ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1685 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 33681 - 33700 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
33681 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตเทศบาลตำบลโคกสูง อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. .... | มท | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๕๒ บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตเทศบาลตำบลโคกสูง อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตเทศบาลตำบลโคกสูง อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อประโยชน์ในด้านการควบคุมเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
33682 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะ หรือการจัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกหรือบริการในอาคาร สถานที่ หรือบริการสาธารณะอื่นสำหรับคนพิการ พ.ศ. .... | พม | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะ หรือการจัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกหรือบริการในอาคาร สถานที่ หรือบริการสาธารณะอื่นสำหรับคนพิการ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ
๑. ให้หน่วยงานของรัฐ เอกชนหรือองค์กรอื่นใดที่รับผิดชอบอาคารต้องจัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการในอาคารที่ใช้เพื่อประโยชน์ในการชุมนุมคนได้โดยทั่วไป โดยการจัดให้มีอุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นภายในอาคารเพื่อความสะดวกและปลอดภัย จัดให้มีโต๊ะบริการสำหรับผู้มาติดต่อซึ่งผู้ใช้รถเข็นคนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ และจัดให้มีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบ จัดให้มีการบริการภายในอาคารตามมาตรฐานกำหนด ในกรณีมีคนพิการเป็นผู้ปฏิบัติงานต้องจัดให้มีอุปกรณ์ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นโดยมีสภาพมั่นคง ปลอดภัยและเหมาะสมตามความต้องการจำเป็นของคนพิการ ๒. ให้หน่วยงานของรัฐ เอกชนหรือองค์กรอื่นใดที่รับผิดชอบสถานที่สาธารณะดำเนินการจัดให้มีอุปกรณ์ หรือสิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการในสถานที่ตามความสมเหตุสมผลโดยปราศจากอุปสรรค เพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้อย่างเท่าเทียมกับบุคคลทั่วไป ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จัดให้มีบริการสาธารณะอื่นและให้หมายความรวมถึงการให้บริการในเรื่องต่าง ๆ แก่คนพิการตามความจำเป็นและความเหมาะสม โดยอาจดำเนินการเองหรือมอบหมายให้องค์กรอื่นดำเนินการแทนได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
33683 | การบริจาคเงินสมทบกองทุน Central Emergency Response Fund (CERF) | กต | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ประเทศไทยบริจาคเงินแก่กองทุน Central Emergency Response Fund (CERF) จำนวน ๒๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการบริหารกองทุน จำนวนเงินบริจาคของประเทศกำลังพัฒนาแก่กองทุน หรือบริบททางสภาวะเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
33684 | การดำเนินงานของกระทรวงการต่างประเทศด้านการสนับสนุนการรับรู้และความเข้าใจของประชาชนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในโลกที่มีผลกระทบต่อประเทศ | กต | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการดำเนินการตามนโยบายการต่างประเทศด้านการสนับสนุนการรับรู้และความเข้าใจของประชาชนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในโลกที่มีผลต่อประเทศ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ดังนี้
๑. การให้บริการและการเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ได้แก่ ๑.๑ โครงการให้บริการและปรับปรุงงานด้านกงสุล เป็นโครงการที่เน้นให้บริการประชาชนในการทำหนังสือเดินทาง และการให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนในการไปทำงาน หรือเดินทางไปต่างประเทศ ๑.๒ โครงการอาเซียนสัญจร เป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างการตระหนักรู้ในเรื่องอาเซียนให้กับภาคส่วนต่าง ๆ โดยมุ่งส่งเสริมการก้าวไปสู่ความเป็นประชาคมอาเซียนที่จะเกิดขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ๑.๓ โครงการบัวแก้วสัญจร เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศได้พบปะและรับฟังความคิดเห็น รวมทั้งรับทราบปัญหาประชาชน และหาแนวทางการปฏิบัติงานร่วมกับส่วนราชการในภูมิภาค ๒. โครงการสัมมนา ฝึกอบรมและฝึกปฏิบัติงานให้กับนักศึกษาและประชาชน ได้แก่ ๒.๑ โครงการรับนักศึกษาจากจังหวัดชายแดนภาคใต้มาฝึกอบรมและปฏิบัติงาน ณ กระทรวงการต่างประเทศ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักศึกษาไทยมุสลิมได้รับความรู้และสร้างเสริมประสบการณ์การฝึกปฏิบัติงานในหน่วยงานต่าง ๆ ของกระทรวงการต่างประเทศ ๒.๒ โครงการการจัดสัมมนาเพื่อเผยแพร่ความรู้และทักษะด้านการต่างประเทศและการอบรมภาษาอังกฤษที่ใช้ในการปฏิบัติราชการให้กับข้าราชการในส่วนภูมิภาค ๓. โครงการเกี่ยวกับสื่อมวลชนและการกระจายเสียง ได้แก่ การให้ข้อมูลข่าวสารและความรู้ด้านการต่างประเทศผ่านสื่อวิทยุ การจัดการสัมมนานักจัดรายการวิทยุมุสลิม และสื่อมุสลิมในระดับภูมิภาค เพื่อชี้แจงบทบาทและการดำเนินการด้านการต่างประเทศ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างเครือข่ายการติดต่อระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับสื่อมวลชนและผู้นำชุมชนมุสลิม และการสัมมนานักจัดรายการวิทยุชายแดนและวิทยุสราญรมย์สัญจร เพื่อสร้างเครือข่ายระหว่างสถานีวิทยุสราญรมย์กับนักจัดรายการวิทยุท้องถิ่น ๔. การจัดสัมมนาเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่สาธารณชนเรื่องเขตแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (รวมทุกด้าน) โดยการพบหารือและจัดบรรยายสรุปให้กับกลุ่มเคลื่อนไหวภาคประชาชน ภาคเอกชน หน่วยงานภาครัฐทั้งส่วนกลางและภูมิภาค รวมทั้งสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ๕. การนำคณะเอกอัครราชทูตต่างประเทศเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อพบหารือกับหน่วยงาน องค์กรภาคประชาสังคมและประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๖. การจัดสัมมนาทางวิชาการและเผยแพร่ความรู้ด้านการต่างประเทศของหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงการต่างประเทศ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านการต่างประเทศในหัวข้อที่จะเป็นประโยชน์ต่อแวดวงต่าง ๆ ให้แก่หน่วยงานภายนอกและสาธารณชน อาทิ การลงทุนในลาว - โอกาสใหม่และประสบการณ์ตรงสู่ความสำเร็จ เศรษฐกิจสร้างสรรค์แบบเกาหลีใต้ การสร้างความรู้ความเข้าใจแก่สาธารณชนในเรื่องพลังงานนิวเคลียร์โดยอาศัยตัวอย่างของญี่ปุ่น เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
33685 | ขออนุมัติวงเงินรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (ค่าจ้างพี่เลี้ยงเด็กพิการ) | ศธ | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน ๒๒๑,๓๔๗,๕๐๐ บาท สมทบกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ แผนงานขยายโอกาสและพัฒนาการศึกษา โครงการคืนครูให้นักเรียน งบดำเนินงาน ๑๕๖,๙๓๙,๗๘๔ บาท ที่สามารถปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้ รวมเป็นเงิน ๓๗๘,๒๘๗,๒๘๔ บาท เพื่อจ่ายเป็นค่าตอบแทนผู้ปฏิบัติงานให้ราชการแก่พี่เลี้ยงเด็กพิการ จำนวน ๑๔,๑๘๔ คน ระยะเวลา ๕ เดือน (๑ พฤษภาคม - ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔) ทั้งนี้ เนื่องจากขณะนี้เป็นระยะเวลาสิ้นภาคเรียนที่ ๒ ของปีการศึกษา ๒๕๕๓ จึงควรให้กระทรวงศึกษาธิการตรวจสอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายของโครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ๑๕ ปี มีเหลือจ่ายที่จะนำมาใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าว ก่อนขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
33686 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ และเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. .... | ศธ | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ และเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ
๑. ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ และเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒. กำหนดปริญญาในสาขาวิชา และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาเทคนิคการแพทย์เพิ่มขึ้น ๓. เปลี่ยนแปลงการกำหนดสี จากสีประจำสาขาวิชา เป็นสีประจำคณะ และกำหนดสีประจำคณะของวิทยาลัยนานาชาติ ปรีดี พนมยงค์ เพิ่มขึ้น ๔. กำหนดสีประจำสาขาวิชาชีวเคมีและชีววิทยาโมเลกุล และสีประจำสาขาวิชาที่มีลักษณะเป็นสหวิทยาการและมีการบริหารจัดการร่วมกันระหว่างคณะมากกว่า ๑ คณะขึ้นไปเพิ่มขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
33687 | การจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมฝ่ายไทยเพื่อความร่วมมือทวิภาคีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถาน | กต | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการเกี่ยวกับองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการร่วมฝ่ายไทยเพื่อความร่วมมือทวิภาคีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถาน โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับเปลี่ยนองค์ประกอบได้ตามที่เกี่ยวข้องกับสารัตถะของการประชุม สำหรับองค์ประกอบของคณะกรรมาธิการร่วมฝ่ายไทยฯ ที่จะจัดตั้ง โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทน เป็นประธานกรรมาธิการ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๒๕ คน ร่วมเป็นกรรมาธิการ และมีหัวหน้าสำนักงานผู้แทนทางการค้าไทยหรือผู้แทน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน ประธานสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน รวม ๕ คน เป็นที่ปรึกษา โดยมีหัวหน้ากลุ่มงานเอเชียกลาง กรมเอเชียใต้ ตะวันออกลางและแอฟริกา เป็นกรรมาธิการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดท่าทีและเป้าหมายของฝ่ายไทยในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ รวมทั้งพิจารณาแนวทางและวิถีทางในการประสานความร่วมมือทวิภาคีที่มีประสิทธิภาพในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาการ สังคมและวัฒนธรรม โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความเท่าเทียมกัน และผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ ตลอดจนประสานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำหนดทิศทาง แนวนโยบาย หรือข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐคาซัคสถานอย่างรอบด้าน และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งการดำเนินการต่าง ๆ อันเป็นผลต่อเนื่องจากการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถาน ครั้งที่ ๒ ที่ประเทศไทย ในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๔
|
||||||||||||||||||||||||||||||
33688 | การขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีการเช่าอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ และทำเนียบเอกอัครราชทูต/บ้านพักกงสุลใหญ่ | กต | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กระทรวงการต่างประเทศก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๕๙ รายการค่าเช่าอาคารสถานทูต สถานกงสุล ตามเหตุผลความจำเป็นที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ขยายเวลาและวงเงินผูกพัน จำนวน ๓ แห่ง รวม ๓ รายการ วงเงิน ๘๖,๕๗๘,๙๐๐ บาท ได้แก่ ที่ทำการสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย บ้านพักกงสุลใหญ่ ณ เมืองการาจี และที่ทำการสถานกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิรต์ ๒. ก่อหนี้ผูกพันตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๒๓ วรรคสี่ จำนวน ๙ แห่ง รวม ๑๒ รายการ วงเงิน ๑๐๐,๘๗๕,๗๐๐ บาท ได้แก่ ที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบูคาเรสต์ ทำเนียบเอกอัครราชทูต ณ กรุงบูคาเรสต์ ที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย ที่ทำการสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองโอซากา ที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร ที่ทำการสถานกงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขต บ้านพักกงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขต ที่ทำการสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจนไน บ้านพักกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจนไน ที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงดาการ์ ที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูจา และทำเนียบเอกอัครราชทูต ณ กรุงเอเธนส์ ๓. สำหรับรายการค่าเช่าที่ทำการสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตา ที่ทำการสถานกงสุลใหญ่ ณ กรุงอันตานานาริโว ที่ทำการสถานกงสุลใหญ่ ณ นครซีอาน บ้านพักกงสุลใหญ่ ณ นครซีอาน บ้านพักกงสุลใหญ่ ณ เมืองมุมไบ และที่ทำการคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน รวม ๖ รายการ มีวงเงินและระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณไม่เกินกว่าที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันได้ ตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙ ข้อ ๔ (๒) ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
33689 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยสิทธิของบุคคลหรือองค์กรเอกชนในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย ในศูนย์การเรียนคนต่างด้าว พ.ศ. .... | ศธ | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยสิทธิของบุคคลหรือองค์กรเอกชนในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย ในศูนย์การเรียนคนต่างด้าว พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้มีการจัดการศึกษาเพื่อความมั่นคงของประเทศ ให้แหล่งการเรียนหรือศูนย์การเรียนที่บุคคลหรือองค์กรเอกชนจัดตั้งขึ้นมีกฎหมายรองรับ เพื่อที่รัฐจะสามารถตรวจสอบจำนวนเด็กและผู้สอนได้ รวมทั้งกำกับ ติดตาม และให้การสนับสนุนด้านวิชาการในการจัดการศึกษาให้แก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทยได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
33690 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ (กอช.) ครั้งที่ 3/2553 และร่างแผนแม่บทการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2555 - 2574 | อก | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ (กอช.) ครั้งที่ ๓/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เกี่ยวกับแผนพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมนิเวศน์ และแผนปฏิบัติการภายใต้แนวทางการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมนิเวศน์มาบตาพุด ๑.๒ รับทราบผลความก้าวหน้าของแผนพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมนิเวศน์ และแผนปฏิบัติการภายใต้แนวทางการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมนิเวศน์มาบตาพุด ๑.๓ เห็นชอบร่างแผนแม่บทการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๗๔ เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางการจัดทำแผนปฏิบัติการในการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ โดยร่างแผนแม่บทฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางในการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับภาคอุตสาหกรรม เพิ่มความสามารถในการแข่งขันและการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างยั่งยืนภายใต้วิสัยทัศน์ “มุ่งสู่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่สมดุลและยั่งยืน โดยการยกระดับคลัสเตอร์อุตสาหกรรมและขยายเครือข่ายการผลิตสู่ต่างประเทศ เพื่อเพิ่มผลิตภาพด้านการผลิต ลดข้อจำกัดต่าง ๆ ในการดำเนินงานและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันร่วมกัน และยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการให้เกิดความเข้มแข็งและยั่งยืน พัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ตลอดจนยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการไทยให้มีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน รวมทั้งยกระดับสภาพแวดล้อมการดำเนินธุรกิจ บังคับใช้มาตรฐาน การผลิต การควบคุมผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน และปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้อต่อการลงทุน ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการตามแผนแม่บทฯ เพื่อให้เกิดการยอมรับการพัฒนาอุตสาหกรรมของชุมชนมากยิ่งขึ้น และควรมีการบูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการจัดทำแผนปฏิบัติการในการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศและอุตสาหกรรมรายสาขาที่สำคัญเพื่อให้ครอบคลุมทุกมิติ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของการพัฒนาในมิติต่าง ๆ และกำหนดหน่วยงานที่รับผิดชอบให้ตรงตามภารกิจของหน่วยงานเพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน นอกจากนี้ ในร่างแผนแม่บทฯ ควรเพิ่มเติมขั้นตอนของการจัดทำแผนปฏิบัติการ โดยพิจารณาให้น้ำหนักกับประเด็นการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น การมุ่งสู่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Creative and Green Economy) และการพัฒนาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมโดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ในการรองรับต่อการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
33691 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. .... | สผ | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ และผลการดำเนินการของกระทรวงยุติธรรมและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และให้แจ้งสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป โดยข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา สรุปได้ ดังนี้
๑. ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ สภาผู้แทนราษฎร ๑.๑ รัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอแก่สำนักงานศาลยุติธรรม กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรมคุมประพฤติ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อสนับสนุนการทำกิจกรรมบำบัดหรือกิจกรรมทางเลือกเพื่อเยียวยาแก้ไขเด็กหรือเยาวชน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กหรือเยาวชน ๑.๒ รัฐบาลควรให้การสนับสนุนกรอบอัตรากำลังแก่สำนักงานศาลยุติธรรม กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ให้เพียงพอแก่ภารกิจที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ๑.๓ รัฐบาลควรส่งเสริมด้านวิชาการและเทคนิคด้านการพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมสำหรับเด็กและเยาวชนให้ตระหนักเรื่องสิทธิเด็กและเยาวชน โดยมีจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์ ๑.๔ การพัฒนาเด็กและเยาวชนควรนำหลักศาสนามาใช้อย่างเหมาะสม ๑.๕ การป้องกัน แก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนควรนำชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม ๑.๖ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนในกระบวนการยุติธรรมสำหรับเด็กและเยาวชน ๒. ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ วุฒิสภา ๒.๑ การบัญญัติให้ผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวจะเป็นผู้พิพากษาในศาลชั้นต้นอื่นด้วย ตามมาตรา ๑๖ วรรคสอง จะทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวไม่ต่อเนื่องและอาจทำให้ขาดประสบการณ์และความชำนาญในการพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว จึงเสนอว่าบทบัญญัติข้างต้นควรจะใช้เฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นเท่านั้น ๒.๒ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนต้องมีการปรับภารกิจบทบาทของสถานพินิจให้ครอบคลุมและชัดเจนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และสามารถสนองตอบความต้องการและความจำเป็นในการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูในสถานพยาบาลหรือสถานสงเคราะห์ โดยเฉพาะบทบาทของสถานพินิจตามมาตรการพิเศษแทนการดำเนินคดีอาญา โดยรัฐบาลควรให้ความสำคัญและให้การสนับสนุนด้านงบประมาณอย่างเพียงพอ เพื่อให้สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนสามารถดำเนินการตามที่กฎหมายบัญญัติ รวมทั้งสิทธิการได้รับความคุ้มครองจากรัฐของเด็กและเยาวชนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ๒.๓ ร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ได้บัญญัติให้การพิจารณาคดีเด็กและเยาวชนมีความยืดหยุ่นและเหมาะสมยิ่งขึ้น ดังนั้น เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามที่กฎหมายบัญญัติ ศาลต้องได้รับการสนับสนุนงบประมาณอย่างเพียงพอ อันจะทำให้เด็กและเยาวชนได้รับความคุ้มครองในการดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีอย่างเหมาะสมในกระบวนการยุติธรรมตามพระราชบัญญัตินี้และสอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
33692 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์จากประชาชน ในไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 | นร | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์จากประชาชน ในไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำแนกตามประเด็นสำคัญได้ ดังนี้
๑. สถิติการแจ้งเรื่องร้องทุกข์ของประชาชน จำแนกตามช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ (๔ ช่องทาง) มีประชาชนแจ้งเรื่องร้องทุกข์ผ่านช่องทางต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น ๓๘,๙๓๒ ครั้ง โดยผ่านช่องทางสายด่วนของรัฐบาล ๑๑๑๑ มากที่สุด รองลงมา คือ ช่องทางเว็บไซต์ (www.1111.go.th ๒. จำนวนเรื่องร้องทุกข์จำแนกตามประเภทเรื่องต่าง ๆ มีประชาชนแจ้งเรื่องร้องทุกข์รวมทั้งสิ้น ๒๗,๔๑๘ เรื่อง โดยร้องทุกข์ในประเภทเรื่องหลักด้านสังคมและสวัสดิการมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และด้านการเมือง - การปกครอง ตามลำดับ ในการนี้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่านทางช่องทางต่าง ๆ เพื่อให้รับทราบ หรือพิจารณา หรือรวมพิจารณา หรือขอให้เร่งรัดดำเนินการ ฯลฯ แล้วแต่กรณี ๓. จำนวนเรื่องร้องทุกข์และผลการดำเนินการของหน่วยงาน ในไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ หน่วยงานต่าง ๆ ได้รับการประสานงานเรื่องร้องทุกข์รวมทั้งสิ้น ๗,๔๙๖ เรื่อง โดยหน่วยงานที่ได้รับการประสานงานมากที่สุดใน ๓ ลำดับแรก ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประเด็นที่มีการร้องทุกข์มาก ได้แก่ กล่าวโทษหรือร้องเรียนข้าราชการตำรวจ บ่อนการพนัน และยาเสพติด รองลงมา คือ กระทรวงสาธารณสุข ประเด็นที่มีการร้องทุกข์มาก ได้แก่ ระบบการให้บริการของสถานพยาบาล กล่าวโทษหรือร้องเรียนบุคลากรทางการแพทย์ และการรักษาพยาบาล และกระทรวงมหาดไทย ประเด็นที่มีการร้องทุกข์มาก ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน วิกฤติน้ำ (อุทกภัย) และสวัสดิการสงเคราะห์ผู้สูงอายุ ๔. จำนวนเรื่องร้องทุกข์และผลการดำเนินการของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เรียงตามลำดับรัฐวิสาหกิจที่ได้รับการประสานงานมากที่สุด ๓ ลำดับแรก ได้แก่ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ประเด็นที่มีการร้องทุกข์มาก ได้แก่ การบริการขนส่งทางบก และกล่าวโทษหรือร้องเรียนพนักงานรัฐวิสาหกิจ รองลงมา คือ ธนาคารออมสิน ประเด็นที่มีการร้องทุกข์มาก ได้แก่ ปัญหาหนี้สินนอกระบบ การขออนุมัติสินเชื่อ และทุนประกอบอาชีพ และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ประเด็นที่มีการร้องทุกข์มาก ได้แก่ ไฟฟ้า และกล่าวโทษหรือร้องเรียนพนักงานรัฐวิสาหกิจ ๕. จำนวนเรื่องร้องทุกข์และผลการดำเนินการของจังหวัด ในไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จังหวัดต่าง ๆ ได้รับการประสานงานเรื่องร้องทุกข์รวมทั้งสิ้น ๖,๓๗๕ เรื่อง โดยเรียงตามลำดับจังหวัดที่ได้รับการประสานงานมากที่สุด ๓ ลำดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ประเด็นที่มีการร้องทุกข์มาก ได้แก่ เหตุเดือดร้อนรำคาญ ถนน และการบริการขนส่งทางบก รองลงมา คือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเด็นที่มีการร้องทุกข์มาก ได้แก่ วิกฤตน้ำ (อุทกภัย) สวัสดิการสงเคราะห์ผู้ประสบภัย และผลกระทบจากนโยบายและโครงการของรัฐ และจังหวัดนนทบุรี ประเด็นที่มีการร้องทุกข์มาก ได้แก่ วิกฤตน้ำ (อุทกภัย) เหตุเดือดร้อนรำคาญ และถนน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
33693 | เลื่อนและแต่งตั้งข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ ระดับ 10 (กระทรวงมหาดไทย) (นายบรรจง สุขดี) | มท | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายบรรจง สุขดี ให้ดำรงตำแหน่งนักบริหาร ๑๐ ผู้อำนวยการสำนัก สำนักสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
33694 | รัฐบาลสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายซูลีอาซี ลูตูบูลา (Mr. Suliasi Lutubula)] | กต | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายซูลีอาซี ลูตูบูลา (Mr. Suliasi Lutubula) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิประจำประเทศไทยคนใหม่ สืบแทนนางลิเทีย ซามานูนู กาลิเรีย ทาลาคูลิ คาโคเบา (Adi Litia Samanunu Qalirea Talakuli Cakobau) โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
33695 | รายงานผลความคืบหน้าการดำเนินงานศูนย์เยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2553 เป็นต้นไป | พม | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินงานศูนย์เยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
๑. การช่วยเหลือเร่งด่วน ตั้งแต่วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๓ - ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐานและให้ความช่วยเหลือไปแล้ว จำนวน ๑,๘๕๓ ราย แยกเป็น กรณีบาดเจ็บเล็กน้อย ๑,๐๓๓ ราย กรณีบาดเจ็บ ๖๒๐ ราย กรณีบาดเจ็บสาหัส ๙๐ ราย กรณีทุพพลภาพ ๑๓ ราย กรณีเสียชีวิต ๙๖ ราย และกรณีช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลเป็นกรณีพิเศษ ๑ ราย รวมเป็นเงิน ๑๐๙,๙๒๓,๒๐๙ บาท ๒. การช่วยเหลือต่อเนื่องกรณีทุพพลภาพและทายาทผู้เสียชีวิต ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือต่อเนื่องเป็นเงินยังชีพรายเดือนแก่ผู้ทุพพลภาพ จำนวน ๑๓ ราย บุตรผู้เสียชีวิต จำนวน ๖๓ ราย และบุตรผู้ทุพพลภาพ จำนวน ๑๔ ราย เป็นเงิน ๑,๑๓๐,๕๐๐ บาท ๓. การดำเนินโครงการสำรวจความเดือดร้อนของประชาชนผู้ร่วมชุมนุมทางการเมืองและผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ระหว่างเดือนสิงหาคม - ธันวาคม ๒๕๕๓ โดยผลการสำรวจพบว่า ความเดือดร้อนที่สำคัญของประชาชนคือ การขาดรายได้และการเป็นหนี้จากภัยธรรมชาติและความผันผวนทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ประชาชนเข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะสั้นคือ การสงเคราะห์ด้านอาชีพ หรือการเพิ่มรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ ส่วนในระยะปานกลาง ต้องเน้นการพัฒนาความรู้และทักษะที่จำเป็นในการพึ่งตนเอง และในระยะยาว ต้องส่งเสริมและพัฒนาองค์กรชุมชนให้มีความเข้มแข็ง เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาตนเองได้อย่างยั่งยืนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
33696 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องสถานที่สร้างสนามแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก พ.ศ. 2555 (FIFA FUTSAL WORLD CUP 2012) (การแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการจัดสร้างโครงสร้างพื้นฐานฯ) | มท | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) รับไปพิจารณาดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการจัดสร้างโครงสร้างพื้นฐานสนามแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก พ.ศ. ๒๕๕๕ (FIFA FUTSAL WORLD CUP 2012) ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ โดยมีองค์ประกอบตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ที่มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการฯ โดยมีองค์ประกอบจากผู้แทนของทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการ และให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การกีฬาแห่งประเทศไทย) และสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นกรรมการและเลขานุการ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ในการแต่งตั้งกรรมการควรคำนึงถึงความเหมาะสมของตำแหน่งของผู้ที่จะแต่งตั้งเป็นกรรมการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
33697 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การคมนาคมขนส่งภายในศูนย์ราชการ (แจ้งวัฒนะ) | สสป | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การคมนาคมขนส่งภายในศูนย์ราชการ (แจ้งวัฒนะ) ตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ ของกระทรวงการคลังร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. เร่งรัดระบบขนส่งมวลชนทุกรูปแบบ อาทิ รถไฟฟ้าสายสีชมพู (ปากเกร็ด - สุวินทวงศ์) รถ BRT รถประจำทาง ๒. เร่งรัดการก่อสร้างระบบเชื่อมทางทิศตะวันตกและด้านใต้เพื่อให้สามารถระบายรถออกทางถนนประชาชื่นและถนนสายย่อย (Local road) เพื่อบรรเทาการจราจรแออัดของถนนแจ้งวัฒนะ โดยสายใดมีความพร้อมให้ดำเนินการโดยเร็ว ๓. บริหารจัดการเดินรถประจำทางในปัจจุบันให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมครอบคลุมพื้นที่ และสามารถเป็นตัวป้อน (Feeder) นำผู้ใช้บริการเข้าออกศูนย์ราชการฯ ได้อย่างรวดเร็ว ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ๔. การจัดโซนตามผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครที่ได้จำแนกประเภทการใช้ที่ดินไว้นั้น ต้องมีความแน่วแน่ในการปฏิบัติตามผังเมืองที่กำหนดไว้ มิใช่เปลี่ยนตามนโยบายของรัฐ เช่น ศูนย์ราชการฯ ที่ไม่ได้วางผังเมืองรองรับจึงได้เกิดปัญหาอย่างในปัจจุบันและอนาคตที่มีความแออัดเพิ่มขึ้น ๕. การเตรียมตัวของกรุงเทพมหานครด้านโครงสร้างพื้นฐาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการขยายตัวของชุมชนเดิมและผู้อยู่อาศัยที่ต้องเข้ามาใหม่ ๖. การจ่ายค่าชดเชยการเวนคืนที่ดินที่เหมาะสมและจูงใจ ๗. ปรับปรุงกฎหมายปัจจุบันทั้งระบบเพื่อลดปัญหาและอุปสรรคในการบังคับตามกฎหมายผังเมือง เพื่อจัดการโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ให้เพื่อรองรับสิทธิชุมชน การทำประชาพิจารณ์ หรือการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ การเวนคืน ๘. มีการสร้างรถไฟรางเดียว (Monorail) ภายในศูนย์ราชการฯ เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งภายในและเชื่อมต่อกับถนนแจ้งวัฒนะ ถนนวิภาวดีรังสิต และสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
33698 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติมตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันพิจารณาคดีพิเศษเพิ่มเติม จำนวน ๒๔ คดี ในร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติมตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ว่า การเพิ่มคดีพิเศษดังกล่าวมีเหตุผลและความจำเป็นเช่นใด โดยให้เชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับคดีพิเศษที่กำหนดเพิ่มเติมดังกล่าวเข้าร่วมพิจารณาด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง สำหรับคดีพิเศษเพิ่มเติม จำนวน ๒๔ คดี ประกอบด้วย
๑. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ๒. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า ๓. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ๔. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต ๕. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย ๖. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ๗. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี ๘. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ๙. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ ๑๐. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ ๑๑. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ ๑๒. คดีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน ๑๓. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยแร่ ๑๔. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน ๑๕. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ๑๖. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ๑๗. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ๑๘. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ๑๙. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ๒๐. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยเครื่องสำอาง ๒๑. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย ๒๒. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยยา ๒๓. คดีความคิดตามกฎหมายว่าด้วยอาหาร ๒๔. คดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา เฉพาะความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร คดีความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายและคดีความผิดเกี่ยวกับหนังสือเดินทาง |
||||||||||||||||||||||||||||||
33699 | การแก้ไขปัญหาการเล่นการพนัน "หวยหุ้น" (รายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการเล่นการพนันหวยหุ้น) | มท | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการดำเนินการแก้ไขปัญหาการเล่นการพนัน “หวยหุ้น” โดยหากผู้ใดจัดให้มีการเล่นการพนัน “หวยหุ้น” โดยไม่ได้รับอนุญาต จะมีความผิดตามมาตรา ๑๒ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช ๒๔๗๘ ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ ๓ เดือนขึ้นไปจนถึง ๓ ปี และปรับตั้งแต่ ๕๐๐ บาท ขึ้นไปจนถึง ๕,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้เข้าเล่นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๓ ปี หรือปรับไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดกำชับนายอำเภอทุกอำเภอ และเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แล้วรายงานผลให้กระทรวงมหาดไทยทราบ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณากำหนดแนวทางและจัดทำมาตรการแก้ไขปัญหาการเล่นการพนัน “หวยหุ้น” รวมทั้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการกวดขัน ปราบปรามไม่ให้มีการลักลอบเล่นการพนัน “หวยหุ้น” หากบพว่ามีการเล่นการพนันดังกล่าวให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทันที ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เสนอเพิ่มเติม |
||||||||||||||||||||||||||||||
33700 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - สหราชอาณาจักร | คค | 28/03/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบบันทึกการหารือ ร่างบันทึกความเข้าใจ และร่างความตกลง รวม ๓ ฉบับ และให้เสนอรัฐสภาพิจารณาเพื่อให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ดังนี้ ๑.๑ บันทึกการหารือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ ๑.๒ ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ ๑.๓ ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเพื่อให้มีการลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ และร่างความตกลงฯ และแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของหนังสือสัญญาดังกล่าวต่อไป หลังจากรัฐสภาให้ความเห็นชอบบันทึกการหารือ ฯ ร่างบันทึกความเข้าใจฯ และร่างความตกลงฯ แล้ว
|
.....