ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 741 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 14801 - 14820 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
14801 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับไปพิจารณาก่อนรับหลักการ [ร่างพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | สว | 31/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาและข้อสังเกตของร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับไปพิจารณาก่อนรับหลักการ [ร่างพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ] โดยกระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเห็นว่า ราชการส่วนท้องถิ่นใดจะดำเนินการออกข้อบัญญัติท้องถิ่นเพื่อให้เป็นไปตามร่างพระราชบัญญัตินี้ ขอให้เป็นไปตามความพร้อมของแต่ละราชการส่วนท้องถิ่น ส่วนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่า ขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์อยู่ระหว่างการพิจารณาจัดทำร่างพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่มีหลักการทำนองเดียวกันกับร่างพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) แต่มีการกำหนดรายละเอียดเพิ่มเติม เช่น การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากเจ้าของสัตว์เลี้ยง โดยกำหนดให้รายได้จากค่าธรรมเนียมและค่าปรับเป็นของราชการส่วนท้องถิ่นเพื่อนำมาใช้บริหารจัดการในการดำเนินการขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง กำหนดเพิ่มอำนาจเปรียบเทียบปรับให้กับพนักงานท้องถิ่น และการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติ เป็นต้น ซึ่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวอยู่ระหว่างการเสนอคณะกรรมการป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์พิจารณา ก่อนนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติหลักการ ดังนั้น จึงเห็นว่า การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่เสนอโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ควรชะลอการพิจารณาเพื่อรอร่างพระราชบัญญัติที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อพิจารณาไปในคราวเดียวกัน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. ให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) ที่คณะรัฐมนตรีขอรับไปพิจารณาก่อนรับหลักการไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติภายในกำหนดเวลา พร้อมให้แจ้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปด้วยว่า ควรชะลอการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) เพื่อรอร่างพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อพิจารณาไปในคราวเดียวกันต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของกระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการยกร่าง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14802 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | นร01 | 31/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยภาพรวมสถิติการแจ้งเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นของประชาชนที่ยื่นเรื่องผ่านช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้งสิ้น ๓๔,๓๘๘ ครั้ง รวมจำนวน ๑๙,๒๘๓ เรื่อง โดยประเด็นเรื่องที่ประชาชนร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นมากที่สุด ได้แก่ เหตุเดือดร้อนรำคาญ รองลงมาคือ การเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายและโครงการของรัฐ ยาเสพติด บ่อนการพนัน และไฟฟ้า ตามลำดับ ทั้งนี้ สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ จำนวน ๑๖,๕๔๐ เรื่อง คิดเป็นร้อยละ ๘๕.๗๘ และอยู่ระหว่างการดำเนินการของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๒,๗๔๓ เรื่อง คิดเป็นร้อยละ ๑๔.๒๒ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. ในการนำเสนอสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชนในภาพรวมของปีงบประมาณและ/หรือในไตรมาสถัดไป ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการโดยให้มีข้อมูลของปีก่อนหน้า/ไตรมาสก่อนหน้าด้วย เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นพัฒนาการของผลการดำเนินการให้ชัดเจน ๓. ให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความสำคัญแก่การแจ้งความคืบหน้าการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และเร่งรัดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้มีผลเป็นที่ยุติด้วยความเป็นธรรมภายในระยะเวลาที่เหมาะสม รวมทั้งให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนผู้เกี่ยวข้องในประเด็นข้อสงสัยหรือข้อขัดข้องที่ทำให้ยังไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาใด ๆ ให้เสร็จสิ้นได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14803 | ผลการเยือนญี่ปุ่นของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) | กต | 31/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนญี่ปุ่นของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เมื่อวันที่ ๑๗-๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เพื่อเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-ญี่ปุ่น (High Level Joint Commission : HLJC) ครั้งที่ ๔ ร่วมกับเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ เช่น (๑) ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกที่ครอบคลุมและก้าวหน้า (CPTPP) (๒) ความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยและญี่ปุ่นสำหรับความเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจ (JTEPA) (๓) ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) (๔) ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมเพื่อ Thailand 4.0 และระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และ (๕) ความร่วมมือระบบราง เป็นต้น นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ได้หารือกับประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) เกี่ยวกับการส่งเสริมการลงทุนของญี่ปุ่นในไทย ซี่งประธาน JETRO มีข้อแนะนำที่ฝ่ายไทยควรพิจารณาปรับปรุงเพิ่มเติม เช่น การปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับ EEC ให้สามารถตอบสนองต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมชั้นสูงใหม่ ๆ ของเอกชนญี่ปุ่นได้มากขึ้น เป็นต้น รวมทั้งได้เยือนจังหวัดมิเอะและจังหวัดไอจิเพื่อเข้าพบหารือผู้ว่าราชการจังหวัดและภาคเอกชน โดยได้หารือเกี่ยวกับการเชิญชวนให้บริษัทขนาดใหญ่รวมทั้ง SME และ Start Up ในสาขาที่มีศักยภาพและสอดคล้องกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย รวมถึงนโยบาย Thailand 4.0 ของไทย เช่น ยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนอากาศยานและอวกาศเข้ามาลงทุนใน EEC เพิ่มมากขึ้น และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการเยือนดังกล่าวเพื่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14804 | การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง | กต | 31/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างเอกสารรวม ๕ ฉบับ ซึ่งจะมีการรับรองโดยที่ประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ ๕๑ ระหว่างวันที่ ๒-๓ สิงหาคม ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ เป็นผู้ร่วมให้การรับรองร่างเอกสาร ประกอบด้วย (๑) ร่างถ้อยแถลงประธานการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๑๑ (๒) ร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-คงคา ครั้งที่ ๙ (๓) ร่างถ้อยแถลงประธานร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๘ (๔) ร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๑๑ และ (๕) ร่างถ้อยแถลงร่วมเพื่อสร้างความเข้มแข็งด้านการจัดการและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านน้ำในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การเสนอความริเริ่มในการจัดทำแผนแม่บทกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-คงคา เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างประเทศลุ่มน้ำโขงและอินเดีย ควรพิจารณาถึงการสร้างอัตลักษณ์ของกรอบความร่วมมือดังกล่าว รวมถึงโครงการ/แผนงานที่จะบรรจุไว้ในแผนแม่บทดังกล่าว เพื่อสร้างความโดดเด่นและไม่ทับซ้อนกับโครงการที่อยู่ภายใต้แผนแม่บทของกรอบความร่วมมือต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้ว และให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาจุดเน้นและจุดยืนของไทย รวมทั้งผลประโยชน์ที่ไทยจะได้รับภายใต้กรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง และกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับหุ้นส่วนการพัฒนานอกภูมิภาค อาทิ ญี่ปุ่น (กรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น) อินเดีย (กรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-คงคา) สาธารณรัฐเกาหลี (กรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี) และสหรัฐอเมริกา (ข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง) ตลอดจนบูรณาการสาขาความร่วมมือต่าง ๆ ภายใต้กรอบและแผนงานความร่วมมือที่มีอยู่แล้วทั้งในระดับภูมิภาคและอนุภูมิภาค โดยการประสานและสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินงานด้านการต่างประเทศของไทยมีความเป็นเอกภาพ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14805 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนมิถุนายน 2561 | นร11 | 31/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนมิถุนายน ๒๕๖๑ โดยมีความก้าวหน้าที่สำคัญ เช่น การเตรียมการเพื่อจัดทำร่างแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และสรุปผลการกรอกข้อมูลของหน่วยงานต่าง ๆ ในระบบ eMENSCR เป็นต้น รวมทั้งการวางแผนการขับเคลื่อนในระยะต่อไป ได้แก่ ประมวลผลข้อมูลการดำเนินงานของหน่วยงานที่กรอกข้อมูลในระบบ eMENSCR เพื่อวิเคราะห์หากิจกรรม/แผนงาน/โครงการที่ยังไม่มีหน่วยงานใดดำเนินการ และนำไปสู่ข้อเสนอเชิงนโยบายในการจัดทำแผนปฏิบัติการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป และดำเนินการโครงการต่าง ๆ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๑ โดยมีโครงการที่สำคัญ เช่น โครงการสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของกลุ่มเยาวชนนิสิต นักศึกษา ต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ โครงการสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ และโครงการสร้างการตระหนักรู้ต่อยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ (Big Bang อนาคตไทย อนาคตเรา) เป็นต้น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14806 | มาตรการลดภาระหนี้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้เกษตรกรรายย่อย | กค | 31/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบโครงการขยายเวลาชำระหนี้ให้แก่เกษตรกรลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาและลดภาระหนี้สินของเกษตรกรลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และส่งเสริมเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ฟื้นฟูการประกอบอาชีพ โดยเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับสิทธิ์ขยายระยะเวลาชำระหนี้ต้นเงินกู้เป็นระยะเวลา ๓ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ตามความสมัครใจ และจะได้รับการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเพิ่มศักยภาพการประกอบอาชีพ สินเชื่อเพื่อปรับโครงสร้างการผลิต หรือสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินและจัดหาปัจจัยการผลิตได้ รวมทั้ง ธ.ก.ส. จะส่งเสริมการออมที่เหมาะสมให้กับเกษรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ด้วย ๒. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เกษตรกรรายย่อย สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๒,๗๒๔.๘๕ ล้านบาท โดย ธ.ก.ส. จะต้องคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการฯ อย่างรอบคอบ ตลอดจนรักษาวินัยทางการเงินการคลังอย่างเคร่งครัดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และขอทำความตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามผลการดำเนินการจริงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้กระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลัง ธ.ก.ส. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น (๑) มอบหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการโครงการต่าง ๆ ที่รัฐบาลได้มุ่งเน้นการฟื้นฟูอาชีพเกษตรกร การปรับปรุงระบบการผลิตให้เข้าสู่ระบบการเกษตรแบบผสมผสานโดยเปลี่ยนจากการผลิตพืชเชิงเดี่ยวมาสู่การปลูกพืชหลากหลายชนิด รวมถึงกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ ตลอดจนมีการประเมินผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับจากมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้มีการดำเนินการในรูปแบบต่าง ๆ ที่ผ่านมาว่ามีประสิทธิผลมากน้อยเพียงใด และ (๒) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควรพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยอื่นที่เป็นหนี้สถาบันเกษตรกร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยที่มีภาระหนี้และไม่ได้เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ตามมาตรการลดภาระหนี้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้เกษตรกรรายย่อยให้ได้รับความช่วยเหลือที่เท่าเทียมและทั่วถึงเช่นกันด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14807 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงการคลัง) (จำนวน 3 ราย 1. นายลวรณ แสงสนิท ฯลฯ) | กค | 31/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายลวรณ แสงสนิท ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ๒. นางสาววิไล ตันตินันท์ธนา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายบุญชัย จรัสแสงสมบูรณ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14808 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงคมนาคม) (นายสมัย โชติสกุล) | คค | 31/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสมัย โชติสกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14809 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงมหาดไทย) (นายสุธี ทองแย้ม) | มท | 31/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุธี ทองแย้ม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการปกครอง (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14810 | ขอให้พิจารณานำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน 2 ฉบับ) | สลธ.คสช. | 31/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๖๑ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมบัญชีท้ายประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๐๘/๒๕๕๗ สั่ง ณ วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขบัญชียาเสพติดท้ายประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฯ โดยเพิ่มวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๒ ได้แก่ คีตามีน (ยาเค) เพื่อให้ครอบคลุมวัตถุออกฤทธิ์ในปัจจุบันเพื่อให้สามารถนำมาตรการทางเลือกในการบำบัดฟื้นฟูมาใช้แทนการลงโทษหรือการดำเนินคดีได้แทน ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๑/๒๕๖๑ เรื่อง การแก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา สั่ง ณ วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขข้อขัดข้อง เรื่อง องค์ประกอบของคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้มีการประชุมและทำหน้าที่ได้ รวมทั้งเพื่อให้การขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาและการบริหารราชการในกระทรวงศึกษาธิการมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับการปฏิรูปประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14811 | รายงานเหตุการณ์ดินโคลนถล่ม ณ บ้านห้วยขาบ อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน | มท | 31/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานเหตุการณ์ดินโคลนถล่ม ณ บ้านห้วยขาบ อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน โดยเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เวลาประมาณ ๐๖.๐๐ น. เกิดเหตุการณ์ดินโคลนถล่มทับบ้านเรือนประชาชน บริเวณบ้านห้วยขาบ หมู่ที่ ๗ ตำบลบ่อเกลือเหนือ อำเภอบ่อเกลือ มีบ้านที่ถูกดินทับ จำนวน ๖ หลัง และมีผู้เสียชีวิต รวม ๘ ราย รวมทั้งดินโคลนได้ถล่มทับเส้นทางคมนาคม ได้แก่ เส้นทางหมายเลข ๑๓๓๓ ตอนแม่สะนาน-ผักเฮือด กิโลเมตรที่ ๓๓+๐๓๐ ถึง ๓๓+๐๘๐ เส้นทางบ้านสะเละ-บ้านบ่อหยวก ตำบลบ่อเกลือเหนือ เส้นทางเข้าบ้านห้วยขาบ ตำบลบ่อเกลือเหนือ อำเภอบ่อเกลือ และเส้นทางบ้านสว้า ตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ จังหวัดน่านได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่อำเภอบ่อเกลือ) และหน่วยงานในพื้นที่ได้เข้าให้การค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในการขนย้ายสิ่งของและทำความสะอาดบ้านเรือนและสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงอพยพประชาชนผู้ประสบภัยไปยังที่ปลอดภัย ณ ศูนย์พักพิงชั่วคราว และหมวดทางหลวงบ่อเกลือได้เข้ากั้นเส้นทาง ตัดกิ่งไม้ เคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวาง และนำเครื่องจักรดำเนินการตักดินโคลนออกจากผิวจราจร นอกจากนี้ เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา) และคณะได้เดินทางไปเยี่ยมและให้กำลังใจประชาชนผู้ประสบภัย ณ ศูนย์พักพิงชั่วคราว โดยมอบเงินช่วยเหลือแก่ญาติผู้เสียชีวิตและมอบถุงยังชีพช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย พร้อมทั้งได้ประชุมเตรียมความพร้อมในการจัดการภัยพิบัติร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด จำนวน ๑๐ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดน่าน พะเยา อุตรดิตถ์ แพร่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน ตาก และแม่ฮ่องสอน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนจัดทำแผนเตรียมความพร้อมและแผนเผชิญเหตุจากภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น แผ่นดินไหว ดินโคลนถล่ม พายุ คลื่นลมทะเล สึนามิ เป็นต้น ให้ชัดเจน เหมาะสม สอดคล้องกับสภาพปัญหา และสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพประสิทธิผลเมื่อมีสถานการณ์เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้ ให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับการดำเนินการในเชิงป้องกันปัญหาและความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ประสบภัยที่อาจเกิดขึ้น โดยจะต้องมีระบบการแจ้งเตือนภัยที่รวดเร็วเป็นการล่วงหน้าเพียงพอให้ผู้ที่มีความเสี่ยงจะประสบภัยพิบัติสามารถอพยพหรือเคลื่อนย้ายออกจากจุดหรือพื้นที่เสี่ยงภัยได้ทันการณ์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะต้องลงพื้นที่เพื่อติดตามตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือประชาชนให้ดำเนินการให้เป็นไปตามคำเตือนภัยดังกล่าวในแต่ละกรณีก่อนที่จะเกิดภัยจริงด้วย เช่น การอพยพประชาชนออกจากที่อยู่อาศัยที่เป็นจุดเสี่ยงจะเกิดอันตราย การติดตามให้เรือที่ออกทะเลไปกลับเข้าชายฝั่งก่อนการเกิดคลื่นลมแรง เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14812 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2561 (เดือนพฤษภาคม 2561) | นร11 | 31/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนเมษายนและพฤษภาคม ๒๕๖๑ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเดือนเมษายนและพฤษภาคม ๒๕๖๑ ๑.๑ ด้านการใช้จ่าย ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนทั้ง ๒ เดือนขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนทั้ง ๒ เดือนขยายตัวในเกณฑ์สูง มูลค่าการส่งออกสินค้าทั้ง ๒ เดือนขยายตัวในเกณฑ์สูงต่อเนื่อง โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าอยู่ที่ ๑๘,๙๔๘ และ ๒๒,๓๓๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ มูลค่าการนำเข้าสินค้าทั้ง ๒ เดือนขยายตัวในเกณฑ์สูง การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลทั้งจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีและรายจ่ายลงทุนของรัฐบาล โดยเดือนเมษายน ๒๕๖๑ มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น ๒๓๗,๙๐๒.๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ ๑๓.๒ ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลลดลงในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑ โดยมีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น ๑๗๐,๙๓๑ ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ ๑๕.๓ ๑.๒ ด้านการผลิต รายรับจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศทั้ง ๒ เดือนขยายตัวในเกณฑ์สูงต่อเนื่อง ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรทั้ง ๒ เดือนขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่ดัชนีราคาสินค้าเกษตรโดยรวมของทั้ง ๒ เดือนปรับตัวลดลงตามการลดลงของราคาสินค้าเกษตรบางรายการ เช่น ยางพารา และอ้อย แม้ว่าดัชนีราคาสินค้าเกษตรที่ลดลงจะส่งผลให้ดัชนีรายได้เกษตรกรโดยรวมในเดือนเมษายน ๒๕๖๑ ปรับลดลง แต่ดัชนีรายได้เกษตรกรก็กลับมาเพิ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑ รวมทั้งดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมทั้ง ๒ เดือนขยายตัวในเกณฑ์ดีอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากกลุ่มอุตสาหกรรมที่สำคัญ เช่น การผลิตยานยนต์ และการผลิตน้ำตาล เป็นต้น ๑.๓ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจเดือนเมษายนและพฤษภาคม ๒๕๖๑ อยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ การจ้างงานเพิ่มขึ้น ดุลการค้าและดุลบริการเกินดุล ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่อง ๒. ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเดือนเมษายนและพฤษภาคม ๒๕๖๑ ยังคงขยายตัวในเกณฑ์ดีต่อเนื่องและกระจายตัวมากขึ้นในทุกภูมิภาค ตามการปรับตัวดีขึ้นของเครื่องชี้ทางเศรษฐกิจในประเทศสำคัญ ๆ ทั้งเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา กลุ่มประเทศยูโรโซน และญี่ปุ่น ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของการบริโภคภายในประเทศและการผลิตภาคอุตสาหกรรมเช่นเดียวกับเศรษฐกิจจีนซึ่งยังขยายตัวได้ดีตามการขยายตัวของการส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรม รวมถึงเศรษฐกิจประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ยังคงขยายตัวได้ดีตามการผลิต การบริโภคภายในประเทศ และการส่งออก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14813 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 48/2561 และครั้งที่ 49/2561 | นร05 | 31/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๔๘/๒๕๖๑ วันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๑ และครั้งที่ ๔๙/๒๕๖๑ วันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14814 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 31/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๐ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการให้มีการจัดตั้งตลาดกลางเพื่อเป็นศูนย์กลางการขายส่งสินค้าเกษตรหรือผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ระหว่างผู้ผลิต/เกษตรกรและผู้จำหน่ายสินค้าปลีกในพื้นที่ให้ครบทุกจังหวัดภายในปี ๒๕๖๑ โดยพิจารณากำหนดพื้นที่ที่มีความเหมาะสม และพิจารณานำกลไกประชารัฐมาสนับสนุนการดำเนินการด้วย นั้น เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนมากขึ้นและส่งเสริมให้เกิดตลาดประชารัฐอย่างยั่งยืน ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขยายการดำเนินการของตลาดดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงการค้าปลีกและค้าส่งสินค้าเกษตร สินค้าประมง และสินค้าปศุสัตว์ และให้พิจารณาจัดระบบการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ให้เหมาะสม โดยให้พิจารณาแนวทางการเชื่อมโยงตลาดในแต่ละภูมิภาคโดยใช้กลไกประชารัฐด้วย เช่น การส่งเสริมให้ประชาชนที่มียานพาหนะเข้ามามีส่วนร่วมในการให้บริการขนส่งสินค้าไปยังพื้นที่ต่าง ๆ การสนับสนุนให้มีการซื้อขายสินค้าในรูปแบบออนไลน์ เป็นต้น ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการดังกล่าวข้างต้นให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๓ เดือน ๑.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๑ และวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๑ ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้มีการบริโภคน้ำนมข้าวให้มากยิ่งขึ้น และส่งเสริมสินค้าที่แปรรูปมาจากข้าวและให้เป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่สามารถบริโภคผลิตภัณฑ์นมที่มาจากสัตว์ รวมทั้งให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ศึกษาวิจัยคุณค่าทางโภชนาการของน้ำนมข้าว นั้น ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการผลิตน้ำนมข้าว โดยเพิ่มสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้นด้วย เช่น โปรตีน แคลเซียม ไอโอดีน เป็นต้น ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ตามที่จะมีการจัดการประกวด Miss Universe 2018 ขึ้นในประเทศไทยในช่วงปลายเดือนธันวาคม ๒๕๖๑ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ประเทศไทยได้ในหลากหลายมิติทั้งในด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และเศรษฐกิจ นั้น ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือและอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ แก่ผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมงานตามความเหมาะสม เช่น การเยี่ยมชม การใช้สถานที่ การอำนวยการจราจรและความปลอดภัย เป็นต้น เพื่อให้การจัดงานและกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและบรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดงานด้วย ๒.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีศูนย์รับบริจาคหนังสือและสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ขึ้นที่ศูนย์ดำรงธรรมของทุกจังหวัด และให้นำหนังสือและสิ่งพิมพ์ดังกล่าวไปให้ห้องสมุดประชาชน โรงเรียนต่าง ๆ ในแต่ละพื้นที่ตามความเหมาะสม เพื่อสนับสนุนและเพิ่มโอกาสให้ประชาชนได้มีโอกาสอ่านหนังสือดี มีประโยชน์ และเป็นการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาตนเองผ่านการเรียนรู้ตลอดชีวิตต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14815 | รัฐบาลสาธารณรัฐไอซ์แลนด์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งสาธารณรัฐไอซ์แลนด์ประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายกุนนาร์ สนอร์รี กุนนาร์ซอน (Mr. Gunnar Snorri Gunnarsson)] | กต | 24/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายกุนนาร์ สนอร์รี กุนนาร์ซอน (Mr. Gunnar Snorri Gunnarsson) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐไอซ์แลนด์ประจำประเทศไทย คนใหม่ สืบแทน นายสเตฟาน สเกียล์ดาร์ซอน (Mr. Stefan Skjaldarson) โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14816 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายสมจิตร ศรีอุดมขจร) | สธ | 24/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นางฉวีวรรณ ภักดีธนากุล ดำรงตำแหน่งทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านทันตกรรม) กลุ่มงานศัลยศาสตร์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล กลุ่มภารกิจด้านวิชาการและการแพทย์ สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๐ ๒. นางสุนทรี รัตนชูเอก ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์ กลุ่มภารกิจด้านวิชาการและการแพทย์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๐ ๓. นางวนิดา ลิ่มพงศานุรักษ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์ กลุ่มภารกิจด้านวิชาการและการแพทย์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๐ ๔. นายสมจิต ศรีอุดมขจร ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์ กลุ่มภารกิจด้านวิชาการและการแพทย์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14817 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสรรพยา จังหวัดชัยนาท พ.ศ. .... | มท | 24/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสรรยพา จังหวัดชัยนาท พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสรรพยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท เพื่อประโยชน์ในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมการวางผังเมืองให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎกระทรวงฯ และควรคำนึงถึงการควบคุมการก่อสร้างต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคกับการระบายน้ำในพื้นที่ รวมทั้งควรให้มีการยกเว้นให้สามารถติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนขนาดเล็กเพื่อสนับสนุนภาคการเกษตรและใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ได้ นอกจากนี้ ควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองพิจารณาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับดูแล และอนุมัติการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการบุกรุกพื้นที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำ และสามารถควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินได้สอดคล้องกับภูมิสังคมของพื้นที่ รวมถึงสถานการณ์การพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14818 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ. .... | มท | 24/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว เพื่อควบคุมการก่อสร้างอาคารในพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรกำหนดอาคารอยู่อาศัยรวมที่มีพื้นที่อาคารตั้งแต่ ๔,๐๐๐ ตารางเมตรขึ้นไป ซึ่งมีลักษณะอาคารเป็นที่รวมคนจำนวนมาก ไว้ในร่างกฎกระทรวงฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการขออนุญาตและก่อสร้างอาคารให้เป็นไปตามกฎกระทรวงฯ อย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14819 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... | มท | 24/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดจันทบุรี เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการอนุญาตก่อสร้าง หรือดัดแปลงอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ อย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14820 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 | มท | 24/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๓ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ให้อาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษต้องจัดให้มีที่จอดรถดับเพลิง ที่จอดรถเพื่อการกู้ชีพฉุกเฉิน และให้อาคารสูงต้องจัดให้มีลิฟต์สำหรับเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยพิบัติอย่างอื่นหรือกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน และให้มีอุปกรณ์การปฐมพยาบาลในการช่วยชีวิต ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการขออนุญาตและก่อสร้างอาคารให้เป็นไปตามกฎกระทรวงฯ อย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....