ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1564 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 31261 - 31280 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
31261 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | นร | 22/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมต่ำกว่า ๑,๐๐๐ ล้านบาท จำนวน ๑,๐๑๕ รายการ เป็นงบประมาณรายจ่ายของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๑๒,๙๒๓.๕ ล้านบาท จากวงเงินภาระผูกพันรวมทั้งสิ้นจำนวน ๙๑,๒๗๖.๔ ล้านบาท สำหรับรายการก่อหนี้ผูกพันรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๑๐ รายการ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นเจ้าของเรื่องดำเนินการตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติเป็นกรณี ๆ ไปอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณได้ ๓. รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่เสนอในครั้งนี้ หากเป็นรายการที่จะต้องจ่ายในรูปของเงินตราต่างประเทศ เช่น รายการค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าอาคารสำนักงาน และค่าเช่าทรัพย์สินในต่างประเทศ ฯลฯ ให้สำนักงบประมาณสามารถพิจารณาอนุมัติวงเงินผูกพันที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้รับอนุมัติเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน ในกรณีที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นนั้น ๆ สามารถปรับแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีก ๔. เนื่องจากพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ มีผลใช้บังคับแล้ว จึงเห็นควรให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นเร่งรัดดำเนินการให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยเฉพาะรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ และให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูและเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนฯ และมีการติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
31262 | การจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ | นร | 22/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ในครั้งต่อไปได้มีการกำหนดจังหวัดและวันที่จะจัดการประชุมฯ แล้ว ดังนี้
๑. เดือนมีนาคม ๒๕๕๕ จะเป็นการประชุมในพื้นที่ภาคใต้ (กลุ่มอันดามัน ๕ จังหวัด) ที่จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๕ ๒. เดือนเมษายน ๒๕๕๕ ไม่มีการประชุมฯ นอกสถานที่ ๓. เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๕ จะเป็นการประชุมในพื้นที่ภาคกลางกลุ่มจังหวัดด้านตะวันตก (จังหวัดนครปฐม ราชบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เป็นต้น) โดยรายละเอียดเกี่ยวกับจังหวัดและวันที่จะจัดการประชุมฯ จะได้ประสานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็นเจ้าภาพหลัก แล้วแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||
31263 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเวียง ตำบลหงาว อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย และตำบลเชียงแรง อำเภอภูซาง ตำบลเชียงบาน อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | นร | 13/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเวียง ตำบลหงาว อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย และตำบลเชียงแรง อำเภอภูซาง ตำบลเชียงบาน อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเวียง ตำบลหงาว อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย และตำบลเชียงแรง อำเภอภูซาง ตำบลเชียงบาน อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับแนวปฏิรูปที่ดินตามร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ทับซ้อนกับพื้นที่ปาสงวนแห่งชาติ ป่าดอยทาและป่าดอยบ่อส้ม จังหวัดเชียงราย และยังไม่เป็นที่ยุติว่าสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได้กันพื้นที่ที่ไม่สมควรนำมาปฏิรูปที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติดังกล่าวออกแล้วหรือไม่ จึงเห็นควรให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประสานกับกรมป่าไม้โดยยังไม่เข้าไปดำเนินการในพื้นที่ที่กรมป่าไม้ได้สงวนไว้ จนกว่าจะทำความตกลงให้เป็นที่ยุติก่อนเข้าดำเนินการปฏิรูปที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว และให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและหาข้อยุติให้ได้เสียก่อนที่จะเสนอร่างพระราชกฤษฎีกามาดำเนินการ เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาความล่าช้าในการตรวจพิจารณาอีกต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
31264 | ผลการประชุมการทบทวนนโยบายการค้าของไทย (Trade Policy Review) ภายใต้องค์การการค้าโลก | พณ | 13/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมการทบทวนนโยบายการค้าของไทย (Trade Policy Review) ภายใต้องค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) ครั้งที่ ๖ ระหว่างวันที่ ๒๘ - ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ณ สำนักงานองค์การการค้าโลก นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับประเด็นสำคัญที่สมาชิก WTO หยิบยกในระหว่างการประชุมฯ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การทบทวนนโยบายการค้าของไทยภายใต้ WTO ประเทศสมาชิก WTO หลายประเทศมีข้อกังวลต่อนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการค้าของไทยหลายประการ ได้แก่ ๑.๑.๑ ความล่าช้าในการปรับโครงสร้างในหลาย ๆ ด้าน รวมถึงด้านทรัพย์สินทางปัญญา การแปรรูปองค์กรของรัฐ (Privatization) การเปิดเสรีด้านการค้า บริการ และการลงทุน ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจ และกระทบต่อปริมาณการลงทุนของต่างชาติ (Foreign Direct Investment : FDI) ๑.๑.๒ การปรับปรุงระบบโครงสร้างภาษีศุลกากร รวมถึงปัญหาการรับสินบนของเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรและระบบการให้รางวัลนำจับกับเจ้าหน้าที่ศุลกากร ๑.๑.๓ ระบบโครงสร้างภาษีภายในประเทศของไทยที่มีความยุ่งยากซับซ้อน ๑.๑.๔ การจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรีซึ่งส่งผลให้เกิดความยุ่งยากซับซ้อนในเรื่องกฎแหล่งกำเนิดสินค้า (Rules of Origin) ของแต่ละความตกลง โดยเรียกว่าผลกระทบผัดไทย (Pad Thai Effect) ๑.๑.๕ นโยบายด้านการลงทุนของไทยที่ต้องการคุ้มครองอุตสาหกรรมภายใน เช่น ข้อจำกัดในเรื่องการถือครองหุ้นของต่างชาติ และข้อจำกัดเรื่องกฎระเบียบในบางสาขาเฉพาะ รวมทั้งความยุ่งยากซับซ้อนในกระบวนการชำระภาษี และปัจจัยจากความไม่มั่นคงทางการเมืองที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนด้วยเช่นกัน ๑.๑.๖ ข้อจำกัดภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวและข้อจำกัดในสัดส่วนการถือครองหุ้นที่ต่างชาติถูกจำกัดไม่ให้ถือครองเกินร้อยละ ๔๙ โดยเฉพาะในสาขาโทรคมนาคม ประกันภัย และโลจิสติกส์ รวมทั้งความสอดคล้องกับพันธกรณีของไทยภายใต้องค์การการค้าโลกในกรณีการให้สิทธิพิเศษของไทยต่อสหรัฐฯ ภายใต้สนธิสัญญาไมตรี ๑.๑.๗ การละเมิดสินค้าลิขสิทธิ์และการบังคับใช้กฎหมายและบทลงโทษอย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๑.๘ ประเด็นอื่น ๆ เช่น การออกระเบียบกำหนดมาตรฐานสำหรับสินค้าชั้นกลาง การออกกฎระเบียบว่าด้วยการขึ้นทะเบียนยาขององค์การอาหารและยาด้วยการติดฉลากเตือนบนสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การให้สิทธิพิเศษกับองค์การเภสัชกรรมในการได้รับการพิจารณาจัดซื้อยาโดยโรงพยาบาลของรัฐก่อน การประกาศของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดข้อห้ามการกระทำที่มีลักษณะเป็นการครอบงำกิจการโดยคนต่างด้าว และกรณีการให้ใบอนุญาตให้บริการ 3G ที่ล่าช้าเนื่องจากกระบวนการทางกฎหมาย เป็นต้น ๑.๒ สมาชิก WTO ได้ให้ความสนใจโดยมีคำถามกว่า ๔๐๐ คำถาม จากสมาชิกกว่า ๒๐ ประเทศ โดยประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้น เช่น ประเด็นเรื่องสนธิสัญญาไมตรีระหว่างไทย - สหรัฐฯ พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ความยุ่งยากซับซ้อนและไม่โปร่งใสของระบบโครงสร้างภาษีศุลกากรและภาษีภายในประเทศ ประเด็นทรัพย์สินทางปัญญา และข้อจำกัดในภาคการลงทุนและบริการ เป็นต้น ซึ่งเป็นคำถามที่เคยถูกยกขึ้นมาแล้วในการประชุมทบทวนนโยบายการค้าของไทย ครั้งที่ ๕ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยสมาชิกได้จับตาดูว่าไทยจะกำหนดนโยบายเรื่องดังกล่าวไปในทิศทางใด ซึ่งกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศมีความเห็นว่า รัฐบาลควรถือโอกาสในการปฏิรูปโครงสร้าง และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องไปพร้อม ๆ กัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สมาชิกโดยเฉพาะในด้านการลงทุน ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับข้อเสนอจากประเทศสมาชิก WTO ในเรื่องการปรับโครงสร้างภาคการเกษตร เพื่อเปิดตลาดยกเลิกการอุดหนุนส่งออก และลดการอุดหนุนภายในที่มีผลบิดเบือนทางการค้า ซึ่งสินค้าเกษตรเป็นสินค้าที่สมาชิก WTO ส่วนใหญ่มีมาตรการปกป้องไว้เช่นกัน ทั้งในด้านมาตรการภาษี มาตรการที่มิใช่ภาษี การอุดหนุนภายในที่มีผลบิดเบือนทางการค้า และการอุดหนุนการส่งออก ตลอดจนการใช้มาตรการทางการค้าต่าง ๆ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการชะงักงันของผลการเจรจา WTO รอบโดฮา ทั้งนี้ สินค้าเกษตรของไทยในปัจจุบัน ไม่มีการดำเนินการปกป้องเกินกว่าพันธกรณีและสิทธิของไทยภายใต้กรอบ WTO แต่อย่างใด ดังนั้น ในการปฏิรูปโครงสร้างและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในประเด็นนี้ ควรต้องคำนึงถึงความอ่อนไหวของสินค้าเกษตร และควรให้ความสำคัญกับการผลักดันผลสำเร็จของการเจรจาดังกล่าว เพื่อให้เกิดการแข่งขันทางการค้าที่เสรีและเป็นธรรมต่อประเทศสมาชิก ซึ่งมีระดับการพัฒนาที่แตกต่างกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
31265 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการสามัญศึกษาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 วุฒิสภา เรื่อง การบังคับใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 | สว | 13/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการสามัญศึกษาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ วุฒิสภา เรื่อง การบังคับใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และผลการดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการดังกล่าว ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขกฎหมายเพื่อการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะรัฐมนตรีได้ประชุมเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๔ ลงมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... ร่างประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป สำหรับกฎหมายที่เกี่ยวกับสิทธิในข้อมูลข่าวสารและการร้องเรียน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับปรุงพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ และในส่วนของกฎหมายว่าด้วยข้อมูลส่วนบุคคล ได้มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ... ต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ๒. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดตั้งองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. .... อยู่ระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา
|
||||||||||||||||||||||||
31266 | ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 13/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างรัฐธรรมนูญฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ดังต่อไปนี้ ๑.๑ กำหนดให้รัฐสภาประชุมร่วมกันในกรณีการให้ความเห็นชอบสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญซึ่งมาจากการคัดเลือกโดยที่ประชุมรัฐสภา และกรณีการให้ความเห็นชอบญัตติให้มีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ๑.๒ กำหนดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อทำหน้าที่จัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และกำหนดกระบวนการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อสังเกตเพิ่มเติมของรองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วเสนอร่างรัฐธรรมนูญฯ ให้รัฐสภาพิจารณาต่อไป ดังนี้ ๒.๑ ควรกำหนดลักษณะต้องห้ามมิให้พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของหน่วยงานของรัฐ ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้สอดคล้องกับการกำหนดลักษณะต้องห้ามของบุคคลผู้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามมาตรา ๑๐๒ (๑๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒.๒ ควรกำหนดระยะเวลาให้คณะกรรมการการเลือกตั้งจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญให้ชัดเจน เช่น ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเจ็บสิบห้าวันนับแต่วันสิ้นสุดการรับสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ๒.๓ กรณีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญว่างลงเหลือไม่ถึงกึ่งหนึ่งหรือระยะเวลาการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญเหลือไม่ถึงเก้าสิบวัน จะต้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือรัฐสภาดำเนินการเลือกตั้งหรือคัดเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่างหรือไม่ ควรกำหนดให้มีความชัดเจน ๒.๔ กรณีที่สภาร่างรัฐธรรมนูญไม่สามารถจัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบวัน คณะรัฐมนตรีหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสามารถเสนอญัตติต่อรัฐสภาเพื่อให้รัฐสภามีมติให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่ ควรกำหนดให้มีความชัดเจน และในการกำหนดให้สภาร่างรัฐธรรมนูญจะต้องจัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันถัดจากวันที่มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญครบจำนวน นั้น ควรกำหนดให้เริ่มนับระยะเวลาดังกล่าวเป็นให้นับแต่วันที่มีการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญครั้งแรก และควรกำหนดระยะเวลาในการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญครั้งแรกไว้ด้วย ๒.๕ ควรกำหนดให้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญชุดเดิมมีสิทธิเสนอญัตติต่อรัฐสภาเพื่อให้รัฐสภามีมติให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย ๒.๖ ควรกำหนดให้มีฝ่ายเลขานุการของสภาร่างรัฐธรรมนูญด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
31267 | แต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า | พณ | 13/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นอีก ๑ คน รวม ๓ คน ในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า เพื่อทดแทนตำแหน่งของกรรมการเดิมที่ลาออกไป ซึ่งเป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การคลังสินค้า พ.ศ. ๒๔๙๘ มาตรา ๑๕ ประกอบด้วย พันตำรวจโท ไพโรจน์ ปัญจประทีป เป็นประธานกรรมการ รองศาสตราจารย์ พันเอก เกรียงชัย ประสงค์สุกาญจน์ เป็นรองประธานกรรมการ และนายสุวรรณชาติ สูตรสุวรรณ เป็นกรรมการ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ๒. ให้รองศาสตราจารย์ พันเอก เกรียงชัย ประสงค์สุกาญจน์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้าพ้นจากตำแหน่งกรรมการ เพื่อดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า
|
||||||||||||||||||||||||
31268 | การลงนามแถลงการณ์ร่วม (Joint Statement) ในการเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี | กต | 13/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วม (Joint Statement) ว่าด้วยความร่วมมือทั่วไประหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลมาเลเซีย โดยสาระสำคัญของร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีดังนี้ ๑.๑ ฟื้นฟูกลไกความร่วมมือทวิภาคีที่มีอยู่ ได้แก่ การประชุมหารือประจำปีระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - มาเลเซีย (Joint Commission for Bilateral Cooperation : JC) คณะกรรมการร่วมว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมสำหรับพื้นที่ชายแดนไทย - มาเลเซีย (Thailand-Malaysia Committee on Joint Development Strategy for border areas : JDS) การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปและการประชุมคณะกรรมการระดับสูง โดยไทยมีความพร้อมในการจัดการประชุม JC ครั้งที่ ๑๒ และ JDS ครั้งที่ ๓ ในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑.๒ เร่งรัดการเจรจาบันทึกความเข้าใจ/ความตกลงที่คั่งค้างมานาน ได้แก่ ร่างความตกลงว่าด้วยการเดินทางข้ามแดน กรอบความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางบก ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ และการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเยาวชนและกีฬา ๑.๓ ส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนในประเทศที่สาม ๑.๔ พอใจกับความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างบริษัทการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) จำกัด มหาชนกับบริษัท Petronas ๑.๕ ส่งเสริมความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาข้ามแดนซึ่งเป็นปัญหาร่วมกันระหว่างสองประเทศ เช่น การลักลอบยาเสพติด การค้ามนุษย์ และการลักลอบอาวุธผิดกฎหมาย ๑.๖ เร่งรัดให้ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในกรอบ JDS ดำเนินการตามกำหนดการที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้ โดยเฉพาะการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลกสองแห่งระหว่างจังหวัดนราธิวาสกับรัฐกลันตัน การบูรณาการแผนพัฒนาด่านและเขตเศรษฐกิจพิเศษด่านสะเดา-บูกิตกายูฮิตัม และการเปิดทำการด่านบ้านประกอบ จังหวัดสงขลา อย่างเป็นทางการ ๒. อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีลงนามในแถลงการณ์ร่วมฯ เพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างสองประเทศและความร่วมมือที่ประสงค์จะดำเนินการร่วมกันในระยะต่อไปภายหลังการเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ในวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนมีการลงนาม ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
|
||||||||||||||||||||||||
31269 | การดำเนินงานและการติดตามผลการดำเนินงาน การฟื้นฟู เยียวยา และช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย | นร | 13/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินงานและการติดตามผลการดำเนินงาน การฟื้นฟู เยียวยาและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท) กรอบวงเงิน จำนวน ๑๔,๕๕๔.๕๙ ล้านบาท ผู้ประสบอุทกภัย ๒,๙๑๐,๙๑๗ ครัวเรือน สำนักงบประมาณจัดสรรให้ธนาคารออมสินแล้ว จำนวน ๒,๖๓๕,๑๑๐ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑๓,๑๗๕.๕๖ ล้านบาท ณ ปัจจุบัน (๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕) จ่ายจริงถึงมือประชาชนแล้ว ๑,๔๖๑,๐๐๖ ครัวเรือน เพิ่มขึ้นจากที่รายงานคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ จำนวน ๑๒๐,๑๑๒ ครัวเรือน ๒. การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ด้านการเกษตร กรอบวงเงิน จำนวน ๑๘,๖๕๗.๑๙ ล้านบาท เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ๑,๑๕๒,๑๖๒ ราย สำนักงบประมาณจัดสรรให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้ว เป็นเงิน ๑๘,๕๘๔.๕๕ ล้านบาท เกษตรกร ๘๓๐,๔๕๖ ราย ซึ่ง ธ.ก.ส. ตรวจสอบและโอนให้สาขาแล้ว จำนวน ๑๘,๕๒๖.๐๐ ล้านบาท เกษตรกร ๘๑๗,๔๓๗ ราย โดยจ่ายถึงมือเกษตรกรแล้ว ๖๗๓,๘๙๐ ราย ๓. การช่วยเหลือลูกจ้างตามโครงการป้องกันและบรรเทาการเลิกจ้าง กรอบวงเงิน จำนวน ๑,๘๑๘.๐๐ ล้านบาท ลูกจ้างผู้ประสบอุทกภัย ๓๐๐,๐๐๐ ราย สำนักงบประมาณได้จัดสรรให้ธนาคารออมสินแล้วเป็นเงิน ๑,๘๐๓.๑๔ ล้านบาท ซึ่งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานตรวจสอบและแจ้งธนาคารออมสินแล้ว จำนวน ๓๓,๓๔๐ ราย วงเงิน ๖๙.๑๙ ล้านบาท และจ่ายถึงมือประชาชนแล้ว ๑๙,๐๑๙ ราย ๔. การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่เป็นกลุ่มคนเปราะบาง กรอบวงเงิน จำนวน ๑,๔๐๐.๐๐ ล้านบาท จำนวนกลุ่มคนเปราะบาง ๗๐๐,๐๐๐ ราย สำนักงบประมาณจัดสรรแล้วเป็นเงิน ๑,๔๐๐.๐๐ ล้าบาท และจ่ายถึงมือประชาชนแล้ว ๓๕๑,๑๐๔ ราย ๕. การดำเนินงานในลักษณะงบลงทุนที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว มีรายการที่ต้องดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างทั้งสิ้น ๙,๕๗๑ รายการ มีรายการที่อยู่ระหว่างเตรียมการ ๔,๙๒๖ รายการ ประกวดราคาแล้ว ๒,๙๖๗ รายการ เซ็นสัญญาและเริ่มก่อสร้างแล้ว ๑,๖๗๘ รายการ โดยสาเหตุที่อยู่ระหว่างการเตรียมการมาก เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นรายการที่ส่วนราชการขอเพิ่มเติม ทั้งนี้ การก่อสร้างทั้งหมดจะเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕
|
||||||||||||||||||||||||
31270 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2554 (เรื่อง แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย) | ทส | 13/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้นายชเยนทร์ คำนวณ เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
31271 | รายงานผลการตรวจติดตามการดำเนินงานช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ครั้งที่ 3 | นร | 13/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจติดตามการดำเนินงานช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ครั้งที่ ๓ (ข้อมูล ณ วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕) ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ๑.๑ ด้านการจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชนครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท จากการสำรวจของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและกรุงเทพมหานคร มีจำนวนครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย จำนวน ๒,๘๘๒,๔๑๓ ครัวเรือน โดยได้ตรวจสอบข้อมูลและส่งให้ธนาคารออมสินแล้ว จำนวน ๑,๖๒๖,๐๐๑ ครัวเรือน และธนาคารออมสินได้ดำเนินการจ่ายเงินไปแล้ว จำนวน ๑,๔๑๔,๙๗๑ ครัวเรือน เป็นเงิน ๗,๐๗๔,๘๕๕,๐๐๐ บาท โดยมีจำนวนครัวเรือนที่ได้รับการจ่ายเงินช่วยเหลือแล้วเพิ่มขึ้น ๓๗๐,๗๐๑ ครัวเรือน ๑.๒ ด้านการซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย ประกอบด้วย การให้ความช่วยเหลือผ่านกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ความช่วยเหลือกรณีบ้านเสียหายทั้งหลัง เป็นค่าวัสดุหลังละไม่เกิน ๒๔๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๑๘๑ หลัง จ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว จำนวน ๗๓ หลัง เป็นเงิน ๑๗,๓๕๕,๑๒๖.๙๙ บาท มีจำนวนบ้านเรือนที่ได้รับความช่วยเหลือผ่านกองทุนฯ เพิ่มขึ้นจำนวน ๑ หลัง และการให้ความช่วยเหลือของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยให้ความช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของประชาชนซึ่งได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ในพื้นที่ ๖๔ จังหวัด (กรุงเทพมหานครอยู่ระหว่างการสำรวจและรวบรวมข้อมูล) แยกเป็นบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายทั้งหลัง จำนวน ๔๕๒ หลัง ให้ความช่วยเหลือแล้ว จำนวน ๒๑๕ หลัง เป็นเงินทั้งสิ้น ๖,๖๙๕,๙๓๐ บาท และบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายบางส่วน จำนวน ๗๒๐,๓๗๔ หลัง ให้ความช่วยเหลือแล้ว จำนวน ๑๙,๑๓๖ หลัง เป็นเงินทั้งสิ้น ๘๒,๒๔๙,๑๑๔ บาท มีการซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายบางส่วน เพิ่มขึ้นจำนวน ๑๖,๒๒๖ หลัง ๑.๓ ด้านการฟื้นฟูเส้นทางคมนาคม ประกอบด้วย การบูรณะฟื้นฟูเร่งด่วนทางสายหลักของกรมทางหลวง ได้ดำเนินการฟื้นฟูเส้นทางคมนาคมในพื้นที่ ๑๐ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี อุทัยธานี ชัยนาท ปทุมธานี และสิงห์บุรี จำนวน ๓๓ โครงการ วงเงิน ๑,๘๑๓,๘๗๔,๘๐๐ บาท ระยะเวลาดำเนินการไม่เกิน ๓ เดือน ได้ผู้รับจ้างและลงนามในสัญญาจ้างแล้วทุกโครงการ และการฟื้นฟูเส้นทางคมนาคมของกรมทางหลวงชนบท มีโครงการบูรณะฟื้นฟูเร่งด่วนทางหลวงชนบทสายหลักในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี พระนครศรีอยุธยา อุบลราชธานี นครสวรรค์ กำแพงเพชร อุดรธานี กาฬสินธุ์ และภูเก็ต จำนวน ๑๑ โครงการ วงเงิน ๑๓๙,๘๑๐,๐๐๐ บาท ได้ผู้รับจ้างแล้วทุกโครงการ โดยจะลงนามสัญญาภายในวันที่ ๙ - ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ระยะเวลาดำเนินการ ๙๐ - ๑๕๐ วัน คาดว่าทุกโครงการจะแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๕ ๒. ข้อเสนอแนะสำหรับการแก้ไขปัญหาที่พบจากการตรวจติดตามการดำเนินงาน ๒.๑ จังหวัด/หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องควรชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจถึงระเบียบ/กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย เช่น ประเภทค่าใช้จ่ายที่สามารถจ่ายเงินช่วยเหลือได้ อัตราค่าชดเชยในแต่ละพื้นที่ และหลักเกณฑ์การคัดเลือกกลุ่มคนเปราะบาง ๒.๒ กระทรวงการคลังควรพิจารณาปรับปรุง/แก้ไขหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ค่าใช้จ่ายชดเชยกรณีบ้านเรือนเสียหาย เพื่อลดปัญหาข้อขัดแย้งจากการใช้ดุลพินิจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และทำให้การดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐมีความน่าเชื่อถือ มีมาตรฐานและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
|
||||||||||||||||||||||||
31272 | การให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย | อก | 13/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัยและการสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในภาคอุตสาหกรรม เพิ่มเติม ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการฟื้นฟู เยียวยานิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม ๗ แห่ง ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและปทุมธานี ได้แก่ นิคมสหรัตนนคร นิคมไฮเทค นิคมบางปะอิน นิคมโรจนะ นิคมแฟคตอรี่แลนด์ นิคมนวนคร และนิคมบางกะดี ขณะนี้มีโรงงานประกอบกิจการแล้ว ๓๒๘ ราย ๒. การดำเนินการฟื้นฟูโรงงานขนาดใหญ่ และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ประสบอุทกภัย ซึ่งตั้งอยู่นอกเขตนิคมอุตสาหกรรม ขณะนี้มีโรงงาน สถานประกอบการอุตสาหกรรม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และวิสาหกิจชุมชน เปิดดำเนินการแล้ว ๑,๐๐๙ ราย ๓. มาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ๓.๑ ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์และวัตถุดิบที่นำมาทดแทนเครื่องจักรอุปกรณ์และวัตถุดิบนำเข้าที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย จำนวน ๓๑๒ โครงการ มูลค่ารวม ๒๙,๐๐๐ ล้านบาท ๓.๒ อนุมัติวีซ่าและใบอนุญาตทำงานแก่บริษัทที่ได้รับการส่งเสริม จำนวน ๘๑ บริษัท ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ จำนวน ๓๕๖ ราย ๓.๓ อนุญาตให้ส่งออกเครื่องจักรและวัตถุดิบไปต่างประเทศ และการย้ายเครื่องจักรและวัตถุดิบไปต่างประเทศ หรืออยู่นอกโครงการเป็นการชั่วคราว สำหรับผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่ประสบอุทกภัย โดยดำเนินการอนุญาตอย่างเร่งด่วนได้ภายในวันเดียวกับที่บริษัทยื่นเรื่อง จำนวน ๒๐๐ โครงการ ๓.๔ เพิ่มสิทธิประโยชน์หรือยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีเงินได้ให้ผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายทั้งในกรณีทำการผลิตชั่วคราวหรือลงทุนใหม่ เพื่อฟื้นฟูธุรกิจในประเทศ ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการออกประกาศ ๔. โครงการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย ๔.๑ โครงการจัดตั้งศูนย์พักพิงอุตสาหกรรม เป็นการจัดตั้งศูนย์สำหรับเป็นพื้นที่สำนักงานและโรงงานชั่วคราวสำหรับสถานประกอบการและวิสาหกิจชุมชนที่ประสบอุทกภัย เพื่อการผลิต จัดเก็บอุปกรณ์เครื่องจักรและซ่อมแซมเครื่องจักร ณ สำนักงานอำนวยการศูนย์พักพิง บริเวณตลาดโรงเกลือประตูน้ำพระอินทร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน ๑๑๔ ราย ประกอบด้วย สถานประกอบการอุตสาหกรรม จำนวน ๖๕ ราย และวิสาหกิจชุมชน จำนวน ๖๑ ราย มีการใช้พื้นที่แล้วรวม ๑๖,๐๒๐ ตารางเมตร จากพื้นที่ ๒๐,๐๐๐ ตารางเมตร คงเหลือพื้นที่สามารถรองรับสถานประกอบการได้อีก ๓,๙๘๐ ตารางเมตร ๔.๒ โครงการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และกากอุตสาหกรรมในสถานประกอบการที่ประสบอุทกภัย ได้ส่งทีมวิศวกรออกปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือ เพื่อดูแล ตรวจสอบ และแนะนำเรื่องความปลอดภัยในการทำงาน การดูแลรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การกำจัดกากอุตสาหกรรมทั้งชนิดอันตรายและไม่อันตรายและแก้ไขการปนเปื้อนของสารพิษ สารเคมี โดยเก็บรวบรวมข้อมูลสถานประกอบการ จำนวน ๓๐๖ ราย หรือร้อยละ ๑๕.๓ ของโรงงานเป้าหมายทั้งหมด (๒,๐๐๐ โรงงาน) ๔.๓ โครงการตรวจสอบคุณภาพน้ำ ดิน และการปนเปื้อนของสารพิษอุตสาหกรรมในสถานประกอบการทั้งภายในและภายนอกนิคม มีการเก็บและวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำ ดินและสารปนเปื้อนของสารพิษอุตสาหกรรมทั้งในและนอกนิคมในพื้นที่ ๑๔ จังหวัดที่ประสบอุทกภัย มุ่งเน้นสถานประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม/เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม ๗ แห่ง ที่ประสบอุทกภัย โดยดำเนินการเก็บตัวอย่างและวิเคราะห์ผลแล้ว จำนวน ๓๗๒ ตัวอย่าง หรือร้อยละ ๓๑ ของตัวอย่างทั้งหมด (๑,๒๐๐ ตัวอย่าง) ๔.๔ โครงการคลินิกอุตสาหกรรม มีผู้ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือ จำนวน ๔,๓๘๘ ราย จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น จำนวน ๘๕๗ ราย สามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการให้ดำเนินการฟื้นฟูเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว จำนวน ๖๗๖ ราย ๕. ความคืบหน้าการก่อสร้างเขื่อน นิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ดำเนินการก่อสร้างเขื่อน ความยาวโดยประมาณ ๑๑ กิโลเมตร สวนอุตสาหกรรมบางกะดี ดำเนินการก่อสร้างเขื่อน ความยาวโดยประมาณ ๘.๕ กิโลเมตร เขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ ดำเนินการก่อสร้างเขื่อน ความยาวโดยประมาณ ๗๗.๖ กิโลเมตร นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ดำเนินการก่อสร้างเขื่อน ความยาวโดยประมาณ ๑๓ กิโลเมตร สวนอุตสาหกรรมนวนคร ดำเนินการก่อสร้างเขื่อน ความยาวโดยประมาณ ๑๘ กิโลเมตร และนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ดำเนินการก่อสร้างเขื่อน ความยาวโดยประมาณ ๑๓ กิโลเมตร ซึ่งการก่อสร้างเขื่อนทั้งหมดกำหนดเสร็จสิ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๕
|
||||||||||||||||||||||||
31273 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลบังกลาเทศ | พณ | 13/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. การลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลบังกลาเทศ โดยมอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิได้ทำให้สาระสำคัญในร่างบันทึกความเข้าใจฯ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ให้อยู่ในดุลยพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่จะดำเนินการได้ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
|
||||||||||||||||||||||||
31274 | แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ | นร | 13/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๔/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๕ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ ๒. แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีขึ้นใหม่ ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๔๐/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางนลินี ทวีสิน) เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่ากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายฐานิสร์ เทียนทอง) และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานกรรมการ กรรมการอื่นอีก ๒๙ ราย และนางสาวเรณู ตังคจิวางกูร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ศึกษารูปแบบ กรอบการดำเนินการ และเสนอแนะแนวทางในการจัดตั้งและบริหารจัดการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีต่อนายกรัฐมนตรี รวมทั้งติดตามและเร่งรัดการดำเนินงานเพื่อจัดตั้งและบริหารจัดการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ ให้เป็นไปตามนโยบายการจัดตั้งกองทุนฯ และดำเนินการอื่นใดตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย
|
||||||||||||||||||||||||
31275 | แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารนโยบาย 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน | นร | 13/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๙๖/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารนโยบาย ๑ คอมพิวเตอร์แท็บเล็ต ต่อ ๑ นักเรียน และแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารนโยบาย ๑ คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ ๑ นักเรียน ขึ้นใหม่ โดยปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการ และเพิ่มองค์ประกอบในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เป็นกรรมการ เพิ่มเติม ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๔๓/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
31276 | แต่งตั้งคณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพิ่มเติม | นร | 13/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแต่งตั้งคณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพิ่มเติม ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๔๑/๒๕๕๕ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (เพิ่มเติม) ลงวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ประกอบด้วย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นที่ปรึกษา นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นรองประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา ดร.พิมพ์รภัช ดุษฎีอิสริยกุล นายประมุข ลมุล นายฐานิส ศรียะพันธ์ นายวิเชียร จันทรโณทัย และนายแพทย์สมหมาย บุญเกลี้ยง เป็นกรรมการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
31277 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงมหาดไทย) | มท | 13/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายสุรชัย ศรีสารคาม ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก ๒. นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ๓. นางสาวจิตรา พรหมชุติมา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี
|
||||||||||||||||||||||||
31278 | สรุปผลการประชุมปรึกษาหารือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร | นร | 13/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับปรุงการมอบหมายงานให้กระทรวงต่าง ๆ ร่วมดำเนินการขุดลอกคลอง โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับผิดชอบดำเนินการขุดลอกคลองในบริเวณเขตทวีวัฒนา จำนวน ๖ คลอง ได้แก่ คลองซอย คลองขุนศรีบุรีรักษ์ คลองควาย คลองโพธิ์ คลองบางคูเวียง และคลองบ้านไทร และให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการขุดลอกคลองบางบอน โดยให้กระทรวงแรงงานดำเนินการขุดลอกคลองบางน้ำจืด แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ให้เลขาธิการคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเป็นผู้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการต่อไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
31279 | ร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลห้วยโป่ง และตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 13/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลห้วยโป่ง และตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
31280 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 13/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลห้วยโป่ง และตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
.....