ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1684 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 33661 - 33680 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
33661 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ปี 2554 | กค | 04/04/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ปี ๒๕๕๔ ๑.๒ อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๒ ฉบับ และร่างกฎกระทรวง จำนวน ๑ ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๒.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย หรือภัยธรรมชาติอื่น สำหรับเงินชดเชยที่ได้รับจากรัฐบาล หรือเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาคหรือช่วยเหลือเพื่อชดเชยความเสียหายนอกเหนือจากที่ได้รับจากรัฐบาล และสำหรับค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับจากบริษัทที่ประกอบธุรกิจประกันภัยเพื่อชดเชยความเสียหายเนื่องจากภัยดังกล่าว ตลอดจนยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเท่าจำนวนเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาค และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ประกอบการสำหรับสินค้าที่บริจาค โดยมีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น เป็นตัวแทนรับบริจาคเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยดังกล่าว ๑.๒.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๑๓) พ.ศ. ๒๕๕๔ กรณีการยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยกำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นซึ่งเป็นตัวแทนรับบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ระหว่างวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ สามารถนำเงินที่เหลือจากการบริจาคในกรณีดังกล่าวไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในปี ๒๕๕๔ ได้ด้วย ๑.๒.๓ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๕) (๖) (๗) หรือ (๘) แห่งประมวลรัษฎากร ของผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย หรือภัยธรรมชาติ ที่ได้ลงทะเบียนไว้กับศูนย์หรือหน่วยงานให้ความช่วยเหลือของทางราชการ เท่าจำนวนความเสียหาย ที่ได้รับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ๒. ให้กระทรวงการคลังพิจารณามาตรการให้ความช่วยเหลือผู้เช่าที่ดินและอาคารราชพัสดุที่ประสบภัยพิบัติดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||
33662 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายกฤษฎา อุทยานิน) | กค | 04/04/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายกฤษฎา อุทยานิน ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
33663 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 1 เมษายน 2554 | กค | 04/04/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ สรุปได้ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๓,๒๑๗ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๘๗๓ โครงการ วงเงิน ๘,๔๖๗.๐๒ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๒,๓๔๔ โครงการ วงเงิน ๓๔๑,๔๙๓.๔๒ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๒,๖๓๐ โครงการ วงเงิน ๑๒,๘๓๐.๙๙ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๑๓๒ โครงการ วงเงิน ๔,๖๓๑.๓๕ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๔๙๘ โครงการ วงเงิน ๘,๑๙๙.๖๔ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๙,๗๑๔ โครงการ วงเงิน ๓๒๘,๖๖๒.๔๓ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๙,๗๑๔ โครงการ วงเงิน ๓๑๘,๙๐๗.๙๙ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๒๘๕ โครงการ วงเงิน ๔๗,๓๔๙.๑๙ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน ๑๒,๗๒๐ โครงการ วงเงิน ๑๓๒,๐๘๒.๑๔ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๒๕,๗๐๙ โครงการ วงเงิน ๑๓๙,๔๗๖.๖๖ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๘,๔๒๙ โครงการ วงเงิน ๒๗๑,๕๕๘.๘๐ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
33664 | แนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับร่างกฎหมายที่ผ่านการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว | นร | 04/04/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาส่งร่างกฎหมายที่ตรวจพิจารณาเสร็จแล้วให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และในกรณีการตรวจพิจารณาร่างกฎหมายนั้น ไม่มีประเด็นหรือปัญหาที่มีนัยสำคัญ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณานำร่างกฎหมายเสนอคณะรัฐมนตรีทราบ หากรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับร่างกฎหมายดังกล่าวไม่คัดค้านให้ถือว่าหน่วยงานของรัฐภายใต้การบังคับบัญชาและกำกับดูแล เห็นชอบด้วยกับร่างกฎหมายนั้น และให้ดำเนินการตามขั้นตอนของร่างกฎหมายนั้นต่อไปได้ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
33665 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการรวมกลุ่มข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. .... | นร | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการรวมกลุ่มข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. .... โดยให้มีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา ๑๘๐ วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดให้ข้าราชการมีเสรีภาพในการรวมกลุ่มจัดตั้งเป็นสหภาพข้าราชการโดยแบ่งเป็นข้าราชการ ๖ ประเภท เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกกับผู้บังคับบัญชา ช่วยเหลือสมาชิกในการอุทธรณ์ ร้องทุกข์ คุ้มครองสิทธิประโยชน์ของสมาชิกเกี่ยวกับสภาพการรับราชการ และรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ ๑.๒ กำหนดให้สหภาพข้าราชการตั้งแต่สองสหภาพข้าราชการขึ้นไปอาจจดทะเบียนรวมกันเป็นสหพันธ์ข้าราชการได้ ๑.๓ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการจัดตั้งและเลิกสหภาพข้าราชการและสหพันธ์ข้าราชการ รวมทั้งกำหนดสิทธิและหน้าที่ของสหภาพข้าราชการ ๑.๔ กำหนดให้ ก.พ. มีอำนาจหน้าที่กำกับ ดูแล ติดตามและประเมินผลการจัดตั้งและการดำเนินกิจการของสหภาพข้าราชการและสหพันธ์ข้าราชการ ๑.๕ กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการอุทธรณ์คำสั่งไม่รับจดทะเบียนสหภาพข้าราชการหรือสหพันธ์ข้าราชการ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดให้ข้าราชการมีเสรีภาพในการรวมกลุ่มจัดตั้งเป็น “สหภาพข้าราชการ” จะเป็นการเหมาะสมหรือไม่ และความเห็นกระทรวงแรงงาน สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกำหนดให้กรรมการสหภาพข้าราชการมีสิทธิลาเพื่อไปดำเนินกิจการสหภาพข้าราชการและไปร่วมประชุมตามที่ทางราชการกำหนดปีงบประมาณละไม่เกิน ๒๐ วัน โดยไม่ถือเป็นวันลา ทั้งนี้ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้บังคับัญชาก่อน นั้น จะต้องเป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างปรับปรุงแก้ไข และการใช้คำว่า “สหภาพข้าราชการ” ในร่างพระราชกฤษฎีกาฯ อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากใช้คำว่า “สหภาพ” เช่นเดียวกับคำว่า “สหภาพแรงงาน” ส่วนการกำหนดระยะเวลาบังคับใช้พระราชกฤษฎีกาฯ ที่ให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา ๑๘๐ วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ไม่สอดคล้องกับร่างมาตรา ๒ ของร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ที่กำหนดให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เห็นชอบให้มีการตราพระราชบัญญัติเพื่อรองรับให้ข้าราชการทุกประเภทและเจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถรวมกลุ่มได้ โดยแต่งตั้งคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากองค์กรกลางบริหารงานบุคคลที่กำกับดูแลข้าราชการประเภทต่าง ๆ รับผิดชอบในการตราพระราชบัญญัติดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||
33666 | รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน | ตผ | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า ในการตรวจสอบการดำเนินงานควรระบุให้ชัดเจนว่า เรื่องใดเป็นเรื่องไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายหรือระเบียบ เรื่องใดเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับโครงการซึ่งดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือประชาชนหรือเกษตรกร ซึ่งรัฐบาลอาจต้องรับภาระในการขาดทุนอยู่แล้ว และควรระบุให้ชัดเจนว่า เป็นการตรวจสอบทางบัญชีด้วย รวมทั้งให้ส่งความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาการทุจริตของหน่วยรับตรวจ การให้ความรู้เพิ่มเติมและประชาสัมพันธ์ในเรื่องกฎ ระเบียบ และหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ของทางราชการ วิธีการจัดทำงบประมาณ การบัญชี การเงิน การพัสดุ และอื่น ๆ แก่หน่วยงานราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) การวางแผนและการบริหารจัดการที่ดีเพื่อให้จำนวนหน่วยรับตรวจที่ตรวจเสร็จและออกรายงานมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นและเร็วขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ รวมทั้งการกำหนดมาตรการให้ทุก อปท. ต้องบันทึกข้อมูลเข้าระบบการบริหารการคลังของ อปท. ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (Electronic Local Administration Accounting System : e - LAAS) ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐนำผลการตรวจสอบไปปฏิบัติหรือดำเนินการปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยในส่วนที่เกี่ยวกับราชการส่วนท้องถิ่นให้กระทรวงมหาดไทยกำกับและติดตามตรวจสอบการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตามข้อ ๑ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||
33667 | แผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ประจำปี พ.ศ. 2555 เพื่อประกอบการจัดทำคำของบประมาณแบบบูรณาการ | พม | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ สำหรับการจัดทำคำของบประมาณแบบบูรณาการไว้ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งมีหน่วยงานจัดทำโครงการ/กิจกรรม เพื่อใช้ในการจัดทำคำของบประมาณแบบบูรณาการ รวม ๕ ประเด็น ๑๐๗ กิจกรรม/โครงการ จาก ๑๑ หน่วยงาน ในวงเงินซึ่งหน่วยงานขอจัดตั้งไว้ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นเงิน ๒๗๑,๓๗๑,๔๒๒ บาท รองรับตามประเด็นยุทธศาสตร์ของนโยบาย ยุทธศาสตร์และมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่ากิจกรรม/โครงการที่หน่วยงานเสนอส่วนใหญ่เป็นโครงการฝึกอบรมบุคลากรที่เกี่ยวข้อง จึงเห็นควรพิจารณาจัดสรรงบประมาณโดยคำนึงถึงความประหยัดและไม่ซ้ำซ้อนกับกิจกรรม/โครงการที่หน่วยงานต่าง ๆ ได้เสนอขอจัดตั้งงบประมาณไว้แล้ว และให้ส่วนราชการให้ความร่วมมือดำเนินการตามมาตรการประหยัดในการเบิกค่าใช้จ่ายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ และจัดให้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินการภายหลังที่มีการจัดการฝึกอบรมให้ความรู้แก่กลุ่มเป้าหมาย เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์วางแผนการปฏิบัติงานในภาพรวม รวมทั้งควรมีการสร้างภาคีเครือข่ายในกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวเพื่อเป็นการเฝ้าระวังและป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ เห็นควรให้มีการศึกษาและติดตามพัฒนาการของกระบวนการค้ามนุษย์ที่มีรูปแบบซับซ้อนยิ่งขึ้น เพื่อให้การดำเนินการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
33668 | การส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ | วท | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการจัดตั้งอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ๒. เห็นชอบแนวทางการบริหารกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ในภาพรวมของประเทศ ที่มีหน่วยงานกลางทำหน้าที่ดูแลภาพรวมของการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกในการดำเนินกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรใช้กลไกเดิมที่มีอยู่แล้ว ได้แก่ คณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (กวทน.) โดยในช่วงระยะเวลา ๓ ปีแรก ควรให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขาธิการของ กวทน. ในด้านการบริหารจัดการอุทยานวิทยาศาสตร์ไปก่อน เพื่อมิให้เป็นภาระด้านงบประมาณและไม่ขัดต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ เรื่อง การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้มีคณะกรรมการส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ และกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ รวมทั้งให้มีสำนักงานส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการฯ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกำหนดให้คณะกรรมการส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์รับรองหรือเพิกถอนกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ เป็นการใช้อำนาจกระทบสิทธิของบุคคลอื่น และไม่อาจกระทำได้โดยการออกเป็นระเบียบตามมาตรา ๑๑ (๘) นอกจากนี้ การจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ขึ้นเป็นหน่วยงานภายในสำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้อำนวยการสำนักงานฯ ไม่อาจกระทำได้โดยการออกเป็นระเบียบตามมาตรา ๑๑ (๘) ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ ด้วย ๔. การจัดสรรงบประมาณดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยการจัดสรรงบประมาณให้แก่ส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ จะต้องจัดสรรตามภารกิจที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรี โดยจำแนกเป็นแผนงาน ผลผลิต หรือโครงการต่าง ๆ ตามภารกิจที่ต้องดำเนินการ สำหรับงบประมาณเพื่อดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในระยะช่วงเปลี่ยนผ่าน จะพิจารณาจัดสรรให้ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป |
|||||||||||||||||||||
33669 | การปฏิบัติการคุ้มครองประกันสังคมสู่แรงงานนอกระบบ | รง | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ
๑. กำหนดให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์ และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของผู้ประกันตนซึ่งมิใช่ลูกจ้าง พ.ศ. ๒๕๓๗ ๒. กำหนดให้ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม เดือนละ ๑๐๐ บาท ได้รับประโยชน์ทดแทน ๓ กรณี คือ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ และกรณีตาย ๓. กำหนดให้ผู้ประกันคนซึ่งจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม เดือนละ ๑๕๐ บาท ได้รับประโยชน์ทดแทน ๔ กรณี คือ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย และกรณีชราภาพ ๔. กำหนดให้ผู้ประกันตนที่ถึงแก่ความตาย ให้ทายาทหรือบุคคลที่ระบุไว้มีสิทธิได้รับค่าทำศพ ๕. กำหนดให้ผู้ประกันตนซึ่งได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีคลอดบุตร กรณีทุพพลภาพ และกรณีตาย หากมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ และตามพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ในกรณีเดียวกันให้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนได้เพียงกรณีเดียว ๖. กำหนดให้ในระยะเริ่มแรก ผู้ประกันตนที่เลือกสิทธิประโยชน์ตามมาตรา ๗ จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ในอัตราเดือนละ ๗๐ บาท และผู้ประกันตนที่เลือกสิทธิประโยชน์ตามมาตรา ๘ จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ในอัตราเดือนละ ๑๐๐ บาท ทั้งนี้ จนกว่าสำนักงานประกันสังคมจะประกาศเป็นอย่างอื่น ๗. กำหนดบทเฉพาะกาลสำหรับผู้ประกันตนตามพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของผู้ประกันตนซึ่งมิใช่ลูกจ้าง พ.ศ. ๒๕๓๗ ให้ถือเป็นผู้ประกันตนตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกานี้
|
|||||||||||||||||||||
33670 | ขออนุมัติการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกงานก่อสร้างถนนสายเชิงเขาตะนาวศรี - กอกะเร็ก การปรับปรุงถนนสายเมียวดี - เชิงเขาตะนาวศรี และการซ่อมแซมถาวรสะพานมิตรภาพไทย - พม่า | คค | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกงานก่อสร้างถนนสายเชิงเขาตะนาวศรี - กอกะเร็ก การปรับปรุงถนนสายเมียวดี - เชิงเขาตะนาวศรี และการซ่อมแซมถาวรสะพานมิตรภาพไทย - พม่า ทั้งนี้ หากก่อนลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าวถึงฝ่ายพม่า ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการดำเนินการซ่อมแซมสะพานมิตรภาพฯ ขอให้ดำเนินการโดยไม่กระทบต่อลำน้ำ ทางเดินน้ำ และขอบฝั่งของแม่น้ำเมย ซึ่งเป็นเขตแดนระหว่างไทยกับพม่า และให้ส่งแบบการก่อสร้างตลอดจนข้อมูลความคืบหน้าต่าง ๆ ให้กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย - พม่า (Joint Boundary Committee - JBC) (ฝ่ายไทย) เป็นระยะเพื่อให้ JBC ฝ่ายไทยพิจารณาและนำไปใช้ประโยชน์ในราชการต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย
|
|||||||||||||||||||||
33671 | รัฐบาลสาธารณรัฐอาร์เจนตินาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นางสาวอานา มารีอา รามีเรซ (Miss Ana Maria Ramirez)] | กต | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนางสาวอานา มารีอา รามีเรซ (Miss Ana Maria Ramirez) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอาร์เจนตินาประจำประเทศไทยคนใหม่ สืบแทนนายเฟลีเป ฟรีดมัน (Mr. Felipe Frydman) โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
33672 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ. .... | มท | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเกษตรพัฒนา ตำบลเจ็ดริ้ว ตำบลบ้านแพ้ว ตำบลคลองตัน ตำบลหนองบัว ตำบลหลักสอง ตำบลสวนส้ม ตำบลหนองสองห้อง ตำบลอำแพง ตำบลหลักสาม ตำบลยกกระบัตร และตำบลโรงเข้ อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
33673 | ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พม | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้ปรับโครงสร้างของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในส่วนของกรมกิจการผู้สูงอายุ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยให้เสนอเรื่องดังกล่าวต่อคณะกรรมการพัฒนาโครงสร้างระบบราชการของกระทรวง และ ก.พ.ร. พิจารณา ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างดังกล่าวต้องมิให้เป็นการเพิ่มงบประมาณอย่างมีนัยสำคัญ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
|
|||||||||||||||||||||
33674 | การเปลี่ยนสถานะสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียเป็นองค์การระหว่างประเทศ | กต | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกฎบัตรสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ที่ประเทศไทยร่วมลงนามเมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๓ เพื่อก่อตั้งสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (Asian Institute of Technology) โดยกฎบัตรฯ ได้กำหนดให้สำนักงานใหญ่ของสถาบันฯ ตั้งอยู่ในประเทศไทยเพื่อดำเนินงานและปฏิบัติภารกิจอันเป็นหน้าที่ของสถาบันฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้เสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย พ.ศ. ... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองการดำเนินงานของสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย เพื่อให้สถาบันฯ และสมาชิกสำนักเลขาธิการของสถาบันฯ ซึ่งมิได้มีสัญชาติไทยหรือมีถิ่นพำนักถาวรในประเทศไทยได้รับเอกสิทธิและความคุ้มกันในการปฏิบัติให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสถาบันฯ ในประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป เมื่อรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบกฎบัตรฯ แล้ว ๓. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการยอมรับหรือให้ความเห็นชอบกฎบัตรฯ และให้ดำเนินการต่อไปได้ เมื่อกฎบัตรฯ ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา และร่างพระราชบัญญัติฯ มีผลใช้บังคับแล้ว ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเผยแพร่เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงรายละเอียดของกฎบัตรฯ ตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
33675 | รายงานผลการขายเครื่องบิน Beechjet 400A ของสถาบันการบินพลเรือนและการโอนเครื่องบินให้แก่กรมการบินพลเรือน | คค | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการขายเครื่องบิน Beechjet 400A ของสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) โดย สบพ. ได้ดำเนินการขายเครื่องบินดังกล่าวด้วยวิธีขายทอดตลาดและวิธีพิเศษ โดยกำหนดราคากลาง จำนวน ๒,๒๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ ๗๕ ล้านบาท เพื่อนำไปชำระหนี้เงินกู้พร้อมดอกเบี้ยให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) แต่เนื่องจากมีผู้ขอซื้อเสนอราคาซื้อ จำนวน ๔๕ ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคากลางมาก และเครื่องบินดังกล่าวมีสมรรถนะและความปลอดภัยสูง รวมทั้งยังมีอายุการใช้งานคงเหลืออีกประมาณ ๑๐ ปี จึงเห็นควรโอนเครื่องบินดังกล่าวให้กรมการบินพลเรือนเพื่อไว้ใช้ในราชการจะเกิดประโยชน์มากกว่า ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้ระงับการโอนเครื่องบิน Beechjet 400A ให้แก่กรมการบินพลเรือน และให้ สบพ. เร่งรัดดำเนินการขายเครื่องบินดังกล่าว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๒ (เรื่อง ขออนุมัติขายเครื่องบิน Beechjet 400A และขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการชำระหนี้ส่วนต่างจากการขายเครื่องบิน ของสถาบันการบินพลเรือน) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามข้อกฎหมาย และระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเงินที่ได้รับจากการขายส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ส่วนการจัดสรรงบประมาณส่วนที่เหลือ จำนวน ๒๒.๐๘๓๖ ล้านบาท เพื่อชำระหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยจากการซื้อขายเครื่องบิน Beechjet 400A ให้สถาบันการบินพลเรือนเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามความจำเป็นต่อไป ๓. ในกรณีที่กรมการบินพลเรือนมีความจำเป็นต้องจัดหาเครื่องบินเพิ่มใหม่ เพื่อใช้ในการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานก็ให้ดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
33676 | การเพิ่มทุนของการไฟฟ้านครหลวงในบริษัท ผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น จำกัด | มท | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เพิ่มทุนในโครงการเพื่อขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัท ผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น จำกัด (DCAP) จำนวน ๒๐๑.๐ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติงบประมาณดำเนินงานและงบประมาณรายจ่ายเพื่อการเพิ่มทุนประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อจ่ายชำระค่าหุ้นจำนวน ๒๐๑.๐ ล้านบาท ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และประธานกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ที่เห็นว่า การเพิ่มทุนของ กฟน. ในบริษัท DCAP เป็นการเรียกเก็บจำนวนเงินตามสัดส่วนของผู้ถือหุ้นที่อยู่ในวงเงินลงทุนรวมที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติสำหรับโครงการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัท DCAP ซึ่งรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและน้ำเย็น สำหรับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ส่วนขยาย) ของบริษัท DCAP ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านโครงการพลังงานแล้วเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๒ อย่างไรก็ตาม หากบริษัท DCAP ต้องการเพิ่มทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าก็จะต้องเสนอรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบฯ เพื่อพิจารณาตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ต่อไป สำหรับการขออนุมัติงบประมาณประจำปีดังกล่าว สมควรให้สอดคล้องกับปีงบประมาณที่ดำเนินการจริงของ กฟน. รวมทั้งให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการชดเชยที่เหมาะสม โดยให้เปรียบเทียบผลประโยชน์ที่รัฐวิสาหกิจจะได้รับจากการเพิ่มทุนในบริษัท DCAP กับต้นทุนค่าเสียโอกาสที่รัฐวิสาหกิจจะต้องเสียไปเมื่อการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ ๒ แล้วเสร็จ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
33677 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลนาอาน อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย พ.ศ. .... | มท | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลนาอาน อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลนาอาน อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย บางส่วน เพื่อมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการใช้เป็นที่ตั้งศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดเลย เนื้อที่ประมาณ ๘ ไร่ ๒ งาน ๙๙ ตารางวา มอบให้กระทรวงสาธารณสุขใช้เป็นที่ตั้งโรงพยาบาลจิตเวชเลยราชนครินทร์ เนื้อที่ประมาณ ๔๘ ไร่ ๑ งาน ๖๐ ตารางวา และมอบให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ใช้เป็นที่ตั้งบ้านพักข้าราชการฝ่ายปกครองของอำเภอเมืองเลย เนื้อที่ประมาณ ๓ ไร่ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
33678 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลยางตลาด อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... | มท | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลยางตลาด อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลยางตลาด อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ บางส่วน เนื้อที่ประมาณ ๗ ไร่ ๓ งาน ๑๓ ตารางวา เพื่อมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานใช้เป็นที่ตั้งศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ และประโยชน์อย่างอื่นในราชการของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
33679 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนไมตรีจิตรกับถนนคลองเก้า พ.ศ. .... | มท | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนไมตรีจิตรกับถนนคลองเก้า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนไมตรีจิตรกับถนนคลองเก้า ในท้องที่แขวงสามวาตะวันออก และแขวงคลองสิบ เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
33680 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังตะเคียน ตำบลท่าไข่ ตำบลบางขวัญ ตำบลบ้านใหม่ ตำบลคลองจุกกระเฌอ และตำบลบางไผ่ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. ... | คค | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังตะเคียน ตำบลท่าไข่ ตำบลบางขวัญ ตำบลบ้านใหม่ ตำบลคลองจุกกระเฌอ และตำบลบางไผ่ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังตะเคียน ตำบลท่าไข่ ตำบลบางขวัญ ตำบลบ้านใหม่ ตำบลคลองจุกกระเฌอ และตำบลบางไผ่ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างทางหลวงชนบท สาย ง ๑ และ ง ๒ รวมทั้งถนนต่อเชื่อมตามโครงการผังเมืองรวมเมืองฉะเชิงเทรา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....