ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1562 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 31221 - 31240 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
31221 | ขออนุมัติรายชื่อผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ประจำปีการศึกษา 2554 - 2555 หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร ภาครัฐ เอกชน และการเมือง (วปม.) รุ่นที่ 5 จากคณะรัฐมนตรี | กห | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้
๑. รายชื่อบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร ภาครัฐ เอกชน และการเมือง (วปม.) รุ่นที่ ๕ ประกอบด้วย ข้าราชการฝ่ายทหาร จำนวน ๒๙ คน ข้าราชการฝ่ายพลเรือน จำนวน ๙ คน หน่วยราชการอิสระ จำนวน ๘ คน และนักธุรกิจทั่วไป บุคคลทั่วไป และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำนวน ๑๕ คน รวมทั้งสิ้น ๖๑ คน ๒. หากการตรวจสอบคุณสมบัติในภายหลังพบว่า ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเข้ารับการศึกษาหลักสูตรดังกล่าวขาดคุณสมบัติตามระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๗ และฉบับที่ ๒ (แก้ไขเพิ่มเติม) พ.ศ. ๒๕๕๑ ที่กำหนดไว้ ให้กระทรวงกลาโหม โดยวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ตัดรายชื่อออกจากจำนวนที่ได้รับอนุมัติ หากมีความจำเป็นที่จะพิจารณาผู้ที่จะเข้าศึกษาทดแทน ให้กระทรวงกลาโหม โดยสภาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ดำเนินการตามความเหมาะสม
|
|||||||||||||||||||||||||||
31222 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ขอให้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่าง ประเทศ | วท | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ขอให้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุม IAEA/RCA Final Progress Review Meeting ภายใต้โครงการภูมิภาค RAS/8/111 “Diagnosing Industrial Multiphase System by Process Visualization using Radiotracers and Sealed Sources (RCA)” [การใช้เทคโนโลยีด้านรังสีติดตามวินิจฉัยให้เห็นภาพกระบวนการผลิตแบบมัลติเฟสของอุตสาหกรรมภายใต้โครงการความร่วมมือทางวิชาการระดับภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก (อาร์ซีเอ)] ร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ) เสนอ ดังนี้
๑. กระทรวงการต่างประเทศยืนยันความเห็นเกี่ยวกับร่างหนังสือตอบรับการเป็นเจ้าภาพฯ ว่า หนังสือตอบรับการเป็นเจ้าภาพฯ เป็นเพียงการอำนวยความสะดวกในการจัดการประชุมระหว่างประเทศ ซึ่งมีพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๐๕ เป็นกฎหมายรองรับ ดังนั้น ร่างหนังสือตอบรับการเป็นเจ้าภาพฯ จึงมิได้เป็นหนังสือสัญญาที่มีบทบัญญัติเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย หรือพื้นที่นอกราชอาณาเขต ซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย หรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญา หรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่จะต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา ๒. กระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่าร่างหนังสือตอบรับการเป็นเจ้าภาพฯ ของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติมีเนื้อความไม่แตกต่างจากร่างหนังสือตอบรับฯ ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งได้รวมความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศไว้ด้วยแล้ว และต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบและอนุมัติในหลักการแล้ว จึงไม่มีข้อขัดข้องต่อร่างหนังสือตอบรับฯ ดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||
31223 | การขอคงตำแหน่งและปรับปรุงหน้าที่ความรับผิดชอบของตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย (นักบริหารสูง) ฝ่ายกิจการพิเศษ กระทรวงมหาดไทย | นร | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้
๑. คงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย (นักบริหารสูง) ฝ่ายกิจการพิเศษ ต่อไปอีกระยะหนึ่งเป็นการชั่วคราว ไม่เกินสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คงตำแหน่งดังกล่าว เพื่อทำหน้าที่ในการช่วยเหลือและสนับสนุนการดำเนินการของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ๒. ศอ.บต. จะต้องเร่งปรับปรุงและพัฒนาบุคลากรและองค์กรเพื่อให้สามารถรองรับการปฏิบัติงานในบทบาทที่จะต้องเป็นหน่วยปฏิบัติงานหลักในการดำเนินการบูรณาการ การพัฒนาและแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเป็นระบบตามเจตนารมณ์ของกฎหมายจัดตั้ง ศอ.บต. |
|||||||||||||||||||||||||||
31224 | ขอความเห็นชอบการเสียภาษีสลากบำรุงสภากาชาดไทย | สกช | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สภากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัด หรือกิ่งกาชาดอำเภอ/กิ่งอำเภอ ซึ่งเป็นตัวแทนของสภากาชาดไทย ผู้รับใบอนุญาตจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินแบ่งหรือสลากบำรุงกาชาดไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำรายได้มอบให้สภากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัด หรือกิ่งกาชาดอำเภอ/กิ่งอำเภอ ไปใช้ในกิจการสาธารณกุศล เสียภาษีในอัตราร้อยละ ๐.๕ แห่งยอดราคาสลาก ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช ๒๔๗๘ ทั้งนี้ การเห็นชอบการเสียภาษีในอัตราดังกล่าวเฉพาะการออกสลากบำรุงกาชาดไทยประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เท่านั้น โดยยังไม่รวมถึงปีต่อ ๆ ไป เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช ๒๔๗๘ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31225 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของกระทรวงยุติธรรมและส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของกระทรวงยุติธรรม และส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งให้ นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็น ปคร. ของกระทรวงยุติธรรม ๒. แต่งตั้งให้ พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เป็น ปคร. ของสำนักงาน ป.ป.ส. ๓. แต่งตั้งให้ พันตำรวจเอก ดุษฎี อารยวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เป็น ปคร. ของสำนักงาน ป.ป.ท.
|
|||||||||||||||||||||||||||
31226 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันเกินวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่าย เพิ่มเติม งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชำระหนี้ค่าวัสดุอาหาร ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 | ยธ | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. ให้กรมราชทัณฑ์ก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายวัสดุอาหารผู้ต้องขังและผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒. สำหรับงบประมาณรายจ่ายเพื่อชำระหนี้ค่าวัสดุอาหารค้างชำระที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๓๑๘,๙๒๕,๑๗๐ บาท นั้น เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ประกาศใช้บังคับแล้ว เห็นสมควรให้กรมราชทัณฑ์เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณเป็นค่าวัสดุอาหารไว้แล้ว จำนวน ๒,๕๘๗,๐๔๔,๐๐๐ บาท ไปก่อน หากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรดังกล่าวมีไม่เพียงพอ ให้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มเติมในระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามความจำเป็นต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
31227 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ในคดีระหว่างนายอนุชา โมกขะเวส ฟ้องคณะรัฐมนตรีกับพวกรวม 3 คน ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้เพิกถอนมติ คณะรัฐมนตรีในส่วนที่เห็นชอบให้นายมานิต วัฒนเสน เลื่อนขึ้นดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย และขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม | อส | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องในคดีระหว่างนายอนุชา โมกขะเวส ฟ้องคณะรัฐมนตรีกับพวกรวม ๓ คน ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้เพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีในส่วนที่เห็นชอบให้นายมานิต วัฒนเสน เลื่อนขึ้นดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย และขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม โดยเห็นว่า
๑. ในการดำเนินการแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทยที่พิพาทนี้ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ (คณะรัฐมนตรี) และที่ ๒ (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย) ได้ดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีการที่กฎหมายกำหนดครบถ้วนแล้ว โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้คำนึงถึงความรู้ ความสามารถ ความประพฤติ และผลงาน ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายบัญญัติ ซึ่งอยู่ในดุลพินิจของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่สามารถกระทำได้ และไม่ถือว่าเป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด ๒. ไม่มีพยานหลักฐานใด ๆ ที่ระบุได้อย่างแจ้งชัดว่า นายมานิต วัฒนเสน มีพฤติการณ์ไปในทางอิงแอบกับผลประโยชน์ของพรรคการเมืองโดยไม่สุจริตตามที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้าง ๓. การดำเนินการเสนอรายชื่อผู้ที่เหมาะสมที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยปลัดกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น เป็นไปตามข้อกำหนดในหนังสือสำนักงาน ก.พ. ๔. เมื่อได้วินิจฉัยแล้วว่า การพิจารณาคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมสมควรได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ นั้นชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๒ เห็นชอบให้แต่งตั้งนายมานิต วัฒนเสน ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยตามที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ เสนอ จึงชอบด้วยกฎหมาย และการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ (คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม) มีคำวินิจฉัยยกคำร้องทุกข์ของผู้ฟ้องคดีจึงชอบด้วยกฎหมายเช่นเดียวกัน
|
|||||||||||||||||||||||||||
31228 | การจัดสรรเงินรางวัลและสิ่งจูงใจของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา และการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษตามโครงการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 | สผ | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบในหลักการและแนวทางการจัดสรรเงินรางวัลและสิ่งจูงใจของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา และการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษตามโครงการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ และเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการของคณะกรรมการข้าราชการรัฐสภา ตามที่คณะกรรมการข้าราชการรัฐสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ดังนี้
๑. การประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการรัฐสภา ครั้งที่ ๖/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๓ ได้เห็นชอบให้มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ดำเนินการจัดจ้างที่ปรึกษาซึ่งเป็นหน่วยงานภายนอกดำเนินการตามโครงการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ และในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการรัฐสภา ครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๕ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินรางวัล และสิ่งจูงใจประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ซึ่งหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินรางวัลดังกล่าวจัดสรรเงินรางวัลให้กับผู้บริหารและผู้ปฏิบัติ โดยมีวัตถุประสงค์และแนวทางเช่นเดียวกับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒. การดำเนินโครงการประเมินผลการปฏิบัติราชการเพื่อรับเงินรางวัล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ได้ดำเนินการสอดคล้องกับการดำเนินการของฝ่ายบริหารทุกประการ โดยส่วนราชการสังกัดรัฐสภาใช้เงินเหลือจ่ายที่ส่วนราชการสังกัดรัฐสภาได้ดำเนินงานบรรลุวัตถุประสงค์แล้วมีเงินเหลือจ่ายอย่างแท้จริง รวมทั้งไม่มีหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระและมีงบประมาณเพียงพอสำหรับชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ๓. ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ซึ่งประกอบด้วยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้รับอนุมัติให้กันเงินงบประมาณเพื่อจ่ายเป็นค่าตอบแทนพิเศษตามโครงการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภากันเงินไว้ จำนวน ๙,๐๔๖,๘๐๐ บาท และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกันเงินไว้ จำนวน ๑๓,๑๕๙,๐๒๐ บาท เพื่อเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31229 | การตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2553 และ 2552 ของสำนักงานศาลยุติธรรม | ศย | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมรายงานว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบบัญชีและงบการเงินของสำนักงานศาลยุติธรรม สำหรับปีสิ้นสุด วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ และ ๒๕๕๒ เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยเห็นว่ารายงานการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ และ ๒๕๕๒ และผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของสำนักงานศาลยุติธรรมโดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่กระทรวงการคลังกำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||
31230 | ขออนุมัติหลักการและงบประมาณในการดำเนินโครงการจัดการเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์พกพา | ศธ | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๑.๑ อนุมัติการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) แบบรัฐต่อรัฐ (G to G) โดยให้ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแต่งตั้งเป็นผู้แทนรัฐบาลไทยในการเจรจากับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ๑.๒ อนุมัติในหลักการให้จัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา ในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) กับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ รัฐบาลไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนได้มีบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในสาขาการพัฒนาที่ยั่งยืนในประเทศไทย โดยให้ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศใช้รายละเอียดครุภัณฑ์ คุณลักษณะเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) เป็นหลักในการเจรจากับสาธารณรัฐประชาชนจีน หากมีการเปลี่ยนแปลง ให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาตกลงร่วมกันเพื่อหาข้อยุติที่เหมาะสมกับการเรียนการสอน และสอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่ ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานด้วย ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นผู้ดำเนินการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) จัดวางระบบเครือข่าย Wi-Fi และจัดทำระบบบริหารจัดการที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ โดยให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ดำเนินการพัฒนาหลักสูตร สื่อการเรียนการสอน การพัฒนาบุคลากร และสร้างความเข้าใจ เพื่อการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา ๑.๔ อนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นหน่วยงานเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ สำหรับจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ของส่วนราชการต่าง ๆ จำนวนเงิน ๑,๗๙๔,๘๓๒,๘๐๐ บาท ยกเว้นงบประมาณของกรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา เนื่องจากมีกฎหมายเฉพาะ ทั้งนี้ ในส่วนของเงินอุดหนุนที่จัดสรรให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ให้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้พิจารณาก่อน สำหรับงบประมาณที่ยังขาดอยู่เพื่อการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา และการวางระบบสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการพัฒนาหลักสูตรสื่อการเรียนการสอน และการพัฒนาบุคลากรของส่วนราชการดำเนินงานโครงการ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการตามผลการเจรจาและข้อตกลงในการจัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐที่จะจัดทำขึ้น ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทวงการต่างประเทศ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการทำสัญญาที่จัดหาในรูปแบบรัฐต่อรัฐ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารควรส่งร่างสัญญาให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาก่อน และในการเจรจาควรแต่งตั้งผู้แทนจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานอัยการสูงสุด เข้าร่วมในคณะเจรจาด้วย ส่วนการดำเนินโครงการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์พกพา เห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการและส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือและให้การสนับสนุนการดำเนินงานแก่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในทุกขั้นตอนของโครงการฯ เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการฯ ให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณและการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ การดำเนินโครงการฯ ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาเนื้อหาสาระที่จะบรรจุในคอมพิวเตอร์พกพา เพื่อให้การใช้คอมพิวเตอร์พกพาเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างความรู้และการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนได้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด และเร่งเตรียมความพร้อมในการสร้างความรู้ ความเข้าใจการใช้คอมพิวเตอร์พกพาให้กับบุคลากรทั้งผู้บริหาร ครู นักเรียน และบุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งสร้างความรู้ ความเข้าใจในเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับผู้ปกครองควบคู่ไปด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการข้อมูลเกี่ยวกับโครงการจัดการเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์พกพาทั้งหมด ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
31231 | ขออนุมัติโอนเปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 รายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำห้วยหลวง - หนองหาน กุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี | ทส | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้กรมทรัพยากรน้ำเปลี่ยนแปลงรายการ จาก รายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำห้วยหลวง - หนองหาน กุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี วงเงินทั้งสิ้น ๑,๐๐๐ ล้านบาท รายการผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็น ๑.๑ รายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำห้วยหลวง - หนองหาน กุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ระยะเวลาดำเนินการ ๙๖๐ วัน ในวงเงิน ๙๖๔,๕๕๕,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๓๖,๒๒๕,๓๐๐ บาท งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๑๘๐,๐๙๓,๑๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๗๔๘,๒๓๖,๖๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๕๗ ต่อไป ๑.๒ อนุมัติให้โอนเปลี่ยนแปลงรายการจากรายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำห้วยหลวง - หนองหาน กุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี จำนวน ๒๖,๕๒๕,๐๐๐ บาท โดยเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๕,๓๐๕,๓๐๐ บาท เป็น รายการค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำห้วยหลวง - หนองหาน กุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี จำนวน ๒๖,๕๒๕,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๕,๓๐๕,๓๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๒๑,๒๑๙,๙๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๕๗ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรน้ำ) พิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและมาตรฐานของทางราชการ โดยพิจารณาประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31232 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31233 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง | กษ | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒. นายชลิต ดำรงศักดิ์ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
|
|||||||||||||||||||||||||||
31234 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง | ยธ | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งพลตำรวจตรี เกษม รัตนสุนทร ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
31235 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) | กต | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (เอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ) จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายนนทศิริ บุรณศิริ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรีย สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ๒. นายสมชาย เภาเจริญ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูจา สหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย
|
|||||||||||||||||||||||||||
31236 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 4 ทั้งปี 2554 และแนวโน้มปี 2555 | นร | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ ๔ ทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๔ และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ ๔ หดตัวร้อยละ ๙.๐ เทียบกับช่วงเดียวกันของปี พ.ศ. ๒๕๕๓ หรือหดตัวร้อยละ ๑๐.๗ เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว เป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบปีเทียบกับ ๓ ไตรมาสแรกที่ขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ ๓.๒ ๒.๗ และ ๓.๗ ตามลำดับ สาเหตุสำคัญมาจากเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา ทำให้ภาคการผลิตสาขาอุตสาหกรรม การบริโภค การลงทุน การท่องเที่ยว และการส่งออกหดตัว ยกเว้นภาคเกษตรกรรมที่ยังขยายตัวเล็กน้อย โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ ภาคการผลิตสาขาอุตสาหกรรม หดตัวร้อยละ ๒๑.๘ เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ ๓.๑ ในไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมและระบบโลจิสติกส์ในพื้นที่ประสบอุทกภัยได้รับความเสียหายและกระทบต่อห่วงโซ่การผลิต อัตราการใช้กำลังการผลิตรวมอยู่ที่ระดับร้อยละ ๔๖.๔ ลดลงจากร้อยละ ๖๔.๕ และ ๖๔.๒ ในไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตามลำดับ รวมทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๔ สาขาอุตสาหกรรมหดตัวร้อยละ ๔.๓ ๑.๒ การใช้จ่ายภาคครัวเรือน หดตัวร้อยละ ๓.๐ เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ ๒.๔ ในไตรมาสก่อน เนื่องจากผลกระทบของอุทกภัย โดยยอดจำหน่ายสินค้าคงทนลดลงมากถึงร้อยละ ๒๑.๘ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงอยู่ที่ระดับ ๖๒.๓ เทียบกับ ๗๓.๕ ในไตรมาสที่แล้ว รวมทั้งผู้บริโภคมีความกังวลต่อสถานการณ์ค่าครองชีพที่อาจปรับตัวสูงขึ้นหลังน้ำท่วม ประกอบกับรายได้เกษตรกรลดลงเนื่องจากราคาสินค้าเกษตรหลัก ๆ ลดลง เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และมันสำปะหลัง เป็นต้น รวมทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๔ การใช้จ่ายภาคครัวเรือนขยายตัวร้อยละ ๑.๓ ๑.๓ การลงทุนภาคเอกชน หดตัวร้อยละ ๑.๓ เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ ๙.๑ ในไตรมาสที่ผ่านมา เป็นผลมาจากเหตุการณ์อุทกภัยและความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ส่งผลให้การลงทุนในหมวดเครื่องจักรเครื่องมือหดตัวลงร้อยละ ๒.๔ ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ (Business Sentiment Index : BSI) เฉลี่ยในไตรมาสนี้อยู่ที่ระดับ ๔๑.๔ ลดลงจากระดับ ๕๐.๖ ในไตรมาสที่ผ่านมา รวมทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๔ การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ ๗.๒ โดยการลงทุนรวมทั้งปีขยายตัวร้อยละ ๓.๓ ๑.๔ ภาคการส่งออก ในรูปดอลลาร์สหรัฐ มีมูลค่า ๔๙,๑๖๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ ๕.๒ เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ ๒๗.๓ ในไตรมาสที่ผ่านมา เป็นผลมาจากภาคการผลิต โดยเฉพาะสาขาอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัย ประกอบกับปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป รวมทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๔ การส่งออกมีมูลค่า ๒๒๕,๓๖๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ ๑๖.๔ โดยตลาดสำคัญที่ยังคงขยายตัวได้ดีคือ จีน เกาหลีใต้ และอาเซียน ๑.๕ ภาคการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเมืองไทยในไตรมาสสุดท้าย มีจำนวน ๔.๔ ล้านคน ลดลงร้อยละ ๔.๔ เนื่องจากเหตุการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา โดยมีรายได้จากการท่องเที่ยว ๑๘๘,๐๗๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๘ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนอัตราการเข้าพักอยู่ที่ระดับร้อยละ ๕๕.๗ ปรับตัวสูงขึ้นจากร้อยละ ๕๔.๓ ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในสาขาโรงแรมและภัตตาคารหดตัวร้อยละ ๕.๓ เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ ๑๐.๒ ในไตรมาสที่แล้ว รวมทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเมืองไทย ๑๙.๑ ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๙.๘ ๑.๖ ภาคเกษตรกรรม ขยายตัวเล็กน้อยร้อยละ ๐.๗ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตสำคัญ เช่น ยางพารา มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน ในขณะที่พื้นที่ปลูกข้าวบางส่วนได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ทำให้มีผลผลิตลดลง เกษตรกรมีรายได้ลดลงร้อยละ ๐.๗ เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ ๗.๘ ในไตรมาสก่อน รวมทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ภาคเกษตรกรรมขยายตัวร้อยละ ๓.๘ ราคาสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๒.๒ ส่งผลให้รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น ๑๗.๙ โดยรวมเศรษฐกิจไทยปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ขยายตัวเพียงร้อยละ ๐.๑ โดยมีสาเหตุหลักมาจากปัญหาอุทกภัยที่สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก และส่งผลกระทบต่อ GDP ในราคาประจำปี คิดเป็นมูลค่าถึง ๓๒๘,๑๕๔ ล้านบาท โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังอยู่ในระดับปานกลางที่ร้อยละ ๓.๘ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๑๑,๘๖๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือร้อยละ ๓.๔ ของ GDP ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี พ.ศ. ๒๕๕๕ คาดว่าจะสามารถฟื้นตัวได้ในไตรมาสที่สอง และทั้งปีขยายตัวได้ในช่วงร้อยละ ๕.๕ - ๖.๕ โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากการลงทุนเพื่อการบริหารจัดการน้ำของภาครัฐ ทั้งในส่วนของการลงทุนเพื่อปรับปรุงฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย และการก่อสร้างเพิ่มเติม รวมถึงการดำเนินมาตรการสนับสนุนด้านสินเชื่อและมาตรการภาษีที่มีส่วนสำคัญต่อการฟื้นฟูทั้งภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ ประกอบกับการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการเพิ่มรายได้ของประชาชนจะทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ภาคการผลิตมีแนวโน้มที่คาดว่าจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้อุปสงค์ในประเทศโดยเฉพาะการลงทุนของภาคเอกชนขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนอุปสงค์ต่างประเทศน่าจะยังขยายตัวได้ดีเนื่องจากคู่ค้าสำคัญในภูมิภาคเอเชีย เช่น อาเซียน จีน และอินเดีย ยังมีศักยภาพที่จะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ ๓.๕ ถึง ๔.๐ การบริโภคครัวเรือนขยายตัวร้อยละ ๔.๔ การลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๑๔.๒ มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ ๑๗.๒ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลประมาณร้อยละ ๑.๒ ของ GDP ๓. ประเด็นการบริหารนโยบายเศรษฐกิจในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ควรให้ความสำคัญในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ ๓.๑ การเร่งป้องกันผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยในชุมชนและฐานการผลิตที่สำคัญ รวมทั้งเร่งรัดการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันปัญหาอุทกภัยซ้ำซ้อนและป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำ ๓.๒ การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะรายจ่ายด้านการลงทุน ๓.๓ การบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาค เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับรองรับความเสี่ยงด้านความผันผวนของระบบการเงินโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ๓.๔ การดูแลราคาสินค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นให้เป็นธรรมทั้งต่อผู้บริโภคและผู้ผลิต ๓.๕ การดำเนินนโยบายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างอนาคตของประเทศ เช่น การสร้างรายได้ให้ผู้มีรายได้น้อย นโยบายพลังงาน การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการส่งเสริมการลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
31237 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) | กต | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ในจำนวนนี้เป็นการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายอิทธิพร บุญประคอง ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา ๒. นายรัชนันท์ ธนานันท์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ๓. นายจิตติ สุวรรณิก ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการต่างประเทศ ๔. นายพิษณุ สุวรรณะชฎา ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า
|
|||||||||||||||||||||||||||
31238 | การตรวจติดตามสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง | ทส | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการตรวจติดตามสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การตรวจติดตามสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในจังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ๑.๑ โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองไฮพร้อมระบบกระจายน้ำ อำเภอบัวใหญ่ พื้นที่โครงการสายใยรักแห่งครอบครัว โครงการในพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร กรมทรัพยากรน้ำกำลังดำเนินการฟื้นฟู กำหนดแล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ๑.๒ โครงการขุดลอกบึงสำโรง บ้านกุดปลาฉลาด ตำบลสำโรง อำเภอแก้งสนามนาง ผู้นำชุมชนและราษฎรในพื้นที่ได้ร้องของบประมาณขุดลอกแหล่งน้ำบึงสำโรง พื้นที่โครงการ ประมาณ ๒,๑๐๖ ไร่ ให้รองรับน้ำในฤดูน้ำหลาก เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัยและเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง ๑.๓ โครงการขุดลอกบึงละหานลูกนก ตำบลบ้านเหลื่อม อำเภอบ้านเหลื่อม ผู้นำชุมชนและราษฎรในพื้นที่ได้ร้องขอให้ดำเนินการขุดลอกเพื่อเป็นแก้มลิงขนาดใหญ่ พื้นที่ประมาณ ๓,๖๐๐ ไร่ ให้รองรับน้ำในฤดูน้ำหลาก เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง ๑.๔ โครงการขุดลอกคลองทางเรือ ตำบลดงใหญ่ อำเภอพิมาย ที่มีสภาพตื้นเขินให้เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในฤดูน้ำหลากเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย ๑.๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับทราบแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและมอบให้กรมทรัพยากรน้ำเร่งศึกษาสำรวจและจัดหางบประมาณสนับสนุนต่อไป ๒. การตรวจติดตามสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในจังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ๒.๑ ผู้นำชุมชนและราษฎรในพื้นที่อำเภอสร้างคอมได้ร้องขอโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและเก็บน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้ง คือ โครงการฟื้นฟูอ่างเก็บน้ำพาน ตำบลสร้างคอม เพื่อขุดลอกตะกอน กำจัดวัชพืช และก่อสร้างอาคารระบายน้ำ วงเงินงบประมาณ ๑๐๐ ล้านบาท ๒.๒ ผู้นำชุมชนและราษฎรในพื้นที่อำเภอเพ็ญได้ร้องขอโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและเก็บน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้ง จำนวน ๕ โครงการ ได้แก่ โครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองบัวยามกา ตำบลบ้านธาตุ และโครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองบุ่งหวาย ตำบลจอมศรี โครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองบุ่งหวาย ตำบลจอมศรี เพื่อขุดลอกตะกอน กำจัดวัชพืช และก่อสร้างอาคารระบายน้ำ วงเงินประมาณ ๑๕ ล้านบาท โครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำห้วยเพ็ญ ตำบลเพ็ญ เพื่อขุดลอกลำห้วย และก่อสร้างฝายน้ำล้น แบบมีบานประตู วงเงินประมาณ ๒๐ ล้านบาท โครงการลำห้วยหลวง ตำบลนาบัว เพื่อศึกษาและพัฒนาลำน้ำห้วยหลวงตลอดสาย วงเงินประมาณ ๓๕ ล้านบาท และโครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำลำน้ำสวย ตำบลนาพู่ วงเงินประมาณ ๒ ล้านบาท ๒.๓ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับทราบแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและมอบให้กรมทรัพยากรน้ำร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษาสำรวจและจัดหางบประมาณสนับสนุนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
31239 | การขออนุมัติคณะรัฐมนตรีในการใช้ข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการในหนังสือความตกลง (Standard Letter of Agreement) ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กับ UN Women | นร | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กับ UN Women จัดทำหนังสือความตกลง (Standard Letter of Agreement between UN Women and Offiec of the Council of State inThailand on the Implementation of Regional Programme on Improving Women’s Human Rights in Southeast Asia - Cedaw Phase II) โดยมีข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการในหนังสือความตกลงดังกล่าวได้ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และ UN Women ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ประสานการจัดการประชุม Regional Workshop on CEDAW Based Legal Reviews เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการพื้นฐานตามอนุสัญญาขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (Convention on the Elimination of All Forms of Discrimination against Women : CEDAW) และการตรวจสอบและทบทวนบทบัญญัติตามกฎหมายโดยใช้คู่มือการตรวจสอบบทบัญญัติที่กระทบต่อสิทธิของสตรี (legislative indicators) ซึ่งเป็นการประชุมเชิงปฏิบัติการที่จะจัดให้มีขึ้นระหว่างวันที่ ๒๐ - ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ณ กรุงเทพฯ ๒. การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการฯ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะเป็นเจ้าภาพร่วมกับ UN Women โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ดำเนินการเกี่ยวกับการอำนวยการจัดงาน ได้แก่ การคัดเลือกผู้แทนหน่วยงานของประเทศไทยที่จะเข้าร่วมการประชุม การออกหนังสือเชิญผู้เข้าร่วมการประชุมโดยการลงนามร่วมกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และ UN Women การติดต่อสถานที่จัดงาน และการเตรียมเอกสารและอุปกรณ์ประกอบการประชุม ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายสำหรับดำเนินการในส่วนนี้จะได้รับการสนับสนุนจาก UN Women โดยวิธีการโอนงบประมาณค่าใช้จ่ายจาก UN Women มาไว้ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยจะต้องมีการลงนามในหนังสือความตกลงดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||
31240 | การเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 สำหรับหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ในงาน/โครงการ ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากเหตุอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต | กค | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลัง โดยคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (กวพ.อ.) เสนอขอยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ สำหรับหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในงาน/โครงการ ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากเหตุอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยมีขั้นตอน ดังนี้
๑. การแต่งตั้งคณะกรรมการร่างขอบเขตของงาน (Terms of Reference : TOR) และร่างเอกสารประกวดราคา การนำสาระสำคัญของร่าง TOR และเอกสารประกวดราคาซื้อหรือเอกสารประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ประกาศทางเว็บไซต์ของหน่วยงานและของกรมบัญชีกลางเพื่อให้สาธารณชนเสนอแนะ วิจารณ์ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ ข้อ ๘ (๑) ทั้งนี้ หน่วยงานต้องจัดทำ TOR และเอกสารประกวดราคาซื้อหรือเอกสารประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วยความเปิดเผย โปร่งใสและเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมตามเจตนารมณ์ของระเบียบฯ และยังคงปฏิบัติตามระเบียบฯ ข้อ ๘ (๓) โดยต้องนำสาระสำคัญของเอกสารประกาศเชิญชวน เอกสารประกวดราคาซื้อหรือเอกสารประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์และเอกสารเบื้องต้นอื่น ๆ ที่สามารถเผยแพร่ได้ ลงประกาศทางเว็บไซต์ของหน่วยงานของกรมบัญชีกลางเช่นเดิม ๒. กรณีการอุทธรณ์ผลการพิจารณาคัดเลือกเบื้องต้น ตามระเบียบฯ ข้อ ๙ (๓) และอุทธรณ์ผลการพิจารณาการเสนอราคา ตามระเบียบฯ ข้อ ๑๐ (๕) ในระหว่างการพิจารณาอุทธรณ์ให้หน่วยงานที่จัดหาพัสดุดำเนินการขั้นตอนต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทำได้เฉพาะกรณีที่มีเหตุผลความจำเป็นเท่านั้น โดยให้คำนึงถึงการแข่งขันอย่างเป็นธรรมและประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ
|
.....