ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 747 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 14921 - 14940 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
14921 | การแต่งตั้งประธานกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (นายสุรงค์ บูลกุล) | คค | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุรงค์ บูลกุล เป็นประธานกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ตามนัยมาตรา ๑๔ วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14922 | การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 5/2561 | นร | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ และตรวจราชการ ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๒ : จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดยโสธร) โดยนายกรัฐมนตรีตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานี และจัดประชุมคณะรัฐมนตรี ณ จังหวัดอุบลราชธานี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14923 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม 2561) | นร | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14924 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรูปแบบรายการและเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างโรงพยาบาลทั่วไปและอุบัติเหตุ โรงพยาบาลราชวิถี ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี 1 รายการ | สธ | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์เปลี่ยนแปลงแบบรูปรายการและเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างโรงพยาบาลทั่วไปและอุบัติเหตุ โรงพยาบาลราชวิถี ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ๑ รายการ จากวงเงินเดิม ๓๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๓๙๘,๖๑๐,๗๐๐ บาท เป็นกรณีเฉพาะราย ตามนัยระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๗ (๓) โดยใช้เงินบำรุงโรงพยาบาลราชวิถีสมทบ จำนวน ๘๓,๖๑๐,๗๐๐ บาท ทั้งนี้ การดำเนินการก่อสร้างรายการดังกล่าว ให้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์ดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ในการดำเนินแผนงาน/โครงการใด ๆ ในอนาคต ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14925 | ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์คณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา | กสศ | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดสิทธิประโยชน์ของคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ประกอบด้วย เบี้ยประชุม และสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานในกรณีเดินทางไปปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เช่น ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าที่พัก ค่าพาหนะ เป็นต้น ตามที่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเสนอ สำหรับเบี้ยประชุมของคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ให้ประธานกรรมการได้รับเบี้ยประชุมในอัตราครั้งละ ๑๐,๐๐๐ บาท ส่วนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและกรรมการโดยตำแหน่งได้รับเบี้ยประชุมในอัตราครั้งละ ๘,๐๐๐ บาท โดยให้จ่ายเบี้ยประชุมได้ไม่เกินเดือนละ ๒ ครั้ง หรือรวมกันไม่เกิน ๑๔ ครั้งในรอบปี ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเพื่อดำเนินการกรณีดังกล่าว ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายตามแนวทางและหลักเกณฑ์การเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14926 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านการต่างประเทศ ให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาแนวทางการจัดทำความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศกับราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดนในเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายมีความพร้อมและอยู่ในความสนใจร่วมกัน เช่น การปรับปรุงเครื่องยนต์สำหรับการผลิตยุทโธปกรณ์และยานรบ เป็นต้น ทั้งนี้ ในการจัดทำความร่วมมือดังกล่าวให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบหลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ด้านสังคม ๒.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินโครงการอาหารกลางวัน โดยส่งเสริมให้มีการทำการเกษตรชุมชนเพื่อนำผลผลิตมาบริโภคเป็นอาหารกลางวันในโรงเรียนเสริมจากงบประมาณที่รัฐได้จัดสรรให้ด้วย นั้น จากการเดินทางไปตรวจราชการ ณ จังหวัดระยอง พบว่า โรงเรียนวัดเกาะได้มีการจัดการเรียนการสอนให้นักเรียนทำการเกษตรแบบผสมผสานและนำผลผลิตมาประกอบเป็นอาหารกลางวันให้กับนักเรียนและส่งจำหน่ายด้วย ทำให้นักเรียนได้รับประทานอาหารกลางวันที่มีคุณภาพ ถูกหลักโภชนาการ โดยสามารถจัดหาวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารกลางวันเพิ่มเติมจากงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรได้อย่างเหมาะสม จึงขอให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแนวทางของโรงเรียนดังกล่าวไปเป็นต้นแบบขยายผลให้โรงเรียน/สถาบันการศึกษาอื่น ๆ ในสังกัดนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น เร่งส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับการทำการเกษตรในลักษณะต่าง ๆ เช่น เกษตรแบบผสมผสาน เกษตรอินทรีย์ Smart Farmer เป็นต้น ให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้นด้วย ๒.๒ ให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น ดำเนินการส่งเสริมและสร้างการรับรู้เกี่ยวกับเอกลักษณ์ สถานที่สำคัญ เกร็ดความรู้ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของแต่ละจังหวัดผ่านสื่อในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งที่ทำเป็นเอกสารและสื่ออิเล็กทรอนิกส์ แล้วให้นำไปเผยแพร่ในแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ให้ทั่วถึง เช่น โรงเรียน/สถาบันการศึกษา วัด ห้องสมุดประชาชน เป็นต้น เพื่อสร้างการรับรู้และปลูกฝังให้ประชาชนเกิดความภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตน รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้และการท่องเที่ยวด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมให้มีการจัดตั้งห้องสมุดประชาชนในท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วประเทศให้มากขึ้นเพื่อให้เป็นแหล่งเผยแพร่ข้อมูลความรู้สำหรับชุมชนต่อไปด้วย ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐ และวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เกี่ยวกับการกำหนดมาตรการในการกำจัดขยะมูลฝอยให้สอดคล้องกับแนวทางประชารัฐ นั้น ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพลังงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยทั้งระบบให้เกิดผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนโดยเร็ว และให้เร่งจัดตั้งศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยแบบครบวงจรในทุกกลุ่มพื้นที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการรวมกลุ่มเพื่อกำจัดขยะมูลฝอย (Cluster) ทั่วประเทศ (จำนวน ๓๒๔ กลุ่ม) ให้แล้วเสร็จภายใน ๑ เดือน โดยให้พิจารณาขนาดและที่ตั้งให้เหมาะสมกับสภาพของแต่ละพื้นที่ โดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบหลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๓.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม เป็นต้น รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์เรือนักท่องเที่ยวล่มที่จังหวัดภูเก็ตต่อนายกรัฐมนตรี โดยให้บันทึกข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ชัดเจน ผ่านศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (Prime Minister Operation Center : PMOC) เป็นประจำทุกวัน เช่น จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวนผู้เสียชีวิต การพิสูจน์สัญชาติ การดูแลให้ความช่วยเหลือเยียวยา สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ให้แก่นักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุ เป็นต้น ๓.๓ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นต้น ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่/สถานที่ต่าง ๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติทั่วประเทศ เช่น ถ้ำ น้ำตก เป็นต้น ให้ครบถ้วน และเร่งดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและมีความปลอดภัย โดยให้กำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยที่ชัดเจนและเผยแพร่ให้นักท่องเที่ยวทราบอย่างทั่วถึงด้วย ๓.๔ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๑ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบเกี่ยวกับการพัฒนาคูคลองเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจ โดยให้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาคัดเลือกคูคลองที่มีศักยภาพที่สามารถพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจได้ นั้น ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาดำเนินการพัฒนาคูคลองเพิ่มเติมในทุกจังหวัดอย่างน้อย ๑ คลอง ๑ จังหวัด ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว/พักผ่อนที่สะดวกและสะอาด ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๑ ๓.๕ ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐให้ความสำคัญ เร่งรัด ขับเคลื่อน และติดตามการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาลที่อยู่ในความรับผิดชอบของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐนั้น ๆ ให้มีความคืบหน้าและเกิดผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนภายในปี ๒๕๖๑ เช่น (๑) การดำเนินการตามประเด็นปฏิรูปตามรัฐธรรมนูญ เช่น การปฏิรูปการศึกษา การปฏิรูปตำรวจ เป็นต้น (๒) การปฏิรูประบบราชการที่ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งการสรรหา บรรจุ แต่งตั้ง ปรับย้าย สิทธิประโยชน์ อัตรากำลัง ตลอดจนการจ้างงานในลักษณะชั่วคราว (Ad-hoc) (๓) การบริหารจัดการภัยพิบัติที่ต้องบูรณาการร่วมกันระหว่างทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) และศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (Prime Minister Operation Center : PMOC) โดยให้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการกลางเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักด้วย (๔) การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระยะสั้น (๑-๒ ปี) การจัดที่ดินทำกิน การเพาะปลูกพืช โดยต้องมีการบริหารจัดการที่สอดคล้องกับระบบแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) ด้วย (๕) การบริหารจัดการขยะทั่วประเทศ (๖) การติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการต่าง ๆ ทั้งที่เป็นโครงการมาจากการลงพื้นที่ตรวจราชการของคณะรัฐมนตรี และโครงการที่ใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก (๗) การพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับส่วนราชการระดับท้องถิ่น รวมทั้งการกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการเรื่องต่าง ๆ ของท้องถิ่นที่สมควรกำหนดให้เป็นอำนาจของส่วนท้องถิ่นที่จะสามารถดำเนินการได้เองตามความเหมาะสมและที่สมควรกำหนดให้เป็นอำนาจของส่วนกลางในการดำเนินการ (๘) การผลิตและพัฒนาทรัพยากรบุคคลในด้านต่าง ๆ ที่มีประสิทธิภาพให้รองรับและสอดคล้องกับความต้องการของประเทศ เช่น ด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เป็นต้น (๙) การเตรียมการเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ โดยพิจารณากำหนดแนวทางการจัดให้มีอาชีพเสริมให้แก่ผู้สูงอายุเพื่อให้มีรายได้ในการดำรงชีวิตที่ดีได้ (๑๐) การประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการต่าง ๆ เช่น วิสาหกิจตั้งต้น (Start up) วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ทั้งในเรื่องเงินทุน ความรู้ และเทคโนโลยี (๑๑) การกำกับดูแลหน่วยงาน/องค์กรที่กำกับดูแลระบบสาธารณูปโภคและระบบคมนาคมขนส่งไม่ให้เกิดข้อติดขัด เช่น การเดินรถไฟฟ้าเฉลิมพระเกียรติ ๖ รอบพระชนมพรรษา (รถไฟฟ้า BTS) เป็นต้น และ (๑๒) การแก้ไขปัญหาและพัฒนาระบบสหกรณ์ โดยเฉพาะสหกรณ์การเกษตรให้มีความเข้มแข็งสามารถเป็นศูนย์รวมสินค้าและผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14927 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม 2561)] | นร | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14928 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 1-2 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | กค | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๑-๒ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ (ตุลาคม ๒๕๖๐-มีนาคม ๒๕๖๑) สินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่มสินค้า ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง ผลไม้ กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง นาฬิกาและอุปกรณ์ สูท เสื้อ กระโปรง กางเกง สำหรับบุรุษ สตรี เด็กชาย เด็กหญิง และเนคไท สุราต่างประเทศ เลนส์ รองเท้าหนังและรองเท้าผ้าใบ แว่นตา ปากกาและอุปกรณ์ เครื่องประดับที่ทำด้วยคริสตัล ไวน์ กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ ดอกไม้ ผ้าทอทำด้วยขนสัตว์ ไฟแช็คและอุปกรณ์ และเครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหารหรือใช้ตกแต่งภายในที่ทำด้วยคริสตัล มีมูลค่านำเข้ารวม ๒,๒๓๕.๗๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละ ๑.๘๖ ของมูลค่านำเข้ารวม) ขยายตัวเป็นครั้งแรกหลังจากหดตัวลงในทุกไตรมาสในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ๓๗๐.๕๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละ ๑๙.๘๗) โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่ได้รับความนิยมสูงในช่วง ๒ ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมสูงต่อเนื่อง ได้แก่ สินค้ากลุ่มน้ำหอมและเครื่องสำอาง กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง นาฬิกาและอุปกรณ์ และสุราต่างประเทศ สำหรับอากรขาเข้าที่จัดเก็บจากสินค้าฟุ่มเฟือยใน ๒ ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามมูลค่านำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยที่เพิ่มสูงขึ้น โดยอากรขาเข้าที่จัดเก็บจากสินค้าฟุ่มเฟือยในไตรมาสแรกขยายตัวขึ้นหลังจากหดตัวต่อเนื่องในช่วง ๙ ไตรมาสที่ผ่านมา และอากรขาเข้าที่จัดเก็บจากสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๒ ขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสแรก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14929 | การจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปเพื่อแก้ไขความตกลงในการสนับสนุนทางการเงินภายใต้โครงการการใช้ป่าพรุที่ยั่งยืนและการบรรเทาหมอกควันในอาเซียน | ทส | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปเพื่อแก้ไขความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินภายใต้โครงการการใช้ป่าพรุที่ยั่งยืนและการบรรเทาหมอกควันในอาเซียน และอนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในนามของอาเซียน โดยร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ มีสาระสำคัญเป็นการตอบรับข้อเสนอตามหนังสือแลกเปลี่ยนของสหภาพยุโรปในการแก้ไขความตกลงในการสนับสนุนทางการเงิน (Financing Agreement) ภายใต้โครงการการใช้ป่าพรุฯ โดยแก้ไขข้อ ๒.๒ วรรค ๒ ภาคผนวก ๑ (ข้อกำหนดด้านเทคนิคและการบริหารจัดการ) ของความตกลงฯ เพื่อให้บรูไนดารุสซาลามและสาธารณรัฐสิงคโปร์สามารถเข้าร่วมการได้รับเงินสนับสนุนภายใต้โครงการการใช้ป่าพรุฯ (เดิมมีสิทธิ์เข้าร่วมได้เพียงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโดยไม่ได้กำหนดให้ได้รับเงินสนับสนุน) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงกลาโหมที่เห็นควรพิจารณาใช้ประโยชน์จากความตกลงฯ เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าพรุภายในพื้นที่ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14930 | รายงานตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 ประจำปี 2560 | สสส. | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานตามมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๔๔ ประจำปี ๒๕๖๐ ตามที่กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์ปัจจัยเสี่ยงหลักต่อสุขภาพและผลงานเด่นในปี ๒๕๖๐ ได้แก่ (๑) เดินหน้าสร้างสังคมไทยปลอดควันบุหรี่ (๒) ปกป้องเยาวชนไทยไม่ตกเป็นเหยื่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (๓) ร่วมสร้างกลไกป้องกันอุบัติเหตุระดับพื้นที่อย่างยั่งยืน (๔) ร่วมวางฐานรากพัฒนาทักษะและคุณภาพชีวิตเด็กไทยทุกช่วงวัย (๕) สร้างภูมิคุ้มกันลดปัจจัยเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) (๖) พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ “สูงวัยอย่างมีคุณค่า” (๗) Balloon Model สร้างเสริมสุขภาวะคนไร้บ้าน และ (๘) พัฒนา Model ส่งต่อ “การให้” สร้างสรรค์สังคมเพื่อทุกคน ๒. ผลการดำเนินงานสำคัญตามเป้าประสงค์ ๖ เป้าประสงค์ ในปี ๒๕๖๐ ได้แก่ (๑) ลดปัจจัยเสี่ยงหลัก โดยการสานและเสริมพลังการดำเนินงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง และภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อให้บรรลุผลในการลดปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ ด้านการควบคุมการบริโภคยาสูบ การควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสิ่งเสพติด การลดอุบัติเหตุจราจรและอุบัติภัย สร้างสุขนิสัยในการออกกำลังกาย และการบริโภคอาหารสุขภาพ (๒) พัฒนากระบวนการลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพอื่น ๆ โดยพัฒนากลไกที่จำเป็นสำหรับการลดปัจจัยเสี่ยงนอกเหนือจากเป้าประสงค์ที่ ๑ และสร้างขีดความสามารถของบุคคลที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก เยาวชน และกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ (๓) พัฒนาต้นแบบสุขภาวะ โดยเพิ่มขีดความสามารถเชิงสถาบันและส่งเสริมบทบาทของชุมชนและองค์กรในการพัฒนาสุขภาวะองค์รวมหรือแก้ไขปัญหาสำคัญของตน โดยพัฒนากระบวนการต้นแบบและกลไกขยายผลเพื่อมุ่งพัฒนาสังคมสุขภาวะในระยะยาวอย่างยั่งยืน (๔) สร้างความตื่นตัวและค่านิยมใหม่ในสังคม โดยสร้างค่านิยมและโอกาสการเรียนรู้ในการสร้างเสริมสุขภาวะผ่านระบบสื่อและวิถีทางปัญญาให้เกิดขึ้นในสังคมไทย เพื่อสร้างการเรียนรู้ผ่านกระบวนการสื่อสร้างสรรค์ให้สังคมไทยให้ความร่วมมือกับการรณรงค์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนบรรลุเป้าประสงค์อื่น ๆ (๕) ขยายโอกาสในการสร้างนวัตกรรม โดยขยายโอกาสและพัฒนาศักยภาพในการสร้างนวัตกรรมเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาวะ ทำให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึง การสร้างผู้นำและประชาชนได้รับผลประโยชน์จริง และ (๖) ส่งเสริมสมรรถนะของระบบสุขภาพและบริการสุขภาพ โดยเพิ่มสมรรถนะระบบบริการ และระบบสนับสนุนในการสร้างเสริมสุขภาวะ และเพิ่มประสิทธิภาพกลไกการบริหารจัดการทั้งในประเทศและนานาชาติ ๓. การตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการทำงานในปี ๒๕๖๐ ได้แก่ (๑) รายงานของคณะกรรมการประเมินผล (๒) รายงานของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการตรวจสอบภายใน และ (๓) รายงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14931 | รัฐบาลสาธารณรัฐฝรั่งเศสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายฌาก ลาปูฌ (Mr. Jacques Lapouge)] | กต | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฌาก ลาปูฌ (Mr. Jacques Lapouge) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทย คนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายฌีล การาชง (Mr. Gilles Garachon) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14932 | รายงานประจำปี 2559 ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | ศธ | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๕๙ ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานของ สสวท. ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ เช่น เผยแพร่กิจกรรมสะเต็มศึกษาไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ๕,๗๐๐ โรง และอบรมขยายผลแนวคิดการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาให้กับครูผ่านทางศูนย์สะเต็มศึกษาภาคกว่า ๑๓,๐๐๐ คน พัฒนาและขยายบริการศูนย์เรียนรู้ดิจิทัลระดับชาติด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีผ่านเว็บไซต์ http://learningspace.ipst.ac.th/ เป็นต้น ๒. รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของ สสวท. สิ้นสุด ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบแล้วเห็นว่า มีความถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้ ๓. แผนการดำเนินงานของปีงบประมาณ ๒๕๖๐ เช่น พัฒนาหลักสูตร สื่อ และกระบวนการจัดการเรียนรู้ โดยเพิ่มสาระเทคโนโลยี ประกอบด้วยการออกแบบและเทคโนโลยีและวิทยาการคำนวณ และเร่งพัฒนาครูให้เป็นครูที่สามารถกระตุ้นนักเรียนใช้ความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการแก้ปัญหา ทักษะการสื่อสาร เชื่อมโยงความรู้จากในห้องเรียนสู่การแก้ปัญหาจริง ผ่านการอบรมหลากหลายรูปแบบ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14933 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ พ.ศ. 2555) | มท | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในส่วนของข้อกำหนดการจำกัดความสูงของอาคารในบริเวณที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย (สีเหลือง) ในบริเวณหมายเลข ๒.๕ เฉพาะที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขที่ ชม.๒๒๓๘ จำนวนเนื้อที่ ๑๘ ไร่ ๑ งาน ๙๒ ตารางวา ซึ่งใช้ประโยชน์สำหรับกิจการของโรงพยาบาลสันทราย เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการกำหนดให้ที่ดินประเภทปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินเพื่อการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม การสาธารณูปโภค และสาธารณูปการ หรือสาธารณประโยชน์ ไว้ในข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมือง รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการควบคุมการวางผังเมืองให้สอดคล้องเจตนารมณ์ของกฎกระทรวงดังกล่าวเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด โดยคำนึงถึงการควบคุมการก่อสร้างต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคกับการระบายน้ำในพื้นที่ นอกจากนี้ กรมโยธาธิการและผังเมืองควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการก่อสร้างอาคารพักคนไข้ของโรงพยาบาลสันทรายให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎกระทรวงดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14934 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ) | นร09 | 10/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีการจ้างแรงงานไม่เกินสองร้อยคน และมีเงินได้พึงประเมินตามที่กำหนดหรือมีรายได้รวมกันไม่เกินหนึ่งร้อยล้านบาทต่อปี สำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละสิบห้าของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าจ้างรายวันให้แก่ลูกจ้าง ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14935 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่น นอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนพฤษภาคม 2561 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 03/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๕ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๑๐ ฉบับ ทั้งนี้ พระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๑ มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เป็นผลให้จำนวนกฎหมายที่มีผลใช้บังคับของเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑ เพิ่มขึ้น จำนวน ๑ ฉบับ เป็น จำนวน ๑๑ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีจำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๗ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๑ ฉบับ คือ พระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘๓ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๓๔ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๔๙ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย มีจำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานผลครบถ้วนแล้ว จำนวน ๓๐ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ มีจำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานผลครบถ้วนแล้ว จำนวน ๓๘ เรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14936 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ 3/2561 | นร04 | 03/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๑ ซึ่งมีความคืบหน้าการติดตามเร่งรัดการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ๓ เรื่อง ตามที่ กขร. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองประชาชนในการทำสัญญาขายฝากที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัย พ.ศ. .... เห็นควรให้คณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วนเร่งรัดดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓ เดือน ๒. ร่างพระราชบัญญัติรัฐบาลดิจิทัล พ.ศ. .... เห็นควรให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร่วมกับสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) เร่งรัดดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๑ เดือน ๓. การแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการปลูกไม้มีค่าในที่ดินกรรมสิทธิ์ เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดดำเนินการโดยประสานสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแนวทางการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓ เดือน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14937 | รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนเมษายน 2561 | พณ | 03/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนเมษายน ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนเมษายน ๒๕๖๑ ด้านการส่งออกขยายตัวสูงขึ้นที่ร้อยละ ๑๒.๓ (YoY) หรือคิดเป็นมูลค่า ๑๘,๙๔๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีปัจจัยสนับสนุน เช่น (๑) อุปสงค์ที่แข็งแกร่งในตลาดศักยภาพสอดคล้องกับเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องส่งผลให้การส่งออกไปยังตลาดสำคัญส่วนใหญ่ขยายตัวในระดับสูงกว่าเป้าหมาย (๒) ราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวสูงขึ้นส่งผลดีต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และ (๓) การส่งออกกระจายสู่ตลาดศักยภาพ และตลาดใหม่อื่น ๆ ได้มากขึ้น เป็นต้น ด้านการนำเข้าคิดเป็นมูลค่า ๒๐,๒๒๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๒๐.๔ (YoY) เป็นการนำเข้าสินค้าต่าง ๆ เช่น เชื้อเพลิง สินค้าทุน และวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูปเพื่อใช้ในการผลิตในประเทศ ส่งผลให้การค้าขาดดุล ๑,๒๘๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้านสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวที่ร้อยละ ๑๒.๒ (YoY) สินค้าที่มีการขยายตัวในระดับสูง ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก และน้ำมันกึ่งสำเร็จรูป ในขณะที่การส่งออกรายตลาดขยายตัวเกือบทุกตลาด ๒. แนวโน้มการส่งออกปี ๒๕๖๑ คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในเกณฑ์ดีและมีการกระจายตัวมากขึ้น โดยเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกามีพื้นฐานการขยายตัวแข็งแกร่งจากการจ้างงานและมาตรการกระตุ้นทางด้านภาษี กลุ่มประเทศยูโรโซน แนวโน้มขยายตัวในด้านการส่งออกและการปรับตัวของตลาดแรงงานอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นตามการสนับสนุนจากนโยบายการเงิน นอกจากนี้ เศรษฐกิจหลายประเทศในเอเชียขยายตัวได้ดีเช่นเดียวกัน อาทิ เศรษฐกิจจีน แนวโน้มยังไปได้ดีโดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนภาคเอกชนและการส่งออกขยายตัวสูง ในขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่น มีแนวโน้มขยายตัวต่ำ เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศยังอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม การส่งออกยังขยายตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเทคโนโลยีอันจะส่งผลดีต่อการส่งออกไทยที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิต
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14938 | สรุปผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ณ สาธารณรัฐออสเตรีย | ยธ | 03/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานสรุปผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศเพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ ๒๗ (27th session of the Commission on Crime Prevention and Criminal Justice : CCPCJ) และหารือข้อราชการระดับทวิภาคี ไทย-ออสเตรีย ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๑ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเข้าร่วมการประชุม CCPCJ สมัยที่ ๒๗ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้กล่าวถ้อยแถลงในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ซึ่งมีสาระสำคัญเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของ CCPCJ ในการจัดการกับปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์และอาชญากรรมข้ามชาติต่าง ๆ พร้อมทั้งยกตัวอย่างกลไกภายในประเทศไทยเพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว เช่น การจัดทำแผนระดับชาติว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔) และการจัดตั้งศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ เป็นต้น รวมทั้งการเป็นประธานในงานนิทรรศการของโครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ในหัวข้อ “INSPIRE ‘Project’ to ‘Products’ : Lessons learned from Thailand’s Corrections-based Rehabilitation Programmes” โดยนิทรรศการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอกระบวนการแก้ไขฟื้นฟูผู้ต้องขัง ผ่านการให้ความรู้ การสร้างอาชีพ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ฝีมือผู้ต้องขัง นอกจากนี้ ประเทศไทยพร้อมสนับสนุนข้อเสนอแนวคิดในการสร้าง Global Prison Brand ของสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) เพื่อรับรองคุณภาพสินค้าและเป็นการยืนยันความสามารถของผู้พ้นโทษด้วย ๒. ผลการหารือระดับทวิภาคี ไทย-ออสเตรีย ได้แก่ (๑) การหารือกับรองประธานสภาหอการค้าออสเตรีย พร้อมด้วยผู้บริหารสถาบันการฝึกอบรม WIFI โดยทั้งสองฝ่ายมีความประสงค์ร่วมกันที่จะกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในการผลิตกำลังคนเพื่อรองรับภาคการค้าและการลงทุน (๒) การหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมออสเตรียในประเด็นการปฏิรูประบบงานของรัฐบาล ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ นโยบายด้านกระบวนการยุติธรรม และการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกัน และ (๓) การหารือกับรองนายกเทศมนตรีและรองผู้ว่าการกรุงเวียนนาในประเด็นความคืบหน้าความร่วมมือระหว่างไทย-ออสเตรียในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14939 | รายงานสรุปผลการเดินทางไปราชการ ณ รัฐอิสราเอล | วท | 03/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ รัฐอิสราเอล ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระหว่างวันที่ ๒๖-๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมคณะ ได้เข้าเยี่ยมชมหน่วยงานสำคัญของอิสราเอล เช่น (๑) Israel Aerospace Industries Ltd. หรือ IAI เป็นบริษัทผู้พัฒนาและผลิตเทคโนโลยีป้องกันประเทศ โดยเฉพาะในด้าน Dual-use technology ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สามารถประยุกต์ใช้ได้สองทางเพื่อสร้างประโยชน์ทั้งทางการทหารและการเกษตรสำหรับ Smart Farmer และ (๒) Agricultural Research Organization (ARO)-Volcani Center (Bet Dagan) โดย ARO เป็นหน่วยงานที่ดูแลงานวิจัยและพัฒนาในภาคเกษตร โดยทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะร่วมมือกันแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ให้การอบรมนักวิจัย สร้างเครือข่ายงานวิจัยร่วมกันเพื่อให้เกิดการสร้างงานวิจัยใหม่ ๆ ที่มีประโยชน์ต่อเกษตรกร และสามารถสร้างผลผลิตและรายได้ให้ประเทศต่อไป เป็นต้น ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีภายใต้หัวข้อ “Thinking out of the ox-Celebrating Seventy Years of Israel Scientific Innovation in the Service of Humanity” ณ นครเยรูซาเล็ม โดยได้ร่วมอภิปรายในประเด็น “What is a Start-up Nation” และได้กล่าวถึงโครงการสำคัญ เช่น (๑) โครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EECi : Eastern Economic Corridor of Innovation) (๒) Regional Science Parks (อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค) เพื่อส่งเสริมด้านวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเชิงพาณิชย์ที่มีศักยภาพ เพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาและภาคเอกชน และ (๓) Food Innopolis (เมืองนวัตกรรมอาหาร) เพื่อเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14940 | ผลการประชุมน้ำโลก ครั้งที่ 8 (The 8th World Water Forum) | ทส | 03/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมน้ำโลก ครั้งที่ ๘ (The 8th World Water Forum) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๘-๒๓ มีนาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงบราซิเลีย สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ภายใต้หัวข้อ “การแบ่งปันน้ำ” (Sharing Water) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อเสนอแนะเชิงเทคนิค การเมือง และสถาบัน ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกลุ่มประชาสังคม แลกเปลี่ยนวิธีการแก้ไขปัญหา การปฏิบัติที่เป็นเลิศเพื่อให้การใช้น้ำเกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นการแลกเปลี่ยนการดำเนินงานระหว่างประเทศ โดยที่ประชุมฯ ได้มีการรับรองปฏิญญาระดับรัฐมนตรี (Ministerial Declaration) ว่าด้วยเรื่องข้อเรียกร้องเร่งด่วนให้มีการดำเนินการด้านน้ำอย่างเด็ดขาด ซึ่งกำหนดลำดับความสำคัญในการปฏิบัติเพื่อเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงน้ำและสุขาภิบาล ทั้งนี้ ปฏิญญาฯ ได้เสนอข้อเรียกร้องโดยเร่งด่วนให้มีการดำเนินการด้านน้ำอย่างเด็ดขาด และจะต้องเร่งดำเนินการ ๑๑ ประการ เช่น (๑) การเสริมสร้างพันธสัญญาทางการเมืองให้แข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดแคลนน้ำในบริบทของการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (๒) เชิญชวนให้ระบบขององค์การสหประชาชาติเสริมสร้างการสนับสนุนประเทศต่าง ๆ ในเรื่องน้ำ และปรับปรุงการบูรณาการและการประสานงานขององค์การสหประชาชาติเกี่ยวกับเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับน้ำภายใต้เสาหลักของการพัฒนาที่ยั่งยืน และ (๓) ระดมทุนและจัดสรรทรัพยากรทางการเงินที่เพียงพอจากแหล่งเงินทุนต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการลงทุนในการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการและยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกำลังพัฒนา เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
.....