ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1561 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 31201 - 31220 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
31201 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองหรือลงนามระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 20 (ร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยอาเซียนปลอดยาเสพติด ค.ศ. 2015) | กต | 29/03/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสาร จำนวน ๓ ฉบับ และหากมีความจำเป็นแก้ไขร่างเอกสารที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ดังนี้ ๑.๑ ร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยอาเซียนปลอดยาเสพติด ค.ศ. ๒๐๑๕ (ASEAN Declaration on a Drug - Free ASEAN 2015) มีสาระสำคัญเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่ผู้นำอาเซียนให้แก่การแก้ไขปัญหายาเสพติดและการสร้างอาเซียนที่ปลอดยาเสพติด (Drug - Free ASEAN) ภายในปี ๒๕๕๘ ซึ่งสอดคล้องกับปีเป้าหมายของการเป็นประชาคมอาเซียน รวมทั้งแสดงเจตนารมณ์ในการเพิ่มความพยายามร่วมกันในการต่อสู้กับยาเสพติดและรับมืออย่างมีประสิทธิภาพต่อความท้าทายและภัยคุกคามจากปัญหายาเสพติดในภูมิภาค ๑.๒ ร่างเอกสารแนวความคิดเรื่องกลุ่มผู้มีแนวคิดแบบทางสายกลาง (ASEAN’s Concept Paper on Global Movement of the Moderates) มีสาระสำคัญเพื่ออธิบายแนวความคิดโดยรวมของกลุ่มผู้มีแนวคิดแบบทางสายกลาง (Global Movement of the Moderates) และระบุแนวปฏิบัติที่จะช่วยสนับสนุนแนวคิดดังกล่าวโดยใช้กลไกของอาเซียนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งระบุข้อเสนอเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมในระดับประเทศ ภูมิภาค และระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมแนวคิดแบบทางสายกลางและแสวงหาความร่วมมือจากทุกศาสนาและวัฒนธรรมเพื่อป้องกันแนวคิดแบบสุดโต่ง (extremism) ๑.๓ ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียและสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ว่าด้วยการให้ที่ตั้งและเอกสิทธิ์ความคุ้มกันแก่สำนักเลขาธิการอาเซียน (Host Country Agreement) มีสาระสำคัญเพื่อให้ที่ตั้งและเอกสิทธิ์ความคุ้มกันแก่สำนักเลขาธิการอาเซียน รวมทั้งเลขาธิการอาเซียน รองเลขาธิการอาเซียน และเจ้าหน้าที่ของสำนักเลขาธิการอาเซียน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสำนักเลขาธิการอาเซียน ๒. ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยอาเซียนปลอดยาเสพติด ค.ศ. ๒๐๑๕ และร่างเอกสารแนวความคิดเรื่องกลุ่มผู้มีแนวคิดแบบทางสายกลาง ๓. อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนลงนามในร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียและสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ว่าด้วยการให้ที่ตั้งและเอกสิทธิ์ความคุ้มกันแก่สำนักเลขาธิการอาเซียน และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือกระทรวงการต่างประเทศแจ้งเรื่องการเห็นชอบให้เลขาธิการอาเซียนลงนามในเอกสารดังกล่าวผ่านทางคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา |
||||||||||||||||||||||||
31202 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) | นร | 29/03/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. นายเพิ่มศักดิ์ บ้านใหม่ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการดำเนินงานข่าวกรองในต่างประเทศ (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ๒. นายเชิดศักดิ์ สันติวรวุฒิ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านข่าวกรองความมั่นคงและสถาบันหลัก (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๔
|
||||||||||||||||||||||||
31203 | ร่างพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. .... | นร | 29/03/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ภายในระยะเวลา ๒ ปี นับแต่วันพ้นจากตำแหน่งห้ามมิให้คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐเป็นกรรมการ ผู้มีอำนาจในการจัดการ ที่ปรึกษาหรือถือหุ้นเกินร้อยละศูนย์จุดห้าของทุนที่ชำระแล้วของเอกชนที่คณะกรรมการดังกล่าวได้อนุมัติหลักการให้ร่วมลงทุนในกิจการของรัฐหรือได้ทำสัญญาร่วมลงทุนกับหน่วยงานเจ้าของโครงการ และให้มีอำนาจในการให้คำแนะนำหรือความเห็นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก่อนมีการตราพระราชกฤษฎีกายกเว้นไม่ให้นำร่างพระราชบัญญัตินี้มาใช้บังคับแก่การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ๑.๒ กำหนดให้รัฐมนตรีกระทรวงเจ้าสังกัดเสนอกรอบนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐในความรับผิดชอบของกระทรวงต่อคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ต่อไป โดยกรอบนโยบายที่แต่ละกระทรวงเสนอให้แสดงภาพรวม ลักษณะของโครงการ ลำดับความสำคัญของกิจการของรัฐในความรับผิดชอบของกระทรวงที่จำเป็นหรือเหมาะสมจะให้เอกชนร่วมลงทุน ๑.๓ กำหนดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการต้องว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อจัดทำรายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการ และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการส่งรายงานของที่ปรึกษาเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาเสนอโครงการด้วย ๑.๔ กำหนดขั้นตอนการดำเนินโครงการเพื่อคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ๑.๕ กำหนดให้จัดตั้งกองทุนส่งเสริมการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐในกระทรวงการคลัง เพื่อสนับสนุนการจัดทำแผนยุทธศาสตร์และสนับสนุนหน่วยงานของรัฐในการเสนอโครงการที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ การจัดทำผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการ และการจ้างที่ปรึกษา ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินกิจการของรัฐภายหลังจากสัญญาร่วมลงทุนสิ้นสุด ควรมีการกำหนดหัวข้อ และรายละเอียดที่ชัดเจน เพื่อให้หน่วยงานเจ้าของโครงการใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการจัดทำแนวทางที่เป็นมาตรฐานเดียวกันและมิให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
31204 | ขออนุมัติโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณถนนนนทบุรี 1 ของกรมทางหลวงชนบท | คค | 29/03/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ขยายเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณถนนนนทบุรี ๑ ของกรมทางหลวงชนบท จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ - พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ - พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ส่วนงบประมาณค่าใช้จ่ายของโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้น ๑,๑๔๑,๓๓๓,๕๓๑.๓๕ บาท อนุมัติและให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่เสนอตั้งไว้ จำนวน ๒๘๑,๖๕๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๘๕๙,๖๘๓,๕๓๑.๓๕ บาท ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๖ - พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับเพื่อให้ครบค่างานต่อไป ทั้งนี้ ให้พิจารณาการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเป็นค่างานในหมวดงานทั่วไป และค่าใช้จ่ายที่เบิกจ่ายในลักษณะเงินจร (Provisional Sum) ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
31205 | การกู้เงินเพื่อใช้ในโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2554/55 โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2555 ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 29/03/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ใช้เงินกู้โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕ วงเงิน ๒๖๙,๑๖๐ ล้านบาท เดิม เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๔/๕๕ จำนวน ๑๐ ล้านตัน วงเงินกู้ไม่เกิน ๒๘,๒๕๐ ล้านบาท โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง วงเงินกู้ไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี ๒๕๕๕ จำนวนประมาณ ๘ ล้านตัน วงเงินกู้ไม่เกิน ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท เพิ่มเติม รวมวงเงินทั้งสิ้นไม่เกิน ๑๖๓,๒๕๐ ล้านบาท ๑.๒ ให้ ธ.ก.ส. กู้เงินเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๔/๕๕ จำนวน ๑๐ ล้านตัน วงเงินกู้ไม่เกิน ๒๘,๒๕๐ ล้านบาท โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง วงเงินกู้ไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี ๒๕๕๕ จำนวนประมาณ ๘ ล้านตัน วงเงินกู้ไม่เกิน ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท รวมวงเงินทั้งสิ้นไม่เกิน ๑๖๓,๒๕๐ ล้านบาท จากสถาบันการเงินต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งให้ ธ.ก.ส. กู้เงินเพื่อบริหารจัดการหนี้เงินกู้ด้วยการ Refinance หรือ Roll over หรือ Prepayment โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินกู้และดอกเบี้ย รัฐบาลรับภาระชำระคืนต้นเงินและดอกเบี้ยจากการกู้เงิน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริงจากการดำเนินโครงการทั้งหมด ๑.๓ ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ของ ธ.ก.ส. ที่เกิดจากการกู้เงินและการบริหารจัดการหนี้ของ ธ.ก.ส. โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ในแต่ละครั้ง ตามโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๔/๕๕ วงเงินกู้ไม่เกิน ๒๘,๒๕๐ ล้านบาท โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง วงเงินกู้ไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี ๒๕๕๕ วงเงินกู้ไม่เกิน ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น รวมทั้งการบริหารจัดการหนี้ร่วมกับ ธ.ก.ส. ด้วยการ Refinance หรือ Roll over หรือ Prepayment โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันจนกว่าจะมีการชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้น รัฐบาลรับภาระชำระคืนต้นเงินและดอกเบี้ยจากการกู้เงิน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริง รวมทั้งผลขาดทุนที่เกิดขึ้นจากโครงการทั้งหมด ๑.๔ ให้ ธ.ก.ส. แยกบัญชีการดำเนินงาน บัญชีธนาคารของโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๔/๕๕ โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี ๒๕๕๕ โดยเฉพาะ เพื่อให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีชำระคืน ธ.ก.ส. หากมีผลขาดทุนที่เกิดขึ้นจริงจากโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๔/๕๕ จำนวน ๑๐ ล้านตัน และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี ๒๕๕๕ จำนวน ๘ ล้านตัน ให้เสร็จสิ้นทุกสิ้นปีงบประมาณหรือไม่เกินปีงบประมาณถัดไป โดยไม่ต้องรอให้มีการระบายผลิตผลเสร็จสิ้นก่อน เพื่อให้การรับรู้กำไร/ขาดทุนจากการดำเนินโครงการดังกล่าวในปีนั้น ๆ รวมทั้งชดเชยต้นทุนเงินและค่าใช้จ่ายดำเนินงาน และเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน ทั้งในส่วนของ ธ.ก.ส. และส่วนที่กู้จากสถาบันการเงิน เพื่อมิให้เป็นภาระงบประมาณด้านดอกเบี้ยจ่ายจากหนี้คงค้างโครงการฯ เป็นเวลานาน รวมทั้งเพื่อให้ ธ.ก.ส. สามารถนำเงินไปหมุนเวียนเพื่อใช้ในโครงการอื่นในปีต่อ ๆ ไป หากมีกำไรเกิดขึ้นจากการดำเนินงานหลังจากการระบายผลผลิตหรือสิ้นสุดโครงการฯ ให้ ธ.ก.ส. นำเงินส่งคลังทันที ๑.๕ ให้หน่วยงานดำเนินการที่ได้จำหน่ายสินค้าตามโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๔/๕๕ โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี ๒๕๕๕ และได้รับชำระค่าสินค้าแล้วให้นำส่งเงินดังกล่าวแก่ ธ.ก.ส. ภายใน ๗ วัน นับจากวันที่ได้รับเงิน หากล่าช้าให้ชำระเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี เพื่อ ธ.ก.ส. จะได้นำไปชำระหนี้และลดภาระหนี้เงินกู้ต่อไป ทั้งนี้ ให้ ธ.ก.ส. ชำระคืนแหล่งเงินกู้ทันทีหรือภายใน ๓ วันทำการ โดยให้ชำระคืนเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าก่อนเป็นลำดับแรก ๑.๖ ให้หน่วยงานดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง ได้แก่ สถาบันเกษตรกรและองค์การสวนยาง หน่วยงานดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๔/๕๕ โดยองค์การคลังสินค้า (อคส.) และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี ๒๕๕๕ โดย อคส. และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ดูแลคลังสินค้า (Stock) ของโครงการฯ ไม่ให้มีการสูญหาย เว้นแต่จะมีการเสื่อมคุณภาพของสินค้าตามปกติ แต่หากมีการสูญหายหรือสินค้าเสื่อมคุณภาพเพราะความบกพร่อง หน่วยงานดังกล่าวจะต้องชดใช้ให้แก่รัฐ เนื่องจากได้รับอนุมัติวงเงินจ่ายขาดสำหรับค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาสินค้าแล้ว ทั้งนี้ ให้ อคส. และ อ.ต.ก. ปิดบัญชีโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๔/๕๕ และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี ๒๕๕๕ และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๒ ปี นับตั้งแต่เริ่มดำเนินการโครงการฯ ๑.๗ ให้กระทรวงพาณิชย์แต่งตั้งคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๔/๕๕ และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี ๒๕๕๕ รวมทั้งให้คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง เพื่อดำเนินการปิดบัญชีโครงการดังกล่าว หลังจากครบกำหนดไถ่ถอน และ/หรือสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ และให้กระทรวงพาณิชย์เร่งระบายผลิตผล เพื่อลดความเสี่ยงด้านการจัดหาเงินทุน และภาระการค้ำประกันของกระทรวงการคลัง โดยมีกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง (สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง) สำนักงบประมาณ และ ธ.ก.ส. ร่วมติดตามการระบายผลิตผลอย่างใกล้ชิด และให้มีการปิดบัญชีเป็นปี ๆ ไป โดยให้แล้วเสร็จภายใน ๙๐ วัน นับตั้งแต่วันสิ้นสุดรอบปีบัญชี ๑.๘ ให้กระทรวงพาณิชย์และคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติกำกับ ติดตาม ควบคุม รวมทั้งรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงาน การเบิกจ่ายเงิน การระบายสินค้า ปริมาณและมูลค่าสินค้าคงเหลือ รวมทั้งปัญหา อุปสรรคที่เกิดขึ้นสำหรับโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๔/๕๕ โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี ๒๕๕๕ ให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกวันที่ ๗ ของเดือนถัดไป จนกว่าหนี้คงค้างได้รับชำระครบถ้วน เพื่อให้คณะรัฐมนตรีสามารถติดตามการดำเนินงานได้อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้รายงานการระบายสินค้า ปริมาณ และมูลค่าของสินค้าคงเหลือ ให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ) และสำนักงบประมาณทราบทุกรายไตรมาส ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งระบายผลผลิตให้เสร็จสิ้นโดยเร็วเพื่อไม่ให้สินค้าเสื่อมสภาพ ส่งผลให้ราคาสินค้าตกต่ำ และเพื่อจะได้รับรู้ผลกำไร/ขาดทุนของพืชแต่ละชนิดโดยแท้จริง รวมทั้งควรพิจารณาวางแผนเพื่อเร่งระบายผลผลิตอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว แยกบัญชีการดำเนินงานให้ชัดเจน และดำเนินการปิดบัญชีโครงการเพื่อลดภาระงบประมาณแผ่นดินที่จะต้องนำไปชำระเป็นต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพื่อให้มีเงินกลับเข้ามาในระบบสำหรับนำมาใช้ในโครงการอื่นด้วย นอกจากนี้ ควรสนับสนุนการนำผลผลิตที่รับจำนำ/ซื้อมาสร้างมูลค่าเพิ่มและแปรรูปสินค้าเพื่อจำหน่ายทั้งภายในและต่างประเทศ เร่งส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว มันสำปะหลัง และยางพารา ดำเนินการลดต้นทุนการผลิตควบคู่ไปด้วย เพื่อให้สามารถแข่งขันได้เมื่อมีการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ และเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ที่ดี นอกเหนือจากการรับจำนำผลผลิตหรือแทรกแซงตลาดสินค้าเกษตร ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
31206 | การติดตามผลการดำเนินงาน การฟื้นฟู เยียวยาและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย | นร | 29/03/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงาน การฟื้นฟู เยียวยาและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในกลุ่มผู้ประสบอุทกภัยที่สำคัญคือ ประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท) ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. มหาอุทกภัย (จังหวัดต่าง ๆ และกรุงเทพมหานคร) ๑.๑ จังหวัดต่าง ๆ รวม ๕๕ จังหวัด ในภาพรวม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้สำรวจและแจ้งธนาคารออมสินแล้ว จำนวน ๑,๒๕๕,๕๗๖ ครัวเรือน เป็นเงิน ๖,๒๗๗.๘๘ ล้านบาท ณ ปัจจุบัน (๒๕ มีนาคม ๒๕๕๕) ธนาคารออมสินจ่ายจริงถึงมือประชาชนแล้ว จำนวน ๑,๒๓๕,๘๘๒ ครัวเรือน เป็นเงิน ๖,๑๗๙.๔๑ ล้านบาท หรือเฉลี่ยร้อยละ ๙๘.๔๓ ของยอดที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแจ้ง ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบยอดการจ่ายจริงถึงมือประชาชนกับยอดที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสำรวจและแจ้งธนาคารออมสินแล้ว ปรากฏว่ามี ๕๒ จังหวัด ที่มียอดจ่ายจริงถึงมือประชาชนเกินกว่าร้อยละ ๙๐ โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับร้อยละ ๙๖.๑๙ โดยมีจังหวัดที่มีผลการเบิกเกินร้อยละ ๙๐ มากขึ้นจากการรายงานครั้งก่อน รวม ๑ จังหวัด และมี ๓ จังหวัด ที่มียอดการจ่ายจริงถึงมือประชาชนต่ำกว่าร้อยละ ๙๐ โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับร้อยละ ๘๓.๒๘ ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ปทุมธานี และสมุทรสาคร ๑.๒ กรุงเทพมหานคร ภาพรวม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสำรวจและแจ้งธนาคารออมสินแล้ว จำนวน ๕๙๘,๐๕๑ ครัวเรือน เป็นเงิน ๒,๙๙๐.๒๖ ล้านบาท ณ ปัจจุบัน (๒๕ มีนาคม ๒๕๕๕) ธนาคารออมสินจ่ายถึงมือประชาชนแล้ว จำนวน ๕๕๕,๑๔๙ ครัวเรือน เป็นเงิน ๒,๗๗๕.๗๕ ล้านบาท หรือเฉลี่ยร้อยละ ๙๒.๘๓ ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบยอดการจ่ายจริงถึงมือประชาชนกับยอดที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสำรวจและแจ้งธนาคารออมสินแล้ว ปรากฏว่ามี ๓๓ เขต ที่มียอดจ่ายจริงถึงมือประชาชนเกินกว่าร้อยละ ๙๐ โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับร้อยละ ๙๓.๕๗ โดยมีเขตที่มีผลการเบิกเกินร้อยละ ๙๐ เพิ่มขึ้นจากการรายงานครั้งก่อน รวม ๑๘ เขต และมี ๙ เขต ที่มียอดการจ่ายจริงถึงมือประชาชนต่ำกว่าร้อยละ ๙๐ ๒. อุทกภัยอื่น เป็นการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท โดยแยกในแต่ละอุทกภัยที่เกิดขึ้นคือ อุทกภัยวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ รวม ๘ จังหวัด ๑๔,๓๒๑ ครัวเรือน อุทกภัยวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ รวม ๑๐ จังหวัด ๒๕๕,๖๖๗ ครัวเรือน วาตภัยและคลื่นลมแรงวันที่ ๒๘ ตุลาคม, ๒๘ พฤศจิกายน, ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ รวม ๖ จังหวัด ๑,๘๙๗ ครัวเรือน ในภาพรวมเป็นอุทกภัยที่เกิดในจังหวัดภาคใต้ ๑๑ จังหวัด ภาคตะวันออก ๑ จังหวัด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้สำรวจและแจ้งธนาคารออมสินแล้ว จำนวน ๒๒๖,๙๐๙ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑,๑๓๔.๕๕ ล้านบาท ณ ปัจจุบัน (๒๕ มีนาคม ๒๕๕๕) ธนาคารออมสินจ่ายถึงมือประชาชนแล้ว จำนวน ๑๗๕,๐๓๓ ครัวเรือน เป็นเงิน ๘๗๕.๑๗ ล้านบาท โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับร้อยละ ๗๗.๑๔ เพิ่มขึ้นจากการรายงานครั้งก่อนร้อยละ ๔๐.๖๐
|
||||||||||||||||||||||||
31207 | รายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ | นร | 29/03/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบรายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ วงเงิน ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑.๑ การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๖๔ หน่วยงาน เป็นเงิน ๑๑๕,๑๔๙.๙๗๓ ล้านบาท ไม่มีการจัดสรรเพิ่มเติม ๑.๑.๑.๑ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายสะสม ณ เดือนมีนาคม ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๕๖,๒๖๒.๐๕๗ ล้านบาท เปรียบเทียบกับแผนฯ ณ เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๔๑,๗๘๓.๐๓๗ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑๔,๔๗๙.๐๑๙ ล้านบาท คิดเป็น ๓๔.๖๕ ๑.๑.๑.๒ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการแล้วมีการเบิกจ่ายสะสม ณ วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๓๙,๖๙๔.๙๐๖ ล้านบาท เปรียบเทียบกับผลการเบิกจ่าย ณ วันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๓๗,๒๑๒.๒๙๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๒,๔๘๒.๖๑๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖.๖๗ ๑.๑.๑.๓ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจลงนามในสัญญาแล้ว เป็นเงิน ๔๙,๕๑๑.๔๒๑ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๓.๐๐ ของวงเงินจัดสรร และยังไม่ลงนามในสัญญา เป็นเงิน ๖๕,๖๓๘.๕๕๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕๗.๐๐ ของวงเงินจัดสรร ๑.๑.๒ สถานะการเบิกจ่าย จำแนกออกเป็น ๓ กลุ่ม ๑.๑.๒.๑ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ยังไม่เบิกจ่าย ประกอบด้วย (๑) ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ยังไม่เบิกจ่ายเนื่องจากยังไม่ถึงกำหนดการใช้จ่ายตามแผนฯ จำนวน ๑๓ หน่วยงาน วงเงินจัดสรร ๑๐,๓๘๑.๑๘๑ ล้านบาท มีการลงนามในสัญญาแล้ว จำนวน ๓ หน่วยงาน เป็นเงิน ๒๐๗.๒๓๖ ล้านบาท ที่เหลืออีก จำนวน ๑๐ หน่วยงาน ส่วนใหญ่อยู่ระหว่างดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง และมีการลงนามในสัญญาแล้วบางส่วนแต่อยู่ระหว่างการบันทึกข้อมูลการลงนามในสัญญาจัดซื้อ หรือ Purchase Order : PO ในระบบระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์” หรือ ระบบ Government Fiscal Management System : GFMIS และ (๒) ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ถึงกำหนดการใช้จ่ายตามแผนฯ แล้ว แต่ยังไม่มีการเบิกจ่าย จำนวน ๑๐ หน่วยงาน วงเงินจัดสรร ๓,๐๓๙.๓๕๑ ล้านบาท เนื่องจากอยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง โดยมีการลงนามในสัญญาแล้ว จำนวน ๑ หน่วยงาน เป็นเงิน ๓.๖๙๘ ล้านบาท ๑.๑.๒.๒ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่มีการเบิกจ่ายสะสมต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ เมื่อเปรียบเทียบกับแผนการใช้จ่ายสะสม ประกอบด้วย (๑) ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่มีการเบิกจ่ายสะสมต่ำกว่าร้อยละ ๓๐ จำนวน ๑๖ หน่วยงาน ได้รับวงเงินจัดสรรทั้งสิ้น ๕๒,๓๕๔.๒๓๗ ล้านบาท มีการลงนามในสัญญาแล้ว จำนวน ๑๖ หน่วยงาน เป็นเงิน ๑๐,๒๓๔.๐๙๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๙.๕๕ ของวงเงินจัดสรร (๒) ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่มีการเบิกจ่ายสะสมระหว่างร้อยละ ๓๐ ถึง ๕๐ จำนวน ๔ หน่วยงาน ได้รับวงเงินจัดสรรทั้งสิ้น ๓,๒๖๗.๒๑๗ ล้านบาท มีการลงนามในสัญญาแล้ว จำนวน ๔ หน่วยงาน เป็นเงิน ๑,๐๘๒.๗๔๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๓.๑๔ ของวงเงินจัดสรร และ (๓) ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่มีการเบิกจ่ายสะสมระหว่างร้อยละ ๕๐ ถึง ๘๐ จำนวน ๘ หน่วยงาน ได้รับวงเงินจัดสรรทั้งสิ้น ๗,๑๔๙.๕๓๖ ล้านบาท มีการลงนามในสัญญาแล้ว จำนวน ๘ หน่วยงาน เป็นเงิน ๑,๗๙๘.๕๓๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒๕.๑๖ ของวงเงินจัดสรร ๑.๑.๒.๓ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่มีการเบิกจ่ายสะสมสูงกว่าร้อยละ ๘๐ จำนวน ๑๓ หน่วยงาน ได้รับวงเงินจัดสรรทั้งสิ้น ๓๘,๙๕๘.๔๕๒ ล้านบาท มีการลงนามในสัญญาแล้ว จำนวน ๑๓ หน่วยงาน เป็นเงิน ๓๖,๑๘๕.๑๑๑ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๒.๘๘ ของวงเงินจัดสรร ๑.๒ เห็นชอบแนวปฏิบัติ ดังนี้ ๑.๒.๑ กรณีที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ยังมิได้ดำเนินการหรือยังมิได้เบิกจ่าย หรือเบิกจ่ายล่าช้ากว่าแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายสะสม ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดเร่งรัดส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง/ลงนามในสัญญา หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณภายในวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๕ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง รายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลางรายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ) เพื่อให้สามารถดำเนินการได้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยได้อย่างเหมาะสม ๑.๒.๒ กรณีที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ลงนามในสัญญาแล้ว และมีวงเงินจัดซื้อจัดจ้างหรือวงเงินดำเนินการเองต่ำกว่าวงเงินที่ได้รับการจัดสรร ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดำเนินการจัดสรรงบประมาณคืนสำนักงบประมาณโดยด่วนภายใน ๑๕ วัน หลังจากทราบผลการจัดซื้อจัดจ้างหรือวงเงินดำเนินการเองตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๕ ๑.๒.๓ หากส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจยังไม่ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในขั้นตอนการประกวดราคา หรือกรณีดำเนินการเองที่ยังไม่ได้เริ่มปฏิบัติงานตามแผนฯ ภายในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ ให้สำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกันพิจารณาความเหมาะสมและความจำเป็นในการดำเนินการโครงการอีกครั้ง หากเป็นโครงการที่อยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ของแผนงานตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ก็ให้แจ้งส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจให้นำเสนอโครงการดังกล่าวต่อคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เพื่อพิจารณาใช้จ่ายเงินกู้ดังกล่าวต่อไป ๒. ให้สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีที่ทบทวนโครงการแล้วปรากฏว่ามีความจำเป็นที่ต้องดำเนินการและเป็นโครงการที่ไม่เป็นลักษณะเฉพาะที่ต้องดำเนินการโดยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง ให้สามารถปรับเปลี่ยนหน่วยงานเจ้าของโครงการที่มีความพร้อมมากกว่าได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ในการรายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการฯ ในสัปดาห์ต่อ ๆ ไป ให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประมวลผลข้อมูลการเบิกจ่ายและผลการดำเนินงานโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการให้เสร็จสิ้นทุกวันพุธ เพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีในวันพฤหัสบดี และนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายในวันอังคารสัปดาห์ถัดไป เพื่อที่รัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้องจะได้นำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในการตรวจสอบและติดตามการดำเนินโครงการต่าง ๆ ในความรับผิดชอบได้อย่างรวดเร็วต่อไป ๔. ให้รัฐมนตรีนำข้อมูลตามรายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการฯ ไปตรวจสอบและติดตามการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในความรับผิดชอบ โดยเฉพาะโครงการในกลุ่มที่ถึงกำหนดตามแผนฯ แล้วแต่ยังไม่ได้เบิกจ่าย กลุ่มที่เบิกจ่ายต่ำกว่าร้อยละ ๓๐ และกลุ่มที่เบิกจ่ายระหว่างร้อยละ ๓๐ - ร้อยละ ๕๐ และให้รายงานสถานะความก้าวหน้าล่าสุด ตลอดจนปัญหาอุปสรรคและสาเหตุของความล่าช้าในการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีในคราวประชุมครั้งต่อไปในวันจันทร์ที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๕ |
||||||||||||||||||||||||
31208 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ) | ศธ | 29/03/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นางรัตนา ศรีเหรัญ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายปัญญา แก้วกียูร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางสาวอาภรณ์ แก่นวงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นางผานิตย์ มีสุนทร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||
31209 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองลงนามระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 20 (ร่างแถลงการณ์เกี่ยวกับพิธีสารของสนธิสัญญา ว่าด้วยเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ฯ) | กต | 29/03/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์เกี่ยวกับพิธีสารของสนธิสัญญาว่าด้วยเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Draft Statement on the Protocol to the Treaty on Southeast Asia Nuclear Weapon - Free Zone) ซึ่งมีพิธีสารต่อท้ายสนธิสัญญาว่าด้วยเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Protocol to the Treaty on the Southeast Asia Nuclear Weapon - Free Zone) แนบท้าย ซึ่งจะลงนามโดยรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๕ มีสาระสำคัญเพื่อระบุว่า พิธีสารต่อท้ายสนธิสัญญาว่าด้วยเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้จะเป็นพิธีสารที่กล่าวถึงในสนธิสัญญาว่าด้วยเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จัดทำขึ้นเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๓๘ โดยพิธีสารจะระบุว่า รัฐอาวุธนิวเคลียร์จะเคารพสนธิสัญญาฯ และไม่ใช้หรือข่มขู่ที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์กับรัฐภาคีสนธิสัญญาฯ รวมทั้งจะไม่ทิ้งลงทะเลหรือปล่อยสู่บรรยากาศซึ่งวัสดุหรือกากกัมมันตรังสีใด ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมลงนามในเอกสารดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||
31210 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองหรือลงนามระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 20 (ร่างปฏิญญาพนมเปญว่าด้วยอาเซียน : หนึ่งประชาคม หนึ่งจุดมุ่งหมาย) | กต | 29/03/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาพนมเปญว่าด้วยอาเซียน : หนึ่งประชาคม หนึ่งจุดมุ่งหมาย (Phnom Penh Declaration on ASEAN : One Community, One Destiny) ซึ่งจะรับรองโดยผู้นำอาเซียน มีสาระสำคัญเพื่อแสดงความสนับสนุนการเป็นประธานอาเซียนของกัมพูชาในปี ๒๕๕๕ ภายใต้หัวข้อ “อาเซียน หนึ่งประชาคม หนึ่งจุดมุ่งหมาย” เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และสร้างความเป็นเอกภาพและความสมานฉันท์ เพื่อก้าวสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี ๒๕๕๘ และภายหลังปี ๒๕๕๘ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นแก้ไขร่างเอกสารที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๒. ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารดังกล่าว |
||||||||||||||||||||||||
31211 | การเสนอชื่อผู้สมัครจากประเทศไทยเข้ารับการคัดเลือกสมาชิกองค์กรอุทธรณ์ขององค์การการค้าโลก | พณ | 29/03/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเสนอชื่อ ดร. ธเนศ สุจารีกุล เป็นผู้สมัครไทยเข้ารับการคัดเลือกสมาชิกองค์กรอุทธรณ์ขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) และอนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเสนอชื่อบุคคลดังกล่าวต่อองค์กรระงับข้อพิพาทของ WTO รวมถึงดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนผู้สมัครไทยในกระบวนการคัดเลือกสมาชิกองค์กรอุทธรณ์ของ WTO ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศประสานประเทศต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนผู้สมัครไทยเข้ารับการคัดเลือกเป็นสมาชิกองค์กรอุทธรณ์ของ WTO
|
||||||||||||||||||||||||
31212 | ขอถอดถอนรายชื่อกรรมการองค์การจัดการน้ำเสียเฉพาะรายนายสมเจตน์ ชัยเฉลิมปรีชา และขอแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย | ทส | 29/03/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติถอดถอนรายชื่อนายสมเจตน์ ชัยเฉลิมปรีชา ออกจากการเป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ มีนาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ๒. เห็นชอบแต่งตั้งนายเดช บุบผาวัลย์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ มีนาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
31213 | การเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (2 เมษายน 2555) | นร | 29/03/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องจากนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาในวันอังคารที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๕ จึงเห็นควรเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี จากวันอังคารที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๕ เป็นวันจันทร์ที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๕
|
||||||||||||||||||||||||
31214 | ญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณากรณีเหตุระเบิดในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส และสถานการณ์ความไม่สงบ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | สผ | 20/03/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณากรณีเหตุระเบิดในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส และสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (นายสุรเชษฐ์ แวอาแซ เป็นผู้เสนอด้วยวาจา) และผลการดำเนินการตามญัตติด่วนดังกล่าว ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
31215 | การจัดทำสัญญาเช่าอาคารที่ทำการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงซันติอาโก | พณ | 20/03/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมส่งเสริมการส่งออกก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ รายการค่าเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงซันติอาโก ในวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาสัญญาเช่าทั้งสิ้น ๘,๖๘๙,๙๐๐ บาท หรือเท่ากับ ๒๘๐,๓๒๐ ดอลลาร์สหรัฐ คิดอัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๑ บาท หรือไม่เกินวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาเช่าตามสกุลเงินท้องถิ่น กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน โดยเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๓๕,๐๔๐ ดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ ๑,๐๘๖,๒๔๐ บาท ส่วนงบประมาณที่เหลือให้กรมส่งเสริมการส่งออกเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๕๙ ตามความจำเป็นต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
31216 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา เรื่อง ผลกระทบทางด้านสุขภาพที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ | สว | 20/03/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา เรื่อง ผลกระทบทางด้านสุขภาพที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการดังกล่าว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้
๑. กรมควบคุมโรค ได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมในการเฝ้าระวังโรคติดต่อต่าง ๆ รวมทั้งศึกษาวิจัยเพื่อคาดการณ์โรคติดต่อที่สำคัญที่มีความเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และได้จัดตั้งศูนย์แก้ไขปัญหาอุทกภัยและศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาภัยหนาวด้านการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อเตรียมพร้อมและรับมือกับปัญหาดังกล่าวซึ่งคาดการณ์ว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะทำให้ผลกระทบต่อสุขภาพจากภัยหนาวและอุทกภัยมีความรุนแรงมากขึ้น ๒. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ดำเนินการศึกษาวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างความเข้าใจที่ชัดเจนเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยศึกษาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมต่อโรคไข้เลือดออกและยุงพาหะ เพื่อให้ได้ข้อมูลการคาดการณ์การเกิดโรคไข้เลือดออกเชิงพื้นที่ และจัดทำแผนที่ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) แสดงสถานะเชิงพื้นที่ของโรคไข้เลือดออก ประชากรยุงพาหะ และการดื้อสารเคมีในระดับพันธุกรรม และปัจจัยที่เกี่ยวข้องในสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ๓. กรมอนามัย ได้ดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศใน ๒ ส่วน ได้แก่ การลดก๊าซเรือนกระจก (Mitigation) โดยดำเนินกิจกรรมเพื่อสนับสนุนให้ลดก๊าซเรือนกระจกในสถานบริการสาธารณสุข เพื่อเป็นแบบอย่างในการดำเนินงานลดโลกร้อนและเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับบุคลากรสาธารณสุขเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการปรับตัว (Adaptation) โดยพัฒนาองค์ความรู้เรื่องผลกระทบต่อสุขภาพที่มีความเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้แก่ การดำเนินโครงการศึกษาผลกระทบต่อสุขภาพจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจัดทำแผนที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายในการป้องกันและควบคุมโรคที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งผลักดันให้เกิดแผนแม่บทด้านสาธารณสุขด้านการปรับตัวเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขในการลดหรือป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๔. กรมสุขภาพจิต ได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมในการฟื้นฟูเยียวยาจิตใจผู้ประสบภัยจากภัยธรรมชาติ พัฒนาแนวปฏิบัติการช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตในภาวะวิกฤต การเตรียมความพร้อมบุคลากรที่ปฏิบัติงาน และเครื่องมือเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอันเกิดจากภัยพิบัติต่าง ๆ ๕. กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้จัดทำองค์ความรู้เรื่องผลกระทบต่อสุขภาพจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ ความตระหนักเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพ รวมทั้งแนวทางการปรับตัวเพื่อรับมือกับผลกระทบอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และได้ดำเนินการรวมกับกรมควบคุมโรคในการแก้ไขปัญหาภัยหนาวด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยสำรวจกลุ่มเสี่ยง เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการเฝ้าระวังด้านสุขภาพและเป็นฐานข้อมูลร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ในพื้นที่ในการให้ความช่วยเหลือต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
31217 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด กรณี นายทรงศักดิ์ สำราญสุข ฟ้องนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 3 คน ต่อศาลปกครองสูงสุด | อส | 20/03/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ ฟ. ๖/๒๕๕๕ ซึ่งมีคำพิพากษายกฟ้องคดีหมายเลขดำที่ ฟ. ๓๕/๒๕๕๑ ระหว่างนายทรงศักดิ์ สำราญสุข ผู้ฟ้องคดี นายกรัฐมนตรี กับพวกรวม ๓ คน ผู้ถูกฟ้องคดีเรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
31218 | ญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก และญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแก้ไขปัญหาน้ำท่วมหลายพื้นที่ทั่วประเทศ | สผ | 20/03/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก (นายอำนวย คลังผา เป็นผู้เสนอ) และญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแก้ไขปัญหาน้ำท่วมหลายพื้นที่ทั่วประเทศ (นายวรงค์ เดชกิจวิกรม เป็นผู้เสนอ) และผลการดำเนินการตามญัตติด่วนดังกล่าว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
31219 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) | นร | 20/03/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสุรชัย นิระ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการประสานกิจการความมั่นคง (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
31220 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายวัฒนชัยฯ) | สธ | 20/03/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายวัฒนชัย สุแสงรัตน์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลขอนแก่น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๔ ๒. นายรณไตร เรืองวีรยุทธ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม) กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลแม่สอด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๔
|
.....