ์ใกล้เคียงกับสารอันตรายและสารกระตุ้นประสาทชนิดใหม่ ๆ ด้วย รวมทั้งควรมีการติดตามตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินการของโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้การใช้งบประมาณแผ่นดินบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14907 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2561 | ทส | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) และกระบวนการการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ (กรณีการจัดระบบการใช้ประโยชน์) พื้นที่นิคมสร้างตนเอง พื้นที่ปฏิรูปที่ดิน (ฉบับที่แก้ไข) และพื้นที่ป่าชายเลน (ฉบับแก้ไข) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ซึ่งที่ประชุม คทช. ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๑ ได้มีมติรับทราบและเห็นชอบในเรื่องต่าง ๆ เช่น ๑.๑ รับทราบผลการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑ มีพื้นที่เป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน จำนวน ๓๗๑ พื้นที่ ๖๖ จังหวัด เนื้อที่ประมาณ ๑,๐๔๓,๓๐๖ ไร่ และรับทราบข้อมูลผู้ขึ้นทะเบียนของผู้ยากไร้ที่ดินทำกินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กรมที่ดิน กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จำนวนทั้งสิ้น ๘๔๑,๑๗๐ ราย เป็นต้น ๑.๒ เห็นชอบในหลักการของ (ร่าง) แผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และ (ร่าง) แผนปฏิบัติการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ ระยะเร่งด่วน และเห็นชอบกระบวนการการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลใน (๑) พื้นที่ปฏิรูปที่ดิน (๒) พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ (๓) พื้นที่นิคมสร้างตนเอง (๔) พื้นที่ป่าชายเลน (ขอปรับแก้กระบวนการการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนฯ จากเดิมเฉพาะในพื้นที่ป่าชายเลน อำเภอเมือง และอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็น ทั่วประเทศ) ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณในส่วนของงบประมาณ ขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบภายใต้แผนงานบูรณาการการจัดการปัญหาที่ดินทำกินเร่งรัดการดำเนินการเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ร่วมกันอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ในการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14908 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้คนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยปฏิบัติเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎรและกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้คนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยปฏิบัติเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎรและกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดให้คนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยปฏิบัติเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎรและกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อกำหนดให้คนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยที่ได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวติดต่อกันเป็นเวลาตั้งแต่ ๖ เดือนขึ้นไป ต้องจัดทำทะเบียนราษฎรและบัตรประจำตัว เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรพิจารณาบูรณาการฐานข้อมูลคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยในราชอาณาจักร ระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงแรงงาน เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลไม่ให้กลุ่มมิจฉาชีพที่เป็นบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทยเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์และสร้างภาระให้กับสังคมไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14909 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงข่าวร่วมในโอกาสการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี | กต | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงข่าวร่วมในโอกาสการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี (Joint Press Statement on the Official Visit of His Excellency General Prayut Chan-o-cha, Prime Minister of the Kingdom of Thailand, to the Democratic Socialist Republic of Sri Lanka) มีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมและติดตามความร่วมมือทวิภาคีไทย-ศรีลังกา ในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การเมือง เศรษฐกิจ ความร่วมมือทางวิชาการ การเกษตร ประมง วัฒนธรรม ศาสนา การท่องเที่ยว และความร่วมมือระดับภูมิภาคและพหุภาคี โดยทั้งสองประเทศจะออกเอกสารแถลงข่าวร่วมฯ ในโอกาสการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงข่าวร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ทั้งสองประเทศร่วมกันพิจารณาถึงโอกาสในการขยายความร่วมมือด้านการส่งเสริมการพัฒนาความเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานทางทะเลข้ามอ่าวเบงกอลและทางอากาศเพื่อขยายการค้าและการขนส่งสินค้าระหว่างกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14910 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงหอประชุมกองทัพเรือตามนโยบายรัฐบาล | กห | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓๔๓,๒๘๘,๐๐๐ บาท ให้กองทัพเรือ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงหอประชุมกองทัพเรือ ตามนโยบายรัฐบาล ระยะแรก (ส่วนที่เหลือ) ตามแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่จะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. ให้กระทรวงกลาโหม (กองทัพเรือ) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนวทางการใช้ประโยชน์ของหอประชุมกองทัพเรือให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งให้พิจารณาเกี่ยวกับการปรับปรุงพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหอประชุมกองทัพเรือและบริเวณใกล้เคียงให้มีทัศนียภาพที่เหมาะสม สวยงาม และมีพื้นที่ใช้สอยมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับผู้เข้าร่วมงาน/ผู้เข้าร่วมเฝ้ารับเสด็จในงานพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำได้เป็นจำนวนมาก เช่น การทำทุ่นลอยริมแม่น้ำ เป็นต้น ๓. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14911 | การขอรับเงินอุดหนุนให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ปีงบประมาณ 2561-2562 | อื่นๆ | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแผนการใช้เงินปีงบประมาณ ๒๕๖๑-๒๕๖๒ ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เนื่องจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ยังไม่เคยได้รับการจัดสรรงบประมาณ รวมทั้งเงินและทรัพย์สินที่ได้รับโอนมากจากสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน จำนวน ๒๔ ล้านบาท ไม่เพียงพอต่อการดำเนินภารกิจตามวัตถุประสงค์ และแผนงานตามแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ปีงบประมาณ ๒๕๖๑-๒๕๖๒ จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องขอรับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลเพื่อดำเนินภารกิจต่อไป โดยขอรับจัดสรรเงินจากงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปีงบประมาณ ๒๕๖๑ จำนวน ๖๓๖ ล้านบาท และใช้เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ จำนวน ๘,๙๐๙ ล้านบาท ตามที่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาบูรณาการการจัดทำแผนงานและแผนการใช้จ่ายเงินงบประมาณของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาให้ถูกต้อง ชัดเจน ตามความจำเป็นเหมาะสมและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ขอบเขต และเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยไม่เกิดความซ้ำซ้อนกับการดำเนินงานของหน่วยงานอื่น แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14912 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) (นางสาวดารณี ลิขิตวรศักดิ์) | กก | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวดารณี ลิขิตวรศักดิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14913 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (นางภัทราวรรณ เวชชศาสตร์) | กต | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางภัทราวรรณ เวชชศาสตร์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14914 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (นายวศิน เรืองประทีปแสง และนายธานี แสงรัตน์) | กต | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายวศิน เรืองประทีบแสง ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ๒. นายธานี แสงรัตน์ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14915 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. 2561) | นร04 | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา รวม ๘ คน ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา ตามมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการ ๒. นางสาววลัยรัตน์ ศรีอรุณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. รองศาสตราจารย์ดารณี อุทัยรัตนกิจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภาควิชาการ ๔. รองศาสตราจารย์ปัทมาวดี โพชนุกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภาควิชาการ ๕. นายภัทระ คำพิทักษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภาคประชาสังคม ๖. นายจเด็จ ธรรมธัชอารี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภาคประชาสังคม ๗. นายประสงค์ วินัยแพทย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ภาคเอกชน ๘. นายชาลี จันทนยิ่งยง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14916 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (กระทรวงการคลัง) (นายปรเมธี วิมลศิริ) | กค | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายปรเมธี วิมลศิริ ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งเดิม ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14917 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันการบินพลเรือน (จำนวน 3 ราย 1. พลอากาศเอก เผด็จ วงษ์ปิ่นแก้ว ฯลฯ) | คค | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันการบินพลเรือน รวม ๓ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งมาครบวาระสามปี ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. พลอากาศเอก เผด็จ วงษ์ปิ่นแก้ว ประธานกรรมการ ๒. นางสาวพจณี อรรถโรจน์ภิญโญ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายนภดล วณิชวรนันท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14918 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (จำนวน 7 คน 1. นายวีระพงษ์ แพสุวรรณ ฯลฯ) | วท | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ รวม ๗ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายวีระพงษ์ แพสุวรรณ ประธานกรรมการ ๒. พลเรือเอก ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายปกรณ์ อาภาพันธุ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายสมบัติ อยู่เมือง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายสมประสงค์ บุญยะชัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14919 | แต่งตั้งข้าราชการการเมืองแทนตำแหน่งที่ว่าง (ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์) (นางวิไลวรรณ ทัพวงศ์ศรี) | พณ | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นางวิไลวรรณ ทัพวงศ์ศรี เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14920 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม | กค | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๓/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ที่เห็นชอบให้มีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมตามร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. .... ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ และให้คณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับแหล่งทุนและรายรับของกองทุนฯ ซึ่งมีที่มาจากเงินบริจาคหรือเงินสมทบตามที่กฎหมายกำหนด จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดให้มีทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้ รวมทั้งการดำเนินกิจการของกองทุนฯ จะต้องกำหนดมาตรการและกลไกที่เหมาะสมอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงหลักความเป็นกลาง หรือความมีส่วนได้เสียกับการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของแหล่งเงินทุนที่จะบริจาคหรือสมทบเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
.....