ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1567 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 31321 - 31340 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
31321 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาต หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอรับใบอนุญาตและการอนุญาตตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน พ.ศ. .... | พน | 13/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาต หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอรับใบอนุญาตและการอนุญาตตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับใบอนุญาตในกรณีที่เป็นบุคคลธรรมดาและในกรณีที่เป็นนิติบุคคล ๒. กำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตต้องมีผู้ชำนาญการอย่างน้อยหนึ่งคนทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน และจัดทำรายงานผลการตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน และมีผู้ช่วยผู้ชำนาญการอย่างน้อยสองคน ทำหน้าที่ช่วยผู้ชำนาญการในการตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน และช่วยผู้ชำนาญการจัดทำรายงานผลการตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน ๓. กำหนดให้ผู้ชำนาญการและผู้ช่วยผู้ชำนาญการต้องไม่เป็นผู้ชำนาญการหรือผู้ช่วยผู้ชำนาญการให้กับผู้รับใบอนุญาตรายอื่นในเวลาเดียวกัน และต้องไม่เป็นบุคลากรประจำของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่เข้าไปดำเนินการตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน ๔. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอรับใบอนุญาต และการพิจารณาคำขอรับใบอนุญาตตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน ๕. กำหนดให้ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตประสงค์จะเลิกดำเนินการตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน ให้ผู้รับใบอนุญาตแจ้งเป็นหนังสือให้อธิบดีทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวันก่อนการเลิกดำเนินการ พร้อมส่งใบอนุญาตคืนให้แก่อธิบดีเพื่อประทับตรายกเลิกใบอนุญาตต่อไป ๖. กำหนดให้คำขอรับใบอนุญาต ใบอนุญาต คำขออนุญาตเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขจำนวนผู้ชำนาญการหรือผู้ช่วยผู้ชำนาญการ และคำขอรับใบแทนใบอนุญาต ให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||
31322 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปี 2554 (กรณีพิเศษ) ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด | ยธ | 13/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นกรณีพิเศษ ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๒.๕ ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง จำนวน ๒๙๙,๗๘๙ คน คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๗,๔๙๔ คน ๑.๒ ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๐.๕ ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน ๔๓๑,๑๑๘ คน คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๒,๑๕๕ คน ๑.๓ ในกรณีของผู้ที่เงินเดือนเต็มขั้นให้ได้รับค่าตอบแทนเป็นไปตามระเบียบที่กระทรวงการคลังกำหนด ๒. สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของส่วนราชการต้นสังกัด หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ เป็นลำดับต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ควรดำเนินการให้มีความสมดุลกันทั้งในเรื่องของการปราบปรามยาเสพติดและการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดเพื่อให้การแก้ไขปัญหาทั้งสองด้านเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ลงโทษทางวินัยอย่างเคร่งครัดกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
31323 | การติดตามประเมินผลโครงการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 - 2555 และโครงการป้องกันปัญหาอุทกภัยต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ | นร | 13/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างที่ปรึกษาที่เป็นสถาบันการศึกษาในพื้นที่ในการติดตามประเมินผลโครงการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ -๒๕๕๕ รวมทั้งโครงการป้องกันปัญหาอุทกภัยต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการจ้างที่ปรึกษาที่เป็นสถาบันการศึกษาในการติดตามประเมินผลโครงการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย และโครงการป้องกันอุทกภัยต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ควรกำหนดรูปแบบการติดตาม ตัวชี้วัด ประเมินผล และการรายงานผลที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน สอดคล้องกับปัญหาในพื้นที่เพื่อให้ที่ปรึกษาทุกสถาบันสามารถดำเนินการได้อย่างเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล สามารถวัดผลสำเร็จของโครงการได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อผลักดันให้โครงการดังกล่าวสำเร็จตามเป้าหมายในระยะเวลาที่กำหนด และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งควรกำหนดขอบเขตให้ครอบคลุมทุกจังหวัดที่เป็นพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ตามประกาศของกระทรวงมหาดไทย เพื่อจะได้ข้อมูลที่สมบูรณ์ ถูกต้อง และผลสัมฤทธิ์ของโครงการที่ได้ใกล้เคียงความเป็นจริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ในการดำเนินการติดตามประเมินผลโครงการดังกล่าว ให้กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานและบูรณาการการดำเนินการและข้อมูลที่เกี่ยวข้องร่วมกับคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
31324 | มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ถูกรอนสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ตามข้อกฎหมายว่าด้วยการจำกัดสิทธิในการใช้ที่ดิน | กค | 13/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการคลังรับเรื่อง มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ถูกรอนสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ตามข้อกฎหมายว่าด้วยการจำกัดสิทธิในการใช้ที่ดิน ไปพิจารณา โดยให้หารือกับกระทรวงคมนาคมและกระทรวงพลังงานในประเด็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับการใช้อำนาจรัฐเหนืออสังหาริมทรัพย์ของประชาชน ที่ได้กำหนดขั้นตอนให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำความตกลงกับเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งอสังหาริมทรัพย์เพื่อกำหนดลักษณะภาระในอสังหาริมทรัพย์นั้นก่อน ซึ่งหากเจ้าของหรือผู้ครอบครองดังกล่าวยินยอมก็จะได้รับเงินค่าทดแทนภาระในอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว แต่หากเจ้าของหรือผู้ครอบครองนั้นไม่ยินยอมรัฐก็จะต้องใช้มาตรการทางกฎหมายบังคับ ดังนั้น การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าทดแทนการรอนสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ให้แก่บุคคลที่รัฐใช้อำนาจทางกฎหมายบังคับอาจทำให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่ยินยอมทำความตกลงกับพนักงานเจ้าหน้าที่ในเรื่องดังกล่าว และเพื่อให้ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ จึงควรพิจารณาผลกระทบในประเด็นดังกล่าวให้รอบคอบโดยเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตามความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
31325 | ขออนุมัติการค้ำประกันเงินกู้และขอขยายระยะเวลาการกู้เงินโครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือก ปี 2552/53 | พณ | 13/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการค้ำประกันเงินกู้และขยายระยะเวลาการกู้เงินโครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือก ปี ๒๕๕๒/๕๓ ขององค์การคลังสินค้า (อคส.) จำนวน ๙๖๔,๓๘๖,๐๓๔.๗๓ บาท ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไปจนกว่าสำนักงบประมาณจะสามารถจัดสรรงบประมาณให้แก่โครงการฯ เสร็จสิ้น โดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ และรัฐบาลรับภาระชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ยจากการกู้เงิน รวมทั้งให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) คิดดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราเดิม ร้อยละ ๒.๕๐ ต่อปี และงดคิดดอกเบี้ยเพิ่ม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำแผนธุรกิจและแผนการชำระหนี้เพื่อใช้ประกอบการวางแผนชำระคืนเงินกู้คงค้างของ อคส. ให้ชัดเจน และเร่งรัดดำเนินการจำหน่ายข้าวในโครงการฯ ที่คงเหลือให้หมดในช่วงเวลาที่เหมาะสมโดยเร็ว พร้อมทั้งรายงานปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการฯ ให้คณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติได้รับทราบสถานการณ์เป็นระยะ ๆ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการและดำเนินการระบายข้าวได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เห็นควรเร่งรัดการจำหน่ายข้าวและนำเงินที่ได้จากการขายข้าวเปลือกหรือข้าวสารที่ได้จากการสีแปรสภาพข้าวเปลือกที่รับซื้อไว้เพื่อไปชำระหนี้เงินกู้ในลำดับแรกก่อน หากยังมีหนี้ต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และผลการขาดทุนจากการดำเนินงานตามโครงการฯ เหลืออยู่ภายหลังจากที่จำหน่ายข้าวเสร็จสิ้นแล้ว ให้ อคส. เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามรายการค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงต่อไป ไปดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
31326 | การลงนามข้อตกลงร่วมโครงการสนับสนุนเทคนิคการบำบัดน้ำเสียให้แก่ท้องถิ่นในประเทศไทยระหว่างองค์การจัดการน้ำเสียกับหน่วยงานระบายน้ำของประเทศญี่ปุ่น | ทส | 13/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการลงนามในข้อตกลงร่วมโครงการสนับสนุนเทคนิคการบำบัดน้ำเสียให้แก่ท้องถิ่นในประเทศไทยระหว่างองค์การจัดการน้ำเสีย (อจน.) กับ Saitama Prefectural Government Bureau of Public Sewerageworks ซึ่งเป็นหน่วยงานระบายน้ำของจังหวัด Saitama ประเทศญี่ปุ่น และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency : JICA) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้พัฒนาเทคนิคการจัดการระบบบำบัดน้ำเสีย และการพัฒนาบุคลากรร่วมกันทั้งด้านการฝึกอบรมและการใช้อุปกรณ์และวัสดุบำบัดน้ำเสีย ๑.๒ ให้ผู้แทน อจน. เป็นผู้ลงนามในข้อตกลงร่วมฯ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดทำข้อตกลงร่วมฯ ไม่ควรก่อให้เกิดภาระผูกพันต่อรัฐบาล หรือ อจน. รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในระยะยาวในการพึ่งพิงเทคโนโลยีจากต่างประเทศ โดยเฉพาะด้านเครื่องจักร อุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติงานและบำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสียของประเทศ นอกจากนี้ อจน. ซี่งเป็นผู้ได้รับฝึกอบรมและเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสียจากประเทศญี่ปุ่นควรพิจารณาถ่ายทอดเทคโนโลยีเหล่านี้ต่อไปให้กับบุคลากรของหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างกำลังคนที่มีความรู้และความสามารถในการบำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสียในประเทศให้มีจำนวนมากเพียงพอ จนสามารถพึ่งพาตนเองได้ และเป็นประโยชน์ต่อการจัดการน้ำเสียของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
31327 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2555 ครั้งที่ 2 | กค | 13/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มขึ้น ๔๔๗,๐๖๑.๐๑ ล้านบาท จากเดิม ๑,๖๕๐,๙๖๕.๔๐ ล้านบาท เป็น ๒,๐๙๘,๐๒๖.๔๒ ล้านบาท โดยประเด็นสำคัญที่มีการปรับปรุงในครั้งนี้ ได้แก่ การที่กระทรวงการคลังขอปรับเพิ่มวงเงินการก่อหนี้ใหม่ในประเทศอีก ๔๕๐,๐๐๐ ล้านบาท จากวงเงินเดิม ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท รวมเป็น ๘๐๐,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับวงเงินก่อหนี้ใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาจากการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ การกู้เงินเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำ เพื่อรองรับการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท และการกู้เงินเพื่อนำส่งเข้ากองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ จำนวน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อรองรับการกู้เงินภายใต้พระราชกำหนดกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๒. รับทราบแผนการกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องในรูป Credit line ของบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด วงเงิน ๓๐ ล้านบาท ๓. อนุมัติการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒ ๔. อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ แต่หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31328 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แทนตำแหน่งที่ว่าง | ลต | 13/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปทุมธานี เขตเลือกตั้งที่ ๕ แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
31329 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง | ทก | 13/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวสมศรี ฮั่นตระกูล ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31330 | อนุมัติกรอบงบประมาณแก้ไขปัญหาอุทกภัยระยะเร่งด่วน | วท | 13/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติกรอบงบประมาณการดำเนินการแก้ไขปัญหาอุทกภัยระยะเร่งด่วนปี ๒๕๕๕ ในพื้นที่ฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน ๒๔๖ โครงการ งบประมาณ ๒๔,๘๒๘,๘๒๐,๕๐๐ บาท ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยเสนอ โดยให้หน่วยงานที่เสนอของบประมาณจัดทำแผนปฏิบัติการพร้อมรายละเอียดรูปแบบโครงการส่งสำนักงบประมาณเพื่อขอจัดสรรงบประมาณต่อไป และให้ส่งแผนปฏิบัติการและรายละเอียดดังกล่าวให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ทราบอีกทางหนึ่งด้วย ทั้งนี้ กบอ. อาจพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการดังกล่าวได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
31331 | การแก้ไขปัญหาหมอกควันในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน | นร | 13/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาหมอกควันในพื้นที่ ๘ จังหวัดภาคเหนือตอนบน ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล) ในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ ๑๕ (จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน) และเขตตรวจราชการที่ ๑๖ (จังหวัดเชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน) ได้จัดประชุมติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งมอบนโยบายเพื่อเร่งรัดให้มีการแก้ไขปัญหาหมอกควันให้ลดลงโดยเร็วในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง และแม่ฮ่องสอน ระหว่างวันที่ ๖ - ๗, ๑๐ และ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๕ ตามลำดับ โดยได้จัดกิจกรรมรณรงค์ลดปัญหาหมอกควัน “หยุดเผาเพื่อลมหายใจ” (NO BURN) ในทั้ง ๘ จังหวัดภาคเหนือตอนบน และกำหนดมาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควัน ซึ่งหลังจากการดำเนินกิจกรรมและมาตรการเร่งด่วนแล้ว พบว่าปริมาณการเผาและหมอกควันสามารถควบคุมได้และเริ่มทรงตัว ยกเว้นจังหวัดเชียงรายและแม่ฮ่องสอน โดยจังหวัดเชียงรายมีปริมาณหมอกควันเพิ่มขึ้นสูงถึง ๔๓๗ ไมโครกรัม จึงได้จัดให้มีการประชุมแผนปฏิบัติการกับจังหวัดเชียงรายเป็นกรณีพิเศษ เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๕ และสามารถลดปริมาณการเผาในพื้นที่จังหวัดเชียงรายได้ทั้งหมดจนกระทั่งลดปริมาณหมอกควันเหลือ ๓๒๙ ไมโครกรัม สำหรับจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีปริมาณหมอกควันลดลงจาก ๓๕๙ ไมโครกรัม เหลืออยู่ที่ ๒๓๔ ไมโครกรัม เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีชนเผ่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และเป็นพื้นที่กว้างยากต่อการติดต่อสื่อสาร ประกอบกับเป็นจังหวัดที่มีชายแดนติดต่อกับประเทศพม่าทำให้มีปริมาณหมอกควันถูกพัดพาเข้ามาเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ปริมาณหมอกควันยังอยู่ในเกณฑ์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล) จะได้ติดตามและแก้ไขปัญหาต่อไป ๒. ภาพรวมทุกจังหวัดจะมีมาตรการ ดังนี้ ๒.๑ ห้ามมิให้มีการเผาวัชพืช ขยะมูลฝอยทุกชนิด ฝ่าฝืนปรับ ๒,๐๐๐ บาท ๒.๒ ห้ามมิให้มีการเผาป่า ฝ่าฝืนปรับสูงสุดไม่เกิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท และจำคุกสูงสุด ๑๕ ปี ๒.๓ ให้ศูนย์เฉพาะกิจควบคุมและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัด ประชาสัมพันธ์ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า ๑๐ ไมครอน (PM10) และคุณภาพอากาศ (AQI) ทุกวัน ค่าที่เกินมาตรฐานและเป็นอันตรายต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชน ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนดำเนินการฉีดพ่นน้ำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า ๑๐ ไมครอน (PM10) จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ๒.๔ ให้ส่วนราชการทุกส่วนทั้งราชการบริหารส่วนกลางที่มีที่ทำงานตั้งอยู่ในจังหวัด ราชการส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้การสนับสนุนการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ทั้งในด้านงบประมาณ บุคลากร และเครื่องไม้เครื่องมือในการดับไฟ ๒.๕ ให้สถานีวิทยุและวิทยุชุมชนทุกสถานีออกข่าวประกาศมาตรการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะเข้าสู่ฤดูฝน โดยออกอากาศทั้งภาษาไทยและภาษาท้องถิ่น รวมทั้งขอความร่วมมือสถานศึกษาให้จัดทำประกาศจังหวัดเป็นภาษากลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่บนพื้นที่สูง ทุกภาษา เพื่อครอบคลุมการประชาสัมพันธ์มาตรการของจังหวัดดังกล่าว ๒.๖ ให้สาธารณสุขจังหวัดและโรงพยาบาลจัดเตรียมแพทย์และเวชภัณฑ์ให้เพียงพอในการให้บริการแก่ประชาชนกรณีที่ได้รับผลกระทบจากภาวะหมอกควันและไฟป่า ตลอดจนให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพประชาชนในช่วงที่เกิดวิกฤตหมอกควันและไฟป่า ๒.๗ จัดชุดประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่รณรงค์และแจ้งเตือนประชาชนขอความร่วมมือในการงดเผาทุกชนิด ทั้งในพื้นที่เกษตรกรรมและในเขตป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะสิ้นสุดสถานการณ์ปัญหาหมอกควันและไฟป่า ๒.๘ จัดให้มีหน่วยงานและผู้บริหารราชการรับผิดชอบเป็นรายพื้นที่ให้ครอบคลุมทุกอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ทั้งในพื้นที่เกษตรกรรมของประชาชน รวมถึงพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์ ๒.๙ จัดให้มีอาสาสมัครรณรงค์และช่วยเหลือพนักงานเจ้าหน้าที่ในการดับไฟป่าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่
|
|||||||||||||||||||||||||||
31332 | แต่งตั้งผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค | มท | 13/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนางรัตนา กิจวรรณ เป็นผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในปีแรกอัตราเดือนละ ๓๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ มีนาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้นางรัตนา กิจวรรณ ลาออกจากการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
31333 | แนวทางการดำเนินงานตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 (ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ....) | นร | 13/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ร่างระเบียบนี้ใช้บังคับเฉพาะแก่โครงการที่ต้องดำเนินการโดยใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑.๒ กำหนดระยะเวลาในการเสนอโครงการที่ประสงค์จะใช้จ่ายจากเงินกู้ กรอบระยะเวลาในการใช้เงินเหลือจ่ายเพื่อดำเนินโครงการใดเพิ่มเติม เพื่อให้ฝ่ายบริหารสามารถดำเนินการผลักดันโครงการให้สอดคล้องกับกำหนดเวลาในการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑.๓ ปรับปรุงขั้นตอนการอนุมัติโครงการ โดยกำหนดให้ขั้นตอนในการขออนุมัติจัดสรรเงินกู้ของหน่วยงานเจ้าของโครงการ กรณีโครงการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้เสนอต่อคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (กนอช.) ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ และกรณีโครงการตามแผนยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ ให้เสนอต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ ๑.๔ แก้ไขเพิ่มเติมขั้นตอนในการดำเนินโครงการภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติโครงการแล้ว โดยตัดอำนาจหน้าที่ที่ซ้ำซ้อนกันระหว่างหน่วยงานออก เพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้นและสอดคล้องกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๕ กำหนดให้หน่วยงานเลขานุการของ กบอ. และ กยอ. ทำหน้าที่ในการติดตามและประเมินผลโครงการ ๒. ให้ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยและฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย เชิญเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ จัดประชุมชี้แจงส่วนราชการให้ทราบเกี่ยวกับรายละเอียด วิธีปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ รวมทั้งจัดทำผังขั้นตอนการดำเนินงาน (Flowchart) และกรอบระยะเวลาการดำเนินงานเกี่ยวกับโครงการตามแผนปฏิบัติการบริหารจัดการน้ำ การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยแห่งชาติให้ชัดเจน
|
|||||||||||||||||||||||||||
31334 | การติดตามผลการดำเนินงาน การฟื้นฟู เยียวยาและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย | นร | 13/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงาน การฟื้นฟู เยียวยาและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในกลุ่มผู้ประสบอุทกภัยที่สำคัญคือ ประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท) ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. มหาอุทกภัย (จังหวัดต่าง ๆ และกรุงเทพมหานคร) ๑.๑ จังหวัดต่าง ๆ ๑.๑.๑ การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท มีจังหวัดที่ต้องให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวม ๕๕ จังหวัด โดยในภาพรวม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้สำรวจและแจ้งธนาคารออมสินแล้ว จำนวน ๑,๒๕๕,๕๖๑ ครัวเรือน เป็นเงิน ๖,๒๗๗.๘๑ ล้านบาท ณ ปัจจุบัน (วันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๕) ธนาคารออมสินจ่ายจริงถึงมือประชาชนแล้ว จำนวน ๑,๑๘๐,๙๙๙ ครัวเรือน เป็นเงิน ๕,๙๐๕.๐๐ ล้านบาท หรือเฉลี่ยร้อยละ ๙๔.๐๖ ของยอดที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแจ้ง ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบยอดการจ่ายจริงถึงมือประชาชนกับยอดที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสำรวจและแจ้งธนาคารออมสินแล้ว ปรากฏว่ามี ๔๗ จังหวัด ที่มียอดจ่ายจริงถึงมือประชาชนเกินกว่าร้อยละ ๙๐ โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับร้อยละ ๙๗.๑๕ และมี ๘ จังหวัด ที่มียอดการจ่ายจริงถึงมือประชาชนต่ำกว่าร้อยละ ๙๐ โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับร้อยละ ๘๓.๖๖ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา นนทบุรี สมุทรสาคร ปทุมธานี สมุทรปราการ และตรัง สาเหตุที่ทำให้ยอดจ่ายจริงถึงมือประชาชนต่ำ เนื่องจากเพิ่งได้รับข้อมูลการสำรวจที่ทยอยส่ง รวมถึงอยู่ระหว่างการวางแผนการจ่ายเงินร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๑.๒ กรุงเทพมหานคร การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท รวม ๔๒ เขต โดยในภาพรวม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้สำรวจและแจ้งธนาคารออมสินแล้ว จำนวน ๕๕๖,๔๑๒ ครัวเรือน เป็นเงิน ๒,๗๘๒.๐๖ ล้านบาท ณ ปัจจุบัน (วันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๕) ธนาคารออมสินจ่ายถึงมือประชาชนแล้ว จำนวน ๔๙๑,๖๒๓ ครัวเรือน เป็นเงิน ๒,๔๕๘.๑๒ ล้านบาท หรือเฉลี่ยร้อยละ ๘๘.๓๖ ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบยอดการจ่ายจริงถึงมือประชาชนกับยอดที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสำรวจและแจ้งธนาคารออมสินแล้ว ปรากฏว่า มี ๒๕ เขต ที่มียอดจ่ายจริงถึงมือประชาชนเกินกว่าร้อยละ ๙๐ โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับร้อยละ ๙๓.๔๔ และมี ๑๗ เขต ที่มียอดการจ่ายจริงถึงมือประชาชนต่ำกว่าร้อยละ ๙๐ โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับร้อยละ ๘๔.๖๔ สาเหตุที่ทำให้ยอดจ่ายจริงถึงมือประชาชนต่ำ เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นเขตที่เพิ่มเติมใหม่ ๑๒ เขต และจากการที่ประชาชนไม่มารับเงิน ๒. อุทกภัยอื่น เป็นการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท โดยแยกในแต่ละอุทกภัยที่เกิดขึ้น คือ อุทกภัยวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ รวม ๘ จังหวัด ๑๔,๓๒๑ ครัวเรือน อุทกภัยวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ รวม ๑๐ จังหวัด ๒๕๕,๖๖๗ ครัวเรือน วาตภัยและคลื่นลมแรงวันที่ ๒๘ ตุลาคม, ๒๘ พฤศจิกายน, ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ รวม ๖ จังหวัด ๑,๘๙๗ ครัวเรือน โดยในภาพรวมเป็นอุทกภัยที่เกิดขึ้นในจังหวัดภาคใต้ ๑๑ จังหวัด ภาคตะวันออก ๑ จังหวัด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้สำรวจและแจ้งธนาคารออมสินแล้ว จำนวน ๒๒๔,๔๙๑ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑,๑๒๒.๔๖ ล้านบาท ณ ปัจจุบัน (๗ มีนาคม ๒๕๕๕) ธนาคารออมสินจ่ายถึงมือประชาชนแล้ว จำนวน ๓๓,๓๗๘ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑๖๖.๘๙ ล้านบาท โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับร้อยละ ๑๔.๘๗ ทั้งนี้ ทุกจังหวัดมีผลการจ่ายจริงถึงมือประชาชนต่ำทั้งสิ้น เนื่องจากเป็นการอนุมัติเพิ่มเติมให้ใหม่
|
|||||||||||||||||||||||||||
31335 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง | พณ | 13/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางปราณี ศิริพันธ์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31336 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง | พม | 13/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้
๑. นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทวง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ๒. นายวิเชียร ชวลิต ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
|
|||||||||||||||||||||||||||
31337 | ร่างพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. .... | นร | 13/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31338 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 13/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๕ ซึ่งพิจารณาร่างพระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรี รวม ๕ ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติสถานพยาบาลสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. .... โดยให้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน รวมทั้งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๒ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพุธที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๕ และครั้งที่ ๒๓ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31339 | การเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ( 29 มีนาคม 2555) | นร | 13/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีวันอังคารที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๕ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐเกาหลี ในวันที่ ๒๔ - ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๕ และกำหนดกลับถึงประเทศไทยในวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๕ จึงเห็นควรเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์ดังกล่าวจากวันอังคารที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๕ ไปเป็นวันพฤหัสบดีที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๕ ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31340 | การแก้ไขปัญหาหมอกควันในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือของประเทศไทย | นร | 13/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ (เรื่อง ปัญหาหมอกควันในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ) และวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง การแก้ไขปัญหาหมอกควันในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือของประเทศไทย) โดยให้รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ นั้น ขณะนี้สถานการณ์หมอกควันในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือดังกล่าวได้คลี่คลายลงในระดับหนึ่งแล้ว ยกเว้นในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ยังคงมีปัญหาอยู่ จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร) เร่งรัดดำเนินการจัดทำฝนหลวงในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือโดยเร็วและต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อให้ปัญหาหมอกควันหมดไปโดยเร็ว รวมทั้งให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) กำกับติดตามให้มีการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผู้กระทำผิดอย่างเคร่งครัดทั้งในส่วนประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๕ ดังกล่าวด้วย
|
.....